คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : การเริ่มต้น
หญิงสาวผมยาวปล่อยชายให้ยาวสลวยเคลียถึงกลางหลัง ไม่ได้สวยสะดุดตาดังเช่นดาราหรือนางแบบก็จริง ทว่าหล่อนกลับน่ามองในแบบของตัวเอง ดวงหน้าขาวผุดผาดเกลี้ยงเกลาไร้ร่องรอยของเครื่องสำอาง ประดับด้วยดวงตากลมโตที่มีปลายเฉียงน้อยๆ ลูกนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนใสที่ตรงจุดกึ่งกลางกลับเป็นสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำดูราวกับลูกตากวาง เปลือกตากว้างที่มีรอยพับเด่นชัดมีแพขนตาทั้งหนาทั้งยาว และเหนือขึ้นไปคือคิ้วเรียวเข้มพาดเฉียงขึ้นเป็นแนวได้ระดับกับดวงตา ไล่เรื่อยลงมาคือจมูกปลายเชิดรั้นที่โด่งพองาม
พวงแก้มอิ่มเต็มไปด้วยเลือดฝาดแห่งวัยสาวเรื่อสีชมพูทั้งสองข้าง ดูเป็นคนมีสุขภาพดีรับกับโครงหน้าเรียวรูปไข่ ริมฝีปากบางอิ่มเล็กน้อยมักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้างที่เผยให้เห็นลักยิ้มตรงแก้มใสด้านขวากับฟันเรียงรายอย่างเป็นระเบียบน่ามอง
สายลมสาวน้อยร่างบางในชุดนักศึกษาเข้ารูปพอดีตัว นั่งอยู่ม้าหินอ่อนข้างตึกคณะวิทยาศาสตร์ หล่อนกำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองภาพวาดล้อเลียนเพื่อนสาวในมือ ที่เธอบรรจงวาดขึ้นในคาบเรียนวิชาหนึ่งที่สุดแสนจะน่าเบื่อ อย่างอารมณ์ดี
......................ตุ๊บบบบบบ !!!!!!!!!!!!..................
“โอ้ย !”
สายลมกุมหัวทันที เมื่อรู้สึกเหมือนถูกของแข็งๆ กระทบเข้ากับหัวหล่อนอย่างจัง
“ช่วยไม่ได้นะ เธอนั่งยังอีท่าไหนปล่อยให้ลูกบาสหล่นใส่หัวได้”
นี่ฉันฟังอะไรผิดไปหรือเปล่าเนี่ย อีตาบ้านี่พูดอะไรอย่างนั้นออกมา ฉันเป็นฝ่ายเจ็บตัวแท้ๆ
หล่อนค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา แม้ว่าความเจ็บปวดยังไม่หายดี อาการชาบนใบหน้ายังคงตราตรึงอยู่แม้ว่าจะทุเลาลงบ้างแล้ว และที่สำคัญเธอยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นผู้ฝากรอยเจ็บนี้ไว้ให้เธอ
“แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า เธอออกจะถึกขนาดนี้ ฉันไปล่ะนะ”
สายลมหันไปมองยังต้นตอของเสียง ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กว่าชายไทยทั่วไป สวมเสื้อกล้ามสีขาวแถบแดงรอบแขนกับกางเกงขาสั้นสีขาว หล่อนแอบลอบมองพิจารณาชายหนุ่ม
ผิวขาวไล้สีแทนทำให้ดูสมเป็นชายชาตรี ขนคิ้วหนารับกับนัยน์ตาสีดำเข้ม จมูกโด่งเป็นสันยาวราวกับปั้นแต่งขึ้น อีกทั้งริมฝีปากเรียวบาง ช่างดูเข้ากันทั้งใบหน้าเสียจริงๆ หล่อนแอบคิดในใจ
