NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [จบเล่ม4/5] ฉันมีปาร์ตี้ระดับ S ในวันสิ้นโลก *ฮาเร็ม* [มี e-book]

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 06

    • อัปเดตล่าสุด 31 ก.ค. 67


     

    ตอนที่ 6

     

    หลังจากสอดแนมดูความเคลื่อนไหวของอสูรจนถึงเที่ยงคืนของวัน ไอแซ็คก็พาเธอที่อ่อนล้าเต็มประดากลับมายังฐานร้านสะดวกซื้อ ตอนนี้สถานการณ์คร่าว ๆ ที่อีกฝ่ายวิเคราะห์เป็นอะไรไม่ได้นอกจากการที่อสูรตัวที่มีชื่อว่าจอมมารดาระดับ C กำลังออกไข่มาเป็นอสูรลูกกระจ๊อกตามด้วยอสูรลูกกระจ๊อกขั้นกว่า

    อสูรพวกนี้คล้าย ๆ กับพวกมดแต่เป็นพวกมดในขั้นที่มีสติปัญญากว่ามาก ค่อนข้างจะซับซ้อนมากกว่านั้น นี่ช่วงคือที่พวกอสูรลูกกระจ๊อกกำลังออกสำรวจตรวจและจดจำแผ่นที่ของเมืองส่งให้กับสมองหลักของพวกมันซึ่งก็คือสมองของแม่มัน

    การฆ่าพวกมันจำนวนมากเกินควรจะทำให้ตัวแม่สร้างอสูรระดับอีขึ้นมา ซึ่งก็คือลูกกระจ๊อกติดชุดเกราะและอัปเกรดคมมีดที่ขาหน้าของมัน ส่วนศพของมนุษย์จะถูกนำมาเป็นอาหารเพื่อใช้หล่อเลี้ยงตัวแม่และสร้างอสูรตัวต่อไปอีกหลายชนิด

    อสูรตัวต่อไปที่เกิดมาก็คืออสูรไร้หน้าที่เกิดจากศพของมนุษย์ซึ่งถูกฝังไข่ลูกกระจ๊อกเอาไว้ ทำให้ร่างกายของพวกมันคล้ายกับมนุษย์มากขึ้น เหมือนปรสิตสิ่งศพมนุษย์ จะคล้ายๆ ซอมบี้ในหนัง แต่แค่ไม่มีหน้าเนื่องจากพวกมันไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่มีดวงตา โดยที่เบ้าตาและปากหรือว่าหูนั้นจะกลายเป็นหนวดแทน

    แค่คิดก็สยองแล้ว!

    “พวกนี้คืออสูรระลอกแรกของการรุกรานเหรอคะ” โรสลูบแขนเบา ๆ หลังจากฟังที่ไอแซ็คบอกเล่าราวกับนิทานก่อนเข้านอน

    “ใช่แล้วครับ”

    “ถ้างั้นหลัง ๆ ก็จะเป็นพวกมีตาอย่างงั้นสิคะ...”

    “ยิ่งกว่าที่คุณคิดอีก” อีกฝ่ายตอบก่อนจะหันตะแคงข้างจากที่นอนบนโซฟามายังเธอที่นอนตะแคงข้างเข้าหาอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน พวกเราสบสายตากันครู่สั้น ๆ แต่เพราะนัยน์ตาสีฟ้าของอีกฝ่ายเรืองแสงในความมืด โรสถึงรู้สึกไม่ค่อยกล้าจะสบตามากนัก

    “พึ่งรู้ว่าดวงตาของคุณสวยขนาดนี้”

    “คะ?” เธอแปลกใจหรือว่าหูฝาดก็ไม่รู้ที่อีกฝ่ายชื่นชมนัยน์ตาสีฟ้าของเธอเอาดื้อ ๆ แบบนี้

    “ตาของสัตว์ถ้าคุณสังเกตดี ๆ พวกสัตว์นักล่าตาจะตั้งเป็นเส้นตรง ไว้โฟกัสกับเหยื่อที่จ้องอยู่ ส่วนพวกตาของสัตว์ที่เป็นเหยื่อจะเป็นเส้นแนวนอน ไว้เฝ้าระวังภัย แต่ตาของมนุษย์ไม่ใช่แบบนั้น”

    เหมือนกำลังฟังอีกฝ่ายเล่าสารคดีสัตว์โลกเลย...

