ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    「S E C R E T B A S E」

    ลำดับตอนที่ #27 : ทดลอง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 90
      3
      22 ต.ค. 62












    Author's Note โปรดอ่านตรงนี้ก่อนเริ่มอ่านตอนพิเศษนี้เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันในเนื้อเรื่อง


    สวัสดีค่ะ ตอนพิเศษนี้เป็นตอนคั่นฉากที่จะว่าเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักก็พูดอย่างนั้นได้ไม่เต็มปาก เพราะว่าถ้าเหตุการณ์นี้เกิดในเนื้อเรื่องหลักก็จะเกิดคั่นระหว่างเหตุการณ์ช่วงคริสต์มาสในตอนที่ 10 หรือ 11 ตามเส้นเรื่อง แต่ว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้จะเกิดขึ้นจริงๆ ในเนื้อเรื่องหลักตามนั้น แค่สมมติขึ้นมาว่าถ้ามันเกิดขึ้น คงจะสนุกดีไม่หยอก จึงนำมาเขียนเป็นตอนพิเศษ


    อย่างไรก็ตาม ตัวละครที่ปรากฎในตอนนี้กับเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องในอนาคตที่ตัวละครดังกล่าวพูดถึงคือเรื่องที่จะเกิดขึ้นจริงตามเส้นเรื่องหลัก เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นเมื่อเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนจบนั่นเองค่ะ เรียกได้ว่า ตัวละครมาจากในอนาคตของเรื่อง Love and All Its Details นี้ และสมมติเป็นเส้นเรื่องอีกเส้นว่าถ้าสมมติว่ามีเหตุให้ได้ย้อนกลับมาจะเป็นอย่างไร จนกลายมาเป็นตอนพิเศษ Look me in the Eyes เราตั้งชื่อตอนว่าแบบนี้มาจากไอเดียที่ว่า หากพวกเขาจะสงสัยว่าเด็กคนนี้เป็นใคร เด็กคนนี้ก็จะตอบไปว่ามองเข้ามาในตาของผมสิ (Look me in the Eyes) แล้วคุณจะรู้ว่าผมเป็นใครนั่นเอง


    มาถึงขั้นนี้ ผู้อ่านคงทราบกันแล้วว่าเรื่องนี้จะจบแบบครอบครัวสุขสันต์ อะไรๆ ก็เป็นไปตามที่ตัวละครในตอนนี้เล่า มันต้องแน่นอนค่ะ เราเขียนมาแนวนี้ ย่อมต้องให้จบแบบ Happy Ending ครอบครัวสุขสันต์อยู่แล้วเพราะเราชอบ XD ถึงจะรู้ตอนจบกันอย่างนี้แล้ว เฉลยกันเลยตรงๆ ผู้เขียนก็อยากให้ติดตามกันไปให้ถึงตอนจบนะคะ มีพล็อตเรื่อง มีเส้นเรื่อง และเหตุการณ์มากมายที่น่าสนใจระหว่างคุณศาสตราจารย์วิชาปรุงยากับผู้รู้ไปหมดที่น่ารำคาญของเราเกิดขึ้นเยอะแยะมาก อยากให้ติดตามกันไปเพื่อความละมุนละไม อิ่มเอม และอบอุ่นหัวใจที่เรื่องนี้ ตัวละครเหล่านี้จะมีให่ค่ะ
    ขอฝากเนื้อฝากตัว ฝากแฟนฟิคนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ ไว้ในความดูแลของทุกท่านด้วยนะคะ ; w ;)

    สำหรับ พา ที่เด็กหนุ่มเรียกนั้น มาจาก พาพา (Papa) ซึ่งเวลาออกเสียงตัว P จะออกเป็นตัว พ เป็นปกติอยู่แล้วสำหรับคำนี้ เราตั้งใจว่าที่เด็กๆ บ้านนี้เรียกคุณพ่อว่า พา เพราะตอนเด็กๆ จะพูดรวบๆ เร็วๆ ออกเสียง พาพา ไม่ชัด พอตอนหัดพูดออกเสียงว่า พา แล้วก็เลยติดมาเรื่อยๆ เด็กๆ บ้านนี้กี่คนกี่คนเห็นคนพี่เรียก พาพา ว่าพา ก็เลยเรียกตามๆ กันมากลายเป็น พา ไปหมด ฟังดูแล้วน่าเอ็นดูดี ถ้านึกไม่ออก อืม - มีใครเคยดูเรื่อง Downton Abbey ไหมคะ สาวๆ บ้านครอว์ลีย์หรือพวกผู้ดีมีตระกูลในอังกฤษบางทีก็มักจะเรียกคุณพ่อตัวว่า พาพา กัน พอพูดเร็วๆ ก็จะกร่อนเสียงเป็น พา กันหมด อารมณ์นั้นแหละค่ะ ตอนอ่านก็ลองออกเสียงใส่สำเนียงบริทิชว่าพากันดูนะคะ เพื่อเสริมสร้าความน่าเอ็นดูและบรรยากาศ ;D
     
    ส่วนที่มาลงตรงนี้เป็นแค่พาร์ทแรก ยังไม่จบค่ะ รอลุ้นรอติดตามกันได้เลยว่าต้องมีเซอร์ไพรส์อะไรอีกแน่ๆ และรับประกันว่า เป็นอะไรที่ทั้งน่ารัก น่าเอ็นดู และน่าลุ้นระทึกกันมากๆ สองคนนี้จะได้รู้ความจริงไหม น่าตื่นเต้นดีนะคะ ถ้ามีนักอ่านคอมเม้นท์เนื้อเรื่องหลักบ้างอาจมาต่อเร็วขึ้นก็ได้ค่ะ ฮา (ก็ว่าไปนั่น) ใครอ่านตอนไหนไปแล้วก็กลับไปกดกำลังใจหรือคอมเม้นท์ตอนเก่าๆ ได้นะคะ (งอแงอีกแล้ว ฮา) คอมเม้นท์กันเข้ามาได้นะคะ พูดคุยกันได้ บอกเล่าความรู้สึกอะไรได้หมดทุกอย่างเลย คนเขียนใจดีและเชื่องมากๆ มีใจขอบคุณให้อย่างล้นเหลือ ช่วยผลักดันกันอย่างยิ่ง บางท่านที่คอมเม้นท์ หรือคอมเม้นท์มาตลอด คอมเม้นท์แล้วคอมเม้นท์อีก คนเขียนซาบซึ้งใจมากจริงๆ ค่ะ ฮืออ ตื้นตันใจมาก มีความสุขและดีใจมาก อยากจะเลี้ยงดูปูเสื่อบีบนวดคุณนักอ่านด้วยความยินดีซาบซึ้งใจ ฮืออ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ หวังว่านักอ่านทุกท่านที่เข้ามาจะชอบฟิคเรื่องนี้ และหวังอย่างยิ่งให้ทุกท่านมีความสุขมากๆ กับการได้อ่านฟิคเรื่องนี้ค่ะ
     
    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ขอบคุณมากๆ ค่ะ ขอบคุณจากใจเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ที่มาเป็นกำลังใจให้เราจากตอน Author's Note ที่เรางอแงไว้ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ เราจะพยายามเขียนให้ดีที่สุด เราจะเขียนฟิคเรื่องนี้อย่างดีจนจบเพื่อนักอ่านทุกท่าน ไม่มีโกรธเคืองคอมเม้นท์ไหนเลยค่ะ มีแต่ความขอบคุณ ซาบซึ้งและปลาบปลื้มใจอย่างมากแบบที่บอกออกมาได้ไม่หมดเลยจริงๆ ค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ฮืออ ทุกคอมเม้นท์ทุกกำลังใจ ทุกยอดวิว ช่วยสนับสนุนและเป็นแรงใจให้แก่คนเขียนอย่างดียิ่ง ขอบคุณอีกกี่ครั้งก็ไม่พอเลยค่ะ รักนักอ่านทุกท่านนะคะ แล้วพบกันอีกเร็วๆ นี้ค่ะ :)













    Sequel: Look me in the Eyes

    Part I




    สิ่งแรกที่พาดผ่านเข้ามาคือความห่วงใยอันร้อนใจและความอนาทรห่วงหา จากนั้นความกล้าหาญก็เคลื่อนไหวร่างกายเขาให้ปกป้องน้องชายจากอันตราย

    ในเวลาดังกล่าวเด็กหนุ่มคิดถึงแต่เพียงความปลอดภัยของน้องๆ คิดแต่เพียงว่าต้องปกป้องทุกคน ด้วยเหตุนี้เขาจึงคว้าเอาไทม์ เทิร์นเนอร์ที่กำลังควบคุมไม่ได้จนดูน่ากลัวและส่งสังหรณ์อันตรายออกมา หวังจะดึงมันออกจากมือของน้องชายอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณก่อนสมองจะทันได้สั่งการเสียอีก ความกลัวเข้าเกาะงำจิตใจ เขาไม่ได้กลัวสิ่งนี้ ไม่ได้กลัวว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเอง หากแต่กลัวว่าน้องๆ จะเป็นอันตรายจากไทม์ เทิร์นเนอร์ที่เริ่มควบคุมไม่ได้ เม็ดทรายในนั้นกลิ้งไปมาเหมือนมีพายุหมุนวนอยู่ในตัวเรือนแก้ว วงเวลาสีทองหมุนคว้าง เสี้ยววินาทีที่เขาคว้าไทม์ เทิร์นเนอร์ไว้ทุกอย่างก็มืดสนิทลง ณ ขณะที่เสียงอันตกใจของน้องชายทั้งสามร้องเรียกชื่อเขาจนดังเสียดแทงเข้ามาในโสตประสาทอย่างอื้ออึงนั้นเอง เขาพยายามจะร้องตอบออกไปว่าไม่เป็นไรแต่กลับไม่มีเสียงใดหลุดลอยจากลำคอเสียแล้ว และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขารับรู้ก่อนที่ทุกอย่างจะกลืนหายไปชั่วครู่หนึ่งเหมือนกำลังหลับตาสู่ห้วงนิทรา รอบด้านนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความมืด แม้แต่สรรพเสียงก็ไม่ปรากฎ ทว่าถัดมาเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างตกกระทบพื้นและแตกกระจายอย่างรุนแรงราวกับมันเป็นเครื่องแก้วที่แหลกละเอียดนับร้อยๆ ชิ้นๆ ชั่วขณะถัดมาศีรษะเขาก็หมุนวนคล้ายถูกกวนอยู่ในหม้อใบใหญ่ ตัวของเขาก็เหมือนหนึ่งว่ากำลังถูกหมุนคว้างไปมาราวกับลูกข่างด้วยเช่นกัน

