NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic naruto] Sasusaku ตัวตึง

    ลำดับตอนที่ #2 : เซ็นจู ซากุระ

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 67



    เซ็นจู ซากุระ



    เพล้ง !

    “โอ้ย คุณหนูอย่าครับ!” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างสูงผมบล็อบคิ้วหนาสีเข้มกลิ้งตกลงมาจากบันไดคฤหาสน์หรู มือหนายกขึ้นมากุมหางคิ้วดกดำของตนเองไว้ ก่อนสัมผัสได้ว่ามีของเหลวกลิ่นคาวคลุ้มซึมออกมาตามรอยแตกที่คิ้วติดมือมาด้วย

    “พูดดี ๆ ไม่รู้เรื่องใช่มั้ย” เสียงหวานเอ่ยขึ้น ตามมาด้วยร่างระหงษ์ในชุดเดรสสีคราม เรือนผมสีดอกซากุระยาวสลวยถึงกลางหลังรับเข้ากับใบหน้างามราวกับภาพวาดที่ไม่มีอยู่จริง คนหงุดหงิดขมวดคิ้วมุ่นด้วยความรำคาญ มือซ้ายยกขึ้นเท้าเอวคอดด้วยความไม่พอใจ ส่วนมืออีกข้างที่ว่างถือแจกันแก้วแกะสลักลายปราณีตราคาหลายแสนเยนพร้อมปาไว้แน่น

    “ออกไป” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเย็นชา ดวงตาสีแมกไม้กรอกขึ้นมองบนอย่างเบื่อหน่าย

    “แต่ว่าคุณหนู” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างสั่นเครือ ราวกับจะร้องไห้ออกมาให้ได้เสียตรงนั้น ตอนแรกก็ยอมตกลงรับงานเพราะเห็นว่าเป็นงานง่าย ๆ ที่เงินดีมาก ๆ แถมมีอาหารแพง ๆ ให้กินฟรีอีกด้วย เพียงแค่รับส่งดูแลเรื่องการเดินทางไปทำงานของคุณหนู แต่ตอนนี้เขาแทบรับมือไม่ไหว แม้นี่เป็นงานวันแรกของเขา แต่มาเจอเข้าแบบนี้เป็นใครจะอยากทน เข้าใจแล้วทำไมคนก่อนหน้าและก่อนหน้าอีกหลาย ๆ คนถึงไม่สามารถทนอยู่ได้

    “บอกว่าให้ออกไปไง ! เพล้ง !” มือเล็กปาแจกันแก้วลงไปใส่คนที่ตนเพิ่งทำร้ายไปเมื่อครู่โดยไม่ยั้งแรง ชายคิ้วหน้าทำได้เพียงยกมือขึ้นปัดป้องบังหน้า ทำให้แจกันกระแทกหัวอย่างจัง เสียงแตกกระจายพร้อมเศษแก้วน้อยใหญ่กระจัดกระจายไปบนพื้น

    “โอ้ย” เขาร้องด้วยความเจ็บปวด

    “เอะอะโวยวายเสียงดังอะไรกัน” เสียงแหลมอีกเสียงดังมาก่อนเจ้าตัวจะเดินมาถึงที่เกิดเหตุเสียอีก

    “ว้ายตายแล้ว ซากุระ! นี่แกทำบ้าอะไรของแกห้ะ” เสียงแหลมของเมียใหม่พ่อ เอ่ยทักขึ้นก่อนที่จะปรากฎร่างของหญิงวัยกลางคน ตีกะบังผม แต่งหน้าจัดจ้านราวกับผู้ป่วยทางจิตเดินมาพร้อมลูกสาวสุดที่รักคนเดียวของนาง

    “ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉัน” ร่างเล็กเอ่ยก่อนเดินไปคว้ากุญแจรถปลีกตัวออกจากบ้านไปโดยไม่แยแสใครหน้าไหนทั้งนั้น

    “เกิดอะไรขึ้น” เสียงทุ้มอีกเสียงเดินเข้ามา ก่อนปรากฏร่างของ เซ็นจู คิซาชิ พ่อแท้ ๆ ของซากุระ

    “คุณพี่ดูสิคะ นี่ก็คนที่สี่ของเดือนนี้แล้วนะคะ แบบนี้จะเอาอยู่หรอ” ภรรยาใหม่เข้าไปเกาะแขนของเขาก่อนเอ่ยปากพูดอย่างมีจริต ส่วนลูกสาวตัวดีของหล่อน ก็ได้แต่ยืนกอดอกแอบยิ้มมุมปากเล็กน้อยกับการกระทำของคนได้ศักดิ์เป็นพี่สาวต่างสายเลือดของเธอ ยิ่งทำตัวเหลวแหลกเท่าไหร่ คุณพ่อก็ยิ่งไม่เห็นหัวแกเท่านั้น ซากุระ

    “ช่างมัน เดี๋ยวซาสึเกะก็จะกลับมาแล้ว” 



    “ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ มีคนไปด้วยดี ๆ ไม่ชอบ ทำตัวเป็นเด็กใจแตกอยู่ได้” เสียงแจ๋นแหล๋นไม่เข้าหูของคารินดังขึ้นไล่หลังมาถึงโรงรถ เมื่อเห็นว่าน้องสาวต่างสายเลือดกำลังเดินคว้ากุญแจเตรียมขับรถออกจากบ้านไป

    “เป็นอะไร คุณพ่อไม่รักเลยชอบเรียกร้องความสนใจอย่างงี้หรอ” ขาเรียวหยุดชะงัก ก่อนหันกลับมามองค้อนคนปากดีอย่างไม่สบอารมณ์ 

    “ถ้าไม่สนใจ คงไม่หาคนมาดูแลให้ขนาดนี้หรอก” ใบหน้าสวยหันไปยอกย้อนกลับ

    “โอ้ย ตายละ นี่ฟังพี่นะจ๊ะ จะบอกให้เอาบุญ ที่คุณพ่อเขาส่งคนมาคอยตามดูแกเนี่ย ก็เพราะกลัวว่าแกจะไปสร้างปัญหาให้ท่านต้องตามแก้ เลิกสำคัญตัวได้แล้ว” เธอว่าพลางทำหน้าเลิกคิ้วยิ้มเยาะยั่วโมโหอีกฝ่าย

    “อีคาริน” ร่างบางรุดวิ่งเข้าไปคว้าหยุมเรือนผมยาวสลวยสีชาดของคนปากดี 

    “กรี๊ด! อีซากุระ!” มือเล็กยื้อยุดฉุดทึ้งกระชากผมกันแบบไม่มีใครยอมใคร

    ฟุ่บ! ตุ้บ! ซากุระเหวี่ยงคารินเต็มแรงมี จนร่างนั้นกลิ้งลงไปบนกับพื้น กว่าจะลุกขึ้นมาตั้งหลักได้ ก็ถูกคนตัวเล็กกว่าตามขึ้นไปคร่อมอยู่อย่างนั้น

    “ดูท่าปากมึงคงว่างมากสินะ” ซากุระฉีกยิ้มกว้างให้คนใต้ร่างอย่างคนได้ที

    เพี๊ยะ! 

    “กรี๊ดด!” มือเล็กง้างเหวี่ยงลงฟาดแก้มนวลเต็มแรง ใบหน้า จนคนโดนได้แต่กรีดร้องออกมา

    “กูก็อยู่ของกูดี ๆ” อีกคั้งที่มือเล็กฟาดลงบนใบหน้างามของอีกฝ่ายเต็มแรงจนตัวเธอเองยังรู้สึกชาฝ่ามือ

    เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!

    “ซากุระ! แกทำอะไรลูกฉัน!” เสียงโหวกเหวกโวยวายเรียกให้นังตัวแม่มันตามออกมา 

    “ซากุระหยุด!” เสียงทุ้มคุ้นเคยของผู้เป็นพ่อดังไล่ตามมาติด ๆ 

    “มึงมันส่วนเกินของคนบ้านนี้ ยังไม่รู้ตัวอีกหรอ” เหมือนได้ทีแล้วเอาใหญ่ เสียงเล็กหันมากระซิบเบา ๆ เพียงสองคนได้ยิน ทำเอาคนฟังเลือดขึ้นหน้า

    “อีคาริน! พวกมึงมันงูพิษ!”

    เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!

    “กรี๊ดด! คุณแม่ช่วยด้วย!” เสียงเล็กหวีดกรรดร้องลั่นทั้งยังโดนตบอยู่แบบนั้น แม้ใบหน้าจะชอกช้ำ ตามมุมปากกลบไปด้วยเลือดซิบ ๆ ทว่าใบหน้านั้นยังคงยิ้มยียวนกวนประสาทใส่เธอไม่ยอมหยุด

    “นี่หยุดเดี๋ยวนี้นะซากุระ!” คนเป็นแม่ถึงตัว มือรีบเอื้อมไปคว้าดึงเรือนผมสีดอกซากุระหมายจะช่วยลูกสาว 

    ฟึ่บ! ตุ้บ! มือเล็กผลักท้องคนแก่กว่าเต็มแรงจนร่างนั้นเซหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น

    “โอ๊ย!” 

    “คุณแม่!” 

    “ฉันบอกให้หยุดไง!” มือหนาของคนเป็นพ่อกระชากร่างบางเต็มแรงจนเธอจำต้องลุกขึ้นไปตามแรง 

    เพี๊ยะ!

    “....” แรงเหวี่ยงฟาดลงบนใบหน้ามนจนคนโดนหันไปสุดตัวตามแรงตบ

    “แกไม่มีสิทธิทำร้ายคนในบ้านนี้!” 

    เสียงทุ้มตวาดลั่น พลันทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ ใบหน้างามชอกช้ำทำได้เพียงหันช้า ๆ กลับมามองคนเป็นพ่อทั้งน้ำตา 

    “ต่อให้ได้โอกาสอีกร้อยอีกพันครั้ง พ่อก็ยัง..”

    “....” 

    “เห็นพวกมันดีกว่า” ดวงตาสีแมกไม้เหลือบมองสองแม่ลูกที่นอนกองสำออยอยู่บนพื้นสลับกับผู้เป็นพ่อ

    “....” 

    “หนูใช่มั้ย” เสียงหวานถามขึ้นสั่นเครือ มือเล็กยังคงกอบกุมใบหน้ามนที่ยังชาอยู่ เธอกลัว กลัวคำตอบจากผู้เป็นพ่อ

    “ซากุระ” 

    ดวงตาสีแมกไม้ทำได้เพียงชายตามองคนเป็นพ่อด้วยความผิดหวัง ผิดหวังที่เธอยอมกลับมาเหยียบบ้านนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แม้รู้ว่าสองแม่ลูกจะปั่นประสาททำให้เธอของขึ้นใส่กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เธอก็ยังมา แต่ก็ยังถูกคนเป็นพ่อมองข้ามหัวอยู่ซ้ำ ๆ แบบนี้ 

    “หึ” หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีชาดยิ้มเยาะกลั้วหัวเราะมาในลำคอ 

    “มึงขำอะไรอีคาริน!” ร่างบางปรี่เข้าไปหมายจะจัดการนังตัวดี

    “กูบอกให้หยุดไง ซากุระ!” เสียงทุ้มของคนเป็นพ่อตวาดลั่น ทำให้คนกำลังจะใส่อีกครั้งหยุดชะงัก

    นี่ก็ผ่านมาสิบปีแล้ว ตั้งแต่เธออายุเพียงสิบขวบจวบจนตอนนี้ขึ้นเลขสองแล้ว พ่อก็ยังเป็นเหมือนเดิม ในเมื่อเขาเลือกครอบครัวใหม่ของเขา คนนอกอย่างเราจะทำอะไรได้ พ่อไม่เคยเห็นหัวเธออยู่แล้ว ที่เธอมา ๆ ไป ๆ ก็เพราะยังเป็นห่วงพ่อ แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าเขาคงไม่ต้องการ 

    ซากุระเลือกที่จะไม่พูดอะไรสักคำ ขาเรียวก้าวถอยออกมาจากคนบ้านนั้น มือเล็กเอื้อมไปเปิดประตูรถเฟอราลี่คันหรูของซาสึเกะที่ยกให้เธอไว้ ก่อนติดเครื่องขับออกจากบ้านไป 

    “ฮึก” ร่างบางสะอื้นจนตัวโยน มือเล็กกำพวงมาลัยไว้แน่น ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เธอมาเหยียบบ้านหลังนี้ มันจะต้องมีเรื่องให้เธอผิดกันกับคุณพ่อทุกครั้ง แถมครั้งนี้ยังรุนแรงกว่าครั้งไหน ๆ 

    เสียงโทรศัพท์มือถือรุ่นท็อปสีไวท์ไทเทเนียมสั่นเรียกความสนใจให้ดวงตาสีแมกไม้คู่สวยปราดลงไปมอง 

    ..มิเกล..