หล่อ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หญิงสาวทำหน้าเคลิ้มชวนฝัน เหมือนลืมไปแล้วว่าหล่อนเพิ่งโดนเขาทำร้ายมาหยกๆ ความเจ็บปวดเมื่อซักครู่ คงมลายหายไปหมดแล้ว
“นี่เธอ โดนลูกบาสตกใส่หัวแค่นี้ถึงกับเพี้ยนไปเลยเหรอ แน่ะ! ยังจะมายิ้มอยู่อีก”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้หล่อนตื่นจากภวังค์ทันที และเริ่มรู้สึกตัว ว่าได้แสดงกิริยาที่ไม่สมควรออกไปอย่างเห็นได้ชัด
ยัยสายลม เอ้ย เฉิ่มเบ๊อะเหลือเกินนะหล่อน ไปมองตาค้างซะจนเขารู้ตัวขนาดนั้น น่าขายหน้าชะมัด
“ขอโทษค่ะ”
สายลมโค้งก้มหัวลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยออกมาด้วยเสียงตะกุกตะกัก
“เออ ไม่เป็นไร คราวหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน”
หล่อนยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้น จนรู้สึกว่าเขาได้เดินจากไปแล้ว จึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นเป็นปกติ พลางถอนหายใจออกมาแรงๆ เหมือนโล่งอกราวกับว่าหล่อนได้ทำความผิดร้ายแรงมาอย่างนั้นแหละ
มือเรียวยาวเอื้อมมากุมที่หัวเบาๆอีกครั้ง และยิ่งรู้สึกเจ็บขึ้นเมื่อพบว่า หัวหล่อนมีอาการปูดบวม เพราะแรงกระแทกของลูกบาสเมื่อซักครู่ ซึ่งมันหนักหน่วงเอาการอยู่ไม่ใช่น้อย
เอ๊ะ! เมื่อกี้เราโดนลูกบาสขว้างหัวนี่หว่า แล้วทำไมฉันต้องไปขอโทษ ตานั่นด้วย
สายลมคิดได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นจากที่นั่งเดินตรงไปยังสนามบาสที่อยู่ข้างๆลานจอดรถ ซึ่งไม่ไกลจากที่หล่อนนั่งซักเท่าไหร่
ภาพที่หล่อนเห็นคือ ผู้ชายร่างสูงใหญ่สิบคนกำลังแย่งลูกบาสกันอย่างเอาเป็นเอาตายในสนาม หนึ่งในนั้นก็คือเป้าหมายของหล่อนนั่นเอง
“น้องครับ อยากเล่นบาสกับพวกพี่เหรอครับ”
ปกป้องชายหนุ่มตัวสูงผอม หน้าเหลี่ยมนิดๆ ในกลุ่มแซวขึ้น เมื่อเห็นหล่อนยืนตีสีหน้าเคร่งอยู่ข้างสนาม สายตาจ้องมองไปยังเป้าหมายด้วยแววอาฆาตสุดฤทธิ์
“ขอยืมลูกบาสแป๊บดิ”
สายลมเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเยือกเย็นผิดวิสัยธรรมดา
สนามบาสทั้งสนามนิ่งเงียบไร้การเคลื่อนไหวราวกับถูกต้องมนต์สะกดจากหญิงสาว สายตานับสิบคู่จับจ้องมาทางหล่อนอย่างสนใจ คงอยากรู้ว่าหล่อนจะทำอะไรกันแน่
ปอนด์ซึ่งกำลังถือลูกบาสอยู่ ยื่นส่งให้หญิงสาวตรงหน้า อย่างงงๆ
ตุ๊บบบบ!!!!!!!!
“นี่แน่ะ สำหรับเมื่อกี้ ที่นายทำกับฉัน”
สายลมถือลูกบาสไว้แน่นพลางใช้กำลังที่มีอยู่ทั้งหมดเงื้อมือขว้างตรงไปยัง ชายหนุ่มเป้าหมายของหล่อนกะจะให้โดนหัวอย่างจังๆ แต่ดันพลาดไปโดนไหล่แทน ก่อนที่จะวิ่งหายออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว
“เจ็บ แมร่งชิบ ยัยบ้า นั่นเป็นใครวะ”
