คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 10
ใครไม่อยากรอ สามารถซื้ออีบุ๊กอ่านตอนล่วงหน้าได้นะคะ 149 บาท!
ตอนที่ 10
โรสตัดสินใจซื้อของที่มีประโยชน์เท่าที่ตัวเองจะตัดสินใจได้ในเวลาอันสั้นมาสามชิ้นด้วยกัน โดยที่แค่กวาดสายตาดูคำอธิบายผ่าน ๆ จากนั้นก็ถ้าเธอคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์และคุ้มกับราคามากที่สุด เธอก็ซื้อมันโดยไม่ลังเลสักนิด
[รายการสินค้าที่ซื้อสำเร็จ]
[ (1) : แว่นตาอัจฉริยะรุ่นที่สิบสอง 1 ชิ้น | ระดับ D | 3,000 ดวงดาว]
[ (2) : ชุดของคนงานก่อสร้างสถานีอวกาศ X0-113 1 ชิ้น | ระดับ C | 2,500 ดวงดาว]
[ (3) : ปืนยิงลำแสงตัดวัตถุ 1 ชิ้น | ระดับ C | 7,000 ดวงดาว]
ทำไมถึงเลือกของพวกนี้?
โรสรู้สึกว่าคำอธิบายมันค่อนข้างสมเหตุสมผลอยู่บ้าง แว่นตาอัจฉริยะไว้มองในที่มืดกับเอาไว้ใช้ส่องรังสีหรือแก๊สอันตราย อันนี้มีประโยชน์อยู่แล้ว ยังไงก็ได้ใช้แน่นอนถ้าเกิดต้องเดินทางตอนกลางคืนหรือว่าอยู่ในที่ที่มืด หรือต้องค้นของในอาคารที่ไม่มีแสงไฟ แว่นนี้คุ้มสุด ๆ แล้ว!
ส่วนชุดของคนงานก่อสร้างสถานีอวกาศนั่น ถึงไม่รู้ว่ามีประโยชน์ยังไงกันแน่ แต่คำโฆษณาของมันก็คือชุดที่ออกแบบมาเพื่อรักษาอุณหภูมิของร่างกายโดยเฉพาะ ป้องกันอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุในไซต์งาน
อันนี้ฟังดูดีมาก!
แถมดีไซน์มันก็เหมือนกับชุดบอดี้สูทบาง ๆ อีกด้วย!
สุดท้ายก็เป็นปืนยิงลำแสงตัดวัตถุ นี่น่าจะต้องมีประโยชน์มากต่อการงัดแงะหรือว่าใช้หลบหนีในที่ที่เป็นทางตัน โรสคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนมีแรงเยอะพอจะใช้ชะแลงงัดประตูหรือเอาขวานทุบหัวลูกบิดได้เหมือนคุณไอแซ็ค ถ้ามีอะไรก็ใช้มันตัดคงจะเข้าท่าสุด!
รวมแล้วทั้งหมดเธอมีเงินเหลือแต่ 1,900 ดวงดาวเท่านั้น
ใช้เงินเกินตัวมาก แต่เพราะรู้ว่าจะไม่มีโอกาสใช้งานได้บ่อยก็เลยต้องตัดสินใจซื้อไปให้หมดนั่นล่ะ อีกอย่างคือพวกของราคาแพงระดับ B ขึ้นไปก็คือหลักหมื่นถึงแสนต้น ๆ เชียว ส่วนของราคาระดับ A ก็คือล้าน แน่นอนว่าระดับ S คือล้านขึ้น!
เพราะงั้นของหลักพันและหลักหมื่นต้น ๆ ก็มีแค่พวกของระดับ C และ D ส่วนพวกของระดับ E และ F จะเหมือนวัตถุดิบหรือวัสดุให้ไปสร้างเป็นชิ้นงานขึ้นมามากกว่าจะเป็นของสำเร็จรูป ราคาก็หลักร้อยนิด ๆ ถึงพันเท่านั้นเอง
ติ๊ง! ของที่สั่งถูกหนวดยาว ๆ โยนจากช่องมิติรูปวงรีมายังกลางเตียง
คราวนี้โรสตื่นเต้นอยู่บ้าง
แต่...ฮืม?
[ทักษะพิเศษที่ได้รับ 2 ทักษะ]
[ทักษะพิเศษ (1) : มิติเก็บของพิเศษ พื้นที่ 20 ตารางเมตร | ระดับต่ำกว่า < F]
[ทักษะพิเศษ (2) : ฝีเท้าเบาราวกับแมว | ระดับ C]
อ่า...เป็นทักษะที่ไม่แย่นะ!