    “ค่ะ” มือเล็กคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูมากดรับสาย พยายามปรับโทนเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่เจ้าตัวจะทำได้

    “ซากุระ พอดีคุณพี่จะโทรมาคอนเฟิร์มงานเดินแบบที่ฝรั่งเศษ สรุปไปนะ” เสียงสาวสองจากปลายสายดังขึ้นถาม มิเกล สาวสองรุ่นใหญ่ดีไซน์เนอร์ประจำตัวของซากุระโทรมาเพื่อถามว่าเธอยังรับงานเดินแฟชั่นวีคอยู่มั้ย

    “ไปค่ะ” 

    “นั่นไง ดีใจมากค่ะลูกสาว นึกว่าจะโดนเทซะแล้ว เป็นว่าหนูจะไปไฟท์คืนนี้พร้อมกันเลยมั้ยคะลูก คุณพี่จะได้จองให้เลย”

    “งานวันที่สิบห้าไม่ใช่หรอคะ ทำไมไปเร็วจัง”

    “คิก ๆ คุณพี่ถือโอกาศไปพักผ่อนด้วยค่ะ”

    “งั้น เดี๋ยวหนูบินตามหลังนะคะ” 

    “อ้อ ได้เลยค่ะลูก เดี๋ยวคุณพี่ส่งโลเคชั่นโรงแรมให้นะคะ”

    “ค่ะ ขอบคุณค่ะ” นิ้วเรียวเลื่อนปัดหน้าจอทิ้ง มือเล็กยังคงจับพวงมาลัยไว้แน่น หน้าผากมนก้มซบทับลงบนมือตนพร้อมถอนหายใจออกมายาว ๆ ในหัวคิดตีกันวนไปมาทั้งเรื่องงานเรื่องครอบครัว รสชาติการโตเป็นผู้ใหญ่มันเจ็บปวดแบบนี้เองสินะ

    อีกสามวันเธอจะต้องบินไปฝรั่งเศษ เพราะรับงานเดินแฟชั่นโชว์ไว้ นี่ก็โดนโทรเร่งโทรจี้มาหลายรอบจนเจ้าตัวเริ่มรำคาญ กลัวแต่เธอจะไม่ไป แล้วนี่ก็เป็นสาเหตุที่คุณพ่อคอยหาคอยส่งคนมาตามเธอนักหนา เพราะหวังว่าจะให้ไปดูแลเธอตอนไปฝรั่งเศษนี้แหละ 

    เฟอรารี่สีนิลคันหรูจอดเทียบติดไฟแดงท่ามกลางถนนสายหลัก ดวงตาสีแมกไม้เหม่อมองไปบนท้องฟ้า เมฆเคล้าลอยต่ำทำท่าเหมือนจะเข้าฤดูฝน อากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ ดวงตาคู่สวยกวาดไล่มองลงมาหยุดยังผ้าเช็ดหน้าสีขาวผืนเก่าที่วางอยู่ชิดมุมหน้ากระจกรถ มันก็วางอยู่ตรงนั้นมาตั้งห้าปีแล้ว โดยที่เธอเองก็ไม่เคยคิดจะย้ายมันไปไหน แม้จะล้างทำความสะอาดรถสักกี่ครั้งก็ยังเอามันกลับมาวางไว้ที่เดิม ไม่เคยขยับมันไปไหน

    “ฮึก” น้ำตาหยดใสไหลอาบลงบนใบหน้ามนอีกครั้ง แขนเรียวเอื้อมไปคว้าผ้าเช็ดหน้าผืนเก่าที่ครั้งนึงซาสึเกะเคยยื่นมันให้เธอในงานศพของคุณแม่ ปลายจมูกโด่งฝังลงสูดหวังเอากลิ่นคุ้นเคยของใครบางคนเข้าปอด แม้จะรู้ว่ามันไม่หลงเหลือกลิ่นนั้นที่เธอต้องการแล้วก็ตาม 

    นี่ก็ผ่านมาห้าปีแล้วที่เขาไปทำงาน ซาสึเกะไม่เคยติดต่อกลับมาเลย และตัวเธอเองก็ไม่เคยติดต่อไปหาเขา ก่อนหน้าวันที่เขาจะไป เจ้าตัวก็บอกเองว่าตนไม่มีสิทธิใช้เครื่องมือสื่อสารติดต่อกลับมาหาใครทางนี้หากไม่ได้รับอนุญาตจากมาดาระ แม้ตอนนั้นเธอจะอายุเพียงสิบห้า แต่ก็ใช่ว่าเธอจะโตไม่พอที่จะไม่รู้ว่าเขาทำงานอะไร

    ทุกครั้งที่เธอกลับไปห้อง มองไปทางไหนก็เห็นแต่ภาพเขาในมุมต่าง ๆ เต็มไปหมด ถึงจะไม่เคยพูดหรือแสดงความรู้สึกอะไรออกมา แต่ลึก ๆ ในใจยอมรับว่าคิดถึงอยู่ไม่น้อย ซาสึเกะหน่ะ มีอะไรก็ให้เธอหมดเลย เขาไม่เคยปล่อยให้เธอต้องลำบากแม้ในตอนที่เธอทำตัวแย่ ๆ ใส่เขา

    ก็เพราะเขาหน่ะ 

    แทบจะเป็นโลกทั้งใบของเธอแล้ว



    Paris

    จอโฆษณาใหญ่หราตั้งอยู่ใจกลางกรุงปารีส ตัวภาพรีรันนางแบบเดินโชว์แฟชั่นในอิริยาบทต่าง ๆ แสงสว่างจ้าบ้างหม่นบ้างสะท้อนเข้าตาของร่างสูงในชุดโค้ดแขนยาวสีดำตัวหนา ดวงตาสีนิลคู่คมรับเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาราวกับภาพวาดจับจ้องไปยังไฟสัญญาณจราจร ก่อนปราดขึ้นมองบนจอโฆษณานั้นอีกครั้ง 

    ภาพหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีดอกซากุระยาวถึงกลางหลังคุ้นตา ดวงตาสีแมกไม้คู่สวยถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์จนดูคมคายรับเข้ากับใบหน้างาม ขาเรียวยาวสาวเท้าเดินหมุนตัวโชว์แฟชั่นตามบรีฟได้อย่างสวยสง่า ทำเอาคนยืนดูค้างไม่ข้ามถนนตามไฟจราจรที่ขึ้นเป็นรูปให้ทางเท้าเดินเหมือนคนอื่น

    ซากุระ

    ชายหนุ่มได้แต่เรียกชื่อเธอในใจ เรือนร่างระหงส์ดูโตขึ้นเป็นสาวเต็มตัวผิดตาจากวันที่เขาเห็นเธอครั้งสุดท้าย ชายหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งจดจ้องโฆษณาที่เล่นวนซ้ำไปซ้ำมาบนจอนั้นอยู่สักพัก

    “บังเอิญจังเลยเนาะ แฟชั่นวีคอินปารีส” เสียงทุ้มอีกเสียงเอ่ยขึ้น ตามมาด้วยร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีเทาหม่นเดินเข้ามายืนดูดชาร้อนเทียบข้าง ๆ ซาสึเกะ

    “....” 

    “แต่น่าเสียดาย วันที่สิบห้าเราลงใต้ คุณหนูน่าจะมาเร็วกว่านี้สักสองวันเนาะ จะได้พาทัวร์ปารีส” ซุยเงะสึว่าอยู่คนเดียว ส่วนอีกคนไม่พูดอะไรสักคำ เขาสาวเท้าเดินข้ามถนนไปตามไฟจราจรที่วนกลับมาหยุดให้คนเดินอีกครั้ง 

    “เอ้า ไอ้เจ้าบ้านี่ รู้หรอกน่าว่าอยากมาหน่ะ” เสียงทุ้มยังคงตะโกนเย้าแหย่คนเย็นชาไล่หลัง 

    ซึนชะมัด

    จะคอยดูถ้างานเสร็จมันจะแอบมาดูเขามั้ย



    สนามบิน

    ร่างบางในชุดกางเกงยีนส์ทรงหลวม ตัดกับเสื้อยืดคอกลมสีขาว สวมทับด้วยโค้ดหนาสีดำยาวคลุมถึงต้นขา เรือนผมสีดอกซากุระถูกถักเป็นเปียก้างปลาปล่อยหางม้าหลวม ๆ อยู่กลางหลัง ปอยผมสีดอกซากุระที่ปรกลงมาบนใบหน้างามดูเซอ ๆ ไม่ได้กลบความสวยเหมือนไม่มีอยู่จริงของเธอเลยสักนิด 

    มือเล็กข้างหนึ่งลากกระเป๋าเดินทางสีขาวไปตามรันเวย์ มืออีกข้างหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาเปิดดูโลเคชั่นที่ออแกไนซ์เซอร์ส่งมา คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อปักหมุดไปแล้วมันค่อนข้างไกลจากสนามบิน ลำบากเรื่องเดินทางอีกแล้วสินะ อากาศยิ่งหนาว ๆ อยู่ด้วย เธออยากรีบถึงที่พักแวะจิบนมร้อนสักแก้ว แล้วซุกตัวนอนใต้ผ้าอุ่น ๆ 

    ซากุระเลือกเดินทางโดยการขึ้นแท็กซี่ ถึงแม้จะรู้ว่าค่าเสียหายค่อนข้างแรงแต่ไม่เป็นไร ค่อยไปเบิกกับมิเกลเอาย้อนหลังได้ ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงก็เดินทางมาถึงที่พัก เธอรีบเช็คอินพร้อมกับรับคีย์การ์ดห้องมา สิ่งแรกที่เธอเลือกทำคือทิ้งร่างนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงกว้างด้วยความเหนื่อยล้า นั่งเครื่องบินลัดฟ้านี่กินพลังงานชีวิตคนขี้เกียจแบบเธอไปอยู่ไม่น้อย

    ฮีทเตอร์ที่แม่บ้านวอร์มไว้ให้ความอบอุ่นทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาก ไม่อยากจะนึกสภาพไปเดินแบบพรุ่งนี้เลย เห็นเรฟเฟอเรนจ์ชุดที่มิเกลส่งมาแล้วเธอคงได้ยืนหนาวตายตรงนั้นแน่ ๆ แต่จะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ ให้มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ไป ตอนนี้ขอนอนสักตื่นก่อน ค่ำ ๆ ค่อยออกไปเลาะหาอะไรอร่อย ๆ กิน

    จวบจนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ คนตัวเล็กสะลึมสะลือตื่นขึ้นด้วยเสียงสั่นแจ้งเตือนข้อความเข้าจากมือถือเครื่องหรู มือเล็กเอื้อมไปคว้าก่อนปัดหน้าจอดู 

    ..มิเกล..

    'ไปกินข้าวกันลูกสาว'

    สิ้นข้อความแจ้งเตือน นิ้วเรียวกดพิมพ์ตอบรับว่าให้ฝั่งนั้นรอเธอสิบนาทีกลับไป พลางดีดตัวลุกขึ้นบิดขี้เกียจก่อนเดินคว้าผ้าเช็ดตัวที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้เดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแต่งตัว

    ร่างบางในชุดโค๊ดกันหนาวสีครีมเรียบหรู รับเข้ากับเรือนผมสีดอกซากุระถูกปล่อยยาวสลวยกลางหลัง ใบหน้าหวานแม้ไม่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ แต่มองมุมไหนก็ยังสวยฆ่าไม่ตายของเธอดึงดูดสายตาของชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีควันบุหรี่ในชุดโค๊ดกันหนาวแขนยาวสีดำที่ยืนเทียบข้าง ๆ เจ๊มิเกล 

    “มาแล้วนั่นไง ซากุระจัง ทางนี้ลูกสาว!” มิเกลตะโกนเรียกดัดเสียงอย่างมีจริต

    “มา ๆ ๆ รู้จักกันไว้นะ นี่เอเทนน์ นายแบบที่จะเดินคู่เรานะ เอเทนน์ นี่ซากุระนะ” 

    “เอเทนน์ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาออกไปทางลูกครึ่งโซนหนุ่มเอเชียส่งยิ้มหวานเจ้าชู้มาให้สาวเจ้า มือหนายื่นมาหวังให้เธอจับทักทาย หากแต่ว่าคนตัวเล็กกลับทำเพียงโค้งรับพอให้ไม่เป็นการเสียมารยาท ทั้งยังล้วงมือทั้งสองข้างซุกในกระเป๋าเสื้อโค้ดเป็นเชิงบอกปฏิเสธนัยน์ ๆ ท่าทีเย่อหยิ่งของหญิงสาวทำเอาคนยื่นมือไปคว้าลมต้องชักมือกลับมาเกาหัวแก้เก้อ ได้แต่คิดในใจว่าไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเมินแรงใส่เขาแบบนี้มาก่อน ดวงตาคู่คมติดสีครามเข้มได้แต่มองตามท่าทางเบื่อหน่ายของคนสวยตรงหน้า

