NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [จบเล่ม4/5] ฉันมีปาร์ตี้ระดับ S ในวันสิ้นโลก *ฮาเร็ม* [มี e-book]

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 05

    • อัปเดตล่าสุด 31 ก.ค. 67


     

    ตอนที่ 5

     

    สถานะอำพรางตัวตนเหมือนจะใช้ได้ผล พวกอสูรไม่ให้ความสนใจเธอกับไอแซ็คเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นพวกเราถึงได้ปิดบานเหล็กและล็อกประตูหน้าต่างของศูนย์อาหารเล็ก ๆ แห่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว กระทั่งเก้าอี้กับโต๊ะที่ศูนย์อาหารก็ถูกลากมาเป็นแนวกั้นด้านหน้าสะดวกกว่าเดิม

    พอจัดการเรื่องนี้เสร็จคุณไอแซ็คก็พาเธอไปดูทรัพยากรตามช่องร้านด้านหลัง อาศัยผ้าปูโต๊ะปูรองเอาไว้ จากนั้นก็แบ่งกองของที่หามาบนผ้าได้อย่างรวดเร็ว อาหารแห้งถูกย้ายไปยังร้านสะดวกซื้อ พวกเนื้อและของสดย้ายไปยังห้องเย็นของศูนย์อาหาร

    ห้องเย็นพวกนี้มีฉนวนกันความร้อนจากข้างนอก อาหารสดยังพอเก็บไว้ได้บางส่วน จากนั้นของอื่น ๆ ที่ไม่สำคัญจะอยู่ที่เดิมของมัน

    เราได้ขวานดับเพลิงมาสามเล่ม ถังดับเพลิงสามถัง มีมีดทำครัวหลากหลายขนาด ได้หมอรองน้ำกับถังมาเก็บสำรองน้ำเอาไว้เพิ่มสิบใบ

    แต่ที่อีกฝ่ายเคร่งก็คือระบบไฟฟ้าที่จะต้องปิดให้หมดทั้งที่ไฟฟ้าถูกตัดไปแล้ว แต่เพราะน้ำเสียงที่อีกฝ่ายเน้นย้ำหลายครั้ง ดังนั้นพวกเราเลยสับสวิตช์แผงควบคุมไฟลงให้หมดที่ห้องระบบไฟฟ้าของอาคาร

    “เฮ้อ...” โรสหอบหายใจด้วยความเหนื่อยจากงานที่ใช้แรงคน

    “ดื่มน้ำวิตามินครับ” อีกฝ่ายยื่นขวดน้ำวิตามินมาให้เธอรับไว้ แน่นอนว่าได้น้ำเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ มาช่วยมันก็ดีขึ้นอยู่หรอก

    “มีอะไรที่ต้องทำอะไรอีกไหมคะ” โรสถามเพราะในพื้นที่ศูนย์อาหารนั้นจัดการหมดแล้ว ศูนย์อาหารตรงนี้แต่แรกก็มีแต่ชั้นเดียวเท่านั้น ด้านบนเป็นเพดานสูงตกแต่งด้วยโคมไฟเรียงกันเป็นทางช้างเผือก แน่นอนว่าถ้ามองจากดาดฟ้าของร้านสะดวกซื้อแล้ว ดาดฟ้าที่ตรงนี้จะเตี้ยกว่าสองระดับ

    “แอ็กชันพอยต์น่ะไม่ใช่แค่พักผ่อนนอนหลับแล้วจะฟื้นฟูขึ้นมา พวกเราต้องกำจัดอสูรถึงจะได้แอ๊กชันพอยต์ ถ้าไม่มีมันสกิลที่มีก็ไร้ประโยชน์ เพราะงั้นเราต้องล่าพวกลูกกระจ๊อกก่อน”

    “คะ?” ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นโรสก็ตกตะลึงแทบจะทันที

    แอ๊กชันพอยต์ที่ว่านี่คือ...ค่าร่ายทักษะที่มันเขียนเอาไว้น่ะเหรอ?

    จริงด้วย! โรสมองหน้าต่างของตัวเองแต่ไม่เห็นว่าค่าร่ายมันจะเพิ่มขึ้นมาเลยสักนิด แบบนี้จะเปิดใช้ทักษะอำพรางตัวอีกหนก็ไม่ได้น่ะสิ

    แต่...การไปสู้กับพวกมันน่ะจะดีเหรอ?

    “ไม่ต้องกลัว เมื่อวานคุณก็เห็นใช่ไหมว่าแค่ใช้ขวานก็โค่นมันได้แล้ว แต่เจ้าพวกนี้น่ะสามตัวจะได้เอพีหนึ่งแต้ม ดังนั้นผมจะทำหอกไม้อย่างง่ายให้คุณใช้งาน ผมคือแนวหน้าคุณคือแนวหลังผม พวกเราทำงานกันเป็นทีมทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมาทันตา”

    หอกไม้อย่างง่ายเหรอ?

    ทำไมโรสถึงรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นแบบนั้นเลยแฮะ

    “...”

    “มั่นใจสิ ผมคือแร็งค์เอสเชียวนะครับ”

    “เอ่อ…”

    “ถ้างั้นเราคิดว่านี่เป็นการออกไปทำให้ฐานของเราปลอดภัยมากขึ้น คุณเห็นด้วยไหมล่ะครับ”

    “ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ...” โรสอึกอัก แววตาลังเลอย่างชัดเจน แต่ว่ายังไงก็ต้องสู้ตายอยู่แล้วในภาวะแบบนี้ ถึงจะอยากทำตัวขี้ขลาดเอาแต่หลบอยู่หลังคนอื่นก็ตามทีเถอะนะ

    อีกอย่าง...แต้มเอพีจำเป็นต่อการใช้ประโยชน์ ถ้าเกิดว่าทักษะที่สามเป็นทักษะที่น่าสนใจขึ้นแต่เธอเกิดไม่มีแต้มไว้เปิดใช้งานทักษะขึ้นมา แล้วแบบนี้ชีวิตวันหนึ่งก็ศูนย์เปล่าน่ะสิ!

    “ถ้างั้น…” อีกฝ่ายลากเสียงพลางหยิบมีดทำครัวด้ามยาวออกมาถอดด้ามจับออก เหลือไว้ของตัวมีดกับที่วางทับกับท่อเหล็กแล้วพันด้วยลวดติดกันจนแน่น ดูไปแล้วก็คล้ายกับฉมวกล่าปลาตัวใหญ่อยู่บ้าง

    แต่มันดูไม่ค่อยจะแน่นเท่าไหร่นัก

    “ผมมีตัวช่วย” อีกฝ่ายว่าแล้วควักบางสิ่งออกมาจากช่องว่างมิติสีทอง มันดูแล้วเหมือนปืนอะไรสักอย่างที่ต้องใช้สองมือประคองเอาไว้ ด้านบนมีที่บังแสงดูทึบ ปากปืนเหมือนไม่ใช่ปืนที่ยิงด้วยกระสุน อีกทั้งสภาพของปืนยังเก่าคล้ายกับว่ามีสนิมเกาะอีก

    แต่...พออีกฝ่ายใช้งานแล้วลำแสงประกายไฟก็เกิดขึ้น เขาลากมันลงไปที่มีดด้ามยาวกับด้ามเหล็กที่ไม่รู้เขาไปหามาจากไหนกันแน่ แต่เอาเป็นว่าพอลำแสงหายไปหอกที่ถูกเชื่อมเข้ากันก็ดูแข็งแรงคงทนขึ้นมาทันตา

    ที่ปลายมีดก็ไม่ใช่ทรงของมีดทำครัวแล้ว แต่เหมือนมันกลายเป็นใบหอกแหลมคมสำหรับจัดการพวกอสูรโดยเฉพาะ

    “มันคือ...” โรสลากเสียงยาวด้วยความสงสัย

    “ปืนเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติวัตถุขั้นต้น”

    ยิ่งฟังก็ยิ่งงง...โรสทำเหมือนเข้าใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ มองไอแซ็คใช้เทปยางสีดำมันที่ด้ามจับเอาไว้ ช่วยจับแล้วติดมือและกำได้ถนัดมากขึ้นอย่างใส่ใจ แต่โรสไม่รอช้าเธอก็หยิบหอกขึ้นมาจับมันและลองจ้วงมันกับอากาศดู

    เบา...แต่ไม่ได้เปราะ...ตอนที่พุ่งออกไปเหมือนจะมีแรงส่งด้วยนะ?

    “หอกให้ยกสูงระดับช่วงเอวเวลาที่ข้อศอกพับ ปลายชี้ไปที่เป้าหมาย พอแทงได้ก็ให้คุณถอยหลังดึงหอกออกมา เพราะว่าตอนที่มีอสูรตัวอื่นอยู่รอบ ๆ มันจะรีบจัดการคุณเพื่อช่วยพวกของมันด้วย ถึงได้ต้องรีบถอยหลังออกมา”

    “ค่ะ แบบนี้พอได้ไหมคะ” โรสทำท่าทางแทงหอกให้อีกฝ่ายดู

    “…” ไอแซ็คเงียบ ท่าทางเหมือนว่าเธอกำลังละเล่นอะไรสักอย่างอยู่ “เราเรียนรู้ประสบการณ์จริงเลยดีกว่า”

    กะ-ก็ได้!

