NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [จบเล่ม4/5] ฉันมีปาร์ตี้ระดับ S ในวันสิ้นโลก *ฮาเร็ม* [มี e-book]

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11

    • อัปเดตล่าสุด 4 ส.ค. 67


    ใครไม่อยากรอ สามารถซื้ออีบุ๊กอ่านตอนล่วงหน้าที่เหลือได้นะคะ 149 บาท!

    https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTkyMDU4OSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjMxMDQ1NSI7fQ


     

    ตอนที่ 11

     

    ไอแซ็คไม่ได้ให้คำตอบทุกคนในตอนนี้ เขามีแผนแต่เหมือนแผนการที่ว่ายังต้องอาศัยการของบางอย่างซึ่งระบบวางไว้ในห้างเพื่อแก้ปัญหานี้ โรสคิดว่าอาจจะเป็นปืนประหลาดที่อีกฝ่ายใช้แต่เป็นขั้นสุดยอดระดับเอสก็ได้ แบบว่าถ้ายิงปืนนั่นไปที่เสาของห้าง

    เอ่อ...มันก็อาจจะเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของคอนกรีตและเสาได้...เอ่อ...ทำแบบที่เขาทำกับประตูเหล็กหลังร้านอุปกรณ์การช่างอะไรทำนองนั้นน่ะ

    ตอนนี้คนที่อาสาไปมีแค่เธอ ไอแซ็ค และลูเครเซียเท่านั้น

    คุณเคเนดี้ เคน คาเรน ป้าหลุยเซียน่ากับลูน่าจะอยู่เฝ้าที่ฐานก่อน คนแก่สองคนเคลื่อนไหวไม่สะดวก คาเรนยังบอบช้ำทางจิตใจและไม่มีสติพอจะรับมือเหตุการณ์ร้ายแรงได้ ลูน่าเองก็ยังเด็กเกินไป ส่วนเคนต้องดูแลคนกลุ่มนี้ที่นี่ด้วยทักษะต่อสู้ระดับ B ที่อีกฝ่ายมี

    แต่ถึงจะพูดว่าอยู่ฐานเฉย ๆ ก็คงไม่ใช่สักทีเดียว

    คุณเคเนดี้กับเคนจะสำรวจอุโมงค์บังเกอร์ใต้ดินให้ ดูว่ามันเชื่อมไปยังจุดไหนของแผ่นที่ เพราะงั้นยังไงความคืบหน้าก็จะต้องเกิดขึ้นสักทางอยู่ดี

    เธอคิดว่านี่เป็นแผนที่ไม่แย่เลย การสำรวจอุโมงค์ที่แคบไม่ควรไปกันเป็นกลุ่มใหญ่อยู่แล้ว คนเยอะก็เสียงเยอะ ถ้าเกิดอะไรไม่คาดฝันก็จะเสียหายหนัก

    ดังนั้นพอวางแผนและจัดการเสร็จสรรพ ทุกคนก็กลับมารวมตัวที่ศูนย์อาหารข้างบนเหมือนเดิม ถึงต้องจะนอนอย่างหวาดผวาเจ้าต้นตอขอเสียงก็ตามทีเถอะ!

    ดีที่บานเหล็กพวกนี้ปิดสนิททั้งหมด พอปิดหมดก็ไม่มีช่องว่างให้ตัวอะไรมองลอดผ่านมาได้ อีกอย่างกระจกและผนังกำแพงค่อนข้างหนาตามประสาสมัยตึกโบราณ ไม่เหมือนอาคารยุคหลังที่ใช้แผ่นไม้สำเร็จรูปหรือบล็อกอิฐจากพลาสติกชนิดพิเศษประกอบเข้าด้วยกันแทน

    ทำให้เสียงข้างนอกไม่เล็ดลอดออกไป แสงก็เหมือนกัน แต่ถ้าปืนลั่นอันนี้ก็ไม่แน่นอน สัตว์ประหลาดจากซากศพมนุษย์มีประสาทสัมผัสอยู่บ้างแม้จะไม่เฉียบคมเท่าปกติร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คุณไอแซ็คก็ย้ำให้ทุกคนระมัดระวังไว้ก่อน

    ช่วงแรกที่สภาพศพยังดีอวัยวะของมนุษย์ยังทำงานได้

    ในระยะนี้ให้รอไปก่อน พอเข้าสู่ระยะหลังพวกตาและหูจะใช้งานไม่ได้ ในตอนนี้พวกมันจะกินลูกตาและอวัยวะบางส่วน ประสาทสัมผัสอย่างการมองเห็นจะหายไปและมีหนวดยุบยับโผล่ออกมาแทน

    ถือว่าไม่น่ากลัวนักแต่ก็ยังต้องระวังอยู่ดี...

