ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Harry Potter: HP | ฟิค SS/HG | SSHG - Snamione) Love and All Its Details

    ลำดับตอนที่ #2 : Prologue | Winterberry

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.39K
      94
      22 ก.พ. 67



    Love and All Its Details


    Prologue

    Winterberry



     


    คาถาถูกร่ายออกไป


    เสือดำสีเงินตัวหนึ่งพุ่งทะยานออกมาจากปลายไม้กายสิทธิ์ เยาะย่างอย่างสง่างามไปในอากาศรอบ ๆ ห้อง เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเปลื้องเปล่าและเปิดเปลือยกับการเผยผู้พิทักษ์ซึ่งเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปต่อหน้าชายที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น


    เซเวอร์รัสกลั้นลมหายใจหนึ่งช่วงจังหวะ เขาชะงักนิ่ง เธอมีส่วนรับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับผู้พิทักษ์ของเขาเช่นกัน


    มาสเตอร์แห่งศาสตร์การปรุงยาสะบัดไม้กายสิทธิ์ขึ้นสูง ตวัดมันวาดบนอากาศ และเสือดาวหิมะสีเงินอันงดงามก็วิ่งทะยานอย่างซุกซนออกมาเคียงข้างไปกับคู่คล้องสอดรับของมัน


    รูปลักษณ์ผู้พิทักษ์ของเราสองคนสนองเข้าคล้องและเกื้อต่อกันและกัน


    และนั่นคือทั้งหมดที่จำเป็น ไม่จำต้องพูดอะไรกันได้มากกว่านั้นอีกแล้ว

     



     

    ผู้พิทักษ์ของแม่เป็นเสือดำสีเงิน


    หนังสือที่เขาอ่านเมื่อปลายสัปดาห์เขียนถึงคาถาผู้พิทักษ์ ตอนนั้นเองที่เขาหวนนึกขึ้นได้ว่าไม่เคยเห็นผู้พิทักษ์ของพ่อมาก่อน แต่ครั้งหนึ่งนานมากแล้วตอนที่เขายังเด็กมาก แมทธิวยังจำความอะไรไม่ได้มากนัก แอนโทนี่ยังแบเบาะ และธีโอก็ยังไม่เกิด เขาเคยเห็นผู้พิทักษ์ของแม่แล้ว


    มันเป็นเสือดำสีเงินรูปร่างดุดัน ผ่าเผย น่าคร้ามเกรง


    ฤดูร้อนนั้นท้องฟ้าสว่าง และเมฆก็เป็นสีขาวกระจ่างสดใสแต่งแต้มทะเลสีฟ้าเบื้องบนให้มีชีวิตชีวา


    ในวันที่อากาศแจ่มใสจนดอกไม้พากันเบ่งบาน พุ่มไม้ใบหญ้าเขียวขจี กอไม้ดอกกระจุ๋มกระจิ๋มขึ้นแซมรั้วไม้รายทาง เถาไอวี่กับวิสเทเรียที่ปกคลุมบ้านของเราดกหนา ออกดอกสะพรั่ง แม่พาเขา แมทธิว แอนโทนี่ และสกอร์เปียสซึ่งมาค้างคืนที่บ้านเพราะอังเคิลเดรโกติดงานด่วนของกริงกอตส์ออกจากบ้านของพวกเราที่ฮอกส์มี้ดไปยังร้านหนังสือเก่าในชนบทสักแห่งของกลอสเตอร์เชอร์


    ระหว่างที่แม่กำลังเลือกหนังสืออยู่กับเจ้าของร้าน เขา แมทธิว และสกอร์เปียสก็เล่นซุกซนอยู่ใกล้ ๆ


    พวกเขาเดินไปตามชั้นวางหนังสืออันเรียงรายประหนึ่งมันคือเขาวงกตพึงต้องสำรวจ เวทมนตร์เด็กของเขาแสดงออกมาเร็ว เขาจึงดึงหนังสืออกมาจากชั้นด้วยมือเปล่าโดยไม่ต้องแตะ ก่อนจะปล่อยมันลอยอยู่กลางอากาศแล้วเปิดดูเล่มที่ถูกใจกันสามคน ส่วนหนึ่งก็เพราะลูกค้าทั้งร้านมีแค่พวกเราด้วย


