ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 บทโหมโรงแห่งตรามรณะ
Chapter 1 บทโหมโรงแห่งตรามรณะ
“จากกาลเวลาที่ผ่านพ้นมานานนับพันปี.. ในที่สุด ร่างที่เหมาะสมกับข้าก็ปรากฏ เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะปริ๊นเซสออฟเดมอสแอนด์บารามอส” เสียงที่ทรงทั้งพลังและอำนาจดังกึกก้องไปทั่วผืนฟ้าทั้งมวล
“และในบัดนี้ ‘ข้า’ คือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินนี้... ข้าจะกลืนกินเจ้า รวมถึงพลังที่หลับใหลอยู่ในตัวของเจ้า” ราวกับมีมนต์มาสะกดให้ร่างบอบบางนั้นต้องดิ้นทุรนทุราย ตะกายหาแสงสว่างที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดที่กำลังกลืนกินร่างนั้น... แม้แต่เสียงก็ถูกกลืนหายไป...
“เฟริน!!” ราวกับมีแสงสว่างลอดผ่านพ้นความมืดที่กำลังกลืนกินร่างบอบบางที่กำลังดิ้นอย่างทรมาน แต่น่าแปลกที่แสงนั่นมีไอเย็นบางแผ่วกระจายออกมาปกคลุมร่างบอบบางนั้นอย่างแผ่วเบา “หึ! มีคนมาขวางจนได้ ไว้คราวหน้า เจ้าไม่รอดแน่!!!! ข้าจะฝาก ‘ตรามรณะ’ ไว้ให้เจ้าเป็นของที่ระลึกก็แล้วกัน เมื่อผ่านไปครบหนึ่งเดือน ตรานั่นจะลามไปทั่วร่างของเจ้า และจากนั้น ‘ร่าง’ ของเจ้าต้องเป็นของข้า!!  ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะนั่นดังก้องไปทั่ว
เฟรินสะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางเพื่อนร่วมห้องสองคนที่ลุกขึ้นมากลางดึกจากเสียงร้องที่แปลกไปจากทุกที มัน..เป็นเสียงแห่งความหวาดกลัวที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากของร่างหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ดวงหน้าใสที่บัดนี้เต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว สีหน้าที่บ่งบอกถึงความกลัวถึงขีดสุด “นาย.. เป็นอะไรหรือเปล่า?” คำถามจากเจ้าชายแห่งคาโนวาล น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเป็นห่วงคนที่อยู่ตรงหน้าซึ่งบัดนี้ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
“พวกนาย..เป็นใครกันน่ะ?” สาวน้อยตรงหน้าทำหน้างง เธอไม่ได้ตอบคำถามที่เจ้าชายแห่งคาโนวาลถาม แต่กลับส่งคำถามที่ส่งผลให้บุคคลสองคนแปลกประหลาดใจอย่างมาก
“นายพูดอะไรแปลกๆนะเฟริน ฝันร้ายจนเบลอรึไง? ชั้นคิลไง หมอนั่นก็คาโล พวกเราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันไง” คิล ฟิลมัส นักฆ่าแห่งซาเรสที่ตอนนี้ก็งงไม่แพ้เธอ พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแฝงความสงสัย “อึ๊ก!!” เสียงร้องจากหญิงสาวตรงหน้าทำให้ทั้งนักฆ่าและเจ้าชายรู้สึกสะดุ้งขึ้นมา! “เฟริน!? นายเป็นอะไรหรือเปล่า? หรือว่าไม่สบาย?” คิลถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“เดี๋ยว!! คิล ฉันว่ามันรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีไอชั่วร้ายอะไรบางอย่างที่ปกคลุมร่างเฟรินเอาไว้.. กลิ่นมันรุนแรงมาก...” คาโลพูดกับคิลด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบหากแต่จิตใจของเขาในคอนนี้กลับร้อนรุ่ม “อ๊ากกก!! หัวชั้น!! เหมือนมันมีอะไรทุบอยู่เลย.. ปวด..จนหัวแทบระเบิดแล้ว อึ๊ก!” เฟรินยกสองมือขึ้นกุมขมับ ตอนนี้เธอแทบจะลงจากเตียงไปนอนดิ้นกับพื้น สัญลักษณ์ประหลาดที่ปรากฏที่มือทั้งสองข้างเป็นที่สังเกตเห็นจากบุคคลสองคน เพื่อนผู้ร่วมห้องที่อยู่ใกล้ตัวเธอ
บุคคลทั้งสองก้มลงไปช่วยกันจับตัวหญิงสาวที่ตอนนี้ดิ้นทุรนทุรายจากอาการปวดหัวที่ดูรุนแรงยิ่งกว่าอาการปวดธรรมดาที่เคยพบ
คิลจ้องไปที่สัญลักษณ์ประหลาดรูปกางเขนกลับหัวสีดำที่มือทั้งสองของเฟริน และยิ่งกว่านั้นคือเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจากรูปกางเขนนั่น “คาโล.. นายว่าสัญลักษณ์แปลกๆนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่หมอนี่ทำเหมือนจะลืมพวกเรา แล้วก็อาการปวดหัวนี้รึเปล่า?” นัยน์ตาสีฟ้าที่เหมือนจะมองทุกอย่างให้ทะลุจ้องมองไปยังสัญลักษณ์ประหลาดนั่น “กลิ่นไอแห่งความชั่วร้ายนั่นออกมาจากตรานี่.. หรือว่า...” คาโลตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเป็นกังวลและหนักใจ “หรือว่าอะไรเหรอ คาโล?” คำถามที่เต็มไปด้วยความสงสัยที่ถูกส่งมาจากเพื่อนนักฆ่าของเขา
“ฉันกำลังคิดอยู่.. หากเป็นไปตามที่ฉันคาดเดาเอาไว้ สิ่งนี้มันอันตรายมาก” ความกังวลเริ่มฉายชัดออกมาบนสีหน้าของเจ้าชายแห่งคาโนวาล “มันก็คือ “ตรามรณะ” ผู้ที่โดนตรานี้เข้าไป ขั้นแรก จะทำให้สูญเสียความทรงจำทั้งหมด และจากนั้นจะสูญสิ้นวิญญาณทันทีเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ไม่ว่าทางใด..ก็ไม่รอด” คำพูดที่กระตุกจิตใจของนักฆ่าแห่งซาเรส คิล ฟิลมิส ให้รู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับเพื่อนร่วมตายของเขา กับเสียดแทงจิตใจของเจ้าชายแห่งคาโนวาล คาโล วาเนบลี ที่ตอนนี้เหมือนเศษเสี้ยวของหัวใจส่วนหนึ่งที่ตกหล่นหายไป...
