ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์

    ลำดับตอนที่ #7 : แม่ทัพถงนิยมตัดแขนเสื้อ

    • อัปเดตล่าสุด 18 ธ.ค. 65


    รัชศกเซียนเทียนที่สาม เดือนหกปีจอ วันที่เก้า

     

     หมิงเลี่ยงหรูนึกอยากให้ตนเองกลายเป็นฝุ่นผงประดับวังอวิ้นเซียวนัก นางเพียงนำอาหารที่ท่านหัวหน้าพ่อครัวจงสั่งสอนมามอบให้ตามรับสั่งของพี่ใหญ่ที่กล่าวว่าทุกครั้งที่นางปรุงอาหารต้องนำมาส่งให้ถึงวัง มิฉะนั้นเขาคงทำหน้าบึ้งตึงส่งสายตาไม่พอใจให้นางไปทั้งวันเช่นครั้งที่นางละเลยคำสั่งเป็นแน่ แล้วเหตุใดพยัคฆ์ตัวเขื่องจึงจับจ้องนางราวกับคิดไต่สวนหาความผิดกันเล่า แม้รู้จักและเคยสนทนากันอยู่สองสามครา ทว่านางยังมิคุ้นชินเสียที

    หมิงเลี่ยงหรูรู้สึกคล้ายเส้นเลือดพลันแข็งตัว มือไม้เย็นเฉียบยิ่งกว่าตอนที่พี่ใหญ่เอ่ยปากเรื่องพี่น้องร่วมสาบานครั้งแรกเสียอีก ความกดดันยังมิเท่าวันที่ท่านตาทราบว่าพวกนางแลกจอกเหล้าสาบานกันไปแล้วจึงสั่งทำโทษมิเว้นแม้แต่องค์รัชทายาทยังต้องนั่งคุกเข่ากลางแดดยามตะวันตรงศีรษะ และสายตานั้นน่ากลัวยิ่งกว่ายามที่มารดาของนางทราบว่าเรื่องของล้ำค่าที่ทำให้เหวินลู่หลินถูกลงโทษนั้นเป็นแผนการและฝีมือของนางเอง

    เหตุใดวันนี้แม่ทัพถงจึงอยู่ที่นี่ได้เล่า!

    ฝีมือเจ้าดีขึ้นมาก

    เจ้าของวังกล่าวด้วยรอยยิ้มประจำกายที่แจกจ่ายเรี่ยราดให้กับน้องสาวที่รักยิ่งแต่เพียงผู้เดียว เจ้าว่าอย่างนั้นหรือไม่อาหรง

    นับว่ามิเสียแรงที่ฝึกปรือ เพียงแต่ไก่ผัดถั่วลิสงจานนี้หากหอมน้ำมันกว่ากว่านี้สักนิดย่อมนับว่าสมบูรณ์

    ถงหยางเซินจับจ้องเด็กสาวที่อมนั่งยิ้มแก้มตุ่ยยามได้ยินพี่ชายของนางกล่าวตามตรง นับว่าเป็นเด็กประหลาดนัก ทั้งที่ถูกกล่าวติต่อหน้าผู้อื่นยังยิ้มรับหน้าชื่นตาบาน มิได้มีร่องรอยของความน้อยใจสักนิด ทว่าเมื่อนางรับรู้ได้ว่าเขากำลังจับจ้องกลับก้มหน้างุด ทำหน้าตาราวกับถูกวิญญาณร้ายตามรังควานอย่างไรอย่างนั้น

    หยางเซิน อาหารถูกปากหรือไม่เมื่อเห็นสายตาวาววับจับจ้องราวกับน้องน้อยเป็นสิ่งแปลกใหม่จึงต้องรีบเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นถึงสี่ส่วน ทั้งยังรอยยิ้มที่มิอาจขยับเขยื้อนเผื่อแผ่ไปถึงนัยน์เนตรคู่สวยได้

    น้องรักของเราเก่งมากใช่หรือไม่

    อืม

    แม้มิเข้าใจว่าคนกล่าวถ้อยคำกดดันเพื่อสิ่งใด แต่อาหารเหล่านี้ล้วนปรุงออกมาได้เลิศรสจริงแท้ เห็นชัดว่าสืบทอดฝีมือจากหัวหน้าพ่อครัวของวังอวิ้นเซียวได้อย่างดี