              อะไรบางอย่างในหัวเขาเหมือนจะหลุดออกมาจากแรงเหวี่ยง ช่องท้องหมุนวนและรู้สึกอยากจะอาเจียน แต่แล้วทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะปกติในความมืดนั้นเองราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน ความมืดเลือนหายไปโดยที่เขาไม่ได้แม้แต่จะหลับตาตั้งแต่แรก ทว่าทั้งที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นดังว่าเช่นนั้นแท้ๆ เด็กหนุ่มคิดว่าตนจะเห็นภาพของน้องๆ ที่นั่งล้อมวงกันอยู่ดังเดิมเมื่อความมืดรอบด้านถูกขจัดไป แต่ภาพแรกที่เข้ามาในครรลองสายตากลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่คาดคิดไว้ เขาผงะไปเล็กน้อย คิ้วขมวดเข้าหากันทันที ดวงตาสีดำสนิทดุจความมืดกวาดมองโดยรอบอย่างสุขุมเยือกเย็น หาได้มีความตื่นตระหนักหรือหวาดหวั่นใดเข้ามากล้ำกรายในจิตใจของเด็กหนุ่ม เพราะด้วยนิสัยพื้นฐานแล้ว เด็กหนุ่มคนนี้คือความมั่นคงและมีจิตใจที่หนักแน่นแน่วแน่นัก เขาเรียบเฉยและมีอารมณ์ที่เยียบเย็น เคร่งขรึมเหมือนผู้เป็นบิดา รอบด้านนั้นเป็นระเบียงทางเดินที่ทอดยาว บานกระจกจากหน้าต่างทรงกอธิคที่ฝังตัวตลอดผนังฝั่งหนึ่งสูงจรดเพดาน มันสีเกล็ดน้ำแข็งเกาะตามขอบและเริ่มลามเป็นไอขึ้นมาจากกรอบทั้งสี่ด้าน ด้านนอกนั่นหิมะโรยรายลงมาหนาตาจนไม่เห็นสีใดอื่นนอกจากทัศนียภาพขาวโพลนกับหมอกหนา เด็กหนุ่มรู้ว่าจุดที่เขายืนอยู่นี้คือสถานที่แห่งใด เขายังคงอยู่ในตัวปราสาท ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ ถ้าจะแจกแจงให้ถูกต้อง เขาอยู่ที่คอมมอนรูมของบ้านสลิธีรินในตัวปราสาทเดียวกันนี้ก็ตามที ความคิดบางอย่างลุกลามเข้ามาราวกับหมอกควันทะมึน เขาคิดว่าอุบัติเหตุจากไทม์ เทิร์นเนอร์นี้จะไม่เกี่ยวเนื่องไปกับเรื่องของห้วงเวลาได้อย่างไร สาเหตุที่เขาย้ายตัวเองมาอยู่อีกปีกหนึ่งของตัวปราสาทได้ต้องเกิดปัญหาบางประการขึ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่เขายังไม่อาจระบุได้ว่าปัญหาดังกล่าวคืออะไรเท่านั้น

              ชั่วขณะหนึ่ง ความคิดอีกอย่างที่วูบผ่านของตนก็ทำให้เส้นประสาทเครียดเขม็งขึ้นมาโดยฉับพลัน เขารู้สึกใจหายวาบ เด็กหนุ่มคิดว่าจะทำอย่างไรหากตนไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่ควรจะอยู่เพราะความปั่นป่วนของไทม์ เทิร์นเนอร์ และยิ่งคิดถึงว่าตัวเองมาอยู่ตรงนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับน้องชายทั้งสามบ้าง แล้วน้องๆ จะเป็นเช่นไร เด็กหนุ่มก็ยิ่งเครียดขึ้ง กลุ่มก้อนความกังวลอันร้อนรุ่มจุกอยู่ในลำคอ ใบหน้าถมึงทึงจนดูน่ากลัว เขารู้ว่าหิมะไม่ได้ตกหนักขนาดนี้ตอนที่เขายังอยู่ในคอมมอนรูมกับน้องๆ และบรรยากาศของตัวปราสาทก็ไม่เหมือนเดิมราวกับว่ามันทึมทึบ มีมนต์ขลัง ทุกอณูของก้อนอิฐ หิน และพื้นทางเดินชืดชา ไร้ชีวิต มันดูห่างเหินราวกับซึบซับความกังวลและความน่าสะพรึงกลัวของอะไรบางอย่างไว้รอคอยวันปลดปล่อยออกมา ทั้งที่ปกติมันจะดูเก่าแก่โบราณกว่านี้ แต่ก็อบอุ่นและให้ความรู้สึกอุ่นใจได้

    ด้วยคิ้วที่ขมวดเคร่ง เขาตัดสินใจจะพิจารณาสถานการณ์ต่อไปก่อนจะเลือกข้อสรุป เด็กหนุ่มเก็บไทม์ เทิร์นเนอร์ในมือใส่กระเป๋าเสื้อคลุมตัวนอกก่อนจะตัดสินใจออกเดินขณะระแวดระวังทุกสิ่งทุกอย่างรอบด้านในทุกฝีก้าวเพราะยังคงมีความไม่แน่ใจซึ่งมีผลมาจากนิสัยรอบคอบและเคร่งครัดคอยเตือนให้ตัวตนแห่งความช่างสังเกตและระมัดระวังเคร่งขรึมให้พร้อมอยู่เสมอ อีกประการหนึ่ง เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง สติปัญญารวมถึงเชาว์วัยไหวพริบที่ได้รับถ่ายทอดมาจากทั้งบิดาและมารดาของเขาแสดงออกอยู่ในตัวอย่างเต็มที่ ไม่มีอะไรจะลดทอนให้ด้อยคุณค่าลง แม้จะด้วยจุดเล็กๆ ไม่ว่าจะกับเรื่องอะไร มันทำให้เขาคิดคำนวณผลลัพธ์ วิเคราะห์ กะเกณฑ์สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น เวลานี้เขาถึงได้รู้สึกว่ามีสิ่งไม่ชอบมาพากลทันที ทุกคนพูดกันเป็นเสียงเดียวเสมอว่าเขามีใบหน้าของบิดาเหมือนถอดแบบมา เป็นพิมพ์เดียวกันที่สำเนาถูกต้องไม่ผิดเพี้ยน ยิ่งกับเหล่าผู้คนที่รู้จักพาในช่วงวัยต่างๆ เมื่อเห็นเขากับน้องๆ ก็มักจะบอกว่าเหมือนพานัก โขลกพิมพ์กันมา โดยเฉพาะกับเขาด้วยแล้ว ทั้งลักษณะท่าทาง บุคลิก อุปนิสัย รวมถึงความคิดก็เหมือนกันมาก ด้วยเหตุนี้ เด็กหนุ่มจึงมีสีหน้าที่เย็นชาขึงขัง มึนตึง ให้ความรู้สึกเฉียบขาดน่าครันคร้าม น่ายำเกรง แถมยังคล้ายจะถมึงทึงอยู่ตลอดเวลาทั้งที่ภายในใจนั้นสงบนิ่งเรียบเย็น ราบเรียบดุจธารน้ำแห่งความโอบเอื้ออารีกับจิตใจอันดีงามด้วยอัธยาสัยเผื่อแผ่ ชอบดูแลเอาใจใส่ อ่อนโยน เอื้อเฟื้อและช่างเสียสละ เป็นคนเถรตรง ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา เป็นที่น่าเชื่อถือพึ่งพาได้ โดยที่ภายนอกเขามักจะนิ่งเฉยด้วยความคิดอันสุขุมนุ่มลึก กับความหลักแหลมอันเฉียบคมที่มองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งเฉกเช่นผู้เป็นบิดา เขาเป็นคนเอาจริงเอาจัง เอาการเอางาน และมีความรับผิดชอบสูง เด็กหนุ่มมีความคิดกับอารมณ์ความรู้สึกซึ้งที่ลึกซึ้งและรุนแรงไม่แพ้ผู้เป็นพ่อ ผนวกกับการที่ชอบเก็บงำความรู้สึกและความสามารถของตัวเอง สีหน้าจึงมักจะไร้อารมณ์ ไม่สามารถอ่านออกหรือคาดคะเนความรู้สึกได้แม้เพียงนิด ที่หว่างคิ้วเขาเป็นรอยย่นที่มักขมวดเคร่งอย่างเอาจริงเอาจังเยือกเย็นหนักแน่นและดูเครียดขึ้ง เป็นยีนมรดกที่ได้รับถ่ายทอดมาจากบิดาถึงแม้เขาจะไม่ได้กำลังขมวดคิ้วเคร่งเครียดแต่อย่างใด ใบหน้าของเด็กหนุ่มจริงจังเข้มงวดจากความคิดในใจที่ส่งผลให้ประสาทรับรู้ตื่นตัว ทั้งยังเขม็งเกร็งด้วยการใช้ความคิดตรึกตรองระหว่างกลับสู่หอนอนของบ้านสลิธีริน ตอนนั้นเองคำตอบของเรื่องทั้งหมดที่เด็กหนุ่มกำลังกังวลอยู่ก็พุ่งชนเขาเข้าอย่างจัง

