คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 02
ตอนที่ 2
ผู้ชายผมทองตรงหน้าพาเธอไปยังตรอกข้าง ๆ ที่เป็นย่านการค้าของอาคารสำนักงานแถบนี้ ส่วนใหญ่แล้วมีแต่ร้านอาหารราคาถูกไว้สำหรับให้พนักงานบริษัทออกมากินมื้อกลางวันกัน นอกนั้นก็เป็นร้านรวงทั่ว ๆ ไปที่อาศัยเช่าพื้นที่ตามตึกสูง ช่วยกันยกระดับพื้นที่การค้าของโซนนี้ให้ดีขึ้นไปอีกขั้น
“ฉันว่าเราไปหลบที่สถานีตำรวจใกล้ ๆ นี้ไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“คุณคิดว่าตอนนี้ว่าที่แบบนั้นจะมีคนไปแล้วกี่คนกัน เยอะจนวุ่นวายแน่ แล้วจะหนีไปได้ยังไงในเมื่อพวกอสูรมันวิ่งเร็วกว่ามนุษย์ แทนที่จะหนีไปอย่างไร้จุดหมาย ไม่สู้อยู่ในย่านที่มีเสบียงกับอุปกรณ์เอาตัวรอดล่ะ”
ทำไมคนคนนี้ถึงพูดจามีเหตุผลจัง
เขาจะไม่สะทกสะท้าน...แบบว่าจะไม่ได้เป็นเหมือนมนุษย์ทั่วไปที่หวั่นวิตกและสักแต่จะวิ่งหนีอย่างเดียวเลย
“แล้วทำไมจึงวิ่งมาจูงมือแบบนี้ละคะ?”
“…”
นั่นไง!?
“คุณมีขวานดับเพลิงที่ใช้งัดแล้วก็จามประตูร้านค้าได้นี่”
ขวานนี่น่ะเหรอ?
โรสแอบมอบขวานที่กำเอาไว้อยู่บ้าง เป็นขวานดับเพลิงที่ด้ามจับเป็นสีแดงนี่มีหัวสองแบบ หัวแบบขวานที่ใช้จามไม้ทั่วไปกับส่วนของหงอนเหล็กอีกฝั่งที่ไว้ใช้เจาะงัด แน่นอนว่ามันมีประโยชน์จริง ๆ ถ้าจะใช้งัดแงะหน้าต่างประตูร้านค้าทั่วไปน่ะ
“อีกอย่างน่ะ คนทั่วไปคิดไม่ถึงหรอกว่าจะหยิบขวานหรือหาอาวุธแบบคุณ แสดงว่าคุณต้องหัวไวประมาณหนึ่ง ไม่งั้นจะหยิบของพวกนี้มาทำไมกัน”
ก็จริงของเขา แต่ถึงแบบนั้นโรสก็ลังเลที่จะเชื่ออยู่บ้าง
“งั้นคุณจะไปหลบที่ไหน?” โรสถามแต่อีกฝ่ายไม่ตอบ ได้แต่วิ่งพาหล่อนมายังหน้าร้านสะดวกซื้อที่บัดนี้ว่างเปล่าปราศจากคนข้างใน ตัวร้านได้ทำเลที่ตั้งเป็นสองคู่หาแคบ ๆ เบียดเสียดกับศูนย์รวมร้านอาหารข้างใน
“คุณก็ได้ยินเสียงในหัวเหมือนกันเหรอ”
“ไม่ทุกคนหรอก แต่คุณน่ะรีบช่วยผมดึงม่านเหล็กลงมาเร็ว” ชายผมทองจัดการทุกอย่างด้วยความเร็วสูง เขาสั่งการเธอเหมือนหัวหน้าทีมที่วางแผนเอาไว้หมดแล้ว แน่นอนว่าเธอไม่ขัดข้องหรอกน่ะ เพราะยังไงซะเราก็ต้องหลบพวกอสูรไปสักระยะก่อน
“ถ้างั้น...” โรสลังเลแต่ก็รู้สึกได้ถึงเสียงฝีเท้าสะเปะสะปะจากข้างหน้าร้านสะดวกซื้อนับไม่ถ้วน เสียงเหมือนตัวอะไรบางอย่างที่ขาของมันแข็งจนเคาะกับคอนกรีตออกมาเป็นเสียงกุกกัก
แต่...เมื่อไหร่ที่เสียงเพื่อนมนุษย์กรีดร้องและวิ่งสุดตัว ฝีเท้าที่กุกกักและรวดเร็วก็พุ่งไปยังต้นตอของเสียงนั้นทันที จากนั้นเพื่อนมนุษย์ก็คล้ายกับว่าจะนอนแดดิ้นไปแล้ว
ตายแล้วล่ะมั้ง? โรสคิดจากนั้นก็มองชายผมทองกวักมือให้เธอซ่อนตัวไปยังชั้นวางสินค้าข้างหลัง เขาชี้ไปที่ประตูข้างซึ่งเชื่อมต่อกับศูนย์อาหารขนาดใหญ่
ตรงหน้าเธอเห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดคล้ายก้อนอะไรบางอย่างที่มีหน้าตาเหมือนกับแมลงแต่ว่ามีหกขา โดยที่สองขาหน้ายกขึ้นเหมือนตั๊กแตน ส่วนสี่ขาหลังเหมือนเท้าไว้เดินเคาะทำเสียงกุกกักกับพื้น ทว่าเหนือสิ่งอื่นใดนอกจากรูปลักษณ์ก็คือ...พวกมันเหมือนจะไม่มีตาแต่มีหนวดหลายเส้นที่ปากแทนคมเขี้ยว
ในศูนย์อาหารมีพวกมันสามตัวเท่าที่โรสจะสังเกตเห็นได้...เอ๊ะ!
