ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยุทธการเปลี่ยนประวัติศาตร์ของสองผู้อาภัพ

    ลำดับตอนที่ #5 : N1(I: T0 /\/\EET \/0UR

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.04K
      115
      19 เม.ย. 64

    “เจ็บไหม”เด็กชายคนหนึ่งถามไถ่ขณะยื่นมือดึงเด็กชายอีกคนขึ้นมา เขาหันมามองละยิ้มให้ กองทรายโดยรอบเต็มไปด้วยรอยเท้าของเด็กนับ10คน นั้น่าจะเป็นสาเหตุที่ว่าพวกเขานอนจมกองทรายและรอยรองเท้าเช่นนี้ 

    “ทำไมเราต้องโดนแกล้งด้วยละ”เด็กชายหน้าหวานตัวน้อย หันมาถามด้วยใบหน้าเปื้อนนํ้าตา เท่าที่ฟังเขาเล่า ดูเหมือนแค่ว่าเขาแค่นั่งอ่านหนังสืออยู่เฉยๆ ก็โดนรุมต่อนสะแล้ว แบบนั้นมันแย่มากเลยนะนั้น 

    “ไม่รูสิ ฉันก็โดน้หมือนกัน”เด็กชายอีกคนก้มหน้าลงมองยังฟื้นดินเบื้องล่างม้านั่งที่ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ 

    “เราเลี่ยงอะไรได้หรือเปล่าละ”เขาหันมาถามฉันพร้อมเช็ดนํ้าตา 

    “นั้นสินะ เราเลี่ยงด้หรือเปล่านะ”ฉันพูดเบาๆพลางมองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย

    “ไม่สิเราเลี่ยงได้ ครั้งหน้าลองไปเล่นกันไหม ฉันไม่เห็นนายเล่นกับใครเลยนีี้หน่า เดี้ยวไปเล่นด้วยนะ”ฉันเองก็ไม่อยากให้เพื่อนคนนี้เอาแต่นั่งอ่านหนังสือคนเดียวหรอกมันออกจะหน้เบื่อใช่ไหมละ เราเข้าใจดี ทันทีที่สิ้นประโยคเด็กชายข้างๆเขาก็ยิ้มร่าเริงออกมาอย่างชัดเจน 

    “นั้นสิ วันพรุ่งนี้มาเล่นกันไหม”เขาาถามันอย่างตื่นเต้น ทำแบบนี้มันทำให้ฉันเจ็บแหะ เจ็บแทนเขาแสดงว่าตลอดสามเดือนเต็มๆเขาเอาแต่นั่งอ่านหนังสือสินะ 

    “เอาสิ สัญญาเลย”เราเองก็ไม่อยากเล่นชิงช้าคนเดียวหรอก บางทีการมีเพื่อนเล่นด้วยมันอาจจะสนุกก็ได้นะ 

    บรรยกาศในสวนสาธราณะในตอนเย็น ลลมเย็นพัดเอาใบไม้แห้งๆริมสระ พัดลอยขึ้น และสิ่งที่หยุดบรรยกาศตรงหน้าไว้คือเสียงแตรรถยนต์ของผ้ปกครองของทั้งคู่ 

    “งั้นฉันไปละน-”ทันทีที่้เห็นฉันก็กำลังจะลุกออกไป แต่ในตอนนั้นเขาก็จับมือฉันไว้ก่อนจะพยุงตัวเองขึ้น 

    “ฉันยังไใ่ได้ถามชื่อนายเลยนะ”

    “อ่า เอ่อ ฉันชื่อ ดิเรก ชื่อเล่นก็ เดช แต่ฉันชอบให้เรียกชื่อจริงมากกว่านะ”

    “งั้นเหรอยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันชื่อ ญานิสา ชื่อเล่น อัปสรนะ เรียกชื่อจริงเหมือนกันดีกว่า”

     

     

     

     

     

     

    “คุณชื่ออะไรครับ/คะ”

    “เอ่อ ฉันชื่อ อลิซาเบธคะ”สาวน้อยตรงหน้ามองหน้าฉันและตรวจการแต่งกายของฉันทุกอย่างผ่านการมองในคราวเดียว   ฉันควรจะใช้ชื่อจริงดีไหม ไม่สิถ้าแบบนั้นแย่แน่ๆ ขุนนางของอาณาจักรอื่นมาอยู่กับรัชทายาทแบบนีเดี้ยวก็เกิดอะไรไม่ดีอีกแน่ๆฉันรู้สึกแบบนั้น ขอโทษนะคะ 