    เช่นนี้แล้วอีกหน่อยน้องรักต้องเปิดเหลาอาหารของตนเองได้แน่ ถึงยามนั้นพี่ใหญ่ผู้นี้จะช่วยคิดชื่อทั้งทูลขอป้ายร้านพระราชทานให้ดีหรือไม่

    องค์รัชทายาทยิ้มให้กับความคิดดีงามของตนเอง มิทันได้มองสีหน้าลำบากใจของน้องน้อยสักนิด

    เพียงพี่ใหญ่เสียสละท่ให้านอาจารย์ไปสอนน้องถึงจวน ทั้งยังความตั้งใจช่วยคิดชื่อร้านก็นับว่าเพียงพอแล้วเจ้าค่ะ มิต้องถึงขั้นทูลขอ...” ยังมิทันจะได้เอ่ยแย้งจนจบ นัยน์เนตรมังกรกลับตวัมองจนนางะดุ้ง

    นั่นอย่างไรเล่า มุมปากเริ่มตกลงมาแล้ว

    พี่ใหญ่เจ้าขา เอาอย่างนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ พี่ใหญ่คิดชื่อร้าน เขียนป้ายชื่อร้านให้น้อง มาเปิดร้านให้น้องดีหรือไม่เจ้าคะป้ายชื่อร้านพระราชทานดูจะยิ่งใหญ่เกินกว่าไหล่เล็กๆของนางจะรับไหว อีกทั้งนางมิอยากให้พี่ใหญ่ทำเรื่องเล็กจ้อยร่อยให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนั้น

    แม่ทัพหนุ่มจับจ้องเสี้ยวหน้าผู้สูงศักดิ์ที่สามารถนับเป็นสหายสนิทแต่วัยเยาว์ด้วยความขบขัน ทว่ากลับมิคิดแสดงออกทางสีหน้า ด้วยว่าโอรสมังกรถึงกับทำหน้าบูดบึ้งประหนึ่งโดนขัดพระทัยนักหนา ทั้งที่เป็นเพียงการให้เหตุผลที่เหมาะและสมควร อันที่จริงต้องกล่าวว่าเขาเข้าใจดีถึงความลำบากใจของสตรีน้อยหนึ่งเดียวกลางโต๊ะอาหาร

    ข้าเห็นด้วยกับหรูเอ๋อร์นะขอรับ หมิงเลี่ยงหรงพยักหน้าเออออตามสายตาของน้องน้อยที่ส่งมาอย่างเว้าวอนจนหมูทอดเกือบติดคอ ดวงตากลมโตวาวน้ำสั่นระริกเช่นนั้น สามารถช่วงชิงลมหายใจบุรุษได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว กลับจวนไปคงมีเรื่องให้ต้องสั่งสอนอีกมาก

    หากเป็นไปได้จะขอเก็บนางแอบซ่อนไว้ในจวน! 

    พวกเจ้าสองคนพี่น้องเอาแต่ใจนัก

    เมื่อเห็นว่าน้องร่วมสาบานทั้งสองมิยินยอมให้ความร่วมมือโดยง่ายจึงยอมเลิกรา แม้ในใจกำลังคิดวางแผนให้ได้มาซึ่งป้ายร้านพระราชทาน จะว่าอย่างไรก็ว่ามาเถิด นี่น้องสาวสุดรักสุดหวงของเขา เจ้าพี่น้องในรั้วในวังช่างน่ารำคาญ มิเห็นน่าเอ็นดูอย่างเจ้าตัวน้อยนี่บ้างเลย

    ส่วนเจ้า! เลิกทำหน้าน่ากลัวเสีย อาหารเสียรสหมด

    อันที่จริงต้องกล่าวว่าน้องน้อยของเขาหวาดกลัวจนจะกลายเป็นเต่าหดหัวไปแล้ว เขาเข้าใจดีว่าสตรีในห้องหอเช่นนางจะอดทนต่อสายตาดุจมารร้ายของสหายได้อย่างไร น่าควักลูกตาทิ้งนัก

    ข้าเพียงมอง หรือแม้แต่มองเจ้าก็หวง?เห็นอีกฝ่ายท่าทางอยากลงไม้ลงมือเขาจึงยิ่งจ้องเจ้ากระต่ายตัวน้อยที่ทำท่าจะหลบเข้าแขนเสื้อของพี่ชายบุญธรรมที่พร้อมกางปีกปกป้องแม้กระทั่งเรื่องไร้สาระ 

