คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ก่อนพบพาน
เหลียวซ้ายนั่นคือเจ้ารองกับเจ้าสี่ แลหางตาไปทางขวา นั่นก็เสด็จพ่อกับเจ้าสาม
องค์รัชทายาทแห่งแคว้นผิงถอนพระปัสสาสะเหนื่อยหน่ายพระทัยยิ่ง เหตุใดรอบกายจึงมีแต่เหล่าบุรุษตัวเหม็นไร้สิ้นซึ่งดอกไม้งามน่าดอมดมให้ชื่นใจกันหนอ สหายเล่าก็องอาจสง่างามทว่ากลับจู้จี้จุกจิกขี้ระแวงเสียยิ่งกว่าสตรี มองแล้วชวนให้พระทัยเหี่ยวเฉาราวถูกราดด้วยน้ำร้อนยิ่ง
เว่ยชงหยวนกลอกตามองฟ้ารอบหนึ่ง สรรเสริญเง็กเซียนฮ่องเต้อีกรอบหนึ่ง ลอบสาปแช่งให้เทพเซียนทั้งหลายสิ้นไร้ซึ่งคนงามเคียงกายได้แต่เหี่ยวแห่งไปวันๆ ตบท้ายด้วยตัดพ้อเจ้าแผ่นดินในใจอีกสามรอบถ้วนถึงความสามารถในการปั้นพระโอรสแล้วจึงกลับมาทำพระพักตร์บูดบึ้งดังเดิม
เจ้าพวกน้องชายน่าชัง แทนที่จะคิดชิงบัลลังก์กลับพร้อมใจผลักไสพระเชษฐาเช่นพระองค์ขึ้นสู่ตำแหน่งหวงไท่จื่อกันหน้าชื่นตาบานไร้สิ้นซึ่งความสำนึกผิดแม้สักเศษเสี้ยว ซ้ำยังคิดเอาตัวรอดด้วยการสร้างชื่อเสียงดีงามมากมายให้เสด็จพ่อสำราญใจจนเหล่าขุนนางพากันหวาดกลัวอาญายามเห็นฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์ในท้องพระโรง
พวกเสแสร้งร้ายกาจมากมารยาเข่นนั้นเหตุใดต้องเกิดเป็นอนุชาพระองค์ด้วยเล่า
เช่นนั้นแล้วผู้ใดจะกล้าขัด ต่อให้มีผู้ถือหางหมายผลักดันสู่บังลังก์ทองคำสูงส่ง หากแต่เหล่าองค์ชายกลับคล้ายจะคว้ามีดพร้าตัดมือเหล่านั้นทิ้งมิไยดีสักนิด น่าขัดใจอย่างยิ่ง
แว่วว่าขุนนางใหญ่ผู้หนึ่งลาออกจากราชสำนักกะทันหัน สืบความไปมาจึงทราบว่าเจ้ารองสำแดงอิทธิฤทธิ์
เจ้ารองน่าตายเที่ยวใช้แผนเจ้าเล่ห์สกปรกสารพัดขจัดขุนนางชั่ว นับความดีความชอบแล้วใหญ่หลวงเหมาะสมแก่ตำแหน่งไท่จื่อเป็นอย่างยิ่ง รอจนพระองค์ตายใจ น้อง(ไม่)รักผู้นี้จึงโยนความดีความชอบใส่ศีรษะพระองค์โครมใหญ่มิยอมให้ตั้งตัวแล้วเก็บตัวสงบเสงี่ยมอยู่แต่ในตำหนักราวกับสตรีในห้องหอรอออกเรือนก็มิปาน หากมิมีผู้ใดถูกเล่นงาน คาดว่าเสด็จพ่อคงลืมไปแล้วว่ายังมีพระโอรสพระองค์นี้อยู่
ต้องชั่วร้ายปานใดจึงกระดิกนิ้วสั่งการจากในตำหนักได้!