    “เอ่อ ผมชื่อ ซิฟรีดครับ”ใช้ชื่อจริงดีไหมนะ ไม่ละกันขอใช้ชื่อปลอมละกัน เรายังไม่รู้ว่าเธอคนนี้เป็นชนชั้นสูงหรือพวกราชวงค์หรือเปล่า ถ้าพวกขุนนางมาเห็นระหว่างรัชทายาทและรัชทายาทคงเป็นเรื่องแน่ๆ ขอใช้ชื่อปลอมละกัน ขอโทษนะ 

    “เอ่อผมขอถามหน่อยครับทางไป ธนาคาร ในลอนดอนหน่อยได้ไหมครับ”ถ้าถามไปตรงๆว่า ทางไปบัค์กิงแฮมไปทางไหนหรือว่าทางไป สภาอยู่ไหนคงแย่แน่คงต้องถามไปแบบนี้แหละ 

    “อะ ฉันเองก็กำลังจะเข้าไปในลอนดอนเหมือนกัน ถ้าไม่รังเกียจอะไรจะมาด้วยกันไหมค่ะ”บางทีถ้าแค่ชี้ทางไปอย่างเดียวก็เกรงว่าเขาจะหลง เพราะถ้ามาเจอฉันตรงนี้ได้ ไม่ซื่อบื้อมาก ก็คงต้องชำนาญแผนที่มากแน่ๆ 

    “เอ่อ จะดีเหรอครับ”เธอคิดจะทำอะไรนะจะพาฉันไปด้วยเหรอ ถ้าเป็นการลอบสังหารฉันจะฆ่าเธอทิ้งนะ ไม่เป็นไรหรอก นั้นก็เด็กอายุเท่าเรานะ ไม่เป็นไรหรอก 

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเองก็จะไปลอนดอนอยู่เหมือนกัน”ถ้าแกเป็นมือสังหารจากเยอรมันจริง เอาสิฆ่าฉันสิ ประเทศแกฉิบหายแน่ๆ ไม่เข็ดจากนโปเลียนหรือไง แต่เขาก็อายุเท่ากับฉัน ไม่เป็นไรหรอกมั้ง 

    “งั้นก็ได้ครับ”ดูจากการแต่งตัวของเธอคงจะไม่ธรรมดาในานะอยู่แล้ว ถ้าบังเอิญเป็นพวกชนชั้นสูงก็อาจจะทำให้เกมการทูตเย็นนี้ง่ายขึ้นเยอะละนะ 

    “คะ งั้นตามฉันมานะค่ะ”พูดเสร็จก็เลยลุกขึ้นพร้อมเก็บกระดาษที่พึ่งวาดเสร็จใส่กระเป๋าที่พกมาให้เรียบร้อยก่อนจะตัดสินใจเดินไปกับชายที่ดูเหมือนจะเป็นขุนนางแปลกหน้านี้ 

    “โอ้ขี่ม้าเหรอครับ”แปลกใจแหะที่เด็กผู้หญิงห้าขวบและตัวเท่านี้สามารถขี่ม้าได้แล้ว แถมจูงมาสองตัวอีก ยังกะพวกมองโกลเลย 

    “ใช่คะ ลองขี่ดูนะค่ะ”พูดเสร็จฉันก็รวบกระโปรงสีฟ้าอ่อนขึ้นให้เรียบร้อยก่อนที่ที่จะไต่ขึ้นมาที่สูงกว่าตัวเองตั้งครึ่งหนึ่ง ก่อนจะลูปหัวมันเล็กน้อย ม้าพันทธ์อังกฤษแท้ ลายสีขาวแต้มด้วยสีดำตามร่างกายนิดหน่อยขนเป็นสีขาว ส่วนม้าอีกตัวเป็นม้าที่ทางวังนำเข้าจากปรัสเซีย เป็นพันทธ์ปรัสเซียแท้ ผิวสีนํ้าตาลทั้งตัว ขนเป็นสีดำ เห็นว่าซื้อมาพื่อเป็นของขวัญให้กับเจ้าชายปรัสเซียที่จะเสด็จมาวันนี้ แต่ไม่เป็นไรหรอกเนาะ พวกม้าใหม่ๆมันจะดุ ฉันก็ไม่อยากจะให้องค์ชายขายหน้าสักหน่อย 

