ตอนที่ 52 : ARC 6. เจ้าหญิง ผู้กล้า และจอมมาร [5]
วอลลิสสังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาดในกลุ่มผู้กล้า จากบันทึกทั้งหลายที่ตกทอดมาในตระกูลองครักษ์ล้วนแต่เล่าขานถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตท่ามกลางลำแสงเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ตกใส่ศีรษะ ทว่าผู้กล้าที่เขารับมือมาหลายวันนี้กลับไม่มีแสงสว่างอย่างที่ว่า คณะเด็กหนุ่มเด็กสาววัยไม่เกินสิบแปดปีที่น่าจะบดขยี้ด้วยมือข้างเดียวก็แหลกเหลวถึงกระดูกดูอ่อนหัดเกินกว่าจะเรียกว่าผู้กล้าได้ กระนั้นเขากลับไม่อาจสังหารพวกมันได้แม้แต่คนเดียว
นักดาบคนนั้นควรจะเป็นผู้กล้า เพราะดูแล้วมีฝีมือมากกว่าคนอื่นมากนัก แต่ความคิดอ่านกลับอ่อนหัด คิดแต่จะบุกตะลุยท่าเดียว หากเป็นศิษย์เขาจะจับฟาดให้ก้นลายแล้วโยนลงหน้าผาให้สัตว์ร้ายรุมกัดทึ้งจนกว่าจะสำเหนียกถึงความอ่อนหัดของตน
เด็กหนุ่มคนนั้นมีนัยน์ตาสีทองวาววับดูเจิดจรัสมั่นใจในตนเอง น้ำเสียงก้องกังวาน เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและมุมานะ ทว่าเขากลับไม่เคยเห็นดาบเล่มนั้นอาบย้อมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ดังเช่นบันทึกถึงเหล่าผู้กล้ากล่าวอ้างไว้แม้แต่ครั้งเดียว
หรือบันทึกเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นของปลอม จอมมารรุ่นก่อนๆว่างมากหรือ!
นักบวชหญิงก็อ่อนแอจนเกินกว่าจะช่วยประคองคนในกลุ่ม แค่เห็นเขาตัดศีรษะสัตว์อสูรที่เข้ามาขัดขวางก็ล้มคว่ำหน้ามืดไปเสียแล้ว ขนาดบาดแผลที่เขาแทงใส่ท้องนักดาบคนนั้นยังมือสั่นขาอ่อนแรงยามต้องรักษาให้ วอลลิสคิดว่าหากปล่อยไปตามยถากรรม คณะผู้กล้าที่อ่อนแอราวกับเด็กเล่นปาหี่นี้คงหายไปกับฝุ่นข้างทางได้เอง
ติดตรงที่ว่านักธนูในเงามืดคนนั้นมีฝีมือมาก เห็นเพียงเส้นผมสีขาวที่ถูกถักเป็นเปียกับลูกธนูที่พุ่งมาหาศีรษะเขาทุกครั้งราวคนจับวางยังรู้ว่าคนต้องงดงาม วอลลิสรู้ตัวว่าเทิดทูนความงาม มิเช่นนั้นตระกูลของเขาคงไม่ตามติดคอยรับใช้จอมมารทุกรุ่น นักธนูคนนั้นทำให้เขาไม่คิดกลับไปหาจอมมารเพื่อรายงานผลว่าคณะผู้กล้าครั้งนี้เปลืองสมองมากหากจะคำนึงถึงผลร้ายที่พวกเขาจะกระทำต่อปีศาจได้
ถ้าไม่ใช่เพราะนักเวทคนนั้นวางยาราซ มีหรือคณะผู้กล้าแสนอ่อนแอยิ่งกว่าเด็กปีศาจในห่อผ้าจะเข้ามายังป่านี้ได้ มังกรไฟเกรี้ยวโกรธเสียจนแทบเผาป่าวายวอด ยังดีว่าเขามาทันเสียก่อน พวกผู้กล้าจึงไม่ได้ถูกเผาจนเกรียม
แต่ที่ทำให้เขาเบื่อหน่ายมากที่สุดคือนักเวทอ่อนหัดนี่แหละ คิดจะล้มจอมมารแต่พระราชากลับกล้าส่งนักเวทที่แม้แต่สร้างเกราะกำบังขนาดเท่าบ้านหนึ่งหลังยังไม่ได้มานี่นะ ล้อเล่นหรือ!