-------------------------------------
ร่างสองร่างที่ยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ที่กำลังสาดส่องลงมาผ่านหน้าต่างบานหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้เตียงนอนของร่างบอบบางที่เพิ่งจะสลบไปเมื่อซักครู่นี้ .. ท่ามกลางความเงียบสงัด ร่างของเด็กหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีม่วงพูดกับร่างสูงที่กำลังจ้องมองไปยังบุคคลที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงว่า
“ชั้นว่าปล่อยไว้อย่างงี้ไม่รู้มันจะเกิดบ้าอะไรอย่างเมื่อกี้อีกรึเปล่า เอาแบบนี้ดีกว่า พวกเราสองคนผลัดกันเฝ้ามันดีมั้ย?” พูดแล้วก็หันไปมองผู้ที่ตนกำลังพูดด้วย
“............ อืม” คำตอบสั้นๆที่ถูกส่งมาจากชายผู้มีนัยน์ตาสีฟ้า คาโลตอบพลางนึกถึงเรื่องเมื่อ 2 วันก่อน ที่มันเคยเล่าให้ฟัง......
ประมาณ 2 วันก่อน ณ โรงอาหารดราก้อน
เสียงย่ำฝีเท้าหนักๆมาพร้อมกับเสียงที่บ่นอย่างขัดใจ เนื่องจากวันนี้เธอตื่นสายเลยไม่ได้ทานอาหารเช้า เมื่อหันไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ในห้อง ปรากฏว่าเป็นเวลาเที่ยงแล้ว เจ้าตัวเลยรีบอาบน้ำอย่างลวกๆหวังเพื่อจะได้กินข้าวให้เร็วขึ้นอีกซักนิดก็ยังดี เพราะไอ้ท้องเจ้ากรรมของเธอมันร้องโครกครากตั้งแต่เธอตื่นนอน รำคาญชิบ...
เฟรินเดินมาพร้อมกับถาดอาหารที่วางโครมลงบนโต๊ะ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆในโรงอาหารดราก้อนที่ดูจะเฉยๆ ไม่รู้สึกอะไรซักเท่าไหร่... ก็นี่..ประจำแหละว้า.....
พอวางเสร็จเจ้าหล่อนก็นั่งกระแทกเก้าอี้ดังปึง! หยิบชามขึ้นมาแล้วใช้ช้อนตักอาหารเข้าปากอย่างรวดเร็วแบบไม่เกรงใจใคร หมาเห็นยังแอบเมิน
“เฮ้ๆ นายกินแบบนี้เดี๋ยวก็ติดคอหรอก กินช้าๆหน่อยแกคงไม่อดตายหรอกว่ะ” คิลที่พึ่งเดินมา พบเพื่อนกำลังเคี้ยวตุ่ยๆ ไม่สิ...เรียกว่าแด๊กส์ข้าวจะดีกว่า.... คิดๆแล้วก็แอบปล่อยก๊ากที่เห็นนิสัย ‘ด้าน’ เข้าสายเลือดมัน
“........” นัยน์ตาสีฟ้าจับจ้องพฤติกรรมที่น่าปวดหัวของเพื่อนคนนี้... หรืออาจเรียกได้ว่าคนสำคัญของเขาก็เป็นได้
คิดๆแล้วก็เริ่มปวดหัว ให้ตายสิ ไม่คิดจะเปลี่ยนนิสัยบ้างรึยังไงกัน? แต่นี่คือนิสัยของมัน ถ้าเปลี่ยน..ก็ไม่ใช่มันน่ะสิ คาโลคิดอยู่ในใจพร้อมมองด้วยสายตาอ่อนโยนครู่หนึ่งชนิดที่ไม่มีใครสังเกต  แล้วเปลี่ยนเป็นสายตาดุๆที่คิดจะปรามคนที่กำลังเคี้ยวเนื้อชิ้นที่สี่แล้ว
แต่โรกลับสังเกตเห็น แล้วแอบยิ้มเล็กๆพร้อมหัวเราะหึหึในลำคอ ....  เรื่องแบบนี้มันน่าสนุกดีจริงๆ เจ้าชายน้ำแข็งที่ถูกละลายด้วยไออุ่นจากเจ้าหญิงบารามอสแอนด์เดมอส หน้าแบบนั้นหายาก..