    “อ่ะ แหะ ๆ งั้นเดี๋ยวเราไปกันเลยเนอะ ดึกกว่านี้จะยิ่งหนาว” เสียงอิเจ๊มิเกลดังขึ้นแก้สถานการณ์ที่เริ่มจะตึงเครียดได้ทันท่วงที 

    ท่ามกลางทางเท้าคนเดินปูทอดยาวไปสุดสายตา ห้างร้านข้างทางถูกประดับตกแต่งด้วยไฟสีนวลมองดูแล้วสบายตา ร้านอาหารเรียงสลับกับร้านเสื้อผ้าของใช้ตั้งติดกันมองดูแล้วเหมาะแก่การออกมาเดินเล่นตอนกลางคืนเอามาก ๆ ซากุระและเอเทนน์เดินตามมิเกลเข้าร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศษไป 

    เธอหย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามทั้งสองคน ซึ่งมันก็ตรงกับชายหนุ่มพอดี มือเล็กหยิบเล่มเมนูอาหารมาดูทั้งรู้ด้วยว่าการกระทำของเธอถูกคนอีกผู้แอบลอบมองอยู่ตลอด แต่เธอก็ไม่ได้นึกสนใจเขาแต่อย่างใด

    “บุยยาเบสกับไวน์แดง” เธอปิดเล่มเมนูอาหารวางลงก่อนเลื่อนไปให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มือเล็กเปิดกระเป๋าสะพายใบหรูควานหาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาระหว่างรอ 

    “ของผมเอาสตูเนื้อตุ๋นไวน์แดงครับ” เสียงทุ้มหันไปสั่งอาหารเป็นภาษาฝรั่งเศษกับพนักงานสาวในชุดเสื้อแขนยาวสีขาวสวยทับด้วยเสื้อกั๊กสีดำเป็นเครื่องแบบของทางร้าน 

    “ของคุณพี่เอาเหมือนน้องเอเทนน์เลยค่ะ เดี๋ยวคุณพี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนะคะ ข้าศึกรุกรานค่ะ” ว่าจบมิเกลลุกพรวดวิ่งลุกลี้ลุกลนไปเข้าห้องน้ำ ทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งกุมบรรยากาศอึมครึมอยู่กับเธอเพียงสองคน

    “ชอบดื่มไวน์หรอครับ” เสียงทุ้มเริ่มชวนคนเล่นโทรศัพท์ไม่สนใจอะไรคุย 

    “ค่ะ นาน ๆ ที” ดวงตาสีแมกไม้คู่สวยดูเลื่อหน่ายช้อนมองชายหนุ่มเพียงครู่ก่อนเลื่อนกลับไปสนใจหน้าจอมือถือของตนอีกครั้ง

    “พี่มาฝรั่งเศษบ่อย มีร้านไวน์ดี ๆ แนะนำเยอะเลย หลังเสร็จงานไปกันมั้ยครับ” เขาชวน

    “ขี้เกียจค่ะ”

    “งั้นไปเที่ยวกันมั้ยครับ ซากุระอยากไปไหนเป็นพิเศษรึเปล่า ให้พี่เป็นไกด์ได้นะครับ” ชายหนุ่มยังคงเอ่ยหว่านล้อมชวนเธอไปนั่นนี่ แต่มีหรือคนอย่างเธอจะยอมไปด้วยง่าย ๆ 

    “ขอบคุณนะคะ แต่นี่ว่าเสร็จงานแล้วจะบินกลับเลยค่ะ” เธอตอบทั้งยังกดเล่นเกมส์ไม่สนใจเขา

    “ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้าเปลี่ยนใจยังไงก็นึกถึงพี่ได้นะครับ พร้อมไปด้วยเสมอ” ใบหน้าหล่อเหลาตามฉบับนายแบบเอเชียของชายหนุ่มส่งยิ้มหวานให้คนทำหน้าบอกบุญไม่รับ เชื่อว่าสาวหลาย ๆ คนเห็นแล้วต้องละลายแต่ไม่ใช่กับซากุระ 

    “โอ๊ย! เกือบตายค่ะคุณลูก คนเต็มห้องน้ำ ได้เดินไปขอเข้าหลังร้าน เกือบราดเลยค่ะ” มิเกลเดินไปบ่นไปกลับมานั่งที่โต๊ะ 



    ท่าเรือลาลอแชล

    “ไม่ค่อยจะรีบเลยเนาะ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นไล่หลังคนเดินนำหน้าไปในความมืดไม่พูดอะไร บนบ่าแกร่งสะพายกระเป๋าใส่ปืนคาดอกไขว้ไปด้านหลัง 

    “ทันอยู่แล้วแหละน่า ถึงไปไม่ทันก็ได้เจออยู่หรอก” ซุยเงะสึว่าออกมายิ้ม ๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าที่มันรีบลากเขามาปิดงานนี้เพราะอยากเจอคุณหนู 

    “พูดกับกูสักคำก็ได้นะเพื่อน กูเหงา วัน ๆ นึง กูคุยคนเดียวจนหลอนไปหมดละ” เงียบ คำตอบที่ได้รับคือความเงียบ  บางทีก็คิดนะว่าไอ้ห่านี่มันชิงคนหูหนวกมาเกิดรึเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้น สงสารคนจะเกิดเลยอ่ะ




    Fashion week in Paris 

    ห้องแต่งตัว

    “ไหนดูซิ อ่ะสวยมากค่ะคุณลูก” มือหนาของเจ๊มิเกลยื่นมาเชยคางของซากุระขึ้นดู ใบหน้างามถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ดูคมคาย เรือนผมสีดอกซากุระถูกดัดเป็นลอนมัดรวบต่ำติดโบดำไปด้านหลัง สร้อยคอโซ่ทองประดับมุกเม็ดโตรับเข้ากับเดรสสายเดี่ยวดำทรงปล่อยสั้นเหนือเข่ามสครึ่งต้นขา ขาเรียวสวยสวมรองเท้าบูทส้นสูงดำเรียบหรูยาวขึ้นมาถึงใต้เข่า ผิวเนียนละเอียดขาวผ่องที่โดดเด่นกว่าใคร ๆ ทำให้นางแบบและนายแบบหลาย ๆ คนแอบลอบมองเธออย่างชื่นชมอยู่บ่อยครั้ง

    “ลูก ๆ! เตรียมพร้อมเรียงแถวกันได้เลยนะคะ แขกมาถึงกันแล้ว” มิเกลตบมือตะโกนบอกเหล่าบรรดานางแบบนายแบบในห้องแต่งตัว 

    “สวยจังเลยนะครับ” ร่างสูงในชุดเสื้อสูทสีดำเปิดให้เห็นเนินกล้ามเนื้อบนอกแกร่งเรียงมัดสวย ๆ เดินมากระซิบชมข้างหูคนตัวเล็กกว่าที่นั่งอยู่หน้ากระจก เอเทนน์ได้แต่แอบลอบสูดเอากลิ่นหอมของเนื้อสาวเข้าเต็มปอด รู้สึกดีเป็นบ้า ยอมรับว่าเขาแทบจะคุมสติตัวเองไม่อยู่เมื่อได้ใกล้ผู้หญิงคนนี้ 

    “อ่ะมาเลย มาเลย! ทำมาร์คไว้ให้แล้ว เดินให้ตรงคู่ หยุดให้ตรงจุดมาร์คของตัวเอง ห้ามพลาด ห้ามผิดพ้อย ห้ามเด๋อนะคะ ถ้าพลาดให้รันต่อเนียน ๆ ไปเลย”

    “ค่า / ครับ”

    ดวงตาสีแมกไม้คู่สวยมองไปยังชายหนุ่มด้วยสายตาติดรำคาญ ร่างบางผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนเดินเบี่ยงเขาไปด้วยท่าทีไม่สนใจเช่นเคย ใบหน้าหล่อเหลาทำได้เพียงกระตุกยิ้มที่มุมปากให้กับความพยศของคนตัวเล็ก แบบนี้สิถึงน่าสนุก ยิ่งพยศใส่เขาก็ยิ่งอยากได้เธอ

    เสียงดนตรีประกอบดังคลอภายในงาน แสงสีไฟสปอร์ทไลท์ถูกเปิดเพื่อเซทฉากบนเวทีให้เข้ากับหอไอเฟลที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง บรรดาแขกรับเชิญที่มาร่วมชมต่างเป็นศิลปิน นักแสดงที่มีชื่อเสียงจากทั่วทุกมุมโลก รันเวย์ขึ้นเวทีทอดยาวไว้โชว์โมเดลลิ่งถูกทำขึ้นไม่สูงไม่ต่ำมาก เนื่องจากนางและนายแบบมีร่วมกว่าสามสิบชีวิต จึงต้องมีการเตรียมพื้นที่ค่อนข้างกว้าง 

    ซากุระเดินไปยืนต่อแถวตามที่เซทไว้คู่กับเอเทนน์ นี่เป็นการเดินฟินนาเลย์คู่ของเธอครั้งแรก สารภาพว่าเจ้าตัวเองก็ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย 

    พิธีกรเริ่มพูดเกริ่นทักทายแขกในงานที่นั่งล้อมเวทีตามเก้าอี้ที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ ก่อนบรรยายเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของแบรนด์พรีเซนเตอร์ที่จัดแฟชั่นวีคครั้งนี้ และช่วงเวลาที่แขกรอคอยก็มาถึง เมนเนเจอร์ในทีมส่งสัญญาณให้ตัวแบบเริ่มออกเดิน 

    ขาเรียวสวยเริ่มสาวเท้าเก้าไปตามรันเวย์อย่างมั่นคง ใบหน้าสวยถูกแต่งแต้มจนคมคายมองตรงไปตามทางก่อนเดินไปหยุดอยู่พ้อยของเธอกลางเวที ร่างบางหมุนตัวกลับมาตามสเตปแบบโปรเฟรช แสงแฟรชจากกล้องราวกับสายฟ้ารัวชัตเตอร์มาแต่ดวงตาสีแมกไม้คู่สวยยังคงสู้กล้องกลับ แขกในงานหลาย ๆ คนมองมาที่เธอก่อนหันไปกระซิบคุยกันอย่างพอใจ 

    แสงแฟรชทำคนสู้กล้องอยู่นานเริ่มรู้สึกล้า ดวงตาสีแมกไม้รีบกวาดหาที่พักสายตาเธอเลือกมองไปยังด้างหลังตรงเตนท์ที่มีเจ้าหน้าที่และผู้ชมที่ไม่มีบัตรนั่งยืนอยู่ค่อนข้างแออัดก่อนจะสังเกตเห็นร่างสูงคุ้นตายืนอิงอยู่ข้างเตนท์ในมุมมืดมองมาจากไกล ๆ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากันด้วยไม่แน่ใจ เพราะบริเวณนั้นคนยืนเบียดเสียดหนาแน่นเกินไปที่จะเห็นได้ชัด 

    “ซากุระครับ เตรียมเปลี่ยนพ้อยครับ” เสียงทุ้มจากชายหนุ่มคู่เดินกระซิบบอก เรียกคนหลุดโฟกัสให้กลับมาสนใจหน้างาน ดีนะได้หมอนี่เรียกไว้ ไม่งั้นวันนี้เธอบ้งแน่

    ร่างบางหมุนตัวเดินตามจริตนางแบบเปลี่ยนจุดโพสตามที่เตี๊ยมกันไว้ เธอหันไปมองยังจุดเดิมที่เห็นเหมือนใครบางคนยืนมองเธอจากตรงนั้นแบบเนียน ๆ แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว ได้แต่คิดในใจว่าหลอนอะไรถึงเขากันนะ คงไม่โลกกลมมาโผล่อยู่ที่เดียวกันขนาดนั้น 

    ฟินนาเลย์แฟชั่นจบลงอย่างสวยงาม ตามมาด้วยการเก็บภาพที่ระลึกก่อนแยกย้าย ซากุระเป็นหนึ่งในโมเดลลิ่งที่ถูกช่างภาพจากนิตยสารและแบรนด์ต่าง ๆ รุมขอถ่ายรูป ถึงเธอจะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังอะไรแบบโมเดลท่านอื่น แต่ทุกคนก็ยอมรับว่าคืนนี้เธอสวยมากจริง ๆ ซากุระเพียงตัวโชว์อิสระไร้สังกัด ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะไม่ค่อยมีใครรู้จักเธอ 

    “รบกวนยืนคู่กับโมเดลได้มั้ยครับ” เสียงทุ้มจากช่างภาพเอ่ยขอ เอเทนน์ที่ยืนให้ตากล้องอีกฝั่งถ่ายใกล้ ๆ หันมามองเธอ ก่อนเดินเข้ามาขนาบข้าง มือหนาเอื้อมไปโอบรอบเอวคอดอย่างถือวิสาสะ ส่วนมืออีกข้างล้วงในกระเป๋ากางเกงแสลคสีดำทิ้งตัวของเขา ใบหน้าหล่อเหลารับเข้ากับดวงตาสีครามและผมควันบุหรี่ถูกเซตเซอ ๆ ขับให้ดูเร่าร้อนนาค้นหาของชายหนุ่มดูเข้าเคมีกันดีกับคนสวยข้างกาย 

    “เคมีคุณเข้ากันมากเลย หวังว่าจะได้เห็นเดินแฟชั่นโชว์หรือถ่ายภาพยนต์ด้วยกันนะคะ” ช่างภาพผู้หญิงจากมุมซ้ายสุดกล่าว ซากุระเองก็ได้แต่ยิ้มรับพอให้ไม่เป็นการเสียมารยาท 

    “ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มตอบกลับ มือหนายังคงรั้งเอวบางให้เข้ามาใกล้ไม่ยอมปล่อย จนคนโดนคุกคามเนียน ๆ ถึงกับชักสีหน้าใส่ 

    ปัง!