สามคืนแล้วที่วอลลิสกำลังลังเลใจ เขาควรกลับไปหาจอมมารเพื่อรายงานเรื่องไร้สาระนี้ให้ทราบหรือทุ่มกำลังกำจัดให้สิ้นซากสมความตั้งใจเดิมดี แต่เพราะรู้ดีว่าคนเหล่านี้มิอาจแตะต้องได้แม้เพียงปลายผ้าคลุมของจอมมาร เขาจึงยังรั้งอยู่เพื่อยลโฉมนักธนูผู้นั้น
แล้วหากไม่งามอย่างที่คิดไว้เล่า
วอลลิสขมวดคิ้ว กลิ่นเนื้อย่างลอยเข้าจมูก ยังดีที่นักเวทอ่อนหัดราวทารกแรกเกิดไร้หัวคิดผู้นั้นพอมีฝีมือการทำอาหารอยู่บ้าง มิเช่นนั้นหากไม่ตายตกด้วยความอ่อนหัดก็คงอดตายอยู่ในป่าแห่งนี้แน่ หรือบางทีในยุคสมัยนี้มนุษย์จะอ่อนแอขนาดที่เพียงถูกปลายเล็บของปีศาจก็ตายได้กัน
“ปีศาจตนนั้นร้ายกาจจริงๆ”
วอลลิสเลิกคิ้ว เวทพรางตาอย่างง่ายถูกร่ายขึ้นง่ายๆชนิดที่ว่าแม้แต่สัตว์อสูรยังดูออก แต่เขาเข้าใกล้กลุ่มผู้กล้าขนาดนี้ พวกมันยังไม่รู้สึกตัว หากอยากเด็ดหัวเกรงว่าคงลงมือกระทำได้ไม่ยาก เพียงแต่ทุกครั้งที่จะสังหารจุดตาย กลับคล้ายถูกพลังบางอย่างขวางกั้นไว้อย่างน่าหงุดหงิดใจ เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เขายังติดตามพวกมัน คอยรั้งไว้เพื่อเสาะหาความจริงเบื้องหลัง
“เห็นเจ้าชายบอกว่าเป็นองครักษ์ของจอมมาร” นักธนูปิดหน้าปิดตาตอบกลับ
วอลลิสขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้ยินเสียงของคนที่คิดว่าต้องงามจริงๆ มันฟังดูนุ่มนวลหวานหู ทั้งยังคล้ายกับผู้หญิงและผู้ชายอย่างแยกได้ยาก
“ไม่รู้ป่านนี้เจ้าชายเป็นอย่างไรบ้าง” นักดาบโยนเนื้อย่างเข้าปาก “แผนการดำเนินถึงขั้นนี้แล้วคงไม่ผิดพลาดหรอกนะ”
“อย่างเจ้าชายมีหรือจะพลาดท่า” นักเวทเทสมุนไพรลงในเนื้อย่างของตนก่อนส่งมันให้กับนักธนูที่ไม่ยอมปริปากพูดอีกเลย
“จอมมารช่างโง่เขลา กล้าส่งคนสนิทออกมารับมือพวกเรา” นักเวทคนเดิมยักไหล่พลางส่งเสียงหัวเราะชอบใจ “ความตายจะถึงตัวอยู่แล้วยังไม่รู้สึก”
“โง่เขลาจริงๆนั่นแหละ” วอลลิสไม่ปฏิเสธเลยว่านายเหนือแห่งตนที่เอาแต่ทำตามบันทึกจอมมารรุ่นก่อนที่ไม่รู้ว่าเชื่อถือได้สักแค่ไหน ในตอนสุดท้ายยังต้องสังเวยความตายให้ความมุทะลุหมาหมู่ของเหล่าผู้กล้า ทว่าความโง่เขลานั้นยังน้อยกว่ากลุ่มเด็กน้อยเบื้องล่างนี้มากนัก
