ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รัก(ใต้......นาง)

    ลำดับตอนที่ #3 : ดอกไม้งาม[ตอนกลาง]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.98K
      433
      10 เม.ย. 67


    เว่ยชงหยวนกระตุกยิ้มกรุ้มกริ่ม บางครายังอยากแหงนหน้ามองท้องฟ้าแล้วหัวเราะให้ดังลั่นทั่วเมืองหลวง โอรสมังกรอารมณ์ดียิ่งยามจินตนาการถึงเด็กอ้วนที่ได้เห็นของขวัญของเขา ตาตีบตี่นั่นจะต้องเบิกกว้างยิ่งกว่าผลท้อสามผลรวมกัน โมโหโกรธากระทืบเท้าจนแผ่นดินสะเทือนเลือนลั่นแยกเป็นสอง แต่ก็ถือเสียว่าเขาช่วยให้นางได้เห็นโลกเต็มตาก็แล้วกัน ดีกว่าปล่อยให้หลับตามองโลกด้วยดวงตาเล็กเท่าเมล็ดแตง

     

    แหม หลับตาเดินเช่นนั้นอาจจะสะดุดล้มหน้าทิ่มกองมูลสัตว์ไปแล้วก็ได้

     

    เพียงคิดก็เบิกบานใจจนต้องลอบส่งเสียงหัวเราะในลำคอแล้ว

     

    อา...อาจต้องเตือนเสด็จพ่อสักเล็กน้อย เมืองหลวงอาจเกิดเเผ่นดินไหวกะทันหัน

     

    ก็ปีศาจหมูอาละวาดนี่นะ

     

    เทศกาลซ่างหยวน[1]ปีนี้จึงคล้ายกับจะงดงามขึ้นกว่าเดิมอีกหลายส่วน เว่ยชงหยวนอารมณ์ดีเสียจนมิอาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้หมด แม้เห็นคนเมาสุราตั้งท่าคล้ายสุนัขโก่งคออาเจียน กลิ่นเหม็นคลุ้งโชยหึ่งตรงหน้ายังให้แช่มชื่นราวกับเดินเล่นท่ามกลางทุ่งดอกไม้งามที่มีสายลมพัดอ่อนจนชายอาภรณ์ปลิว ยิ่งเห็นคู่รักเดินเคียงกันดังนกยวนยางร่วมกันปล่อยโคมยิ่งเป็นสุข แม้ส่วนลึกในอกจะวูบโหวงด้วยสตรีที่วาดหวังจะร่วมปล่อยโคมด้วยยังมิเคยปรากฏกายสักครา

     

    สตรีที่ทำให้หวามไหวในอกได้เช่นที่เสด็จพ่อทรงตรัสไว้ บางทีคงมิมีอยู่จริง

     

    ท่านตา โคมนี้เท่าไหร่ เพราะอย่างไรก็มิจำเป็นต้องรอผู้ใดมาปล่อยโคมลอยด้วยกัน โอรสมังกรจึงเลือกสรรโคมสีขาวราบเรียบอันหนึ่ง ...เรียบง่ายเหมือนดังความรักที่ปรารถนา

     

    ถะ...ถวาย...” เจ้าของร้านชราเงอะงะทำตัวไม่ถูกเมื่อมีโอกาสได้รับใช้เชื้อพระวงศ์ จนคนจะซื้อโคมต้องยกมือห้ามพร้อมรอยยิ้มเอื้ออารี

     

    เขาที่ปีนรั้ววังหนีออกมาเช่นนี้ ยังมิอยากให้คนที่เสด็จพ่อส่งมาลากตัวตามหาเจอหรอก

     

    ไม่ต้องมากพิธี เราเพียงมาเดินเล่นเท่านั้นอาจเพราะท่านตาตรงหน้าคล้ายคนจะเป็นลมทุกขณะ เขาจึงอดสงสารมิได้ ดูเหมือนเหล่าผู้เฒ่าชราจะไม่คุ้นชินกับการเจอเขาเดินตามท้องถนนสักที อาจมีเพียงเหล่าคุณหนูที่หมายสร้างสะพานข้ามมาหาเขาเท่านั้นกระมังที่หาญกล้าเข้ามาทักทายด้วยท่าทางเอียงอาย

     

    เว่ยชงหยวนอยากบอกว่ามารยาเหล่านั้นยังไม่ถึงครึ่งที่สหายรักใช้ล่อลวงตระกูลขุนนางกังฉินสักนิด เขาเห็นจนชินตา จดจำไปจนถึงกระดูกแล้ว

     

    เมื่อได้โคมดังใจหมายจึงลัดเลาะไปยังริมน้ำ เสด็จพ่อเคยตรัสว่าได้พบกับนางในดวงใจก็เมื่อครั้งที่พระองค์หนีเสด็จตาออกมาเที่ยวเล่นในเทศกาลซ่างหยวน ครั้งนั้นนอกจากจะได้ปล่อยโคมลอยออกไปไกลโพ้นจนตกที่หลังาจวนผู้ใดมิทราบได้ ยังถูกโฉมงามคว้าเอาหัวใจติดมือกลับไปด้วย