    โรสพยักใบหน้ารับไม่ได้เอ่ยตอบโต้อะไรกลับไปสักคำ ตอนนี้ทั้งเหนื่อยและอ่อนเพลียเต็มทนแล้ว

    “ดวงตาของเรามองเห็นความคมชัดห้าร้อยกว่าล้านพิกเซลเชียว เพราะงั้นไม่ว่าจะฉายผ่านเทคโนโลยีอะไร ก็ไม่สมจริงเท่ากับเห็นได้ด้วยตาของตัวเอง ต่อให้เป็นภาพของดาราก็ไม่สู้ได้เห็นตัวจริงใช่ไหมล่ะครับ...”

    นั่นสินะ...

    โรสคิดจากนั้นก็หลับไปโดยไม่รู้ตัวหลังจากผงกหัวรับคำอีกฝ่าย

    “โรส? หลับแล้วสินะ” ไอแซ็คลืมตาและสาวเท้าลงไปยังชั้นล่างด้วยท่าทีสงบนิ่ง ใบหน้าของอีกฝ่ายดูเคร่งขรึมแต่ในแววตากลับสะท้อนความรู้สึกผิดอย่างชัดเจน เขาได้แต่เกาะอยู่ที่ราวบันไดระหว่างชั้นสองและชั้นล่างเพียงลำพัง

    ไอแซ็คล้วงสร้อยคอที่ทำจากเงินขึ้นมา ในสร้อยมีแหวนอยู่สองวง แหวนวงแรกมีขนาดที่เล็กสำหรับผู้หญิงที่สลักร่องเป็นรูปดอกกุหลาบ ส่วนวงที่สองเป็นขนาดของผู้ชายด้วยดีไซน์เรียบง่าย

    จากนั้นไม่นานเบื้องหน้าของอีกฝ่ายก็มีหน้าต่างระบบเด้งขึ้นมา...

    หน้าต่างสีเทาหม่นไร้แสง มองแล้วจืดชืดและหดหู่กว่าหน้าตาสีใด ๆ ที่อีกฝ่ายเคยพบเห็นมาก่อน

    [ระบบ: เทปบันทึกเสียงในความทรงจำของไอแซ็ค] 

    [ไฟล์เสียงหมายเลข 30: แหวนนี่...แต่งค่ะ! ถึงจะเป็นการแต่งงานในวันสิ้นโลกก็เถอะ แต่ว่าถ้าต่อจากนี้ได้มีคุณอยู่ข้าง ๆ ฉันคงไม่กลัวอะไรอีกแล้ว ได้คุณเป็นสามี ฉันนี่ล่ะผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก!] 

    [ไฟล์เสียงหมายเลข 35: ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบนามสกุลในบัตรประชาชน ถ้างั้นต่อจากนี้ก็มาใช้นามสกุลของฉันไหมล่ะ? ทอร์นลีฟ...ถึงจะฟังดูเชยสะบัดก็เถอะ แต่ว่าพอเรียกคุณว่าไอแซ็ค ทอร์นลีฟแล้ว คุณดูเท่ขึ้นเป็นกองเลย!] 

    เฮ้อ...ไอแซ็คผ่อนลมหายใจออกมา

    แววตามุ่งมั่นมากยิ่งขึ้นกว่าเก่า ในหัวหลังจากเรียงลำดับความสำคัญแล้ว เขารู้ว่าสิ่งไม่ควรละเลยก็คือครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวบนโลกนี้อย่างโรส ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้นควรจะลำดับไว้ที่สองเสมอ

    ตอนที่เกิดเหตุการณ์โจมตีระลอกแรกอีกฝ่ายหลงมาหลบที่แห่งนี้และพบเจอกับเขา...อดีตวิศวกรยานอวกาศที่เพิ่งกลับจากงานศพของเพื่อนสนิท พวกเราช่วยกันเอาตัวรอดกันมาได้สามเดือน ต่างก็พากันฝ่าออกไปข้างนอกเมืองได้สำเร็จ