“ความตายจะถึงตัวแล้วแต่พวกเจ้ายังไม่รู้สำเหนียก”
“ปีศาจ!” นักดาบเขวี้ยงเนื้อเข้ากองไฟ รีบร้อนชักดาบออกมาประจันหน้ากับผู้บุกรุกที่ยังนอนเอกเขนกบนต้นไม้แบะไม่มีทีท่าว่าจะพุ่งเข้ามาโจมตีแม้แต่น้อย
“ความจริงแล้วพวกเจ้าไม่ใช่ผู้กล้า” วอลลิสคาดเดาตามข้อสันนิษฐานของตนเอง ผู้กล้าในบันทึกของตระกูลเขาล้วนแล้วแต่เก่งกาจถึงขนาดที่ล้มหัวหน้าตระกูลลงได้ มีหรือจะอ่อนหัดคล้ายเด็กหัดเดินพวกนี้ ที่เข้าเค้าว่าพอมีฝีมือคงเป็นนักธนูผู้นั้นเพียงคนเดียว
“ให้พวกข้าฆ่าเจ้าก่อนจะได้รู้ว่าเป็นผู้กล้าจริงหรือไม่ดีไหม” นักเวทไม่รอช้า ล้วงคทาออกจากแขนเสื้อ ร่ายเวทโจมตีปีศาจร้ายที่พวกเขาต้องกำจัดให้ได้ตามคำสั่งเจ้าชายด้วยพลังทั้งหมดที่มี ล่อมันมาได้ถึงนี่นับว่าปีศาจตนนี้โง่งมเต็มทน
โง่ไม่ต่างจากจอมมาร!
“เสียงในใจเจ้าหนวกหูเหลือเกิน” วอลลิสแสร้งใช้นิ้วก้อยแหย่เข้าไปในใบหูเรียวยาวของตน นัยน์ตาวาววับเป็นสีแดงเด่น เส้นผมแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทยาวสยาย
“ลบหลู่จอมมารเพียงนั้น คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปหรือ” องครักษ์หนุ่มพลิกกายลงจากต้นไม้ ฉับพลันกลับหายไปกลางอากาศ
ยังไม่ทันที่เวทร้ายกาจบทนั้นจะถึงตัวศัตรู ลำคอของผู้ร่ายเวทกลับสะบั้นออกจากตัว เลือดสีแดงพุ่งขึ้นฟ้าราวน้ำพุกลางแสงจันทร์สุกสกาว ภาพงดงามจนวอลลิสสะท้านไปทั้งกาย ความกระหายในการต่อสู้ถูกปลุกขึ้นมาอย่างง่ายดาย ทั้งที่เขาพยายามกดข่มยามอารักขาข้างกายจอมมาร
จอมมารของเขาเป็นเพียงปีศาจตนหนึ่งที่รักอิสระเท่านั้น แม้พลังจะสูงส่งเหนือปีศาจตนอื่น ทว่าหัวใจกลับอ่อนแอยิ่งกว่าใครด้วยเช่นกัน จอมมารของเขามิใช่โง่เขลา แต่เพราะโง่งมไปนิดกับการเชื่อฟังกฎทั้งหลายที่ผูกรั้งแขนขาคนรักอิสระเช่นนั้นไว้
ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ใดจะมาลบหลู่!