    “โอ้ม้าพันทธ์ Trakehner เหรอครับ”เอ๋ ม้าปรัสเซียแท้เหรอ น่าสนใจๆ ขอลองขี่สักหน่อยละกัน ฮึบ 

    “เหวออ”ยังขึ้นได้ไม่ทันไร ก็โดนดีดตกลงมาซะแล้ว คุณอลิซาเบธมองลงมาและขำจากบนหลังม้าเป็นการขำแบบผู้ดีสินะ เอามือป้องปากไว้ แต่ตอนนี้สภาพดูไม่ได้เลยแหะ 

    “ไหวไม่คะ ให้ฉันช่วยไห-”ยังพูดไม่ทันจบ คุณซิกฟรีดก็กระโดดขึ้นหลังม้าไป อีกรอบและผลก็ตามเดิม ร่วงเหมือนเดิม 

    “เอ่อ ไหวไหมคะ”ดูมานานประมาณ5นาทีเขายังกระโดดขึ้นไม่ได้เลย ล้มลงไปกี่รอบก็ไม่ได้นับแล้ว จะเข้าไปช่วยก็กลัวจะทำให้ความพยายามเสียเปล่า อ่าาา คิดสิ วิกตเรีย เธอควรจะทำแบบไนดีนะ 

    “ได้สักที”เสียงอันอ่อนแรงของเขาดังขึ้นก่อนจะขึ้นไปยังเจ้าม้าพันทธ์ปรัสเซียแท้ที่เขาสามารถขึ้นได้ก็น่าจะเพราะมันเหนื่อยแล้วละ ถึงขึ้นได้ เห็นดังนั้น ก็เลยตรบมือแสงดความยินดีให้ พร้อมมอบยิ้มให้เป็นการใหญ่ 

    “เหมือนคุณจะไม่ค่อยถูกกับม้านะคะ”เราทั้งคู่ตัดสินใจขี่ม้าออกจากชานเมืองลอนดอนที่ยังไม่ได้ก่อสร้างอะไร และยังเป็นสถานที่ที่พวกเกษตกร ยังพาสัตว์มากินอยู่ตรงนี้ แม้ว่าการปฏิวัติอุสหกรรมจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ได้สร้างเป็น โรงงาน อยู่นีคือสถานที่พักผ่อนที่ดีเลยละ 

    “ก็ไม่เชิงซะทีเดียวหรอกครับ แค่ม้าตัวนี้มันไม่เชื่องเฉยๆ”พูดจบก็พยายามประคองม้าให้ดีไปก่อนซึ่งก็ทำให้มันเป็นแบบนี้ไปตลอดทาง ซึ่งก็ถือว่าดีมากเลยทีเดียว 

    “แล้วนี้คุณมาลอนดอนทำไมเหรอคะ”

    “พอดีว่าทางครอบครัว จะมาเที่ยวนะครับ แล้วพอดี ตอนเช้าเกิดเหตุชุลมุนในเมืองก็เลยพลัดหลงออกมา”

    “เหรอคะ พวกอัธพาลในเมืองนี้น่ากลัวจริงนะคะ”

    “นั้นคือพวกอัธพาลหรอครับ”

    “จะเรียกแบบนั้นก็ถูกคะ ผู้ไม่พอใจในการปกครองของรัฐบาลและออกมาปะท้วงแบบนี้แหละคะ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่เรื่องปะท้วงอย่างเดียวซะด้วย อาจจะเป็นพวกมาเฟียจากอิตาลี่ ที่พยายามมาตั้งถิ่นฐานในอังกฤษแหละคะ”

    “งั้นเหรอครับ แบนั้นน่ากลัวจังนะครับ”

    “ฮะๆ ถ้าพวกเราอัปโชคหน่อยอาจจะโดนจับตัวก็ได้นะคะ”

     