ชายหนุ่มผู้ถูกกระทำชักสีหน้ามุ่ย พลางลูบตรงหัวไหล่ ที่ถูกลูกบาสปาเข้าใส่อย่างเต็มแรง จนเห็นเป็นรอยจ้ำแดงๆ
“ไอ้หิน แกไปทำอะไรเธอไว้เปล่าวะ ถึงโดนเล่นขนาดนี้ ฮ่าๆๆๆๆ”
เอกเอ่ยหยอกเพื่อนซี้อย่างอารมณ์ดี
“จะอะไรซะอีกล่ะว้า ก็มันคงไปหักอกผู้หญิงเขาไว้น่ะสิ เลยตามมาเอาคืน แต่ข้าเพิ่งเห็นรายนี้แหละวะ ที่เล่นแกซะแสบเลย”
บอลได้ทีกล่าวสำทับอีกระลอก ทำเอาคนที่ถูกเล่นงานเมื่อกี้ชักเกิดอาการเลือดขึ้นหน้า
หินหมดอารมณ์ที่จะเล่นบาสต่อ เขาเตะลูกบาสออกไปสุดแรง โดยที่ไม่สนใจว่ามันจะกระเด็นไปทางไหนหรือถูกใครเข้า
“ถ้าพวกแกไม่หุบปาก เดี๋ยวได้ลิ้มรสรองเท้าคู่นี้ของข้าแน่ๆ”
เขาไม่ใช่แค่ขู่เล่นๆ แต่กำลังจะถอดรองเท้าออกมา จนทำให้เพื่อนๆต่างวิ่งหนีแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากชายหนุ่มเล็กน้อย เขาเดินไปเก็บกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่วางไว้ริมขอบสนาม ก่อนจะเดินเข้าไปภายในตึก อันเป็นที่อยู่ของชมรมเขานั่นเอง
“สายลมเป็นอะไรไป ทำไมทำหน้ายังกะถ่ายไม่ออกมาหลายวันซะอย่างงั้นแหละ”
อ้อมดาวสาวร่างอวบอ้วน หน้าตาจิ้มลิ้ม ยิ้มทักมาแต่ไกล จนมองแทบจะไม่เห็นลูกตา เพราะแก้มยุ้ยของเจ้าหล่อนปิดไว้เกือบมิด
ดูมันทัก.....เห็นหน้ายัยอ้อมดาวทีไรนึกอยากกินข้าวขาหมูขึ้นมาทุกทีเชียวน่า
“ยังจะมาทำพูดดีอีก ฉันรอแกเป็นชาติแล้วมัวไปทำอะไรอยู่ยะ”
สายลมค้อนเพื่อนสาว ก่อนจะเดินนำหน้าไป
“รอกันหน่อยดิ...ว่าแต่วันนี้แกจะไปทำงานพิเศษที่มูลนิธิอีกปะ ถ้าไป เดี๋ยวฉันไปด้วย”
สายลมหยุดเดิน หันหลังกลับไปพยักหน้ารับ รอให้อ้อมดาวเดินมาที่หล่อนอยู่ ก่อนจะออกเดินไปพร้อมๆกัน
สายลมกับอ้อมดาว ทำงานพิเศษอยู่ที่มูลนิธิเด็กร่มไทรเป็นประจำทุกวันหลังเลิกกลับจากเรียนที่มหาวิทยาลัย ทั้งสองเป็นเพื่อนสาวที่สนิทกันที่สุดในบรรดาเพื่อนที่คบกัน สายลมเคยอาศัยอยู่ในมูลนิธิแห่งนี้มาก่อน พอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ หล่อนก็ได้รับทุนการศึกษาจากทั้งมหาวิทยาลัย และได้รับการอุปการะจากเจ้าของมูลนิธิ ให้การส่งเสียเล่าเรียน ทำให้สายลมมีโอกาสได้เรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้อย่างสบายๆ
สายลมเป็นคนที่มีความเข้มแข็ง อดทน และไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ โดยเฉพาะหล่อนเป็นพวกชอบผดุงคุณธรรม เห็นใครถูกรังแกเป็นไม่ได้ต้องเข้าไปช่วยเสียทุกครั้ง จนบางทีก็ทำให้หล่อนพลอยต้องเดือดร้อนไปด้วย