    เฮ้อ! ฟังแบบนี้เธอก็ทำได้เพียงหลับตาลงแล้วภาวนาต่อระบบแล้ว ว่าขอให้ระบบช่วยเพิ่มค่าโชคให้สักหน่อย

    ถ้าเกิดว่ามีสถานะแบบนั้นน่ะนะ...

    “คุณไอแซ็คคะ...” เธอสะกิดอีกฝ่ายจากนั้นก็กระซิบเสียงเบาเรียกเขา

    “…”

    “หลับแล้วสินะคะ” เธอว่ากับตัวเองจากนั้นก็หลับตาลงหันตะแคงหลังให้อีกฝ่าย พรุ่งนี้ตอนเที่ยงต้องออกตัวจากฐานไปยังห้าง ยังไงก็ต้องนอนหลับเอาแรงให้มาก ไม่งั้นถ้าอ่อนเพลียคงไม่มีแรงถีบตัวหนีฝูงอสูรได้

    แต่จะว่าไปสีหน้าของอีกฝ่ายตอนที่พาเธอออกมาจากประตูดาดฟ้าค่อนข้างจะดุเอาเรื่องเหมือนกัน เขาพาคนข้างล่างไปยังบังเกอร์ใต้ดินก่อนจะมาหาเธอ ในใจคงจะแบบว่า...เอ่อ...ไว้ใจและคิดเธอไม่น่าทำตัวเสี่ยงอันตรายประสาคนขี้กลัว

    แต่ว่า...เธอก็ทำเรื่องโง่ ๆ แบบฉบับตัวละครสาวในหนังสยองขวัญจริง ๆ นั่นล่ะ ถึงจะไม่ได้ทะเล่อทะล่าออกไปโชว์ตัวซะเด่นหรา แต่ก็มีความเสี่ยงอยู่ดี

    เธอเลยเข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะโกรธอยู่

    “ครั้งหน้าคุณไม่ต้องใจกล้าก็ได้นะครับ อยู่เฉย ๆ แล้วรอผมกลับมาคงจะดีกว่า”

    “…” โรสที่เปลือกตาปิดสนิทพลันลืมตื่นขึ้นมา

    “ผมไม่ได้ตำหนิคุณนะ ผมกลัวว่าคุณจะถูกมันทำร้าย ตัวพวกนี้คาดเดาพฤติกรรมได้ยากว่ามันคิดจะทำอะไร เคลื่อนไหวยังไง การขยับตัว หรือว่าความคิด...” อีกฝ่ายหยุดพูดและดูเหมือนไม่อยากจะบ่นไปมากกว่านี้

    เขาคงจะกลัวเธอเสียกำลังใจล่ะมั้ง

    แต่เอาเถอะ “ฉันก็ระมัดระวังแล้วก็ไม่ได้คิดสร้างปัญหาหรือทำอะไรโง่ ๆ แต่ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้หัวคิดฉันก็ไม่ห้ามหรอก ฉันน่ะไม่ได้รู้ทุกอย่างเหมือนที่คุณรู้นี่คะ ไม่ได้มีระบบคอยบอก ฉันก็อยากรู้ว่ามันคือตัวอะไรถึงได้แอบไปส่องจากดาดฟ้า แต่ก็แค่แอบ ๆ ส่องนะคะ ไม่ได้โผล่ออกไปทั้งตัวแบบนั้น”

    “…”

    “ต่อไปคุณก็ปลุกกันสักหน่อย สะกิดฉันบ้าง ไม่อย่างงั้นตื่นมาคุณหายไปฉันก็ใจหายน่ะสิ”

    “คุณตื่นเหรอครับ?” อีกฝ่ายถามกลับมา

    “เพราะฉันได้ยินเสียงก็เลยตื่นน่ะ ใคร ๆ ก็ตื่นกันไม่ใช่เหรอคะ” เธอตอบไปตามจริงแต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะนิ่งงันด้วยความสงสัย

    “...คราวหลังผมจะปลุกคุณก่อน ผมแค่กลัวคุณตกใจเกินเหตุไปหน่อย แล้วก็ไม่อยากให้คุณตามผมไปข้างนอกด้วย แต่พอคนข้างล่างตื่นผมเลยให้พวกเขามาหลบในบังเกอร์แทน เพราะกลัวว่าเด็ก ๆ จะร้องโวยวายสร้างเรื่องน่ะ”

