ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ ๖

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 31
      0
      29 มิ.ย. 54

     ตอนที่ ๖

                    ฝ่ายผาเมืองเมื่อกลับไปอยู่เมืองยูโรนั้นก็ปฏิบัติตามคำสั่งของกุมภวาอย่างเคร่งครัด  กรมการเมืองยูโรนั้นจึงว่ากับผาเมืองว่าเหตุใดสูจึงยังฝึกทหารอยู่ซ้ำสูยังปล่อยชาวจิ๋นกลับแดนจิ๋นอีก       ผาเมืองจึงว่าเมืองเราเป็นอิสระจากจิ๋นแล้วก็จริงอยู่แต่ในไม่ช้าทัพจิ๋นก็จะมารุกรานเราอีกหากมิฝนทหารแล้วเราจะสู้เขาได้หรือ    ส่วนการที่ข้าปล่อยชาวจิ๋นผ่านเมืองเรากลับไปแดนจิ๋นโดยสะดวกนั้น    ชาวจิ๋นทั่วไปก็มิได้กระทำอันตรายต่อเรามีแต่เจียงหัมเท่านั้นที่ทำร้ายเรา    ชาวจิ๋นทั่วไปก็มีบ้านแลครอบครัวเหมือนกับเรา พวก สูจะให้ข้าสังหารผู้บริสุทธิ์หรือ    กรมการเมืองจึงว่าเช่นนั้นก็ตามแต่สูเถิด   แลยื่นจดหมายจากเมืองเชียงแลเป็นความว่าให้ผาเมืองมาหยั่งเชียงแสเพื่อร่วมหารือการจัดสรรกำลังทหาร    เมื่ออ่านจบผาเมืองมีความยินดียิ่งด้วย ผาเมืองนั้นมีความคิดถึงบัวคำเป็นอย่างมาก   ด้วยนางมีเมตตาต่อผาเมือง  แลเป็นเพื่อนคุยกับผาเมืองยามที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ     วันต่อมาจึงรีบมาหยั่งแคว้นจิ๋น

     

    ครั้นถึงเชียงแส  จึงพบกำฮอด กุมภวา สีเภา สีเมฆ  แลพะสิน  จึงถามกุมภวาว่า  พวกสูมีการอันใดรือจึงเรียกข้ามา  กุมภว่าจึงว่ารอเจ้าเมืองเม็งแลเจ้าเมืองเงินยางก่อนเถิดค่อยว่ากัน    กมุภวาจึงเล่าเรื่องแสนพลให้ผาเมืองฟังพอเล่าจบ    ผาเมืองจึงถามว่าสูมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าพลายจะร่วมกับเรา      กุมภวายิ้มแล้วมิได้ตอบประการใด   

    เวลาผ่านไปซักครู่หนึ่ง  แสนพล  และเจ้าพลายก็มาถึง  กุมภวาจึงบอกกับทั้งสองคนว่าข้ายินดียิ่งนักที่พวกสูทั้งสองร่วมมือกับเรา     แลบอกกับทุกคนว่าข้าขอให้พวกสูนำทหารจากเมืองของพวกสูทั้งสี่เมืองมาร่วมฝึกกับชาวเชียงแส  เจ้าพลายจึงถามว่าการฝึกทหารของเมืองข้านั้นดีมิพอหรือ     กุมภวาว่าทหารของสูนั้นถูกฝึกมาอย่างดีแล้วสูอย่าสงสัยเลยแต่ชาวไทเรามิได้รวมกำลังกันมากว่ายิ่สิบปีแล้ว    ระบบทัพนั้นแตกต่างกันออกไปจากเดิมมาก   หากเกิดสงครามเมื่อใดเห็นทีจะมิเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน    เจ้าพลายจึงกระซิบกับแสนพลว่าผู้นี้คือแม่ทัพของเชียงแสหรือมิใช่   แสนพลว่าคนนี้แหละสูจงปฏิบัติตามเขาเถิด   เจ้าพลายจึงเห็นด้วยแลมอบตราบัญชาการทหารเมืองเงินยางให้กับกุมภวา      ส่วนกำฮอด   ผาเมือง  แลพะสิน  มิขัดข้องประการใด      ครั้นทุกคนแยกย้ายกันไปแล้วผาเมืองจึงเข้าไปถามกุมภวาว่าเหตุใดสูจึงรู้ว่าเจ้าพลายจะร่วมมือกับเรา     กุมภวาจึงว่าที่ข้ารู้ว่าเจ้าพลายจะร่วมมือกับเราเพราะว่าความกลัวยังไงเล่าผาเมืองเจ้าพลายนั้นกลัวชาวจิ๋น    แลกลัวว่าจะเสียตำแหน่งเจ้าเมืองไปเลยยอมร่วมมือกับเรา