    เพล้ง!

    “กรี๊ดดด!” เสียงสปอร์ทไลท์ตั้งอยู่บนพื้นไม่ไกลจากเอเทนน์ยืนระเบิดแตกกระจายตามมาด้วยเสียกรีดร้องตกใจของคนในงาน ร่างบางตกใจกรี๊ดลั่นมือเล็กยกขึ้นปิดหูสาวเท้าถอยหนีตามสัญชาตญาณเช่นเดียวกับคนอื่นๆ 

    “เกิดอะไรขึ้นหน่ะ” เสียงนักข่าวคนหนึ่งเอ่ยถาม

    “น่าจะไปลัดวงจรมันเลยระเบิด” เสียงนักข่าวอีกคนว่า

    “ออกไปจากตรงนี้ก่อนเถอะครับ” มือหนากำลังจะเอื้อมไปคว้าข้อมือบางของคนกำลังกลัว

    ปัง! เพล้ง!

    “เห้ย! อะไรวะ!” คนกำลังจะเอื้อมมือไปตกใจ จนต้องชะงักมือกลับ เมื่อไฟดวงน้อยบนป้ายแบรนด์บนหัวเขาระเบิดแตกกระจายอีกดวง

    “กรี๊ด!” ซากุระได้แต่กรีดร้องด้วยความตกใจ

    “ไม่ใช่แล้ว! ผู้ก่อการร้ายแน่ๆเลย! ผู้ก่อการร้าย!” นักข่าวคนเมื่อครู่ตะโกนลั่นด้วยความตื่นตระหนก ก่อนทุกอย่างจะเริ่มตกอยู่ในความวุ่นวายเพราะประโยคของเขา

    ร่างบางถูกมวลชนวิ่งเบียดเสียดจนคลาดกันกับเอเทนน์ คนตัวเล็กได้แต่ยืนหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ยอมวิ่งหนีตามฝูงชน เมื่อทุกคนวิ่งแตกกระจายไปคนละทิศคนละทางกันหมดแล้ว ใบหน้าสวยได้แต่หันไปมองไฟสปอร์ทไลท์ตั้งอยู่กับพื้นดวงแรกที่ระเบิดข้าง ๆ เอเทนน์ 

    ดวงตาสีแมกไม้เบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเพ่งมองไปในเศษซากของมันแล้วเห็นวัตถุอันตรายบางอย่างที่เธอเคยเห็นใครบางคนเอาออกมานับเป็นประจำเวลาจะออกไปทำงานให้คุณพ่อ 

    นั่นมัน

    กระสุนสไนเปอร์

    อย่างน้อย ๆ นี่ก็เป็นเครื่องยืนยันว่าเธอไม่ได้เห็นภาพหลอน แต่เขามาจริง ๆ 





    “ทำไมไม่เข้าไปหาคุณหนูล่ะ” เสียงทุ้มของซุยเงะสึเอ่ยถามยิ้ม ๆ มือหนาใช้ผ้าชุบน้ำยาเช็ดเลนส์กล้องส่องทางไกลก่อนเดินไปเปิดไฟตรงมุมห้องอีกฝั่งเพื่อเพิ่มแสงสว่างในการทำงาน เขากับซาสึเกะอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็ก ๆ ที่มาดาระจัดการหาไว้ให้พักกกด่าน ทุกครั้งที่เปลี่ยนเมือง มาดาระจะเป็นคนจัดหาที่อยู่ให้พวกเขา จึงไม่ค่อยมีปัญหาในส่วนตรงนี้เท่าไรนัก

    ส่วนตัวซุยเงะสึเองรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนตัวดีมันหน้ามึน ทำเป็นซึนไม่อยากเจอไปงั้นแหละ ตลอดเวลาที่มันอยู่นี่เขาสังเกตุเห็นมันเปิดกระเป๋าตังค์อยู่บ่อยครั้ง แรก ๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่บังเอิญฟ้ามีตาดลใจให้เขาเดินผ่านหลังตอนมันยกกระเป๋าขึ้นมา บัตรนักเรียนมัธยมปลายตอกรูปเจ้าของใบหน้างามเรียบเฉยรับเข้ากับเรือนผมสีดอกซากุระถักเปียก้างปลาสองข้างผูกโบว์ขาวถูกระเบียบของคุณหนูอยู่ในกระเป๋ามัน เท่านั้นแหละสิ่งที่ทำให้เขาขุ่นข้องใจมันก็หายไปหมด 

    จริง ๆ เขาเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน พอจะดูมันออก แต่ก็อย่างว่าแหละ ชายกับหญิงอยู่ด้วยกัน ถึงจะบอกว่าไม่ได้คิดอะไรก็เถอะ นาน ๆ ไปมันจะไม่หวั่นไหวเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ ตัวเขาเองเข้าใจมันดี ของแบบนี้มันห้ามใจกันไม่ได้หรอก ถึงจะเป็นคุณหนูก็เถอะ มันก็รักของมันแหละแต่แค่ยังไม่ใช่เวลาที่สมควรของทั้งมันแหละเขา กลายเป็นต้องอยู่ในจุดคนดูแล แค่ได้เห็นว่าเขาอยู่ดี มีความสุข ก็ไม่ห่วงอะไร

    “ไม่ได้อยากทัก” ใบหน้าหล่อเหลายังคงสนใจกับการใช้ผ้าทำความสะอาดปืนสไนที่ประกอบวางเรียงกันสามกระบอกตรงหน้า มือหนาเอื้อมไปคว้าน้ำยาขัดเงามาฉีดลงบนปืนก่อนใช้ผ้าไล่เช็ดย้อนขึ้นไปจนขึ้นมันสะท้อนไฟ 

    แม้ในใจตอนนั้นจะอยากถอดเสื้อโค้ดเดินเอาไปให้เธอแค่ไหนก็เถอะ ตัวเขาเองก็เกือบเดินเข้าไปแล้วเพราะก็เห็นว่าเธอหนาวขนาดไหน แถมยังใส่ชุดแบบนั้นยิ่งแต่จะแข็งตาย มันติดที่ว่าเขากลัวภาพตัวเองมันจะไปติดกล้องแล้วเกิดอันตรายขึ้นกับเธอ ก็เขามันตัวท็อปในตลาดสังหารเงียบ เพราะงั้นเมื่ออยู่นอกถิ่นจะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเขารู้จักเธอ 

    “ใช่อ๊ะเปล่า แล้วไปไล่ยิงไอ้หน้าจืดนั่นทำไม เขาทำไรผิดอ่ะ แค่เกาะเอวถ่ายรูปเอง” ริมฝีปากหนายิ้มไปพูดไปจนเห็นฟันเขี้ยวเอกลักษณ์ที่เจ้าตัวไปเหลามาทั้งปาก

    กึ่ก! แกรก! แกรก! 

    “ช่วงนี้มือไม่ค่อยนิ่งเลย ไม่รู้เป็นที่ขาตั้งหรือว่าเป็นที่กู” เสียงทุ้มว่าขึ้นเรียบ ๆ นึกถึงภาพตอนร่างบางถูกหมอนั่นรั้งเอวแนบชิดแล้วมันหงุดหงิดจนอยากลั่นไกเจาะหัวมันซะให้ตาย ๆ อยู่ตรงนั้น จริง ๆ นัดแรกเขาตั้งใจยิงโดนสปอร์ทไลท์ฝั่งมัน เพราะกลัวว่าเศษมันจะกระเด็นไปโดนซากุระ แต่นัดสองนี่หาที่ลงไม่ได้จริง ๆ อีกนิดจะลงบนหัวมันแล้ว

    คิดได้แค่นั้นมือหนายกสไนคู่ใจขึ้นลำหันไปทำท่าจ่อหัวคนนั่งพล่ามยั่วโมโหตนเป็นเชิงจะซ้อมยิงใส่หัวซุยเงะสึ ดวงตาสีนิลคู่คมหรี่ลงทั้งยังสับกระสุนเปล่า ๆ เตรียมยิง

    “โว้ว ๆ ๆ ไอห่านี่เอะอ่ะไม่พอใจมึงก็จะยิงทิ้งอย่างเดียวเลยรึไง กูคู่ซี้มือหนึ่งอ่านทิศให้มึงเลยนะโว้ย ขาดกูไปใครจะเป็นดวงตาที่สามให้มึง” ซุยเงะสึโวยวายเมื่อเห็นว่าซาสึเกะทำท่าจะยิงใส่เจ้าตัว ถึงจะรู้ว่าหมอนั่นหยอกก็เถอะ ใครมันจะไปนั่งยิ้มทั้งที่โดนปืนจ่อหัวตัวเองอยู่ได้ เผื่อปืนลั่นทำไง ไอ้เจ้าบ้านี่

    มือหนาลดปืนลง ใบหน้าหล่อเหลาเอียงคอจนเห็นสันกรามขับให้กรอบหน้ายิ่งดูคมคายนั้นหันกลับไปสนใจหยิบปืนอีกกระบอกที่ยังไม่ได้ขัดเงาขึ้นมาเช็ด ราวกับว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้ทำอะไรหมอนั่น 

    เพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นจุดสนใจและจุดสังเกตของฝ่ายศัตรู ช่วงนี้พวกเขาโคฟเวอร์เป็นก้อนหินกันแทบจะทั้งเดือน เพราะต้องไปซุ่มนิ่งรอดักตีหัวเป้าตั้งแต่เนิ่น ๆ จนแทบจะกลายร่างเป็นสภาพเดียวกับสิ่งแวดล้อมตรงนั้นอยู่แล้ว ยอมรับว่าความอดทนคือสิ่งสำคัญที่สุด เพราะมันสามารถชี้เป็นชี้ตายทั้งคู่ได้ เพียงแค่ขยับนิดเดียวนั่นอาจหมายถึงชีวิต

    “อาทิตย์หน้าก็ได้กลับแล้ว หัวสุดท้ายอยู่เจนีวา เก็บของไว้ คืนนี้จะพาไปดักรอตีหัวตอนพวกมันส่งของ” 

    จริง ๆ แล้วซาสึเกะเองก็เพิ่งได้รับข้อความจากมาดาระหลังจากเห็นป้ายโปรโหมดของซากุระวันนั้นว่าเธอจะมาปารีส มาดาระเองก็ถือโอกาสเล่าวีรกรรมของเธอที่เพิ่งไปอาละวาดในบ้านใหญ่มา พอได้รู้เรื่องเขายิ่งอยากปิดงานแล้วกลับไปโตเกียวให้เร็วที่สุด ถึงไม่มีใครเล่าเขาก็พอจะรู้ว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน

    ตอนนี้ซากุระก็เหมือนหมากบนกระดานที่โดนดักกินทุกทาง จะก้าวไปทางไหนก็ตาย จากที่มาดาระเล่าดูเหมือนว่านายก็คงไม่ฟังอะไรเธอแล้ว เขาเองก็ไม่มีสิทธิ์ไปวิพากย์วิจารย์อะไร สิ่งเดียวที่เขาจะทำคือกลับไปดูแลซากุระให้ดีที่สุด กลับไปปกป้องเธอจากคนพวกนั้น




    คอนโด

    ประตูบานหนาถูกเปิดออกตามด้วยร่างบางเจ้าของเรือนผมสีดอกซากุระแทรกกายลากกระเป๋าเดินทางสีดำใบโตเข้ามา มือเล็กหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาเสียบช่องรับไฟ ก่อนไฟสีนวลจะติดสว่างขึ้นทั่วห้อง ดวงตาสีแมกไม้คู่สวยกวาดมองรอบห้องแสนว่างเปล่าพลันนึกถึงใครบางคนที่เธอเคยอยู่ด้วย 

    เธอรู้

    รู้ว่าเป็นเขา

    ตอนแรกก็นึกว่าตาฝาดเห็นภาพหลอนเขาในมุมมืดไปเองทแต่พอเห็นกระสุนปืนเท่านั้นแหละ เธอยิ่งมั่นใจว่าจะต้องเป็นซาสึเกะแน่ ๆ เขามาดูเธอที่งานจริง ๆ ถึงจะไม่มาทักกันก็เถอะ เขาคงห่วงความปลอดภัยของเธอ เพราะเจ้าตัวก็ยังอยู่ในระหว่างทำงายแบบนั้นอยู่ด้วย 