โรสพึงพอใจและยิ่งพึงพอใจกับทักษะมิติลึกลับที่ได้มา มันฟังดูแล้วน่าจะเป็นทักษะที่ดีสำหรับการเก็บสะสมเสบียง แถมขนาดที่ให้มาก็ประมาณอพาร์ตเมนต์ขนาดกลาง ๆ ที่อยู่ในย่านใจกลางเมืองด้วยซ้ำ
“นี่คือของที่คุณสั่งมาเหรอ” ไอแซ็คถามจากนั้นก็มองดูเธอหยิบจับของหน้าตาประหลาดดู
“ค่ะ” เธอว่ารับจากนั้นก็งุนงงอยู่บ้าง “ฉันว่าน่าจะใช้กับสถานการณ์ในช่วงแรกได้ พอสะสมเงินได้มากพอก็จะซื้อของดี ๆ มา ของพวกมันราคาสูงมากเลย แต่ปืนที่ยังขายไม่ออกนี่ยังไงก็แพงสุดในบรรดาของที่เห็นราคาด้วยนะคะ”
“…”
“ว่าแต่คุณเห็น...ไอนี่ไหมคะ?” โรสถามถึงหน้าต่าง [ระบบ: มิติเก็บของพิเศษ] ที่เด้งขึ้นมา หน้าของมันเหมือนโปรแกรมจำลองห้องสามมิติที่สมจริงเป็นอย่างมาก ตอนนี้มันยังเป็นห้องกลวง ๆ อยู่ แต่ในอนาคตน่าจะเอาของย้ายเข้าไปเก็บได้ ถึงจะไม่รู้ว่ามันเติมของเข้ายังไงแต่ไว้ค่อยลองก็แล้วกัน
“ผมไม่เห็นหน้าต่างอะไรเลย”
“เสียดายจัง...ฉันได้มิติเก็บของมาน่ะ คำอธิบายบอกว่าไว้ใช้สิ่งของอะไรก็ได้ลงไป พื้นที่ยี่สิบตารางเมตร เหมือนห้องห้องหนึ่งเลยค่ะ ฉันอยากให้คุณเห็นด้วยมันเหมือนที่ฉันเห็นเลย”
“ต่อไปคุณอย่าบอกใครง่าย ๆ นะครับ”
ฮืม?
“เอ่อ...ค่ะ!” เธอรับคำและเข้าใจความหวังดีของอีกฝ่าย
“ของพวกนี้ก็อย่าบอกใครด้วยว่าคุณมี ไม่ใช่ทุกคนจะหวังดีหรือเข้ามาขอคุณง่าย ๆ บางคนอาจจะขโมย บางคนอาจจะปล้นและฆ่าคุณ ถ้าให้เลือกว่าจะตอบยังไงก็ตอบว่าไร้ทักษะยังจะดีกว่า”
นั่นสินะ…
“ถ้างั้นเราก็รู้กันสองคนนะคะ”
“แน่นอน”
ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ก็เธอก็อยากรู้ทักษะของอีกฝ่ายบ้างเหมือนกัน แต่ไอแซ็คดูจะไม่ค่อยเปิดเผยอะไรง่าย ๆ เหมือนกับคำพูดที่เขาบอกเธอเลย อารมณ์เหมือนกับไพ่ตายที่ไม่มีใครรู้
“พักผ่อนเถอะครับ คืนพอเข้าวันที่สี่ก็คือช่วงกลางของการรุกรานระลอกแรก ผมไม่มั่นใจว่าเราจะเจอตัวอะไร ยังไงเก็บแรงไว้ดีกว่า”
พูดแบบนี้ก็แปลว่าต้องมีอย่างงั้นสินะ?
โรสได้ยินแบบนั้นก็กลัวอยู่บ้าง เธอตัดสินใจเอาของกองไว้ข้าง ๆ จากนั้นก็ห่มผ้าหลับตาลงอย่างว่องไวราวกับเด็กอนุบาลกลัวผีใต้เตียง และพอรู้ตัวอีกทีก็หลับไปด้วยความอ่อนล้าที่สะสมมาทั้งวัน
วันที่ 4 หลังการมาเยือนของคอหอย
เวลา 02.13 นาฬิกา
ครืด...คราด...เสียงขูดไถของตัวอะไรบางอย่างดังขึ้นข้างนอกศูนย์อาหารที่ปิดบานเหล็กลงทั้งหมดแล้ว ถัดมาไม่นานเสียงครางต่ำซึ่งลากยาวก็ค่อย ๆ ดังขึ้นพร้อมกับเสียงพึมพำไม่เป็นภาษาซ้อนกันราวกับว่าสิบปากของมนุษย์กำลังโต้เถียงกันอยู่
จากนั้นก็...ตึง!
