ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 เงาในกระจก : Part1
Chapter 3 เงาในกระจก : Part1
    ห้องที่มีเพียงหญิงสาวหนึ่งคน กับชายหนุ่มอีกสามคน... เสียงกรนเบาๆเป็นสัญญาณบอกได้ว่า สาวน้อยหนึ่งคนนั้นกำลังหลับอยู่บนเตียงนุ่ม ในขณะที่อีกสามคนกำลังหันหน้าเข้าหากันคล้ายจะประชุมอะไรซักอย่าง
“เมื่อไหร่นายจะบอกพวกเราซักทีล่ะ!?” คิลเริ่มโพล่งขึ้นมาหลังจากทนเงียบมานานภายในห้องที่เงียบสงัดจนออกจะวังเวง
“ใจเย็นๆสิ การใจร้อนไม่ใช่ปัญหานะ” โรเอ่ยในขณะที่กำลังยืนกอดอก ท่าทางดูสบายใจนัก
“แล้วนายคิดว่าการที่เฟรินเป็นแบบนี้มันยังจะสามารถใจเย็นอยู่ได้อีกงั้นเหรอ!?” คิลขึ้นเสียงเถียงกับโร
“โร เซวาเรส ...” คาโลเอ่ยขึ้นมาบ้าง “...ถ้านายช่วยอะไรพวกเราไม่ได้ นายก็ออกไปซะเถอะ” เสียงที่สำทับมายิ่งเพิ่มความหนักแน่นในคำพูด คาโลเปรยตาขึ้นมามองโรหลังจากที่ก้มหน้าเงียบมานาน
“ใช่ว่าชั้นจะไม่รู้น่า.. อย่าซีเรียสสิ” เสียงของโรไม่ได้บ่งบอกถึงความร้อนใจแม้แต่นิด
“ถ้าอย่างงั้นนายก็บอกพวกเราซักที จะมามัวยึกยักท่ามากอยู่ทำไม?” คาโลเอ่ยพร้อมใช้สายตาดุๆจ้องตอบ
“ได้ๆ แต่ว่า...พวกนายต้องบอกชั้นก่อน ว่าทำไมเฟรินถึงโดนตรานี่ได้?”
คิลจ้องหน้าคาโลก่อนที่คาโลจะให้สัญญาณเป็นเชิงบอกว่าได้
“เรื่องมันเป็นแบบนี้” คิลเริ่มเล่าตั้งแต่แรกเริ่ม ที่เฟรินเคยเปรยบอกเรื่องฝัน...
เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมด ขอทานกิตติมศักดิ์ตรงหน้าก็ทำหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะเผยอปากปล่อยให้เสียงพึมพำเล็ดรอดออกมา
“ตกลงว่ายังไง นายจะบอกได้รึยัง” คิลซึ่งตอนนี้ขึ้นไปนั่งบนเตียงในท่าขัดสมาธิกำลังถามเจ้าขอทานผู้รอบรู้
“......... ถ้าที่ฉันเคยเห็นในหนังสือมานะ รู้สึกว่าวิธีแก้ต้องดึงความทรงจำของเฟรินมันกลับมา....”
คิ้วของโรขมวดเข้าหากันเพียงชั่วครู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะคลายคิ้วที่ขมวดนั้นเพราะสาวเจ้านอนดิ้นและถีบอะไรบางอย่างตกลงมาจากเตียงของหล่อน!!
เสียงตกกระทบพื้นดัง แกร๊ก! ก่อนที่คาโลซึ่งอยู่ใกล้มากที่สุดจะเอื้อมมือไปหยิบเจ้าตัวการที่ทำให้เกิดเสียง ก่อนที่จะมองสิ่งที่ตนเก็บขึ้นมาไว้บนมือ...
กระจก?
