ผมเริ่มอยากหาจิตแพทย์สักคน....
เรื่องที่เราอ่านกันวันนี้มันคงไม่เครียดมาก...ถ้าโลกนี้ไม่ส่งเธอคนนั้นมา...เธอ คนที่ทำให้ผมเปลี่ยนไป เธอคนที่ทำให้ผมตกหลุมรักอีกหลุมหนึ่ง เธอคนที่ทำบางอย่างให้ผมแทบเป็นบ้า
ผมนึกภาพตัวเองนอนอยู่บนเตียงวินิจฉัยของแพทย์(จริงๆผมกำลังนอนบนที่นอนของผมเอง) ไม่ใช่ห้องผ่าตัดรึห้องดับจิต แต่มันเป็นห้องโล่งๆสบายๆของจิตแพทย์ที่มักตั้งคำถามกับคนไข้...เหมือนกับหนังเรื่องล่าสุดที่ผมดผมดู
"คุณรู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ". หมอในความคิดผมถามขึ้นมา...ผมว่าจริงๆเสียงนั่นคงเป็นของผมเอง แต่ผมคุมมันไม่ได้
"ไม่รู้สินะคุณหมอ เมื่อวานผมยังยิ้มแย้มและตลกขบขันกับกลุ่มคนมากมาย เมื่อบ่ายนี้ผมยังไม่มีอาการผิดปกติใดๆ...จนกระทั่งผมได้เจอ....สิ่งหนึ่ง"
"สิ่งนั้นคืออะไร" หมอกล่าวขึ้นอย่างสงสัย เช่นเดียวกับผมที่สงสัยว่ามันเกิดจึ้นได้อย่างไร
"มันคงไม่ใช่อะไรที่ใหญ่โต อันที่จริงผมเผชิญกับแค่ความกล้าที่จะส่งข้อความ ข้อความในแชทไปหาเธอคนั้น..."
ถึงตอนนี้ความรู้สึกของผมได้น้ันนึกไปถึงหนังเรื่องหนึ่งที่เราเคยกล่าวไว้เบื้องต้น the great gastby คือชื่อของหนังเรื่องนั้น
หลังจากที่ซื้อมันจากแผงดีวีดีในราคา67บาท ผมคิดว่าหนัง2รางวัลออสก้าร์เรื่องนี้คงไม่ต่างอะไรกับหนังรางวัลเรื่องอื่นๆที่เราจะแค่ ประทับใจ
...แต่ไม่เลย...มันมีความลึกลับซ่อนเร้นในเรื่องราวของปี1922ใน new York ในยุคศีลธรรมตกต่ำนั้นจะมีอะไร
แรกเริ่มผมคิดว่ามันคงเป็นหนังที่ทำให้เราได้เห็นเหล่าสุรานารีและเรือนร่างงดงามกับความปราถนาปลอมๆของผูชาย...แต่ไม่
"มันไม่เหมือนการดูหนังเลยสักนิด"...ผมพูดจึ้นกับหมอคนนั้น เขาคงรับรู้ทุกอย่างเพราะเขาอยู่ในหัวของผม "เหมือนผมมองเห็นตัวเองในตอนนี้...ถึงแม้ว่าหนังจะสร้างเมื่อนานมาแล้ว แต่มันทำนายอะไรๆได้แม่นยำ "
ผมเป็นแกสต์บี้ เศรษฐีหนุ่มผู้อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกับ นิค แน่ล่ะ ผมและนิครู้จักกัน บางทีเมื่อเราทั้งสองสบตา อะไรบางอย่างมันออกมา ผมมั่นใจว่านั่นเรียกว่าความรัก แต่ผมจะรักกับผู้ชายได้หรืออย่างไร(ในปี1922นั้นไม่ได้แน่ๆ แต่ถึงแม้กาลเวลาได้เปลี่ยนไปจนจารีตไม่อาจปิดกั้นความรักที่ชายมีต่อชายได้อย่างทุกวันนี้ ใจผมก็ยังปิดกั้นมันอยู่...ผลของมันช่างไม่ต่างอะไรกันเอาซะเลยนะ)
ถ้าแกสต์บี้เป็นเกย์ หนังเรื่องนี้คงไม่ใช่ผม เธอรักผู้หญิงคนหนึ่ง เดย์ซี่...เธอคือเหตุผลที่หนังเรื่องนี้มีชื่อไทยว่า "รักเธอสุดที่รัก". เดยซี่ เปรียบเสมือนเธอคนนั้นในชีวิตผม มันช่างสับสนวุ่นวาย แกสต์บี้และเดยซี่นั้นรักกันในเวลาอันสั้น ....5ปีที่เหินห่างช่างเจือจางและไม่นานสำหรับความรักในสมัยนั้น จนเทียบเป็นเวลาในปัจจุบันคงเป็นปีหรือสองปี....เพราะนั่นคือเวลาที่ผมได้รู้จักเธอ