    แต่เดิมเขาเคยคิดว่าสองพี่น้องสกุลหมิงคงเข้าหาเว่ยชงหยวนเพราะอีกฝ่ายถือครองอำนาจแห่งองค์รัชทายาทที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานเหนือผู้ใด คงคิดใช้คนต่างเบี้ยเพื่อสร้างรากฐานให้ตนเอง แต่เมื่อได้พบกับหมิงเลี่ยงหรงบ่อยเข้าจึงรู้ว่าอีกฝ่ายน่าคบหาพอดู ฉลาดเฉลียว ทันคน ทั้งยังมิได้ช่างเจรจาน่ารำคาญเหมือนพวกสอพลอ กลับเป็นบุรุษสงวนท่าทีและถ้อยคำ ทั้งยังคิดหักเหจากบัณฑิต ฝึกฝนเพื่อเป็นกุนซือกองทัพดั่งที่ท่านอดีตแม่ทัพหมิงชื่อซิ่นปรารถนา

    ส่วนเจ้ากระต่ายน้อยที่แม้ดูมีท่าทีหวาดกลัว หากจับจ้องลึกลงไปจะเห็นความเจ้าเล่ห์แสนกลอย่างมิน่าไว้วางใจในดวงตาคู่โต กระนั้นยังรู้จักเก็บงำและหาได้คิดใช้กับคนใกล้ชิด มิเช่นนั้นแล้วต่อให้เว่ยชงหยวนฉลาดเฉลียวระมัดระวังเพียงใดคงก้าวตกบ่วงในไม่ช้า

    อา...หรือต้องกล่าวว่าบัดนี้ก้าวร่วงหล่นลงหลุมไปเสียแล้ว ดูคนจะตามใจและยัดเยียดสิ่งดีงามที่ผู้คนล้วนปรารถนาให้นางเสียเหลือเกิน แต่ยังดีที่หมิงเลี่ยงหรูยังรู้ความ มิได้ตะกละตะกลามคว้าเอาเข้าปาก ยังอยู่ในที่ทางของตน

    หลายครั้งที่เขาส่งคนลอบสังเกตสองพี่น้อง แน่นอนว่าล้วนอยู่ในสายตาของผู้นำตระกูลหมิง นางเพียงทุ่มเทกับการเรียนศาสตร์ศิลป์ที่สตรีในห้องหอล้วนต้องเล่าเรียน เจียดเวลาเล่าเรียนกับหัวหน้าพ่อครัวจงที่เว่ยชงหยวนส่งไปสอน ทั้งยังวางแผนก่อร้างสร้างร้านให้ตนเอง ยามว่างเพียงปลูกดอกไม้งามจนรอบจวนเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธ์ มิได้ต่างจากเด็กสาวทั่วไปเท่าใดนัก ทั้งที่เว่ยชงหยวนเองกลับเล่าว่าอดีตนางช่างขมขื่นน่าสงสารยิ่งจนต้องเอาตัวไปพันผูก ลักขโมยลูกหลานผู้อื่นมาเป็นน้องสาวตน

    หรือแท้จริงเขามองข้ามสิ่งใดไป แต่ช่างเถิด หากยังมิได้เป็นภัยต่อองค์รัชทายาท เช่นนั้นในฐานะแม่ทัพเคียงบัลลังก์เขาจะยอมปล่อยผ่าน หากเส้นทางการก้าวสู่ตำแหน่งฮ่องเต้ต้องติดขัดเพราะนาง เขามิลังเลเลยที่จะลงดาบประหัตถ์ประหาร

    คงต้องขอจับตาดูนางไปนานหน่อยก็แล้วกัน

    หยุด! อย่าริมองน้องรักของข้าเช่นนั้นเจ้าเสือเผือกเว่ยชงหยวนคล้ายคนถูกลูบคม เมื่อสหายรักทำท่ายื่นหน้ายื่นตาเข้าหาน้องน้อย ทั้งยังเบิกตาจ้องอย่างข่มขวัญ นี่มิใช่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งส่งเสริมให้คนรังแกน้องรักของเขาหรือ