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ที่ทำให้ตาสีฟ้าต้องเบิกกว้าง คือภาพคนๆหนึ่งกำลังตะโกนเรียกจากข้างในกระจก
“เฟ...ริน...?” คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเจ้าชายน้ำแข็งเรียกให้บุคคลทั้งสองที่เหลืออยู่ในห้องรีบเดินเข้ามาดู
“เป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆ...” โรเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนที่จะพูดต่ออีกว่า
“ที่ฉันเคยอ่านเจอ มันบอกว่าคนที่โดนตรานี่ทุกคนจะมีกระจกที่กักเก็บความทรงจำเอาไว้ และฉันคิดว่า เราอาจจะต้องเข้าไปในกระจกนี่เพื่อดึงกลุ่มความทรงจำของเฟรินออกมา” ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่ในใจกลับคิดเพียงว่า ไม่เคยมีใครรอดจากตรามรณะมาก่อน  และวิธีที่บอกไปใช่ว่าจะใช้ได้ผล เพราะมีคนที่เคยลองมาแล้วและไม่สามารถกลับออกมาเจอแสงแดดยามเช้าได้อีก
“แล้วเราจะเข้าไปยังไงล่ะ?” คิลถาม หน้าตาบ่งบอกความสงสัย เพราะกระจกบานเล็กแค่นี้ จะเข้าไปได้ยังไงกัน?
“......ก่อนหน้านั้นฉันอยากรู้ว่าเฟรินมันได้กระจกนี่มาจากไหนต่างหาก?” ...คำถามที่ไม่มีผู้ใดตอบ
ชายหนุ่มผมเงินจ้องมาที่เจ้าขอทานที่พูดอยู่เมื่อครู่นี้ ก่อนส่ายหน้าเบาๆ “ไม่รู้”
...คำตอบที่สั้นและเรียบง่ายถูกถ่ายทอดจากปากของเจ้าชายน้ำแข็ง ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งสิ้นนอกเสียจากคำว่า ‘ไม่รู้’
“แล้วนายคิดว่าเฟรินมันเอามาจากไหนล่ะคิล?” คำถามเดิมที่ถูกโบ้ยไปหานักฆ่าหนุ่ม เพราะคนตั้งคำถามมันอยากจะรู้คำตอบ
คิลได้แต่เพียงส่ายหน้าแล้วก็บอกว่า “ไม่รู้เหมือนกันแหละ.. ไปขโมยใครมามั้ง”
“งั้นเหรอ” โรเอ่ย
“ชั้นว่าสนใจไอ้กระจกนี่ก่อนดีมั้ย? แล้วพอไอ้เฟรินมันเป็นเหมือนเดิมแล้วค่อยถามมันก็ได้ แล้วก็...” คิลว่า แล้วหยุดเสียงตนเองครู่หนึ่ง “หนึ่งเดือนมันสั้นนะ .. ชั้นกลัวว่ามันจะม่องก่อนที่เราจะรู้ว่ากระจกนี่มาอยู่กับมันได้ไงน่ะสิ” พูดเสร็จก็หัวเราะแหะๆ
“จะเข้าไปสงสัยต้องใช้ข่ายเวทย์ และต้องมีเงื่อนไข 3 อย่าง” ตาสีเขียวมองผ่านหน้าต่างไปยังทิวทัศน์ภายนอก “หนึ่งคือแสงจันทร์ สองคือข่ายเวทย์มนตร์ และสาม...” เสียงของโรหยุดไป
“สามคืออะไร” คาโลพูดขึ้นมาด้วยเสียงรีบเร่ง แต่ยังคงมาดสง่าอยู่
“สามคือดวงวิญญาณของมนุษย์ที่ต้องนำมาสังเวยน่ะสิ”
เท่านั้น เสียงในห้องก็พลันเงียบไป........
********
EDIT!!
