คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11
ใครไม่อยากรอ สามารถซื้ออีบุ๊กอ่านตอนล่วงหน้าที่เหลือได้นะคะ 149 บาท!
ตอนที่ 11
ไอแซ็คไม่ได้ให้คำตอบทุกคนในตอนนี้ เขามีแผนแต่เหมือนแผนการที่ว่ายังต้องอาศัยการของบางอย่างซึ่งระบบวางไว้ในห้างเพื่อแก้ปัญหานี้ โรสคิดว่าอาจจะเป็นปืนประหลาดที่อีกฝ่ายใช้แต่เป็นขั้นสุดยอดระดับเอสก็ได้ แบบว่าถ้ายิงปืนนั่นไปที่เสาของห้าง
เอ่อ...มันก็อาจจะเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของคอนกรีตและเสาได้...เอ่อ...ทำแบบที่เขาทำกับประตูเหล็กหลังร้านอุปกรณ์การช่างอะไรทำนองนั้นน่ะ
ตอนนี้คนที่อาสาไปมีแค่เธอ ไอแซ็ค และลูเครเซียเท่านั้น
คุณเคเนดี้ เคน คาเรน ป้าหลุยเซียน่ากับลูน่าจะอยู่เฝ้าที่ฐานก่อน คนแก่สองคนเคลื่อนไหวไม่สะดวก คาเรนยังบอบช้ำทางจิตใจและไม่มีสติพอจะรับมือเหตุการณ์ร้ายแรงได้ ลูน่าเองก็ยังเด็กเกินไป ส่วนเคนต้องดูแลคนกลุ่มนี้ที่นี่ด้วยทักษะต่อสู้ระดับ B ที่อีกฝ่ายมี
แต่ถึงจะพูดว่าอยู่ฐานเฉย ๆ ก็คงไม่ใช่สักทีเดียว
คุณเคเนดี้กับเคนจะสำรวจอุโมงค์บังเกอร์ใต้ดินให้ ดูว่ามันเชื่อมไปยังจุดไหนของแผ่นที่ เพราะงั้นยังไงความคืบหน้าก็จะต้องเกิดขึ้นสักทางอยู่ดี
เธอคิดว่านี่เป็นแผนที่ไม่แย่เลย การสำรวจอุโมงค์ที่แคบไม่ควรไปกันเป็นกลุ่มใหญ่อยู่แล้ว คนเยอะก็เสียงเยอะ ถ้าเกิดอะไรไม่คาดฝันก็จะเสียหายหนัก
ดังนั้นพอวางแผนและจัดการเสร็จสรรพ ทุกคนก็กลับมารวมตัวที่ศูนย์อาหารข้างบนเหมือนเดิม ถึงต้องจะนอนอย่างหวาดผวาเจ้าต้นตอขอเสียงก็ตามทีเถอะ!
ดีที่บานเหล็กพวกนี้ปิดสนิททั้งหมด พอปิดหมดก็ไม่มีช่องว่างให้ตัวอะไรมองลอดผ่านมาได้ อีกอย่างกระจกและผนังกำแพงค่อนข้างหนาตามประสาสมัยตึกโบราณ ไม่เหมือนอาคารยุคหลังที่ใช้แผ่นไม้สำเร็จรูปหรือบล็อกอิฐจากพลาสติกชนิดพิเศษประกอบเข้าด้วยกันแทน
ทำให้เสียงข้างนอกไม่เล็ดลอดออกไป แสงก็เหมือนกัน แต่ถ้าปืนลั่นอันนี้ก็ไม่แน่นอน สัตว์ประหลาดจากซากศพมนุษย์มีประสาทสัมผัสอยู่บ้างแม้จะไม่เฉียบคมเท่าปกติร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คุณไอแซ็คก็ย้ำให้ทุกคนระมัดระวังไว้ก่อน
ช่วงแรกที่สภาพศพยังดีอวัยวะของมนุษย์ยังทำงานได้
ในระยะนี้ให้รอไปก่อน พอเข้าสู่ระยะหลังพวกตาและหูจะใช้งานไม่ได้ ในตอนนี้พวกมันจะกินลูกตาและอวัยวะบางส่วน ประสาทสัมผัสอย่างการมองเห็นจะหายไปและมีหนวดยุบยับโผล่ออกมาแทน
ถือว่าไม่น่ากลัวนักแต่ก็ยังต้องระวังอยู่ดี...