ส่วนขุนนางใหญ่ผู้นั้นมิราบกินดีหมีหัวใจเสือจากที่ใดจึงคิดลากเอาเจ้ารองตัวดีออกมารับความดีความชอบ สุดท้ายจึงถูกเล่ห์กลจากมาร้ายถอนรากถอนโคนจนต้องถอยร่นออกไปอยู่นอกเมืองอย่างน่าอดสู ไม่หลงเหลือบุตรหลานในราชสำนักแม้สักคน
หากกล่าวว่าผู้ใดเหมาะสมกับตำแหน่งไท่จื่อมากที่สุด พระองค์จะมิลังเลที่จะยกมือสนับสนุนเจ้ารองสักนิด!
ชั่วช้า ร้ายกาจ หน้าด้านหน้าทนสมเป็นโอรสมังกรอย่างยิ่ง!
เจ้าสามที่สมควรว่าง่ายเชื่อฟัง รู้จักเห็นอกเห็นใจพระองค์ดั่งท่าทางเชื่อคำผู้อาวุโสที่แสดงออก สุดท้ายกลับแสร้งทำตัวเป็นองค์ชายเจ้าสำราญเพื่อปัดภาระครองบัลลังก์ออกจากตัว ชื่อเสียงฉาวโฉ่เสียจนมีผู้กล่าวว่าหากอยากพบองค์ชายสามสามารถหาได้ตามหอนางโลมแล้ว
ขยันหมั่นเพียรในการสร้างภาพลักษณ์หลอกลวงผู้คนอย่างยิ่ง กล่าวว่าตนเองเจ้าชู้เสเพล หากจับโยนในดงนางโลมจะทำเป็นหรือไม่ อย่าคิดว่าพระองค์จะมิรู้ว่าเหล่านางกำลังที่ถูกส่งไปรับใช้ยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่อง เจ้าเพียงนอนกอดหมอนข้างหลับในตำหนักทุกค่ำคืนเท่านั้น
กล้ากล่าวว่าตนเองมิเหมาะสม นิสัยเจ้าสำราญเช่นนี้จะให้ดูแลประชาชนได้อย่างไร คาดว่าเหล่าราษฎรคงมิอาจยอมรับได้อย่างเต็มใจ สักวันธาราขุนเขา[1]กว้างใหญ่นี้ย่อมย่อยยับในมือตนเองแน่ อีกทั้งมิมีสิ่งใดคู่ควรกับบัลลังก์มังกรทองคำสูงส่ง ความคิดความอ่านมีเพียงตนเอง เช่นนี้แล้วยิ่งมิสมควรนั่งในตำแหน่งนั้นอย่างยิ่ง
กล่าวจบยังหน้าทนเกินผู้คน เอ้อระเหยลอยชายไปนั่งกินนอนกินสบายอกสบายใจดูไร้ทุกข์โศกอยู่ที่ตำหนักตนเองสลับกับหอนางโลมได้อย่างน่าจับไปโบยกลางเมืองแล้วแห่ประจานสักสามสิบรอบให้ชื่อเสียงเน่าเหม็นกลายเป็นจริงไปเสีย
กล่าวว่าไม่คู่ควร แล้วบ่อนพนันกว่ายี่สิบแห่งของเจ้าหมูตอนชั่วช้าที่หายวับไปในคืนเดียวนั่นมิใช่ฝีมือเจ้าสั่งกวาดล้างรึ!
ชั่วร้ายเพียงนี้ยังมีสิ่งใดมิคู่ควรกัน
เจ้าเพียงขี้เกียจเท่านั้น!