              อันที่จริง ควรจะต้องกล่าวว่าเกือบจะพุ่งชนเขาอย่างจัง เป็นคำตอบที่ทำให้เขาตาสว่าง และยิ่งกว่าความตกตะลึงที่ได้รับมาตลอดทั้งชีวิตเสียอีก เขากำลังเลี้ยวตรงหัวมุมทางเดินที่เชื่อมระหว่างโถงระเบียงกับปีกตะวันออกของปราสาท และนั่นเองเป็นตอนที่เขาเกือบจะชนผู้หญิงคนหนึ่งเข้า เด็กหนุ่มเบี่ยงตัวหลบอย่างฉับไวคล่องแคล่วพร้อมกับคำขอโทษอย่างสุภาพตามนิสัยที่หลุดปากออกมาโดยอัตโนมัติ เขาไม่ทันได้มองใบหน้าเธอชัดๆ สังเกตเพียงเส้นผมสีน้ำตาลหยักหนาที่พลิ้วไหวตอนเธอเบี่ยงตัวเล็กน้อยด้วยคำขอโทษที่เปล่งออกมาแทบจะในจังหวะกัน แต่ชั่วลมหายใจถัดมาที่เขายื่นมือออกไปหวังจะดึงเธอไว้ไม่ให้ล้มลง สายตาของเขาก็เลื่อนไปเห็นผู้ชายอีกคนที่เร็วกว่า ฉับไวกว่า ผู้ชายคนนั้นดึงเธอไว้ไม่ให้ล้มลงไปอย่างแม่นยำหนักแน่นและไม่ไหวติงทีเดียว ผู้ชายตรงหน้าเขาออกตัวได้เด็ดขาดและเยือกเย็น บุรุษในชุดคลุมสีดำยึดตัวผู้หญิงผมสีน้ำตาลให้เธอเกาะไว้เป็นหลักพลางส่งสายตาตำหนิติเตียนมาให้เขาด้วยดวงตาสีดำสนิทที่เหมือนกับของเขาเองอย่างน่ากลัวราวกับอีกด้านของกระจก เด็กหนุ่มตะลึงงันไปขณะที่พ่อมดผู้ซ่อนเร้นตัวตนหลังสีดำรู้สึกราวกับมีบางสิ่งที่เย็นจัดแล่นผ่านทั่วร่างจนเกือบจะสั่นสะท้อน นัยน์ตาสีดำทั้งสองคู่เหมือนกำลังมองดวงตาของตัวเองจากตัวฝ่ายตรงข้าม ดวงตาที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนสบประสานกันแค่พริบตาแต่กลับรู้สึกได้ว่ามันมีเรื่องราวนับไม่ถ้วนซ่อนอยู่และค่อยๆ ถักทอออกมาเบื้องหลังเพียงชั่วอึดใจนั้น สิ่งที่ทรงพลานุภาพของผู้ที่มีสายโลหิตเดียวกันไหลเวียน บิดากับบุตร ผู้ให้ชีวิตและเลือดเนื้อเชื้อไขของตน สายสัมพันธ์แห่งความปรารถนาดี เสียสละ และจริงใจไม่แอบแฝง ชั่ววินาทีนั้นเด็กหนุ่มก็ชะงันงันราวกับทุกอย่างถูกแช่แข็ง ความรับรู้ที่หลั่งไหลเข้ามาในสมองอย่างรวดเร็ว ไม่มีการเตือนล่วงหน้าก็ทำให้เขานิ่งงันไปขณะหนึ่ง บนนัยน์ตาสีดำสนิทของพ่อมดผู้อำพรางตนด้วยสีดำก็เช่นกัน ร่องรอยของความสงสัยและหมอกควันแห่งความเคลืบแคลงสนเท่ห์พลันปรากฏ ศาสตราจารย์วิชาปรุงยารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งมาสะกิดใจ เป็นสิ่งที่ทั้งเร่งร้อน รุมเร้าให้เขาต้องเร่งแสดงหาคำตอบ กวนใจ บีบรัดด้วยความรู้สึกล้ำลึกที่รู้สึกได้ยิ่งกว่าเลือดทุกหยดที่ไหลเวียนและทรงพลังจนไม่อาจต้านทานแบบที่เขาหาคำตอบไม่ได้เช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังมีความตกใจทั้งยังติดจะประหลาดใจอย่างน่าพิศวงปรากฎอยู่เบื้องหลังอารมณ์ขึงขังเคร่งครัดนี้ แต่ความรู้สึก ความคิดตลอดจนอารมณ์ทั้งหมดนั่นกลับไร้ซึ่งเงื่อนไขหรือคำถามทั้งมวล ประหนึ่งว่าแท้ที่จริงแล้วเขารู้ว่าทำไม บางสิ่งในตัวกำลังบอกเขาเองและมันคือการประจักษ์แจ้งแก่ใจยิ่งกว่าจะอาศัยคำตอบหรือการพร่ำอธิบายใดๆ เสียอีก

    ถัดมาอีกหนึ่งจังหวะลมหายใจ เด็กหนุ่มยอมรับว่าอวัยวะในอกกำลังเต้นระทึกทั้งยังรัวเร็วเหมือนกลอง อีกทั้งยังเหมือนหลอดลมของเขาตีบตันไปขณะภาพตรงหน้าทำให้นึกถึงข้อเท็จจริงอื่นไปไม่ได้นอกจากบุรุษที่กำลังยืนอยู่นี้คือผู้เป็นบิดาของเขาเอง เป็นคนที่เขาเรียกว่าพาแต่ดูหนุ่มกว่าคนที่เขาเรียกว่าพามาตลอดทั้งชีวิต เขานึกอยากจะหยิกตัวเองเข้าอย่างแรงเพื่อนี่เป็นภาพลวงตา มนต์คาถาหรือเรื่องเล่นตลกอะไรสักอย่าง แต่ลมหายใจกับสติรับรู้ที่ชัดเจนเสียยิ่งกว่าเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง ณ เวลานี้ทำให้เขาเชื่อว่าภาพตรงหน้าคือความจริงจับต้องได้อย่างแท้จริงไม่มีทางเป็นอื่น ดวงตาสีดำสนิทเบือนสายตาออกจากผู้เป็นบิดาของตนที่กำลังครุ่นคิดคร่ำเคร่งจนดูน่ากลัว ถึงแม้จะมีร่องรอยของการตระหนักถึงอะไรบางอย่างอ่อนจางอยู่ในสีดำสนิทเหมือนถ้ำอันมืดมิดไร้จุดวัดหยั่งในดวงตาอันเยียบเย็นนั่น และตอนนั้นเขาก็ได้รับอีกคำตอบที่ทำให้แน่ใจไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เด็กหนุ่มเห็นเธออย่างชัดเจน ผู้หญิงคนที่เขาเกือบจะชนเข้าให้ เขาเห็นใบหน้าของมามา เจ้าของใบหน้าที่เขาเห็นมาตลอดทั้งชีวิตตั้งแต่จำความได้ ผู้หญิงคนแรกที่เขาเห็นเมื่อลืมตาขึ้น แต่อ่อนเยาว์กว่าที่เขาเคยรู้จัก เธอกำลังเบิกตามองเขาอย่างสงสัยและซื่อตรง นัยน์ตาสีน้ำตาลเฮเซลคล้ายกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง และแม้เธอจะหาไม่พบหรืออย่างไรก็ตาม ไม่กี่วินาทีจากนั้นเธอกลับยิ้มอย่างอ่อนโยนราวกับอะไรบางอย่างทำให้เธอแจ้งแก่ใจโดยไม่ต้องคบคิด ปราศจากเงื่อนไขหรือไม่จำเป็นต้องค้นหาคำตอบ และรู้สึกได้ถึงสายใยทั้งมวลแม้จะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดก็ตาม สัญชาตญาณของมารดาเป็นตัวชี้นำ ถึงเฮอร์ไมโอนี่จะไม่รู้ว่าทำไม แต่สิ่งที่เพาะพันธุ์ลงในใจเพียงชั่วขณะมองเห็นเด็กหนุ่มกลับหยั่งรากลึกอย่างรวดเร็วราวกับรู้จักเกี่ยวโยงล้ำลึกและผูกพันล้นพ้นกันมานานแสนนาน สายใยโยงผูก โอบล้อมทั่วร่างของเธอ เด็กสาวรู้สึกอย่างลึกล้ำราวกับแม้แต่เลือดทุกหยดก็เกี่ยวพันเธอกับเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ไว้ด้วยกัน เธอได้แต่มองหน้าเด็กหนุ่มตรงหน้าพร้อมกับรู้สึกถึงความอ่อนหวานนุ่มนวลและสิ่งดีงามทั้งหมดบนโลกที่จะมอบให้เขาได้เหมือนประดุจเป็นมารดาคนหนึ่งที่ยินยอมพร้อมใจมอบทุกอย่างให้บุตรในชั่วสบตาแรกที่วางสายตาลงบนชีวิตที่ถือกำเนิดขึ้นมาอย่างปราศจากข้อแม้ใดๆ ทั้งปวง

    ภายในไม่กี่วินาทีสั้นๆ ของชั่วขณะลมหายใจเข้าออกทุกอย่างดูจะถาโถมเข้ามาทั้งสามคนที่ยืนอยู่บนโถงทางเดินท่ามกลางเกล็ดน้ำแข็งสีขาวโพลนที่โรยลงมาย้อมผืนแผ่นดินจนบริสุทธิ์ที่ข้างนอกนั่นในทีเดียวจนบรรยากาศอัดแน่นไปด้วยบางสิ่งที่โยงใยกันโดยอัตโนมัติและปราศจากถ้อยแถลงใด ความรู้สึกที่ฝังลึกลงไปถึงสายเลือดที่ล่อเลี้ยงร่างกาย เซเวอร์รัส สเนปขมวดคิ้วเคร่งกว่าเดิมก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเจือด้วยแรงกดดันน่าครันคราม เสียงนั้นขบเคืองและเขี้ยวเค้นต้องการคำตอบ หากทว่าเมื่อฟังดูดีๆ กลับเหมือนน้ำเสียงดุๆ ที่ใช้ตำหนิเด็กคนหนึ่งให้ทำหน้าหงอยเท่านั้น “เด็กบ้านสลิธีรินหรือ มีแต่เมอร์ลินเท่านั้นที่รู้ เธอออกมาทำอะไรที่โถงทางเดินในเวลานี้ และความทรงจำฉันไม่ได้ฟั่นเฟือนหรือถดถอยไปแน่ เพราะฉะนั้นตอบฉันสิว่าทำไมฉันถึงกำลังสงสัยอยู่ด้วยว่าเพราะเหตุใดฉันถึงไม่เคยเห็นหน้าเธอเลย นั่นจึงเป็นคำถามที่เธอจำเป็นต้องตอบอย่างยิ่ง พ่อหนุ่มน้อย

    จังหวะเดียวกันนั้นเอง เด็กหนุ่มก็ได้ยินผู้เป็นมารดาของเขาคนที่ยังอ่อนวัยยิ่งนักก็ถามขึ้นพร้อมกันทันทีด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงจับใจ ใบหน้าของเธอเอื้ออาทรและเปล่งปลั่งด้วยรัศมีของความดีงามและโอบเอื้อในแบบของเธอดังที่เขาคุ้นเคยมาตลอด ได้รับเสมอมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนับแต่ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก “เธอไม่เป็นอะไรนะ”

    นั่นทำให้เขาเกือบจะยิ้มออกมาทีเดียวถ้าไม่ติดว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำแบบนั้นเป็นแน่ เขารู้สึกเหมือนไม่ว่าจะตอนไหนหรืออย่างไร ผู้เป็นบิดาและผู้เป็นมารดาของเขาก็ยังคงเป็นพาและมามาคนนั้นของเขาเสมออยู่ดังเดิม ไม่มีสิ่งใดจะเปลี่ยนเป็นอื่นได้อีกแล้ว ในเวลาที่เขากับน้องๆ ทำอะไรสักอย่างซึ่งหนีไม่พ้นการถูกดุ พาที่เข้มงวดทั้งยังเคร่งครัดกับพวกเขาจะเป็นฝ่ายดุ ตักเตือนและคอยอบรมสั่งสอนอย่างใจเย็นด้วยเหตุผล ข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง รวมถึงความเข้าอกเข้าใจ ในขณะที่ถ้าเป็นมามาจะเข้ามาด้วยความห่วงใย ปลอบโยน จากนั้นก็จะดุพร้อมทั้งสอนเขาอย่างมีเมตตาและรักอันล้นเหลือ เหตุการณ์ตรงหน้านี้ก็เช่นกัน คนตรงหน้าเขาทั้งสองดูอ่อนวัยกว่าคนที่เคยพร่ำดุเขา แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าผิดแผกหรือชวนให้ไม่สนิทใจเลย กลับกันเสียอีกที่เขารู้สึกอุ่นใจและวางใจทั้งๆ ที่กำลังประสบเรื่องน่าตกตะลึงเช่นนี้อยู่ตรงหน้า ไม่อาจหาคำตอบหรือที่มาที่ไปของเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับตัวเองได้แบบนี้ เพราะเขากำลังรู้สึกถึงบ้าน

