ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [บารามอส Fiction]ในห้วงแห่งความฝัน

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 เจ้าคนรู้มาก

    • อัปเดตล่าสุด 4 ส.ค. 48


    Chapter 2 เจ้าคนรู้มาก



        รุ่งอรุณเริ่มต้นขึ้นหลังจากค่ำคืนอันแสนยาวนาน... แพขนตายาวหนากระพริบปริบๆเนื่องจากแสงแดดยามเช้าที่ส่องเข้ามา



    “อืมมม” เฟรินลืมตาขึ้นมาพร้อมกับใช้มือของเธอดันตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงนอนอันแสนนุ่ม พร้อมกับประมาลความคิดในใจ ‘ที่นี่มันที่ไหนกันนะ’ ยังไม่ทันจะได้มองรอบตัว บุรุษผมสีดำอีกคนที่นั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงก็ส่งเสียงมาทักทายเธอ



    “ไง ตื่นแล้วเหรอ” คิลถามด้วยน้ำเสียงขี้เล่น พร้อมจะยิงคำถามว่า ไอ้เมื่อคืนนั่นเป็นความจริงหรือไม่ที่มันดันผ่าจำพวกเขาไม่ได้ ถ้ามันแกล้งพวกเขาเล่นล่ะก็ โดนแก้แค้นโทษฐานทำเขาตกใจกับอดนอนนี่แน่ๆ



    โดยที่ยังไม่ทันได้ถามอะไร เฟรินก็พูดขึ้นมาว่า “เอ่อ..ขอโทษนะ นายเป็นใครเหรอ?”



    เวรกรรม! คิลสบถในใจนิดๆ  มันดันโดนเวทย์บ้าอะไรนั่นจริงๆ.. อย่างงี้ คาโลจะเจอวิธีรักษามันรึเปล่านะ?

    คิลครุ่นคิดในขณะที่เฟรินกำลังจ้องมอง “โทษทีนะ แต่ขอถามอีกนิดสิ ที่นี่มันที่ไหนกันน่ะ?”



    “ที่นี่เหรอ ที่นี่ก็หอเอดินเบิร์กไง นายเป็นนักเรียนที่นี่” คิลตอบ

    “แล้วก็ ชั้นชื่อคิล เป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย จริงๆยังมีอีกคนแต่ว่ามันไม่อยู่ เอางี้ก็แล้วกัน! เดี๋ยวชั้นไปตามมันมา” พูดจบ คิลก็ลุกขึ้นเดินตรงไปที่ประตูทันที แต่ก่อนที่จะปิดประตูนั้น คิลหันกลับมาพูดกับร่างที่อยู่บนเตียงนอนนั้นว่า



    “นายหิวรึยัง?” เฟรินพยักหน้าหงึกหงัก

    “งั้นก็ เดี๋ยวชั้นไปเอาอาหารมาให้นายก็แล้วกัน อ๊ะ! อย่าออกไปนอกห้องเด็ดขาดนะ” คิลสำทับก่อนที่จะปิดประตูแล้วออกไป จุดมุ่งหมายคือห้องสมุดและโรงอาหารดราก้อน..



    เฟรินที่ยังนั่งอยู่บนเตียง ตามนิสัยเก่าที่ไม่ชอบอยู่นิ่งๆถึงแม้ว่าความทรงจำจะหายไปแล้วก็ตาม ก็ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากนั้นก็เดินออกจากห้องไป



    ------------------------------------------------------------------



    “คาโล” เจ้าของชื่อผมสีเงินเงยหน้าจากหนังสือที่กำลังนั่งอ่านอยู่ขึ้นมามองคนที่เรียกชื่อตน

    “มีอะไร?” คาโลตอบพร้อมกับปิดหนังสือในมือ

    “เปล่าหรอก แค่จะบอกนายว่า.. มันตื่นแล้วนะ” คิลตอบด้วยเสียงเบา เนื่องจากที่นี่เป็นห้องสมุด

    “แล้วนายจะไปดูอาการมันก่อนรึเปล่า? ชั้นว่าชั้นกะจะไปเอาอาหารมาให้มันน่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้น คาโลจึงบอกกับคิลว่า

    “งั้นไปหามันก่อนก็แล้วกัน” คิลพยักหน้า หลังจากนั้นชายหนุ่มสองคนก็เดินออกจากห้องสมุดไป



    ระหว่างทางที่เดินกลับห้อง คิลเริ่มคำถามขึ้นมา

    “ตกลงนายเจอวิธีแก้รึเปล่าน่ะ?” คาโลให้ความเงียบเป็นคำตอบ จากนั้นจึงส่ายหน้าช้าๆ ผมสีเงินพลิ้วไสวเพียงเล็กน้อย