******
ยัตต้า! ขอเอาเป็น Part1 นะคะ
แต่งไม่ทันค่ะ T T .... หัวมันตันๆด้วย
{ยังขอบคุณทุกคนที่มาอ่านอยู่ค่ะ ขอบคุณมากๆ}
ช่วงนี้เรามีงานเยอะ แล้วก็ทำโดไปด้วย เลยอาจจะอัพช้า
แต่จะพยายามนะคะ ^^
    ห้องที่มีเพียงหญิงสาวหนึ่งคน กับชายหนุ่มอีกสามคน... เสียงกรนเบาๆเป็นสัญญาณบอกได้ว่า สาวน้อยหนึ่งคนนั้นกำลังหลับอยู่บนเตียงนุ่ม ในขณะที่อีกสามคนกำลังหันหน้าเข้าหากันคล้ายจะประชุมอะไรซักอย่าง
“เมื่อไหร่นายจะบอกพวกเราซักทีล่ะ!?” คิลเริ่มโพล่งขึ้นมาหลังจากทนเงียบมานานภายในห้องที่เงียบสงัดจนออกจะวังเวง
“ใจเย็นๆสิ การใจร้อนไม่ใช่ปัญหานะ” โรเอ่ยในขณะที่กำลังยืนกอดอก ท่าทางดูสบายใจนัก
“แล้วนายคิดว่าการที่เฟรินเป็นแบบนี้มันยังจะสามารถใจเย็นอยู่ได้อีกงั้นเหรอ!?” คิลขึ้นเสียงเถียงกับโร
“โร เซวาเรส ...” คาโลเอ่ยขึ้นมาบ้าง “...ถ้านายช่วยอะไรพวกเราไม่ได้ นายก็ออกไปซะเถอะ” เสียงที่สำทับมายิ่งเพิ่มความหนักแน่นในคำพูด คาโลเปรยตาขึ้นมามองโรหลังจากที่ก้มหน้าเงียบมานาน
“ใช่ว่าชั้นจะไม่รู้น่า.. อย่าซีเรียสสิ” เสียงของโรไม่ได้บ่งบอกถึงความร้อนใจแม้แต่นิด
“ถ้าอย่างงั้นนายก็บอกพวกเราซักที จะมามัวยึกยักท่ามากอยู่ทำไม?” คาโลเอ่ยพร้อมใช้สายตาดุๆจ้องตอบ
“ได้ๆ แต่ว่า...พวกนายต้องบอกชั้นก่อน ว่าทำไมเฟรินถึงโดนตรานี่ได้?”
คิลจ้องหน้าคาโลก่อนที่คาโลจะให้สัญญาณเป็นเชิงบอกว่าได้
“เรื่องมันเป็นแบบนี้” คิลเริ่มเล่าตั้งแต่แรกเริ่ม ที่เฟรินเคยเปรยบอกเรื่องฝัน...
เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมด ขอทานกิตติมศักดิ์ตรงหน้าก็ทำหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะเผยอปากปล่อยให้เสียงพึมพำเล็ดรอดออกมา
“ตกลงว่ายังไง นายจะบอกได้รึยัง” คิลซึ่งตอนนี้ขึ้นไปนั่งบนเตียงในท่าขัดสมาธิกำลังถามเจ้าขอทานผู้รอบรู้
“......... ถ้าที่ฉันเคยเห็นในหนังสือมานะ รู้สึกว่าวิธีแก้ต้องดึงความทรงจำของเฟรินมันกลับมา....”
คิ้วของโรขมวดเข้าหากันเพียงชั่วครู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะคลายคิ้วที่ขมวดนั้นเพราะสาวเจ้านอนดิ้นและถีบอะไรบางอย่างตกลงมาจากเตียงของหล่อน!!
เสียงตกกระทบพื้นดัง แกร๊ก! ก่อนที่คาโลซึ่งอยู่ใกล้มากที่สุดจะเอื้อมมือไปหยิบเจ้าตัวการที่ทำให้เกิดเสียง ก่อนที่จะมองสิ่งที่ตนเก็บขึ้นมาไว้บนมือ...
กระจก?