วอลลิสโกรธมาก นอกจากเรื่องที่เคยโดยจอมมารล้อเลียนเรื่องเผ่าพันธุ์ยามแรกเจอแล้ว เขาไม่เคยโกรธเช่นนี้มาก่อน จอมมารของเขาคือแสงสว่างของเหล่าปีศาจ คือหนึ่งเดียวที่ต้องปกป้องให้ได้ แล้วผู้กล้าเหล่านี้กล้าดีมาดูหมิ่นจอมมารของเขาได้อย่างไร
ร่างของนักเวทล้มลงกับพื้น ศีรษะกลิ้งตกอยู่ข้างตัว มันยังคงยิ้มร่าราวกับไม่ทันรู้ว่าตนเองตายไปแล้ว วอลลิสหันหลังกลับ สะบัดเลือดที่ติดดาบออกก่อนเก็บเข้าฝัก ของสกปรกเช่นนั้นเหม็นคาวเสียยิ่งกว่าเลือดปีศาจชั้นต่ำเสียอีก
วอลลิสเพียงสาดประกายตาเย็นเยียบให้พวกมันทีละคน คืนนี้บางสิ่งแปลกไป เขาไม่คิดว่าจะฆ่ามันง่ายดายขนาดนี้ด้วยซ้ำ คิดเพียงว่าดาบที่สาดประกายไปคงทำให้มันได้แผลทุรนทุรายเท่านั้น
บางทีอาจเป็นกับดัก และเขาไม่อยากโง่งมหล่นลงไปในหลุมนั้น แต่ยังจำเป็นต้องข่มขวัญสักเล็กน้อยเพื่อให้พวกมันหวาดกลัว
“คืนนี้ข้าขอชีวิตพวกเจ้าไปคนหนึ่งก่อนก็แล้วกัน”
คล้ายหลังองครักษ์ที่ฆ่าคนตาไม่กะพริบสมความชั่วร้ายเยี่ยงปีศาจที่พวกมนุษย์หวาดเกรง นักดาบเก็บดาบเข้าฝักแล้วหยิบเอาเนื้อย่างที่ยังถูกย่างใกล้ไฟขึ้นมากัดกิน ไม่สนใจร่างอาบเลือดบนพื้น นักธนูผู้นั้นเพียงปัดผมเปียตนเองไปด้านหลังก่อนนั่งลงผิงไฟให้ไออุ่น อันตรายเมื่อครู่เหมือนยืนอยู่ปากเหว หากมันไม่รามือคงเป็นพวกเขาที่ต้องทิ้งชีวิตไว้ตรงนี้ ไม่ทันได้เสพสุขกับชื่อเสียงรุ่งโรจน์ในฐานะผู้กล้า
มันคงรู้ตัวแล้วว่าเป็นกับดัก
“ยังจะเล่นอยู่อีก” นักดาบเอ่ยเสียงดุ อยากเขวี้ยงดาบปักหัวมันนัก
“เขาร้ายกาจมาก” นักบวชหญิงปาดเหงื่อเมื่อความกดดันเหล่านั้นหายไป ดูท่าจอมมารจะเป็นที่รักของเหล่าปีศาจเสียจริง คนติดตามพวกเรามาได้ตั้งนานไม่คิดปรากฏตัวโจมตี เพียงดูหมิ่นจอมมารกลับยอมโผล่ออกมา แถมยังเปิดตัวเสียยิ่งใหญ่อลังการอย่างที่หากอีกฝ่ายเอาจริงคงฆ่าพวกเราได้ทั้งกลุ่ม
ดาบเดียวปลิดชีพนักเวทอย่างที่เจ้าตัวยังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ
“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าชายช่วยไว้คงได้ตายจริงแน่” ร่างไร้ศีรษะขยับลุกขึ้นก่อนสลายกลายเป็นฝุ่นดิน เจ้าของเสียงก้าวออกมาจากเงามืดของต้นไม้ “ดูท่าพวกเราจะยั่วโมโหเขาน่าดู”
