คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ ๖
ฝ่ายผาเมืองเมื่อกลับไปอยู่เมืองยูโรนั้นก็ปฏิบัติตามคำสั่งของกุมภวาอย่างเคร่งครัด กรมการเมืองยูโรนั้นจึงว่ากับผาเมืองว่าเหตุใดสูจึงยังฝึกทหารอยู่ซ้ำสูยังปล่อยชาวจิ๋นกลับแดนจิ๋นอีก ผาเมืองจึงว่าเมืองเราเป็นอิสระจากจิ๋นแล้วก็จริงอยู่แต่ในไม่ช้าทัพจิ๋นก็จะมารุกรานเราอีกหากมิฝนทหารแล้วเราจะสู้เขาได้หรือ ส่วนการที่ข้าปล่อยชาวจิ๋นผ่านเมืองเรากลับไปแดนจิ๋นโดยสะดวกนั้น ชาวจิ๋นทั่วไปก็มิได้กระทำอันตรายต่อเรามีแต่เจียงหัมเท่านั้นที่ทำร้ายเรา ชาวจิ๋นทั่วไปก็มีบ้านแลครอบครัวเหมือนกับเรา พวก สูจะให้ข้าสังหารผู้บริสุทธิ์หรือ กรมการเมืองจึงว่าเช่นนั้นก็ตามแต่สูเถิด แลยื่นจดหมายจากเมืองเชียงแลเป็นความว่าให้ผาเมืองมาหยั่งเชียงแสเพื่อร่วมหารือการจัดสรรกำลังทหาร เมื่ออ่านจบผาเมืองมีความยินดียิ่งด้วย ผาเมืองนั้นมีความคิดถึงบัวคำเป็นอย่างมาก ด้วยนางมีเมตตาต่อผาเมือง แลเป็นเพื่อนคุยกับผาเมืองยามที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ วันต่อมาจึงรีบมาหยั่งแคว้นจิ๋น
ครั้นถึงเชียงแส จึงพบกำฮอด กุมภวา สีเภา สีเมฆ แลพะสิน จึงถามกุมภวาว่า พวกสูมีการอันใดรือจึงเรียกข้ามา กุมภว่าจึงว่ารอเจ้าเมืองเม็งแลเจ้าเมืองเงินยางก่อนเถิดค่อยว่ากัน กมุภวาจึงเล่าเรื่องแสนพลให้ผาเมืองฟังพอเล่าจบ ผาเมืองจึงถามว่าสูมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าพลายจะร่วมกับเรา กุมภวายิ้มแล้วมิได้ตอบประการใด
เวลาผ่านไปซักครู่หนึ่ง แสนพล และเจ้าพลายก็มาถึง กุมภวาจึงบอกกับทั้งสองคนว่าข้ายินดียิ่งนักที่พวกสูทั้งสองร่วมมือกับเรา แลบอกกับทุกคนว่าข้าขอให้พวกสูนำทหารจากเมืองของพวกสูทั้งสี่เมืองมาร่วมฝึกกับชาวเชียงแส เจ้าพลายจึงถามว่าการฝึกทหารของเมืองข้านั้นดีมิพอหรือ กุมภวาว่าทหารของสูนั้นถูกฝึกมาอย่างดีแล้วสูอย่าสงสัยเลยแต่ชาวไทเรามิได้รวมกำลังกันมากว่ายิ่สิบปีแล้ว ระบบทัพนั้นแตกต่างกันออกไปจากเดิมมาก หากเกิดสงครามเมื่อใดเห็นทีจะมิเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เจ้าพลายจึงกระซิบกับแสนพลว่าผู้นี้คือแม่ทัพของเชียงแสหรือมิใช่ แสนพลว่าคนนี้แหละสูจงปฏิบัติตามเขาเถิด เจ้าพลายจึงเห็นด้วยแลมอบตราบัญชาการทหารเมืองเงินยางให้กับกุมภวา