    ตลอดชีวิตของเด็กหนุ่ม ข้อเท็จจริงหนึ่งที่เขา และแม้แต่มามากับน้องๆ ทั้งสามก็รู้ดีคือพาเป็นคนดุและเจ้าระเบียบ ปกติแล้วจะทำหน้าเคร่งอยู่ตลอดและไม่ค่อยยิ้ม แต่ก็ไม่เคยบูดบึ้งหรือมึนตึงกับมามาหรือพวกเขาเลย พาไม่เคยโกรธหรือเกรี้ยวกราด ไม่เคยใช้อารมณ์ พาที่ขึงขังจะมีร่องรอยความอ่อนโยนอยู่ตลอด ใจดีและมักจะเจือร่องรอยอบอุ่นเวลาทอดสายตามองมามา นอกจากนี้ ในสีดำบนดวงตาที่เหมือนของเขากับน้องๆ ก็จะมีประกายอ่อนจางอยู่ กับพวกเราแล้ว พาจะอ่อนลงเสมอ ตั้งแต่เด็กมาแล้ว เขากับน้องๆ รู้สึกว่าจะต้องไม่ทำให้พาผิดหวัง เนื่องจากพาคือคนที่เขากับน้องๆ รักและเคารพเทิดทูนอย่างมาก ไม่ว่าพาจะทำอะไรก็ยอดเยี่ยมทั้งนั้น เขากับน้องชายสามคนทั้งเคารพทั้งยำเกรง เวลาพาดุ เขากับน้องๆ จะทั้งกลัวทั้งเสียใจว่าจะทำให้ผู้เป็นบิดาผิดหวังหรือเสียใจ เพราะพวกเขาทั้งรักทั้งชื่นชมและยกย่องพายิ่งกว่าใครๆ สำหรับเขากับน้องชายทั้งสาม อยากให้พาภาคภูมิใจและชื่นชมยินดีซึ่งพาไม่เคยละเลยที่จะทำให้พวกเขาภูมิใจและเห็นคุณค่าในตัวเองเลย พาคือต้นแบบ คือผู้กล้า เป็นผู้ชี้นำ และเป็นโลกทั้งใบที่ให้พวกเขาเอาเป็นแบบอย่าง พาเป็นคนเข้มงวด เคร่งขรึม เคร่งครัด ทั้งยังเจ้าระเบียบ แต่ปกติจะนิ่งขรึมพร้อมกับความเยียบเย็นเรียบเฉยที่ความชาญฉลาดและเชี่ยวชาญเปี่ยมความสามารถไม่อาจถูกลดทอนลงไปได้แม้เพียงเศษเสี้ยว โดยในความสุขุมเยือกเย็นเหล่านั้นจะมีความคิดลึกซึ้งที่เขากับน้องๆ ต่างนึกอยากจะยึดถือเอาอย่างนั้นบ้างอย่างภาคภูมิใจ พาเป็นคนใจดี ทำให้เขากับน้องๆ สนุกได้เสมอ มีเรื่องน่าสนใจต่างๆ มากมายให้พวกเขาได้เรียนรู้และไม่ว่าอย่างไรพาก็มักจะไม่ตำหนิต่อว่าอย่างรุนแรง พามีเหตุผล เสียสละ และนำครอบครัวของเราอย่างดีไม่มีข้อบกพร่องแม้แต่น้อย คอยดูแลเอาใจใส่เรื่องในบ้าน ใส่ใจทุกอย่าง ทุ่มเททำเพื่อพวกเราไม่เคยเหน็ดเหนื่อย อุทิศตัวไม่มีเสื่อมคลาย ปกป้องดูแลพวกเขากับมามา พาจะคอยชี้แนะแนวทาง ให้คำปรึกษา และผลักดันอยู่ห่างๆ ด้วยดวงตากับความคิดอันสุขุมของบิดาที่พร้อมให้การสนับสนุน ช่วยเหลือเมื่อพลาดพลั้ง ส่วนมามาเป็นมารดาที่เขากับน้องๆ ทั้งรักทั้งทะนุถนอม พาบอกเขากับน้องๆ เสมอว่าต้องปกป้องมามา และพวกเขาก็ตระหนักชัดแจ้งตามนั้นโดยไม่จำต้องได้รับการอบรมปลูกฝังใดๆ มามาเป็นคนใจดียิ่งและอ่อนโยนมาก ทั้งนุ่มนวลทั้งสนุกสนาน ห่วงใย เอาใจใส่และโอบเอื้อใส่ใจผู้อื่นอยู่ตลอด เวลาอยู่ด้วยแล้วจะสบายใจเพราะรู้สึกได้ถึงความงดงามของโลก ความนิ่มนวลอารี ความร่าเริงรวมถึงความสดใสทั้งมวล มามามักจะทำให้เรื่องต่างๆ สนุกได้ จูงใจพวกเขา จัดการเรื่องต่างๆ อย่างแข็งขันและดูแลเขากับพาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มามาจะคอยให้กำลังใจ กระตุ้น สนับสนุนเรื่องต่างๆ อย่างเต็มความสามารถ และสำหรับความโอบเอื้อห่วงใยนั้น พวกเขาก็ไม่อาจจะหาใครมาทัดเทียมมามาได้อีกแล้ว

    ในชั่วขณะของคำถามจากบุพการีทั้งสองที่อ่อนเยาว์กว่าช่วงกาลเวลาที่เขาจากมานั้น เด็กหนุ่มหยุดชะงักไปครู่หนึ่งกับวังวนความคิดที่เยี่ยนเยียนเข้ามาทักทาย อาศัยเพียงไม่กี่ชั่วลมหายใจเท่านั้นก่อนที่เขาจะฉุดตัวเองกลับมายังปัจจุบัน

    “ไม่ครับ ขอบคุณมาก” น้ำเสียงที่เป็นหนุ่มแล้วกล่าวตอบมารดาคนที่เยาว์วัยอย่างสุภาพทันที จากนั้นเพียงครู่ก็หันไปทางบิดาคนที่ไม่เปลี่ยนไปจากบิดาที่เขารู้จักมากนัก อาจจะหนุ่มกว่าหน่อย แต่แน่นอนว่าเย็นชาและเยียบเย็นกว่ามากจนเขานึกหวาดหวั่นในใจด้วยเพราะแทบไม่เคยเห็นบิดาเป็นเช่นนี้เลยตั้งแต่จำความได้เว้นก็แต่เวลาพาของเขาไม่ได้อยู่กับที่บ้านเท่านั้น บางทีเขาถึงจะเห็นพาคนที่เย็นชาและเยียบเย็น มึนตึงทั้งยังดูยากจะเข้าถึงได้เช่นนี้เมื่อพาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ขณะนี้เขาจึงหวั่นเกรงเหมือนเป็นเด็กน้อยคนที่ถูกพาดุจนหน้าหงอย คนที่กลัวว่าจะทำให้พาคนที่ตนเคารพยกย่องต้องผิดหวัง เด็กหนุ่มบิดริมฝีปากเล็กน้อยพร้อมกันนั้นก็รู้สึกถึงรสชาติความประหม่าเหมือนตนกลับไปเป็นเด็กชายตัวจ้อย ตอนที่ตนเยาว์วัยกว่านี้และถูกดุ เขาเห็นว่าพากำลังรอคำตอบอยู่อย่างใจเย็น บรรยากาศรอบตัวรายล้อมด้วยความกดดัน เขาถึงได้ตอบออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำอย่างที่ถูกอบรมมา พาไม่ชอบคนพูดอึกอัก ลังเล ไม่หนักแน่นหรือไม่ชัดเจน และเพราะเด็กหนุ่มคือบุตรชายของผู้เป็นบิดาที่เปี่ยมไปด้วยสติปัญญาอันเฉียบคมและเชาว์วัยไหวพริบแน่วแน่ กับผู้เป็นมารดาอันปราดเปรื่องเฉียบคมด้วยเชาว์ปัญญาและปฏิภาณอันหลักแหลม เป็นบุตรชายคนโต บุตรชายคนแรกแห่งความเปรมเปรีดิ์ตลอดจนความเกษมยินดีล้นพ้น บุตรชายผู้ถอดแบบมาและเป็นส่วนผสมอันลงตัวจากรักเปี่ยมท้นที่บุพการีทั้งสองมีให้กัน ผลผลิตแห่งรักซึ่งแสนจะเป็นที่ภาคภูมิ เด็กหนุ่มถึงได้เลือกคำตอบพร้อมทั้งแก้ไขสถานการณ์ไว้แล้วอย่างรวดเร็วในหัว ไม่ว่าคำตอบของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นอะไร เป็นภาพลวงตา มนต์คาถา ความฝันหรือความจริงที่เขาถูกพาย้อนกลับมายังอดีตถึงตรงนี้ ทางออกนี้ที่เขาคิดขึ้นย่อมดีที่สุด

    “พ…”เขาเกือบจะหลุดพูดว่าพาไปแล้วด้วยความประหม่าที่อดไม่ได้ตามประสาเด็ก แม้จะเก่งกาจหัวไวเพียงใดแต่ก็ยังเป็นหนุ่มน้อยผู้เยาว์วัยที่น่าเอ็นดูต่อหน้าบุพการีผู้ให้กำเนิดเสมอ เด็กหนุ่มรีบแก้โดยเร็ว “ผมหมายถึงโพรเฟสเซอร์อาจจะยังไม่เคยพบผม ผมมาฮอกวอตส์เพื่อจะพบศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์สำหรับงานของภาคี ผมอาจจะดูเหมือนเป็นเด็กบ้านสลิธีรินแต่สถานะของผมเปิดเผยไม่ได้ เพราะเหตุนั้นผมเกรงว่าจะอธิบายเรื่องของตัวเองให้อาจารย์ฟังไม่ได้ด้วยเช่นกันครับ”

