คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 08
ตอนที่ 8
เสียงปัง! ดังขึ้นหลังจากนั้นไม่นานนัก
โรสคิดว่าน่าจะเป็นเสียงของปืนลูกซองที่ยิงอัดเต็มร่างของนักโทษชายที่ทำเรื่องชั่ว ๆ อย่างแน่นอน แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเหมือนคุณไอแซ็คที่นิ่งงันอยู่ข้างกาย พวกเราสองคนต้องการอุปกรณ์ช่างที่จำเป็นสำหรับงานก่อสร้างเบื้องต้น และทำที่สำคัญเลยก็คือเครื่องปั่นไฟฟ้าสักสองเครื่อง
สองเครื่องถือว่าเยอะทีเดียว...แต่จะขอยังไงในเมื่อตอนนี้มันคือของที่จำเป็นกับครอบครัวเรดฟิลด์เหมือนกัน?
“ขอบคุณพวกคุณ...เอ่อ...” เคเนดี้หันกลับมาหลังปลอบโยนลูกสาวได้สักพัก เขามองพวกเราสองคน ท่าทางอยากจะให้พวกเราแนะนำตัวเองให้เขารู้จัก
“ผมไอแซ็ค ทอร์นลีฟ นี่ภรรยาของผมโรส ทอร์นลีฟครับ”
กึก! ภรรยา?
โรสฉงนแต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า ในใจรู้สึกว่าการตอบออกไปแบบนี้อาจจะปลอดภัยก็ได้ ผู้หญิงคนเดียวที่ยังโสด แถมไร้สามีคุ้มครองมันค่อนข้างจะตกเป็นเป้าหมายได้ง่าย ถ้าเกิดมีผู้ชายที่เป็นผัวอยู่ก็น่าจะทำให้หลายฝ่ายเกรงใจมากขึ้น
ระหว่างนี้ต้องอาศัยร่างกายใหญ่โตกับกล้ามล้ำบึกของคุณไอแซ็คซะแล้ว
“ขอบคุณมิสเตอร์กับมิสซิสทอร์นลีฟมากนะครับ ตอนนี้มันบ้ามาก ๆ ถ้าให้ผมจะพูดออกมา แต่พวกคุณคงจะรู้ว่าเรื่องบ้า ๆ มันเกิดขึ้นจริง” ชายชรามองไปนอกกระจกร้าน สายตาทอดยาวไปยังหอคอยลอยฟ้าที่เด่นหราใจกลางเมือง
“พวกสัตว์ประหลาดตอนนี้ยังไม่น่ากลัวหรอกครับ ผมกับโรสเราตั้งฐานกันที่ศูนย์อาหารอีสโคตส์ ที่นั่นมีเสบียงแห้งและน้ำกักตุนได้เกือบปี มีของจำเป็นเยอะพอประมาณ เข้าเรื่องนะครับ...” คุณไอแซ็คเข้าประเด็นหลัก “คุณคงได้ยินเสียงในหัวมาบ้าง มนุษย์บางคนมีทักษะกับไม่มีทักษะ ทักษะต่อให้สูงต่ำสำหรับผมยังไงถ้ารวมตัวกันก็จะเกิดประโยชน์กว่าแยกกันอยู่จริงไหมครับ”
เขาอยากชวนครอบครัวเรดฟิลด์ไปอยู่ในฐานของเราน่ะเหรอ
โรสคิดตาม...ก็ดีนะ แถบนี้ไม่มีร้านอาหาร หาของกินลำบาก ไม่สู้มาอยู่ในจุดที่มีเสบียงกรังไม่ดีกว่าเหรอ?
“ผมกับภรรยาเองสำรวจถนนสายใต้มาแล้ว ที่นั่นรถติดและไม่สามารถเดินทางไปใต้ ทางเหนือเองอาจจะมีผู้รอดชีวิตอยู่ แต่สะพานข้ามทะเลกลับถล่มลงมา ถ้ามีเมืองไหนที่อยากจะหนีก็คงจะเป็นเมืองตะวันตก แต่สัญญาณวิทยุที่ผมได้ยินกลับบอกว่าที่นั่นเองก็ยังไม่ปลอดภัยเหมือนกัน”
อ่า...คุณไอแซ็คคุยเป็นตุเป็นตะเชียว
“ถ้างั้น...”