ผมก็ไม่รู้สิ บางทีมันดูไม่ใกล้เคียง แต่ก็ช่างคล้ายคลึง ต่อจากนั้นทุกวินาทีที่ดูหนังเล่าเรื่องราว และเปิดเผยความจริงออกมา ผมนึกถึงว่า ในอนาคตจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้กับผมและเธอหรือไม่
เวลา5ปีที่แกสต์บี้เหินห่าง เขาไม่ได้เพียงอยู่ไกล แต่เขาได้ฝากสัญญาไว้ความว่า"ผมจะกลับมาเมื่อประสบความสำเร็จ". แน่ล่ะมันทำให้เดยซี่ใจสลายและแต่งงานกับคนอื่นไปโดยที่ไม่รอแกสต์บี้...แต่เธอหาได้มีความสุข เธอยังคอยโหยหาและเฝ้ารอแกสต์บี้ จนวันที่แกสต์บี้กลับมา ทั้งคู่จึงได้พบรักกันอีกครั้ง(แม้จะเป็นการคบชู้ก็ตาม). แน่ล่ะ เมื่อเป็นแบบนี้สามีของเดย์ซี่ไม่ชอบใจเป็นแน่ เขาสืบตามหาอดีตของแกสต์บี้ และบอให้ทุกๆคนรู้ถึงความจริงว่า "แท้จริงแล้วแกสต์บี้นั้นไม่ได้มีอะไรนอจากบุคลิกดีที่ถูกใช้เป็นฉากหน้าในการกระทำผิดกฎหมาย พรางตาภายใต้ความหวือหวาและควบคุมโดยผู้มีอิทธิพล แกสต์บี้ก็แต่...หุ่นเชิด
ความจริงนี้ทำให้ผมตกใจ พร้อมกับตะลึงไปในครั้งเดียวๆกัน...จนเมื่อได้ดูต่อไปอีกสักครู่ ผมจึงรับรู้ว่าความจริงเพิ่งเริ่มต้น
เดยซี่เสียใจซะจนขาดสติ และฆ่าคนตายไป...เพื่อรัก แกสต์บี้จึงปิดข่าวและทำตัวแกมยอมรับว่าเขาทำเอง จนเกิดข่าวซุบซิบ...ใครจะไปรู้ล่ะ...เขาปกปิดนี่
ผู้หญิงที่ตายวันนั้นอาจเป็นชู้ของแกสต์บี้...เธออาจเป็นมากกว่าสาวขายบริการของเศรษฐี(และเรื่องราวได้เผยว่าที่แท้จริงเธอเป็นชู้ของ.....วิลคาไนด์ สามีของเดยซี่นั่นเอง
ในเช้าสวยงามที่ดูจะเป็นวันสุดท้ายของอะไรสักอย่าง แกสต์บี้สั่งทุกอย่างต่างจากปกติเล็กน้อย เหมือนเขาจะเตรียมทุกๆอย่างให้กลายเป็นสิ่งสุดท้าย
นิคอยู่กับเขาตั้งแต่เมื่อคืน ฟังเรื่องราวและเข้าใจถึงแผนการของแกสต์บี้ แผนการที่จะพาเดย์ซี่หนีไปจากที่นี่ ไปเริ่มต้นใหม่กับเขา และแน่นอน เธอรู้เรื่อง...แกสต์จึงรอแค่ให้เธอตอบตกลง เริ่มสาย นิคจึงขอตัวไปทำงาน
นิคได้บอกไปกับแกสต์บี้"คุณดีที่สุด คนโสมมเลวทรามในนิวยอร์คทั้งหมดรวมกันยังไม่เทียบเท่าคุณ". หารู้ไม่นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาได้โต้ได้ตอบกับแกสต์บี้......เพราะหลังจากนั้นไม่นานแกสต์บี้ถูกยิงตาย
ข่าวนี้เป็นที่คึกโครมในสังคม นิคพยายามติดต่อเดย์ซี่ ขอให้เธอมางานศพแกสต์บี้ มาเจอเขาเป็นครั้งสุดท้าย
แต่ผลคือ...งานศพของแกสต์บี้ ไม่มีใครมาเลยนอกจากนิค แกสต์บี้มีเพียงนิคเท่านั้นในวาระสุดท้าย
เดยซี่หายไปไหนล่ะ ...? เธอได้หนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ นิวยอร์คไม่เหลืออะไรให้เธอแล้ว. เมืองสกปรกนี้ไม่เหลืออะไรให้คนใจสลายแบบเธอแล้ว...