    เจ้าหวงเกินไปหรือไม่ ออกนอกวังเจ้าไปคงมีบุรุษมองตามนางเป็นพรวนเห็นกล่าวตามความจริง แต่เหมือนอีกสองคนจะรับความจริงมิได้ เมื่อจู่ๆหมิงเลี่ยงหรงกลับกำตะเกียบแน่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    เหลวไหล นางยังมิพ้นวัยปักปิ่น ผู้ใดจะมองนางเช่นนั้นกัน

    องค์รัชทายาทคล้ายถูกคนคว้ามีดกรีดกลางฝ่ามือ มือซ้ายยกขึ้นลูบศีรษะน้องน้อยที่จ้องเขาตาแป๋วน่ารักยิ่ง ลองพวกมันกล้ามองเช่นนั้น เขาจะให้คนตามไปควักลูกตามันมากระทืบทิ้งเสีย

    แม่ทัพใหญ่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย คล้ายเห็นคนหวงของรักจนต่อให้ตาย วิญญาณคงวนเวียนเฝ้าแต่นางมิห่างกาย

    ข้าขอสอนเจ้าสักหน่อยในฐานะที่ข้าเองก็มีน้องสาวปรายสายตามองคนเป็นพี่ชายเช่นเดียวกับตนที่มีทีท่าสนใจกระนั้นยังแอบต่อต้าน

    สักวันนางย่อมต้องออกจากอกเจ้า พวกเจ้ามิสามารถปกป้องนางตลอดไปได้หรอก และเจ้า คุณหนูหมิงเขาตวัดสายตากดดันไปยังนางเล็กน้อย หวังให้นางรู้สึกหวาดกลัวจนเลิกเกาะชายอาภรณ์รัชทายาทเสียที

    เจ้าเป็นสตรี แม้องค์รัชทายาทจะเป็นพี่ชายบุญธรรมแต่ก็มิควรสนิทชิดเชื้อถึงเพียงนั้น ผู้อื่นเห็นเข้าเกรงว่าจะไม่เหมาะ เจ้าจะมิเสียใจหรือหากมิได้ตบแต่งกับบุรุษที่พึงใจ หรือแท้จริงเจ้าปรารถนาตำแหน่งอื่นใดที่มิควรไขว่คว้าเล่า

    คนถูกกล่าวหาหน้าชาประหนึ่งถูกตบหน้า ริมฝีปากสีชมพูเม้มแน่น ดวงตาจ้องเขม็งอย่างนึกรังเกียจเจ้าของความคิดแสนเน่าเหม็น หมิงเลี่ยงหรูปล่ยมือจากชายอาภรณ์เนื้อดี นางรู้อยู่แก่ใจว่ามิอาจแตะต้องด้วยซ้ำ หากเขาได้ลองอยู่ในสถานะเดียวกันกับนางบ้าง หากมิยอมออดอ้อนเป็นเด็กน้อยแต่โดยดีคงมิแคล้วถูกลากมาอบรม นอนเฝ้าวังอวิ้นเซียวเหมือนคราวที่พี่ใหญ่หอบผ้าหอบผ่อนไปสิงยังจวนสกุลหมิงแน่

    แล้วท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่จิตใจสูงส่งผู้นี้เหตุใดจึงกล่าวหานางราวกับนางเป็นสตรีที่หวังจับผู้มีอำนาจให้ตนเองไต่เต้าเหนือผู้อื่นกัน

    น่าชังนัก!

    ข้ามิได้อาจเอื้อมถึงเพียงนั้น เกรงว่าท่านแม่ทัพคงกล่าวหนักไปแล้ว เอ๊ะ! หรือว่า!

    นางแสร้งหลุบสายตาอย่างหวาดหวั่น แท้จริงเพียงข่มกลั้นโทสะ

    หรือท่านแม่ทัพปรารถนาตำแหน่งนั้นกันเจ้าคะจึงได้มองข้าเช่นนั้น 

    างแย้มรอยยิ้มเก้อกระดาก ทั้งยังมองสบตาพี่ใหญ่อย่างขออภัยที่ล่วงเกินเขาไปคราหนึ่ง น้องมิทราบว่าท่านแม่ทัพพึงใจพี่ใหญ่ น้องขออภัยนะเจ้าคะ