เฮ้อ! ฟังแบบนี้เธอก็ทำได้เพียงหลับตาลงแล้วภาวนาต่อระบบแล้ว ว่าขอให้ระบบช่วยเพิ่มค่าโชคให้สักหน่อย
ถ้าเกิดว่ามีสถานะแบบนั้นน่ะนะ...
“คุณไอแซ็คคะ...” เธอสะกิดอีกฝ่ายจากนั้นก็กระซิบเสียงเบาเรียกเขา
“…”
“หลับแล้วสินะคะ” เธอว่ากับตัวเองจากนั้นก็หลับตาลงหันตะแคงหลังให้อีกฝ่าย พรุ่งนี้ตอนเที่ยงต้องออกตัวจากฐานไปยังห้าง ยังไงก็ต้องนอนหลับเอาแรงให้มาก ไม่งั้นถ้าอ่อนเพลียคงไม่มีแรงถีบตัวหนีฝูงอสูรได้
แต่จะว่าไปสีหน้าของอีกฝ่ายตอนที่พาเธอออกมาจากประตูดาดฟ้าค่อนข้างจะดุเอาเรื่องเหมือนกัน เขาพาคนข้างล่างไปยังบังเกอร์ใต้ดินก่อนจะมาหาเธอ ในใจคงจะแบบว่า...เอ่อ...ไว้ใจและคิดเธอไม่น่าทำตัวเสี่ยงอันตรายประสาคนขี้กลัว
แต่ว่า...เธอก็ทำเรื่องโง่ ๆ แบบฉบับตัวละครสาวในหนังสยองขวัญจริง ๆ นั่นล่ะ ถึงจะไม่ได้ทะเล่อทะล่าออกไปโชว์ตัวซะเด่นหรา แต่ก็มีความเสี่ยงอยู่ดี
เธอเลยเข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะโกรธอยู่
“ครั้งหน้าคุณไม่ต้องใจกล้าก็ได้นะครับ อยู่เฉย ๆ แล้วรอผมกลับมาคงจะดีกว่า”
“…” โรสที่เปลือกตาปิดสนิทพลันลืมตื่นขึ้นมา
“ผมไม่ได้ตำหนิคุณนะ ผมกลัวว่าคุณจะถูกมันทำร้าย ตัวพวกนี้คาดเดาพฤติกรรมได้ยากว่ามันคิดจะทำอะไร เคลื่อนไหวยังไง การขยับตัว หรือว่าความคิด...” อีกฝ่ายหยุดพูดและดูเหมือนไม่อยากจะบ่นไปมากกว่านี้
เขาคงจะกลัวเธอเสียกำลังใจล่ะมั้ง
แต่เอาเถอะ “ฉันก็ระมัดระวังแล้วก็ไม่ได้คิดสร้างปัญหาหรือทำอะไรโง่ ๆ แต่ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้หัวคิดฉันก็ไม่ห้ามหรอก ฉันน่ะไม่ได้รู้ทุกอย่างเหมือนที่คุณรู้นี่คะ ไม่ได้มีระบบคอยบอก ฉันก็อยากรู้ว่ามันคือตัวอะไรถึงได้แอบไปส่องจากดาดฟ้า แต่ก็แค่แอบ ๆ ส่องนะคะ ไม่ได้โผล่ออกไปทั้งตัวแบบนั้น”
“…”
“ต่อไปคุณก็ปลุกกันสักหน่อย สะกิดฉันบ้าง ไม่อย่างงั้นตื่นมาคุณหายไปฉันก็ใจหายน่ะสิ”
“คุณตื่นเหรอครับ?” อีกฝ่ายถามกลับมา
“เพราะฉันได้ยินเสียงก็เลยตื่นน่ะ ใคร ๆ ก็ตื่นกันไม่ใช่เหรอคะ” เธอตอบไปตามจริงแต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะนิ่งงันด้วยความสงสัย
“...คราวหลังผมจะปลุกคุณก่อน ผมแค่กลัวคุณตกใจเกินเหตุไปหน่อย แล้วก็ไม่อยากให้คุณตามผมไปข้างนอกด้วย แต่พอคนข้างล่างตื่นผมเลยให้พวกเขามาหลบในบังเกอร์แทน เพราะกลัวว่าเด็ก ๆ จะร้องโวยวายสร้างเรื่องน่ะ”
อ้อ...เหรอ? โรสคิดและรู้สึกว่าอีกฝ่ายมักจะทำอะไรด้วยตัวเองก่อนทุกคนแน่ ๆ บางทีเขาอาจจะรู้อยู่แล้วแต่หนแรกเลยก็ได้
ไม่ก็มีระบบแจ้งเตือนภัยก่อนใครพวกเลย นี่ฟังดูสมเหตุสมผลมากที่เขารู้ว่ารอบ ๆ นี้มีพวกก้อนซากศพมนุษย์วนเวียนอยู่ตั้งสี่ตัวแหนะ!