ตอนนี้สายลมไม่ได้อยู่ที่มูลนิธิแล้ว หล่อนอยู่หอใกล้ๆมอ ซึ่งก็ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าของมูลนิธิเช่นเคย ทำให้หล่อนซาบซึ้งในความเมตตาและคอยหาโอกาสตอบแทนบุญคุณของท่าน โดยการเข้าไปช่วยดูแลเด็กๆที่ถูกทอดทิ้ง ประจำทุกวันหลังเลิกเรียน แต่ท่านที่เป็นเจ้าของมูลนิธิก็ยังเมตตาต่อสายลมไม่มีที่สิ้นสุด สายลมได้ค่าตอบแทนจากการทำงานพิเศษของหล่อนทุกครั้ง แม้ว่าหล่อนจะปฏิเสธตลอดมา แต่ก็ไม่เคยได้ผล ทำให้สายลมยิ่งรักและเคารพต่อท่านเจ้าของมูลนิธิเป็นอย่างมาก
มูลนิธิร่มไทร ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเด็กๆที่ถูกทอดทิ้ง จากพ่อแม่ใจร้ายที่ไม่ต้องการ หรือไม่ก็เป็นเด็กที่พ่อแม่เสียชีวิต ไร้ที่พึ่งพิงอาศัย มูลนิธินี้ตั้งมานานมากแล้ว และมักจะได้รับการสนับสนุนจากสมาคมต่างๆของบรรดาไฮโซในสังคม เพราะเจ้าของมูลนิธิเป็นถึงนักธุรกิจใหญ่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย และมีอิทธิพลอยู่ในแวดวงสังคม
สายลมรู้แค่ว่าเจ้าของมูลนิธิที่หล่อนรักและเคารพอย่างมากมายนี้ ท่านชอบมาเยี่ยมที่มูลนิธิเป็นประจำเดือนละครั้ง ท่านผู้ชายและท่านผู้หญิง ทั้งสองดูเป็นคนมีเมตตา ดูแลเด็กๆรวมถึง การอุปการะหล่อนราวกับว่าเป็นเหมือนลูกหลาน บ่อยครั้งที่ท่านทั้งสองเรียกหล่อนเข้าไปคุย ทำให้หล่อนรู้สึกอบอุ่นราวกับได้มีครอบครัวที่อยู่พร้อมกันพ่อแม่ลูก ท่านเคยบอกว่าถ้าเรียนจบแล้วจะให้หล่อนไปทำงานกับท่าน......ความทรงจำในตัวท่านทั้งสองของสายลม ช่างดูงดงาม อบอุ่น และบริสุทธิ์เหลือเกิน
“พี่ลมฮะ ผมอยากฟังนิทานเรื่องบ้านแม่หมีต่อ คราวก่อนพี่ยังเล่าไม่จบเลย”
สายลมที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปยังที่มาของเสียง
เจ้าเมฆจอมป่วนมาอีกแล้ว คราวนี้จะมาไม้ไหนอีกเนี่ย!!!!!!
“ว่าแต่จะฟังนิทานต่อเนี่ย ทำงานที่ได้รับมอบหมายไว้เสร็จแล้วรึยังเอ่ย เจ้าตัวแสบ”
สายลมทำหน้าดุๆ พลางเอามือลูบหัวเมฆอย่างเอ็นดู
เมฆเด็กชายตัวน้อยวัย 9 ขวบกำลังซนอยู่ในมูลนิธินี้มาตั้งแต่เขาเกิดได้ใหม่ๆ สายลมยังจำหน้าแม่ของเด็กน้อยได้ดี หล่อนยังเป็นเด็กสาวที่ไม่ประสีประสาอะไร อุ้มลูกเข้ามาที่นี่ทั้งน้ำตา ที่บ้านหล่อนไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ส่วนคนที่มีส่วนทำให้เมฆเกิดมาก็ไม่รับผิดชอบ ทำให้แม่ของเขาไม่มีทางเลือกอื่น เลยตัดสินใจเอาเมฆมาฝากไว้ที่นี่ และสัญญาว่าจะกลับมารับถ้าหล่อนพร้อม หล่อนกล่าวด้วยเสียงสะอื้นทั้งน้ำตาที่อาบอยู่เต็มสองแก้ม ก่อนจะหันหลังเดินจากไป...แล้วสายลมก็ไม่เคยเห็นหน้าหล่อนคนนั้นอีกเลย ไม่รู้ว่าหล่อนจะลืมลูกน้อยแสนซนเหมือนลิงตรงหน้านี้ไปหรือยัง
“เมฆทำเสร็จหมดแล้วนะพี่ลม ไม่เชื่อพี่ลมไปดูได้เลย ขยะก็เอาไปทิ้งแล้ว ห้องโถงก็ถูจนสะอาดหมดแล้ว”