     

    บางครั้งเขาก็หวังว่าจะได้พบสตรีที่ทำให้ใจหวามไหวได้เช่นเดียวกับเสด็จพ่อ

     

    มิต้องงามพิลาศดั่งนางเซียนจำแลง

     

    ยิ่งมิต้องบริสุทธิ์ปราศจากโลกีย์ราวผุดจากดอกบัว

     

    ขอเพียงแรกสบตา แรกมองรอยยิ้มกทำให้สายตาที่มองโลกนี้เปลี่ยนไปได้ก็พอ

     

    หัวเราะให้ตนเองที่เพ้อฝันราวดรุณีแรกรุ่นหวังพบบุรุษดีงามแล้วครองคู่จึงตั้งใจอธิษฐานกับโคมสีขาวไร้ลวดลาย บางทีนอกจากขอให้แคว้นผิงสงบสุขไปอีกนับร้อยนับพันปี เขาควรใส่ความมาดร้ายลงไปด้วยสักเล็กน้อยหรือไม่ เผื่อเทพเซียนบนสรวงสวรรค์จะเห็นใจแล้วเปิดทางให้เขารังแกน้องชายได้ถนัดถนี่ เป็นการขอโทษที่ทำให้เขาต้องเปล่าเปลี่ยวมิมีสตรีเคียงกาย

     

    นางในดวงใจหรือ?

     

    เรื่องเช่นนั้นเขาอาจต้องรอเพียงโชคชะตาก็เป็นได้

     

    นัยน์เนตรมังกรไล่มองผืนน้ำที่โผล่พ้นสุดปลายโคมทันทีที่ปล่อยมือให้มันลอยขึ้นสูงสู่ท้องนภาที่อาบย้อมด้วยแสงระยิบระยับสีส้มอย่างอ่อนโยน ภาพสะท้อนนั้นราวกับผืนฟ้าที่บรรจุดวงดารามากมาย กระนั้นยังมิอาจหยุดสายตาได้เท่าเงาลางเลือนจากอีกฟากฝั่ง

     

    ปลายนิ้วเรียวเสลาที่เพิ่งละจากโคมลอยลายพยัคฆ์ยามกระหวัดเกี่ยวเส้นผมสีดำยาวที่ลู่ตามแรงลมระข้างแก้มช่างดูนุ่มนวล ริมฝีปากจิ้มลิ้มแย้มรอยยิ้มอ่อนโยนชวนให้ความอบอุ่นวาบผ่านกลางอก ยามมองตามสายตานางที่มองส่งเจ้าโคมลอยให้รวมกลุ่มบนนภาสีเข้มยิ่งคล้ายมองภาพวาดงดงามสงบนิ่ง

     

    เยือกเย็นทว่ากลับชวนให้ร้อนวาบไปทั้งกาย ราวกับสายลมวสันตฤดู

     

    ผู้คนล้วนหลีกทางให้คนงามได้ยนชื่นชมกับบรรยากาศ มิมีผู้ใดกล้าสาวเท้าเข้าไปยืนเคียงร่างอรชรที่คล้ายกับนางเซียนผู้ถือกำเนิดจากกลางสายน้ำ

     

    เย็นฉ่ำ อ่อนโยน ราวกับจะปลอบประโลมทุกทุกข์โศกให้ปลิวหาย

     

    เว่ยชงหยวนสาวเท้าเร็วรี่ มิทันได้คิดสิ่งใดเพียงจับจ้องมิให้เงาร่างนั้นหายไปจากสายตา รู้ตัวอีกทีจึงหยุดยืนเคียงคนงามที่ได้ยลเพียงเสี้ยวหน้าขาวนวล กระนั้นยังเห็นว่านางงามนัก ยิ่งอาภรณ์สีฟ้าอ่อนที่สวมใส่ยิ่งส่งให้งดงามราวเทพธิดาแห่งสายน้ำ แม้เส้นผมจะถูกรวบสูงอย่างบุรุษยังมิอาจทำให้ด้อยค่าลงได้

     

    มิทันได้เอ่ยทัก เจ้าของดวงหน้ารูปไข่กลับหันมองมา เพียงสบนัยน์ตาหงส์คมกล้าที่มิหลบเลี่ยงทั้งมิได้เจือความเขินอาย เสียงหนึ่งกลับดังก้องจนหนวกหู บางสิ่งในอกบีบรัดจนได้แต่ข่มกลั้นรอยยิ้ม

     

    แรกสบประสานสายตา กลับได้รับรู้ถึงสิ่งที่มิเคยรู้สึก

     

    เพียงยลรอยยิ้มกลับคล้ายบางสิ่งถูกช่วงชิงจนปลิดปลิว

     