เจ้าสี่ที่ดูน่าจะกล่อมง่ายด้วยยังเยาว์วัย ทว่าไม่ทราบว่าเทพเซียนน่าตายองค์ใดดลใจ หลังพ้นสิบขวบปีกลับกลายเป็นพรรคพวกจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างเจ้ารองไปเสียได้ ตามติดหนึบมิต่างจากเงาตามตัว แรกเริ่มเดิมทียังพอเชื่อฟัง รับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะยอมช่วยเหลือพระเชษฐาเช่นพระองค์ จะเสียสละตนเอง ยอมขึ้นนั่งบนบัลลังก์เป็นว่าที่องค์รัชทายาทให้
ทั้งที่สัญญาเสียดิบดีกลับทรยศหักหลังได้มิอายฟ้าดิน มาบัดนี้ถึงขั้นกระทำตนต่างแขนขาให้พี่ชายนอกไส้ ทั้งที่สมควรเชื่อฟังพระเชษฐาร่วมพระมารดาเช่นพระองค์ยิ่งกว่าผู้ใด กลับไปคว้าเอาเชื้อปลิ้นปล้อนกะล่อนไหลเข้าทางโน้นออกทางนี้จากเจ้ารอง การกระทำคล่องแคล่วราวกับถ่ายทอดทางสายเลือด หากกล่าวว่าเจ้าสี่คือเจ้ารองอีกคนย่อมมีแต่ผู้คนเชื่อถือ
กล้ากล่าววาจาหลบหลีกหน้าตายไม่อายฟ้าดิน ไม่สนสายเลือดขัตติยะที่ไหลเวียนในกายแม้สักเสี้ยว กล่าวว่าอย่างไรตำแหน่งที่เหมาะสมกับตนเองที่สุดย่อมต้องเป็นอ๋องปกครองเมืองติดทะเลที่มิต้องยุ่งเกี่ยวอันใดกับเมืองหลวง เพราะตนเองไร้สามารถจริงแท้ มีเพียงฝีปากเท่านั้นที่เห็นพอจะสู้พวกขุนนางปลายแถวได้สักคนสองคน เช่นนั้นแล้วขอเพียงได้ปกครองเมืองเล็ก ๆ นั่นก็นับเป็นวาสนาสุดจะเอื้อมแล้ว
แต่เป็นเจ้ามิใช่หรือที่วางแผนปรับเปลี่ยนเมืองติดทะเลนั่นจนกลายเป็นหน้าด่านการค้าสำคัญ!
บัดซบ!
เจ้าพวกตัวขี้เกียจชั่วร้ายเห็นแก่ตัว!
เหตุใดพระองค์จึงไม่มีน้องสาวไว้เยียวยาจิตใจยามต้องรับมือกับเหตุผลหน้าด้านเหลือจะกล่าวเหล่านั้นบ้าง!
ยิ่งมองสบกับเจ้ารองที่คล้ายจะยกยิ้มในดวงตาน่าควักทิ้งยิ่งหมั่นไส้เป็นกำลัง ใจร่ำร้องอยากลุกขึ้นจับโต๊ะทุ่มใส่หัวเจ้าตัวดีนัก
ฉลาดเฉลียวแต่เรื่องเอาตัวรอด นั่งละเล่นอยู่แต่เบื้องหลังสนุกสนานผู้เดียว
ชั่วร้าย! ชั่วร้าย! ชั่วร้ายที่สุด!
คอยดูเถิด
องค์รัชทายาทแห่งแคว้นผิงหมายมาดในใจ ครองราชย์เมื่อใดจะถือกระบองยักษ์ไล่ตีเจ้ารองออกจากตำหนัก แล้วโยนเข้าหอโคมเขียวเสียให้เข็ด หวงเนื้อหวงตัวนักใช่หรือไม่ ให้เสียบริสุทธิ์กับเหล่าคณิกาหน่อยเป็นอย่างไร
หลังจากนั้นจะหาบุรุษยัดใส่ตำหนักเจ้าสามให้สมกับความสำราญที่เจ้าตัวเพียรสร้าง สักสิบสี่คนเป็นอย่างไร สับเปลี่ยนหมุนเวียนวันละสองคนนับว่าปรานีมากแล้ว พระองค์จะรอดูว่าเจ้าสามตัวดีจะยังกล้าทำตัวเจ้าสำราญอีกไหม
และสุดท้ายเจ้าน้องชายร่วมพระมารดาที่พระองค์เคยวางแผนไว้ว่าจะถีบขึ้นสู่บัลลังก์มังกรปกครองแคว้นผิงอย่างภาคภูมิ อยากอยู่เมืองติดทะเลมากนักใช่หรือไม่ พระเชษฐาผู้แสนดีอย่างหาผู้ใดจะเทียบเคียงได้เช่นพระองค์จะเนรเทศเจ้าสี่ตัวดีไปใช้แรงงานที่เมืองหน้าด่านติดทะเล!