    กุมภวาจึงสั่งนับไพร่พลทั้งหมด  มีพลม้า 12000 พลเท้า  80000เศษ  กำฮอดจึงว่าทหารเราเมื่อเทียบกับทัพจิ๋นนั้นน้อยยิ่งนัก   กุมภว่าจึงว่าหากเรากระทำการอย่างรัดกุมทหารเพียงเท่านี้ก็พอแล้ว   แลกล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่จะปล่อยเจียงหัมซุนเจ้งซุนเจียงไป   กำฮอดจึงสั่งให้ทหารกลุ่มนึงทำทีว่าเป็นคนไทที่ชื่นชอบในตัวเจียงหำบุกเข้าไปในคุกแลพาตัวเจียงหัมไปแคว้นยูโรชายแดนระหว่างสิบสองพันนากับแผ่นดินจิ๋น    ซ้ำยังให้พูดด้วยว่าขอให้เจียงหัมนำทัพมาขับไล่พวกกำฮอดออกจากเมืองด้วยเถิดพวกข้าจะเป็นไส้ศึกให้   เมื่อเจียงหัมได้ยินดังนั้นจึงต้องกลของกุมภวาคิดว่าจะต้องกลับมาทำลายคนไทอีกครั้งให้ได้เพราะในแดนไทยังมีคนพักดีกับตนอยู่    แลกล่าวกับทหารกลุ่มนั้นว่าสักวันถ้าข้ากลับมาทำศึกที่นี่อีกครั้งจะตบลางวัลให้พวกสูจนถึงขนาด  และทั้งสามคนก็มุ่งหน้าไปทางแผ่นดินจิ๋น

    ระหว่างเดินทางนั้น  ซุนเจียวพูดกับซุนเจ้งว่าเห็นทีคราวนี้เราจะตายเสียกระมัง   ข้าคิดว่าถ้าทหารพวกนั้นต้องการช่วยพวกเราจริงคงจะมาช่วยตั้งแต่ในเมืองเชียงแสแล้วมิรอให้เราติดคุกเสียก่อนหรอก    ซุนเจ้งจึงว่าการครั้งนี้คงเป็นแผนของกุมภวาเป็นแน่แต่เรารึจะพูดอะไรได้     เราสองพี่น้องก็เป็นเพียงนายกอง

    ครั้นถึงเมืองโลหยางเมืองหลวงของฝ่ายจิ๋นทั้งสามคนจึงเข้าพบจิ๋นอ๋องเพื่อถวายรายงาน    เจียงหัมจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดให้จิ๋นอ๋องฟัง     จิ๋นอ๋องตรัสถามเจียงหัมคนว่า  เหตุใดสูจึงปล่อยให้คนไทกำเริบถึงเพียงนี้  เจียงหัมจึงว่าเพราะซุนเจ้งซุนเจียวสองพี่น้องกระทำการไม่รัดกุมเข้าข้างคนไทมากเกินไปจนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องนี้     ซุนเจียวจึงว่าสูโหดร้ายถึงเพียงนี้มีอย่าว่าแต่คนไทเลยเผ่าใดๆก็หาทนสูได้ไม่   เจียงเพ๊กพี่ชายเจียงผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ของชาวจิ๋นจึงเอ่ยขึ้นว่าทั้งสามคนมีความผิดก็จริงอยู่    แต่เพราะต้องการเรียกส่วยจากคนไทมาถวามแด่พระองค์มากขึ้น     ข้าเห็นว่าควรคาดโทษสั่งสามคนไว้ก็พอแล้ว    ในเมื่อคนไทมิยอมขึ้นต่อเราแล้ว    เราจำต้องยกทัพไปกำราบมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อชนเผ่าอื่นๆ      จิ๋นอ๋องจึงถามแก่ขุนนางทั้งหลายว่าพวกท่านมีความคิดใดอื่นหรือไม่   อองปิดขุนนางฝ่ายพลเรือนจึงว่าข้ามิเห็นควรว่าทัพจิ๋นควรทำสงครามกับชาวไท   เพราะสิบสองพันนานั้นอยู่ไกลทางไปก็ทุรกันดาร  ข้าคิดว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย

    เจียงเพ็กโกรธที่อองปิดคัดค้านตนจึงพูดว่า  ทัพจิ๋นแพ้ทัพไทนำความเสื่อมเสียมาให้จิ๋นอ๋องเหตุประการนี้ไม่เหมาะสมพอหรือ   อองปิดจึงว่าหากสูยกทัพจิ๋นไปทำศึกกับคนไททางใต้เมืองหลวงจะไร้ซึ่งทหาร        ถ้าเวลานั้นชาวมองโกลจากทางเหนือยกทัพมาโจมตีเราเล่า   เราจะมิแย่กว่าเดิมหรือ    เจียงเพ๊กยิ่งโกรธเป็นกำลังแต่มิได้ว่าประการใด

    จิ๋นอ๋องเห็นเจียงเพ็กโกรธดังนั้นจึงว่าสูอย่างเคืองไปเลยข้ารู้ว่าสูหวังดีต่อข้า   แล้วจึงหันไปถามอองปิดว่างั้นสูมีแผนการเช่นใด    อองปิดจึงว่าขุนส่าเจ้าเมืองข่านุนั้นเป็นคนโลภข้าเห็นว่าเราควรส่งทองคำไปมอบแก่ขุนส่า   สักห้าร้อยแท่ง   เป็นของกำนัล แลให้ขุนส่าจงใช้ทองนี้เชียงแสลงให้จงได้    จิ๋นอ๋องจึงว่าแผนของสูนั้นดีนักจึงหันไปกล่าวับเจียงเพ๊กว่า   สูจงทำตามแผนของอองปิดเสียก่อนเถิดหากไม่สำเร็จประการใดจึงทำตามวิธีของสู    ขุนนางจิ๋นทั้งหมดจึงแยกย้ายกันเจียงเพ๊กจึงถามเจียงหัมผู้น้องว่า  ซุนเจ้งซุนเจียวเข้าข้างคนไทจริงหรือ   เจียงหัมจึงเล่าเรื่องราวตอนที่ตนอยู่ในคุกให้เจียงเพ๊กฟัง   เจียงเพ๊กจึงโกรธจึงกล่าวว่าเพราะอ้ายลูกหมาสองตัวนั้นแท้ๆน้องข้าถึงได้เสียหน้าขนาดนี้ข้านนี้อยากจะตัดหัวมันทั้งสองยิ่งนักติดด้วยจิ๋นอ๋องได้ตัดสินความเพียงคาดโทษไว้    แต่เจียงเพ๊กนั้นถือว่าตนเป็นแม่ทัพใหญ่จึงสั่งปลดซุนเจ้งซุนเจียวเป็นสามัญชน     ซุนเจ้งซุนเจียวนั้นพอได้รับอาญาจากเจียงเพ็กแล้วก็กลับมาทำไร่ทำนาที่บ้านเกิด 

     

     ซุนเจ้งจึงว่าแก่ซุนเจียวว่าเราทั้งสองนั้นโชคดียิ่งนักที่หัวมิหลุดจากบ่า   ซุนเจียวตอบว่าเจียงเพ๊กเจียงหัมนั้นชั่วช้านักต่อจากนี้เราทั้งสองจงจั้งหน้าตั้งตาทำไร่ทำนาให้สบายเถิดอย่าได้หันกลับไปรับราชการอีกต่อไปเลย