ในลำตัวของพวกมันเหมือนมีหินสีม่วงเรืองแสงวูบวาบด้วย?
ป๊อง! ชายผมทองโยนกระป๋องปลาทูน่าไปยังประตูที่เปิดอ้าเอาไว้ กระป๋องกระแทกแล้วกลิ้งไปไกลพอสมควร และ...ลูกสมุนอสูรก็พากันไปรุมตามจุดที่กระป๋องกระเด้งเป็นทอด ๆ อย่างว่องไว สี่ขากระแทกพื้นกุกกัก ปากก้มลงใช้หนวดดูด ๆ ลูบหาวัตถุที่ตกพื้นหลายครั้ง
ไม่มั่นใจว่าพวกมันมีหูหรือประสาทรับรู้ทางเสียงไหม หรือว่าพวกมันอาศัยการจับสัมผัสฝีเท้าหรือแรงที่กระแทกจากพื้นกันแน่
“ผมจะตะโกนดู”
เสียงกระซิบของชายผมทองดังขึ้น
“บ้าไปแล้ว เราลองหาอย่างอื่นทดสอบดูสิ” เธอกระซิบกลับจากนั้นก็คิดว่าถ้าต้องทำอะไรเพื่อทดสอบให้มันรู้แล้วรู้รอดจริง ๆ ล่ะก็ทำไมไม่ใช่ของเล่นที่มีเสียงล่ะ “ลองใช้ของเล่นที่มีเสียงสิ”
โรสมองไปยังชั้นวางสินค้าที่มีโซนของเล่นเด็กเล็กอยู่ จำได้ว่าในนี้จะมีพวกกล่องเสียงที่กดปุ่มแล้วเพลงจะดังขึ้นน่ะ
อยู่ไหนนะ? อ๊ะ! เจอแล้ว!
โรสหยิบมันขึ้นมาก่อนจะถอดรองเท้าออกแล้ววางสัมภาระที่เกะกะไว้กับพื้นพรมหน้าประตูอย่างระมัดระวัง
“เพื่อนที่ทำงานเคยเอาของเล่นลูกพกมาด้วย เจ้านี้คือกล่องเพลงนางเงือก กดแล้วนางเงือกจะเต้นก่อนแล้วค่อยขึ้นประมาณห้าวิ เพราะงั้นฉันจะลองเอาออกไปวางดู”
“ผมว่านี่มันเสี่ยงกว่าการที่ผมคิดจะตะโกนอีกนะ”
“ฉันเดินเบามาก คล่องตัวกว่าชุดสูทของคุณ แล้วถ้าไม่สำเร็จฉันจะวิ่งกลับ คุณอาศัยประตูแคบ ๆ นี่เอาขวานจามมันได้นี่” เธอเสนอและคิดว่านี่อาจจะเป็นความคิดที่ดี แต่พอเสียงกุกกักนั่นเคลื่อนไหว ทั้งเธอและชายผมทองก็พาหันโผล่หัวออกไปสอดส่องเจ้าอสูรทันที
เจ้าอสูรลูกกระจ๊อกกำลังทำอะไรบางอย่าง...