    “ไม่มี.. ฉันลองค้นดูจนทั่วแล้ว แต่ดูเหมือนตรานี่เป็นคำสาปต้องห้าม ท่าทางกลัวว่าจะมีคนนำไปใช้ เพราะงั้นนอกจากชื่อเรียกและผลลัพธ์แห่งความร้ายกาจของมัน ไม่มีอย่างอื่นอธิบายเอาไว้อีก...” คาโลเอ่ยเสียงเครียด

    “อย่างงี้ก็แย่น่ะสิ!” คิลใช้มือขยี้หัวจนผมสีดำดูยุ่งเหยิง “รู้สึกปวดหัวขึ้นมาตะหงิดๆแล้วสิ..”

    “ก็ไม่แน่ บางทีอาจมีคนที่รู้วิธีแก้ก็เป็นได้...” คาโลเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

    “แล้วนายคิดว่าใครล่ะ?” คิลถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

    ชายหนุ่มผมเงินกลับให้เพียงความเงียบเป็นคำตอบอีกครั้ง



    ขณะที่เดินไปถึงห้องที่เป็นจุดหมาย พอเปิดประตูเข้าไปหวังจะพบเพื่อนตนนั่งอยู่บนเตียงอย่างสงบเสงี่ยม แต่กลับพบเพียงห้องที่ว่างเปล่า กับเตียงนอนที่ดูยุ่งเหยิง



    คิลอ้าปากค้างไปซักพักแล้วโพล่งออกมาว่า “ชั้นจำได้ว่า บอกไม่ให้มันออกไปไหนนะ!?”

    “มันคงอยู่ไม่สุข...” คาโลกล่าวเสริม ให้ตายสิ จะอยู่นิ่งๆบ้างไม่ได้หรือยังไงกัน...?



    “รีบไปตามหามันดีกว่า ไม่รู้ร่อนไปถึงไหนแล้วเนี่ย” คิลพูดด้วยน้ำเสียงรีบร้อน

    “อืม..” คาโลตอบ

    หลังจากนั้นชายหนุ่มทั้งสองคนก็ออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงห้องที่ว่างเปล่า...



    แต่บางทีคงรีบมากเกินไป จึงไม่ทันสังเกตเห็นว่า มีแสงสะท้อนจากกระจกที่วางอยู่บนเตียง สะท้อนให้เห็นภาพคนๆหนึ่งที่ดูคุ้นเคยกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น



    ------------------------------------------------------------------



    เฟรินเดินไปตามทางระเบียง แต่กลับไม่มีคนรู้จักผ่านมาเลย อาจเป็นเพราะตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง ทุกคนจึงอยู่ที่โรงอาหารเพื่อทานอาหารกลางวัน



    เธอเดินไปอย่างไร้จุดหมายกำหนด หากแต่ขาทั้งสองกลับพาตัวเธอมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารดราก้อน...



    ขณะที่เฟรินย่างเท้าเข้ามา ก็ได้ยินเสียงทักจากสามสาวแห่งป้อมอัศวิน

    “ไง! ตื่นสายล่ะสิ ไม่ไหวๆ” เสียงจากสาวผมทองตาฟ้า แองเจลิน่าเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

    “ขี้เซาจังนะนายน่ะ” คราวนี้เป็นเสียงจากสาวผมดำ มาทิลด้าเอ่ยด้วยเสียงขำเล็กๆพร้อมกับใช่ฝ่ามือตบไหล่เฟรินดังตุ้บ!

    “ทั้งสองคนน่ะ พอเถอะค่ะ” เรนอนเอ่ยขึ้นมาบ้าง พร้อมกับใช้ตาสีม่วงมองไปยังเพื่อนสนิททั้งสองของเธอ ผมสีม่วงปลิวตามแรงลมที่ผ่านตัวเธอไปในขณะที่เธอเดินตามเพื่อนของเธอมา



    เฟรินมองสามสาวด้วยสายตางงๆ หันไปดูทางโน้นที ทางนี้ทีแล้วเอ่ยคำถามมาว่า

    “ขอโทษทีนะ พวกเธอรู้จักชั้นด้วยเหรอ?” ถามเพียงเท่านั้น สามสาวแห่งป้อมอัศวินก็พร้อมใจกันหันมามองดูเพื่อนในกลุ่มแล้วหันกลับไปหาเจ้าของเสียงที่ถามอย่างพร้อมเพรียงกัน



    “เดี๋ยว? นายเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย ไม่สบายเหรอ?” แองเจลิน่าถามด้วยเสียงตื่นตระหนก แย่ล่ะสิ! เธอเอาคทาไปเคาะหัวเฟรินมากไปหรือนี่!?