    สักพักแม่ที่อุ้มแอนโทนี่ไว้ก็เดินเข้ามาย่อตัวถามว่าพวกเขาเล่นอะไรกันอยู่ ก่อนจะช่วยพวกเขาเลือกดูไปด้วยกัน พลางตามเก็บบรรดาหนังสือที่ลอยล่องเข้าชั้นให้เป็นระเบียบอย่างระมัดระวัง สอนเขาให้ใส่ใจ แต่ก็ไม่ได้ห้ามที่พวกเขาจะมีอิสระในการเล่นสนุก


    นั่นเป็นตอนที่สภาพอากาศนอกหน้าต่างพลันหม่นแสงลง


    ตู้ใบหนึ่งที่ผนังสั่นอย่างรุนแรงและเหวี่ยงตัวเปิดออกมาจนสกอร์เปียสสะดุ้ง เขาหันไปเห็นเพื่อนสนิทซึ่งยืนเผชิญหน้าอยู่กับตู้ใบนั้นตัวแข็งทื่อเหมือนหิน ให้ความรู้สึกถูกคุกคาม


    ครั้นแล้ว พ่อมดท่าทางผอมโทรมและอมทุกข์ก็พุ่งตัวออกมา


    นั่นเป็นตอนที่แม่ตอบสนองทันท่วงที เพียงแค่เสี้ยวจังหวะหัวใจเต้นเดียว ด้วยการโถมตัวลงมา ดึงพวกเขาทั้งหมดเข้าไปกอดไว้ กดใบหน้ากับอกไม่ให้มองเห็น มือป้องอยู่ที่ศีรษะพวกเขาพลางลูบเบา ๆ แขนอีกข้างโอบรอบหลัง พร้อมกันนั้น ข่ายมนต์คุ้มครองของแม่ก็ถูกร่ายเป็นวงกลมล้อมรอบตัว เส้นอาณาเขตดังกล่าวลุกวาบคล้ายมีไฟสีม่วงไร้ไอร้อนเต้นเร่า ปรากฎเป็นเปลวราง ๆ ขึ้นมา


    ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก อาจจะแค่หนึ่งลมหายใจ กลุ่มก้อนสีดำเหมือนเงาสวมเสื้อคลุมสูงตระหง่านเงื้อมจดเพดานก็เคลื่อนเข้ามาในร้านหนังสือ ใบหน้าซ่อนอยู่ใต้หมวกคลุมศีรษะ สูดลมหายใจช้า ๆ ยาว ๆ เกิดเป็นเสียงหวีด ประหนึ่งพยายามจะดูดกลืนสิ่งอื่นนอกจากอากาศที่รายล้อมรอบด้าน


    มันลอยคว้างอยู่เหนือพื้นท่ามกลางห้วงบริเวณสีดำทะมึนอันเย็นเยียบที่ลอยล้อมและปกคลุมทั่วร้านหนังสือในฉับพลัน


    อันที่จริง ในเวลานั้นเขาแทบไม่รู้จักด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร ในภายหลังจึงรู้ว่ามันคือผู้คุมวิญญาณที่ ณ โอกาสดังกล่าว ได้ปรากฎตัวตอบสนองว่องไวต่อการจับสัญญาณว่าเจอตัวนักโทษหลบหนีจากอัซคาบันที่มาหลบซ่อนในร้านหนังสือ


    มันลอยละล่องมาในอากาศ ราวกับแทรกซึมในทุกห้วงอณูอยู่แต่ต้นแล้ว


    เขากอดแม่ไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง อีกข้างพยายามดึงน้อง ๆ กับสกอร์เปียสไว้กับตัว


    เขาอยากปกป้องแม่ อยากปกป้องทุกคน


    ตอนนั้นเขาเพิ่งหกขวบ แต่ก็พยายามคิดถึงคาถาอะไรสักอย่างที่เคยแอบอ่านผ่านตามาจากหนังสือของพ่อ


    เขาเหลือบมองนักโทษที่ยืนค้าง ตาเบิกโพลงต่อหน้าเงาสีดำในชุดคลุมศีรษะ ประดุจทั้งหมดที่ชายคนดังกล่าวพบเผชิญคือความน่าเดียดฉันท์ ความเศร้าหมอง และความตาย ดูดกลืนเอาความสุขไปเหมือนเป็นอาหารอันโอชาของมัน ใบหน้าซีดเซียวราวกับเลือดทุกหยดเหือดหาย เหมือนมันขุดลึกลงไปจนส่วนลึกแห่งก้นบึ้งความสิ้นหวังที่แท้จริง