“หัวเราะอะไรฟะ!?” เนื้อชิ้นที่อยู่ในปากถูกกลืนลงไปก่อนที่จะเปิดปากพูดออกมา
“เปล๊า..ไม่มีอะไร” ว่าดังนั้นโรก็ยังยิ้ม แกล้งทำเป็นไม่มีอะไร
ให้ตายสิ..เฟรินคิด  ไอ้คนตรงหน้าเนี่ย เรื่องรูดซิปปากตัวมันเองเขาขอยกให้เป็นนัมเบอร์วันเลย
“ว่าแต่ ทำไมพวกแกไม่ปลุกชั้นฟะ คิล คาโล! ดูดิ๊ เลยอดข้าวเช้าเลย หิวแสบไส้แล้วนะเว้ย!!” สาวน้อยตรงหน้าที่หน้าตาน่ารักผิดกับปาก หมา ๆของมันยังคงบ่นต่อไป แม้ว่าจะกินอิ่มแล้ว ประเภทแค้นฝังลึกสินะ
“ปลุกแล้วโว้ย! แกไม่ตื่นเอง อุตส่าห์ใช้ลูกถีบงามๆแกก็ยังไม่ตื่นนี่หว่า? เลยหมดปัญญา” คิลตอบแบบกวนๆพร้อมหน้าตายียวนกวนประสาท
“หง่ะ...” โธ่เอ๊ยยยย.. เฟรินสบถในใจ ถ้าเพราะไม่ใช่ไอ้ฝันบ้าๆที่ทำให้เธอรู้สึกขนลุกนั่น ถ้าไม่ใช่ฝันที่ดูเหมือนจะฉุดเธอลงไปในความมืดที่น่าสะพรึงกลัวนั่น จะตื่นก็ตื่นไม่ได้... คิดแล้วก็รู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาอีก เพราะฝันนั่น... ทำให้เธอคิดว่าเธออาจไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยก็ได้
ดวงหน้างามทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนแปรเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าที่ดูเครียดๆเล็กน้อย บ่งบอกถึงความไม่สบายใจ
......หรือว่า เธอควรจะเล่าความฝันนั่นดี? แต่มันอาจจะเป็นแค่ฝันจริงๆก็ได้ ไม่อยากทำให้พวกมันห่วง คงไม่เกิดขึ้นจริงๆหรอก.. มั้งนะ?
“ฮ่าๆๆ โทษที ก็ชั้นมันขี้เซา ว่าแต่แกเหอะ บังอาจถีบสาวน้อยน่ารักนี่ได้ลงคอเรอะ” เสียงหัวเราะใสๆที่ตัดห้วงความคิดที่ไม่สบายใจออกไปเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้ว หากแต่นัยน์ตาสีฟ้าได้สังเกตเห็นสีหน้ากังวลเมื่อครู่นี้..
“สาวน้อยตรงไหนวะ ดูยังไงแกก็ไม่สมหญิง ไม่สมชื่อสาวน้อยเลยนี่หว่า ถ้าเรียกสาวทอมบอยคงจะเหมาะซะกว่าล่ะมั้ง ฮ่าๆ” นักฆ่าหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ เท่านั้นแหละ สาว(ทอมบอย?) ก็โดดถีบหน้านักฆ่าตาม่วงขี้เล่นซะจนลงไปนอนกับพื้น ก่อนเริ่มวางมวยเรียกเสียงฮือฮาจากคนในโรงอาหารพร้อมกับเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ โดยมีคาโลทำหน้าประมาณว่า ‘อีกแล้ว?’ ก่อนจะเริ่มพูดกับนักมวยสองคนที่กำลังอัดกันตุ้บตั้บ
“พอได้แล้ว จะเริ่มเรียนคาบบ่ายแล้ว” จบคำประกาศิต ทุกคนก็เริ่มเก็บถาดอาหารพร้อมลุกไปที่ห้องเรียนทันที...
ตกดึก ในขณะที่เพื่อนร่วมห้องทั้งสามคนอยู่กันพร้อมหน้า..
คาโลเริ่มบทสนทนาเบาๆท่ามกลางความเงียบสงัด “เฟริน วันนี้นายเป็นอะไร? เมื่อตอนกลางวันชั้นเห็นนายทำหน้ากลุ้มใจ” ...ใช่ กลุ้มแบบนี้น่ะ หายาก เพราะงั้นมันน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ
“เอ้อ...” ร่างบางตอบเสียงอึกอัก ..มันรู้ได้ยังไงกัน? ไม่ได้พูดอะไรออกไปซักหน่อย
“ตอบมา” เสียงเย็นๆจากคาโลยิ่งย้ำคาดคั้นหมายเอาคำตอบ
ยังไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมา ปกติเธอไม่ถนัดเรื่องเครียด เลยไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี?
ในที่สุดบุคคลอีกหนึ่งที่อยู่ด้วยก็ทนความเงียบไม่ไหว โพล่งออกมาว่า “อะไรกัน! เฟริน แกไม่เห็นต้องคิดอะไรให้มากมายเลยนี่หว่า กลุ้มๆอะไรก็พูดมาเด้ เพื่อนกันไม่ใช่รึไง เกรงอกเกรงใจอะไร?” ...ใช่ เพื่อน ดีล่ะ! เขาตัดสินใจเล่าเรื่องความฝันนั่น....
ในความมืดที่คอยฉุดดึงให้ร่างบางต้องตกลงไปในหลุมดำกว้าง หากเป็นเพียงแค่หลุมธรรมดา เธอยังสามารถปีนขึ้นมาได้แบบไม่เกินความสามารถ แต่มันกลับกลายเป็นคล้ายบ่อทรายดูดที่คอยแต่จะดูดทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าให้จมลงไป เธอพยายามที่จะตะเกียกตะกายขึ้นจากหลุม แต่ก็ไม่สำเร็จ.... ได้แต่คอยเวลาที่จะตกลงไปใต้หลุมนั้น
ขณะที่ร่างร่วงหล่นลงไป พอลืมตามองก็พบว่ามีเพียงความมืดมิดที่คอยฉุดดึงให้ตกลงไปเรื่อยๆ รอบๆไม่มีแม้แต่แสงสว่าง.... กลัว...พยายามที่จะหลับตาและหวังเพียงว่าพอลืมตาขึ้นมาก็พบกับแสงแดดสาดส่อง แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ จนคิดว่า เธอคงไม่ตื่นอีกต่อไป.....