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ที่ทำให้ตาสีฟ้าต้องเบิกกว้าง คือภาพคนๆหนึ่งกำลังตะโกนเรียกจากข้างในกระจก
“เฟ...ริน...?” คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเจ้าชายน้ำแข็งเรียกให้บุคคลทั้งสองที่เหลืออยู่ในห้องรีบเดินเข้ามาดู
“เป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆ...” โรเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนที่จะพูดต่ออีกว่า
“ที่ฉันเคยอ่านเจอ มันบอกว่าคนที่โดนตรานี่ทุกคนจะมีกระจกที่กักเก็บความทรงจำเอาไว้ และฉันคิดว่า เราอาจจะต้องเข้าไปในกระจกนี่เพื่อดึงกลุ่มความทรงจำของเฟรินออกมา” ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่ในใจกลับคิดเพียงว่า ไม่เคยมีใครรอดจากตรามรณะมาก่อน  และวิธีที่บอกไปใช่ว่าจะใช้ได้ผล เพราะมีคนที่เคยลองมาแล้วและไม่สามารถกลับออกมาเจอแสงแดดยามเช้าได้อีก
“แล้วเราจะเข้าไปยังไงล่ะ?” คิลถาม หน้าตาบ่งบอกความสงสัย เพราะกระจกบานเล็กแค่นี้ จะเข้าไปได้ยังไงกัน?
“......ก่อนหน้านั้นฉันอยากรู้ว่าเฟรินมันได้กระจกนี่มาจากไหนต่างหาก?” ...คำถามที่ไม่มีผู้ใดตอบ
ชายหนุ่มผมเงินจ้องมาที่เจ้าขอทานที่พูดอยู่เมื่อครู่นี้ ก่อนส่ายหน้าเบาๆ “ไม่รู้”
...คำตอบที่สั้นและเรียบง่ายถูกถ่ายทอดจากปากของเจ้าชายน้ำแข็ง ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งสิ้นนอกเสียจากคำว่า ‘ไม่รู้’
“แล้วนายคิดว่าเฟรินมันเอามาจากไหนล่ะคิล?” คำถามเดิมที่ถูกโบ้ยไปหานักฆ่าหนุ่ม เพราะคนตั้งคำถามมันอยากจะรู้คำตอบ
คิลได้แต่เพียงส่ายหน้าแล้วก็บอกว่า “ไม่รู้เหมือนกันแหละ.. ไปขโมยใครมามั้ง”
“งั้นเหรอ” โรเอ่ย
“ชั้นว่าสนใจไอ้กระจกนี่ก่อนดีมั้ย? แล้วพอไอ้เฟรินมันเป็นเหมือนเดิมแล้วค่อยถามมันก็ได้ แล้วก็...” คิลว่า แล้วหยุดเสียงตนเองครู่หนึ่ง “หนึ่งเดือนมันสั้นนะ .. ชั้นกลัวว่ามันจะม่องก่อนที่เราจะรู้ว่ากระจกนี่มาอยู่กับมันได้ไงน่ะสิ” พูดเสร็จก็หัวเราะแหะๆ
“จะเข้าไปสงสัยต้องใช้ข่ายเวทย์ และต้องมีเงื่อนไข 3 อย่าง” ตาสีเขียวมองผ่านหน้าต่างไปยังทิวทัศน์ภายนอก “หนึ่งคือแสงจันทร์ สองคือข่ายเวทย์มนตร์ และสาม...” เสียงของโรหยุดไป
“สามคืออะไร” คาโลพูดขึ้นมาด้วยเสียงรีบเร่ง แต่ยังคงมาดสง่าอยู่
“สามคือดวงวิญญาณของมนุษย์ที่ต้องนำมาสังเวยน่ะสิ”
เท่านั้น เสียงในห้องก็พลันเงียบไป........
********
EDIT!!
******
ยัตต้า! ขอเอาเป็น Part1 นะคะ
แต่งไม่ทันค่ะ T T .... หัวมันตันๆด้วย
{ยังขอบคุณทุกคนที่มาอ่านอยู่ค่ะ ขอบคุณมากๆ}
ช่วงนี้เรามีงานเยอะ แล้วก็ทำโดไปด้วย เลยอาจจะอัพช้า
แต่จะพยายามนะคะ ^^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น