    ตบท้ายด้วยการค้อมศีรษะขออภัยอีกหนึ่งคราแล้วจึงมองหน้าคนที่กำลังหน้าดำหน้าแดงด้วยโทสะ นัยน์ตาวาวโรจน์เหมือนมีผู้ใดก่อกองไฟผิงให้คลายความหนาว

    ข้ามิขัดขวางท่านแม่ทัพแน่นอนเจ้าค่ะ ได้แต่เอาใจช่วยท่านห่างๆเท่านั้น

    กล้ากล่าวหาว่านางคิดปีนเตียงพี่ใหญ่ เช่นนั้นท่านก็จงถูกกล่าวหาว่าคิดปีนเตียงสหายเอาเองเถิด!

    หรูเอ๋อร์ขอสมน้ำหน้าเจ้าค่ะ!




    วันนี้นางมิต้องรีบร้อนปรุงอาหารเพื่อนำไปให้พี่ใหญ่ที่วังอวิ้นเซีย เพียงตระเตรียมเรือนรับรองให้พร้อมต้อนรับผู้สูงศักดิ์เท่านั้น ลูกมือในครัวมีเพียงเสี่ยวเหยากับแม่ครัวอีกหนึ่ง นางมิชอบให้ผู้ใดเขามาวุ่นวาย ด้วยว่าหยิบจับอันใดล้วนมิถนัด คนน้อยเช่นนี้ย่อมเพียงพอ ขอเพียงนางฝึกปรือฝีมือให้คล่องแคล่ว ไว้ยามนั้นค่อยถ่ายทอดให้คนครัวสกุลหมิงก็ยังมิสาย แต่ยามนี้ขอนางพัฒนาตนเองให้รอดเสียก่อน

    นางตั้งใจให้พี่ใหญ่ได้ลิ้มลองอาหารสามจาน ซึ่งสองในสามเป็นสิ่งที่นางเคยทำให้เขาลิ้มรสไปแล้ว เพียงแต่ยังขาดความจัดจ้านของรสชาติ วันนี้จึงใคร่ขอแก้ตัว สุ่ยจู๋อวี๋[1]และกงเป่าจีติง[2]จึงเป็นสิ่งที่นางคาดหวัง ส่วนอีกหนึ่งซึ่งเป็นอาหารจานใหม่ที่เขาจะได้ชิมในวันนี้คือหุยกัวโร่ว[3] แน่นอนว่านางมิลืมน้ำแกงไก่ดำดับความเผ็ดร้อนด้วย

    หยิบหม้อตั้งบนเตา ใส่น้ำครึ่งหนึ่งแล้วจึงนำต้นหอมหั่นท่อน ขิงหั่นแว่น พริกไทย เหล้าเหลืองใส่ลงหม้อ สุดท้ายจึงค่อยวางหมูสามชั้นลงไปสักหลายชิ้น เพราะนอกจากพี่ใหญ่ยังต้องให้ทุกผู้ทุกนามในสกุลหมิงช่วยชิมและวิจารณ์รสชาติ

    ระหว่างรอหมูต้มสุกจึงหันไปจัดเตรียมกะทะตั้งไฟ หวังทำกงเป่าจีติงก่อนจึงค่อยจัดแจงหุยหัวโร่วเป็นอย่างสุดท้าย เสียงร้อนฉ่าของกะทะยามใส่น้ำมันลงไปช่างไพเราะ ยามผัดพริกแห้งหั่นและพริกเสฉวนจึงส่งกลิ่นหอมจนต้องลอบกลืนน้ำลาย นางชื่นชอบกลิ่นสีของอาหารนัก

    เมื่อพริกเปลี่ยนสีจึงรีบตักขึ้น วางพักไว้ แล้วนำไก่หมักหั่นเต๋าใส่ลงกะทะต่อ มันส่งเสียงซู่น่าฟัง นางควงตะหลิวประหนึ่งจอมยุทธ์ควงกระบี่ พี่ชายโขกหมากล้อม ท่วงท่าคล่องแคล่วว่องไวทว่าสุขุมรอบคอบ