ส่วนกำฮอด ผาเมือง แลพะสิน มิขัดข้องประการใด ครั้นทุกคนแยกย้ายกันไปแล้วผาเมืองจึงเข้าไปถามกุมภวาว่าเหตุใดสูจึงรู้ว่าเจ้าพลายจะร่วมมือกับเรา กุมภวาจึงว่าที่ข้ารู้ว่าเจ้าพลายจะร่วมมือกับเราเพราะว่าความกลัวยังไงเล่าผาเมืองเจ้าพลายนั้นกลัวชาวจิ๋น แลกลัวว่าจะเสียตำแหน่งเจ้าเมืองไปเลยยอมร่วมมือกับเรา
กุมภวาจึงสั่งนับไพร่พลทั้งหมด มีพลม้า 12000 พลเท้า 80000เศษ กำฮอดจึงว่าทหารเราเมื่อเทียบกับทัพจิ๋นนั้นน้อยยิ่งนัก กุมภว่าจึงว่าหากเรากระทำการอย่างรัดกุมทหารเพียงเท่านี้ก็พอแล้ว แลกล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่จะปล่อยเจียงหัมซุนเจ้งซุนเจียงไป กำฮอดจึงสั่งให้ทหารกลุ่มนึงทำทีว่าเป็นคนไทที่ชื่นชอบในตัวเจียงหำบุกเข้าไปในคุกแลพาตัวเจียงหัมไปแคว้นยูโรชายแดนระหว่างสิบสองพันนากับแผ่นดินจิ๋น ซ้ำยังให้พูดด้วยว่าขอให้เจียงหัมนำทัพมาขับไล่พวกกำฮอดออกจากเมืองด้วยเถิดพวกข้าจะเป็นไส้ศึกให้ เมื่อเจียงหัมได้ยินดังนั้นจึงต้องกลของกุมภวาคิดว่าจะต้องกลับมาทำลายคนไทอีกครั้งให้ได้เพราะในแดนไทยังมีคนพักดีกับตนอยู่ แลกล่าวกับทหารกลุ่มนั้นว่าสักวันถ้าข้ากลับมาทำศึกที่นี่อีกครั้งจะตบลางวัลให้พวกสูจนถึงขนาด และทั้งสามคนก็มุ่งหน้าไปทางแผ่นดินจิ๋น
ระหว่างเดินทางนั้น ซุนเจียวพูดกับซุนเจ้งว่าเห็นทีคราวนี้เราจะตายเสียกระมัง ข้าคิดว่าถ้าทหารพวกนั้นต้องการช่วยพวกเราจริงคงจะมาช่วยตั้งแต่ในเมืองเชียงแสแล้วมิรอให้เราติดคุกเสียก่อนหรอก ซุนเจ้งจึงว่าการครั้งนี้คงเป็นแผนของกุมภวาเป็นแน่แต่เรารึจะพูดอะไรได้ เราสองพี่น้องก็เป็นเพียงนายกอง
ครั้นถึงเมืองโลหยางเมืองหลวงของฝ่ายจิ๋นทั้งสามคนจึงเข้าพบจิ๋นอ๋องเพื่อถวายรายงาน เจียงหัมจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดให้จิ๋นอ๋องฟัง จิ๋นอ๋องตรัสถามเจียงหัมคนว่า เหตุใดสูจึงปล่อยให้คนไทกำเริบถึงเพียงนี้ เจียงหัมจึงว่าเพราะซุนเจ้งซุนเจียวสองพี่น้องกระทำการไม่รัดกุมเข้าข้างคนไทมากเกินไปจนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องนี้ ซุนเจียวจึงว่าสูโหดร้ายถึงเพียงนี้มีอย่าว่าแต่คนไทเลยเผ่าใดๆก็หาทนสูได้ไม่ เจียงเพ๊กพี่ชายเจียงผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ของชาวจิ๋นจึงเอ่ยขึ้นว่าทั้งสามคนมีความผิดก็จริงอยู่ แต่เพราะต้องการเรียกส่วยจากคนไทมาถวามแด่พระองค์มากขึ้น ข้าเห็นว่าควรคาดโทษสั่งสามคนไว้ก็พอแล้ว ในเมื่อคนไทมิยอมขึ้นต่อเราแล้ว เราจำต้องยกทัพไปกำราบมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อชนเผ่าอื่นๆ จิ๋นอ๋องจึงถามแก่ขุนนางทั้งหลายว่าพวกท่านมีความคิดใดอื่นหรือไม่ อองปิดขุนนางฝ่ายพลเรือนจึงว่าข้ามิเห็นควรว่าทัพจิ๋นควรทำสงครามกับชาวไท เพราะสิบสองพันนานั้นอยู่ไกลทางไปก็ทุรกันดาร ข้าคิดว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย
เจียงเพ็กโกรธที่อองปิดคัดค้านตนจึงพูดว่า ทัพจิ๋นแพ้ทัพไทนำความเสื่อมเสียมาให้จิ๋นอ๋องเหตุประการนี้ไม่เหมาะสมพอหรือ อองปิดจึงว่าหากสูยกทัพจิ๋นไปทำศึกกับคนไททางใต้เมืองหลวงจะไร้ซึ่งทหาร ถ้าเวลานั้นชาวมองโกลจากทางเหนือยกทัพมาโจมตีเราเล่า เราจะมิแย่กว่าเดิมหรือ เจียงเพ๊กยิ่งโกรธเป็นกำลังแต่มิได้ว่าประการใด
จิ๋นอ๋องเห็นเจียงเพ็กโกรธดังนั้นจึงว่าสูอย่างเคืองไปเลยข้ารู้ว่าสูหวังดีต่อข้า แล้วจึงหันไปถามอองปิดว่างั้นสูมีแผนการเช่นใด อองปิดจึงว่าขุนส่าเจ้าเมืองข่านุนั้นเป็นคนโลภข้าเห็นว่าเราควรส่งทองคำไปมอบแก่ขุนส่า สักห้าร้อยแท่ง เป็นของกำนัล แลให้ขุนส่าจงใช้ทองนี้เชียงแสลงให้จงได้ จิ๋นอ๋องจึงว่าแผนของสูนั้นดีนักจึงหันไปกล่าวับเจียงเพ๊กว่า สูจงทำตามแผนของอองปิดเสียก่อนเถิดหากไม่สำเร็จประการใดจึงทำตามวิธีของสู ขุนนางจิ๋นทั้งหมดจึงแยกย้ายกันเจียงเพ๊กจึงถามเจียงหัมผู้น้องว่า ซุนเจ้งซุนเจียวเข้าข้างคนไทจริงหรือ เจียงหัมจึงเล่าเรื่องราวตอนที่ตนอยู่ในคุกให้เจียงเพ๊กฟัง เจียงเพ๊กจึงโกรธจึงกล่าวว่าเพราะอ้ายลูกหมาสองตัวนั้นแท้ๆน้องข้าถึงได้เสียหน้าขนาดนี้ข้านนี้อยากจะตัดหัวมันทั้งสองยิ่งนักติดด้วยจิ๋นอ๋องได้ตัดสินความเพียงคาดโทษไว้ แต่เจียงเพ๊กนั้นถือว่าตนเป็นแม่ทัพใหญ่จึงสั่งปลดซุนเจ้งซุนเจียวเป็นสามัญชน ซุนเจ้งซุนเจียวนั้นพอได้รับอาญาจากเจียงเพ็กแล้วก็กลับมาทำไร่ทำนาที่บ้านเกิด
ซุนเจ้งจึงว่าแก่ซุนเจียวว่าเราทั้งสองนั้นโชคดียิ่งนักที่หัวมิหลุดจากบ่า ซุนเจียวตอบว่าเจียงเพ๊กเจียงหัมนั้นชั่วช้านักต่อจากนี้เราทั้งสองจงจั้งหน้าตั้งตาทำไร่ทำนาให้สบายเถิดอย่าได้หันกลับไปรับราชการอีกต่อไปเลย