มันช่างน่าสงสารนะ ที่พระเอกของเรื่องต้องตายอย่างโดดเดี่ยว ไร้คนรักเคียงข้างในวาระสุดท้าย ไร้คนที่ตายไปด่วยกัน...
หนังเรื่องนี้ไม่เหมือนอะไรที่ผมนึกไว้. กลับสร้างความเหงาและเคว้งคว้าง มันช่างลึกลับเหลือเกิน
ผมชักกลัวว่าเรื่องราวมันจะเกิดกับผมซะแล้วสิ
ทันใดนั้น จิตแพทย์คนนั้นได้พูดขึ้นมา
"ผมฟังคุณเล่าถึงแกสต์บี้มาพักใหญ่แล้ว...เรื่องของคุณล่ะ คุณน่าจะเล่าให้ฟังบ้าง"
"ผมแทบลืมมันสนิทไปเลยคุณหมอ แต่นั่นก็ดีแล้ว. ผมกำลังอยากจะลืมๆเธอไปซะ. ลืมๆเรื่องที่ผมและเธอทำร่วมกันมา. ตลอดเวลาที่รู้จักและรักเธอคนนั้น"
มีแค่จุดเดียวที่the great gastby แตกต่างจากผม....อธิบายยาวๆได้ว่า...ถ้าเดย์ซี่ไม่ได้รักแกสต์บี้ มันคงไม่จบแบบนี้
พูดตรงๆเลยคือ ผมรักเธอคนนั้นข้างเดียว เธอไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ
ผมก็ไม่แสดงออกถึงความรักให้ใครรู้หรอก แต่ผมกระทำทุกๆอย่างที่ผมรู้ว่า รักเท่านั้นจึงทำให้เธอได้.....
"เธอก็ดูจะไม่รู้อะไรหรอกคุณหมอ"ผมกล่าวกะบคุณหมอที่นั่งฟังจดจ่ออยู่ในหัว และคงมองดูหัวใจที่เต้นแต่แห้งเฉาของผม"บางครั้ง ผมก็ทำอะไรบางอย่างโง่ๆ มันไม่เหมือนแรกเริ่มที่ผมและเธอรู้จักกัน ความสนิทสนมแบบนั้นมันหายไปอยู่ไหนกันแน่ แล้วเราเปลี่ยนไปอย่างไรล่ะ ทำไมเธอจึงเหินห่าง"คำถามมากมายเริ่มถาโถมสูสมอง. ให้ผมได้ครุ่นคิดมัน อย่างรีบร้อนและวู่วามผมว่าผมเกิดอาการหึง"เราจะหึงหวงสิ่งที่ไม่ใช่ของเราได้อย่างไรเล่า เธอผู้สูงค่าคนนั้นคือคนที่น่าทะนุถนอม แต่เธออยู่สูงเกินไปกว่าที่จะเอื้อมถึง".