    อ้อ...เหรอ? โรสคิดและรู้สึกว่าอีกฝ่ายมักจะทำอะไรด้วยตัวเองก่อนทุกคนแน่ ๆ บางทีเขาอาจจะรู้อยู่แล้วแต่หนแรกเลยก็ได้

    ไม่ก็มีระบบแจ้งเตือนภัยก่อนใครพวกเลย นี่ฟังดูสมเหตุสมผลมากที่เขารู้ว่ารอบ ๆ นี้มีพวกก้อนซากศพมนุษย์วนเวียนอยู่ตั้งสี่ตัวแหนะ!

    “ค่ะ คราวหลังฉันเองก็จะไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามด้วย”

    “อารมณ์ดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ”

    “คุณล่ะ?”

    “กลับสู่ภาวะปกติแล้ว”

    ถ้างั้น...เธอก็สามารถนอนได้อย่างสงบใจแล้ว!

    โรสไม่ได้คิดอะไรมาก เธอไม่พูดหรือสานต่อบทสนทนาแต่อย่างใด ทำเพียงหลับตาลงแล้วซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเหมือนก้อนไหม ผิดกับไอแซ็คที่เอาแต่คิดถึงคืนวันที่ได้นอนกอดคนข้าง ๆ อย่างเต็มไม้เต็มมืออยู่นานสองนาน

     

    ณ เที่ยงของวันที่สี่

    หลังจัดการตัวเองและเตรียมเสบียงกับน้ำใส่ไว้ในเป้เรียบร้อยแล้ว เธอ คุณไอแซ็ค ลูเครเซียก็ออกรถกระบะคันดำขับตรงไปสถานีที่ที่ห้างใต้ดินตั้งอยู่ ช่วงก่อนเที่ยงอสูรไม่เยอะนัก แค่พวกเราสามคนก็สามารถกำจัดอสูรลูกกระจ๊อกแถว ๆ ศูนย์อาหารไปมากพอสมควร ที่ซึ่งพอปลอดภัยแล้วก็หมุนล้อตรงไปยังห้างในเวลาเที่ยงตรงทันที

    แล้วอสูรซากศพพวกนั้นล่ะ?

    นี่เป็นคำถามที่น่าสงสัยกว่าอย่างอื่น พวกเราเจอเศษซากศพที่ถูกเผาเป็นก้อนเนื้อย่างเรียงรายมาแล้วหกตัว บริเวณต่าง ๆ มีร่องรอยของปลอกกระสุน และการต่อสู้เกิดขึ้นอย่างชัดเจน

    คุณไอแซ็คคิดแต่ก็ไม่ได้กังวลมากนัก ผู้รอดชีวิตทักษะสูงในเมืองนี้น่าจะมีอยู่มากกว่าพวกเรานับสิบกว่าคนได้ ในวันที่สี่เข้าวันที่ห้าผู้คนคงเริ่มเกาะกลุ่มและเอาตัวรอดกันเป็นก้อน ๆ แล้ว จะมีคนพยายามหนีไปเมืองข้างเคียงไม่ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรเลย

    ถนนที่พวกเรามาก็คือถนนที่ไปเมืองฝั่งทะเลทราย และถ้าไม่ไปเมืองทะเลทรายก็สามารถแยกไปใช้ถนนชนบทอีกเส้นเพื่อหนีไปยังเมืองทางเหนือได้อีก

    “รถจะไม่หายเหรอคะ” เธอรู้สึกไม่วางใจเท่าไหร่ ถ้ารถโดนขโมยไปขากลับเราจะกลับยังไงกัน?

    “อย่างน้อยคนคนนั้นก็ต้องมีความสามารถลักสายไฟได้” คุณไอแซ็คไม่กังวลกับพาหนะสักนิด

    “รถน้ำมันถึงจะล้าสมัย แต่รถน้ำมันรุ่นหลัง ๆ ใครจะลักสายไฟได้ง่าย ๆ กันเล่า?” ลูเครเซียอธิบายพลางมองมาที่เธอด้วยสายตาเหยียด ๆ อยู่บ้าง “จะทำอย่างนั้นก็คงจะเสียเวลาเปล่า ๆ ไม่สู้ปั่นจักรยานนั่นหนีไปไม่ดีกว่าเหรอไง”

    ก็มีเหตุผล...