ให้ไปแบกปลา ขนของ นอนจมก้นทะเลเป็นอาหารปลาไปเสีย!
“ไท่จื่อมิพอใจอันใดหรือ”
“เสด็จแม่...” องค์รัชทายาทที่ผู้คนต่างยกย่องสรรเสริญคล้ายจะกลายเป็นสัตว์ไร้กระดูกสันหลังจำพวกหนึ่ง วรกายสูงสง่าเลื้อยตัวลงเกาะเอวมารดาแห่งแผ่นดินประหนึ่งลูกลิงยังมิหย่านม ใบหน้าหล่อเหลางอง้ำเมื่อเห็นเหล่าน้องชายตัวดียังดูอยู่ดีมีสุข ขณะที่พระองค์ต้องทนทุกข์มิมีผู้ใดให้รังแก
“ลูกอยากได้น้องสาวพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วหมิงเลี่ยงหรูผู้นั้นมิใช่หรืออย่างไร” เถาฮองเฮาใช้พระหัตถ์ลูบพระพักตร์โอรสของตนอย่างรักใคร่ เอ็นดูกับความขี้น้อยใจราวอิสตรี อายุขนาดนี้ยังคงออดอ้อนพระนางได้น่ารักน่าชังยิ่ง
“หรูเอ๋อร์ใกล้แต่งงานแล้ว เจ้าบ้าหยางเซินก็เอาแต่ตามคุมนางราวกับเงาตามตัว น่ารังเกียจยิ่ง” เว่ยชงหยวนหลับหูหลับตาพูดต่อ มิได้สนใจสักนิดว่าพระบิดากำลังรังแกเจ้าสามอย่างไร อนุชาน่าชังเช่นนั้นสมควรถูกรังแกหนักมือเสียหน่อย
ใจนึกอยากเดิมพันหมากสักกระดาน หากพระองค์ชนะจะขอชี้นิ้วสั่งให้เจ้าสามขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาทแทนแล้วแต่งสนมชายสามพันนายเข้าวังหลัง เอาให้ปวดเศียรเวียนเกล้าทุกวัน ต้องหวาดระแวงยามค่ำคืนมาเยือนทุกราตรี
ส่วนสหายรักก็หาทางส่งไปชายแดน ให้รบทัพจับศึกสักสิบปีมิต้องหวนกลับ น้องน้อยของพระองค์จะได้ปลอดภัยจากกรงเล็บพยัคฆ์หน้าทนที่จ้องจะลวนลามนางอยู่ร่ำไป มิใช่เจ้าตัวน่าตายก็มีน้องสาวหรือ เหตุใดจึงมิเข้าใจหัวอกพระองค์กัน!
เห็นพระมารดาขมวดพระขนงจึงเอ่ยชี้แจง “เสด็จพ่อทรงปั้นแต่น้องชายนิสัยร้ายกาจ ลูกหวาดกลัวเหลือเกินว่าสักวันน้องชายเหล่านี้จะทอดทิ้งลูกให้นั่งโดดเดี่ยวบนบัลลังก์สูง”
“ก่อนกังวลเรื่องนั้น มิใช่สมควรกังวลเรื่องตบแต่งไท่จื่อเฟยหรอกหรือ” เถาฮองเฮาคร้านจะสนใจกับความน้อยใจไม่เข้าเรื่องนี้แล้ว
“ตำแหน่งนั้นมิใช่มีผู้ครอบครองแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยชงหยวนยู่ปาก อยู่กับพระมารดายิ่งรู้สึกตนเองเป็นเพียงเด็กน้อย อยากออดอ้อนอันใดก็ย่อมได้