    พวกเขาไม่รู้สึกถึงอะไรเหล่านั้น เพราะอยู่ในข่ายมนต์ปกป้องของแม่ รู้สึกเพียงความอบอุ่นที่ไหลหลากรอบตัว คล้ายแทรกซึมผ่านเข้าไปในเส้นเลือดจนอุ่นใจ สงบ


    เสียงของแม่นิ่งเย็น พร่ำปลอบประโลมพวกเขาอย่างสุขุม ให้เราไร้กังวล มั่นใจ ทั้งยังรู้สึกปลอดภัย


    กลิ่นหอม ๆ กับไออุ่นของแม่ก่อเกิดความวางใจครามครัน


    อีกหนึ่งลมหายใจต่อจากนั้น เขาก็ได้ยินเสียงอึกทึก พวกมือปราบมารบุกผ่าเข้ามาเป็นเวลาเดียวกับที่ผู้คุมวิญญาณตนหนึ่งวอกแวก ทำท่าจะพุ่งเข้ามาหาพวกเขา แม่หยุดเสียงปลอบโยนไปหนึ่งจังหวะ ฉวยไม้กายสิทธิ์ขึ้น โต้ตอบทันควัน


    เสียงหนึ่งก็ตัดผ่านทั้งหมดนั่นให้ขาดสะบั้นลงในคราวเดียว มันเป็นคาถาอะไรสักอย่างที่เขาฟังไม่ถนัด แต่ก็สัมผัสได้ว่าเปี่ยมด้วยมนต์ขลังนัก แม่กำลังวาดไม้กายสิทธิ์ไปที่กลุ่มก้อนความระทมหม่นมัวทั้งมวลนั่น


    ชั่วขณะดังกล่าว เสือดำสีเงินก็กระโจนก้าวออกมาพร้อมกับไอสีเงินยวงอันพลิ้วพราย


    มันสง่างาม น่าครันคร้ามอย่างมาก ทั้งยังชวนให้รู้สึกถึงความซ่อนงำด้วยพลังอำนาจอันลึกลับ น่ากริ่งเกรง ขึงขังและถมึงทึง รวบตึงอำนาจและความควบคุมอันทรงพลังทั้งหมดไปไว้กับตัวยามมีตัวตนขึ้น


    ทุกอย่างซึ่งประกอบเป็นตัวมันทำให้เขานึกถึงพ่อขึ้นมาในอึดใจ


    ถ้าเขาไม่เห็นอยู่กับตาว่าเป็นแม่นั่นเองที่ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด ขับไล่พวกมันไป เขาคงจะต้องแน่ใจว่าเป็นพ่อที่มาช่วยเอาไว้


    เสือดำสีเงินซึ่งเขารู้จักภายหลังว่าเป็นสัตว์รูปลักษณ์ของคาถาผู้พิทักษ์นั้นกระโจนก้าวไปทั่วห้อง ทิ้งไอสีเงินตามทางไว้เบื้องหลังราวกับม่านหมอกที่คลี่คลุมบรรยากาศ แล้วมันก็วิ่งวนรอบข่ายมนต์ของแม่ราวกับปกป้องไว้ในวงล้อมอาณัติของมันอยู่อย่างนั้น พรายแสงสีเงินไล่ตามหลังมัน ทิ้งร่องรอยไว้เป็นวงกลมรอบตัวพวกเขาไม่รู้จบ


    ความรู้สึกที่บรรดาผู้คุมวิญญาณแหล่านั้นมอบให้ถูกทำให้มลายหายไปโดยพลันด้วยพลังอันอบอุ่น เยือกเย็น อีกทั้งยังชวนให้วางใจจากเสือดำตัวดังกล่าวเสมอเหมือนตัวแทนของพ่อมาอยู่ด้วยเลยทีเดียว


    เขาถึงได้รู้ก็เดี๋ยวนั้นว่าแม่มีตัวแทนของพ่ออยู่ด้วยเสมอ ถนอมไว้กับใจและหวงแหนไว้ด้วยรัก


    มันเหมือนเป็นสิ่งแทนใจของแม่ด้วยเช่นกัน


    กับผู้พิทักษ์ของพ่อที่เขายังไม่เคยเห็นแล้ว ก็คงจะเป็นแบบนั้นไม่แตกต่าง


    ผู้คุมวิญญาณทั้งหมดเคลื่อนตัวหนีออกไปทางหน้าต่างก่อนจะสลายไปกับอากาศเมื่ออาณาเขตอำนาจทั้งหมดตกอยู่ใต้ปกครองของเสือดำสีเงิน แม่ลดไม้กายสิทธิ์ลง สีหน้าเครียดเขม็ง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าในนั้นมีความห่วงหาอนาทรอันร้อนใจรวมถึงความโล่งใจปกอยู่


