คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ ๕
เมื่อเจียงหัมและชาวจิ๋นเห็นเช่นนั้นก็หวาดกลัวอาวุธพลัดตกจากมือยอมแพ้ต่อทัพของชาวไท ฝ่ายสีหมอกก็เดินเข้าไปหาสีเมฆแลถามว่าเมื่อครู่พี่พบกับสร้อยทองใช่หรือไม่ พี่พูดอันใดกับนางบ้าง สีเมฆตอบว่าข้าคิดถึงนางเหลือเกินน้องข้าวันนี้ข้ายินดียิ่งนักที่ข้าได้พบนางแลรู้ว่านางภูมิใจในสิ่งที่ข้าทำแล้วสีเมฆก็มิได้ว่าประการใด เมื่อชนะทัพจิ๋นแล้วสีเภาจึงให้คนไปแจ้งข่าวให้กุมภวาและกำฮอดรู้ แลทัพไทก็ทำการบวงสรวงสักการะวิญญาณสร้อยทองแลเจ้าป่าเจ้าเขา ณ ริมน้ำโขงพอเสร็จพิธีจึงยกทัพกลับเข้าเมืองเชียงแส
เมื่อถึงเชียงแสสีเภาจึงนำชาวจิ๋นทั้งหมดขังคุกไว้ รอคำตัดสินจากที่ประชุมชาวเชียงแสว่าจะลงโทษเช่นใด พะสินและผาเมืองจึงว่าข้าสองคนจะลากลับเมืองแล้วขอให้พวกสูจัดการกับแคว้นของสูกันเองเถิดเจียงหัมนั้นหยาบช้าต่อชาวเชียงแสมามากนัก กุมภวาจึงบอกกับทั้งสองคนว่าเมื่อสูถึงแคว้นของพวกสูนั้นจงอย่านิ่งนอนใจ จงกะเกณฑ์ทหารฝึกฝนการต่อสู้ให้ชำนาญ กักตุนเสบียงให้มาก แลให้ประกาศไปว่าเราสามแคว้นนั้นมิได้ขึ้นต่อจิ๋นอีกต่อไป ข้ากับกำฮอดจะจัดการกับเจียงหัมเอง
เจียงหัมนั้นเมื่อพ่ายแพ้ต่อชาวไทก็มีความคับแค้นใจกล่าวโทษ ซุนเจ้งซุนเจียวว่าเหตุใดสูมิระวังให้ดี ปล่อยให้คนไทนั้นมีช่องว่างคิดการได้ถึงเพียงนี้ ซูนเจียวจึงว่าเหตุที่ท่านข้าหลวงทำให้คนไทเดือดร้อนต่างหากเป็นชนวนของเรื่องนี้ทั้งสองต่อว่ากันยังมิทันจบ ทหารก็นำตัวทั้งสามออกมาสู่ที่ประชุมเมืองเชียงแส ทั้งสามคุกเข่าต่อหน้ากำฮอดและกุมภวา กำฮอดจึงว่าสูรู้ตัวหรือไม่ว่าสูมีความผิดมากมายแค่ไหนเพียงแค่ชาวบ้านไม่ทำตามความต้องการของสู สูก็สั่งฆาเสีย ข้าเห็นว่าสูมิควรจะได้ตายอย่างสบายควรจะทรมานสูจนตาย เจียงหัมกลัวจนหน้าซีดตัวสั่น ซุนเจียวเห็นดังนั้นจึงตะโกนว่าพวกข้าเป็นชาวจิ๋นมิย่อท้อต่อความเจ็บปวดและทรมานสูจะทำประการใดก็ตามใจเถิดซุนเจียงพูดเช่นนี้เพื่อหวังจะดูถูกเจียงหัมว่าขี้ขลาด กำฮอดจึงปรึกษาที่ประชุมว่าจะทรมานเช่นใดดี กุมภวาจึงกระซิบกำฮอดว่าข้ามีความคิดที่ดีกว่านั้น สูมีความคิดอันใดหรือกำฮอดถามกุมภวา กุมภวาจึงว่าอย่างไรเสียจิ๋นอ๋องต้องยกทัพมารุกรานเราอีกเป็นแน่หากผู้ที่จะเป็นแม่ทัพนั้น เป็นเจียงหัมผู้เย่อหยิ่งเราย่อมจะทำลายทัพจิ๋นได้ง่ายดายกว่ามิใช่หรือ ข้าเห็นว่าให้ขังเจียงหัมไว้ห้องหนึ่ง แลขังซุมเจ้งซุนเจียวไว้อีกห้องหนึ่งแลให้มีช่องพอที่เจียงหัมจะมองเห็นกันฟังเสียงกันได้ ให้คุกของเจียงหัมนั้นสกปรกปล่อยให้เจียงหัมนั้นอดอยากให้ผู้คุมดุด่าแลดูถูกเจียงหัมให้จงหนัก ส่วนคุกของซุนเจ้งซุนเจียวนั้นสะอาดแลถูกปฏิบัติอย่างให้เกียรติ เห็นทีทั้งสองจะกินแหนงเกลียดชังกันยิ่งนัก