“แล้วใช่ผู้ที่ลูกอยากร่วมผูกผมด้วยหรือไม่เล่า” พระนางล้อเลียนเพราะรู้ดีว่าพระโอรสของพระนางต้องตาสตรีนางใด เสียแต่หลายปีมานี้เอาแต่หลบลี้หนีหน้าเสียมากกว่า มิทราบว่าหวาดกลัวอันใดนัก เพราะยามถูกสตรีนางนั้นรังแกกลับวังมาแทนที่จะมีสีหน้าบูดบึ้งกลับแย้มรอยยิ้มได้อ่อนหวานอย่างยิ่ง
เว่ยชงหยวนรอบกลอกตาอย่างที่เห็นว่าน้องน้อยทำแล้วน่ารักน่าชังจนอยากลักพากลับวังหลวง
“ลูกมิชอบสตรีร้ายกาจ สตรีเสแสร้งก็มินิยม” แทบจะต้องยกนิ้วขึ้นมานับ พระองค์มีแต่สิ่งที่มิชมชอบทั้งสิ้น หากเลือกได้ก็อยากเป็นดั่งเช่นเสด็จพ่อ ยามที่กล่าวว่าปรารถนาให้นางอันเป็นที่รักได้มีโอกาสเลือกเส้นทางของตนเอง
เช่นนั้นพระองค์จึงมิอยากบังคับ
“ยิ่งหากบิดาของพวกนางกระหายอำนาจยิ่งรังเกียจนัก เกรงว่าลูกอาจทำให้ราชสำนักขาดสีสันไปมากโข”
ถือเอาเสด็จพ่อเป็นเยี่ยงอย่างยังพอทำได้ รับสตรีเหล่านั้นเข้าสู่วังหลัง เด็ดปีกของบิดาที่ฝากฝังไว้กับพวกนาง ละเล่นกับเหล่าขุนนางกระหายอำนาจจนเป็นที่หวาดกลัว กักขังให้ไร้สิ้นอิสรภาพ ทำได้เพียงใช้ชีวิตรอความตายไปวัน ๆ ท่ามกลางดงดอกไม้งามที่อย่างไรย่อมมิอาจเป็นที่โปรดปรานได้ชั่วชีวิต
แต่ถึงอย่างนั้นก็มิอาจตัดใจทำให้นางอยู่ในดงดอกไม้พิษเหล่านั้นได้
“ลูอยากให้นางเลือกลูกเอง มิใช่เพราะถูกราชโองการบังคับ”
เพียงคิดถึงใบหน้างดงามแย้มรอยยิ้มดั่งกระแสธารเย็นฉ่ำรินรดหัวใจแห้งเหี่ยวให้สั่นไหวใจพลันชุ่มชื่น ถึงกระนั้นยังหงุดหงิดใจนักยามเห็นผู้คนมากมายทอดมองนางด้วยสายตารักใคร่บูชาเทิดทูนเสียจนน่าหมั่นไส้
“อีกทั้งนางยังดุร้ายยิ่ง เกรงว่าวังหลังคงลุกเป็นไฟ”
“เช่นนั้นหรือ”
“เป็นเช่นนั้นพะย่ะค่ะ”
โอรสมังกรตอบกลับพระมารดาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง นัยน์เนตรมังกรคมปลาบทอดมองท้องฟ้าสีครามถูกปกคลุมด้วยเมฆสีขาวก้อนน้อย
สตรีเถรตรงเช่นนั้น พระองค์หวาดกลัวเหลือเกินว่าจะนำความโสมมไปแปดเปื้อนนาง
แม้มือน้อยคู่นั้นจะอาบย้อมด้วยโลหิตศัตรู แต่พระองค์มิอยากให้จิตใจซื่อตรงต้องเปรอะเปื้อนด้วยเล่ห์กลแย่งชิง
นางดุร้ายยิ่ง ทว่ากลับอ่อนหวานอย่างยิ่งเช่นกัน
“เช่นนั้นหาใหม่ดีหรือไม่ สตรีงามมากมายทั่วแว่นเคว้นคงถูกใจรัชทายาทสักคนกระมัง” อี้หวงกุ้ยเฟยอมยิ้มขบขันเมื่อเห็นโอรสองค์โตของพี่สาวที่รักทำสีหน้ายุ่งยากคล้ายเจอเรื่องลำบากใจ