“ข้ารู้สึกเหมือนกำลังเต้นอยู่บนฝ่ามือของเจ้าชาย” นักดาบขมวดคิ้วแน่น เขาไม่ค่อยพอใจนักที่ถูกสั่งให้รั้งองครักษ์ของจอมมารไว้ จากคำสั่งสังการกลายเป็นเพียงรั้งตัวจนกว่าจะถึงช่วงเวลาเหมาะสมในการดำเนินตามแผน แม้รู้ตัวว่าฝีมือมิอาจเทียบเคียง กระนั้นการปล่อยให้ศัตรูยังมีชีวิตรอดมาถูกพวกเขาอยู่ทุกวันก็มิใช่เรื่องที่จะยอมรับได้
เขาอยากเด็ดหัวมันด้วยตนเอง
“พระองค์ก็เป็นเช่นนี้มาตลอด” นักบวชหญิงอมยิ้มเล็กน้อยยามนึกถึงใบหน้างดงามเช่นเดียวกับเจ้าหญิงลาริสซาทว่ากลับมีกลิ่นอายบุรุษแสนยิ่งใหญ่ คนเช่นนี้แหละจึงคู่ควรสังหารจอมมาร ขจัดภยันตรายของโลกใบนี้
“เจ้าชายทรงคิดจะทำอะไรกันแน่”
ผู้ถูกกล่าวถึงจากเหล่าผู้กล้าเพียงลิ้มรสไวน์กลมกล่อมหอมกรุ่นไปทั้งโพรงปาก เหล้าองุ่นขวดนี้คงถูกบ่มเพราะมานานหลายร้อยปี คนช่างใจกว้างเปิดให้เขาได้ลิ้มรสอย่างไม่นึกเสียดาย
คามิโลคิดว่าจอมมารกำลังต้องการเอาชนะใจเจ้าหญิงลาริสซา คนเริ่มเข้าหาด้วยสิ่งสวยงามเช่นดอกไม้และอัญมณี เสียแต่ว่าบุรุษเช่นเขามิได้เข้าใจความงามเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง เพียงมองออกว่างามเท่านั้นมิได้ปรารถนาครอบครองหรือชื่นชมยินดี
ข่าวสารจากผู้กล้าของเขาบอกเล่าถึงการสังหารนักเวทที่กล้ากล่าววาจาล่วงเกินจอมมาร คามิโลโคลงหัว เขาเองก็คิดไม่ต่างจากนักเวทผู้นั้นนักหรอก ลักพาตัวเขามานานขนาดนี้ยังไม่รู้ความจริงว่าเขาเป็นุบุรษ
จอมมารไม่เคยร่วมหอกับเจ้าหญิงลาริสซา แม้แต่ปลายเส้นผมยังไม่กล้าแตะ ภายใต้หน้ากากอัปลักษณ์คือดวงตาแดงฉานที่คอยจ้องมองอยู่ห่างๆ การกระทำแรกเริ่มคล้ายเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงน่าเอ็นดูแต่ก็น่าริษยาชิงชัง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นการทะนุถนอมเอาอกเอาใจหลังจากที่เขาค้นพบใบหน้าแท้จริงของจอมมาร
งดงาม เย้ายวน น่าบดขยี้
“เจ้าติดต่อกับพวกเขา” โม่ชิงย่องเข้าด้านหลังโฉมงามเงียบเชียบ เจ้าหญิงลาริสซาปล่อยเส้นผมสีทองยาวสยายระพื้นยามเมื่อเจ้าตัวนั่งชันเข่าบนเตียงริมหน้าต่างบนยอดปราสาทที่เขาใช้กักขังคนไว้
“จะฆ่าข้าหรือ” คามิโลย้อนกลับ ลอบกระชับคอเสื้อเล็กน้อย สรีระเยี่ยงบุรุษจะยอมปล่อยให้จอมมารเห็นยามนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“ข้าจะฆ่าพวกเขา” พวกที่คิดจะแย่งชิงภรรยากับเขาสมควรถูกกำจัด แต่แรกไม่เห็นด้วยกับวอลลิส ทว่ายามนี้เขาอยากให้วอลลิสสังหารพวกมันโดยเร็ว โดยเฉพาะเหล่าเด็กหนุ่มที่สักวันหนึ่งมันต้องแต่งงานกับเจ้าหญิงของเขา
โม่เหยียนเป็นภรรยาของเขา ใครก็แย่งไปไม่ได้!