    เพราะเมื่อเด็กหนุ่มพิจารณาดูรูปการณ์อย่างละเอียดดีแล้วก็พบว่าผู้เป็นมารดาของเขายังศึกษาอยู่ฮอกวอตส์จากเครื่องแบบที่เธอสวมใส่ นอกจากนั้นเธอยังสวมตราพรีเฟค นั่นเท่ากับว่าในเวลานี้จ้าวแห่งศาสตร์มืดได้กลับมาเถลิงอำนาจแล้ว เขารู้เรื่องของสงครามโค่นล้นศาสตร์มืดจากการศึกษาค้นคว้าหนังสือ อันที่จริง มามาก็เคยเล่าให้เขาฟังถึงสิ่งที่พาทำให้กับโลกผู้วิเศษ เขากับน้องชายทั้งสามฟังด้วยความเคารพชื่นชมอย่างยิ่ง จากที่ยกย่องเทิดทูนอยู่แล้วก็ยิ่งมองพาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวของตน เป็นแบบอย่างและที่สุดของตัวอย่างที่น่าเชิดชู หวังจะดำเนินรอยตามให้ได้สักครึ่งหนึ่งของสิ่งที่พาทำเพื่อคนอื่น แต่มามาไม่ได้เล่าละเอียดนักเพราะไม่อยากให้เด็กๆ อย่างพวกเขารับรู้ถึงสิ่งโหดร้ายจากสงครามมากเกินกว่าที่ต้องสอนให้รู้ว่าสงครามไม่ดีอย่างไร และไม่ก่อให้เกิดสิ่งใดที่ดีๆ ตามมาเลย เรื่องใดๆ ที่พากับมาเล่ามักจะสอดแทรกคติ ข้อคิดรวมถึงคำสอนให้เขากับน้องๆ เสมอ พานั้นไม่เคยเล่าเรื่องสงครามให้เขาฟังบ่อยนัก และมามาเองก็ไม่เคยเล่าเรียงไปในส่วนที่รู้ว่าจะกระทบความบอบช้ำที่พาแบกรับผ่านสงครามมา ดังนั้นเขาจึงศึกษาเรื่องยุคสมัยสงครามและเด็กชายผู้รอดชีวิตด้วยตนเอง เขาถึงได้มีข้อมูลมากเพียงพอจะสรุปทางออกของเรื่องตรงหน้านี้ได้ เด็กหนุ่มคนนี้ใฝ่รู้และเอาจริงเอาจัง เมื่อเวลานี้จ้าวแห่งศาสตร์มืดเถลิงอำนาจ นั่นหมายความว่าดิออเดอร์ออฟฟินิกส์กำลังดำเนินงานอยู่อีกด้านเช่นกัน และการที่พากับมามาอยู่ด้วยกันอย่างดีแล้วเช่นนี้แสดงว่าทั้งสองได้ร่วมงานกันอยู่เบื้องหลังอย่างลับๆ เป็นที่เรียบร้อยตามที่มามาเคยเล่าด้วยน้ำเสียงยินดีเปี่ยมสุขกับการได้ระลึกความหลังว่าเพราะพากับมามาต้องร่วมมือกัน ทำงานเบื้องหลัง มามาต้องคอยสนับสนุนพา ขณะเดียวกันพาก็คอยปกป้องมามาตลอด ด้วยเหตุนั้นเองจึงได้มาเข้าอกเข้าใจกันดีอันเป็นผลสืบเนื่องที่สั่งสมเพิ่มพูนจากความรู้สึกแต่ดังเดิมในการได้แบ่งปันความรู้สึก ตลอดจนความรับรู้ร่วมกันได้ในที่สุดในตอนนั้นเอง เพราะก่อนหน้าอุบัติการณ์ดังกล่าว ต่างต่างฝ่ายได้แต่สนใจอีกฝ่ายหนึ่งห่างๆ มาตลอด เหตุนี้เอง เด็กหนุ่มถึงหยิบยกเรื่องของภาคีขึ้นมาอ้าง ถ้าสำทับอีกหน่อยว่านั่นเป็นความลับพร้อมกับกล่าวถึงศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ด้วยแล้ว รับรองว่าพาต้องไม่ซักไซ้ให้มากความ อย่างไรความเป็นความตายของโลกผู้วิเศษในเวลานี้ก็ขึ้นอยู่กับหมากแต่ละตัว ข้อมูลรวมทั้งความลับต่างๆ นานาที่โยงใยกันไปมาอยู่แล้ว

    อีกประการหนึ่ง เรื่องที่เกิดขึ้นนี้จำเป็นต้องมีคำตอบ เขาไม่รู้ว่าตัวเองหลุดมาในช่วงเวลาอดีตด้วยไทม์ เทิร์นเนอร์ที่แปรปรวนจริงหรือไม่ และไม่รู้จะเริ่มต้นที่ตรงไหน ซึ่งถ้าเขากลับมายังอดีตจริง สถานะกับการรู้อนาคตภายหน้าของเขาคือสิ่งอันตรายที่อาจจะส่งผลกระทบให้เปลี่ยนแปลงอนาคตในช่วงเวลาของเขา ที่ร้ายที่สุดคืออาจจะเปลี่ยนฝ่ายที่ถือครองชัยชนะไปยังฝั่งความมืดถ้าเขาทำอะไรผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว โดยที่หากมีอะไรผิดพลาดแม้เพียงนิด ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนไปมหันต์ เพราะช่วงเวลาที่ไม่มั่นคงเหมือนยืนอยู่บนปลายหอกริมหน้าผาของฝั่งภาคีนี้ แค่ก้าวพลาดนิดเดียวก็หมายถึงความปราชัยได้ จริงอยู่ถ้าเขาไม่ใช่บุตรชายของคนทั้งสองตรงหน้า เขาคงจะเลือกบอกเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังแล้วเพราะพากับมามาของเขานั้นเป็นคนของภาคีและได้เข้าถึงข้อมูลทั้งหมดรองจากศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ มามาเคยเล่าให้เขาฟังแบบนี้ แต่ทว่าเพราะเขาเป็นบุตรชาย ดังนั้นเขาจะบอกออกไปไม่ได้เป็นอันขาด ผลกระทบคงจะใหญ่หลวงเนื่องจากพวกเขาทั้งสองเป็นตัวแปรสำคัญอย่างยิ่งในชัยชนะ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้ ถ้าเขาอ้างชื่อศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ขึ้นมา เขาจะได้เข้าพบอาจารย์ใหญ่แห่งฮอกวอตส์ได้ และจัดการสถานการณ์ที่ไม่รู้ทิศทางนี้ต่อไปถูก ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งสิ่งเดียวอันแน่นอนที่เด็กหนุ่มตระหนักดีคือไม่ว่าอย่างไรเขากับน้องๆ ก็ต้องได้เกิดมา ต่อให้ฝ่ายมืดจะมีชัยเหนือโลกเวทมนตร์หรือเขาจะบิดเบือนส่วนใดของเหตุการณ์ไป รักของผู้เป็นบิดาและมารดาของเขานั้นคือกฎของโลก เป็นครรลองธรรมชาติ และสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปรไปเป็นอื่นได้

    สำหรับเด็กหนุ่มแล้ว แม้เขาจะกำลังจับต้นชนปลายหรือยังไม่ได้รับข้อมูลที่เพียงพอให้ตรึกตรองได้สมบูรณ์ แต่ด้วยสติปัญญาไหวพริบรวมถึงความที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเสมอว่าอย่าสูญเสียสตินึกคิดอันดีไปไม่ว่าจะกับสถานการณ์ใดๆ เขาจะต้องไตร่ตรองและพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่สูญเสียความเยือกเย็นหรือสติตรึกตรองอันละเอียดถี่ถ้วนและถ่องแท้ไป เขาถึงเยือกเย็นสุขุมพร้อมรับมือกับสิ่งต่างๆ เสมอ ไม่ว่ามันจะเข้ามาเหนือความคาดคิดหรือไม่ เวลานี้เด็กหนุ่มมั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของไทม์ เทิร์นเนอร์อย่างแน่นอน ซึ่งบางทีสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นอุบัติเหตุที่ทำให้เขาย้อนกลับมาในช่วงเวลาของอดีต นอกจากมันจะพาตัวเขาให้อยู่ผิดสถานที่ยังพาเขามาผิดช่วงเวลาอีกด้วย สิ่งที่ช่วยสนับสนุนสมมติฐานข้อนี้คือคนตรงหน้าเขาทั้งสองคนที่เยาว์วัยกว่าที่เขารู้จัก แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้แน่ใจเสียทีเดียวเพราะด้วยนิสัย เขาไม่ใช่พวกที่ชอบด่วนสรุปหรือคิดอะไรตื้นๆ แต่เป็นคนละเอียดรอบคอบและพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพราะเขาเป็นบุตรชายของพา เป็นลูกชายคนโตที่พาภูมิใจ เป็นบุตรชายผู้สืบทอดอุปนิสัยและลักษณะของพามาเต็มเปี่ยม เด็กหนุ่มจึงเป็นคนเด็ดขาด หนักแน่น ไม่ถือสิ่งใดเป็นเรื่องเล่นๆ และไม่ใช่คนที่ใครจะมากระทบกระเทือนความรู้สึกหรือตัวตนได้ด้วยคำพูดหรือการกระทำเช่นกัน เขาอ้างชื่อศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ออกไปแล้วด้วยแผนการที่ทักถอในหัวอย่างรวดเร็ว สิ่งต่อไปที่เขาควรทำหลังจากปัจจัยหนึ่งที่ช่วยยืนยันว่าเขาอาจจะย้อนกลับมายังอดีตมาอยู่ตรงหน้าอย่างจังในรูปของพาและมามาที่อ่อนวัยกว่าคนที่เขารู้จักนั้นแล้วคือการเข้าพบศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ด้วยความเร่งด่วน เป้าหมายเดิมก่อนหน้าจะเดินชนคำตอบตรงหน้าเข้าอย่างจังที่หัวมุมระเบียงอย่างการกลับไปยังหอนอนสลิธีรินยังคุกใต้ดินถูกลืมไปได้เลย