เมื่อจิ๋นอ๋องมีโองการให้อองปิดไปปฏิบัติตามแผนของตน อองปิดจึงไปเบิกทองคำห้าร้อยแท่งมาจากพระคลังแลจัดขบวนมุ่งหน้าไปหาขุนส่าหยั่งแคว้นข่านุระหว่างทางนั้น อองปิดได้พบกับวัดแห่งนึงจึงได้สั่งให้ขบวนของตนเข้าไปพักในวัดนั้นก่อน อองปิดนั้นเดินเข้าไปในวัดหมายว่าจะสัการะเทพเจ้าสักหน่อย แต่เมื่อเข้าไปในวัดนั้นกลับพบเทวรูปเพียงองเดียวอองปิดสงสัยยิ่งนักแต่ก็มิรู้จะถามใครถึงสักการะเทวรูปนั้นแล้วออกมาข้างนอก จึงพบบุรุษผู้หนึ่งโกนศรีษะแลคิ้วห่มผ้าสีเหลืองกำลังกวาดลานวัดอยู่กริยาอาการดูสงบ น่าเลื่อมไสยิ่งจึงเข้าไปถามว่าสูเป็นใครเหตุใดจึงโกนหัวแลคิ้วซ้ำยังเอาผ้าห่มคลุมตัวอีก เทวรูปในวัดนั้นก็แปลกแลยังมีแค่องเดียวที่นี่คือศาลเจ้าหรือมิใช่
บุรุษผู้นั้นจึงตอบว่า เราเพศบรรพชิตการจะเป็นเพศบรรพชิตได้นั้นต้องโกนศรีษะโกนคิ้วแลต้องสวมใส่ผ้าเหลืองจะใส่เสื้อเหมือนอย่างคนอื่นมิได้ อองปิดสงสัยจึงถามต่อว่าแล้วสูเป็นเพศบรรพชิตได้อย่างไรแล้วสูเป็นเพศบรรพชิตเพื่อสิ่งใด บุรุษผู้นั้นจึงกล่าวว่าการจะเป็นเพศบรรพชิตจะต้องให้ท่านอาจารย์กระทำให้ ตัวข้าเป็นเพศบรรพชิตนั้นเพื่อจะศึกษาคำสอนของท่านอาจารย์ผู้ใหญ่ ท่านอาจารย์ผู้ใหญ่ของเรานั้นสิ้นใจไปได้หลายร้อยปีแล้ว แต่คำสอนท่านยังถูกจดจำแลยังคงศึกษากันอยู่ โดยท่านอาจารย์จะสอนข้า สักวันตัวข้าก็จะเป็นท่านอาจารย์แลสอนคำสอนของท่านอาจารย์ผู้ใหญ่แก่เพศบรรพชิตรุ่นต่อๆไป อองปิดจึงถามว่าคำสอนนั้นคืออะไร บุรุษจึงตอบว่าความสงบของจิตใจถ้าสูอยากเข้าใจให้แจ่มชัดสูต้องมาเป็นเพศบรรพชิตเสียก่อน อองปิดจึงว่าข้ามีภาระหน้าที่ๆต้องกระทำให้เสร็จก่อนข้ายังแสวงหาความสงบมิได้ อองปิดคำนับบุรุษผู้นั้นแลนำขบวนมุ่งสู่แคว้นข่านุ
การเดินทางไปแคว้นข่านุนั้นต้องผ่านแคว้นยูโร และแคว้นลือเสียก่อน เมืองขณะเดินทางอยู่ในเมืองลือนั้นอองปิดก็กล่าวถามลูกหาบว่าพวกสูเคยมาสิบสองพันนาหรือไม่ ลูกหาบว่าไม่พวกข้ามิเคยมา อองปิดถามต่อ พวกสูว่าแคว้นไทนั้นเป็นเช่นไรบ้าง ลูกหาบว่าสิบสองพันนานั้นสงบเรียบร้อยกว่าเมืองของจิ๋นมากแต่บ้านเมืองนั้นงดงามสู้เมืองของจิ๋นมิได้ ครั้นถึงแคว้นข่านุอองปิดจึงส่งทองให้ขุนส่าแลบอกจุดประสงค์ของตน ขุนส่านั้นตอบว่าข้าจะเร่งลงมือในเร็ววัน สูกลับไปบอกจิ๋นอ๋องเถิดว่าอย่าได้กังวล การรบของข้ากับพวกเชียงแสเริ่มขึ้นในเร็ววัน!!!
ความคิดเห็น