คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : E*c@LiBuR Prom1Se Sw0Rd 0f \/IcToRy Part 3
“หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านปิด?”กุสตาฟถามพร้อมเอียงคออย่างสงสัย วิเวียนที่อยู่ด้านหน้าก็พยักหน้าตอบ
“มันหมายความว่ายังไงเหรอคะ”กุสตาฟยังคงถามต่อ
“ก็หมายความว่ามันไม่เปิดไงละ”วิเวียนตอบกลับพร้อมสีหน้าของกุสตาฟที่งงแดกอยู่ วิกตอเรียได้แต่เอามือก่ายหน้าฝากกับ อาการ200IQ ของกุสตาฟ
“ฟังนะกุสตาฟ มันคือหมู่บ้านปิดตายที่ไม่ได้เปิดให้ใครหลายคนเข้าออกได้ตามใจชอบ ซึ่งตามที่คุณวิเวียนบอก เราก็จะเข้ากันได้เฉพาะตามเทศกาลแบบนี้เท่านั้น คิดสิ กุสตาฟ คิด”พูดจบวิกตอเรียก็สวดใส่หน้ากุสตาฟไปรอบหนึ่ง ซึ่งการทำแบบนั้น กุสตาฟก็เหมือนจะงงไปสักสามสี่วิ ก่อนที่เหมือนจะมีหลอดไฟขึ้นบนหัว
“อ้ออ แบบนี้นี้เอง”เธอกล่าวขึ้นพร้อมนำกำปั้นมือทุบลงบนมือ ก่อนจะกล่าวออกมาแบบนั้น
“แหมๆ สนิทกันจริงเลยนะคะ”วิเวียนกล่าวบ่นม้าของเธอก่อนจะหันมาถาม วิกตอเรียก็ยิ้มตอบไป กุสตาฟที่ยังคงงงๆกับอะไรหลายๆอย่างอยู่ก็ตอบเอ่อ ออ ไป
“แล้ว คุณวิเวียนคะ ช่วยเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับหมู่บ้านที่เราจะไปให้ฟังใหม่ได้ไหมคะ”พูดจบวิเวียนก็ยิ้มให้ก่อนจะเริ่มเล่าเร่ื่องอีกครั้ง
“หมู่บ้านตามที่พวกเธอได้ข่าวลือมาน่ะชื่อว่า อิลเที่ยน เป็นหมู่บ้านที่เป็นที่อยู่ของชาวเวลส์ตั้งแต่ยุคกลางแล้ว ยาวนานมากๆเลยละที่หมู่บ้านนี้ซ่อนตัวออกจากหน้าประวัติศาตร์ พวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่ายโดยใช้ชีวิตแบบเษตกรปนกับการถอผ้าส่งออกไปในเมืองไก้ลๆเพื่อส่งออกมาหาเงินเลี้ยงชีพคนในหมู่บ้านที่ไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอก ส่วนเรื่องที่พวกเขาไม่อยากจะเผยตัวต่อโลกภายนอกมากนักก็น่าจะเพราะ ปกปิดบางสิ่ง ที่พวกเธอมาตามหาไงละจ้ะ”
“เดี้ยวนะคะ แล้วทำไมจู่ๆหมู่บ้านนี้ถึงเปิดขึ้นมาดื้อๆแบบนี้ละคะ”วิกตอเรียกล่าวพร้อมที่วิเวียนก็ชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะเล่าต่อ