    ขาเรียวสาวเท้าเดินไปคว้าผ้าขนหนูกับชุดคลุมอาบน้ำเข้าห้องน้ำไป มือเล็กจัดแจงพาดผ้าขนหนูไว้บนราว ก่อนเริ่มไล่ถอดเสื้อผ้าออกเปลี่ยนเป็นชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดตา เธอเอื้อมไปคว้าแปรงสีฟันสีชมพูที่อยู่ในแก้วคู่กับแปรงสีดำของอีกคน น่าแปลกจริง ๆ เห็นอะไรก็นึกถึงตอนอยู่ด้วยกันไปหมด แบบนี้เขาพอจะเรียกว่า คิดถึง ได้ไหมนะ

    ใบหน้างามสลัดหัวน้อย ๆ รู้สึกขนลุกเย็นวาบ ๆ ไปทั่วหลังอย่างบอกไม่ถูก แล้วทำไมเธอต้องมามีความรู้สึกแบบนี้กับเขากัน เส้นบาง ๆ ระหว่างคำว่าพี่น้องที่เธอไม่คิดจะข้ามมันไปหาเขาเลยสักครั้ง ตอนนี้มันกำลังตึงจนจะขาดเองซะแล้ว 

    มือเล็กคว้ายาสีฟันสีขาวมาบีบก่อนเริ่มแปรงฟัน ดวงตาคู่สวยมองตัวเองในกระจก พลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เธอตบกับคารินวันนั้น คุณพ่อไม่ถามอะไรเธอสักคำ ท่านชอบคิดว่าเธอเริ่มก่อน แล้วมันก็เป็นอย่างนี้มาตลอด ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ในสายตาของคุณพ่อเธอไม่เคยถูกเลย 

    ย้อนกลับไปห้าปีก่อนที่ซาสึเกะไปทำงานแรก ๆ เธอเข้าไปอยู่ที่บ้านนั้นได้แค่เดือนกว่า ๆ ไม่มีวันไหนที่คารินลูกติดเมียใหม่พ่อ ไม่หาเรื่องแกล้งเธอเลยสักวัน แล้วเวลามันปั่นมันทำให้เธอประสาทขึ้นจนไม่เคยคุมตัวเองอยู่ แล้วคุณพ่อก็ชอบมาเห็นช็อตที่เธอกลายร่างแล้ว แต่ไม่เคยถามว่าอะไรทำให้เธอเป็นแบบนี้ แล้วจะให้เธออยู่กับคนพวกนั้นได้ยังไง 

    มีวันนึงเธอกับมันตีกันอยู่ข้างสระ เธอยอมรับว่าผลักคารินตกน้ำ พอเห็นแม่นั่นทำท่าว่าว่ายน้ำไม่เป็นจะจมน้ำตายให้ได้ เธอก็ยังมีน้ำใจกระโดดลงไปช่วย แต่สุดท้ายมันคือการแสดงล่อให้เธอลงไปเพื่อที่จะกดคอเธอให้จมน้ำ ดีที่อินดราอยู่ตรงนั้นพอดี ไม่งั้นเธอคงเสียรู้มันจมน้ำตายจริง ๆ ไปแล้ว แต่ถึงพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ มีแค่ตัวเธอกับคารินที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร เธอจึงเลือกที่จะไม่พูด ให้คนอื่นเข้าใจผิด ๆ ไปว่าเธอเริ่มก่อน ไหน ๆ ก็ไม่มีใครฟังอยู่แล้วนี่ จะให้พูดอะไรล่ะ

    หลังจากวันนั้นเธอก็เลือกกลับมาอยู่คอนโดของซาสึเกะคนเดียว เปลี่ยนเป็นไป ๆ มา ๆ ที่บ้านนั้น แต่ก็ยอมรับว่าไปเพราะห่วงคุณพ่อ ไม่รู้สองตัวนั้นมันคิดจะทำอะไรคุณพ่อรึป่าว ธรรมดาของคนเป็นลูกแหละ คนในบ้านเอางูมาเลี้ยง ก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา ไม่รู้มันจะแว้งกัดเราตายวันไหน 

    สายน้ำอุ่น ๆ ที่ชะโลมล้างฟองสบู่ลงบนเนื้อนวลถูกปิดลง คนตัวเล็กในชุดคลุมอาบน้ำ เดินออกมาเปิดตู้เสื้อผ้า มือเล็กคว้าเดรสสายเดี่ยวใส่นอนสีดำออกมาก่อนเลื่อนสายตาไปหยุดยังเสื้อผ้าของใครอีกคนที่แขวนไว้ในตู้เดียวกัน มันทำให้ความคิดในหัวของคนเริ่มแตกเนื้อสาวตีกันวุ่นจนต้องรีบปิดประตูตู้

    เธอสวมชุดนอนก่อนเดินไปปิดไฟเหลือไหวตรงหัวเตียง ร่างบางทิ้งตัวลงนอนซุกใต้ผ้าห่มผืนหนาหาไออุ่น จริง ๆ ญี่ปุ่นก็เริ่มหนาวแล้ว เธอชอบหน้าหนาวนะ แต่ไม่ชอบให้มันหนาวมาก มันทรมานเวลาออกไปข้างนอก เพราะงั้นถ้าหิมะตกนี่อย่าหวังว่าจะได้เห็นคนอย่างซากุระออกไปเดินเล่นที่ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะอยากไปจริง ๆ 

    ช่วงนี้เหนื่อยชะมัด ยังดีที่ได้แบล็คการ์ดของซาสึเกะช่วยชีวิตไว้บ่อยครั้ง ช่วงไหนเครียด ๆ นี่รูดช้อปสาดเลย ต้องโทษตัวเองที่หัวรั้นไม่ใช้ตังค์คุณพ่อเลยสักเยนเดียว กรรมก็เลยมาตกอยู่ที่เขา แต่เขาก็ไม่เคยว่าอะไรเธอนี่ มีแต่จะให้เพิ่มด้วยซ้ำ ไม่รู้กลับมาเห็นยอดใช้จะด่าเธอรึเปล่า แต่ก็ช่างเถอะ เป็นคนยื่นให้เธอเองกับมือ ว่าไม่ได้นะแบบนี้

    Rrr!! Rrr!!

    ดวงตาสีแมกไม้เหลือบมองโทรศัพท์บนโต๊ะวางโคมไฟข้างหัวเตียง ก่อนเอื้อมมือเล็กไปคว้ามาดู

    ...อิโนะ...

    “ว่า” เสียงหวานตอบรับเอื่อย ๆ ดวงตาสีแมกไม้เหม่อมองเพดานห้อง

    “กลับยังคุณเพื่อน”

    “เพิ่งถึงสักพัก”

    “อุ้ย จะชวนตี้ สภาพนี้ไหวป้ะ”

    “ไม่เอา เหนื่อย”

    “หนุ่มที่มึงเดินด้วยหล่อมาก กูไปส่องวาร์ปมาละ พ่อของลูกสุด”

    “เหอะ” เสียงหวานเค้นหัวเราะเอือมระอา เมื่อนึกถึงพ่อเอเทนน์แสนเจ้าเล่ห์มือไว เธอไม่ชอบผู้ชายแบบนี้เอาเสียเลย ฉวยโอกาสไม่พอ ยังไม่ให้เกียรติผู้หญิงอีก

    “ไมหัวเราะงั้นอ่ะ หรือไม่จริง” เสียงเพื่อนสาวถามหยั่งเขิง

    “น่าเดินหนีมากกว่าเอาทำผัว” เธอเองก็ตอบกลับไปด้วยความเบื่อหน่าย

    “อ้อกูลืมไป ชีวิตมึงวนเวียนกับคนหล่อระดับมาสเตอร์มาทั้งชีวิต หนังหน้าแบบหมอนั่นเทียบพ่อร่างทองของกูไม่ติดเลยสักนิด” คงจะหมายถึงซาสึเกะสินะ

    “ร่างทอง หรือร่างเทวทูต” 

    “คิก! กูยอมให้กระชากวิญญาณกูออกไปปู้ยี่ปู้ยำให้ตายกันไปข้างนึงเลย”

    “...”

    “เอ้อ ว่าแต่เขาไม่อยู่กี่ปีแล้วนะ สามปีกว่าป้ะ”

    “สามปีบ้าไร ห้าปี”

    “หูย จำแม่นซะด้วย นับวันรอเขากลับมาป้ะเนี่ย”

    “ทำไมต้องรอ”

    “ใช่อ้ะเปล่า ตั้งห้าปีป่านนี้สูงยาวเข่าดีทรงแด๊ดดี๊แล้ว พี่ซาสึเกะของกู แค่คิดก็ขนคิงลุกแล้วอ่ะ อยากเสพ”

    “ทะลึ่ง”

    “ก็มันน่าจริง ๆ นี่ มึงก็รู้ว่ารุ่นพี่นี้มันกราวใจ”

    “หึ นี่มึงโทรมาเพื่อชวนกูคุยเรื่องผู้ชายเนี่ยนะ”

    “ผิดค่ะ จะชวนตี้ แต่มึงไม่มาไงคะ”

    “ไว้วันหลังเถอะ กูไม่ไหวจริง อยากให้มึงเห็นสภาพ”

    “วันหลังอ่ะวันไหนมึงนัดมาเลย” เสียงฮินาตะตะโกนถามแว่วเข้ามาในสายไกล ๆ 

    “เสาร์หน้า ดีล”

    “โห อีกตั้งอาทิตย์นึง ผิดวิสัยเพื่อนกูนะเนี่ย”

    “ดีล ไม่ดีล”

    “ดีลค่ะอิสวย”

    “หึ กูนอนละ ไม่ไหว”

    “เออ ๆ ฝันดีก็ได้”



    หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป

    ร่างบางในชุดเดรสเกาะอกแดงกำมะหยี่เข้ารูปโชว์ไหล่มน กระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดเรียวขาขาวนวลดูแล้วน่าจับตี เรือนผมสีดอกซากุระยาวสลวยไปถึงกลางหลังถูกรีดจนเรียบมองดูแล้วให้ความรู้สึกหรู ใบหน้าสวยกินคนถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์อ่อน ๆ แต่น่าแปลกที่มันช่างขับความงามออกมาจากนวลหน้าของเธอได้เป็นอย่างดี 

    คืนนี้เธอมีนัดกับกลุ่มเพื่อนสาวที่คลับแห่งหนึ่ง ย่านใจกลางกรุงโตเกียว ดวงตาสีแมกไม้คู่สวยเหลือบมองนาฬิกาเรือนงามที่แขวนอยู่บนผนังห้อง ก่อนเอื้อมมือไปคว้ากุญแจรถและกระเป๋าสีเงินใบหรูขึ้นมาสะพาย ขาเรียวสาวเท้าก้าวไปทั้งใส่รองเท้าส้นเข็มสีเดียวกับเดรสเดินไปดึงคีย์การ์ดปลดล็อคประตูห้อง ก่อนต้องผงะถอยหลังกลับมาสองก้าว เมื่อเห็นร่างสูงคุ้นเคยของใครบางคนที่ไม่ได้เจอมานานยืนขวางประตูอยู่

    “ซาสึเกะ” ดวงตาสีแมกไม้ สบกับดวงตาคู่คมสีนิลอยู่นาน ก่อนหญิงสาวจะเอ่ยขึ้น เธอไม่ได้แปลกใจที่เขาดูสูงขึ้นตัวใหญ่ขึ้นจนผิดตาเพราะไม่ได้เจอกันนาน

    “จะไปไหน” เสียงทุ้มแสนเย็นชาเอ่ยถามขึ้น ร่างสูงในชุดสูทสีดำเรียบร้อยยังคงยืนอยู่ที่เดิม ก่อนกวาดดวงตาสีนิลคู่คมมองหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า

    “แต่งตัวแบบเนี๊ยะ คงไปวัดมั้ง” หญิงสาวตอบกวน ๆ ใบหน้าสวยยิ้มหวานให้เขาก่อนหุบยิ้มตีหน้าเบื่อโลกใส่แทบจะทันที เธอพยายามจะเดินแทรกผ่านร่างสูงไป แต่คนตัวสูงกว่ากลับสาวเท้าเข้ามาใกล้ จนขาเรียวต้องถอยหลังกลับเข้าไปในห้อง ร่างสูงยืนอยูในตำแหน่งประตู ทำให้แทบไม่เหลือช่องว่าให้คนตัวเล็กแทรกกายหนี

    “ถอย” ดวงตาสีแมกไม้ฉายแววดื้อรั้น ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมา ทำเพียงยืนขวางประตูไว้