    แต่สถานการณ์ไม่เป็นแบบนั้น ไม่มีที่ไหนปลอดภัยจากอสูรร้ายและที่สำคัญเมืองที่พวกเขาอยู่นั้นล่มสลายลงแล้ว แต่ทว่าเสียงจากวิทยุสื่อสารที่เปิดทิ้งไว้กลับได้รับการตอบกลับ เมืองใหญ่ฝั่งข้างเคียงที่ก่อตั้งศูนย์รวบรวมผู้รอดชีวิตได้สำเร็จ พวกเขาต้องการคนที่มีความสามารถเพื่อจัดการกับหอคอยหมายเลขแปด และหาทางเอาชนะการรุกรานจากต่างโลก

    นั่นเป็นที่ที่เขาพาโรสไปพึ่งพาคนกลุ่มนั้น

    แต่กลายเป็นว่า...เขากลับพาเธอไปตายแทน

     

    เช้าวันต่อมา

    กลิ่นหอมของอาหารเช้าอย่างง่ายปลุกโรสให้ตื่นจากฝันร้าย เธอลืมตาขึ้นและฝันประหลาดถึงเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว ในตอนนั้นเธอตามฝูงคนไปยังหอคอยที่ตั้งอยู่ต่างเมือง ด้วยทักษะที่มีแล้วเธอพรางตัวจากอสูรระดับ B ได้ มันมีประโยชน์และสามารถใช้ทักษะที่สามให้ได้ประโยชน์มากขึ้น

    จากนั้นทุกอย่างเป็นภาพที่เร่งรีบและบิดเบี้ยว อสูรระดับสูงที่ยืนสองขา ทั้งยังมีหน้าตาเหมือนคนนั้นดูจะไวต่อกลิ่นเลือด เธอที่ตั้งท้องโดยไม่รู้ตัวได้แท้งลูกอย่างกะทันหัน เลือดจากช่องคลอดทำให้พวกมันแห่กันมาโดยไม่ตั้งใจจนรวมเป็นฝูงใหญ่ของอสูรระดับ B ได้

    สุดท้าย...สมาชิกในกลุ่มออกสำรวจลงความเห็นให้ทิ้งเธอเอาไว้ข้างหลัง

    แต่...มีผู้ชายคนหนึ่งที่จำหน้าตาไม่ได้คัดค้านอย่างรุนแรง เขาอยู่ดูแลเธอและเลือกที่จะตายไปด้วยกัน แต่ว่าในความรู้สึกนั้นเธอดูจะรักเขามากเหลือเกิน เพราะงั้นเลยใช้ของบางอย่างปกป้องอีกฝ่ายไว้

    จากนั้นร่างของเธอก็ถูกขาหน้าของพวกมันรุมแทง แขนขาถูกฉีกทึ้งและทุกข์ทนกับความเจ็บปวดทั้งเป็น ไม่นานสติและเรี่ยวแรงค่อย ๆ หายไป จากนั้นหน้าต่างระบบก็จางลงพร้อมกับความมืดมิดที่โอบล้อมเอาไว้ราวกับโลกที่ไร้ดวงตะวัน

    แต่จู่ ๆ หน้าต่างระบบก็เด้งขึ้นมา…

    [ระบบ: คุณยินดีจะกลายเป็นระบบผู้ช่วยของปาร์ตี้กอบกู้ดวงดาวหรือไม่?]

    ตอนนั้นถึงไม่เข้าใจว่าระบบที่ว่าคืออะไร

    แต่ก็ตอบเธอตอบตกลง...จากนั้นก็พรึบ!

    โรสตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจถูกบีบจนแน่น พอลืมตาขึ้นมากลิ่นของอาหารเช้าหอมกรุ่นช่วยให้เธอรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด ความฝันก็คือความฝันอยู่วันยังค่ำ คงเพราะฟังคำพูดของไอแซ็คมากเกินไปก็เลยเก็บมาฝันร้ายล่ะมั้ง

    โรสคิดก่อนจะคลายอารมณ์ที่อึดอัด จากนั้นก็จ้องมองอาหารเช้าที่ไอแซ็คยกขึ้นมาให้เหมือนเมื่อวานด้วยความเกรงใจ

    วันนี้อาหารเช้าเป็นขนมปังกับไข่และผักต้มง่าย ๆ พร้อมกาแฟเหมือนเดิม

    “ขอบคุณนะคะ”

    “สีหน้าของคุณดูไม่ดีเลย เหงื่อเยอะออกแบบนี้มัน...”

    “สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายน่ะค่ะ” เธอหัวเราะ “ตอนตื่นที่ฉันถึงกับกุมที่หัวใจเหมือนพระเอกในละครเลยล่ะค่ะ”

    “คุณเป็นโรคหัวใจรึเปล่าครับ?”

    โรคหัวใจ...ไม่ได้เป็นหรอก ตอนตรวจสุขภาพเมื่อปีที่แล้วก็ไม่เห็นเจอความผิดปกติเลยด้วยซ้ำ แค่เพราะช่วงนี้ทำงานหามรุ่งหามค่ำก็เลยพักผ่อนไม่เพียงพอ เหนื่อยง่าย อ่อนแรงก็แค่นั้นน่ะ

    “ไม่นะคะ ฉันไม่มีโรคประจำตัวหรือยาที่แพ้หรอกค่ะ”

    “ก็ไม่แน่เสมอไปหรอกครับ” คุณไอแซ็คดูจะเป็นกังวลอยู่ดี “ถ้าตรวจไม่ละเอียดหรือเจอหมอที่ไม่ใส่ใจ ของแบบนี้จะตรวจเจอกันง่าย ๆ เหรอครับ”

    “ก็จริง แต่ว่าฉันแข็งแรงจะตาย แบกไม้หามซุงทำงานก็เคยทำมาแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันจะพยายามไม่เป็นภาระของคุณแน่นอน” เธอยิ้มบาง ๆ แล้วตัดบทสนทนาเครียด ๆ ด้วยการหยิบขนมปังมากินทันที

    “ยังไงถ้าคุณก็ควรจะบอกกันนะครับ การทำอะไรเกินตัวผลลัพธ์มันออกมาไม่สวยหรอก”

    “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ก็แค่...ฉันยังต้องพึ่งพาคุณ ไม่อยากจะทำตัวไร้ประโยชน์นี่คะ แล้วก็...ขอบคุณสำหรับอาหารเช้านะคะ อร่อยมากเลย”

    โรสยิ้มและพยายามทำให้ชายผมทองเบาใจมากขึ้น แน่นอนว่าสีหน้าของอีกฝ่ายดูจะพึงพอใจกับคำตอบของเธอมากกว่ารอยยิ้มที่ปั้นแต่งขึ้นมา

    “ผมดูแผนที่ของเมืองนี้แล้ว ถัดไปจากศูนย์อาหารตรงนี้จะมีร้านอุปกรณ์การช่าง ในถนนเส้นเดียวกันอีกเก้ากิโลเมตรจะมีปั๊มน้ำมันเล็ก ๆ กับสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ที่ถนนเส้นด้านข้างเราก็มีร้านขายอาวุธเล็ก ๆ ด้วย”

    “เก้ากิโลเมตรเลยเหรอคะ?” โรสตาเหลือกด้วยความตกใจ ถ้าต้องเดินเท้าไปทั้งอย่างนั้นต่อให้ใช้เวลาประมาณสามสี่ชั่วโมงในการไปกลับ แต่จุดนั้นมันก็ใกล้กับประตูอสูรไม่ใช่เหรอ แบบนี้คุ้มค่าที่จะไปไหมล่ะ

    “ทางเหนือของเมืองเราติดทะเล เพราะงั้นรถที่มาก็จะหนีไปทางใต้ ถนนทางเหนือจะโล่งและไม่มีรถจอดติดขัด ผมจะขับรถไปที่นั่น แผนคือเราต้องได้อาวุธกลับมา ขนเครื่องปั่นไฟกลับมาอย่างน้อยสองเครื่อง และจะดีถ้าเราได้น้ำมันกับแบตเตอรี่มีไฟฟ้าด้วยสักหน่อย”