    ถงหยางเซินเดินตามกลิ่นหอมเข้ามาเพื่อชมดูว่าลูกศิษย์ของหัวหน้าพ่อครัวจงเป็นอย่างไร นางอิดออดมิยอมปรุงอาหารเองแล้วอวดอ้างฝีมือของหัวหน้าพ่อครัวเป็นของตนเพื่อให้ได้พบหน้าองค์รัชทายาทหรือไม่ ยามเห็นว่านางควงตะหลิวโรมรันกับเนื้อไก่ในกะทะจึงยืนหลบมุมเฝ้าดูอย่างพออกพอใจ อีกทั้งเด็กสาวยังมิรู้ตัวว่าผู้อื่นล่วงล้ำเข้ามาในครัวแล้ว

    เขาลอบส่งสายตากดดันสาวรับใช้ทั้งสองที่ทำท่าเลิ่กลั่กอยากบอกกล่าวเจ้านายตนเหลือแสน เมื่อเห็นพวกนางยอมสงบเสงี่ยมเป็นลูกมือดังเดิมจึงลากสายตากลับยังดรุณีน้อยอีกครา ท่าทางยามนางปรุงอาหารช่างจริงจังและดึงดูดสายตาอย่างน่าประหลาด

    โคนต้นหอมที่ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำถูกใส่ลงกะทะด้วยปลายนิ้วเรียวสล มันทิ้งตัวลงบนเนื้อไก่อย่างนุ่มนวล เช่นเดียวกับกระเทียมสับและขิงสับละเอียด หมิงเลี่ยงหรูยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นอาหารของตนเริ่มมีสีสัน ตวัดตะหลิวอีกเพียงสิบห้าครั้งจึงนำเครื่องปรุงรสที่ผสมเตรียมไว้แต่แรกเทลงไป กลิ่นหอมของน้ำมันงาลอยแตะจมูกจนลอบอมยิ้มกับตนเอง

    นางหยิบถ้วยใส่ถั่วลิสงเทตามลงไปอย่างทะนุถนอม คลุกเคล้าจนทุกส่วนเข้ากันกลมเกลียวเหนียวแน่นมิอาจแยกจากดั่งนกยวนยางได้แล้วจึงรอให้สุกดี จัดการจัดอาหารที่แสนภาคภูมิใจลงจาน โรยด้วยต้นหอมหั่นแว่นบางเฉียบสีเขียวงดงาม กงเป่าจีติงของนางให้คล้ายมีชีวิตชีวานัก

    อืม หน้าตาถือว่าดูดีคนที่ซุ่มดูเงียบเชียบเปล่งเสียงออกมา เขาเอ่ยชมจากใจตามที่เห็น อาหารของนางหน้าตาน่ารับประทานมาก ชวนให้น้ำลายสอ

    ทั้งรอยยิ้มของนางยามปรุงอาหารช่างงดงามจับตา

    แม่ทัพถง!แม่ครัวตัวน้อยคล้ายบื้อใบ้ไปชั่วขณะ ก่อนส่งสายตาดุไปยังลูกมือทั้งสอง บุรุษตัดแขนเสื้อจ้องงาบพี่ใหญ่ของนางบุกเข้ามาถึงครัวเหตุใดจึงมิส่งเสียงเตือนให้นางขับไล่ออกไปเล่า

    เป็นข้าห้ามพวกนางไว้เห็นว่าคุณหนูสกุลหมิงคลายจะกระโดดขบหัวบ่าวไพร่จึงออกหน้ารับ สายตายังจ้องประสานกับดวงตาดอกท้อวาวโรจน์

    ท่านแม่ทัพมีธุระอันใดเจ้าคะ

    แม้จะเอ่ยถามเขา แต่นางยังคงขยับมือคล่องแคล่ว เมื่อเห็นหมูสามชั้นสุกดีจนน้ำงวดดังที่ต้องการแล้วจึงยกลงจากเตา วางมันบนเขียงให้คลายร้อนสักนิดจึงค่อยลงมือหั่นเป็นแผ่นมิหนามิบางจนเกินไป

    ไม่มี

    เด็กสาวละสายตาจากมีดคม ตวัดสายตามองตัวก่อกวนในพื้นที่ของนาง กล้ากล่าวได้อย่างไรว่ามิได้มีธุระ เห็นชัดว่าจ้องนางแทบมิกะพริบตาราวกับจับผิด

    แม่ทัพถงโปรดวางใจ ข้ามิได้ใส่ยาแปลกๆอันใดในอาหารแน่นอนเจ้าคะคิดได้เพียงอย่างเดียวคือเขามิไว้ใจนาง เกรงว่านางจะวางยาพี่ใหญ่กระมัง