    โรสผงกหัวรับจากนั้นก็สะพายเป้สีดำขนาดกลาง ตามด้วยจัดการเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมตัวออกไปปฏิบัติภารกิจกวาดล้างอสูรลูกกระจ๊อกข้างนอกฐานที่มั่นของพวกเราสองคน

    อีกฝ่ายยกบานเลื่อนเหล็กขึ้นพร้อมกับไขล็อกแม่กุญแจอาไว้จากทางเข้าที่ร้านสะดวกเสื้อ จากนั้นเขาก็เดินนำเธอด้วยฝีเท้าที่เบาราวกับตีนแมวออกไปลานหน้าศูนย์อาหารเล็ก ๆ แห่งนี้ ที่ซึ่งภายนอกนั้นเละเทะเหมือนเกิดเหตุหายนะอย่างไรอย่างนั้น ที่นี่พวกอสูรค่อนข้างบางตา มันเดินเพ่นพ่านเพียงตัวสองตัวเท่านั้น

    ค่อนข้างง่ายตอนที่จะดักตีหัวพวกมันอยู่บ้าง...

    พวกเรากวาดหินผลึกอสูรมาได้ประมาณสามสิบตัวเชียว!

    แต่ว่ารอบ ๆ ตัวส่วนใหญ่แล้วหน้าต่างและกระจกของอาคารล้วนเสียหายยับเยิน รถชนท้ายต่อ ๆ กันเป็นแถบ จากนั้นพอพวกเราเดินออกไปยังถนนสายใหญ่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็เลวร้ายขึ้นอย่างชัดเจน บริเวณถนนใหญ่และตึกสำนักงานหลักของเมืองเละเทะเกินกว่าที่โรสจะจินตนาการได้

    มันเงียบและวังเวงมาก...

    ภาพของคนที่แออัดคับคั่งเหมือนกับหายไปเลยในความทรงจำของโรส ตามท้องถนนมีศพของมนุษย์ประปราย เลือดไหลนองจนเหนียวข้น ไส้ไหลออกมาจากช่วงท้องที่ถูกฟันหรือว่ากรีด ที่หัวเองก็เหมือนถูกของแหลมเจาะจนกะโหลกแตก

    ร่องรอยบาดแผลตามศพบ่งบอกได้ว่ามาจากอสูรตัวจ้อยพวกนั้น

    ศพส่วนใหญ่มีจำนวนไม่มาก คนพวกนี้ดูแล้วมีแต่คนสูงวัยที่ไม่น่าจะหนีหรือเอาตัวรอดได้ทันเหมือนคนหนุ่มสาวนัก

    “มีแต่ศพคนแก่” เธอพึมพำกับคุณไอแซ็คที่ผงกหัวรับอย่างเห็นชอบด้วย

    “คนหนุ่มสาวคงจะถูกลากไปกินแล้ว ยังไงซะสารอาหารก็เยอะกว่าพวกคนแก่ใกล้ตาย” อีกฝ่ายว่าจากนั้นก็พาหล่อนมาหลบที่หลังรถซึ่งคว่ำอยู่กลางถนน เขาชี้ไปที่ถนนข้างหน้าที่มีเสียงกุกกักเดินอยู่ประปราย

    เสียงเท้าของอสูรลูกสมุนมักจะเกิดขึ้นสามถึงสี่ตัวเสมอ พวกมันเดินไปมาเป็นกลุ่มอย่างที่อีกฝ่ายบอกเอาไว้ ทั้งยังทำตัวเหมือนกล้องวงจรปิดเคลื่อนที่ที่คอยตรวจตราสำรวจหามนุษย์ยังไงยังงั้นเลย

    “ผมจะล่อมันมาทางนี้ ถึงตอนนั้นพวกเราจัดการมันก่อนเถอะ” ไอแซ็คว่าหลังจากใช้กล้องส่องทางไกลตรวจสอบพื้นที่บริเวณข้างเคียงอย่างถี่ถ้วน เขากระทืบเท้าลงไปแรง ๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากอสูรกี้กี้

    แน่นอนว่าพวกในทีแรกหนวดของพวกอสูรเพียงแค่ขยับไปมา แต่จากนั้นพอหนวดของมันแตะที่พื้นแล้ว สี่ขาของพวกมันก็ตะกุยมายังตำแหน่งของพวกเราสองคนอย่างว่องไวทันที

    ขวับ! ไอแซ็คโยนหินล่อพวกมันไปอีกทางก่อนที่พวกมันจะประชิดถึงตัวของเรา ในตอนนี้เขารอให้พวกมันหยุดตัวลงครู่สั้น ๆ จากนั้นก็พาเธอย่องออกไปดักตีหัวพวกมันทันที

    พรึบ! โรสพุ่งหอกไปยังลำตัวของอสูรพร้อม ๆ กับไอแซ็คที่ใช้ท่อลึกลับนี่ทุบหัวพวกมันติดต่อกันถึงสองตัว

    ท่อนี่...ไม่ทำให้เกิดเสียงแฮะ?