“ที่นี้น่ะ มีเทศกาลอยู่เทศกาลหนึ่ง พวกเขาจะเปิดหมู่บ้านให้คนภายในออกไปเที่ยวไปไหนมาไหนด้านนอกได้สองเดือน โดยการจะจัดงานแบบนี้ได้ จะจัดขึ้นทุกๆครั้งเมื่อมีข่าวลือ หรือข่าวจริงว่ากษัดริย์องค์เก่าของบริเตนสวรรคต นั้นแหละเป็นสาเหตุให้คนภายในและนอกสามารถเข้าไปมาหากันได้ ในช่วงเวลานี้ หมู่บ้านจะจัดการนำของชิ้นนั้นออก และนำมันมาโชว์หน้าหมู่บ้าน นั้นแหละจุดประสงฆ์ที่พวกเธอมาที่นี้ใช่ไหมละ”
“แล้ว หมู่บ้านนี้เปิดครั้งล่าสุดเมื่อปีไหนหรอคะ”กุสตาฟถามกลับวิเวียนก็หันมาตอบให้
“ก็ เมื่อสักสามสี่ปีที่แล้วละนะ ตอนนั้นฉันยังอายุเท่าพวกเธออยู่เลย”
“สมัยพระเจ้าจอรจ์ที่สี่สินะคะ”วิกตอเรียตอบกลับไป ก่อนที่คำถามอื่นจะเข้ามาในหัวเธอแทน แล้วคนที่มาที่นี้เพื่อดึงดาบ ไม่เคยมีใครดึงได้เลยเหรอ
“ใช่จ้ะ”วิเวียนตอบพร้อมหันกลับไปเดินตามทางขึ้นเขาต่อ
“ว่าแต่ที่นี้น่ะมันสวยจริงๆนะคะ”กุสตาฟพูดพร้อมมองฝูงหมาจิ้งจอกที่วิ่งผ่านมาก่อนจะวิ่งผ่านไป รงมถึงต้นไม้ต่างๆที่ขึ้นสูงเตี้ยต่างกันไป รวมถึงด้านล่างที่เป็นทะเลสาบนั้นมันน่าทึ้งมากๆที่ทีี่นี้มันสวยขนาดนี้
“ใช่แล้วล่ะจ้ะ ที่นี้ค่อนข้างเคร่งเรื่องความสะอาดพอควรเลยละ เพราะมันเป็นหมู่บ้านปิด คนที่นี้ก็เลยค่อนข้างจะอยู่ในกรอบน่ะ”
“เหห น่าสนใจๆ”วิกตอเรียพูดพร้อมทำหน้าตาสนใจขึ้นมานิดหน่อย ก่อนจะยิ้มเบาๆ
“ที่นี้น่ะ ทุกๆครั้งที่กษัดริย์สวรรคตน่ะ ผู้คนมากมายที่เชื่อก็จะแห่กันมา ทุกๆคนมาด้วยสีหน้าสีตาและสิ่งที่สนใจเพียงอย่างเดียว เพื่อสิ่งนั้น พวกเธอเป็นไม่กี่คนเลยนะเนี้ยที่สนใจอย่างอื่นมากกว่าสิ่งนั้นด้วย”วิเวียนถามด้วยนํ้าเสียงประหลาดใจ
“ก็นะคะ ก็มาที่นี้ก็ไม่ได้แค่มาหาเจ้านั้นอย่างเดียวอยู่แล้ว บรรยกาศสงบแบบนี้มันหาไม่ค่ยอยได้ในเมืองหลวงอยู่แล้วละนะคะ”วิกตอเรียตอบ เอาตามตรงเธอค่อนข้างอึ้งอยู่นะว่าไอ้เรื่องที่อยู่ตรงหน้ามันดูโม้ๆ แต่มันก็ยังมีความจริงอยู่ มันน่าสนใจมากๆจนอยากจะรีบเร่งการวิจัยเทคโนโลยีมาสร้างกล้องเอาตรงนี้แล้วถ่ายอะไรหลายๆอย่างที่นี้ไปเลยล่ะ
“อีกไม่นานพวกเธอก็จะถึงแล้วนะ อ่อ แล้วก็ที่นี้น่ะ เขามีกฏอยู่นะ”
“กฏ?”