    เหอะ ไร้สาระยิ่ง พี่ใหญ่ดีกับนางกับพี่ชายของนางถึงเพียงนี้ เหตุใดนางต้องทำร้ายเขาด้วยเล่า

    ถงหยางเซินเลิกคิ้วมองเจ้าตัวน้อยที่ปรายสายตามาทางเขาอย่างดูถูกดูแคลน ความเข้าใจกระจ่างวาบในห้วงคิด ดูท่าตัวออดอ้อนน้อยจะเข้าใจผิดคิดว่าเขามาจับตาดูด้วยยังแคลงใจกระมัง ยอมรับว่าเขาแคลงใจนัก ผู้คนมากมายเข้าหาเว่ยชงหยวนด้วยหวังผลประโยชน์จากตำแหน่งรัชทายาท สตรีทั้งหลายล้วนอยากจับพระองค์ให้อยู่มือ

    แม้คราแรกจะระแวงว่าหมิงเลี่ยงหรูผู้นี้จะคิดปีนเตียงโดยหลอกล่อให้องค์รัชทายาทเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับตน แล้วค่อยหาจังหวะเหมาะเอื้อมคว้าตำแหน่งหวงไท่จื่อเฟย ทว่าหลังจับตาดูอยู่หลายเดือนจึงทราบว่านางหาใช่สตรีเช่นนั้นไม่ ทั้งยังมุ่งมั่นเรียนรู้ศาสตร์ศิลป์สตรี มีความคิดสืบทอดกิจการจากหมิงฮูหยิน เขานับถือนางในส่วนนี้ ทว่ายังคงมีแอบคิดบ้างว่าสตรีตัวเท่านี้จะสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างแต่ผู้เดียวได้อย่างไร อย่างน้อยอาหารที่นำถวายองค์รัชทายาทแทบทุกวันนั้นคงมีของผู้อื่นปะปนไปบ้าง แต่ยามนี้เขามิได้คิดเช่นนั้นเสียแล้ว

    ยิ่งมองท่าทางคล่องแคล่วทั้งยังมีความสุขของนาง ให้คล้ายว่าเขาดูถูกนางอย่างร้ายกาจ ที่ยังคงมองดูอยู่ยามนี้เพียงเพราะชื่นชอบสีหน้าท่าทางยามนางหยิบจับเครื่องครัวเท่านั้น

    คล้ายว่าเขาจะหิวขึ้นมา จึงรอดูว่านางจะรังสรรค์รสชาติแบบใดให้ได้ลิ้มลอง

    ข้ามิได้คิดว่าเจ้าจะทำร้ายองค์รัชทายาท เพียงอยากชมเวลาปรุงอาหารเท่านั้นเขากล่าวเสียงเรียบ เห็นท่าทางนางชะงักไปหน่อยหนึ่ง ทั้งยังมองเขาโดยตรงอย่างสงสัยใคร่รู้จึงเก็บซ่อนแววตายามมองมือขาวของนางลง

    หากทำให้อึดอัดต้องขออภัย

    หมิงเลี่ยงหรูชะงักไปเพียงเสี้ยวลมหายใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายชี้แจงเสียยืดยาว ทั้งยังเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษอย่างที่น้อยครั้งจะได้ยิน ดังนั้นคนใจกว้างเช่นนางย่อมให้อภัย สายตาคมกริบจ้องมองเพียงมือของนาง ยามนางคว้ามีดเขามองมีด เมื่อคว้ากะทะเขามองกะทะ นางจึงเข้าใจ แท้จริงเขาคงอยากเข้าครัวทำอาหารให้พี่ใหญ่ทานบ้าง แต่คำว่าบุรุษและแม่ทัพค้ำคอจึงทำได้เพียงจ้องมองอย่างโหยหาเพียงเท่านั้น

    ดูสายตาสิ ช่างน่าสงสารเสียจริง เช่นนั้นนางควรมีเมตตาสักหน่อย ถือว่าช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์(ที่นิยมตัดแขนเสื้อ)ให้สมปรารถนา เติมเต็มหัวใจที่ต้องเก็บกดตัวตนเอาไว้ก็แล้วกัน