    “จะถอยดี ดี มั้ย” ซากุระเริ่มหมดความอดทน มือเล็กผลักอกหนาเต็มแรง ก่อนเดินกระแทกส้นออกไป เธอลงลิฟต์ทั้งอารมณ์เสียอยู่อย่างนั้น เมื่อเดินมาถึงรถหรูราคาหลายล้านเยนของเขา ก็พบว่ากุญแจรถที่ถืออยู่ในมือแท้ ๆ ได้หายไป ร่างบางได้แต่ถอดหายใจฟึดฟัดด้วยความโมโห มันจะเป็นฝีมือใครไปไม่ได้ ก็มีอยู่คนเดียว คิดดู มันคว้าได้แม้กระทั่งกุญแจที่อยู่ในมือเธอแท้ ๆ แบบที่เธอไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด

    “ซาสึเกะ”

    เธอจำเป็นต้องหวนกลับมาที่ห้องของเธออีกครั้ง นิ้วเรียวสวยผลักประตูเข้าไปกระแทกผนังห้องอย่างแรงด้วยอารมณ์โมโหที่เขาทำให้เธอเสียทั้งเวลา เสียทั้งอารมณ์ ดวงตาสีแมกไม้จับจ้องไปยังร่างสูงที่นอนเอนหลังนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนโซฟาตัวยาวกลางห้อง เธอแอบเห็นเขาลอบยิ้มที่มุมปากน้อย ๆ ด้วยความสะใจที่ทำให้เธอเสียเวลาได้ นั่นยิ่งทำให้เธอของขึ้นเข้าไปใหญ่

    “เอามา” ร่างบางเดินกระแทกส้นไปยืนข้างโซฟา ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงไม่พอใจ ดวงตาสีแมกไม้ก็พยายามมองหาว่าเขาเอากุญแจเธอซ่อนไว้ไหน ชายหนุ่มยังคงนอนเฉยยกมือเกยหน้าผากอยู่เช่นนั้น โดยไม่มีคำพูดใดตอบโต้เธอออกจากปากมาสักคำ

    “บอกว่าให้เอามาไง” ซากุระทนไม่ไหวกับความกวนประสาทของเขา เธอเอื้อมมือไปกระชากแขนที่เขาใช้เกยหน้าผากออกอย่างแรง จนคนถูกกระทำลืมตาขึ้นมามุ่นคิ้วใส่อย่างนึกหงุดหงิดในความพยศของเธอ เมื่อเห็นร่างสูงขยับตัว ดวงตาสีแมกไม้ของเธอก็เหลือบไปเห็นกุญแจรถที่น่าจะไหลออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเขาจนลงมากองอยู่ที่โซฟา เธอไม่รอช้าเอื้อมมือไปหมายจะคว้ากุญแจออกมาให้ได้ แต่มีหรือจะทันคนอย่างเขา มือหนาคว้าเข้ากับข้อมือเล็ก ก่อนแขนแกร่งอีกข้างจะเอื้อมไปรวบเอวบางและกระชากจนร่างบางล้มลงมานอนทับอกแกร่ง

    “ปล่อยฉันนะ” คนตัวเล็กดิ้นสุดแรงเกิด หวังว่าจะหลุดออกจากพันธนาการของเขาคนนี้ แต่ก็ไม่อาจสู้แรงควายของเขาได้ มือหนาอีกข้างที่ว่างของเขาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนเอาอะไรบางอย่างออกมา

    แกร่ก! แกร่ก!

    “นายทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ” เขาใช้กุญแจมือล็อกข้อมือของเธอติดกับข้อมือของเขา ร่างบางบดเบียดทับลงบนอกแกร่งแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของชายหนุ่มจนเธอเองยังรู้สึกขนลุกแปลก ๆ กลิ่นหอมจากนวลเนื้อสาวตีขึ้นหน้าคนโตกว่าทำเอาเขาเองยังรู้สึกเหมือนกำลังจะคลั่ง 

    “คนอย่างเธอมันต้องเจอคนอย่างฉัน” เสียงทุ้มเอ่ย ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเยาะเย้ยเธอด้วยสายตา มันจะมากเกินไปแล้วนะ คิดว่าเธอจะยอมเขาง่าย ๆ รึไง

    “ปล่อยฉัน!”



    คฤหาสตระกูลเซ็นจู

    “ครับนายหญิง” เสียงทุ้มเอ่ยตอบรับปลายสายด้วยความสุภาพ

    “เรื่องที่บอกไปถึงไหนแล้ว”

    “เตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วครับ ที่เหลือเป็นเรื่องของโอกาสกับจังหวะ”

    “ดี”

    “เอาไว้คืบหน้ายังไง ไว้ผมจะรีบรายงานให้คุณหญิงทราบครับ”

    ว่าจบปลายสายของผู้เป็นนายก็ตัดลง พร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้ายที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้า กว่าจะตะล่อมเอาข้อมูลจากคุณพี่มาได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นิ้วเรียวขีดกากบาททับลงบนวันที่ปฏิทินก่อนวางปากกาลง แค่ต้องรู้ว่ามันจะเอาอิตัวลูกไปด้วยมั้ย ถ้าไปก็เข้าทางเธอเลยทีเดียว มือเล็กยกถ้วยชาร้อนขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี 



    คอนโดซาสึเกะ

    เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่จากร่างบางดังขึ้นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจนับได้ สภาพห้องเละเทะ ข้าวของตกกระจัดกระจายไปทั่วพื้น ใครมาเห็นก็ต้องคิดว่าขโมยขึ้น

    ร่างบางในชุดเดรสสั้นกำมะหยี่แดงนอนแผ่อยู่ข้าง ๆ  คนตัวใหญ่ เธอไม่สนใจว่าชายหนุ่มจะคิดยังไงกับชายเดรสที่ร่นขึ้นมาจนเกือบเห็นกางเกงในของตัวเอง  เนินอกขาวนวลกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหอบหายใจ เรือนผมสีดอกซากุระแผ่สยายเต็มเตียง จนมีบางส่วนไปละอยู่บนใบหน้าคมของชายหนุ่ม กลิ่นหอมของแชมพูสระผมที่เธอชอบใช้ลอยเตะเข้าจมูงโ่งของเขาเบา ๆ ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มนึกรำคาญหรืออยากปัดออกแต่อย่างใด 

    ถ้าเพื่อนของเธอมาเห็นว่าอยู่กับผู้ชายในสภาพนี้ บอกเลยว่าคงคิดดีไม่ได้ แต่ใครจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้นี่แหละ คู่ปรับตัวฉกาจของเธอเลย คุณพ่อจะส่งใครมาก็ได้ ขออย่าเป็นหมอนี่ เธอไม่เคยรับมือเขาได้เลยสักครั้ง

    ฟึ่บ! หมับ!

    ไม่ทันที่มือเล็กจะได้เอื้อมไปฟาดลงบนใบหน้าคมอีกรอบ คนตัวใหญ่กว่ารู้ทันคว้าเข้าที่ข้อมือของเธอก่อนพลิกตัวขึ้นไปนั่งคร่อมตัวเธอไว้

    “จะเอาอีกใช่มั้ย” เสียงทุ้มปนดุเอ่ยขึ้น ดวงหน้าคมกัดฟันด้วยความโมโหจนเห็นสันกรามขึ้นบนกรอบหน้าชัดเจน กลับมารอบนี้ เธอไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเยอะ ไอ้นิสัยพยศใส่เขานี่ไปเอามาจากไหน ก่อนไปยังว่าคุยง่ายกว่านี้ สงสัยคงจะต้องเจอดัดกันหน่อยแล้วล่ะมั้ง

    “ปล่อย” เธอเริ่มออกแรงดิ้นอีกรอบ ขาเล็กพยายามยันขึ้นถีบคนตัวใหญ่กว่า จนชายเดรสถกขึ้นมาเห็นชั้นในสีดำตัวบาง 

    ซาสึเกะเริ่มจะหมดความอดทนกับเธอ เขาล้อคมือทั้งสองข้างของเธอไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างไร้พันธนาการอีกข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเอากุญแจมืออีกข้างออกมา

    “จะทำอะไร ปล่อยฉันนะ”เธอเริ่มดีดดิ้นอีกครั้ง เขาไม่รีรอล้อคกุญแจมืออีกข้างของเธอเข้ากับข้อมือของเขา คราวนี้ก็ตัวประกบกันเป็นเบอเกอร์ ใครจะนอนบนใครจะนอนล่างก็เลือกเอา 

    ร่างสูงพลิกตัวลงไปนอนด้านล่าง ดันให้ร่างบางของอีกคนขึ้นมานอนทับบนตัวเขาอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งเนื้อนิ่มที่บดเบียดลงมาบนอกแกร่ง ทั้งกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวเธอทำเอาเขารู้สึกปวดหนึบ ๆ ข้างล่าง 

    “ฉันจะบอกคุณพ่อ ว่านายลวนลามฉัน” มือเล็กพยายามทุบตีลงบนแผงอก

    “อยู่นิ่ง ๆ” เขาลืมตาขึ้นมาปรามเธอ ก่อนที่ต้นขาเรียวของซากุระจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่เริ่มแข็งขึงขึ้นมา ถึงในสายตาของคนอื่น ซาสึเกะคนนี้จะเย็นชาไร้หัวใจแค่ไหน แต่เขาก็ยังเป็นชาย มีความรู้สึก มีความต้องการเฉกเช่นชายชาตรีทั่วไป ซากุระหน้าขึ้นสีถึงกับหยุดดิ้นไปชั่วขณะ

    “ทุเลสที่สุดเลย อย่าให้ฉันหลุดไปได้นะ ฉันจะฆ่านาย ซาสึเกะ!”

    “หึ หลุดได้ก็ลองดู ใครจะฆ่าใครกันแน่” คำพูดกำกวมกวนประสาทยิ่งทำเอาคนตัวเล็กของขึ้นเข้าไปใหญ่ เห็นเธอเป็นผู้หญิงแล้วคิดว่าจะรังแกกันยังไงก็ได้หรอ รู้จักเธอน้อยเกินไปแล้ว

    หลังจากยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่พักใหญ่ คนตัวเล็กกว่าจำต้องยอมแพ้ไป และนอนหมดแรงอยู่บนตัวเขาทั้งแบบนั้นเป็นชั่วโมง ใบหน้าสวยกินคนได้ของเธอยามหลับตามันก็ดูเดียงสาไม่มีพิษภัยดี เขาถึงชอบเวลาเธอหลับมากกว่า 

    ดวงตาสีนิลคู่คมปรายลงมามองคนที่นอนเกยครึ่งบนอยู่บนอกเขา มือหนาเลื่อนปลดกุญแจออกให้ข้างหนึ่งเป็นอิสระ ก่อนขยับตัวออกให้เธอนอนหนุนบนแขนแกร่ง ใบหน้าหล่อเหลาไล่กวาดมองใบหน้ามนทั้งยังตีสีหน้าเรียบเฉย เธอดูโตขึ้นมากจากวันนั้นที่เขาไปจากเธอ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่โตตามตัวเห็นทีจะเป็นไอ้นิสัยเอาแต่ใจ ขี้วีน ขี้เหวี่ยงแก้ไม่หายของสาวเจ้า

    เขาเพิ่งรู้ความจริงของชีวิต ว่าไม่ควรคาดหวังกับสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะกับซากุระ คาดหวังให้กลับมาเป็นเด็กดีเหมือนเดิมนี่ต้องพับความคิดหยำ ๆ เขวียงทิ้งลงแม่น้ำไปไกล ๆ ได้เลย เป็นไปไม่ได้

    มือหนาเลื่อนไปดึงชายเดรสที่ร่นขึ้นมาจนเห็นชั้นในวับ ๆ แวม ๆ ของเธอลง มันคงไม่ดีสำหรับเขาที่เป็นผู้ชายถ้าเธอยังมาทำปล่อยเนื้อปล่อยตัวใส่อยู่แบบนี้ เห็นข้างนอกเย็นชา แต่ความรู้สึกทางเพศยังปกติดี ได้แต่นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

    จนเริ่มสัมผัสได้ว่าเธอขยับหันหน้ามานอนกอดเขา แขนเล็กพาดผ่านหน้าอกแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อใต้เสื้อเชิ้ตคอปกสีดำตัวบาง ทั้งขาเรียวยังยกขึ้นก่ายหน้าแข้งแกร่งของเขาไว้โดยไม่รู้ตัว สัมผัสนุ่มนิ่มของเนินเนื้อใต้เดรสตัวบางบดเบียดมาที่ต้นแขนแกร่ง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคยจากคนตัวเล็กลอยเตะเข้าจมูกครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำเอาคนได้กลิ่นแทบคลั่ง 

    ดวงหน้างามถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อน ๆ สะท้อนกับแสงไฟนวลส้มบนหัวเตียงมองดูแล้วยิ่งสวยเข้าไปอีกเท่าตัว ปรอยผมสีชมพูที่ละมาปรกหน้า ทำเอาชายหนุ่มขัดใจน้อย ๆ มือหนาอีกข้างที่ว่างจึงยื่นไปเกลี่ยขึ้นทัดหูให้ ก่อนเอื้อมข้ามตัวเธอไปคว้าผ้าห่มผืนหนามาคลุมร่างบางไว้ เขาปลดกุญเเจมือออก และค่อย ๆ ยกแขนและขาของเธอออกจากตัวเขา 

    ซาสึเกะลุกออกจากเตียงเบา ๆ ด้วยกลัวว่าเธอจะตื่นขึ้นมาอาละวาดอีก เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของเธอก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าของเขายังอยู่ นึกว่าเธอจะเอาทิ้งไปหมดแล้ว

    มือหนาเอื้อมไปคว้าเสื้อยืดคอวีสีดำ และกางเกงนอนขายาวสีเดียวกันมา ร่างสูงยืนส่องกระจกในตู้เสื้อผ้า ก็พบมีรอยเล็บแดงลากยาวเป็นปื้นตั้งแต่สันกรามมาจนถึงลำคอ ให้ตายเถอะเจอกันวันแรกก็แสบใส่เขาซะแล้ว มือหนาเลื่อนขึ้นลูบรอยนั้นเล็กน้อย ก่อนเดินเข้าห้องน้ำลับตาไปแบบไม่ใส่ใจอะไร จะว่าเขาดูแลเธอจนแทบจะเป็นผัวเธอไปเลยก็ยังได้ เมื่อก่อนไปไหนมาไหนก็ต้องไปด้วยตลอดไม่ให้พลาดสักฝีก้าว ไม่งั้นเธอคงก่อเรื่องให้เขาตามแก้จนปวดหัวแน่ ๆ ยิ่งแต่วีรกรรมเยอะอยู่ด้วย

    กรึ่ก!