สีหน้าเช่นนั้นชวนให้คนรังแกอย่างยิ่ง มิแปลกเลยที่พระโอรสของนางจะชมชอบการได้ขัดใจพระเชษฐาเช่นนั้น พระนางเองยังอยากลงมือหยอกเย้ามากหน่อยเสียด้วยซ้ำ ถ้ามิติดว่าคนจะร้องไห้เสียก่อน
“ส่วนสตรีนางนั้นก็ปล่อยให้วิ่งเล่นในสนามรบต่อไป หรือไม่ก็ยกให้ผู้อื่นไปเสีย”
“เสด็จแม่กุ้ยเฟยล้อลูกเล่นแล้ว” เว่ยชงหยวนแทบเด้งตัวออกจากตักพระมารดา เพียงนึกถึงว่าที่คู่หมายที่ตกอยู่ใต้เงื้อมือของบุรุษอื่นใจยังเดือดพล่าน หากพระองค์ปล่อยมือจริงคงโง่งมเกินทน
“หากเป็นรองแม่ทัพผู้นั้น ลูกยินดีรับมาแทนเสด็จพี่นะพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายรองเว่ยชงจื้อส่งเสียงเห็นด้วยกับมารดาของตนยิ่งนัก รองแม่ทัพหญิงผู้นั้นงดงามแข็งแกร่งอย่างน่าชื่นชม เหมาะสมกับการนับเป็นสหายอย่างยิ่ง
มั่นใจว่าสามารถใช้ประโยชน์จากนางได้หมดจดแน่แท้
ก่อนอื่นเลยก็ใช้รังแกเสด็จพี่อย่างไรเล่า!
“กระหม่อมเองก็นับถือนางนัก หากได้สนิทสนมคงดีไม่น้อย” องค์ชายสามเว่ยชงอวี้หัวเราะในลำคอ สตรีงามมากสามารถย่อมคู่ควรกับมังกรโดยแท้ คราก่อนถูกเสด็จพี่ใหญ่ลากไปละเล่นเป็นเพียงเบี้ยให้น้องรักพระองค์ได้จับเดิน ครานี้คงต้องเอาคืนสักเล็กน้อยแล้ว
“กล่าวว่าคนงามย่อมมีผู้เหมาะสมครอบครอง เสด็จพี่สามเองก็นิยมคนงาม หากเสด็จพี่ใหญ่ไม่ถูกใจนาง มิสู้ปล่อยนางให้เสด็จพี่สามเล่าพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายสี่เว่ยชงซื่อที่ศึกษากระดานหมากกับเสด็จพี่รองของตนส่งเสียงกลั้วหัวเราะสนับสนุนเสด็จพี่สามเต็มกำลัง
เสด็จพี่รองเคยกล่าวไว้ หลังจากเสด็จพี่ใหญ่ครองราชย์ให้ระวังให้เต็มที่ มิรู้ว่าคนจะคิดไปเองจนผูกใจเจ็บอันใดหรือไม่ ทั้งหลังจากนั้นคงกลั่นแกล้งด้วยความรักลำบากแล้ว เช่นนั้นในยามที่ยังคงเป็นองค์ชายเช่นเดียวกันจงตักตวงให้เต็มที่ ยามเมื่อโอรสมังกรนั่งบนบัลลังก์ทองคงต้องหันกรงเล็บเข้ามาเอาคืนแน่แท้
เมื่ออย่างไรย่อมต้องถูกเอาคืน มิสู้ยามนี้รังแกให้เต็มกำลังจะคุ้มค่ามากกว่าหรือ!
โอรสมังกรผู้ครอบครองตำแหน่งองค์รัชทายาทพระพักตร์บูดบึ้งเต็มไปด้วยความไม่พอพระทัยอย่างยิ่ง เจ้าพวกน้องชายน่าชังเหล่านี้ล้วนน่าตายนัก นอกจากมิคิดช่วยเหลือพระองค์แล้วยังกล้าหาเรื่องแย่งคู่หมั้นอีก
ต่ำช้า! ต่ำช้ายิ่ง!
สบโอกาสเมื่อใดจะเล่นงานพวกมันให้หนัก!