"สูงเกินไปงั้นเหรอ?" คุณหมอกล่าวอย่างแปลกใจ
"แน่ล่ะครับหมอ เธอสวยเกินกว่าจะคู่ควรหน้าตาอัปลักษณ์ของผม เธอฉลาดเกินกว่าจะคู่ควรกับสมองโง่ๆที่ฟุ้งซ่านของผม เธอ ดีเกินกว่าที่จะลดตัวลงมา'รัก'กับผม"
ในเวลาดึกๆราวตีหนึ่งของวันที่ผมกำลังเขียนนิยายสั้นๆนี้อยู่นี่ล่ะที่ผมอดใจไม่ได้ ที่จะแอบเข้าไปในเฟสบุคโดยใช้ชื่อเธอ มันดูล่วงเกิน แต่เมื่อนึกว่ามันผิด ด้วยเหตุใดผมถึงไม่เคย อดใจ และหักห้ามความหึงหวงในใจได้สักครั้ง
ผมเจอแถบแชทของเธอกับผู้ชายบางคน ดูสนิทสนมและอบอุ่น...สิ่งนี้นี่ล่ะที่ผมเคยมี. เธอรังสรรมันขึ้นในประโยคที่ส่งมา จนผมขาดไม่ได้ แค่เธอส่งอะไรเล็กๆน้อยๆมา นั่นน่ะคือกำลังที่ทำให้ผมรอดได้ มันเหมือนการเสพติด เมื่อมันน้อยลงไป...มันอาจไม่เด่นชัด แต่คุณรู้สึกได้...มองมันอย่างกัดฟันถึงแถบสนทนาที่เธอกับนายคนนั้นคุยกัน มันช่างน่าประหลาดใจ
แน่ล่ะผมคิดอะไรกับเธอคนนี้ แต่ความรู้สึกที่เกิดกับผมคนเดียว เธอกับนายคนนั้นแทบจะไม่เกี่ยวอะไรเลย
ข้ามผ่านอคติผมคิดว่าทั้งคู่เหมาะสมกันนะ แต่ผมคงรับไม่ได้ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมคงเงียบหายไปจากชีวิตเธอไปเลยล่ะ....เพียงแต่ว่า....
ต่อให้ผมเงียบหนือไม่เงียบ มันก็ไม่เคยอยู่ในสายตาของเธเลยสักครั้ง
วันนี้ผมนอนกินยาแก้หวัดหวังให้หลับบอกกับตัวเองว่า"ปล่อยไป แบบนั้นแหละดีแล้ว อย่ายึดติด อย่าหวงหึง อะไรที่เราไม่มีสิทธิ์". นึกไปนานๆน้ำตามันไหลออกมาจากที่ใด ผมนอนบนที่นอนนี้ล่ะ ที่เดียวกับที่เล่าให้คุณฟัง...
...นอนคนเดียวเหมือนวาีะสุดท้ายของแกสต์บี้...
ผมไม่รู้สึกอยากตื่นในตอนเช้า ผมอยากนอนอย่างนี้ต่อไป เพราะผมไม่ชอบความรู้สึกเจ็บช้ำแบบนี้ แม้ผมจะคิดไปเองก็ตาม
สุดท้ายพรุ่งนี้ก็กลับไปเจอมันใหม่
ถึงจะอย่างไรก็ตาม ผมยังคงรู้สึกกับเธอ เหมือนชื่อภาษาไทยของหนังเรื่องนี้ และไม่ว่าเจ็บช้ำเพียงใด ใจช้ำๆดวงนี้ยังมีแรงมุ่งมั่นรักเธอคนนี้อีกไม่มีวันสิ้นสุด
"รักเธอ...สุดที่รัก"
"เหมือนเรื่องเล่าของคุณจะจบแล้วสินะ...มันช่างแตกต่าง เพราะมันเป็นเรื่องแรกของคุณที่เสร็จสมบูรณ์. หมอดีใจที่ได้อยู่ฟังเรื่องราวเหล่านี้. ถึงแม้จะเศร้าใจไปตามคุณ แต่หมอก็ได้รู้ว่า คนไข้คนนี้หาความรักแท้เจอ"
"ใช่ครับคุณหมอ เรื่องราวของผมมันจบแล้ว แต่คุณหมอล่ะครับ ผมไม่ได้หมายถึงคุณหมอที่อยู่ในหัวผมนะ
คุณหมอที่เข้ามาอ่านเรื่องราวในนี้ต่างหาก ขอบคุณนะ คุณคือจิตแพทย์ที่ดีที่สุดของผม ผมแต่ต้องการเพื่อนสักคนที่เยียวยารักษาจิตใจ และผมก็เจอคุณ มันคงไม่ผิดถ้าจะเรียกคุณว่าจิตแพทย์ คุณอาจไม่รู้ตัวว่าคุณช่วยผม แต่แค่เข้ามาอ่านและรับรู้ นั่นคือหนึ่งในแรงเยียวยาที่ดีที่สุดสำหรับผม"
เช่นเดียวกับหนังเรื่องโปรด เริ่มอย่างเลือนรางด้วยแสงไฟสีเขียว และจุดจบ ก็ริบหรี่ลงจากแสงไฟสีเขียวดวงนั้น ที่เราถอยห่างไกลออกไป ไกลออกไป จนมันมืดมน...
18/10/2557-23.00น.ถึง19/10/2557-1.32น.
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น