“ค่ะ คราวหลังฉันเองก็จะไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามด้วย”
“อารมณ์ดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ”
“คุณล่ะ?”
“กลับสู่ภาวะปกติแล้ว”
ถ้างั้น...เธอก็สามารถนอนได้อย่างสงบใจแล้ว!
โรสไม่ได้คิดอะไรมาก เธอไม่พูดหรือสานต่อบทสนทนาแต่อย่างใด ทำเพียงหลับตาลงแล้วซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเหมือนก้อนไหม ผิดกับไอแซ็คที่เอาแต่คิดถึงคืนวันที่ได้นอนกอดคนข้าง ๆ อย่างเต็มไม้เต็มมืออยู่นานสองนาน
ณ เที่ยงของวันที่สี่
หลังจัดการตัวเองและเตรียมเสบียงกับน้ำใส่ไว้ในเป้เรียบร้อยแล้ว เธอ คุณไอแซ็ค ลูเครเซียก็ออกรถกระบะคันดำขับตรงไปสถานีที่ที่ห้างใต้ดินตั้งอยู่ ช่วงก่อนเที่ยงอสูรไม่เยอะนัก แค่พวกเราสามคนก็สามารถกำจัดอสูรลูกกระจ๊อกแถว ๆ ศูนย์อาหารไปมากพอสมควร ที่ซึ่งพอปลอดภัยแล้วก็หมุนล้อตรงไปยังห้างในเวลาเที่ยงตรงทันที
แล้วอสูรซากศพพวกนั้นล่ะ?
นี่เป็นคำถามที่น่าสงสัยกว่าอย่างอื่น พวกเราเจอเศษซากศพที่ถูกเผาเป็นก้อนเนื้อย่างเรียงรายมาแล้วหกตัว บริเวณต่าง ๆ มีร่องรอยของปลอกกระสุน และการต่อสู้เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
คุณไอแซ็คคิดแต่ก็ไม่ได้กังวลมากนัก ผู้รอดชีวิตทักษะสูงในเมืองนี้น่าจะมีอยู่มากกว่าพวกเรานับสิบกว่าคนได้ ในวันที่สี่เข้าวันที่ห้าผู้คนคงเริ่มเกาะกลุ่มและเอาตัวรอดกันเป็นก้อน ๆ แล้ว จะมีคนพยายามหนีไปเมืองข้างเคียงไม่ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรเลย
ถนนที่พวกเรามาก็คือถนนที่ไปเมืองฝั่งทะเลทราย และถ้าไม่ไปเมืองทะเลทรายก็สามารถแยกไปใช้ถนนชนบทอีกเส้นเพื่อหนีไปยังเมืองทางเหนือได้อีก
“รถจะไม่หายเหรอคะ” เธอรู้สึกไม่วางใจเท่าไหร่ ถ้ารถโดนขโมยไปขากลับเราจะกลับยังไงกัน?
“อย่างน้อยคนคนนั้นก็ต้องมีความสามารถลักสายไฟได้” คุณไอแซ็คไม่กังวลกับพาหนะสักนิด
“รถน้ำมันถึงจะล้าสมัย แต่รถน้ำมันรุ่นหลัง ๆ ใครจะลักสายไฟได้ง่าย ๆ กันเล่า?” ลูเครเซียอธิบายพลางมองมาที่เธอด้วยสายตาเหยียด ๆ อยู่บ้าง “จะทำอย่างนั้นก็คงจะเสียเวลาเปล่า ๆ ไม่สู้ปั่นจักรยานนั่นหนีไปไม่ดีกว่าเหรอไง”
ก็มีเหตุผล...