    แม่เป็นคนเข้มแข็ง ไม่สั่นคลอนโดยง่าย แต่ดูเหมือนจะแสดงความอ่อนไหวออกมาไม่น้อยตอนที่ดึงพวกเขาเข้าไปกอดไว้แน่น ลูบหลังพวกเขาราวกับว่าพวกเขาจะหายไปต่อหน้าต่อตา เขาจำเสียงพร่ำบอกว่าไม่เป็นไรแล้วของแม่ได้ และมันเกาะกุมใจพวกเขาให้สงบได้เสมอ


    หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย แม่ก็รีบพาพวกเขากลับบ้าน


    ตอนที่พ่อรู้เรื่อง พ่อโกรธมาก เขาแทบไม่เคยเห็นพ่อโกรธขนาดนั้นมาก่อน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ต่อหน้าพวกเขาแน่ ๆ พวกเขาตกอยู่ในอันตราย ถูกทำให้ตกใจมา พ่อยอมไม่ได้เด็ดขาด


    อีกอย่าง แม่หัวใจไม่ดี พ่อไม่เคยยอมให้อะไรกระทบกระเทือนแม่


    พ่อเดินทางไปที่กระทรวงเวทมนตร์ด้วยตัวเอง เพราะพ่อก็เป็นพ่อมดที่มีสิทธิมีเสียงมากน้ำหนักคนหนึ่งในโลกเวทมนตร์ ใคร ๆ ก็ยำเกรง นอกจากนั้น ไม่มีพ่อมดแม่มดคนไหนในบริเทนที่ไม่เคยเป็นลูกศิษย์ผ่านมือพ่อมา ทั้งในฐานะศาสตราจารย์วิชาปรุงยาหรืออาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์


    เมื่อตกกลางคืน ตอนที่พ่อกับแม่จูบราตรีสวัสดิ์ ส่งเขากับน้อง ๆ เข้านอน  ก่อนเขาหลับตาลื่นไหลสู่ห้วงนิทรานั้น หยดความคิดหนึ่งก็วาบเข้ามา จุดประกายอีกหนึ่งข้อเท็จจริงว่าที่เสือดำเป็นตัวแทนของพ่อและอยู่ในรูปผู้พิทักษ์ของแม่ เพราะแม่รู้ว่าพ่อจะปกป้องแม่ได้เสมอ และแม่ก็อุ่นใจเช่นนั้น


     

     


    พวกเขาล้อมวงหน้าเตาผิงด้วยอิริยาบถเอกเขนก ไม่ใส่ใจเก้าอี้บุนวมตัวยาวข้างบน


    มันเป็นกิจวัตรปกติที่จะนอนเท้าคางดูหนังสือหรือนั่งกอดหมอนเล่นสนุกกันบนพรมหนานุ่ม ผ้านวมอุ่น และกองหมอนอิงใบใหญ่อันนิ่มฟูที่แทบจะกลืนร่างครึ่งหนึ่งที่แนบทับลงไป กองหนังสือตั้งใหญ่วางอยู่ข้าง ๆ ของเล่นบล็อกไม้กระจายระเกะระกะ ภาพวาดกับดินสอสีเกลื่อนกลาด


    เขากำลังมองดูธีโอนับลูกสนเล่นพลางช่วยเรียงเทียบขนาดจากใหญ่ไปเล็ก แอนโทนี่เปิดกางหนังสือเล่มใหญ่บนตัก ขณะแมทธิวนอนพาดกับหมอน กำลังใช้สีเทียนวาดเขียนบนกระดาษอย่างอารมณ์ดี อากาศอุ่นสบายเจือด้วยเสียงเชื้อฟืนปะทุเป็นระยะชวนให้รู้สึกสงบ เรื่อยเอื่อย


    นอกหน้าต่างนั่น แสงธรรมชาติอาบผ่านม่านกรองแสงชั้นแรกเข้ามาจับละอองอากาศ นกบินมาเกาะกิ่งสนซึ่งดีดตัวสั่นยามผู้พักพิงชั่วครั้งคราวสะบัดปีกบินจากไป หิมะที่ค้างบนนั้นถูกเขย่าให้โรยลงมาเหมือนเกล็ดน้ำตาล