แล้วจะมีใครห่วงเขาบ้างไหมนะ? โดยเฉพาะคนๆนั้น.... คิดแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาเปื้อนดวงหน้าขาวๆ ก่อนจะรีบปาดน้ำตา
ร่างที่ร่วงหล่นลงมาตอนนี้ยังไม่ถึงพื้นซักที คิดๆแล้วใจมันหวิวๆ
“...พอหลับตาอีกครั้งก็ตื่นขึ้นมาเนี่ยแหละ” พอหญิงสาวตรงหน้าเล่าเรื่องจบ ชายหนุ่มทั้งสองคนทำหน้างงเล็กน้อยก่อนที่จะตั้งคำถาม
“สรุปแล้วที่แกไม่ตื่นวันนี้ก็เพราะฝันประหลาดนี้เหรอ?” คิลถามน้ำเสียงงุงงง
“อื้อ..” เฟรินรับคำก่อนร่างสูงผมสีเงินประกายสะท้อนแสงจันทร์ขยับตัวเล็กน้อย
“นายอาจจะแค่ฝันไปนะ เฟริน ทำใจให้สบายเถอะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกน่า” คิลปลอบ
“นั่นสิ ไม่คิดมากดีกว่า ไม่สมกับเป็นชั้นเลย ฮ่าๆ” ...พอหายกลุ้มปุ๊บก็เริ่มหัวเราะออกมา คิลยิ้มๆ เห็นมันไม่คิดมาก อย่างงี้ค่อยโอเคหน่อย
“นอนได้แล้ว” คาโลพูดกับบุคคลทั้งสอง จากนั้นคิลกับเฟรินก็เริ่มขยับตัวไปที่เตียงของตนเอง
คาโลเดินไปที่เตียงของเฟริน กระซิบข้างหูว่า “ฝันดีนะ...”
ทันใดนั้นดวงหน้าของคนที่ถูกกระซิบเมื่อครู่ก็ขึ้นสีแดงเรื่อๆ พลางคิดในใจว่า ‘อะไรกัน พูดหวานๆก็เป็นด้วย?’ ก่อนจะรีบเอาผ้าห่มคลุมหน้ากลบความอายที่ไม่ค่อยจะมีซักเท่าไหร่ ปล่อยให้ร่างสูงผมเงินจ้องมายังบุคคลที่ทำท่าอายไปเมื่อครู่ กับนักฆ่าหนุ่มที่ตัวสั่นๆเนื่องจากกลั้นหัวเราะ ก่อนจะปิดไฟนอน
----------------------------------------------------------
หลังจากที่นึกเรื่องราวจบ คาโลก็พูดออกมากลายๆว่า “อาจจะเป็นเพราะความฝันที่มันเล่าเมื่อสองวันก่อนก็เป็นได้” คิลทำสีหน้าครุ่นคิดซักครู่ก่อนเอ่ยปากว่า “เออ.. จริงด้วยสิ”
“เรื่องนี้อาจมีเบื้องหลัง อาจจะมีใครซักคนที่ต้องการพลังของเจ้าหญิงจากบารามอสกับเดมอสก็เป็นได้ เพราะว่าตรามรณะนี่จะลามไปทั่วร่าง ถึงจะทำให้สูญสิ้นวิญญาณ แต่ร่างกายก็ไม่สูญสิ้น” ...คาโลเงียบไปซักพักจึงเอ่ยต่อ
“...ร่างกายเป็นแหล่งกักเก็บพลัง ถ้าเกิดคนที่ทำให้เฟรินเป็นแบบนี้เพราะต้องการร่างที่เป็นแหล่งพลังล่ะก็... บางทีคงคิดจะทำลายดินแดนนี้ก็เป็นได้” นัยน์ตาสีฟ้าจ้องไปยังบุคคลที่นอนอยู่ตรงหน้า หากแต่หัวใจที่ยังอาวรณ์เป็นห่วง ...นี่จะมีคนปองร้ายนายอีกครั้งแล้วงั้นหรือ?....
ชีวิตที่เต็มไปด้วยสิ่งอันตรายรอบข้าง... ฉันไม่อยากให้นายพบเหตุการณ์แบบนี้เลย อยากปกป้องนายไม่ให้เจอกับเรื่องแบบนี้ แต่ดูเหมือนจะไร้ผล หากแต่นายเป็นคนที่สำคัญต่อดินแดนทั้งสอง..
ร่างที่เป็นขุมแห่งพลังย่อมเป็นที่ต้องการเหล่าผู้ที่แสวงหาอำนาจมืดอยู่เสมอ
“ฉันคิดว่า...คนที่ต้องการร่างของเฟริน อาจเป็นวิญญาณร้ายที่ไร้ร่างก็เป็นได้...” คาโลเอ่ยสีหน้าเคร่งเครียด
“นั่นสิ ไม่งั้นมันจะต้องการแต่ร่างไปทำไม?... คงต้องลองหาวิธีแก้ตรานี่ดูแล้วล่ะนะ” คิลพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“พรุ่งนี้ฉันจะลองไปค้นที่ห้องสมุดดู..” คำตอบจากชายหนุ่มผมเงินที่น้ำเสียงราบเรียบเหมือนเดิม แต่แสดงสีหน้าห่วงหาคนที่หลับตาอยู่บนเตียง
ช่างเป็นค่ำคืนที่ยาวนาน... ก่อนที่คิลจะนอนหลับไปก่อนเพราะต้องการหลับเอาแรง ส่วนคาโลก็คอยนั่งเฝ้าคนที่เขาห่วงมากที่สุดในตอนนี้...
“ห้ามนายตายเด็ดขาด.. นาย.. เป็นหนี้ฉัน ฉันไม่ปล่อยให้นายหนีหนี้ได้หรอก” คาโลกระซิบเบาๆพร้อมปัดผมที่ปรกหน้าผากมนนั่น... นาย..ตายไม่ได้!
**
To Be continue...