โรสพยักหน้ารับไม่ได้ตอบโต้กลับสักคำ ในมือกำขวานดับเพลิงเอาไว้แน่น จากนั้นก็เดินตามคุณไอแซ็คไปอย่างระมัดระวัง มุ่งตรงไปยังทางเข้าห้างส่วนหน้าที่กระจกแตกกระจายเป็นเศษ ๆ โดยที่ตัวห้างส่งกลิ่นเน่าเหม็นโชยออกมาเป็นระยะ ๆ
ในนี้ยิ่งลึกก็เริ่มมืดและอับแสงอย่างชัดเจน
พอไม่มีไฟฟ้าแล้วเครื่องปรับอากาศก็ดับสนิท อากาศข้างในเลยไม่ค่อยปลอดโปร่งนัก แถมยังเย็นเยือกอย่างน่าประหลาดอีกด้วย ส่วนร้านรวงข้างในที่กั้นด้วยกระจกทั้งหมดนั้น แน่นอนว่าแตกยับโดยไม่ต้องสงสัย
ห้างใต้ดินโดยรวมแล้วมีขนาดไม่ใหญ่สู้ห้างหรู อีกทั้งยังเป็นห้างเก่าสร้างเป็นร้อยปีแล้ว ขนาดเลยไม่ได้ใหญ่โตสู้ห้างหรูในปัจจุบัน ที่นี่มีความสูงสามชั้นโดยที่ชั้นสองจะมีขนาดใหญ่กว่าชั้นอื่น ๆ เพราะมีสถานีรถไฟเชื่อมต่อกัน
ชั้นหนึ่งอยู่บนสุด เป็นที่ตั้งของร้านอาหารและมาร์เก็ตสินค้าในเครือของห้างโดยเฉพาะ ข้างหน้าเป็นร้านเครื่องดื่มเจ้าดังติดกันกับร้านอาหารน้อยใหญ่ที่มักจะจัดให้เข้าธีมกันทุกเดือน ในส่วนนี้อาจมีร้านค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ แซมอยู่ด้วยเช่นร้านขนมและร้านขายอุปกรณ์เครื่องครัว
โรสชินกับผังในชั้นนี้มาก มันมีโซนที่ว่างช่วงกลางให้ตั้งเวทีและออกบูทประชาสัมพันธ์สินค้าอยู่ทุกอาทิตย์ เธอเคยมาแจกตัวอย่างสินค้าทดลองของบริษัทอยู่ช่วงหนึ่ง จำทางออกทางเข้าฉุกเฉิน ห้องน้ำคนเดินห้าง หรือแม้กระทั่งทางเดินเฉพาะของเจ้าหน้าที่และห้องพักพนักงานห้างได้เป็นอย่างดี
ชั้นสองอยู่ตรงกลางเป็นโซนที่ใหญ่มาก เน้นให้คนเดินวนไปวนมากับร้านค้ามากมายที่แออัดกัน มีร้านหนังสือและร้านขายเครื่องเขียนอยู่อีกแถบหนึ่ง ร้านเสื้อผ้าบุรุษ สตรี และเด็กอ่อนก็เป็นอีกโซนหนึ่ง ไปทางฝั่งซ้ายคือทางเดินไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่จะมีคาเฟ่และร้านสะดวกซื้อขนาดกะทัดรัดตั้งดักอยู่ ฝั่งขวาจะเป็นร้านเครื่องสำอางและร้านขายยา นอกนั้นก็เป็นแผงร้านค้าเล็ก ๆ ที่จัดเป็นซุ้มตามจุดที่ว่าง
ส่วนชั้นสามขายอะไร?
ชั้นสามจะเป็นฮอลจัดแสดงไว้ให้คนมาเช่าหรือจัดงานนิทรรศการน่ะ เป็นจุดที่ห้างใช้เรียกลูกค้าให้มาเดินและถือโอกาสร่วมมือกับศิลปินให้มาดังจัดแสดงผลงาน หรือไม่ก็ไว้จัดกิจกรรมส่งเสริมนโยบายของเมืองนี้ แต่ก่อนมีการตั้งแต่นิทรรศการรูปถ่ายหรืองานศิลปะ งานนิทรรศการเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ กระทั่งงานโชว์สินค้าประจำปีอย่างรถหรูก็ยังอุตส่าห์ขนลงมาได้เชียว
พูดถึงเรื่องรถแล้ว...ที่นี่มีที่จอดรถใต้ดินขนาดใหญ่สามชั้น เชื่อมกับห้างสามชั้นโดยเฉพาะ ใครอยากแวะชั้นไหนก็จอดชั้นนั้นนั่นล่ะ ถึงเรียกได้ว่าครบครั้นสมกับเป็นห้างยุคบุกเบิกในอดีตเลยทีเดียว!