    “เฮ้! แกล้งลืมแบบนี้ไม่น่าสนุกเลยนะ” มาทิลด้าตอบพร้อมกับคิ้วของเจ้าหล่อนที่ขมวดเข้าหากัน



    เรนอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแปลกใจปนไม่น่าเชื่อระคนกัน “คุณเฟริน...หรือว่า...จะความจำเสื่อมเหรอคะ?” ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ชายหนุ่มร่างสันทัด ผมสีน้ำตาลอ่อน ก็เดินเข้ามา



    “สวัสดีตอนกลางวันนะเฟริน” โรกล่าวทักทาย หากสายตาก็เหลือบไปเห็นแผลรูปกางเขนกลับหัวที่มือของเธอ

    “ตรานั่น...” ยังพูดไม่ทันจบ คาโลกับคิลก็เดินเข้ามาพร้อมกับเสียงกระแทกเท้าดังตึกๆ



    “เจอแล้ว เฟริน!” คิลพูดเสียงหอบแฮ่ก เพราะต้องวิ่งหามันทางโน้นที ทางนี้ที เหนื่อยชะมัดเลยเว้ย!

    “คุณคิล...คือว่า คุณเฟรินทำไมพูดอะไรแปลกๆล่ะคะ เหมือนว่ากำลัง..” เรนอนเอ่ยเสียงเบาแต่ถ้อยคำชัดเจน



    “...ความจำเสื่อมอยู่เลย” สีหน้าของหนึ่งในสามสาวของป้อมแสดงให้เห็นถึงความสงสัย



    “เอ่อ......” เวรกรรม จะตอบยังไงดีละนี่ เอาข้ออ้างอะไรดี!? กินมากไปเลยลืม? นอนไม่พอ? อ๊ากกก นึกไม่ออกว้อย! คิลกำลังหาข้ออ้างให้เพื่อนตัวแสบของเขา โดยที่ไม่ให้ทุกคนรู้ความจริง

    ขณะที่ทำเสียงอึกอักอยู่นั้น คาโลก็พูดออกมาก่อน



    “มันตกบันได..” ข้ออ้างที่ดูสมเหตุสมผลถูกส่งมาจากชายหนุ่มผมเงิน

    “ใช่ๆ ตกจากที่สูงมากซะด้วย มันคงยังเบลอๆอยู่น่ะ เดี๋ยวก็คงหายแหละ งั้นพวกชั้นจะพามันไปห้องพยาบาลก่อนนะ” คิลรีบเสริมทันทีโดยไม่รอช้า ปล่อยเพื่อนๆทิ้งไว้ ณ เบื้องหลัง



    “จะหายมั้ยเนี่ย ตอนแรกชั้นนึกว่าเพราะชั้นไปตีหัวเฟรินมากเกินไปซะอีก” แองเจลิน่าทำสีหน้ากังวลปนโล่งอกนิดๆเมื่อได้ฟังเหตุผลที่ไม่ใช่เป็นเพราะเธอ

    “หายสิ เดี๋ยวก็หาย เฟรินไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอกน่า เดี๋ยวก็กลับมายั่วเธอเล่นอีกน่ะแหละ อย่าคิดมากเลย พวกมันไปห้องพยาบาลกันแล้วนี่นา” เสียงปลอบจากมาทิลด้า ทำให้แองเจลิน่าหายกังวล

    “จริงๆด้วยค่ะ” เรนอนเอ่ยพร้อมแย้มยิ้มให้เพื่อนของเธอ







    “อ๊าก เกือบซวยๆ” คิลโพล่งออกมาพร้อมถอนหายใจเล็กน้อย “อุตส่าห์ห้ามไม่ให้ออกไปนอกห้องแล้วนะ”

    “....ทำไมล่ะ?” เฟรินที่ยังคงไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมถึงห้ามเธอออกไปนอกห้อง และยังคงงงกับสภาพแวดล้อมรอบตัวเธออยู่

    ทำไมถึงมีแต่คนที่เธอไม่รู้จัก? ทำไมถึงไม่เคยพบเห็นสถานที่นี้มาก่อน?