เพิ่งเคยแต่งฟิคเป็นครั้งแรกค่ะ เป็นฟิคบารามอสนะคะ มีอะไรติเตียนหรือชมก็เชิญได้เลยนะคะ^^
(ปกติวาดรูปอย่างเดียวเอง... อึ๊บ! แถมให้เห็นตัวละคร ^^)
[url]http://img.photobucket.com/albums/v491/kaokmchan/Baramos01.jpg[/url]
[url]http://img.photobucket.com/albums/v491/kaokmchan/ThePrincessofDemos-wall.jpg[/url]
แต่งได้ยาวเหลือเชื่อ ^^;; ปกติไม่เคยแต่งได้ขนาดนี้เลย
ขอบคุณทุกคนที่อ่านค่ะ (โค้ง)
“จากกาลเวลาที่ผ่านพ้นมานานนับพันปี.. ในที่สุด ร่างที่เหมาะสมกับข้าก็ปรากฏ เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะปริ๊นเซสออฟเดมอสแอนด์บารามอส” เสียงที่ทรงทั้งพลังและอำนาจดังกึกก้องไปทั่วผืนฟ้าทั้งมวล
“และในบัดนี้ ‘ข้า’ คือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินนี้... ข้าจะกลืนกินเจ้า รวมถึงพลังที่หลับใหลอยู่ในตัวของเจ้า” ราวกับมีมนต์มาสะกดให้ร่างบอบบางนั้นต้องดิ้นทุรนทุราย ตะกายหาแสงสว่างที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดที่กำลังกลืนกินร่างนั้น... แม้แต่เสียงก็ถูกกลืนหายไป...
“เฟริน!!” ราวกับมีแสงสว่างลอดผ่านพ้นความมืดที่กำลังกลืนกินร่างบอบบางที่กำลังดิ้นอย่างทรมาน แต่น่าแปลกที่แสงนั่นมีไอเย็นบางแผ่วกระจายออกมาปกคลุมร่างบอบบางนั้นอย่างแผ่วเบา “หึ! มีคนมาขวางจนได้ ไว้คราวหน้า เจ้าไม่รอดแน่!!!! ข้าจะฝาก ‘ตรามรณะ’ ไว้ให้เจ้าเป็นของที่ระลึกก็แล้วกัน เมื่อผ่านไปครบหนึ่งเดือน ตรานั่นจะลามไปทั่วร่างของเจ้า และจากนั้น ‘ร่าง’ ของเจ้าต้องเป็นของข้า!!  ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะนั่นดังก้องไปทั่ว
เฟรินสะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางเพื่อนร่วมห้องสองคนที่ลุกขึ้นมากลางดึกจากเสียงร้องที่แปลกไปจากทุกที มัน..เป็นเสียงแห่งความหวาดกลัวที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากของร่างหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ดวงหน้าใสที่บัดนี้เต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว สีหน้าที่บ่งบอกถึงความกลัวถึงขีดสุด “นาย.. เป็นอะไรหรือเปล่า?” คำถามจากเจ้าชายแห่งคาโนวาล น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเป็นห่วงคนที่อยู่ตรงหน้าซึ่งบัดนี้ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
“พวกนาย..เป็นใครกันน่ะ?” สาวน้อยตรงหน้าทำหน้างง เธอไม่ได้ตอบคำถามที่เจ้าชายแห่งคาโนวาลถาม แต่กลับส่งคำถามที่ส่งผลให้บุคคลสองคนแปลกประหลาดใจอย่างมาก
“นายพูดอะไรแปลกๆนะเฟริน ฝันร้ายจนเบลอรึไง? ชั้นคิลไง หมอนั่นก็คาโล พวกเราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันไง” คิล ฟิลมัส นักฆ่าแห่งซาเรสที่ตอนนี้ก็งงไม่แพ้เธอ พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแฝงความสงสัย “อึ๊ก!!” เสียงร้องจากหญิงสาวตรงหน้าทำให้ทั้งนักฆ่าและเจ้าชายรู้สึกสะดุ้งขึ้นมา! “เฟริน!? นายเป็นอะไรหรือเปล่า? หรือว่าไม่สบาย?” คิลถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“เดี๋ยว!! คิล ฉันว่ามันรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีไอชั่วร้ายอะไรบางอย่างที่ปกคลุมร่างเฟรินเอาไว้.. กลิ่นมันรุนแรงมาก...” คาโลพูดกับคิลด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบหากแต่จิตใจของเขาในคอนนี้กลับร้อนรุ่ม “อ๊ากกก!! หัวชั้น!! เหมือนมันมีอะไรทุบอยู่เลย.. ปวด..จนหัวแทบระเบิดแล้ว อึ๊ก!” เฟรินยกสองมือขึ้นกุมขมับ ตอนนี้เธอแทบจะลงจากเตียงไปนอนดิ้นกับพื้น สัญลักษณ์ประหลาดที่ปรากฏที่มือทั้งสองข้างเป็นที่สังเกตเห็นจากบุคคลสองคน เพื่อนผู้ร่วมห้องที่อยู่ใกล้ตัวเธอ
บุคคลทั้งสองก้มลงไปช่วยกันจับตัวหญิงสาวที่ตอนนี้ดิ้นทุรนทุรายจากอาการปวดหัวที่ดูรุนแรงยิ่งกว่าอาการปวดธรรมดาที่เคยพบ
คิลจ้องไปที่สัญลักษณ์ประหลาดรูปกางเขนกลับหัวสีดำที่มือทั้งสองของเฟริน และยิ่งกว่านั้นคือเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจากรูปกางเขนนั่น “คาโล.. นายว่าสัญลักษณ์แปลกๆนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่หมอนี่ทำเหมือนจะลืมพวกเรา แล้วก็อาการปวดหัวนี้รึเปล่า?” นัยน์ตาสีฟ้าที่เหมือนจะมองทุกอย่างให้ทะลุจ้องมองไปยังสัญลักษณ์ประหลาดนั่น “กลิ่นไอแห่งความชั่วร้ายนั่นออกมาจากตรานี่.. หรือว่า...” คาโลตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเป็นกังวลและหนักใจ “หรือว่าอะไรเหรอ คาโล?” คำถามที่เต็มไปด้วยความสงสัยที่ถูกส่งมาจากเพื่อนนักฆ่าของเขา
“ฉันกำลังคิดอยู่.. หากเป็นไปตามที่ฉันคาดเดาเอาไว้ สิ่งนี้มันอันตรายมาก” ความกังวลเริ่มฉายชัดออกมาบนสีหน้าของเจ้าชายแห่งคาโนวาล “มันก็คือ “ตรามรณะ” ผู้ที่โดนตรานี้เข้าไป ขั้นแรก จะทำให้สูญเสียความทรงจำทั้งหมด และจากนั้นจะสูญสิ้นวิญญาณทันทีเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ไม่ว่าทางใด..ก็ไม่รอด” คำพูดที่กระตุกจิตใจของนักฆ่าแห่งซาเรส คิล ฟิลมิส ให้รู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับเพื่อนร่วมตายของเขา กับเสียดแทงจิตใจของเจ้าชายแห่งคาโนวาล คาโล วาเนบลี ที่ตอนนี้เหมือนเศษเสี้ยวของหัวใจส่วนหนึ่งที่ตกหล่นหายไป...