ครั้นได้เวลาอันเหมาะสมก็ให้ผู้คุมแกล้งปล่อยทั้งสามคนไปเมื่อทั้งสามคนถึงเมืองจิ๋นได้เข้าพบจิ๋นอ๋อง เจียงหัมก็จะกล่าวหาว่าซุนเจ้งซุนเจียวนั้นเข้าข้างคนไทละเลยในหน้าที่จนจิ๋นต้องเสียดินแดนในปกครองไป จิ๋นอ๋องคงจะให้เจียงหัมนำทัพมาสิบสองพันนาสมความคิดเรา กำฮอดจึงว่าอุบายท่านนั้นดีแท้แลให้คนไปปฏิบัติตามแผนของกุมภวา ฝ่ายที่ประชุมจึงหารือว่าเชียงแสต้องมีเจ้าเมืองกำฮอดสูเป็นผู้คิดการจนสำเร็จ สูควรขึ้นเป็นเจ้าเมืองปกป้องชาวเมืองเสีย แลมอบตำแหน่งแม่ทัพให้กับกุมภวา กำฮอดและกุมภวาก็ยอมรับ
เมื่อเจียงหัมนั้นอยู่ในคุกนั้นได้รับความลำบากจากเคยอยู่อย่างสุขสบายต้องอดอยากจนร้างกายซูบผอมแลรู้สึกอับอายจากการกระทำของผู้คุมยิ่งนัก ผิดกับซุนเจ้งซุนเจียวที่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีก็เกิดแค้นใจคิดว่าสองพี่น้องนั้นฝักใฝ่ฝ่ายไทกระมัง
ฝ่ายกุมภวานั้นก็ประกาศอาสาชายฉกรรณ์เข้าฝึกฝนเพื่อเป็นกองทัพ สั่งให้ฝึกการใช้ดาบธนูแลการขี่ม้า ฝึกกระบวนทัพ แลดาบที่ใช้ฝึกนั้นให้หนักกว่าดาบจริงเท่านึง ฝึกกันเช้าจรดค่ำ ทัพเมืองเชียงแสนั้นเมื่อสำรวจแล้วได้ทัพม้าทั้งสิ้น 2000 ม้า แลพลเท้าอีกราว หมื่นเศษ กุมภวานั้นควบคุมกองทัพได้เรียบร้อยดุจว่ามีทหารไม่กี่ร้อยนาย
ขณะนั้นเวลาเย็นกำฮอดได้ไปพบกุมภวาที่บ้านนอกกำแพงเมืองเชียงแส เมื่อถึงกุมภวาจึงออกมารับกำฮอดที่หน้าบ้านแลนั่งเสพสุรากันอยู่ที่ใต้ถุนบ้าน กำฮอดจึงถามว่าเหตุใดสูจึงมีความรู้นักคุมทหารเรือนหมื่นได้อย่างเรียบร้อยแลรู้ในพิชัยสงครามของชาวจิ๋นอีก ผิดกับคนไทคนอื่น สูไปร่ำเรียนวิชาพวกนี้มาจากที่ใดกัน กุมภวาจึงว่าบิดาและมารดาข้านั้นค้าขายอยู่ระหว่างคนจิ๋นคนไทและเผ่าอื่นๆรอบดินแดนจิ๋น แต่เมื่อยื่สิบปีก่อนนั้นตอนสงครามที่สิบสองพันนาเสียเอกราชให้กับจิ๋นนั้น ข้าได้เห็นการรบของคนไทแลคนจิ๋นที่ทุ่งลาดขวัญข้าเสียบิดาแลพี่ชายของข้าในศึกคราวนั้นข้าเลยคิดว่าวันนึงคนไทต้องสู้กับจิ๋นอีกแน่ หลังจากนั้นเมื่อข้าติดตามมารดาข้าไปค้าขายที่เมืองใดก็จะตามหาผู้มีความรู้ในเมืองนั้นแลร่ำเรียนวิชาความรู้เท่าที่จะทำได้ ครั้นมารดาข้าสิ้นใจลง ข้าก็ยังคงค้าขายอยู่ในแผ่นดินจิ๋นนั้นแล จนคืนหนึ่งข้าฝันว่าข้าพบบิดาข้าบิดาข้านั้นสั่งให้ข้ากลับมายังเชียงแสบอกข้าว่าความรู้ของข้านั้นเป็นประโยชน์ต่อชาวเชียงแสแล้ว กำฮอดได้ฟังจบจึงหัวเราะแล้วพูดว่าชาวเชียงแสนั้น เสียบิดาเพราะชาวจิ๋นเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งแล้ว