    คิดแล้วก็เหลือบมองไปยังร่างสูงผมสีเงินที่เดินนำหน้าเธอ  



    ....รู้สึกคุ้นเคยจัง.... เหมือนเคยพบกับเขามาก่อน หัวใจรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดทั้งๆที่คิดว่าไม่เคยเจอแน่ๆ



    “ว่าแต่พวกนายเกี่ยวข้องอะไรกับชั้นเหรอ? ทำไมถึงมาคอยตามชั้นอย่างงี้ล่ะ” เฟรินถามคนทั้งสองที่เดินล้อมหน้าหลังตัวเธอ



    คำถามที่ทำให้ใจของคาโลสะดุดกึก!....ก่อนที่คิลจะพูดออกมา



    “ลืมบอกไป คนข้างหน้านายนั่นคาโล ส่วนชั้น.. รู้สึกว่าจะบอกไปแล้ว แต่ก็ช่างเหอะ บอกอีกทีก็ได้ ชั้นคิล ที่มาคอยตามนายก็เพราะว่านายไม่สบายความจำเสื่อมอยู่ไงเล่า! ฐานะเพื่อนกันก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา ใช่มั้ย?” คิลชะโงกหน้าไปถามบุคคลที่เดินอยู่ข้างหน้าสุด



    “อืม” คาโลตอบเสียงราบเรียบ หากแต่สมองกำลังประมวลความคิด ‘พวกนายเกี่ยวข้องอะไรกับชั้นเหรอ?’ ถ้ามันลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้วจริงๆ... ความห่วงหาคิดถึงเริ่มแล่นเข้าสู่ใจของคาโล...



    ทั้งสามคนเดินมาตามทางที่เงียบงันจนกระทั่งถึงประตูห้องพัก ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูเข้าไป ก็มีเสียงๆหนึ่งที่คุ้นเคยทักมาจากข้างหลัง

    “เดี๋ยวก่อน พวกนาย” เจ้าของเสียงนาม โร เซวาเรส เอ่ยเสียงเย็นเรียกให้บุคคลทั้งสามหยุดการกระทำซะตรงนั้น

    “มีอะไร” คาโลพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก พร้อมใช้สายตาดุจ้องไปยังบุคคลที่สี่ที่มาทีหลัง



    “เฟรินไม่ได้ตกบันไดใช่มั้ย?”

    คิลนึกอยู่ในใจ เจ้าหมอนี่ รู้มาก เล่ห์มาก ก่อนจะตอบเจ้าของคำถามไปว่า “ซะที่ไหนกัน เฟรินมันเดินก้าวพลาดตกบันไดต่างหากล่ะ พวกชั้นบอกไปแล้วไม่ใช่หรือไง?”



    “แล้วทำไมไม่ไปห้องพยาบาลล่ะ?” โรยังคงคาดคั้น

    “ไม่เกี่ยวกับนาย” คาโลเอ่ยเสียงเข้ม หวังเพียงให้บทสนทนาหยุดลงตรงนี้



    “แล้ว‘ตรามรณะ’ล่ะ ” โรพูดเรื่องเข้าตรงเป้าพอดี

    คิลและคาโลสะดุดกึก ก่อนที่คาโลจะเอ่ยเสียงเย็นออกมา “นาย...” ก่อนที่ความคิดจะผุดขึ้นมา ...เจ้าหมอนี่...รู้มาก



    “สัญลักษณ์ที่มือของเฟริน” โรเอ่ย “ชั้นเคยเปิดหนังสือเจอเรื่องนี้...” เสียงที่เปล่งออกมาขาดช่วงไปซักพักหนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ “รวมถึงวิธีแก้คำสาปตรานั่นด้วย”



    คำพูดสุดท้ายที่ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองที่ฟังอยู่เบิกตาโพลง พร้อมกันนั้นคิลก็พลันนึกไปถึงสิ่งที่เฟรินเคยบอก



    ‘เจ้าโรน่ะ มันเป็นห้องสมุดเคลื่อนที่ ขอให้ถามเหอะ อะไรมันก็ตอบได้ หึหึ ไม่แน่นะ ทั้งโลกนี้คงไม่มีอะไรที่มันไม่รู้ล่ะมั้ง อีกอย่างนึงด้วย แววตาของมันเหมือนจะสะกดสิ่งต่างๆให้ทำตามมันได้ โคตรลึกลับเลย ตัวมันน่ะ’



    ............ห้องสมุดเคลื่อนที่อย่างที่เฟรินเคยบอกจริงๆ............







    To B Continue.....



    *********

    ขอโทษที่อัพช้านะคะ TwT ติดสอบแล~



    ตอนนี้ ถ้างงก็ขอโทษทีนะคะ แบบว่า แต่งไม่ออกซะแล้วล่ะ(ฮา)

    แถมแต่งตอนสอบ แบบว่าพรุ่งนี้สอบแล้วน่ะค่ะ TwT~



    เผยโฉมหน้า โร เซวาเรส



    http://img.photobucket.com/albums/v491/kaokmchan/Ro-Z.jpg



    ส่วน3สาว ไม่มีภาพน่ะค่ะ ^^;;
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×