    “พูดยังไม่ทันขาดคำเลย แค่เข้าเมืองมาก็ซวยซะแล้ว แย่จริงจัง”พวกเขาสองคนในตอนนี้กำลังโดนล้อมให้ลงจากม้าหลังจากการเดินทางเข้ามาในลอนดอนได้ไม่ถึงชั่วโมงด้วยซํ้าพวกเขาบอกให้เราตามเข้าซอยมา เพื่อจะได้จัดการ แต่ใครจะยอมให้โง่ละ 

    “นี้คุณอลิซาเบธ คิดว่าเด็ก5ขวบจะสามารถสู้กับผู้ใหญ่ได้ไหมครับ”เขามองลงตํ่าลง มองยังกลุ่มชาย5คนที่ยืนล้อมพวกเขาไว้ พร้อมอาวุธปืนอย่างละคน 

    “ถ้าเป็นแบบนั้นเพื่อนฉันคนหนึ่งอาจจะบอกว่าได้คะ”ฉันเองก็คิดว่าถ้าเป็นดิเรก อาจจะคิดแบบนั้นก็ได้นะ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคนบ้าๆแบบนี้ในโลกนี้อีก 

    “งั้นเพื่อนคุณก็เป็นคนแบบเดียวกับผมแล้วละ”พูดจบก็ชักดาบยาวไม้ที่ถูกทำมาพิเศษให้เบาแต่กลับสามารถสร้างบาดแผลรุนแรงได้ ถ้าฟันแรงๆอะนะ 

    “หืม เดี้ยวนี้ลอนดอนมันกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนแล้วเหรอคะ ถึงต้องพกอาวุธกันแบบนี้”พูดจบเหมือนว่าคงต้องฆ่าคนแต่เด็กแล้วละ ถึงสภาพจิตใจของเราจะพร้อมมาตั้งนานแล้วกลับการเห็นคนตายและการฆ่าคน แต่ก็ไม่อยากมือเปื้อนเลือดนักหรอก 

    “หืม ไอ้เด็กพวกนี้ตัวแค่นี้ทำเก่งหรอวะ”

    “โถ่ ไอ้เด็กโง่ แกคิดว่าดาบไม้โง่ๆนั้นจะทำอะไรพวกฉันได้หรือไง”

    “จะลองไหมละ” พูดจบเขาก็พุ่งม้าตรงไปหาชายคนหน้าสุดอย่างที่ไม่ให้เขาตั้งตัว ก่อนที่ม้าที่หนักกกว่าคนตั้งสามเท่าจะเอาเท้าหน้ากระแทกเข้าไปที่ชายคางของชายคนนั้นจนสลบเป็นคนแรก 

    “เฮ้ย ยิงมัน”ในขณะที่ม้ากำลังจะย้อนศรมาอีกครั้ง ก็ดูเหมือนว่า ปืนจะยิงไม่ออกจากบางอย่าง 

    “ดูเหมือนว่าปืนคาบชุดถูกๆนั้นจะแพ้นํ้านะคะ”ในตอนที่ไม่ทันตั้งตัวที่จะเล็งปืนไปหา พวกเขาไม่ได้สังเกตุว่า เมื่อวานฝนตกมา และพวกเขาที่หันปากกระบอกปืนจุ่มลงกับนํ้าในระหว่างรอเหยื่อรายใหม่ ก็ทำให้ลำกล้องปืนเปียกและยิงไม่ออก 

    “พวกคุณลืมดูสภาพอากาศกันนะคะ วางอาวุธถูกๆนั้นลงเถอะคะ”

    “ใครจะยอมวางห-”ไม่ทันจะพูดเสร็จ ดาบไม้ก็ตวัดลงกลางหัวของชายคนหนึ่งมันแรงมาก มากกว่าที่คิดสำหรับเด็กห้าขวบ คนที่ยืนอยู่ไก้ลเคียงที่สุดก็โดนม้าชนจนสลบไปอีกคนเหลือโจรโง่ๆอีกแค่สองคน ที่ตอนนี้พวกเขากำลังชักมีดและพุ่งตรงเข้าไปหา ซิกฟรีด เห็นดังนั้น วิกตอเรียจึง ชักปืนพกคาบศิลากระบอกหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋าเก็บของม้า 

    “ก็บอกให้วางอาวุธปืนไงคะ”ปืนพกคาบศิลาเล็งไปยังหัวของโจรทั้งสองพวกเขาโดนเด็กขู่เสียแล้ว 