“ผู้ใดกล่าวว่าข้าจะยกนางให้ผู้อื่น ข้าเพียงแต่กล่าวว่านางดุร้ายเท่านั้น”
เว่ยชงหยวนประกาศกร้าว ออดอ้อนพระมารดาตนเองคราหนึ่ง ส่งสายตาราวกระบี่ฟาดฟันใส่อนุชาไร้ความน่าเอ็นดูอีกสองสามครั้งจึงยอมถอยออกห่างจากสงครามน้ำลายที่เจ้ารองกำลังคิดสร้าง
“ลูกมีธุระกับหยางเซิน ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
แม้จะสาวเท้าจากมาอย่างมั่นคงหนักแน่นเพียงใด ยังสดับได้ถึงเสียงหัวเราะยั่วเย้าคล้ายคนอยากยั่วโทสะกัน
กลัวเจ้าสาวหนีอันใด พระองค์เพียงอยากเร่งไปสั่งสอนปีศาจหมูตอนเท่านั้น!
นางกล้าพาอนุกลับจวน ซ้ำยังยืดอกรับตำแหน่งรองแม่ทัพ ไร้ยางอายถึงเพียงนี้ ว่าที่สวามีเช่นพระองค์จะปล่อยไปได้อย่างไร!
ตำหนักบูรพามีพระองค์ให้นางใส่ใจเพียงผู้เดียวก็พอแล้ว!
สองวันต่อมา กงกงแห่งตำหนักเจิ้งหยางนำราชโองการมาประกาศ ณ จวนสกุลถงต่อหน้าธารกำนัลมากมายที่มองลอดเข้ามาอย่างอยากรู้อยากเห็น หน้าผากย่นด้วยริ้วรอยแห่งความสุขคล้ายจะเปล่งแสงได้ด้วยว่าไท่จื่อที่สมควรมาถึงก่อนแล้วกลับมิยอมออกมาชมดู เห็นทีคงมีเรื่องกลับไปรายงานให้ฝ่าบาททรงทราบอีกเรื่องแล้วกระมัง
รองแม่ทัพถงหลิ่งเฟินก้าวเท้าออกมารับราชโองการด้วยรอยยิ้มราวสายธารอ่อนโยน เกิดเป็นความงามขัดกับความแข็งแกร่งที่เหล่าสตรีทั่วเมืองหลวงต่างละเม้อเพ้อหา
ข่าวราชโองการพระราชทานสมรสระหว่างไท่จื่อกับรองแม่ทัพหญิงเลื่องลือจนถึงต่างแคว้น รวดเร็วเสียยิ่งกว่าใช้ม้าเร็ว
ถงหยางเซินปรายตามองสหายสูงศักดิ์ที่เกาะขอบประตูเรือนผู้อื่นแอบดูน้องสาวตนนั่งสนทนากับสาวงามที่นางพากลับมา เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างไม่คิดอยากได้คำตอบ
“ไหนเจ้าบอกจะมิบังคับใช้ราชโองการพระราชทานสมรสอย่างไรเล่า”
เห็นเว่ยชงหยวนมีท่าทางเป็นเดือดเป็นร้อนราวกับถูกจับได้ว่าลักลอบเอาเครื่องประดับในกล่องทองคำของฮองเฮาออกไปใช้จ่ายส่วนตัวเหมือนสมัยก่อนยิ่งขบขัน สหายสูงศักดิ์ผู้นี้ใช่หลงลืมไปหรือไม่ เก่าก่อนเคยหวาดกลัวน้องสาวตนเพียงใด
มิลืมสำทับอีกหนึ่งประโยค
“เจ้าคงมิลืมว่าเดือนหน้านางต้องออกเดินทางไปค่ายกับข้ากระมัง”
เห็นพระพักตร์ราวกับถูกวิญญาณร้ายปรากฏกายให้เห็นกลางวันแสก ๆ แล้วมิอาจสะกดกลั้นรอยยิ้มลงได้
ถงหลิ่งเฟินคงได้หัวร่องอหายแล้ว!
[1] ธาราขุนเขา หมายถึง บ้านเมือง
----------------
ทำการรีไรท์ใหม่อีกรอบค่ะ รู้สึกว่ายังตบได้ไม่เข้าที่
ที่สำคัญคือการดึงความรู้สึกในสมัยตอนที่แต่งหนูหรูออกมาให้ได้//หัวเราะ
ฝากพี่หยวนกับน้องเฟินไว้ด้วยนะคะ//ส่งยิ้ม
ความคิดเห็น