“อย่าเพิ่งไปที่ทางขึ้นลงชั้นสอง” คุณไอแซ็คย้ำอีกหน แต่เหมือนจะย้ำไม่ให้ลูเครเซียแตกแถวออกไปลุยเดี่ยวมากกว่า ถึงการที่อีกฝ่ายมาที่นี่ก็เป็นเพราะเป้าหมายในการตามหายาไปให้ยายกับน้องสาวโดยเฉพาะก็เถอะ
ยาโรคเบาหวานหรืออินซูลินมีจำหน่ายแน่นอน ยาต้านเอดส์ก็เช่นเดียวกัน ร้านยาส่วนใหญ่สามารถจ่ายยาแทนโรงพยาบาลได้ตามกฎหมาย ร้านยาในห้างเองก็เช่นเดียวกัน ถึงเธอจะไม่แน่ใจเรื่องข้อกฎหมายก็เถอะนะว่าทำไมมีร้านขายยากึ่ง ๆ คลินิกในห้างได้
“พวกมันออกมาเป็นเวลาไม่ใช่เหรอ ก็คุณบอกแบบนั้นนี่”
“คุณคิดว่าตลอดทางมีพวกมันกี่ตัวถูกกำจัดไปกี่ตัวกันล่ะครับ ตอนนี้ผ่านมาสามสิบนาทีแต่ไม่มีพวกตัวประหลาดโผล่ออกมาเลย ไม่ใช่ว่านี่คือเรื่องผิดปกติอย่างงั้นเหรอ เพราะงั้นผมถึงอยากให้ระมัดระวังเป็นพิเศษยังไงล่ะครับ”
“ถ้างั้นต้องฉวยโอกาสตอนนี้น่ะสิ” ลูเครเซียไม่ได้สนใจคำเตือนนัก “ฉันรู้ทางไม่ต้องห่วง พวกคุณสองคนผัวเมียไปทำไอ้ภารกิจระเบิดตึกอะไรนี่เถอะ ถ้าทำได้น่ะนะ”
สาวพังก์ร็อกว่าจบก็แยกตัวออกไปทันที
แต่ดูเหมือนคุณไอแซ็คจะไม่ได้ห้ามหรือใส่ใจอะไรมากนัก คล้ายกับว่าอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่าแม่สาวคนนี้แค่อาศัยติดรถและหาคนช่วยฝ่ามาที่ห้างเท่านั้น ความจริงสาวเจ้าจะเสี่ยงออกไปหาร้านขายยาสองร้านใหญ่ในถนนเส้นเดียวกับศูนย์อาหารก็ได้
แต่เพราะไม่มีใครไปด้วยก็เลยต้องมาอาศัยพวกเรานี่ล่ะ
ถ้าโรสคิดไม่ผิด...มันก็คงจะเป็นแบบนั้น...ใช่ไหมนะ?
“ไม่ห้ามจะดีเหรอคะ”
“ก็เราย้ำกันตั้งแต่ก่อนจะออกมาและหลังออกมา จนถึงตอนนี้ก็ห้ามแล้ว ถ้าเป็นอะไรไปก็ควรปล่อยครับ มีน้ำใจกับคนหัวรั้นไม่คุ้มค่าให้เสี่ยงหรอก”
“คุณพูดเหมือนรู้เลยว่าลูเครเซียจะตาย” เธอว่าจากนั้นก็คิดว่าจะสำรวจชั้นหนึ่งเพื่อค้นหาทรัพยากรมาเติมเต็มช่องมิติก่อน โซนมาร์เก็ตน่าจะยังมีอาหารเหลืออยู่บ้าง ต่อให้จะมีอยู่น้อยนิดก็ไม่เป็นไร
แต่...พอเธอเห็นสีหน้านิ่งงันไร้อารมณ์ของไอแซ็คแล้ว ลางสังหรณ์ประหลาดก็แล่นขึ้นเหมือนกระแสไฟฟ้าพุ่งผ่านขดลวดทองแดงยังไงยังงั้นเลย!
หรือว่าคุณไอแซ็คมาจากอนาคต?
ไม่ก็...มีทักษะเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้ารึเปล่านะ?
ความคิดเห็น