อะไรบางอย่างกระแทกกับเสาเหล็กกันชนรถหน้าศูนย์อาหาร
เสียงนี้ดังซ้ำ ๆ หลายครั้งจนโรสตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดที่วังเวง เธอคว้าแว่นตาที่ซื้อมาสวมเอาไว้ ที่ซึ่ง...มันใช้งานได้ดีมาก ภาพตรงหน้ามีสีสันและสว่างขึ้นมาพอสมควร ถึงจะไม่ทำให้สว่างเหมือนตอนกลางวัน แต่ก็ยังดีกว่าไม่รู้ตัวว่าอะไรเป็นตัวอะไรเลย
ต้องไปที่ดาดฟ้ารึเปล่า?
โรสคิด..เพราะว่าไอ้เสียงบ้านี่...เอ่อ...แบบว่า...ไม่ว่ามันจะเป็นตัวอะไรก็ตาม ก็ไม่ควรจะเผชิญหน้าตรง ๆ อยู่แล้ว!
คิดจบโรสก็เดินด้วยฝีเท้าที่เงียบงัน ขึ้นบันไดไปยังดาดฟ้า แต่ก่อนจะออกไปทั้งตัวเธอก็ชะโงกหัวออกไปส่องดูว่าข้างบนปลอดภัยดีรึเปล่า
กึก! ปลอดภัยกับผีสิ!
ภาพตรงหน้าทำเอาโรสขนหัวลุกยิ่งกว่าประสบการณ์ถูกเจ้านายสิบคนรุมด่ากลางที่ประชุมอีก เบื้องหน้าของเธอคือตัวอะไรสักอย่างที่บิดเบี้ยวและพิศวงยิ่งกว่าอสูรลูกกระจ๊อก มันคือสิ่งมีชีวิตที่ท่อนบนเป็นมนุษย์ แต่ที่ช่วงท้องมีรอยแยกออกเหมือนถูกกรีดผิวแหวกออก ตรงนั้นมีหนวดหรือว่าเส้นสายอะไรสักอย่างงอกออกมาดูน่าสยดสยองยิ่ง
ที่ช่วงล่างตรงตำแหน่งอวัยวะเพศเองก็มีหนวดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ส่วนบนนั้นไม่ใช่หัวมนุษย์เพียงหัวเดียว มันเหมือนมีหัวมนุษย์หลายหัวถูกเชื่อมเข้าด้วยกัน เหมือนใช้เครื่องหนีบกระดาษเย็บอะไรทำนองนั้นเลย ยิ่งพอมันหันตัวกลับไป...เธอก็ได้เห็นแขนมากมายที่อยู่ติดกับแผ่นหลังราวกับขาตะขาบ!
โรสอยากจะอาเจียนออกมาให้หมดไส้หมดพุงแต่ก็เธอไม่กล้า ยิ่งได้กลิ่นเน่าราวกับเนื้อหมดอายุในตู้เย็นเธอก็พะอืดพะอมเกินทน!
ร่างที่มีขาคู่เดียวเดินโซซัดโซเซชนกับขอบกำแพงดาดฟ้า มือและแขนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ติดอยู่บนแผ่นหลังพากันยกขึ้นคล้ายจะทุบอะไรบางอย่าง
ฉับพลันที่หน้าท้องก็แหวกออกมา หนวดหรือเส้นสายจำนวนมากไต่เลื้อยราวกับงูเข้ายึดกำแพงดาดฟ้าเอาไว้ก่อนจะคลานออกไปยังด้านนอกตัวกำแพง เพียงแต่หัวที่ซึ่งติดอยู่ด้านข้างกลับเบิกตาโตจ้องมาที่ตำแหน่งเธอไม่วางตา
มันมองตรงมาแต่จากนั้นก็กลอกตาซ้ายขวาไม่หยุด
โรสโล่งใจที่มันดูจะไม่ได้เห็นเธอในความมืด สุดท้ายเสียงครืดคราดก็หายไปจากดาดฟ้า แต่เหมือนที่หน้าศูนย์อาหารกลับมีเสียงทำนองนี้เพิ่มขึ้นมา
พรึบ! มือยาวล่ำสันคว้าบานประตูดาดฟ้าตัดหน้าเธอแล้วปิดมันลงอย่างเงียบเชียบ ครั้นพอเห็นไปก็พบกับคุณไอแซ็คที่มองเธอด้วยสายตาเชิงตำหนิ
โรสเข้าใจไม่พูดอะไรสักคำ สถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจว่าควรจะส่งเสียงหรือว่าชวนอีกฝ่ายคุยเล่นดี...