หนวดพวกมันขยับเหมือนปลาหมึก สองขาหน้ากระแทกพื้นแรง ๆ กุกกักเหมือนคนใช้นิ้วเคาะที่โต๊ะเสียงดังเป็นหมู่คณะ กึก...หนวดของพวกมันชี้ไปที่เคาน์เตอร์ร้านอาหารด้านหลังทั้งที่ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเลยด้วยซ้ำ
โรสไม่เข้าใจพฤติกรรมของเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้นัก แต่พอเห็นชายผมทองค่อย ๆ ย่องออกไปพร้อมกับขวานที่เธอเอามาจากที่ทำงาน เธอก็ย่างกรายออกไปพร้อมกับหยิบเหล็กเกี่ยวบานเลื่อนเหล็กพกติดมือไปด้วย
ยังไงซะก็ควรจะรู้ว่าพวกมันให้ความสนใจอะไร?
แล้วค่อยหาทางกำจัดมันคงดีกว่าไม่ใช่เหรอ...ถึงจะเสี่ยงอันตราย แต่สถานการณ์ตอนนี้พวกเราต่างก็เสี่ยงอันตรายอยู่ทั้งนั้น
ชายผมทองชี้ไปที่ด้านหลังเคาน์เตอร์ร้านขายเบเกอร์รี่เจ้าดัง ด้านในเคาน์เตอร์พนักงานครัวมีเจ้าอสูรสามตัวกำลังให้ความสนใจอยู่กับบางสิ่งซึ่งตั้งอยู่ที่พื้น มันคืออุปกรณ์ทำครัวหน้าตาคล้ายกับเครื่องนวดแป้งขนาดใหญ่ ในนั้นมีไม้นวดที่เสียบในเครื่องนวดกำลังยกขึ้นลงฟาดกับแป้งที่แน่นฟูในถังเหล็กอยู่
น่าแปลกใจที่ไฟฟ้าดับไปแล้วแต่เจ้าเครื่องนี้ยังไงทำงานได้?
เพราะมีเครื่องสำรองไฟรึเปล่ามันถึงได้ทำงานดีแบบนี้…แต่พอสังเกตให้ดีแล้วสายเสียบของเครื่องมันกลับต่อไปยังหลังร้าน และข้างหลังร้านก็มีไฟส่องสว่างผิดไปจากมุมอื่น ๆ ของศูนย์อาหารที่ค่อนข้างมืดทึบอย่างชัดเจน
เครื่องนวดแป้งส่งเสียงแต่ไม่ได้ดังขนาดนั้น ทว่าที่มันสัมผัสได้ก็คือแรงตึง ๆ ของไม้นวดที่กระทำกับแป้งตอนมันยกฟาดขึ้นฟาดลงอย่างผิดทิศทางมากกว่า
“มันสนใจแรงกระแทก...” ชายผมทองว่าจากนั้นก็ย่องเข้าไปด้วยฝีเท้าที่เบาหวิวจนไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นแมวรึว่าเป็นผีกันแน่ ขวับ! ด้ามขวานถูกจามลงไปยังหัวของอสูรจนขาดออกจากกันเป็นสองส่วน ทำเอาเจ้าอสูรอีกสองตัวแตกตื่น แล้วพุ่งตัวออกไปหาชายผมทองด้วยความอาฆาต
แต่เหมือนมันจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายผมทองสักนิด เปลือกแข็ง ๆ นั่นถูกด้ามขวานจามไปอีกสองทีก็แดดิ้นไปกับพื้น
ซากของพวกมันมีของเหลวสีดำไหลย้อมออกมา ทว่าไม่นานก็แห้งกรังกลายเป็นผงสีเทาคล้ายขี้เถ้า...กึก!
ในนี้มีผลึกสีม่วงแวววับชิ้นเล็ก ๆ จริง ๆ ด้วย!
“พวกมันเหมือนแมลงที่จับสังเกตผ่านการเคลื่อนไหวที่พื้นดิน ไม่มีตาและไม่ได้ยินเสียง แต่ว่าถ้ายิ่งวิ่งพวกมันก็ยิ่งจะไล่ตามได้แม่นยำมากขึ้น...”
นับว่าข้อมูลที่ชายผมทองอธิบายนี่ถูกต้องไหมน่ะ
“คุณ...ดูจะเก่งจัง” หล่อนพึมพำเบา ๆ “ฉันชื่อโรส เอ่อ...โรสทอร์นลีฟ”
“ผมไอแซ็ค” อีกฝ่ายแนะนำแค่ชื่อ “การมาระลอกแรกคงจะเป็นพวกลูกสมุนที่ไม่ได้เก่งมากนัก ระดับของพวกมันคงจะเป็นเอฟไม่ก็อี ผมคิดว่าเราอาศัยจังหวะนี้ช่วยกันช่วงชิงผลึกพวกนี้ดีกว่า”
ผลึกแวววับ...!