    เขามองขึ้นไปยังเก้าอี้บุนวม มันมีม้วนไหมพรมกับหนังสือภาพหลายเล่ม เมื่อคืน เขากับแมทธิวนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างพ่อซึ่งอุ้มแอนโทนี่อยู่บนตัก สอนอ่านหนังสือยาก ๆ ส่วนแม่ก็ถักไหมพรมให้พวกเอลฟ์เล่นอยู่กับธีโอ


    เขาคิดว่าคืนนี้ หลังกินมื้อค่ำพร้อมหน้าพร้อมตากันเหมือนเช่นทุก ๆ ค่ำคล้ายประหนึ่งเป็นธรรมเนียมของบ้านเสร็จ เขาจะชวนทุกคนเล่นเกมกระดานทอยลูกเต๋ากัน เมื่อวันก่อน พวกเราเล่นมิคะโดะ แมทธิวดึงแท่งไม้ได้แต้มเยอะที่สุด


    จากนั้น เขาก็คิดว่ามื้อค่ำวันนี้จะเป็นอะไรกันนะ


    ปกติพ่อเป็นคนทำอาหาร ไม่ว่าจะมื้อไหน เพราะแม่ทำอาหารไม่เก่ง ซึ่งนั่นก็คงจะเป็นการถนอมน้ำใจมากแล้ว ถ้าหากให้ถูกคงต้องถอดความตรงตัวจากพ่อที่เคยพูดว่าแม่ทำอาหารรสชาติเหมือนผู้คุมวิญญาณเปียก ๆ แต่พ่อก็บอกอีกเช่นกันว่าถ้าอยากได้เมียที่มาทำอาหารหรือทำงานบ้านให้ตัวเองก็คงแต่งกับเอลฟ์ประจำบ้านไปแล้ว


    พ่อไม่คาดหวังอะไรจากแม่ทั้งนั้น แค่อยากจะเป็นคนได้ดูแล ทะนุถนอมแม่ จึงแต่งงานกับแม่


    ความจริง แม่เป็นคนมีระเบียบจึงจัดการดูแลบ้านได้เรียบร้อย สะอาดสะอ้านไม่มีที่ติ คนสองคนจึงเติมเต็มกันเช่นนั้น ถึงแม้แม่จะไม่ใช่คนที่เหมาะเป็นแม่บ้าน แม่รักงานที่ตัวเองทำในฐานะผู้ปิดปากเงียบที่กระทรวง ก่อนจะออกมาทำงานด้านตัวเลขมหัศจรรย์และวิจัยต่อเนื่องใต้สังกัดกระทรวงที่บ้านหลังจากมีเขา


    พ่อไม่เคยขัดขวาง มักจะสนับสนุนและเห็นดีเห็นงามกับทุกสิ่งที่แม่รักจะทำเสมอ พ่อไม่ได้ต้องการภรรยาประเภทอยู่ในโอวาท ช่างปรนนิบัติอะไรทำนองนั้น พ่อดูแลทุกอย่างในบ้านเองได้ และพ่อไม่เห็นว่าทำไมพ่อจะไม่ต้องทำ


    เขาคิดว่าพ่อไม่ได้ต้องการผู้หญิงแบบไหนเลย นอกจากแม่


    เขาหมายถึงพ่อเลือกแม่ และรักทุกอย่างที่เป็นแม่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร


    แม่เองก็เช่นกัน


    เขาคิดว่าก่อนหน้าพวกเขา แม่เป็นคนเดียวที่เข้าไปในใจของพ่อได้ แม่เป็นคนที่ช่างห่วงใย เอาใจใส่ สดใส มีใจอารี และฉลาดมาก แม่หลักแหลมปราดเปรื่อง หัวไว รู้เท่าทัน พ่อไม่ชอบคนปัญญาทึบหรือเอาแต่คล้อยตาม ก็อย่างที่บอก พ่อไม่ชอบผู้หญิงที่อยู่โอวาท แม่ที่ฉลาดและเข้าอกเข้าใจพ่อคือผู้หญิงที่พ่อเลือก


    พ่อมักชอบทำงานไม่พูดไม่จา ดังนั้น ถึงอยู่กับแม่ที่มักนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ อยู่ใกล้ ๆ ได้ และบ่อยครั้งที่มักถกประเด็นลึกซึ้งถึงเรื่องต่าง ๆ ด้วยวาทศิลป์คมคายกับคารมอันทัดเทียม