    เสียงประตูห้องน้ำปิดลง ดวงตาสีแมกไม้ลืมขึ้นท่ามกลางความนวลสลัวของแสงไฟ ร่างบางหยัดตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง ครั้นได้ยินเสียงเปิดน้ำขึ้น เธอจึงรีบคว้านู่นหยิบนี่ จนคิดว่าน่าจะได้ของที่ต้องการครบแล้ว ซากุระคว้ารองเท้าส้นเข็มคู่สวยก่อนย่องเบาออกจากห้องไปโดยที่ใครอีกคนยังไม่ทันรู้ตัว

    นายเสียรู้ให้ฉันโง่ ๆ แล้ว ซาสึเกะ

    สะใจโว้ย!

    หึ เรานี่ก็แสดงเก่งใช้ได้เหมือนกันนะ ออสก้าต้องเชิญไปรับถ้วยแล้วมั้ย ใบหน้าหวานผุดรอยยิ้มสะใจ ได้แต่ชื่นชมตัวเองอยู่ในใจ ที่วันนี้เธอสามารถรอดมาจากเขาได้

    ประตูห้องน้ำบานใหญ่ถูกเปิดออก ตามด้วยร่างสูงที่แทรกกายออกมา ผมสีดำขลับลู่ลงเพราะถูกสระ ใบหน้าคมเต็มไปด้วยหยาดน้ำสะท้อนแสงไฟสีส้มนวลสลัว ขับความหล่อเหลาได้เป็นอย่างดี มือหนาใช้ผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กยีผม ก่อนสังเกตุเห็นถึงความผิดปกติบางอย่าง ดวงตาสีนิลคู่คมกวาดมองไปยังเตียงและรอบ ๆ ห้อง ไม่ปรากฎร่างบางของใครบางคนที่เขาคิดว่าเธอหลับไปแล้ว ให้ตายเถอะรอบนี้เขาโดนเธอล่อซื้อเข้าให้จัง ๆ เลย 

    แสบ



    คฤหาสตระกูลเซ็นจู

    "คุณพี่คะ จิบชาร้อน ๆ หน่อยนะคะ" ภรรยาคนใหม่ของคิซาชิเอ่ย ก่อนยกถ้วยชาร้อนที่ควันลอยขึ้นเอื่อย ๆ มาวางไว้ตรงหน้าของเขา

    "ยังไม่นอนอีกหรอ ไม่เห็นต้องลำบากเลย" เขางยหน้ามองเธอน้อย ๆ ก่อนก้มลงไปกวาดสายตาอ่านเอกสารต่อ

    "ไม่อยากให้คุณพี่โหมงานหนักเกินไปค่ะ เดี๋ยวสุขภาพจะแย่เอา" เธอเดินอ้อมมานวดไหล่เขาอย่างเอาใจ

    "เห้อ ทำไงได้ล่ะ มีลูกลูกก็ไม่เอาไหน" เขาละสายตาจากเอกสาร ก่อนทิ้งหลังพิงพนักเก้าอี้ ปล่อยให้ภรรยาใหม่นวดให้ผ่อนคลาย

    "นั่นน่ะสิคะ ยัยซากุระนี่จริงๆเลย คุณพี่ดูแลดีขนาดนี้ ทำไมถึงทำตัวเหลวแหลกแบบนี้นะ" เธอเผลอใส่อารมณ์มากเกินไป จนคิซาชิเงยหน้ามองเธอน้อย ๆ

    "กะ ก็เป็นห่วงแหละค่ะ ถึงพูดถึงบ่น" เธอเอ่ยอย่างหน้าเสีย คิซาชิละสายตาออกก่อนคว้าถ้วยชามาดื่มโดยไม่พูดอะไรต่อ

    "อย่างน้อย ๆ ก็มีเจ้าซาสึเกะที่เอามันอยู่" คิซาชิเอ่ย



    คลับหรูกลางกรุงโตเกียว

    เสียงเพลงดังคลื้นเคลง บรรเลงเบสหนักๆเรียกให้เหล่าบรรดานักท่องราตรีต้องขยับกายออกมาโยกย้ายหน้าฟลอ แสงไฟหลากสีสาดส่องมาเสียจนคนเมาอยู่แทบอยากมุดหัวลงไปอ้วกในถังน้ำแข็ง

    "ป่านนี้มันไม่มาแล้วมั้ง" ร่างระหงส์เจ้าของเรือนผมสีทอง ในชุดรัดรูปสีดำเหลื่อมแสงเอ่ย

    “นั่นดิ่ โทรไปก็ไม่รับ” ร่างบางในชุดรัดรูปเว้าหลังสีดำเช่นเดียวกับเรือนผมยาวสลวยลงมาถึงกลางหลังตอบ

    พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างบางของคนที่กำลังถูกกล่าวถึงก็เดินกระแทกส้นเข้ามาที่โต๊ะ ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก แม้จะเดินผ่านสายตาของชายหนุ่มหลายคู่ที่จับจ้องเธอเป็นมันปานจะกลืนกินกันตรงนั้น แต่เธอก็ไม่ได้มีท่าทีจะสนใจใครเลยแม้แต่น้อย

    "โอ้โห กูนึกว่ารถยางแตก" เพื่อนสาวผมทองทักขึ้น พร้อมรินไวน์รสเลิสส่งให้คนเพิ่งมา

    “เรื่องตายยากกูยกให้มัน” เพื่อนสาวผมดำเอ่ยเสริม

    "เสด็จพ่อกูกลับมาละ" ซากุระเอ่ยประชด ดวงตาสีแมกไม้กรอกขึ้นมองบนอย่างเบื่อหน่าย ก่อนกระดกไวน์ลงคอหมดแก้วรวดเดียว

    "จริงหรอ!" อิโนะ เจ้าของเรือนผมสีทองเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ ก่อนทำตาเป็นประกาย ทำไมน่ะหรอ ก็เธอเคยเห็นซาสึเกะน่ะสิ ตัวจริงนี่คือผัวแห่งชาติเลยนะ หล่อวัวตายความล้มไปเลย

    "ไหนล่ะ มาด้วยป้ะ" ฮินาตะ หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีดำขลับ หันหน้าหันหลังมองหา

    "ไม่ค่ะ กูหนีมาแบบสวยฉ่ำ" ซากุระใช้มือสะบัดผมไปด้านหลังพร้อมยักคิ้วหนึ่งครั้งแบบสวย ๆ เป็นเชิงบอกว่าเธอเก่งม้ะ ที่หนีเขามาได้ ทำเอาเพื่อนสาวสองคนของเธอเบะปากด้วยความหมั่นไส้ใส่เธอน้อย ๆ แต่ไม่นานทุกคนก็หลุดหัวเราะใส่กัน

    “มึงคอยดูกูว่าเดี๋ยวเขาก็ตามมันมา” ฮินาตะหันไปพูดกับอิโนะ เพราะเคยเห็นอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าเพื่อนตัวดีของเธอจะหนีไปไหน หมอนั่นก็ตามเธอไปจนเจอ อย่างกับฝังชิบติดตามตัว

    “เออ กูก็ว่างั้น” อิโนะเห็นด้วย

    "มึงจะพูดถึงทำไมวะ กูล่ะเบื่อซะไม่มี" หญิงสาวผมชมพูเอ่ยก่อนยกแก้วไวน์กระดกอีกครั้ง

    "แหม เป็นกูได้การ์ดหล่อขนาดนั่น คงจับทำผัวแล้ว คิกคิก" อิโนะเอ่ยติดตลก

    "มึงจะเอามั้ยล่ะ ยกให้ฟรีๆ แถมข้าวสารด้วยกระสอบนึง" อีกคนั้งที่ซากุระกรอกตามองบนอย่างเบื่อหน่าย

    "ไม่เอาอ่ะ กูขอบายค่ะ กูอยากได้ผัวไม่ได้อยากได้ผู้คุมวิญญาณ" อิโนะส่ายหน้าหงึก ๆ เมื่อนึกถึงทุกครั้งที่เจอการ์ดรูปหล่อพ่อคนเย็นชา ที่มักตามติดชีวิตเพื่อนรักของเธอไปทุกที่ เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนสาวทั้งสองของเธอได้เป็นอย่างดี

    "ว่าแต่มึงไม่คิดถึงเขาบ้างหรอ ห่างหายกันไปเป็นปีเลยนะ" อิโนะยังคงเย้าแหย่ซากุระต่อ

    "หึ เป็นผัวก่อนดิ จะคิดถึง" เธอพูดติดตลกเหมือนกับที่พูดเล่นกันทุกครั้ง พร้อมทำหน้าไม่ใส่ใจ

    "มึงระวังเดี๋ยวได้จริง"

    "ถ้าได้แสดงว่ากูคงเมาหัวทิ่ม หน้ามืดตามัว"

    "แต่ก็น่าคิดนะ ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันขนาดนั้น ถึงจะบอกว่าไม่ถูกกันก็เถอะ จะไม่มีใครคิดอะไรจริงๆหร๊อ" ฮินาตะหันไปมองหน้าซากุระอย่างหยั่งเชิง

    "หึ" ซากุระที่กำลังยกแก้วไวน์ขึ้นซัดลงคอ พลางปรายตามามองเพื่อนสาวผมดำน้อย ๆ ก่อนกระตุกยิ้มมุมปากเบื่อหน่ายใส่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

    "กูล่ะอยากให้พวกมึงลองมาเป็นกูสักวันจริง ๆ" นึกถึงแล้วก็อารมณ์เสีย เมื่อใบหน้าของคนที่ทำให้เธอเกือบพลาดนัดตี้กับเพื่อนผุดเข้ามาในหัว

    "ไปห้องมึงวันนั้นรอบเดียว กูก็พอละ เซบาย" ฮินาตะส่ายหน้า มีที่ไหน นัดกันปาร์ตี้ที่ห้องมัน แต่กลับมีผู้ชายอยู่ ถึงจะหล่อมากจนน่าให้อภัย แต่มันก็ไม่ใช่ป่ะ จริงอยู่ที่เขานอนหลับอยู่บนเตียงแบบไม่สนใจใคร เพื่อนเธอก็บอกว่าให้ทำเหมือนมีกันอยู่สามคนในห้อง ให้มองเขาเป็นอากาศธาตุ แต่มึง มันไม่ใช่อ่ะ มันไม่ได้ จะทำตัวรั่วก็กลัวเสียภาพพจน์ผู้ดี นี่ก็ได้แต่พากันนั่งเจี๋ยมเจี้ยม ตอแหลถึงแม้ว่าเขาจะไม่ตื่นมาชายตามองเลยก็ตาม บอกได้คำเดียวว่าอึดอัด จนอยากจะวิ่งออกมากรี๊ดหน้าระเบียง

    "เห็นมั้ยล่ะ" ซากุระเอ่ย

    “กูถามจริง ๆ นะ ทำไมพ่อมึงถึงกล้าให้มึงอยู่กับเขา” ฮินาตะเป็นคนเอ่ยถาม

    “กูก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไว้ใจ” แต่ยังไงซาสึเกะไม่มีวันทำอะไรเธอแน่นอน เรื่องนี้เธอเองก็ไว้ใจเขา ถามว่าให้เอาอะไรมาการันตีน่ะหรอ ไม่มีหรอก รู้แต่ว่าอยู่ด้วยกันมาแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

    "แล้วมึงนอนด้วยกันบนเตียงแบบนั้นหรอ" อิโนะรินไวน์ลงแก้ว ก่อนยื่นให้ซากุระอีกรอบ

    "ไม่ค่อย ส่วนใหญ่นอนโซฟากลางห้อง" ซากุระรับมาจิบลงคออีกรอบ

    "ไม่ค่อย แสดงว่าเคย" ฮินาตะเอ่ย เพื่อนสาวทั้งสองหันมามองหน้าเธอตาเป็นมัน

    "อะไร มองแบบนั้นหมายความว่าไง" ซากุระทำหน้าเหลอหลา

    "มึงเล่ามาให้หมด ห้ามกั๊ก" อิโนะทำหน้าอยากรู้อยากเห็นไม่แพ้กันเอ่ยเค้นเพื่อนสาว

    โป๊ก โป๊ก !