“ผมต้องการเครื่องปั่นไฟเพราะงั้นถึงได้มาที่นี่ ผมไม่ได้ขอเปล่า ๆ แต่จะขอแลกกับเสบียงให้พวกคุณสองเดือน ตัวผมกับภรรยาเริ่มรับสัญญาณวิทยุจากคนในเมืองของเราบางส่วนแล้ว จากนี้พวกเราตัดสินใจระรวบรวมคนแทนที่จะหนีอย่างไร้จุดหมาย”
“คนหนุ่มสาวอย่างคุณดูจะวางแผนเอาไว้แล้ว ฉันชอบนะความคิดนี้น่ะ” ชายชราว่าอย่างมีประสบการณ์มาก่อน “พวกเรามีเสบียงไม่พอให้พ้นสัปดาห์นี้ ยังไงพูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็ต้องพึ่งพวกคุณแล้ว ตกลงผมจะยกเครื่องปั่นไฟให้ทั้งหมดเลย ของในร้านพวกนี้ก็ด้วย”
“ถ้าแบบนั้นก็ยินดีต้อนรับครับ” ไอแซ็คจับมือกับตาแก่เคเนดี้เมื่อทุกอย่างตกลงกันเรียบร้อยเสร็จสรรพ
โรสรู้สึกว่าต่อจากนี้จุดเริ่มต้นจะเป็นไปได้ด้วยดีอยู่บ้าง
อย่างน้อยก็ยังมีมนุษย์ที่รอดชีวิตอยู่!
สองชั่วโมงต่อมา
รถกระบะสีดำขนเครื่องปั่นไฟสามเครื่องพร้อมกับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ชาร์ตเต็มยี่สิบสามแท่งอัดจนแน่นท้ายบรรทุกรถกระบะ ในตอนนี้รถแล่นไปได้ช้ามากเพราะข้างหลังเราพวงหลังรถเป็นตัวลากบรรทุกถังน้ำมันขนาดแปดร้อยลิตรมาด้วย
ข้างหลังเราก็ยังมีรถบรรทุกสี่ล้อของครอบครัวเรดฟิลด์ขับตามมาติด ๆ กัน ข้างหลังพวกเขาขนอุปกรณ์ช่างที่สำคัญกับข้าวของที่ครอบครัวจัดเก็บกันอย่างฉุกละหุก
แล้วร้านขายปืนที่ถนนข้างหลังล่ะ?
คุณไอแซ็คกับคุณเคนเข้าไปขนมาแล้ว ไม่รู้ได้อะไรมาบ้างแต่เห็นโกยมาจนกระเป๋าที่พกมาเต็มแน่นถึงสองถุงเชียว...แต่แค่ปืนลูกโม่ยังหนักมือขนาดนี้ ไม่ต้องพูดเลยว่าถ้าต้องฝึกยิงจะเหนื่อยขนาดไหนกัน?
แต่ที่แน่ ๆ ป้าหลุยเซียน่าเจ้าของร้านปืนกับหลานสาวฝาแฝดอย่าง ลูน่ากับลูเครเซียซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตอีกสองคนตัดสินใจตามพวกเรามาด้วย ปัญหาของคนแถบนี้ส่วนใหญ่คือขาดเสบียงอาหาร น้ำและยารักษาโรคเป็นหลักเหมือนกับบ้านเรดฟิลด์
น้ำประปาทางฝั่งเหนือของเมืองหยุดไหลแล้ว...
ก็แน่ล่ะสิ ก็เพราะสถานีจ่ายน้ำประปามาจากทางใต้ของเมือง เมืองนี้อาศัยน้ำจากทะเลสาบสูบเข้ามาทำน้ำประปา ถ้าเกิดไฟฟ้าสำรองของสถานีจ่ายน้ำประปาเริ่มดับ ปั๊มน้ำก็ไม่แรงพอจะจ่ายน้ำมายังทางเหนือของเมือง
ดังนั้นนับกันดี ๆ แล้วในตอนนี้พวกเราเลยมีรถไว้ใช้งานสามคัน มีน้ำมันไว้วิ่งรถได้ประมาณสามเดือนกับมีไฟฟ้าที่ฐานแล้ว
“ตอนนี้เราก็มีกันแปดคนแล้วสินะคะ”
“ครับ”
“มีไฟฟ้า มีน้ำมัน มีแบตเตอรี่แล้วก็มีอาหารกับน้ำที่สำรองเอาไว้ อาวุธก็น่าครบครัน แล้วคุณไอแซ็คคิดจะทำยังไงต่อเหรอคะ เราจะลงไปในห้างกันจริง ๆ เหรอ?”
“…” ไอแซ็คไม่ได้ตอบในทันที
“ป้าหลุยเซียน่าต้องอาศัยยาโรคเบาหวาน หลานคนหนึ่งต้องกินยาต้านเอดส์ ยาเบาหวานพวกเรามีอยู่สองโหล ยาต้านเอดส์ไม่มีแต่พวกเขายังมีเก็บไว้อยู่ คาเรนต้องรักษาตัวกินยาคุมฉุกเฉิน อันนี้มีแน่นอน...ตาแก่เคเนดี้ไม่มีโรคอะไร เคนก็เหมือนกัน”
เธอสาธยายด้วยเรื่องที่ต้องระมัดระวัง
บริษัทของเธอที่ทำงานนั้นเกี่ยวข้องกับอาหาร อาหารส่วนใหญ่ตอนทำตัวอย่างให้ชิมต้องคำนึงถึงลูกค้าที่มีโรคประจำตัว เพราะงั้นเรื่องโรคเลยเป็นสิ่งที่เธอฉุกคิดขึ้นมากะทันหัน
แต่วันสิ้นโลกการจะหายาคงยากอยู่...