เด็กน้อยทำท่าทางจริงจัง พลางส่งสายตาวิงวอนมายังหญิงสาวตรงหน้า ที่เมฆทั้งรักและหวงนักหวงหนาราวกับเป็นพี่สาวของตัวเองจริงๆ
“ก็ได้ๆ เล่าต่อก็ได้ อืมมมม ว่าแต่วันก่อนพี่เล่าไว้ถึงไหนแล้วนะ”
“ก็ถึงตอนที่แม่หมีต้องออกไปหาอาหารให้ลูกหมีไง แต่ว่าแม่หมีกลัวว่าจะมีคนมาทำอันตรายลูกของตัวเองก็เลยลังเลว่าจะออกไปดีหรือเปล่า”
เด็กชายเล่าได้เป็นฉากๆ อย่างตั้งอกตั้งใจ จนสายลมอดที่จะกลั้นรอยยิ้มออกมาไม่ได้
เจ้าเมฆนี่ความจำดีจริงๆ เล่าได้ไม่ผิดเพี้ยนเลยแฮะ
“อืม งั้นพี่ต่อนะ”
เมฆพยักหน้างึกๆ ใบหน้าเด็กน้อยเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“อย่าทำหน้าแบบนี้ดิ พี่เล่าไม่ออกอ่ะ”
เด็กน้อยเริ่มทำหน้าหงิก เกาหัวอย่างงงๆ
“ฮ่าๆๆๆๆ เอาล่ะๆ ไม่แกล้งละ เล่าต่อๆ”
รอยยิ้มเริ่มปรากฏบนใบหน้าดวงน้อยๆอีกครั้ง
“ก็หลังจากที่แม่หมีเริ่มลังเลว่าจะทำยังไงดี ถ้าออกไปหาอาหารก็เป็นห่วงลูก แต่ถ้าไม่ออกไปก็ไม่มีอะไรให้ลูกกิน ดังนั้นแม่หมีเลยพาลูกหมีออกไปหาอาหารด้วยซะเลยไง เมฆว่าแม่หมีเจ๋งม้า....พี่ว่าน่าอิจฉาลูกหมีจังเลยเนอะ ที่มีแม่ทั้งรักทั้งเป็นห่วงลูกขนาดนี้”
สายลมหันไปยิ้มให้กับเมฆ แต่เด็กน้อยกลับก้มหน้านิ่ง ความร่าเริง ช่างพูด ช่างเจรจาหายไปไหนหมดแล้วนะ
“เมฆเป็นอะไรไปหรือเปล่าจ๊ะ พี่ลมทำอะไรให้เจ้าลิงตัวน้อยงอนเหรอ”
เด็กชายส่ายหน้าไปมาขณะที่ยังคงก้มหน้าอยู่
“พี่ลมฮะ พี่ลมว่าแม่ของเมฆจะคิดเหมือนแม่หมี รึเปล่าฮะ แม่เมฆจะคิดถึงเมฆ จะรักเมฆ แล้วก็จะเป็นห่วงเมฆเหมือนแม่หมีรึเปล่า...แต่เมฆว่าแม่คงลืมเมฆไปแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นป่านนี้แม่คงจะมารับเมฆไปอยู่ด้วยแล้ว”
สายลมเริ่มรู้สึกตัวว่าตนเองคงไปพูดจาอะไรทำให้เด็กน้อยกระทบกระเทือนใจเข้าให้แล้ว คิดได้ดังนั้นก็พลางโมโหตัวเองอยู่ลึกๆ
“ทำไมเมฆคิดอย่างนั้นล่ะ พี่ว่าแม่ทุกคนย่อมรักลูกกันทั้งนั้นแหละ แม่เมฆก็คงจะรักเมฆไม่น้อยไม่กว่าที่เมฆรักแม่หรอก อาจจะมากมายมหาศาล บางทีอาจจะมากกว่าเมฆอีกนะ แต่พี่ว่าแม่ของเมฆอาจจะมีเหตุผลบางอย่างก็ได้ ตอนนี้แม่อาจจะกำลังลำบาก เลยไม่อยากให้เมฆต้องไปลำบากอย่างแม่ ไว้แม่เมฆมีเงินเยอะๆพร้อมเมื่อไหร่ พี่เชื่อนะว่าแม่ต้องมารับเมฆแน่นอนจ๊ะ”
“พี่ลมว่าแม่จะไม่ลืมเมฆจริงๆเหรอฮะ”
สายลมรู้สึกเจ็บจี๊ดๆตรงหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะกัดฟันตอบ
“จ๊ะ พี่อยากให้เมฆเชื่อแบบนั้นนะ”
เด็กน้อยยิ้มกว้าง จนเห็นฟันเรียงซี่กันมีทั้งฟันผุฟันดำฟันหลอ จนทำให้สายลมเริ่มยิ้มออก พลางยกมือขึ้นลูกหัวเด็กชายเบาๆ ก่อนจะดึงเข้าไปกอดอย่างเอ็นดู
ความคิดเห็น