“ไปข้างล่างกันครับ” ไอแซ็คกระซิบแล้วถอยตัวลงนำลงไป
“…” โรสไม่พูดอะไรแต่จมูกยังจำกลิ่นเน่าเหม็นและภาพเบื้องหน้าของสิ่งมีชีวิตพิกลพิการนั่นได้อย่างชัดเจน
ในตอนนี้เธอตามอีกฝ่ายมาหลับยังบังเกอร์ใต้ดินแล้ว ที่นี่ทุกคนรวมตัวกันด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวและตื่นตระหนกยิ่งกับการมาของสิ่งมีชีวิตข้างนอกบานเหล็ก
“ครบแล้ว” ป้าหลุยเซียน่าโล่งอกที่ทุกคนปลอดภัย
“ข้างนอกนั่นคือตัวอะไร...” ลูน่าที่กอดพี่สาวต่างวัยเอาไว้ด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา จากนั้นก็พูดเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัว “ฝีเท้าของมันดูจะหนัก ตัวต้องใหญ่แน่ ๆ เลย นะ-หนูกลัว”
ลูน่า...ท่าทางจะกลัวมาก ส่วนลูเครเซียนั้นไม่กลัวสักนิด สาวพังก์ร็อกถือปืนลูกซองแฝดเอาไว้อย่างมุ่งมั่น เตรียมจะยิงใส่ตัวประหลาดที่เข้ามาใกล้ ๆ ในทันที
“คุณไอแซ็ค คุณเห็นมันใช่ไหม” ตาแก่เคเนดี้สอบถามและไอแซ็คก็พยักหน้ารับ
“มีอยู่สี่ตัวในเขตนี้” อีกฝ่ายว่า “มันคือซากศพมนุษย์ที่พวกอสูรใช้น้ำลายยึดต่อเข้าด้วยกันแล้วฝังไข่ปรสิตของพวกมันลงไป ศพมนุษย์ถูกบังคับและทำหน้าที่เป็นหูกับตาให้พวกมันได้มองเห็นและได้ยิน”
เอ่อ...น่ากลัวแฮะ!
“พวกมันต้องการมนุษย์ที่ศพสมบูรณ์เพื่อฝังปรสิตลงไป มนุษย์ตัวเป็น ๆ จะทำให้พวกมันใช้ร่างได้ดีกว่าศพ เพราะร่างของพวกเราคล่องแคล่วและทนทานกว่า ไม่เน่าเสียเหมือนซากศพด้วย”
มีเหตุผลอยู่นะ...ถึงไม่รู้ว่าทำไมไอแซ็คจะเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้ก็เถอะ!
“ระบบเรียกสิ่งมีชีวิตนี้ว่าปรสิตควบคุมศพ แต่ละร่างไม่เหมือนกันและมีรูปแบบไม่ตายตัว ลักษณะเหมือนมนุษย์พิกลพิการยากจะจินตนาการได้...ก็...ทำนองนั้น...”
“มีวิธีจัดการไหม” เคน เรดฟิลด์ถามขึ้น
“มี แต่ก็ต้องรู้ตำแหน่งที่ปรสิตที่ฝังตัวในร่าง เพราะงั้นที่ผมไม่แนะนำก็เพราะต้องรอมันเปิดช่องถ่ายของเสียออกมา อีกอย่างพวกนี้อยู่ได้ไม่ถึงสามอาทิตย์เท่านั้น ปรสิตในจะมองหาร่างใหม่ ไม่ก็ศพใหม่ที่สภาพดีกว่า”
ฟังมาถึงตรงนี้โรสอยากจะอาเจียนอีกหน...ศพและศพเต็มไปหมด!