    ก็ฟังดูจะเป็นแผนการที่ดีนะ

    เครื่องกำเนิดไฟฟ้าอาจจะจำเป็นอยู่บ้างในอนาคต ถ้ามีไฟฟ้าอย่างน้อยก็สามารถใช้งานพวกอุปกรณ์ช่างที่ต้องอาศัยการเสียบปลั๊กได้ เราอาจจะเชื่อมเหล็กทำให้ฐานดูมีแนวป้องกันมากขึ้นก็ได้ อีกอย่างถ้ามีอาวุธก็ดีกว่าอยู่กับท่อหรือหอกเป็นไหน ๆ เพราะยังไงซะอสูรระดับกี๊กี๊ก็น่าจะใช้ปืนยิงทิ้งได้อยู่แล้ว ยิ่งพวกมันไม่ได้ยินเสียงก็ยิ่งได้เปรียบเข้าไปใหญ่เลยสำหรับระยะต้น

    “ขับรถ?”

    “ถึงจะบอกว่าระบบไฟฟ้าขัดข้องจนถนนใต้ดินไม่สามารถชาร์จพลังงานได้ แต่ถ้าเป็นรถรุ่นเก่าผมค้นเจอแล้ว หาถ่ายน้ำมันมาได้มากพอที่จะไปกลับระยะทางสั้น ๆ เท่าที่กะเอาไว้”

    อ้อ....นี่อีกฝ่ายไปหารถมาตอนไหนกัน

    โรสขมวดคิ้วจากนั้นก็รู้สึกว่ารถที่ใช้น้ำมันค่อนข้างจะล้าสมัยอยู่บ้าง เมื่อสิบปีก่อนรัฐบาลออกกฎหมายใช้พลังงานสะอาด แต่ข้อจำกัดรถไฟฟ้ายังคงมีมาก รถที่ใช้น้ำมันวนเวียนอยู่ในตลาดมือสองนับล้านคัน ราคาถูกและทนทานกว่ารถไฟฟ้าทำให้ผู้ใช้รถน้ำมันยังมีอัตราส่วนอยู่ที่สามในสิบของประเทศ

    แต่ว่าเมืองนี้ไม่ได้มีกฎหมายบังคับเปลี่ยนรถเก่าเพื่อให้รถไฟฟ้ามีบทบาทมากขึ้น ดังนั้นรถน้ำมันเลยยังมีบริการปั๊มน้ำมันอยู่เกือบครึ่งต่อครึ่ง รถน้ำมันที่อายุมากจำกัดการขับเข้าเมืองใหญ่ เพราะงั้นในเมืองรถน้ำมันที่อายุยังไม่มากถึงน้อยมีและหายากอยู่บ้าง

    แต่เธอไม่ค่อยรู้อะไรเรื่องระบบของรถยนต์หรอกนะ โรสคือพนักงานเงินเดือนน้อยที่ไม่มีเงินพอจะออกรถมือหนึ่ง และต่อให้ซื้อมือสองก็ต้องเป็นรถไฟฟ้าราคาแพงถึงจะขับเข้ามาทำงานในเมืองได้ ดังนั้นมีไปก็ไร้ประโยชน์สำหรับเธอ

    “เราจะออกไปตอนไหนกันคะ”

    “ตอนเที่ยงวัน ช่วงที่แดดแรงที่สุด”

    แดดแรง?

    นี่เพราะเหตุผลอะไรกันแน่นะ?

    โรสคิดแต่ก็ผงกหัวรับไปพลางรับฟังแผนการของอีกฝ่ายไปพลาง ในใจคิดอยู่หลายตลบกับลำดับการทำงานของไอแซ็คผู้รับมือได้กับทุกสถานการณ์วันสิ้นโลก

    แล้วก็อยากส่องหน้าต่างระบบของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน...

    ว่าคนตรงหน้ามีทักษะดี ๆ อะไรซ่อนเอาไว้บ้าง!?

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×