    “ฉันจะเชื่อเธอได้อย่างไร แค่คำพูดเท่านั้นคงไม่มีน้ำหนักพอ บอกทีสิว่าการเล่นละครตบตาและไหลตามน้ำของสมุนจ้าวแห่งศาสตร์มืดจะมีดีแค่ไหน เธอคือเด็กหนุ่มปริศนาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนแต่กลับเดินเพ่นพ่านในปราสาท อ้างว่าจะพบท่านอาจารย์ใหญ่แต่กลับมุ่งหน้าไปปีกตะวันออก คนละทิศทางกับหอคอยของท่านอาจารย์ใหญ่อย่างเห็นได้ชัด เรื่องนี้ยิ่งน่าสนใจขึ้นมากเลยว่าไหม” ดวงตาสีดำสนิทของชายผู้มากวัยกว่าคาดคั้นหนักขึ้น เซเวอร์รัส สเนปหรี่ตาอย่างจับผิด เขานึกสงสัยนักว่าเด็กหนุ่มอาจจะรู้ความลับเบื้องหลังของภาคีเพราะเห็นเขากับเฮอร์ไมโอนี่แล้วท่าทีที่เขาช่วยเฮอร์ไมโอนี่ไว้แล้วไม่ตกใจ ตอนนี้มีเพียงดัมเบิลดอร์เท่านั้นที่รู้ว่าเขากับเฮอร์ไมโอนี่ทำงานร่วมกัน ดัมเบิลดอร์อาจจะบอกเธอแล้วในเรื่องนี้ ซึ่งเขาจะไม่ชี้แจงเรื่องเขากับเฮอร์ไมโอนี่ให้เด็กหนุ่มรู้ก่อนแน่เพราะถ้าเด็กนี่คือฝ่ายจอมมารแฝงตัวเข้ามา ถึงแม้ระบบป้องกันของฮอกวอตส์จะดีแค่ไหน แต่ถ้าเขาเป็นฝ่ายบอกออกไปถึงความร่วมมือของเขากับเกรนเจอร์ที่แม้แต่จอมมมารก็ยังไม่รู้ สถานะของเขาในฐานะฝ่ายจอมมารก็จะสั่นคลอน ถึงแม้เขาเองก็สวมบทบาทเป็นสายลับให้กับจอมมารในการแทรกแซงภาคีอีกชั้น เหมือนกับที่เป็นสายลับที่แท้จริงให้ภาคีเข้าไปแฝงตัวอยู่กับจอมมารก็ตาม แต่เขาจะไม่เปิดเผยเรื่องใดๆ ออกไปก่อนถ้าเด็กนี่เป็นคนของจอมมาร การที่เขาอยู่กับเฮอร์ไมโอนี่โดยที่เขาไม่ได้อธิบายเรื่องใดก็อาจหมายความถึงเขากำลังดำเนินแผนแทรกแซงให้จ้าวแห่งศาสตร์มืดโดยไม่บอกใครได้อีกเช่นกัน และเขาก็จะไม่แสดงท่าทีหรือแสร้งตบตาที่ทำให้เด็กที่ยังไม่รู้ฝ่ายนี้เข้าใจกระจ่างชัดว่าแท้จริงแล้วเขาอยู่ฝ่ายใดเป็นอันขาด เพราะเขาไม่รู้ว่าเด็กที่เหมือนตัวเองราวกับภาพอดีตนี้มีเจตนาใดกันแน่

    ที่เขาพูดนั้นถูกต้อง ไม่สามารถบอกเป็นอื่นได้อีกแล้วว่าเด็กนี่คือคือเด็กหนุ่มที่อยู่ดีๆ ก็ปรากฎตัวขึ้นมาอย่างไม่มีที่มาที่ไปก่อนจะอ้างว่าจะพบศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์แต่กลับเดินเพ่นพ่านไปมาในตัวปราสาท เขาไม่อาจวางใจได้แม้ลึกลงไปจะแน่ใจอย่างไร้ข้อแม้ว่าเด็กนี่ไม่เป็นอันตรายก็ตาม สัญชาตญาณเขากำลังเข้มข้นและบอกว่าเด็กนี่มีบางสิ่งที่ทำให้เขาจะยอมสละให้ได้แม้แต่ชีวิต เซเวอร์รัสจับจ้องเด็กหนุ่ม ครั้นแล้วความรู้สึกที่หาคำตอบไม่ได้ก็ยิ่งแจ่มแจ้งขึ้นทุกที ขณะเดียวกันนั้นคำตอบก็เหมือนจะยิ่งแจ่มชัดขึ้นทุกชั่วขณะไปพร้อมๆ กันด้วย เด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าที่คล้ายคลึงกันเกือบทุกส่วนสำรวมสายตามองอีกฝ่ายอย่างสุภาพและนอบน้อม เขากลัวว่าถ้าหลบสายตาจะยิ่งยืนยันว่าเขาทำผิด และพาไม่ชอบให้เขาหลบตา คำถามของพานั้นกระแทกเขาอย่างแรงและแทบจะทำลายแผนการเขาให้ง่อนแง่นบุบสลายไปด้วยซ้ำ บางทีเขาควรจะต้องรู้ดียิ่งกว่าใครว่าผู้เป็นบิดาของเขานั้นละเอียดรอบคอบและระมัดระวังยิ่งนัก เพราะเขาเองก็สืบทอดนิสัยนี้มาไม่ผิดแผกจากกัน พาของเขาพิถีพิถันกับการทำเรื่องต่างๆ ให้ดีไม่บพร่อง พาเป็นคนสุขุม ไตร่ตรองสิ่งต่างๆ อย่างรัดกุมเข้มงวด ช่างสังเกต และเคร่งครัดต่อหน้าที่รับผิดชอบอย่างมาก นั่นก็นิสัยที่เขาได้รับมาอีก เด็กหนุ่มนึกอยากตำหนิตัวเองที่คิดไม่ทันผู้เป็นบิดา

    ฉับพลันนั้นเองที่เขารู้สึกถึงความเย็นเหมือนน้ำแข็งผ่านทะลุเข้ามายังดวงตาและผืนความคิดของตน เขาเกือบจะสะดุ้ง แต่แล้วความเยือกเย็นสุขุมที่พาให้เขามาทั้งหมดผ่านยีนมรดกในฐานะบุตรชายก็ทำให้เด็กหนุ่มยังคงรักษาความมั่นคงของจิตใจอยู่ได้ ทั้งยังมีสติตอบสนองทุกประการ เขาดึงกำแพงความคิดลงทันที สกัดใจด้วยคาถา เมื่อตระหนักได้ว่าผู้เป็นบิดากำลังใช้คาถาพินิจใจแบบที่พาเองก็เป็นคนสอนเขา พาสอนเขากับน้องๆ สกัดใจและจากนั้นก็พินิจใจ เขาไม่อาจเทียมตัวเองกับพาได้หรอกเพราะพาเป็นปรมาจารย์ด้านการสกัดใจหาตัวจับได้ยาก เชี่ยวชาญยิ่งกว่าใครๆ ทั่วทั้งโลกเวทมนตร์ ตบตาจอมมารได้โดยไม่แม้แต่จะมีข้อสงสัยคลางแคลงเดียว นั่นทำให้เขานึกพรั่นพรึงอยู่นี่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพาผ่านทะลุกำแพงจิตใจที่เขาสร้างเข้ามาพินิจใจเขาได้ พาของเขาเป็นทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์มืดที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นผู้แตกแขนงทางด้านเวทมนตร์รวมถึงศาสตร์มืดทุกประเภท คิดประดิษฐ์คาถาต่างๆ มากมาย เก่งกาจทั้งคาถาไร้เสียงและไร้ไม้กายสิทธิ์ เป็นปรมาจารย์ด้านการปรุงยาที่ไม่มีใครเทียบได้ เด็กหนุ่มกลั้นใจแต่ยังคงรักษาใบหน้าเรียบเฉย ไม่ละสายตาไปจากดวงตาสีดำที่เหมือนของเขาไม่มีผิดเพี้ยนนั้นเนื่องด้วยกลัวว่าจะทำให้ผิดสังเกต เขาพยายามแสดงถึงความซื่อสัตย์จริงใจของตัวเอง ชั่วขณะถัดมาแห่งความลุ้นระทึกนั้น เขาก็เห็นพาขมวดคิ้วและมามาก็มองเขาสองคนกึ่งสงสัยกึ่งเคลือบแคลง

    เนื่องจากการพินิจใจของตนถูกกำแพงจิตใจของเด็กหนุ่มสกัดไว้ได้ เซเวอร์รัสจึงขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยอากัปกิริยาที่ไม่ได้ต่างจากบุตรชายที่มาจากกาลเวลาในภายหน้าของเขาเลยแม้เพียงนิด เขารับรู้ได้ทันทีว่าเด็กนี้รู้จักการสกัดใจและค่อนข้างมีฝีมือพอตัวเสียด้วยถึงได้ปิดกั้นความคิดจากเขาได้ ศาสตราจารย์วิชาปรุงยาไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังชื่นชมเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่น้อย และน่าประหลาดที่มันมีความรู้สึกคล้ายความพึงพอใจหรืออาจจะเรียกได้ว่าถึงขั้นภูมิใจแฝงเร้นอยู่ อาจเพราะรูปลักษณ์ของเด็กตรงหน้า ทั้งรูปร่างหน้าตา ลักษณะท่าทาง บุคลิกภาพนั้นเหมือนเขาไปหมดเสียทุกอย่าง เหมือนเขาในตอนที่อายุเท่ากันนั้นราวกับเขาได้เห็นตัวเองในวัยดังกล่าวเดินออกมาทักทายจากอดีตเลยทีเดียว แน่นอนว่านั่นสร้างความตกใจให้ในคราแรก จากนั้นก็เป็นความรู้สึกสงสัยและเคลือบแคลงที่ไปที่มาของเด็กหนุ่มที่เหมือนตนเองราวกับแกะนี้ ยังไม่นับรวมความรู้สึกประหลาดที่คล้ายจะผูกโยงเขากับเด็กหนุ่มนี้ราวกับมีความผูกพันกันมาเนิ่นนานและฝังลึกยิ่งกว่าโลหิตที่ไหลเวียนในตัวของเขาเอง เขารู้สึกเชื่อมโยงกับเฮอร์ไมโอนี่ด้วยเช่นกัน สายใยพันผูกทักถอโยงใยลึกซึ้งอยู่ระหว่างพวกเขาในแบบที่เกี่ยวเนื่องกับบุคคลตรงหน้าที่ไม่ว่าอย่างไรใจเขาก็พูดคำว่าแปลกหน้าออกมาเต็มปากไม่ได้ เขาลอบมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ และในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอ เขาก็พบว่าเฮอร์ไมโอนี่เองก็รู้สึกไม่ต่างไปจากตน