    ราวกับถูกนัยน์ตาและรอยยิ้มล่อลวง เขาแย้มรอยยิ้มตอบกลับอย่างไม่ลังเล กระทั่งเสียงกังวานใสดั่งระฆังแก้วบนผิวน้ำดังขึ้นจึงชะงักค้าง รู้สึกเหมือนทั้งร่างถูกทุด้วยค้อนที่เรียกว่าความจริง

     

    ถงหลิ่งเฟินถวายพระพรองค์รัชทายาทเพคะ

     

    ภาพยามคนงามค้อมศีรษะลงเพียงนิดราวกับมิได้ใส่ใจการทำความเคารพเต็มพิธีการดังที่ควรกระทำ รอยยิ้มน้อย  ที่แต่งแต้มริมฝีปาก ทั้งดวงตาคู่งามที่มองมาราวกับจะหยอกล้อทำให้มือไม้เย็นเยียบ

     

    ถงหลิ่งเฟิน?”

     

    เพคะ เจ้าของอาภรณ์สีฟ้าอ่อนแย้มรอยยิ้มอ่อนโยนคราหนึ่ง เช่นเดียวกับดวงตากลมโตที่หยีลงยามเห็นท่าทางราวกับไม่เชื้อสายตาตนเองของเชื้อพระวงศ์แสนสูงศักดิ์ตรงหน้า

     

    ปีศาจหมูตอน?” ผู้สูงศักดิ์ทวนคำด้วยสีหน้าซีดเผือด ยิ่งเมื่อเห็นนางหัวเราะน้อย  ในลำคอแลดูน่ารักน่าชัง ยิ่งเหมือนถูกคว้าเอาหัวใจไปเขย่าสักสี่สิบครั้งจนพาให้หน้ามืดตาลาย

     

    เพคะ ปีศาจหมูตอนนางนั้นคือหม่อมฉันเองเพคะถงหลิ่งเฟินรู้สึกขบขันยิ่งที่ได้เห็นสีหน้าราวกับเจอปีศาจมารร้ายโดยมิทันตั้งตัวของผู้ที่เคยแย่งชิงพี่ชายนางไปเมื่อวัยเยาว์

     

    บุตรีสกุลถงที่ถูกส่งไปสำนักคุ้มภัยหงหยวนเพราะทำให้พระองค์ตกน้ำเมื่อหลายปีก่อนก็คือหม่อมฉันเพคะ

     

    เป็นไป...ไม่ได้

     

    ไหนเล่าปีศาจหมูตอน!

     

    นางต้องตัวใหญ่ราวกับภูเขาไท่ซาน ตาตีบตี่จนมองไม่เห็นทางให้ต้องสะดุดล้มหน้าจมกองมูลสัตว์ อารมณ์เกรี้ยวกราดร้ายกาจเพียงถูกมองหน้าย่อมต้องพุ่งเข้ามาทำร้ายตบตี กระโดดทับเขาจนอวัยวะภายในแหลกสลายมิใช่หรือ

     

    แล้วสตรีตรงหน้าคล้ายกับที่กล่าวมาสักนิดหรือไม่!

     

    หม่อมฉันขอบพระทัยสำหรับของรับขวัญอย่างยิ่งเพคะ เสียแต่ว่าชุดนั้น...” ถงหลิ่งเฟินกระตุกรอยยิ้มขบขันเมื่อนึกถึงชุดสีชมพูอ่อนหวานราวกับคุณหนูน้อยที่ถูกวางไว้ในกล่องไม้เนื้อดี นางวางปลายนิ้วทาบลงบนอกตนอย่างหมิ่นเหม่ บ่งบอกว่าสิ่งใดที่ตนกำลังจะกล่าวถึง

     

    ออกจะเล็กไปสักเล็กน้อยเพคะ

     

    “!”

     

    เว่ยชงหยวนนอกจากอับจนคำพูดแล้วยังรู้สึกเหมือนถูกจับไปนั่งอังข้างกองไฟจนใบหน้าร้อนฉ่าราวกับจะเป็นลมเสียให้ได้ เมื่อมองตามปลายนิ้วเรียวเสลาทั้งยังคำพูดคำจาบ่งบอกว่าเล็กเกินไป...

     

    เจ้าสิ่งที่ควรมีมันมีมากไปหรือไม่!

     

    ไร้ยางอาย!

     

    ไร้ยางอายเกินไปแล้ว!

     

    [1] หมายถึง เทศกาลโคมไฟ เป็นเทศกาลฉลองในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนอ้ายตามปฏิทินจันทรคติ เป็นสัญลักษณ์ของวันสุดท้ายในการฉลองเทศกาลปีใหม่ของจีนตามปฏิทินทางจันทรคติ


    ------------

    บางอย่างมันก็เล็กเกินไป ไหนพี่บอกว่าน้องจะตัวใหญ่ไงคะ

    เห็นแววแพ้มาแต่ไกล พี่หยวนของเราไม่น่าจะสู้ไหว

    ใจมันสั่น ขามันจะเริ่มสั่นแล้วค่ะ//หัวเราะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×