    เธอสังเกตแต่ก็ไม่นานก็หันมาสนใจสภาพแวดล้อมของที่แห่งนี้ด้วยความระมัดระวัง อาคารขนาดใหญ่ข้างหน้าคือห้างสรรพสินค้าเก่าที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟใต้ดินของเมือง ข้างบนเป็นตึกสูงที่แปรรูปกลายเป็นอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ด้านบน

    ความจริงตามกฎหมายไม่น่าจะมีตึกแบบนี้ได้ แต่เพราะผู้ว่าเมืองรับผลประโยชน์ใต้โต๊ะมันถึงได้สร้างสิ่งก่อสร้างที่ข้างล่างเป็นห้างเชื่อมกับสถานีรถไฟใต้กิน กับข้างบนเป็นตึกสำนักงานของเครือบริษัทเจ้าของห้างข้างใต้แทน

    “มีอีกฝูงอสูรอีกแล้ว ทางสามนาฬิกา...”

    “จับดูตาเถอะครับ เราจะไม่สู้กับพวกมันตอนนี้ ผมพูดแล้วคุณจดตามลงในสมุดด้วยนะครับ” กัปตันไอแซ็คสั่งการ แน่นอนว่าพวกเราย้ายมาหลบอยู่ที่รั้วหนาของอาคารสำนักงานตรงข้ามกันแล้ว

    ตอนนี้เธอไม่ได้ทำอะไรนอกจากฟังและจดตามสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเอาไว้จนเต็มหน้ากระดาษเลยทีเดียว...

    แต่เพราะความรอบคอบเลยทำให้รู้ว่า

    พวกอสูรลูกสมุนส่วนใหญ่จะเข้าออกห้างสรรพสินค้าใต้ดินกันเป็นระบบ พวกมันเกาะกลุ่มกันสามตัวขึ้นไป และทุก ๆ สามสิบนาทีจะมีกลุ่มใหม่ออกจากห้างใต้ดินขึ้นมาสวนทางกับกลุ่มที่กลับลงไปในห้าง คล้ายนิสัยของพวกมดอยู่บ้างตามความเข้าใจของโรส

    แต่ว่าตัวที่กลับมาส่วนมากจะลากชิ้นส่วนศพกลับมาด้วย

    ดูเหมือนนั่นจะเป็นอาหารของพวกมัน ส่วนใหญ่เป็นศพมนุษย์เพศหญิงและเด็กที่สภาพดี ศพพวกนี้จะไม่ถูกลากถูกับพื้นแต่จะถูกสองข้าหน้าแบกหามกันมาด้วยอสูรถึงสองตัว แต่ถ้าศพสภาพไม่ดีก็จะลากมากับพื้นแบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ เลย

    มาถึงตรงนี้แล้วโรสอยากจะอาเจียนเหลือเกิน...

    ศพมนุษย์ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ว่ามันก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่นั่นล่ะที่มนุษย์ถูกกินน่ะ...

    “แต้มของคุณเต็มรึยังครับ”

    “เต็มหลอดแล้วค่ะ พอให้ใช้ได้ถึงสามสกิลเลย” เธอตอบกลับไปจากนั้นก็มองไอแซ็คด้วยลางสังหรณ์ใจที่ไม่ค่อยดีนัก แววตาของอีกฝ่ายลึกล้ำราวกับว่าในใจนั้นมีแผนเด็ด ๆ เตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว

    “คุณเคยไปในห้างนั่นไหม”

    “ฉันเคยทำงานต้องไปออกบูทขายตัวอย่างสินค้าในห้างอยู่สามอาทิตย์ ก็พอจำผังห้างได้อยู่นะคะ”

    “ไว้เราพร้อมเราจะเข้าไปข้างในกัน”

    “คะ?” โรสตาโตด้วยความงุนงงทันที เธอไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะลงไปทำไมกันในเมื่อมันคือจุดรวมตัวของพวกอสูรกี้กี้น่ะ ถึงในห้างจะมีเสบียงอาหารให้ขนกลับไปได้ อาจมีเครื่องไม้เครื่องมือที่สำคัญ

    แต่ว่า...เราไปหาค้นของที่ตึกอื่นได้นี่นา?

    “ทำไมเราจะต้องลงไปกันคะ ข้างล่างนั่นดูน่ากลัวจะตายไป”

    “พอดีของที่สำคัญกับผมอยู่ในห้องพิเศษ ถ้ามีมันมาฐานของเราจะมั่นคงยิ่งขึ้น คุณคงไม่อยากจะหนาวตาย หรือถูกอสูรระดับดีหรือซีกินหัวตอนกลางคืนหรอกนะครับ”

    หนาวตาย?

    ถูกอสูรระดับดีหรือซีเขมือบ?

    แบบนี้ฟังดูน่ากลัวว่าเก่าอีก!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×