“เช่นนั้นข้าจะฆ่าตัวตาย” คามิโลกระดกไวน์รวดเดียวจนหมดแล้วจึงหันกลับมามองหน้ากากน่าเกลียดที่เขาอยากกระชากมันเพื่อยลความงดงามนั้นอีกครั้ง จิกปลายนิ้วลงกับผ้าปูที่นอนเพื่อข่มกลั้นอารมณ์อยากกระชากคนลงมาเหยียบย่ำ
โม่ชิงมองท่าทางปวดใจราวกับจะแหลกสลายของคนรักยิ่งปวดร้าวในอก ใจเขาแทบแหลกสลายไม่ต่างกัน เจ้าหญิงคนงามรังเกียจเขาอย่างมาก ดูท่าชั่วชีวิตนี้จะเปลี่ยนใจให้มารักเขาคงยากนัก แต่บทบาทสามีนี้หอมหวนเสียจนเขามิอยากปล่อยมือเลย
“พูดราวกับคนรักของเจ้าอยู่ในนั้น”
คามิโลเลิกคิ้ว เสียงไพเราะเปล่งออกเป็นเสียงหัวเราะราวเครื่องแก้วกระทบกัน โม่ชิงได้แต่นิ่งค้าง เขาอยากกอดคนรักเข้ามาแนบอกแล้วบอกว่าแท้จริงเราเคียงคู่กันมานับครั้งไม่ถ้วน หัวใจของเขาเป็นของอีกฝ่ายมาเนิ่นนาน และต่อให้ถูกเกลียดชังก็ไม่มีทางทำร้ายให้เจ็บปวด
ได้โปรดรักเขาเถอะ
“เจ้าหญิงลาริสซาควรตระหนักว่าบัดนี้เจ้าเป็นภรรยาของข้าแล้ว”
คามิโลยังคงหัวเราะ เขาโยนแก้วไวน์ลงกับพื้น ปล่อยให้เสียงแตกของมันแทนเสียงเส้นความอดทนของเขาที่กำลังจะขาดสะบั้นลง
“เช่นนั้นเรามาร่วมหอกันเลยดีหรือไม่”
คามิโลมั่นใจว่าจะปฏิบัติหน้าที่ภรรยาที่จอมมารต้องการได้อย่างดีเยี่ยมอย่างแน่นอน
มีความนอยด์
นี่สงสารชิงชิงนะคะ แต่โลกนี้ก็สงสารเหยียนเหยียนด้วยเหมือนกัน
หน้าที่กับหัวใจ มันไปด้วยกันไม่ได้//ซับน้ำหมาก
ในโลกนี้ที่ชอบที่สุดคือพี่วอลลิส มีความมั่นหน้าแบบหน้านิ่งๆ
พูดน้อยต่อหนักปากจัดด่าเจ็บ//หัวเราะ
แต่บทน้อย ไม่ค่อยได้ออก
อยากเขียนเรื่องของนางแยกมาก แต่เขียนยากจัง//หัวเราะทั้งน้ำตา
เหมือนจะได้เห็นชิงชิงหึงโหดด้วย//ทำตาโต
จะมีตบจูบหรือไม่ โปรดติดตามตอนหน้าค่ะ
หลอกให้อยากแล้วจากไป เม้าท์ๆมานี่ก็สปอยทั้งนั้น//หัวเราะ
ด้วยรักหนักมาก...เชียนหลัน
โอ๊ยเน้อ~~~นายเอกข่อยโง่หลาย
เจ้าชายนี่แท้จริงคือผู้กล้าป่ะ