-------------------------------------
ร่างสองร่างที่ยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ที่กำลังสาดส่องลงมาผ่านหน้าต่างบานหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้เตียงนอนของร่างบอบบางที่เพิ่งจะสลบไปเมื่อซักครู่นี้ .. ท่ามกลางความเงียบสงัด ร่างของเด็กหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีม่วงพูดกับร่างสูงที่กำลังจ้องมองไปยังบุคคลที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงว่า
“ชั้นว่าปล่อยไว้อย่างงี้ไม่รู้มันจะเกิดบ้าอะไรอย่างเมื่อกี้อีกรึเปล่า เอาแบบนี้ดีกว่า พวกเราสองคนผลัดกันเฝ้ามันดีมั้ย?” พูดแล้วก็หันไปมองผู้ที่ตนกำลังพูดด้วย
“............ อืม” คำตอบสั้นๆที่ถูกส่งมาจากชายผู้มีนัยน์ตาสีฟ้า คาโลตอบพลางนึกถึงเรื่องเมื่อ 2 วันก่อน ที่มันเคยเล่าให้ฟัง......
ประมาณ 2 วันก่อน ณ โรงอาหารดราก้อน
เสียงย่ำฝีเท้าหนักๆมาพร้อมกับเสียงที่บ่นอย่างขัดใจ เนื่องจากวันนี้เธอตื่นสายเลยไม่ได้ทานอาหารเช้า เมื่อหันไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ในห้อง ปรากฏว่าเป็นเวลาเที่ยงแล้ว เจ้าตัวเลยรีบอาบน้ำอย่างลวกๆหวังเพื่อจะได้กินข้าวให้เร็วขึ้นอีกซักนิดก็ยังดี เพราะไอ้ท้องเจ้ากรรมของเธอมันร้องโครกครากตั้งแต่เธอตื่นนอน รำคาญชิบ...
เฟรินเดินมาพร้อมกับถาดอาหารที่วางโครมลงบนโต๊ะ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆในโรงอาหารดราก้อนที่ดูจะเฉยๆ ไม่รู้สึกอะไรซักเท่าไหร่... ก็นี่..ประจำแหละว้า.....
พอวางเสร็จเจ้าหล่อนก็นั่งกระแทกเก้าอี้ดังปึง! หยิบชามขึ้นมาแล้วใช้ช้อนตักอาหารเข้าปากอย่างรวดเร็วแบบไม่เกรงใจใคร หมาเห็นยังแอบเมิน
“เฮ้ๆ นายกินแบบนี้เดี๋ยวก็ติดคอหรอก กินช้าๆหน่อยแกคงไม่อดตายหรอกว่ะ” คิลที่พึ่งเดินมา พบเพื่อนกำลังเคี้ยวตุ่ยๆ ไม่สิ...เรียกว่าแด๊กส์ข้าวจะดีกว่า.... คิดๆแล้วก็แอบปล่อยก๊ากที่เห็นนิสัย ‘ด้าน’ เข้าสายเลือดมัน
“........” นัยน์ตาสีฟ้าจับจ้องพฤติกรรมที่น่าปวดหัวของเพื่อนคนนี้... หรืออาจเรียกได้ว่าคนสำคัญของเขาก็เป็นได้
คิดๆแล้วก็เริ่มปวดหัว ให้ตายสิ ไม่คิดจะเปลี่ยนนิสัยบ้างรึยังไงกัน? แต่นี่คือนิสัยของมัน ถ้าเปลี่ยน..ก็ไม่ใช่มันน่ะสิ คาโลคิดอยู่ในใจพร้อมมองด้วยสายตาอ่อนโยนครู่หนึ่งชนิดที่ไม่มีใครสังเกต  แล้วเปลี่ยนเป็นสายตาดุๆที่คิดจะปรามคนที่กำลังเคี้ยวเนื้อชิ้นที่สี่แล้ว
แต่โรกลับสังเกตเห็น แล้วแอบยิ้มเล็กๆพร้อมหัวเราะหึหึในลำคอ ....  เรื่องแบบนี้มันน่าสนุกดีจริงๆ เจ้าชายน้ำแข็งที่ถูกละลายด้วยไออุ่นจากเจ้าหญิงบารามอสแอนด์เดมอส หน้าแบบนั้นหายาก..