    หลายคราที่ได้สนทนาต่อปากต่อคำกับเขา จวบจนล่วงเลยมาครึ่งปี นางขอลงความเห็น ทุ่มจนหมดหน้าตัก

    แม่ทัพถงนิยมตัดแขนเสื้อ![4]

    เป็นข้าเข้าใจผิดไปเอง ต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ เห็นเขายอมลงให้ นางก็ต้องขอโทษที่ตีความต้องการของเขาผิดไป นางลืมไปได้อย่างไรว่าหัวใจของเขาเป็นสตรีเช่นเดียวกับนาง

    หากท่านแม่ทัพอยากดู ข้าจะให้บ่าวยกเก้าอี้มาให้นะเจ้าคะ

    เห็นนางลงให้มากโข ถงหยางเซินจึงลอบกระตุกยิ้ม ซ่อนนัยน์ตาแพรวพราว ไม่เป็นไร ข้ายืนได้ เจ้าปรุงอาหารต่อเถิด

    เมื่อถูกเอ่ยห้าม หมิงเลี่ยงหรูจึงมิว่าอันใด เขาอยากทำอันใดก็ทำไป นางหันกลับมาสนใจหมูสามชั้นต้มที่หั่นเป็นชิ้นสวยงาม ตั้งกะทะจนน้ำมันร้อนจึงนหมูลงทอดทีละชิ้นจนขึ้นสีทองสวยงาม

    แม่ทัพใหญ่มองท่าทางของนาง เพลิดเพลินจนรู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อนางเอ่ยปากเรียกให้เขาตามออกไปด้านนอกเพื่อร่วมโต๊ะอาหาร นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเก้อกระดาก ด้วยเผลอลดความระมัดระวังจนมิรับรู้สิ่งใด

    กระทั่งแววตาที่แอบซ่อนไว้ มิทราบว่านางจะสังเกตเห็นหรือไม่

    ท่านแม่ทัพมิต้องเขินอาย ข้าเข้าใจเจ้าค่ะหมิงเลี่ยงหรูเห็นคนที่องตามมือนางมิลดละมีท่าทีเหมือนจะอับอายเล็กน้อยจึงเอ่ยปลอบใจ นางมองเขาด้วยสายตาเข้าอกเข้าใจมากขึ้น ทั้งยังสงสารอีกเล็กน้อย แต่อย่างไรก็มิยอมให้เขาปีนเตียงพี่ใหญ่หรอก

    หากท่านแม่ทัพอยากลองทำอาหารโปรดบอกข้า ข้ายินดีช่วยท่านสุดความสามารถนางจะช่วยหาข้ออ้างให้เขาลงครัวกับนาง ถือเสียว่าช่วยเขาลดความกดดันจากการต้องประคองหน้ากากเอกบุรุษ ซ้ำถงหยางเซินผู้นี้ยังช่วยสั่งสอนพี่รองตั้งมากมาย ช่วยเหลือเขาสักเล็กน้อยเป็นการตอบแทนก็แล้วกัน

    เพียงหวังว่าเขาจะมิคิดปีนเตียงพี่รองด้วยอีกคน!

    คิดแล้วให้หนักใจ เหตุใดพี่ชายทั้งสองต้องหน้าตางดงามด้วย

    ถงหยางเซินมองสายตาที่ราวกับเจ้าตัวเห็นใจเขานักหนา ซ้ำยังมีร่องรอยของความเวทนาและมุ่งมั่นแปลกประหลาดปนอยู่ให้รู้สึกคล้ายจะถูกเข้าใจผิดเรื่องใดไปไกลโข หากแต่มิคิดเอ่ยปากถาม

    มิเช่นนั้นอาจต้องจับนางมาตีก้นเสียให้เข็ด 


    [1]สุ่ยจู๋อวี๋ หมายถึง ปลาต้มน้ำ(ต้มในน้ำซุปหมาล่า)

    [2]กงเป่าจีติง หมายถึง ไก่ผัดพิทักษ์วัง (ต้นกำเนิดของไก่ผัดเม็ดมะม่วงของไทย)

    [3]หุยกัวโร่ว หมายถึง หมูสามชั้นผัดพริกเสฉวน

    [4]ตัดแขนเสื้อ หรือ ต้วนซิ่ว หมายถึง คนรักร่วมเพศ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×