    "โอ้ย"

    "มึงจะบ้ารึไง" ซากุระดีดหน้าผากของเพื่อนสาวทั้งสองอย่างหมันเขี้ยว คิดไปได้ยังไง เธอกับหมอนั่นน่ะหรอ หึ

    "ไม่มีวันซะหรอก" เธอว่าขึ้นอย่างหงุดหงิด

    "กูก็แซวเล่นป้ะ" อิโนะเอ่ย

    "โอ้ย พอเลยพอ พวกมึงไม่มีเรื่องอื่นจะคุยกันเเล้วรึไง" ฮินาตะรีบเข้ามาห้ามทัพ

    "มึงอ่ะตัวดีเลย" แล้วก็โดนสวนกลับมาทันควัน

    "เอ้า" ฮินาตะได้แต่ทำหน้าจ๋อย เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนอีกสองคนได้เป็นอย่างดี



    3.30 น.

    "มึง กูไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนะ" ซากุระเอ่ยด้วยอาการมึน ๆ สายตาที่เริ่มพร่าเลือนปรายมองมาทางเพื่อนสาวของเธอทั้งคู่ คนนึงนั่งหัวจุ่มถังน้ำแข็ง ส่วนอีกคนกำลังชงเหล้ารินลงแก้วถึงจะไม่ลงเลยก็ตาม สภาพ ไม่น่ามีใครไหว รวมถึงตัวเธอด้วย

    "เค มึงไปคนเดียวไหวนะ" อิโนะหันมาตอบในสภาพเมามายไม่แพ้กัน เธอยกแก้วเหล้าเปล่า ๆ ขึ้นกระดก พลางทำหน้างง เพราะนึกว่าที่รินไปเมื่อครู่นั้นมันลงแก้ว 

    "มึงดูมันไปเหอะ ข้าง ๆ มึงน่าจะอาการหนัก" ซากุระเบือนหน้าไปทางฮินาตะที่หมอบจนจุ่มถังน้ำแข็งไปตั้งแต่ชั่วโมงแรก อิโนะได้แต่ยกนิ้วโอเค แล้วปล่อยเธอเดินเซ ๆ ไปคนเดียว

    ร่างบางในชุดเดรสสั้นกำมะหยี่สีแดงเดินแทรกไปในคนหมู่มาก เสียงเพลงดังสนั่นร่วมกับแสงไฟชวนเวียนหัว ยิ่งขับให้ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ซัดไปมันส่งผลมากขึ้น มือบางยกขึ้นกุมขมับน้อย ๆ ก่อนที่ร่างเล็กจะเอียงเซล้มล้ม ก็ได้มือหนามือหนึ่งเอื้อมมารวบเอวบางไว้ได้ทันท่วงที

    "เป็นอะไรมั้ยครับ" ชายหนุ่มเรือนผมสีมิ้นท์หน้าตาทะเล้นเอ่ยขึ้น ดวงตาคู่คมใช้สายตาหื่นกามกวาดมองเรือนร่างของหญิงสาวในอ้อมแขนจนแทบจะทะลุเข้าไปใต้ผ้าอย่างแทะโลม ซากุระที่เริ่มจะปล่อยให้ฤทธิ์แอลกอฮอล์ครอบงำสติเข้าไปทุกที ได้แต่หรี่ตาสู้แสงไฟในคลับมองหน้าชายตรงหน้า

    "หืม ตัวหอมสะด้วย สวยขนาดนี้ มาคนเดียวหรอ กลับห้องไหวมั้ยครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง" เขาหันไปยิ้มกับเพื่อน ๆ เป็นเชิงว่ารู้กัน คืนนี้ได้ของหวานติดมือกลับบ้านก็ไม่เลว

    "มากับเพื่อน อ้าว เพื่อนไปไหนหมดแล้วอ่ะ" เสียงหวานตอบด้วยความเมามาย เธอหันไปชี้โต๊ะมั่ว ทั้งยังทิ้งตัวพิงอกแกร่งของคนตัวใหญ่กว่าอยู่แบบนั้น 

    "ว้า โดนเพื่อนทิ้งแล้วแน่ ๆ" เสียงเพื่อนชายผมมิ้นต์เอ่ยแซวคนกำลังเมาได้ที่ 

    "แบบนี้ยิ่งต้องไปส่งให้ถึงเตียงเลย" ชายผมมิ้นต์เอ่ยทั้งยิ้มกรุ้มกริ่มกับเพื่อนมัน มือหนาไล่เค้นบีบเอวคอดพอดีมืออย่างชอบใจ ในหัวคิดไปไกลถึงไหนต่อไหน 

    หมับ !

    "เห้ยอะไรวะ" แล้วก็ต้องร้องลั่นขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ มือของเขาที่พันธนาการคนตัวเล็กไว้ ถูกปัดออกอย่างแรง พร้อมกับร่างบางที่ถูกดึงออกไปจากอ้อมแขนของเขาด้วย เขาได้แต่เงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนใหม่ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กว่าเขา เจ้าของดวงตาสีนิลคู่ดุกำลังจ้องมองมาที่ชายผมมิ้นต์อย่างไม่พอใจ มือข้างหนึ่งของเขากำข้อมือเล็กของร่างบางแน่น มืออีกข้างใช้ประคองตัวเธอที่ยืนพิงอกทิ้งน้ำหนักไว้ไม่ให้เซล้ม

    "ใครอ่ะ ซาสึเกะหรอ" คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาพร่าเลือน เสียงหวานเอ่ยขึ้นยาน ๆ เธอคงกำลังเมาได้ที่ มือเล็กอีกข้างที่ว่างยกขึ้นเกาะสาบเสื้อของร่างสูง ดวงหน้าหวานหันซบเข้ากลางอกแกร่ง จมูกโด่งสวยได้รูปสูดเอากลิ่นหอมตามแบบฉบับผู้ชายของเขาเข้าเต็มปอด

    “ตัวหอมจัง” เธอหัวเราะออกมาเบา ๆ เหมือนเด็กชอบใจ ซาสึเกะเห็นเธอทำแบบนั้นก็รู้สึกโมโหเข้าไปใหญ่ ถ้าเขาไม่ตามเธอมา ป่านนี้โดนไอ้พวกนี้จับไปหมกอยู่ที่ไหนเขาจะทำยังไง มันน่าหัวเสียจริง ๆ กลับไปจะจับมัดไว้บนเตียงเลยคอยดู

    "ผัวน้องเขารึป่าวมึง" เพื่อนอีกคนของชายผมมิ้นท์เอ่ยขึ้น ก่อนดึงร่างเพื่อนออกห่างชายร่างสูงตรงหน้า เพราะดูท่าแล้ว ใส่เดี่ยวกันเพื่อนมันคงไม่ไหว 

    ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำไม่ได้พูดอะไร ดวงตาคู่คมปรายมองชายผมมิ้นท์และกลุ่มเพื่อนของเขาเป็นเชิงบอกว่าอย่าหาเรื่องใส่ตัว ก่อนก้มลงมองร่างบางในอกตนอีกครั้งอย่างหัวเสีย 

    "กลับ" เขากระตุกไหล่มนจนคนถูกกระตุ้นยู่หน้าไม่พอใจใส่ ก่อนจะยืนหลับตากอดเอวสอบของเขาอยู่แบบนั้น  ซาสึเกะถอนหายใจใส่เธอน้อย ๆ แขนแกร่งโอบรอบไหล่มนเพื่อประคองให้เธอเดินตามเขากลับ คนตัวเล็กได้แต่เดินหลับตาแขนสองข้างกอดรอบเอวสอบของชายหนุ่มเพื่อยึดเหนี่ยว

    ริมฝีปากบางบ่นพึมพำจนจับใจความไม่ได้ว่าพูดอะไร ด้วยจังหวะการก้าวที่ไม่เท่ากัน คนนึงขาสั้น คนนึงขายาว ทั้งยังใส่รองเท้าส้นเข็มอีก ทำให้เขารู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อย ซาสึเกะตัดสินใจช้อนคนตัวเล็กขึ้นอุ้มท่ามกลางผู้คนหมู่มากในคลับ เขาสาวขาวยาวเดินออกไปโดยไม่สนใจสายตาอิจฉาของสาว ๆ ที่จับจ้องมองมาที่เขาและเธอแม้แต่น้อย

    ร่างสูงสาวเท้าก้าวออกจากคลับอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มาถึงรถของเธอที่เขายกให้ไว้ขับ มือหนาความหากุญแจในกระเป๋าของเธอ ที่เขาไปหยิบมาจากโต๊ะเหล่าเพื่อนสุดเเสบของเธอ ก่อนใช้มันเปิดประตูรถ และยัดร่างบางเข้าไปนั่งเบาะด้านข้างคนขับ มือหนาเอื้อมปรับเบาะให้เอนลงก่อนถอดเสื้อฮู้ดแขนยาวที่ตนใส่ออกมาห่มคนตัวเล็กที่ถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์ครอบงำจนแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ 

    "ซาสึเกะ ซาสึเกะ ซาสึเกะ" เธอพึมพำเรียกชื่อเขาซ้ำไปมา

    "เรียกทำไม" เสียงทุ้มถามติดหงุดหงิด

    "นายมาได้ไงอ่ะ" 

    "บินมา" เขาตอบกวนคนเมา

    "อ้าว เดี๋ยวนี้บินได้แล้วหรอ" ใบหน้าสวยยังคงนั่งหลับตาพูด 

    "ได้"

    "เป็นแมลงวันหรอถึงบินได้ ไหนปีกอ่ะ" ดวงตาคู่สวยปรือขึ้นมองหาปีกแมลงวันตามประสาคนเมา มือเล็กคว้าสะเปะสะปะไปโดนหัวเขาบ้างโดนหน้าเขาบ้าง

    "กวนจังวะ นอนลงไป" มือหนาได้แต่ผลักหัวให้เธอนอนลง

    "ไม่เอาอ่ะ อยากนั่งตรงนั้นด้วย" เธอทำท่าว่าจะปีนไปไปนั่งตักเขา

    "จะมาทำไม มันนั่งได้คนเดียว นอนลง!" เสียงทุ้มว่าขึ้นอย่างนึกโมโหคนเมา

    "ไม่เอาอ่ะ อยากขับรถด้วย" เธอไม่ยอมแถมยังทำตัวเหมือนเด็ก

    "หยุด! บอกให้นอน"  มือหน้าชี้หน้าดุเธอลั่นรถ ประสาทจะกินตอนนี้เริ่มหัวจะปวดกับเธอไม่ไหว เจอกันวันแรกก็เล่นเขาซะแล้วแม่คุณ

    "อึก! จะอ้วก" ชิบหายจริง ๆ ละ เมื่อคนตัวเล็กทำท่าพะอืดพะอมออกมา

    "เห้ย! อย่าเพิ่ง" คนตัวใหญ่กว่ารีบหันซ้ายหันขวาหาถุงแต่ทว่า

    หมับ! อ้อก!! มือเล็กกลับคว้าเอามือหนาฝั่งใกล้ตัวเธอไปรองอ้วกได้ทันอย่าสวยงาม

    "จิ๊! ซากุระ!!!" 


    น้อง!ลูก! อ้วกใส่อิพ่อแบบนี้ไม่ได้นะลูกสาว แสบมาก หัวจะปวดแทน ฉันเริ่มสงสารอิเกะขึ้นมาบ้างละ เอาไงดี จะไปต่อหรือพอแค่นี้ จัดการเลยดีมั้ยอิพ่อ เด็กดื้อ แบบนี้ต้องโดนอะไร เอ้า เร่เข้ามา ๆ มาดูคนโดนสาวอ้วกใส่เร๊ว 5555

    100% ครบแล้วนะคะ ฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ รัก ๆ 

    ทวงนิยายได้ที่ Facebook : ซิมิมาเซง ไรท์เตอร์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×