“หัวเราะอะไรฟะ!?” เนื้อชิ้นที่อยู่ในปากถูกกลืนลงไปก่อนที่จะเปิดปากพูดออกมา
“เปล๊า..ไม่มีอะไร” ว่าดังนั้นโรก็ยังยิ้ม แกล้งทำเป็นไม่มีอะไร
ให้ตายสิ..เฟรินคิด  ไอ้คนตรงหน้าเนี่ย เรื่องรูดซิปปากตัวมันเองเขาขอยกให้เป็นนัมเบอร์วันเลย
“ว่าแต่ ทำไมพวกแกไม่ปลุกชั้นฟะ คิล คาโล! ดูดิ๊ เลยอดข้าวเช้าเลย หิวแสบไส้แล้วนะเว้ย!!” สาวน้อยตรงหน้าที่หน้าตาน่ารักผิดกับปาก หมา ๆของมันยังคงบ่นต่อไป แม้ว่าจะกินอิ่มแล้ว ประเภทแค้นฝังลึกสินะ
“ปลุกแล้วโว้ย! แกไม่ตื่นเอง อุตส่าห์ใช้ลูกถีบงามๆแกก็ยังไม่ตื่นนี่หว่า? เลยหมดปัญญา” คิลตอบแบบกวนๆพร้อมหน้าตายียวนกวนประสาท
“หง่ะ...” โธ่เอ๊ยยยย.. เฟรินสบถในใจ ถ้าเพราะไม่ใช่ไอ้ฝันบ้าๆที่ทำให้เธอรู้สึกขนลุกนั่น ถ้าไม่ใช่ฝันที่ดูเหมือนจะฉุดเธอลงไปในความมืดที่น่าสะพรึงกลัวนั่น จะตื่นก็ตื่นไม่ได้... คิดแล้วก็รู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาอีก เพราะฝันนั่น... ทำให้เธอคิดว่าเธออาจไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยก็ได้
ดวงหน้างามทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนแปรเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าที่ดูเครียดๆเล็กน้อย บ่งบอกถึงความไม่สบายใจ
......หรือว่า เธอควรจะเล่าความฝันนั่นดี? แต่มันอาจจะเป็นแค่ฝันจริงๆก็ได้ ไม่อยากทำให้พวกมันห่วง คงไม่เกิดขึ้นจริงๆหรอก.. มั้งนะ?
“ฮ่าๆๆ โทษที ก็ชั้นมันขี้เซา ว่าแต่แกเหอะ บังอาจถีบสาวน้อยน่ารักนี่ได้ลงคอเรอะ” เสียงหัวเราะใสๆที่ตัดห้วงความคิดที่ไม่สบายใจออกไปเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้ว หากแต่นัยน์ตาสีฟ้าได้สังเกตเห็นสีหน้ากังวลเมื่อครู่นี้..
“สาวน้อยตรงไหนวะ ดูยังไงแกก็ไม่สมหญิง ไม่สมชื่อสาวน้อยเลยนี่หว่า ถ้าเรียกสาวทอมบอยคงจะเหมาะซะกว่าล่ะมั้ง ฮ่าๆ” นักฆ่าหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ เท่านั้นแหละ สาว(ทอมบอย?) ก็โดดถีบหน้านักฆ่าตาม่วงขี้เล่นซะจนลงไปนอนกับพื้น ก่อนเริ่มวางมวยเรียกเสียงฮือฮาจากคนในโรงอาหารพร้อมกับเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ โดยมีคาโลทำหน้าประมาณว่า ‘อีกแล้ว?’ ก่อนจะเริ่มพูดกับนักมวยสองคนที่กำลังอัดกันตุ้บตั้บ
“พอได้แล้ว จะเริ่มเรียนคาบบ่ายแล้ว” จบคำประกาศิต ทุกคนก็เริ่มเก็บถาดอาหารพร้อมลุกไปที่ห้องเรียนทันที...
ตกดึก ในขณะที่เพื่อนร่วมห้องทั้งสามคนอยู่กันพร้อมหน้า..
คาโลเริ่มบทสนทนาเบาๆท่ามกลางความเงียบสงัด “เฟริน วันนี้นายเป็นอะไร? เมื่อตอนกลางวันชั้นเห็นนายทำหน้ากลุ้มใจ” ...ใช่ กลุ้มแบบนี้น่ะ หายาก เพราะงั้นมันน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ
“เอ้อ...” ร่างบางตอบเสียงอึกอัก ..มันรู้ได้ยังไงกัน? ไม่ได้พูดอะไรออกไปซักหน่อย
“ตอบมา” เสียงเย็นๆจากคาโลยิ่งย้ำคาดคั้นหมายเอาคำตอบ
ยังไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมา ปกติเธอไม่ถนัดเรื่องเครียด เลยไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี?
ในที่สุดบุคคลอีกหนึ่งที่อยู่ด้วยก็ทนความเงียบไม่ไหว โพล่งออกมาว่า “อะไรกัน! เฟริน แกไม่เห็นต้องคิดอะไรให้มากมายเลยนี่หว่า กลุ้มๆอะไรก็พูดมาเด้ เพื่อนกันไม่ใช่รึไง เกรงอกเกรงใจอะไร?” ...ใช่ เพื่อน ดีล่ะ! เขาตัดสินใจเล่าเรื่องความฝันนั่น....
ในความมืดที่คอยฉุดดึงให้ร่างบางต้องตกลงไปในหลุมดำกว้าง หากเป็นเพียงแค่หลุมธรรมดา เธอยังสามารถปีนขึ้นมาได้แบบไม่เกินความสามารถ แต่มันกลับกลายเป็นคล้ายบ่อทรายดูดที่คอยแต่จะดูดทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าให้จมลงไป เธอพยายามที่จะตะเกียกตะกายขึ้นจากหลุม แต่ก็ไม่สำเร็จ.... ได้แต่คอยเวลาที่จะตกลงไปใต้หลุมนั้น
ขณะที่ร่างร่วงหล่นลงไป พอลืมตามองก็พบว่ามีเพียงความมืดมิดที่คอยฉุดดึงให้ตกลงไปเรื่อยๆ รอบๆไม่มีแม้แต่แสงสว่าง.... กลัว...พยายามที่จะหลับตาและหวังเพียงว่าพอลืมตาขึ้นมาก็พบกับแสงแดดสาดส่อง แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ จนคิดว่า เธอคงไม่ตื่นอีกต่อไป.....