“ใช่ ข้อเดียวที่ห้ามทำในที่นี้ คือการจับดาบนั้นโดยที่ไม่ใช่เวลา ขอเตือนไว้ก่อนเลยล่ะ ไม่งั้นแย่แน่ๆ”
“คะ จะทำตาม”วิกตอเรียและกุสตาฟพูดพร้อมกันก่อนจะเดินตามไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็คุยอะไรกันเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ นานๆที่ทำแบบนี้ก็ไม่เลว
เมื่อเดินขึ้นเขาาเรื่อยๆ จากป่าไม้รกก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นทุ่งราบสูงเรื่อยๆ ต้นไม้ที่โตรอบๆก็หายไปเรื่อยๆกลายเป็นกลิ่นหอมของดอกไม้แทน นอกเหนือจากนั้นยังมีกลิ่นของอาหารมากมายหลายชนิดตามสายลมมา เช่นกันกับเสียงคนที่ดังมาเป็นระยะๆตามสายลม ทุ่งหญ้าโล่งเตียนที่มีทุ่งดอกไม้อยู่สองข้างทาง นั้นคือสิ่งที่เห็นจากการขึ้นเขามา
กลิ่นหอมของดอกไม้หลากสีสัน เติมแต่งด้วยกลิ่นของอาหารมากมาย ทั้งกลิ่นหอมของเนย กลิ่นหอมของกาแฟ กลิ่นของไวน์ กลิ่นของชีสที่อบ มันปนกันอย่างลงตัว วิกตอเรียและกุสตาฟสูดมันเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะถอนหายใจจากความเหนื่อยล้ามาเฮือกใหญ่ๆ
ภาพตรงหน้ามันคุ้มค่ากับการเดินขึ้นมาไม่สิขี่ม้าขึ้นมาพอควรเมือมาถึงตรงนี่ วิเวียนก็เดินนำไปก่อนซึ่งวิกตอเรียและกุสตาฟก็ตามไป
สองข้างทางที่หอมอบอวนด้วยกลิ่นแบบนี้มันช่างเป็นความรู้สึกที่น่าเก็บไว้จริงๆ คิดได้แบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะลองหยิบปากาขึ้นมาจากกระเป๋า แต่ว่าวิเวียนห้ามไว้ก่อนที่จะชี้ไปตรงหน้า ทางเข้า
“ถึงแล้วสินะ”วิกตอเรียกล่าวพร้อมที่มองไปรอบๆ หลังจากขึ้นเนินใหญ่มาได้ภาพที่เห็นภาพแรกก็คือ เมืองขนาดกลางๆ หลังคาเรือนสักหนึ่งร้อยหลังคาได้ เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่ไม่ได้เปลี่ยนจากยุคปลายศตวรรษที่13มากนัก ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมามากๆ
เมืองที่ไม่ได้เปลี่ยนแบบการก่อสร้างคลาสซิกไปเลย อีกทั้งยังมีบางหลังที่ได้มากจากปากวิเวียนเองเลยด้วยว่า น่าจะตัั้งแต่เมื่อ ศตวรรษที่เก้าเลยด้วย ซึ่งมันน่าสนใจมากๆที่คนพวกนี้ปิดซ่อนจากทั้งทางการอังกฤษขึ้นมาได้ คงจะเป็นเพราะทางขึ้นเขาที่แสนจะทรหดด้วยละมั้ง พวกเขาเลยไม่ได้สำรวจในส่วนนี้มากเท่าไร เพราะทางที่พวกเราขึ้นมามันเป็นทางลัดทีวิเวียนบอก ทางลัดมันทำให้การขึ้นทางหลักนั้นง่ายขึ้นมามากเลยละ เพราะถ้าไปทางหลักก็ไม่อยากจะคิดว่าต้องผ่านป่ารกหนักกว่านี้ด้วย ซึ่งมันก็น่าจะเป็นสาเหตุที่มันไม่ได้ความสนใจในกาสำรวจมากนักแหละ
หมู่บ้านที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบจัดเป็นวงกลมโดยที่ตรงกลางของหมู่บ้้านนั้นมันคือสิ่งที่เธอกำลังตามหามัน
ดาบสีเงินปัดอยู่บนหิน ลายสวยตลอดแนวดาบและความเงาคมของมันที่ยังส่องสว่างออกมากระทบกับแสงอาทิตย์ ดาบที่ปักบนศิลา ดาบนั้น เอ็กซคาลิเบอร์
ความคิดเห็น