    เมื่อจิ๋นอ๋องมีโองการให้อองปิดไปปฏิบัติตามแผนของตน   อองปิดจึงไปเบิกทองคำห้าร้อยแท่งมาจากพระคลังแลจัดขบวนมุ่งหน้าไปหาขุนส่าหยั่งแคว้นข่านุระหว่างทางนั้น   อองปิดได้พบกับวัดแห่งนึงจึงได้สั่งให้ขบวนของตนเข้าไปพักในวัดนั้นก่อน   อองปิดนั้นเดินเข้าไปในวัดหมายว่าจะสัการะเทพเจ้าสักหน่อย   แต่เมื่อเข้าไปในวัดนั้นกลับพบเทวรูปเพียงองเดียวอองปิดสงสัยยิ่งนักแต่ก็มิรู้จะถามใครถึงสักการะเทวรูปนั้นแล้วออกมาข้างนอก   จึงพบบุรุษผู้หนึ่งโกนศรีษะแลคิ้วห่มผ้าสีเหลืองกำลังกวาดลานวัดอยู่กริยาอาการดูสงบ     น่าเลื่อมไสยิ่งจึงเข้าไปถามว่าสูเป็นใครเหตุใดจึงโกนหัวแลคิ้วซ้ำยังเอาผ้าห่มคลุมตัวอีก   เทวรูปในวัดนั้นก็แปลกแลยังมีแค่องเดียวที่นี่คือศาลเจ้าหรือมิใช่   

    บุรุษผู้นั้นจึงตอบว่า  เราเพศบรรพชิตการจะเป็นเพศบรรพชิตได้นั้นต้องโกนศรีษะโกนคิ้วแลต้องสวมใส่ผ้าเหลืองจะใส่เสื้อเหมือนอย่างคนอื่นมิได้   อองปิดสงสัยจึงถามต่อว่าแล้วสูเป็นเพศบรรพชิตได้อย่างไรแล้วสูเป็นเพศบรรพชิตเพื่อสิ่งใด   บุรุษผู้นั้นจึงกล่าวว่าการจะเป็นเพศบรรพชิตจะต้องให้ท่านอาจารย์กระทำให้   ตัวข้าเป็นเพศบรรพชิตนั้นเพื่อจะศึกษาคำสอนของท่านอาจารย์ผู้ใหญ่   ท่านอาจารย์ผู้ใหญ่ของเรานั้นสิ้นใจไปได้หลายร้อยปีแล้ว    แต่คำสอนท่านยังถูกจดจำแลยังคงศึกษากันอยู่   โดยท่านอาจารย์จะสอนข้า    สักวันตัวข้าก็จะเป็นท่านอาจารย์แลสอนคำสอนของท่านอาจารย์ผู้ใหญ่แก่เพศบรรพชิตรุ่นต่อๆไป    อองปิดจึงถามว่าคำสอนนั้นคืออะไร     บุรุษจึงตอบว่าความสงบของจิตใจถ้าสูอยากเข้าใจให้แจ่มชัดสูต้องมาเป็นเพศบรรพชิตเสียก่อน     อองปิดจึงว่าข้ามีภาระหน้าที่ๆต้องกระทำให้เสร็จก่อนข้ายังแสวงหาความสงบมิได้    อองปิดคำนับบุรุษผู้นั้นแลนำขบวนมุ่งสู่แคว้นข่านุ

     

    การเดินทางไปแคว้นข่านุนั้นต้องผ่านแคว้นยูโร  และแคว้นลือเสียก่อน   เมืองขณะเดินทางอยู่ในเมืองลือนั้นอองปิดก็กล่าวถามลูกหาบว่าพวกสูเคยมาสิบสองพันนาหรือไม่      ลูกหาบว่าไม่พวกข้ามิเคยมา    อองปิดถามต่อ  พวกสูว่าแคว้นไทนั้นเป็นเช่นไรบ้าง  ลูกหาบว่าสิบสองพันนานั้นสงบเรียบร้อยกว่าเมืองของจิ๋นมากแต่บ้านเมืองนั้นงดงามสู้เมืองของจิ๋นมิได้    ครั้นถึงแคว้นข่านุอองปิดจึงส่งทองให้ขุนส่าแลบอกจุดประสงค์ของตน   ขุนส่านั้นตอบว่าข้าจะเร่งลงมือในเร็ววัน  สูกลับไปบอกจิ๋นอ๋องเถิดว่าอย่าได้กังวล   การรบของข้ากับพวกเชียงแสเริ่มขึ้นในเร็ววัน!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×