    “จะบ้าเหรอไอ้เด็กเปร-”ยังพูดดไม่จบดาบไม้ก็ตวัดลงหัวของคนทางซ้ายจนล้มลงไป ก่อนที่อีกคนจะรู้ตัวดาบไม้ก็ฟาดลงกลางหัวของอีกคนจนสลบลงไปซะแล้ว 

     

     

     

     

    “น่าเสียดายจังนะคะ อดยิงสักนัดเลย”

    “อลิซาเบธปืนกระบอกนั้นของปลอมใช่ไหม แล้วก็เธอหลอกพวกนั้นเมื่อวานไม่ได้ฝนตก แต่เพราะพวกมันไม่ได้ใส่กระสุนต่างหากมันเลยยิงไม่ออก แต่พวกนั้นไม่รู้ตัว สุดยอมฉันละชอบจริงๆเลยละ”

    “ว้าว ดูออกสินะคะ สนใจเล่นหมากรุกกันซักาไหมคะเพื่อจะสนิทกันมากขึ้น”

    “งั้นเหรอครับ น่าสนใจๆ”ทันทีที่จัดการจิ๊กโก๋โง่ๆประจำซอยได้แล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจขี่ม้าออกจากบริเวณให้เร็วที่สุดก่อนจะจงใจทิ้งหลักฐานที่เป็นของพวกมาเฟียที่พยายามมาตั้งถิ่นฐานในลอนอนไว้ พงกตำรวจจะได้เอะใจสักที 

    “เอ่ นี้เรียกว่าเราสนิทกันหรือยังคะ”

    “ก็ผ่านสถาณการณ์เกือบตายมาด้วยกันแล้วก็เรียกกันสนิทๆกันเถอะ”

    “เหรอคะ จะดีเหรอคะท่านขุนนาง”

    “ไม่เป็นไรน่า ฉันไม่ถือตัวหรอก และก็เป็นขุนนางที่ช่วยประชาชนไม่ได้ก็อย่าเรียกว่าขุนนางเลย”

    “นั้นองค์ชายใช่ไหมครับ องค์ชายครับ”ทันใดที่กำลังจะข้ามไปอีกถนนหนึ่ง กลุ่มขุนนางเยอรมันที่กำลังเดินตามหาองค์ชายของพวกเขาซะใหญ่ ก็ได้เจอ 

    “เอ่อครับ คุณ วาฟเซียร์”แย่ละเธอจะแย่ไหมนะ เล่มมาอยู่สองต่อสองแบบนี้ 

    “องค์หญิงคะ นั้นองค์หญิงนี้หน่า”หญิงสาวในชุดเมดยุโรปสองคนกำลังวิ่งตามหาองค์หญิงของพวกเขาตามทางรัฐสภาซะใหญาซึ่งก็ได้เจออยู่คู่กับองค์ชายของเยอรมันซะแล้ว 

    เราทั้งสองหันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าเหวอแดกทั้งคู่ เดี้ยวนะไอ้คนที่ขึ้นม้าไม่ได้จนล้มไปกองกับฟื้นนนี้คือองค์ชายรึ แล้วนี้ 

    เดี้ยวนะ ไอ้ผู้หญิงที่เกือบจะสะดุดกระโปรงตัวเองล้มนี้คือองค์หญิงหรอ โลกกลมจริงๆเลยสินะ 

    “เอ่อ ถอดหน้ากากดีกว่าเนาะ”

    “ฮะๆๆ นั้นสิ”

    “ครับ ข้าองค์ชายลำดับที่หนึ่งขององค์ชาย วิลเฮมที่1 ซิการด์ ดาฟเวียร์ วิลเฮม”

    “ค่ะ ดิฉัน องค์รัชทายาทลำดับที่หนึ่งขององค์ชาย เอ็ดเวริด์ องค์หญิง วิกตอเรีย”

    “ยินดีที่ได้รู้จักครับ/ค่ะ”ทั้งคู่ทำความเคารพให้กันและกันบนหลังม้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากันและยิ้มให้กัน ใยฐานะรัชทายาทเป็นครั้งแรก และเป็นการพบกันคั้งแรกในฐานะของ พระสวามี และ พระชายา  ในอนาคต  

     

     

     

    อารัมภบท ของ จักวรรดิ เยอมาเนีย 

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×