โรงพยาบาลใหญ่อยู่ทางตะวันตก ห่างจากแถบชายฝั่งติดทะเลไปมากโขเชียว พวกคลินิกย่านกับร้านขายยาเองในถนนเส้นนี้มีอยู่สองร้านใหญ่ น่าจะพอหาได้บ้างแต่ติดที่มันอยู่ทางใต้น่ะสิ แถมแถวนั้นยังมีสถานีรถไฟอีกด้วย ถ้าจะไปก็คงจะต้องเสี่ยงดวงกับพวกอสูรแน่นอน!
“คุณคิดอะไรรอบคอบนะครับ”
“ที่ผ่านมาฉันไม่รอบคอบเหรอคะ?” เธอประหม่าอยู่บ้างพอได้ยินอีกฝ่ายชมแบบนั้น นึก ๆ แล้วเธอก็ทำตัวไม่ถูกนั่นล่ะ แต่เพราะอีกฝ่ายสั่งการและทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง เธอก็เลยถีบตัวเองให้กระตือรือร้นขึ้นมา
“คุณเข้มแข็งมากเลย แต่ถ้าวันไหนอยากจะร้องไห้ก็ร้องได้นะครับ”
“…ค่ะ”
นั่นสินะ...นั่น...เธอเองก็อยากจะร้องไห้บ้างแต่ทำไม่ได้หรอก โลกกำลังอยู่ในหายนะ เธออยากมีชีวิตก็ต้องเอาตัวรอด ไม่อยากสิ้นหวังแล้วยิงตัวตายหรือว่าจบชีวิตตัวเองหรอกนะ
ไม่อยากเหมือนเจ้าของปั๊มที่เขียนจดหมายลาตายแล้วยิงหัวตัวเองในห้องน่ะ...
เธอยังมีความหวังว่าโลกจะกลับมาเป็นปกติในเร็ว ๆ นี้!
“แต่ก่อนคุณไอแซ็คทำงานอะไรเหรอคะ เอ่อ...เรื่องที่ใช้นามสกุลบอกคนอื่นนี่ ทำไมไม่ใช่นามสกุลของคุณล่ะ”
“พอดีผมไม่ชอบนามสกุลในบัตรประชาชนน่ะ” อีกฝ่ายตอบน้ำเสียงดูจะไม่ใส่ใจนัก แววตาเคร่งขรึมเมื่อเธอแตะต้องเรื่องเกี่ยวกับนามสกุลของอีกฝ่าย
“ถ้างั้นฉันอนุญาตให้คุณใช้นามสกุลของฉันนะคะ แบบว่า...ถึงมันจะเชยสะบัด แต่ถ้าเรียกไอแซ็ค ทอร์นลีฟมันก็ฟังดูเท่ขึ้นเป็นกองเลยนะคะ” ว่าจบเธอก็หัวเราะแห้ง ๆ แก้อาการเก้อเขินที่พูดจาบ้าบอออกมา
“...” ไอแซ็คไม่ได้ตอบโต้สักคำ ที่มุมปากของเขามีรอยยิ้มประดับอยู่ราง ๆ กระทั่งในแววตาที่ดูจะจริงจังนั่นก็พลันอ่อนโยนขึ้นมาทันตาเชียว
เขาดูไม่โกรธที่เธอพูดจาละลาบละล้วงสักนิด
“ที่คอเสื้อผม คุณปลดสร้อยออกมาสิ” จู่ ๆ หลังนั่งเงียบมานานคุณไอแซ็คก็บอกให้หล่อนคว้านหาสร้อยคอที่อีกฝ่ายสวมเอาไว้ เป็นสร้อยที่เธอไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่าอีกฝ่ายสวม คงเพราะเสื้อคอยาวของเขาล่ะมั้งเธอเลยไม่ทันได้เอะใจ
พอปลดสร้อยออกมาก็พอว่าข้างในมีแหวนอยู่สองวง
เป็นวงสีทองวงใหญ่หนึ่งวงกับวงเหล็กอีกหนึ่งวง โดยที่วงใหญ่น่าจะเป็นแหวนขนาดของผู้ชายส่วนวงเล็กเป็นของผู้หญิง ตัวแหวนทั้งสองวงเป็นแหวนทองคำเกลี้ยงที่ข้างในสลักคำว่า ‘ตราบจนโลกนี้ล่มสลาย’ ทว่าที่ต่างออกไปคือแหวนวงเล็กของผู้หญิงด้านนอกจะมีร่องที่ถูกกดเป็นลายดอกกุหลาบด้วย
“คุณสวมแหวนวงเล็กสิ”
“คะ?” โรสฉงนอีกหน “เอ่อ...ของสำคัญขนาดนี้ฉันจะสวมได้เหรอคะ” ว่าจบเธอก็ลังเลอยู่บ้าง
“ผมเก็บมาจากร้านเครื่องประดับเมื่อตอนเช้า ตอนที่เจอรถคันนี้ ยังไงเราก็ต้องเตี๊ยมกันเรื่องนี้ แหวนก็ต้องมีให้เนียนตา...คุณเห็นที่คาเรนเผชิญใช่ไหมครับ ผู้หญิงตัวคนเดียวอันตรายจะตายไป ตอนนี้โลกวุ่นวายและไร้กฎหมาย ผู้คนก็พร้อมจะบ้าคลั่งทำอะไรตามใจกันอยู่แล้ว ถ้าคนอื่นรู้ว่าคุณมีผม คนพวกนั้นก็จะช่างน้ำหนักดูว่าควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร”
ก็จริงของเขา!