“จะเจอได้ทุกช่วงเวลา พวกตัวที่ก่อจากศพประสาทสัมผัสอาจไม่แม่นยำเท่าตัวที่เป็นศพมนุษย์เดียว ๆ เพราะงั้นระวังนะครับ เรื่องเสียง แสง กลิ่น...ทุกอย่างให้คิดเหมือนว่ากำลังสู้กับมนุษย์อยู่จะดีกว่า ต้องไม่ประมาทนะครับ”
“ไม่มีเหตุผลเลย ปืนฆ่าไม่ได้อย่างงั้นเหรอ?” ลูเครเซียที่ฮึกเหิมว่า “ถ้างั้นใช้พลังไฟของฉันจะเผามันได้ไหม”
สาวร็อกว่าและนำเสนอถึงทักษะแผดเผาของอีกฝ่ายที่ทรงพลังอยู่บ้าง ลูเครเซียถูกเลือกโดยระบบและจัดอยู่แรงก์ A และเป็นเหตุผลที่ทั้งป้าและน้องสาวของตัวเองปลอดภัยในสามสี่วันแรกของการรุกราน
พวกอสูรไม่ถูกกับไฟ การที่มันโดนไฟทำให้พวกมันอ่อนแอและถูกเผาไหม้ราวกับฟืนไม้ แต่พอเป็นผิวหนังของมนุษย์น่ะก็น่าจะทนไฟระดับหนึ่ง ผิวหนังอาจโดนไฟคลอกจนเกรียม แต่ว่าศพไม่รู้สึกอะไร แค่ควบคุมกล้ามเนื้อกับเส้นใยต่าง ๆ ได้ ยังไงพวกอสูรก็ยังเคลื่อนไหวต่ออีกอยู่ดี ต่อให้มันจะช้าลงก็ตาม
หรือถ้าเจออสูรลูกกระจ๊อกขั้นกว่า แบบชนิดที่มีเปลือกหนาก็จะยุ่งยากขึ้นมาระดับหนึ่ง เพราะว่าทักษะไม่สามารถใช้งานตลอดเวลาได้ ค่าเอพีเป็นข้อจำกัดของการใช้ทักษะกับทุกคน
“ไฟของคุณลูเครเซียจะช่วยกระตุ้นให้ปรสิตโผล่ออกมา จุดหลักคือพวกมันไม่ชอบไฟและที่ร้อน ไม่ชอบแดดจ้า ดังนั้นพวกมันถึงต้องระวังมุมอับและที่ร่มเข้าไว้” คุณไอแซ็คอธิบายจากนั้นก็กางกระดาษแผ่นใหญ่ออกมา
มันคือแผนที่ของเมืองนี้พร้อมกับวงสีแดงที่วาดเอาไว้ตามตำแหน่งของสถานีรถไฟ...
“ทำไมผมถึงต้องลงไปในห้าง ง่าย ๆ ก็คือห้างนี้เป็นรังของพวกมัน โครงข่ายรถไฟฟ้าใต้ดินก็คือเส้นทางที่พวกมันใช้ลำเลียงศพคนและเคลื่อนไหว ตัวแม่จะมีห้องเก็บศพที่มีอสูรมดงานฝังไข่และใช้ศพมนุษย์เชื่อมต่อกัน”
“…” ทุกคนเงียบราวกับว่าไม่อยากจะเข้าไปในห้าง
“ในนั้นมีหลายอย่างที่ยิ่งกว่าทุกคนจะคิดได้ แต่ว่าผมแค่ต้องการวางระเบิดปิดตายรังของพวกมันเท่านั้น ความคิดของผมคือการทำลายทางขึ้นสถานีต่าง ๆ โดยที่ถ้าเริ่มทำจากจุดนี้พวกเราจะปลอดภัยมากขึ้น”
วางระเบิด?
“ระเบิดนี่นะ เราจะวางระเบิดได้ยังไงกัน ต้องใช้ของแบบนั้นเท่าไหร่ล่ะถึงจะทำถล่มสถานีรถใต้ที่ติดกับห้างนั่นได้กัน” คุณเคเนดี้ตกใจให้กับความคิดของไอแซ็ค
ระเบิดสงครามหายากจะตาย!
ถ้าจะทำก็ต้องมีอุปกรณ์ถึงจะสร้างระเบิดแสวงเครื่องบ้าน ๆ ได้...แต่ถึงทำได้อานุภาพมันจะรุนแรงพอที่จะล้มตึกทั้งหลังได้เหรอ?
ยิ่งคิดโรสยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่เข้าไปใหญ่เชียว ตึกสมัยใหม่ในยุคนี้ก็ค่อนข้างจะคงทนพอสมควร คอนกรีตหนา เหล็กเส้นใหญ่ผสมโลหะจนได้โลหะผสมที่มีประสิทธิภาพสูงและทนกับความร้อนโดยเฉพาะ อีกอย่างต่อให้ข้างใต้เป็นห้างเก่า แต่ก็ใช่ว่าโครงสร้างจะอ่อนปวกเปียกด้วยซ้ำ
ความคิดเห็น