    “แค่คำพูดของผมอาจจะไม่มีน้ำหนักพอ ผมอาจจะขอร้องให้เชื่อ แต่ผมก็รู้ด้วยเช่นกันว่าพ โพรเฟสเซอร์กับมา… มิสเกรนเจอร์ร่วมมือกันทำงานอยู่เบื้องหลังเพื่อประโยชน์ของภาคี นั่นอาจจะช่วยยืนยันได้บ้างเพราะศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เป็นคนบอกเรื่องนี้กับผมเอง และคุณยังเป็นสายลับสองหน้า ฉากหน้าทำงานให้ภาคีโดยการแฝงตัวเข้าไปอยู่กับจอมมารในขณะเดียวกันก็หลอกให้จอมมารเชื่อด้วยการแสดงเป็นสายลับให้ฝ่ายจอมมาร แต่แท้จริงคุณก็ยังคงเป็นสายลับให้กับภาคีอยู่นั่นเอง ผมตั้งใจจะไปพบศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จริงแต่ที่เดินมาทางปีกตะวันออกเพราะมีเรื่องที่จำเป็นต้องทำก่อนตามคำสั่งของท่านอาจารย์ใหญ่เองครับ” น้ำเสียงที่ใช่นั้นสุขุมและหนักแน่นแต่ภายในใจนั้นเด็กหนุ่มกำลังนึกตำหนิตัวเองว่าทำไมจึงลืมไปสนิทว่ามีครั้งไหนบ้างที่เขาเคยโกหกพาได้ ไม่มีเลย คำยืนยันครั้งหลังนี้เขารู้ว่าพาจะไม่ตอบแน่เพราะถ้าตอบโดยที่ยังเคลือบแคลงว่าเขาอยู่ฝ่ายใดเท่ากับยอมรับว่าตัวเองทรยศฝ่ายมืดจริง แต่เขาไม่มีอะไรจะพูดแสดงความบริสุทธิ์จริงใจไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว เขาเอ่ยข้อเท็จจริงที่ตอนนี้คงจะมีแค่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ พากับมามา และตัวเขาที่มาจากช่วงหน้าภายหน้าเท่านั้นที่รู้ออกไปโดยคาดหวังว่า อีกประการหนึ่งเรื่องนี้ละเอียดซับซ้อน อย่างน้อยพาก็น่าจะเอะใจว่าถ้าเขาเป็นคนของจอมมารคงไม่ทันเรียบเรียงเรื่องราวได้เพียงเพราะเห็นพาอยู่กับมามาในชั่วพริบตาเดียว

    จากคำพูดที่เอ่ยออกมาตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว เซเวอร์รัสรู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนี้ฉลาดและมีไหวพริบฉับไว กำลังจะล่อหลอกให้เขายอมรับหรือไม่แล้วก็บีบให้เขาต้องยิ่งพาตัวไปพบศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ไม่ว่าอย่างไรถ้าเขาต้องการจะยืนยันเรื่องที่เด็กหนุ่มพูดโดยไม่ยอมรับออกไปว่าตนเองเป็นไปตามอย่างที่เด็กนี่พูดจริง เรื่องที่เด็กนี่พูดเป็นความจริงจนน่ากลัว และเป็นความจริงมากกว่าที่แม้แต่สมุนจอมมารจะทันฉุกคิดถึงโดยอาศัยแค่เพียงเห็นเขากับเฮอร์ไมโอนี่เดินอยู่ด้วยกัน ถึงแม้ว่าอาจมีโอกาสที่คำถามดังกล่าวอาจเป็นคำถามหยั่งเชิง เขาจึงไม่ยอมรับและไม่ถามออกไปด้วยว่าเด็กหนุ่มรู้ได้อย่างไร เพราะนั่นก็อาจจะหมายถึงเขายอมรับว่าทำงานเบื้องหลังให้ภาคี เอาใจเข้าใฝ่หาภาคีมากกว่าจอมมาร และถ้าเด็กนี่เป็นคนของจ้าวแห่งศาสตร์มืดนั่นก็หมายถึงเขากำลังเปิดเผยสถานะสายลับสองหน้าของตัวเองให้อีกฝ่ายรู้ เซเวอร์รัสครุ่นคิดอย่างละเอียดและพินิจพิเคราะห์รอบด้านถึงเรื่องที่อีกฝ่ายหยิบยกขึ้นมา ดวงตาสีดำดุจความมืดจับจ้องลงไปยังสีดำของอีกฝ่ายที่ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกดุจจ้องมองดวงตาของตัวเองอยู่ เด็กคนนี้เหมือนเขาในช่วงวัยเดียวกับแทบไม่ผิดเพี้ยนไปเลย ไม่มีอะไรที่ไม่เหมือนกัน รูปลักษณ์ ท่าทาง บุคลิกลักษณะ ตลอดจนการวางตัว สิ่งที่ต่างไปอย่างเดียวก็เห็นจะมีแต่ร่องรอยความสุขบริบูรณ์ ไม่มีความรู้สึกขาดไร้เพราะแค่มองแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนี้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ได้รับการอบรมมาอย่างดี ได้รับการเอาใจใส่และได้รับความรักล้นเหลือ มาจากครอบครัวที่ดีและอบอุ่นอย่างแน่นอน ชั่วครู่หัวใจเต้นหนึ่ง ก่อนที่เขาจะถอนสายตากลับมา เด็กหนุ่มก็คล้ายจะยิ้มให้กับเขาอย่างสัตย์ซื่อจริงจัง ในรอยบิดยิ้มหยันที่มุมปากก็ชวนให้นึกถึงความคลับคล้ายคลับคลาถึงอะไรบางอย่าง หากแต่ก็ยังนึกไม่ออก ความคุ้นเคยเพียงอย่างเดียวที่เขาพอระลึกได้คือมันมีร่องรอยบางส่วนชวนให้นึกถึงรอยยิ้มของเฮอร์ไมโอนี่ ยิ่งเขาพินิจมองก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองในวัยหนุ่มเดินเข้ามาทักทาย ซึ่งหญิงสาวคนข้างๆ เองก็มีความคิดเช่นเดียวกันกับเขา เพราะเธอเอาแต่สลับสายตามองใบหน้าของเด็กหนุ่มกับของเขาเองอยู่เนืองๆ มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วคล้ายพยายามจะถามหาคำตอบจากเขา หรือไขข้อข้องใจให้ได้จากการเวียนสังเกตไปมาอย่างฉงนงุนงง ชวนให้ไม่น่าเชื่อสายตาอยู่นี่ว่าเพราะเหตุใดเด็กหนุ่มตรงหน้าถึงได้เหมือนเขามากมายนัก อย่างไรก็ตาม เขาสามารถบอกกับเธอได้ว่าถึงตนจะเคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหนมา แต่ก็ไม่มีทางปล่อยให้อยู่ดีๆ ก็มีเด็กหนุ่มอายุขนาดนี้เป็นลูกชายมาปรากฎตัวตรงหน้าเป็นแน่ เซเวอร์รัสหรี่ตามองเด็กหนุ่มคนที่ถ้าหากเขาจะได้รู้ว่าเป็นลูกชายแท้ๆ สุดแสนจะภาคภูมิใจจากการเวลาภายหน้าที่มีกับคนที่รักหมดหัวใจ ทุกสิ่งก็จะกระจ่างคลี่คลายเป็นปลิดทิ้งในคราเดียวว่าคำตอบทั้งหมดมันกระจ่างชัดอยู่แล้วตรงหน้า ครั้นแล้วเด็กหนุ่มก็เห็นบุรุษในชุดคลุมสีดำผู้เป็นบิดาและยืนอย่างนิ่งขึมห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศกดดันอันน่าคร้ามเกรงกระตุกริมฝีปากเป็นร่องรอยยิ้มบางๆ ชั่วพริบตา สีหน้าของพาถัดจากนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนกลับไปยังช่วงเวลาของตัวเองอีกครั้ง เวลาที่พาผู้นิ่งขรึมแต่กลับมีร่องรอยความอ่อนโยนจางๆ ในดวงตาและริมฝีปากที่กระตุกบางๆ ชั่วขณะหนึ่ง เขาแทบจะกลั้นหายใจรอท่าทีต่อจากนั้นก่อนที่พาของเขาจะตัดสินใจในที่สุด

    “นั่นหมายความว่าฉันจำเป็นต้องพาเธอไปพบอาจารย์ใหญ่เพื่อยืนยันเรื่องนี้แล้วล่ะ” ตอนนั้นเองที่เด็กหนุ่มรู้สึกโล่งใจ สุดท้ายผลลัพธ์ก็ได้อย่างที่เขาปรารถนา เพียงแต่เขาคาดไม่ถึงเท่านั้นเอง คนตรงหน้าเขาวางแผนดักทางไว้หมดแล้วด้วยการพูดไล่ต้อนให้เขาจนมุมสุดท้ายก็สามารถพาเขาไปพบศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ได้โดยที่เขาไม่อาจบิดพลิ้ว เพราะถ้าข้ออ้างที่ว่าเขาจะมาพบศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ไม่เป็นความจริง หรือเขาเป็นสมุนของจอมมารอย่างที่พามีสิทธิที่จะสงสัยได้เต็มที่ เด็กหนุ่มต้องปฏิเสธอย่างแน่นอนเพราะเขากล่าวอ้างไว้หนักหนาแล้วว่าเป็นคนของภาคีเพื่อเข้าพบอัลบัส ดัมเบิลดอร์ในคราแรก พาหลักแหลมและเฉียบขาดกว่าเขาอยู่แล้ว เด็กหนุ่มจากกาลเวลาภายหน้าเผลอกัดริมฝีปากอันเป็นลักษณะที่มองดูคล้ายผู้เป็นมารดาเวลาจมอยู่กับการตรึกตรองนัก เซเวอร์รัสที่ตั้งท่าจะมุ่งหน้าไปทางห้องของดัมเบิลดอร์หัวใจกระตุกวูบไปจังหวะหนึ่งยามที่หันมาส่งสัญญาณให้เด็กหนุ่มออกเดินตามไปหลังจากที่ได้สะกิดหญิงสาวคนข้างๆ ด้วยใบหน้ากับสายตาที่อ่อนโยนลงอย่างมากยามทอดมองและถ่ายเทความสนใจทั้งมวลลงไปที่เธอ เด็กหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าพากำลังสื่อสารกับมามาผ่านความรับรู้ร่วมกันที่เชื่อมโยงระหว่างพวกเขาทั้งคู่ผ่านดวงใจที่พันผูกอย่างลุ่มลึก เขาเห็นภาพเช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วนนับตั้งแต่จำความได้ เป็นสิ่งอันคุ้นเคยอันชินตาจนกลายเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นอะไรที่แน่นอน เวลานั้นเขาอดยิ้มออกมาไม่ได้กับการที่แม้เขาจะถอยหลังกลับมากับกาลเวลา แต่สิ่งที่ต้องเป็นไปอย่างไรก็จะเป็นไปอยู่อย่างนั้นเสมอ ไม่เปลี่ยนแปลง เขาเห็นมามาเงยหน้ายิ้มหวานให้พาแทนคำตอบรับ ก่อนที่มามาจะเลื่อนสายตาหันมายังเขา พยายามจะช่วยสำทับให้เขาได้ทราบให้ถนัดชัดแจ้งขึ้นว่าพวกเรากำลังจะมุ่งหน้าไปทางใด ซึ่งเป้าหมายปลายทางจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากห้องของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ อาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์ในเวลานี้นั่นเอง