“ขอบคุณที่คิดเผื่อกันนะคะ”
“ผมคือมนุษย์ระดับเอส คนอื่น ๆ จะเกรงใจคุณไปด้วย ดังนั้นขอแค่พวกเขาปฏิบัติกับคุณเป็นอย่างดีสักหน่อย นั่นก็เพียงพอแล้ว ยังไงซะผมยังต้องการซื้อของจากคุณอีกนะครับ” ว่าจบอีกฝ่ายก็หัวเราะเบา ๆ
“...ค่ะ” เธอตอบออกไปเสียงเศร้าอยู่บ้าง
ระดับ D กับ S ต่างกันเหมือนฟ้ากับเหวลึก ถ้าจะไปให้เทียบเท่าอีกฝ่ายเธอก็ต้องหาทางเลื่อนระดับน่ะสิ ไล่จากระดับ D ไป C แล้วไต่จาก C ไป B สุดท้ายพุ่งทะยานจาก B ไป A ตามด้วย S!
แต่ในความคิดของโรสแล้ว แค่อย่างน้อยได้สัก B ก็ไม่แย่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องมีความสามารถที่แข็งแกร่งเกินเบอร์อะไรขนาดนั้น เธอรักตัวกลัวตายมาก ถ้าต้องอยู่ในระดับที่สูงก็คงไม่แคล้วต้องแบบความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่งน่ะสิ
“ฉันสวมแล้วนะคะ” เธอว่าจากนั้นก็มองที่นิ้วนางข้างขวาของตัวเอง
ในใจรู้สึกว่าในเมื่อกฎหมายบังคับใช้ไม่ได้ วันสิ้นโลกจะมีใครสนใจว่าผู้หญิงที่ชอบจะมีผัวกัน แค่แย่งและชิงมาเหมือนยุคบ้านป่าเมืองเถื่อนก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ
แต่...ยังไงก็ดีกว่าผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างที่ไอแซ็คว่าเอาไว้อยู่ดี!
“คุณคิดอะไรกันครับ”
“ก็...รู้สึกขอบคุณล่ะมั้งคะ อย่างน้อยถ้านี่เรียกว่าวันสิ้นโลก ฉันก็คงเป็นผู้หญิงที่โชคดีมาก ๆ ที่ได้คุณเป็นสามีกำมะลอ” พูดแบบนี้แล้วโรสก็อดไม่ได้ที่จะทำตาโตด้วยความตื้นตันใจอยู่บ้าง “ไม่รู้สิคะ เอิ่ม...เอ่อ...ฉันตั้งใจเรียนรู้ระบบสกิลให้ดี แล้วก็จะหาทางให้คุณได้ของที่ต้องการจากร้านค้าให้ในเร็ววันได้นะคะ”
“ครับ...”
“ฉัน...ขอโทษที่มีประโยชน์ได้แค่นี้นะคะ”
“เชื่อผมเถอะว่าคุณเป็นทุกอย่างให้ผมได้จากสิ่งที่คุณมี” แปลกใจที่อีกฝ่ายพูดจาประหลาดอีกแล้ว เหมือนเมื่อคืนที่เขาชื่นชมสีตาของเธอเลย
ซึ่ง...มันทำให้โรสรู้สึกแปลกชอบกลอยู่บ้าง
แต่มันก็...ช่างเป็นถ้อยคำที่ให้กำลังใจได้ดีจริง ๆ นั่นล่ะ
ความคิดเห็น