    โรสพยักหน้ารับไม่ได้ตอบโต้กลับสักคำ ในมือกำขวานดับเพลิงเอาไว้แน่น จากนั้นก็เดินตามคุณไอแซ็คไปอย่างระมัดระวัง มุ่งตรงไปยังทางเข้าห้างส่วนหน้าที่กระจกแตกกระจายเป็นเศษ ๆ โดยที่ตัวห้างส่งกลิ่นเน่าเหม็นโชยออกมาเป็นระยะ ๆ

    ในนี้ยิ่งลึกก็เริ่มมืดและอับแสงอย่างชัดเจน

    พอไม่มีไฟฟ้าแล้วเครื่องปรับอากาศก็ดับสนิท อากาศข้างในเลยไม่ค่อยปลอดโปร่งนัก แถมยังเย็นเยือกอย่างน่าประหลาดอีกด้วย ส่วนร้านรวงข้างในที่กั้นด้วยกระจกทั้งหมดนั้น แน่นอนว่าแตกยับโดยไม่ต้องสงสัย

    ห้างใต้ดินโดยรวมแล้วมีขนาดไม่ใหญ่สู้ห้างหรู อีกทั้งยังเป็นห้างเก่าสร้างเป็นร้อยปีแล้ว ขนาดเลยไม่ได้ใหญ่โตสู้ห้างหรูในปัจจุบัน ที่นี่มีความสูงสามชั้นโดยที่ชั้นสองจะมีขนาดใหญ่กว่าชั้นอื่น ๆ เพราะมีสถานีรถไฟเชื่อมต่อกัน

    ชั้นหนึ่งอยู่บนสุด เป็นที่ตั้งของร้านอาหารและมาร์เก็ตสินค้าในเครือของห้างโดยเฉพาะ ข้างหน้าเป็นร้านเครื่องดื่มเจ้าดังติดกันกับร้านอาหารน้อยใหญ่ที่มักจะจัดให้เข้าธีมกันทุกเดือน ในส่วนนี้อาจมีร้านค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ แซมอยู่ด้วยเช่นร้านขนมและร้านขายอุปกรณ์เครื่องครัว

    โรสชินกับผังในชั้นนี้มาก มันมีโซนที่ว่างช่วงกลางให้ตั้งเวทีและออกบูทประชาสัมพันธ์สินค้าอยู่ทุกอาทิตย์ เธอเคยมาแจกตัวอย่างสินค้าทดลองของบริษัทอยู่ช่วงหนึ่ง จำทางออกทางเข้าฉุกเฉิน ห้องน้ำคนเดินห้าง หรือแม้กระทั่งทางเดินเฉพาะของเจ้าหน้าที่และห้องพักพนักงานห้างได้เป็นอย่างดี

    ชั้นสองอยู่ตรงกลางเป็นโซนที่ใหญ่มาก เน้นให้คนเดินวนไปวนมากับร้านค้ามากมายที่แออัดกัน มีร้านหนังสือและร้านขายเครื่องเขียนอยู่อีกแถบหนึ่ง ร้านเสื้อผ้าบุรุษ สตรี และเด็กอ่อนก็เป็นอีกโซนหนึ่ง ไปทางฝั่งซ้ายคือทางเดินไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่จะมีคาเฟ่และร้านสะดวกซื้อขนาดกะทัดรัดตั้งดักอยู่ ฝั่งขวาจะเป็นร้านเครื่องสำอางและร้านขายยา นอกนั้นก็เป็นแผงร้านค้าเล็ก ๆ ที่จัดเป็นซุ้มตามจุดที่ว่าง

    ส่วนชั้นสามขายอะไร?

    ชั้นสามจะเป็นฮอลจัดแสดงไว้ให้คนมาเช่าหรือจัดงานนิทรรศการน่ะ เป็นจุดที่ห้างใช้เรียกลูกค้าให้มาเดินและถือโอกาสร่วมมือกับศิลปินให้มาดังจัดแสดงผลงาน หรือไม่ก็ไว้จัดกิจกรรมส่งเสริมนโยบายของเมืองนี้ แต่ก่อนมีการตั้งแต่นิทรรศการรูปถ่ายหรืองานศิลปะ งานนิทรรศการเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ กระทั่งงานโชว์สินค้าประจำปีอย่างรถหรูก็ยังอุตส่าห์ขนลงมาได้เชียว

    พูดถึงเรื่องรถแล้ว...ที่นี่มีที่จอดรถใต้ดินขนาดใหญ่สามชั้น เชื่อมกับห้างสามชั้นโดยเฉพาะ ใครอยากแวะชั้นไหนก็จอดชั้นนั้นนั่นล่ะ ถึงเรียกได้ว่าครบครั้นสมกับเป็นห้างยุคบุกเบิกในอดีตเลยทีเดียว!