พอเช้าวันใหม่กุมภวาก็ออกไปฝึกทหารตามปกติ แลมีม้าเร็วเข้ามาแจ้งว่ามีคนขี่ม้ามาจากทิศตะวันตกราวๆห้าสิบหกสิบคนเห็นจะได้ กุมภวาจึงสั่งให้สีสีเมฆคุมทหารออกไปดูลาดเลา เมื่อกองม้านั้นพบกับสีเมฆนั้นจึงตะโกนมาว่าข้ามาดีมิได้มาร้ายแต่อย่างใด สีเมฆจึงว่าพวกสูเป็นใครชาวบ้านทั่วไปมิขี่ม้าเป็นขบวนใหญ่เช่นนี้ กองม้านั้นจึงตะโกนบอกว่าเราเป็นตัวแทนมาจากแคว้นเม็งมาเพื่อพบกรมการเมืองเชียงแส ข่าวแพร่ไปจากแคว้นลือและแคว้นยุโรว่าท่านขับไล่ชาวจิ๋นออกจากสิบสองพันนาไปแล้วจริงรึไม่ สีเมฆจึงว่าดาบของข้าเล่มนี้ตัดหัวชาวจิ๋นมามากแล้วพวกสูจงตามข้ามาเถิดข้าจะพาพวกสูไปพบแม่ทัพของเรา เมื่อถึงเมื่อเชียงแสแล้วตัวแทนแคว้นเม็งจึงเข้าพบกำฮอดแลกุมภวา ทั้งสองจึงถามว่าสูชื่ออันใดแลชาวเม็งมีการอันใดกับเรา ตัวแทนชาวเม็งจึงว่าข้าชื่อ แสนพล เป็นเจ้าเมืองเม็งที่ข้าเร่งมาหาพวกสูด้วยตัวเองนั้นเพื่อนมาดูกับตาของข้าเองว่าพวกสูเอาชนะพวกจิ๋นได้จริงๆ กุมภวาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ แสนพลฟัง แสนพลฟังจบจึงสั่นหัวแล้วว่าพวกสูน่านับถือนักข้านั้นคิดเช่นพวกสูมานานแล้วแต่ข้านั้นไม่มีความกล้าพอ กุมภวาว่าเราเพียงกำจัดกองทัพหลักของจิ๋นในแดนไทเมื่อสิ้นทัพหลวงแล้วทหารจิ๋นที่เหลือก็ถอนกำลังกลับไปแดนจิ๋นเอง แล้วกุมภวาจึงพาแสนพลไปชมการฝึกทหารของชาวเมืองเชียงแส
เมื่อแสนพลเห็นจากฝึกทหารของกุมภวาก็ยิ่งมีความนับถือในตัวกุมภวามากยิ่งขึ้นไปอีก แสนพลจึงว่าข้ากับ เจ้าพลายเจ้าเมืองเงินยางนั้นเป็นเพื่อนรักกันด้วยข้าช่วยเจ้าพลายปราบชาวเงี้ยวที่เข้ามาก่อกวนตามแดนเมืองเงินยางเจ้าพลายกับข้านั้นใจตรงกันอยู่หากข้าชวนเจ้าพลายมาเข้าร่วมกับสูพวกเราก็จะเข้มแข็งมากขึ้น กุมภวาจึงคุกเข่าลงคำนับแสนพลแล้วกล่าวว่าข้านั้นเป็นกังวลใจด้วยความสองประการ ประการแรกข้าเกรงทัพจิ๋นจะมาเร็วกว่าที่ข้าคิดไว้ ประการที่สองคือแคว้นในสิบสองพันนานั้นยังคงไม่รวมกันเป็นหนึ่ง การที่สูจะเป็นธุระไปว่ากล่าวกับเจ้าพลายนั้นทำให้หายกังวลไปได้ประการหนึ่ง แสนพลจึงว่าอีกสองวันข้าจะพาแสนพลมาพบกับท่าน
ครั้นแสนพลไปถึงเมืองเงินยางเมื่อพบเจ้าพลาย เจ้าพลายจึงถามว่าสหายรักสูเป็นเช่นใดสบายดีหรือไม่ แสนพลจึงตอบว่าข้าสบายข้ามีข่าวน่ายินดีมาบอกสูชาวเชียงแสขับไล่ชาวจิ๋นไปได้นั้นเป็นความจริง เจ้าพลายจึงว่าสูคิดการใดอยู่จงว่ามาเถิด แสนพลจึว่าสูจงร่วมรบกับชาวเชียงแสเถิด เจ้าพลายว่าจะดีแล้วหรือหากเราสู้พวกจิ๋นไม่ได้เล่าจะเป็นเช่นใด แสนพลจึงว่ากุมภวาแม่ทัพของเชียงแสนั้นเก่งกาจยิ่งนักหากเราเพียงสองเมืองก็คงสู้ทัพจิ๋นที่ยิ่งใหญ่เกียงไกรมิได้ แต่หากเราร่วมมือกันชาวไทเราจะแข็งแกร่งเหมือนครั้งอดีตถึงคราวแล้วที่เราจะต้อง สามัคคีกัน เพื่อลูกหลานชาวไทของเราจะได้ไม่ต้องอยู่ใต้อำนาจของชาวจิ๋นอีก!!! เจ้าพลายจึงว่าสูนั้นมักจะเตือนสติข้าเสมอสหายรัก ได้!!!ข้าจะร่วมมือกับชาวเชียงแสข้าจะไปเชียงแสกับสู
ความคิดเห็น