แล้วจะมีใครห่วงเขาบ้างไหมนะ? โดยเฉพาะคนๆนั้น.... คิดแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาเปื้อนดวงหน้าขาวๆ ก่อนจะรีบปาดน้ำตา
ร่างที่ร่วงหล่นลงมาตอนนี้ยังไม่ถึงพื้นซักที คิดๆแล้วใจมันหวิวๆ
“...พอหลับตาอีกครั้งก็ตื่นขึ้นมาเนี่ยแหละ” พอหญิงสาวตรงหน้าเล่าเรื่องจบ ชายหนุ่มทั้งสองคนทำหน้างงเล็กน้อยก่อนที่จะตั้งคำถาม
“สรุปแล้วที่แกไม่ตื่นวันนี้ก็เพราะฝันประหลาดนี้เหรอ?” คิลถามน้ำเสียงงุงงง
“อื้อ..” เฟรินรับคำก่อนร่างสูงผมสีเงินประกายสะท้อนแสงจันทร์ขยับตัวเล็กน้อย
“นายอาจจะแค่ฝันไปนะ เฟริน ทำใจให้สบายเถอะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกน่า” คิลปลอบ
“นั่นสิ ไม่คิดมากดีกว่า ไม่สมกับเป็นชั้นเลย ฮ่าๆ” ...พอหายกลุ้มปุ๊บก็เริ่มหัวเราะออกมา คิลยิ้มๆ เห็นมันไม่คิดมาก อย่างงี้ค่อยโอเคหน่อย
“นอนได้แล้ว” คาโลพูดกับบุคคลทั้งสอง จากนั้นคิลกับเฟรินก็เริ่มขยับตัวไปที่เตียงของตนเอง
คาโลเดินไปที่เตียงของเฟริน กระซิบข้างหูว่า “ฝันดีนะ...”
ทันใดนั้นดวงหน้าของคนที่ถูกกระซิบเมื่อครู่ก็ขึ้นสีแดงเรื่อๆ พลางคิดในใจว่า ‘อะไรกัน พูดหวานๆก็เป็นด้วย?’ ก่อนจะรีบเอาผ้าห่มคลุมหน้ากลบความอายที่ไม่ค่อยจะมีซักเท่าไหร่ ปล่อยให้ร่างสูงผมเงินจ้องมายังบุคคลที่ทำท่าอายไปเมื่อครู่ กับนักฆ่าหนุ่มที่ตัวสั่นๆเนื่องจากกลั้นหัวเราะ ก่อนจะปิดไฟนอน
----------------------------------------------------------
หลังจากที่นึกเรื่องราวจบ คาโลก็พูดออกมากลายๆว่า “อาจจะเป็นเพราะความฝันที่มันเล่าเมื่อสองวันก่อนก็เป็นได้” คิลทำสีหน้าครุ่นคิดซักครู่ก่อนเอ่ยปากว่า “เออ.. จริงด้วยสิ”
“เรื่องนี้อาจมีเบื้องหลัง อาจจะมีใครซักคนที่ต้องการพลังของเจ้าหญิงจากบารามอสกับเดมอสก็เป็นได้ เพราะว่าตรามรณะนี่จะลามไปทั่วร่าง ถึงจะทำให้สูญสิ้นวิญญาณ แต่ร่างกายก็ไม่สูญสิ้น” ...คาโลเงียบไปซักพักจึงเอ่ยต่อ
“...ร่างกายเป็นแหล่งกักเก็บพลัง ถ้าเกิดคนที่ทำให้เฟรินเป็นแบบนี้เพราะต้องการร่างที่เป็นแหล่งพลังล่ะก็... บางทีคงคิดจะทำลายดินแดนนี้ก็เป็นได้” นัยน์ตาสีฟ้าจ้องไปยังบุคคลที่นอนอยู่ตรงหน้า หากแต่หัวใจที่ยังอาวรณ์เป็นห่วง ...นี่จะมีคนปองร้ายนายอีกครั้งแล้วงั้นหรือ?....
ชีวิตที่เต็มไปด้วยสิ่งอันตรายรอบข้าง... ฉันไม่อยากให้นายพบเหตุการณ์แบบนี้เลย อยากปกป้องนายไม่ให้เจอกับเรื่องแบบนี้ แต่ดูเหมือนจะไร้ผล หากแต่นายเป็นคนที่สำคัญต่อดินแดนทั้งสอง..
ร่างที่เป็นขุมแห่งพลังย่อมเป็นที่ต้องการเหล่าผู้ที่แสวงหาอำนาจมืดอยู่เสมอ
“ฉันคิดว่า...คนที่ต้องการร่างของเฟริน อาจเป็นวิญญาณร้ายที่ไร้ร่างก็เป็นได้...” คาโลเอ่ยสีหน้าเคร่งเครียด
“นั่นสิ ไม่งั้นมันจะต้องการแต่ร่างไปทำไม?... คงต้องลองหาวิธีแก้ตรานี่ดูแล้วล่ะนะ” คิลพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“พรุ่งนี้ฉันจะลองไปค้นที่ห้องสมุดดู..” คำตอบจากชายหนุ่มผมเงินที่น้ำเสียงราบเรียบเหมือนเดิม แต่แสดงสีหน้าห่วงหาคนที่หลับตาอยู่บนเตียง
ช่างเป็นค่ำคืนที่ยาวนาน... ก่อนที่คิลจะนอนหลับไปก่อนเพราะต้องการหลับเอาแรง ส่วนคาโลก็คอยนั่งเฝ้าคนที่เขาห่วงมากที่สุดในตอนนี้...
“ห้ามนายตายเด็ดขาด.. นาย.. เป็นหนี้ฉัน ฉันไม่ปล่อยให้นายหนีหนี้ได้หรอก” คาโลกระซิบเบาๆพร้อมปัดผมที่ปรกหน้าผากมนนั่น... นาย..ตายไม่ได้!
**
To Be continue...
เพิ่งเคยแต่งฟิคเป็นครั้งแรกค่ะ เป็นฟิคบารามอสนะคะ มีอะไรติเตียนหรือชมก็เชิญได้เลยนะคะ^^
(ปกติวาดรูปอย่างเดียวเอง... อึ๊บ! แถมให้เห็นตัวละคร ^^)
[url]http://img.photobucket.com/albums/v491/kaokmchan/Baramos01.jpg[/url]
[url]http://img.photobucket.com/albums/v491/kaokmchan/ThePrincessofDemos-wall.jpg[/url]
แต่งได้ยาวเหลือเชื่อ ^^;; ปกติไม่เคยแต่งได้ขนาดนี้เลย
ขอบคุณทุกคนที่อ่านค่ะ (โค้ง)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น