    “อย่าเพิ่งไปที่ทางขึ้นลงชั้นสอง” คุณไอแซ็คย้ำอีกหน แต่เหมือนจะย้ำไม่ให้ลูเครเซียแตกแถวออกไปลุยเดี่ยวมากกว่า ถึงการที่อีกฝ่ายมาที่นี่ก็เป็นเพราะเป้าหมายในการตามหายาไปให้ยายกับน้องสาวโดยเฉพาะก็เถอะ

    ยาโรคเบาหวานหรืออินซูลินมีจำหน่ายแน่นอน ยาต้านเอดส์ก็เช่นเดียวกัน ร้านยาส่วนใหญ่สามารถจ่ายยาแทนโรงพยาบาลได้ตามกฎหมาย ร้านยาในห้างเองก็เช่นเดียวกัน ถึงเธอจะไม่แน่ใจเรื่องข้อกฎหมายก็เถอะนะว่าทำไมมีร้านขายยากึ่ง ๆ คลินิกในห้างได้

    “พวกมันออกมาเป็นเวลาไม่ใช่เหรอ ก็คุณบอกแบบนั้นนี่”

    “คุณคิดว่าตลอดทางมีพวกมันกี่ตัวถูกกำจัดไปกี่ตัวกันล่ะครับ ตอนนี้ผ่านมาสามสิบนาทีแต่ไม่มีพวกตัวประหลาดโผล่ออกมาเลย ไม่ใช่ว่านี่คือเรื่องผิดปกติอย่างงั้นเหรอ เพราะงั้นผมถึงอยากให้ระมัดระวังเป็นพิเศษยังไงล่ะครับ”

    “ถ้างั้นต้องฉวยโอกาสตอนนี้น่ะสิ” ลูเครเซียไม่ได้สนใจคำเตือนนัก “ฉันรู้ทางไม่ต้องห่วง พวกคุณสองคนผัวเมียไปทำไอ้ภารกิจระเบิดตึกอะไรนี่เถอะ ถ้าทำได้น่ะนะ”

    สาวพังก์ร็อกว่าจบก็แยกตัวออกไปทันที

    แต่ดูเหมือนคุณไอแซ็คจะไม่ได้ห้ามหรือใส่ใจอะไรมากนัก คล้ายกับว่าอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่าแม่สาวคนนี้แค่อาศัยติดรถและหาคนช่วยฝ่ามาที่ห้างเท่านั้น ความจริงสาวเจ้าจะเสี่ยงออกไปหาร้านขายยาสองร้านใหญ่ในถนนเส้นเดียวกับศูนย์อาหารก็ได้

    แต่เพราะไม่มีใครไปด้วยก็เลยต้องมาอาศัยพวกเรานี่ล่ะ

    ถ้าโรสคิดไม่ผิด...มันก็คงจะเป็นแบบนั้น...ใช่ไหมนะ?

    “ไม่ห้ามจะดีเหรอคะ”

    “ก็เราย้ำกันตั้งแต่ก่อนจะออกมาและหลังออกมา จนถึงตอนนี้ก็ห้ามแล้ว ถ้าเป็นอะไรไปก็ควรปล่อยครับ มีน้ำใจกับคนหัวรั้นไม่คุ้มค่าให้เสี่ยงหรอก”

    “คุณพูดเหมือนรู้เลยว่าลูเครเซียจะตาย” เธอว่าจากนั้นก็คิดว่าจะสำรวจชั้นหนึ่งเพื่อค้นหาทรัพยากรมาเติมเต็มช่องมิติก่อน โซนมาร์เก็ตน่าจะยังมีอาหารเหลืออยู่บ้าง ต่อให้จะมีอยู่น้อยนิดก็ไม่เป็นไร

    แต่...พอเธอเห็นสีหน้านิ่งงันไร้อารมณ์ของไอแซ็คแล้ว ลางสังหรณ์ประหลาดก็แล่นขึ้นเหมือนกระแสไฟฟ้าพุ่งผ่านขดลวดทองแดงยังไงยังงั้นเลย!

    หรือว่าคุณไอแซ็คมาจากอนาคต?

    ไม่ก็...มีทักษะเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้ารึเปล่านะ?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×