    “มิสเตอร์ ” กระแสสำเนียงเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจนัก และถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยจากปากหญิงสาวเพียงผู้เดียวในที่นี้ซึ่งพวกเขาต่างทะนุถนอมดังดวงใจก็ดูคล้ายจะเป็นคำถามมากกว่า เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มรับสัญญาณจากเซเวอร์รัสที่เขาส่งผ่านความรับรู้ร่วมกันแล้ว ทว่าตอนที่เธอกำลังจะหันมาเรียกเด็กหนุ่มคนที่เธอมีความรู้สึกรักและถนอมอันอ่อนหวาน อบอุ่นแผ่ซ่านลงกลางใจ หวงแหนรวมทั้งมีแต่นานาความรู้สึกอันดีงามสุดจะพรรณาอัดแน่นอึงอลในอกอย่างละมุนละไมนิ่มนวลยิ่งกว่าสิ่งอันอ่อนโยนใดๆ ในโลกได้นั้น เธอก็พลันรู้สึกตัวได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ยังไม่ได้แนะนำตนเอง ซึ่งความรับรู้ที่เซเวอร์รัสส่งผ่านมาทางสายตาเมื่อครู่นั้นบอกกับเธอเช่นกันว่าพวกเราควรถามไถ่ถึงชื่อของเด็กหนุ่มผู้นี้ เฮอร์ไมโอนี่เห็นด้วยเต็มที่ นอกจากความรู้สึกอันเข้มข้นเปี่ยมล้นในใจของเธอ ตนไม่รู้ที่มาที่ไปหรือชื่อเสียงเรียงนามของเขาด้วยซ้ำ แต่รู้สึกรักเหลือเกิน เป็นรักที่เชื่อมโยงเข้ากับรักของเธอกับเซเวอร์รัส และมันลึกล้ำเหนือคำอธิบายทั้งหมด ดวงตาสีน้ำตาลเฮเซลสำรวจดวงตาสีดำสนิทของเด็กหนุ่มตรงหน้า เธอก็พลันรู้สึกว่าหัวใจเอ่อท้นไปด้วยความปลื้มปิติยิ่งขึ้นจนน้ำเสียงที่เธอใช้ถามออกไปภายใต้ดวงตาสีดำของเซเวอร์รัสที่วางสายตาไปยังที่เดียวกันนั้นยิ่งกว่าคำว่าโอบเอื้ออาทรจะจำกัดความ “ฉันควรจะเรียกเธอว่าอย่างไรดี”

    “ส ” ก่อนจะทันได้ก้าวขาเข้าไปความเสี่ยงของการจะได้แถลงไขความจริงทั้งหมดออกไปในคราวเดียวอย่างน่าประหวั่นใจ เด็กหนุ่มก็ยั้งตัวเองไว้ได้ทันก่อนจะเผลอบอกชื่อสกุลของตัวเองออกไป ทว่าเขาไม่ได้ชะงักหรือส่อท่าทีมีพิรุธเลยด้วยซ้ำ หากแต่กล่าวต่ออย่างเรียบรื่นและน่าเชื่อถือด้วยความสุขุมนุ่มเย็น เขามองตอบมามาด้วยความรู้สึกรักและเทิดทูนที่มอบให้แก่มามาเสมอ และรู้ได้ว่าใจของเขากับมามาเชื่อมโยงกันโดยที่กาลเวลาไหนๆ ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรือมีผลใดๆ ทั้งสิ้น

    บ้านของเรามีด้วยกันหกคน มีพา มามา ตัวเขาเอง บาร์นาบัส น้องชายคนรองที่ห่างกันสองปี คริสโตเฟอร์ น้องชายคนที่สองที่ห่างกับเขาสี่ปี และธีโอดอร์น้องน้อยคนเล็กที่ห่างกันหกปี ชื่อของเรานั้นคือความสุขเกษมยิ่ง เป็นความปิติปรีดาและภาคภูมิเหลือคณานับที่พากับมามาได้ต้อนรับพวกเราถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกด้วยรักเหลือคณานับ ชื่อของพวกเขาได้รับการตั้งด้วยความรู้สึกดีงามเช่นนั้น เป็นตัวแทนของความปลาบปลื้มยินดีเหลือถ้อยคำใดๆ จะบอกได้ ชื่อของเขาคือความชื่นชมยินดี พาตั้งชื่อเขาเช่นที่เป็นนี้เพราะอยากให้เขาเป็นผู้ปกป้อง เป็นคนที่ทำหน้าที่ดูแลปกป้องทุกๆ คน คอยปกป้องดูแลมามาเหมือนกับที่พาทำ ช่วยพาคุ้มครองดูแลครอบครัว และจะได้คอยปกป้องทุกคนต่อไป ทำหน้าที่ต่อจากพาเมื่อพาไม่อยู่แล้ว เขาไม่เคยมีความคิดว่าพาจะจากไป ถึงแม้วันใดวันหนึ่งพากับมามาจะต้องจากไป แต่เขากลับรู้สึกว่าพากับมามาจะอยู่กับพวกเราในใจเสมอเป็นที่ยึดเหนี่ยวให้ ดังนั้นความคิดที่ว่าพากับมามาจะไม่อยู่จึงดูคล้ายจะจับต้องไม่ได้ เขาสาบานกับตัวเองและชื่อที่พามอบให้ว่าจะทำหน้าที่ปกป้องดูแลทุกคนให้สมกับที่พาตั้งใจ แม้เขาจะเชื่อว่าตนคงไม่อาจทัดเทียมกับพาได้ในการปกป้องผู้คน เขาคงทำได้ไม่ดีเท่ากับพา เพราะพานั้นยอดเยี่ยมและวิเศษมาก พาเป็นคนที่อุทิศตัวเองเพื่อครอบครัวของเรามากที่สุด เสียสละเพื่อทุกคนมากกว่าใคร ปกป้องคุ้มครอง และคอยดูแลพวกเราอย่างเด็ดขาดและเต็มกำลังเท่าที่ใครสักคนจะสามารถทำได้ พาทำอย่างองอาจและผ่าเผย ไร้ที่ติ ทุ่มเทเพื่อพวกเรา ไม่ขาดตกบกพร่องใดๆ เลย นอกจากนี้พายังอยากให้เขาเป็นคนที่คอยช่วยเหลือทุกคนทั้งครอบครัวและคนอื่นๆ เป็นที่พึ่งพาและปกป้องทุกคนได้เหมือนกับที่พาเคยทำ เสียสละตนเพื่อส่วนรวมและเห็นแก่เพื่อนมนุษย์คนอื่น เป็นกำลังคอยปกป้องทุกคนที่ต้องการหรือไม่ต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจว่าแม้อาจจะทำได้ดีเท่าที่ปาทำไว้แต่ก็จะพยายามอย่างสุดกำลังความสามารถเช่นกันให้ได้ดังที่พาทำสักวันหนึ่ง อเล็กซานเดอร์ สเนปพูดชื่อของตนออกไปด้วยความภาคภูมิใจยิ่ง “อเล็กซานเดอร์ครับ – ” เขาหยุดจังหวะพูดลมหายใจหนึ่งไปเพื่อนึกหานามสกุลที่เหมาะสม แล้วก็ตัดสินใจเลือกนามสกุลที่แพร่หลายและธรรมดาที่สุดสำหรับการณ์เฉพาะหน้านี้ออกไปเพื่อให้ทุกอย่างไม่ผิดปกติวิสัย ตอนนี้เขาไม่อาจแนะนำตัวเองว่าสเนปอย่างที่มักจะพูดด้วยความภาคภูมิใจเสมอๆ ได้ซึ่งมันทำให้เขาปวดใจลึกๆ แต่การทำเช่นนี้ไม่ได้ทำให้เขาเป็นสเนปน้อยลงแม้เพียงเสี้ยวเดียว “สมิธ อเล็กซานเดอร์ สมิธครับ”

    “อเล็กซานเดอร์” ชั่วขณะหนึ่ง เซเวอร์รัสและเฮอร์ไมโอนี่ก็เอ่ยทวนถ้อยคำจากคนตรงหน้า และภาพทั้งหมดก็ดูจะย้อนกลับไปตอนที่เด็กหนุ่มเป็นทารกแรกเกิดในอ้อมกอดของมารดา ขณะที่บิดาคอยประคองเขาเอาไว้ในประทับอ้อมแขนเข้าไปด้วยกันกับของมามา ดวงตาสองคู่ทอดมองเขาด้วยความรักของพวกเขาและรักที่เผื่อแผ่ ขยายขอบเขตมายังเขาในแบบที่ไม่อาจเปรียบกับสิ่งใดได้ด้วยนั้น ทั้งสองอุ้มชูเขาอย่างปลื้มปิติพลางมอบชื่อให้แก่เขาเหมือนเช่นในขณะนี้ที่พวกเขาต่างพูดทวนมันออกมาพร้อมกันอย่างชัดถ้อยชัดคำ สลักลึกย้ำเอาความรักความผูกพันระหว่างพวกเขาที่บังเกิดขึ้นนับแต่วินาทีแรกเห็นเด็กหนุ่มผู้มาจากกาลเวลาภายหน้าคนนี้ให้ตราตรึงลึกลงไปยิ่งขึ้นอีก และถ้อยคำนี้ก็เชื่อมโยงพวกเราเข้าไว้ด้วยกัน



    To be continued

    ท่านใดสนใจพูดคุย ข่มขู่ ติดตามทวงฟิคหรือข้อมูลข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับงานเขียนของผู้เขียน ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดท ความคืบหน้า หรือดีเทลต่างๆ เกี่ยวกับฟิค รวมทั้งสปอยล์ที่อาจมีบ้าง หากสะดวกสามารถติดตามแอคเค้าท์ทวิตเตอร์ @ccarcharia (คลิก) ได้ เป็นแอคเค้าท์เกี่ยวกับงานเขียนของผู้เขียนโดยเฉพาะ feel free to follow ค่ะ หรือจะผ่านทางเฟสบุ๊คแฟนเพจ McBoffin/ccarcharia (คลิก) ก็ได้ค่ะ นอกจากนี้ ฟิคนี้ยังมีลงไว้อีกที่คือที่ WordPress (คลิกสามารถติดตามอ่านผ่านช่องทางดังกล่าวได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งหน้าเว็บอาจจะสบายตาและอ่านง่ายกว่า เลือกช่องทางที่ทุกท่านสะดวกได้เลยนะคะ


    เก็บฟิคนี้ไว้อ่านและติดตามการอัพเดท (คลิก)


    อนึ่ง ทุกท่านสามารถติดแฮชแท็ก #ฟิคนี้รู้ไปหมด หรือจะใช้ Ver. ภาษาอังกฤษ #ThisFicKnowsItAll เพื่อพูดคุยหรือคอมเม้นท์เกี่ยวกับแฟนฟิคเรื่องนี้ผ่านทาง Twitter หรือ Facebook ได้ค่ะ ติดแฮชแท็กดังกล่าวเวลาโพสหรือทวีตถึงฟิคเรื่องนี้ มาพูดคุยกันสนุกๆ อย่าลืมมาเล่นแฮชแท็กนี้กันนะคะ :)



                  
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×