จู่ ๆ หน้าต่างก็ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับข้อมูลของผลึก
[ระบบ: ผลึกอสูรชั้นต่ำ | ราคาขายต่อชิ้น 20 ชิ้นส่วนดวงดาว]
ชิ้นส่วนดวงดาว?
“คุณเห็นหน้าต่างข้อมูลผลึกนี่ไหมคะ” หล่อนถามเพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเห็นหน้าต่างข้อมูลเหมือนกันรึเปล่า “ของฉันมันบอกราคาด้วย ราคาต่อหน่วยได้ยี่สิบชิ้นส่วนดวงดาวแหนะ”
“ผมเห็นแค่ชื่อ คุณเห็นราคาและสกุลเงินด้วยอย่างงั้นเหรอครับ”
“ค่ะ...ทักษะของฉันน่าจะเกี่ยวกับการค้า”
“สกิล?” ชายผมทองตาฟ้าเลิกคิ้วขึ้นสูงพลางหลับตาลงข้างหนึ่ง ท่าทางครุ่นคิดทำให้โรสรู้สึกไม่ค่อยไว้วางใจเลย “จะดีถ้าคุณช่วยอธิบายสกิลของคุณกับผม ทางที่ดีพวกเราแลกเปลี่ยนข้อมูลของกันเพื่อเอาตัวรอดจะดีกว่า”
ต้องบอกหมดเลยเหรอ?
แล้วถ้า...อีกฝ่ายบอกไม่ครบล่ะ?
“ฉันมีสองสกิล สกิลแรกระบบร้านค้าลึกลับ ระหว่างใช้สกิลนี้ฉันกับคู่ค้าจะอำพรางตัวจากอสูรที่ต่ำกว่าระดับของฉันได้ ระยะเวลาสามชั่วโมง ใช้ยี่สิบแต้ม...ฉันอยู่ระดับดีด็อก ส่วนสกิลที่สองจะเริ่มทันทีหลังสกิลแรกจบลง มันช่วยมองหาของที่ขายได้กับลูกค้าที่สมควรจะซื้อของที่มีน่ะ”
“ผมมีของที่ควรซื้อใช่ไหม”
อะ-เออะ!
รู้ได้ยังไง?
“มีจังหวะหนึ่งที่คุณหยุดตัวไม่ตามผมไป ผมเห็นว่าตาของคุณกำลังอ่านอะไรบางอย่างที่ตัวผมอยู่ ถูกไหมครับ?”
ถูกต้องที่สุดเลย!
“คุณเหมาะกับสินค้าของฉันชิ้นหนึ่งน่ะ...เพราะงั้นก็เลยยอมตามมาน่ะ”
“…”
“เอ่อ...แล้วคุณคิดว่าเราควรทำยังไงต่อกันละคะ?” โรสมองจากนั้นก็ว่าต่อเสียงเบาลง “พวกเราจะเอาบานเหล็กลงก่อนหรือว่าจะ...”
“บานเหล็กพวกนี้ช่างมันก่อน เราดึงมันมาในเวลาอันสั้นไม่ทันหรอกครับ ข้างนอกยังวุ่นวาย ถ้าคิดว่าดีก็ไปหลบในร้านสะดวกซื้อที่เดิมก่อน ยกชั้นแล้วจัดระเบียบใหม่...เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที”
ก็ตามนั้น!
ไว้จัดที่หลบภัยฉุกเฉินเสร็จแล้วเราค่อยมาทดสอบความสามารถต่อก็แล้วกัน ความจริงมันก็พอมีประโยชน์อยู่บ้าง ถ้าถึงคราวที่ต้องพักหลบแล้วล่ะก็ การเปิดพื้นที่การค้าน่าจะเป็นแผนที่ไม่เลวอยู่
โรสคิดจากนั้นก็รีบจัดการปรึกษากับไอแซ็คทันที...
แต่ยังอดสงสัยในใจไม่ได้ว่า [ปืนเลเซอร์ของวิศวกรลึกลับ ระดับ (S) ] นี่จะมีความสามารถอะไรกันแน่?
แต่ถ้าเกิดระบบบังคับขายราคาที่ตั้งไว้...คุณไอแซ็คจะมีปัญญาซื้อได้ไหมนะ?
ความคิดเห็น