    เขาคิดว่าพ่อกับแม่เป็นคู่ที่เข้ากันและเหมาะสมกันมาก


    ที่สำคัญ พ่อกับแม่ไม่เคยทะเลาะกัน อาจเพราะพ่อเป็นผู้ใหญ่กว่า ใจเย็นเคร่งขรึมในการจะอะลุ้มอล่วยและใจอ่อนให้แม่มากกว่า ถึงแม้พ่อจะมีฝีปากคมคายให้แม่ต้องฉิวบ้างนาน ๆ ที พ่อปฏิบัติกับพวกเขาแบบผู้ใหญ่ตัวน้อย ๆ เช่นกัน พ่อไม่ดุว่า แต่ให้คำแนะนำชี้แนะอย่างมีเหตุมีผล


    คำพูดของพ่อมักเป็นคล้าย ๆ ถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์เสมอ เวลาที่พ่อพูดอะไรพวกเราจะฟังและพอใจจะปฏิบัติตาม เหมือนเป็นเวทมนตร์อย่างหนึ่งเลยทีเดียว พ่อเป็นคนที่ถือคำสัตย์สาบานมั่นด้วยเกียรติ ถือวาจาเป็นนายอย่างจริงจัง


    ความตั้งมั่นที่พ่อลั่นวาจาต่อแม่ไว้เมื่อนานมาแล้วเป็นคำสัตย์ค่าเท่าชีวิต


    พ่อเคยวางมือบนศีรษะเขาตอนยังเล็กมากแล้วบอกกับเขาเช่นนี้


    พ่อไม่ได้หมายถึงตอนแต่งงานกับแม่หรอก


    และพ่อก็ไม่ได้ตั้งมั่นเช่นนั้นด้วยความปักใจใฝ่หาแต่เริ่มแรก


    ทว่าครั้งหนึ่ง พ่อเคยปฏิญาณว่าจะถนอมปกป้องแม่ และตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่เคยผิดไปจากนั้นเลย


    พ่อให้ความมั่นคงและหนักแน่น ขณะเดียวกันก็เยือกเย็นให้ความมั่นใจ


    พ่อมักจะอ่อนลงกับแม่และพวกเราเท่านั้น สำหรับคนนอก พ่อมักจะดูเย็นชา ไม่เป็นมิตร แถมยังเข้าถึงยาก แต่เมื่ออยู่ที่บ้านพ่อจะมีอารมณ์ขันแบบนิ่งเฉย ดูอบอุ่นในแบบของพ่อเอง คือเอาใจใส่และดูแลทุกคนด้วยท่าทีเรียบเฉยที่เจือไออุ่นกับความโอบเอื้อจาง ๆ


    พ่ออาทรถนอมแม่กับพวกเขา เวลาพ่อเข้มงวดก็ยังมีร่องรอยของความห่วงใยเสมอ เป็นน้ำเสียงดุ ๆ ที่ไม่น่ากลัว แต่เคร่งครัด มีพลังอำนาจให้พวกเขาไม่กล้าขัดขืน


    จังหวะหนึ่งท่ามกลางความเป็นไปอันเนิบนาบกับห้วงความคิด มือเล็ก ๆ ของน้องชายก็เอื้อมมาสะกิด


    “เดวิด ดูคาถานี่สิ มันเขียนไว้ว่าเป็นเวทมนตร์ขั้นสูง และเมื่อก่อนพวกภาคีใช้ติดต่อกัน”


    น้องชายคนกลาง แอนโทนี่ ขยับหนังสือมาบนตักเขา ก่อนจะชี้ชวนให้ดูย่อหน้าแรกที่เขียนว่าคาถาผู้พิทักษ์ อีกฝ่ายถามน้ำเสียงตื่นเต้นระคนสนอกสนใจ


    “พี่ว่าผู้พิทักษ์ของพ่อกับแม่เป็นอะไร”


    เขาตอบในทันที “ของแม่เป็นเสือดำ เสือดำสีเงิน”


    “พี่รู้ได้ยังไง” คราวนี้น้องชายคนรอง แมทธิว เป็นฝ่ายถามด้วยความประหลาดใจ ดวงตาสีดำที่เหมือนกับของเขาทั้งสามคู่มองมา


    “พี่เคยเห็นนานมากแล้ว ตอนนั้นแอนโทนี่ยังอยู่ในเปล ธีโอยังไม่เกิด และนายก็ยังดูน่ารักและว่าง่ายกว่าตอนนี้เป็นกอง” เขาอ้าง แกล้งหยอกน้องชายไปด้วย ขณะที่แมทธิวดูจะไม่เห็นด้วยกับช่วงท้ายของประโยคนัก


    เขาขยี้ผมหยักศกแบบเดียวกันของน้องชายที่ชี้ไม่เป็นทรงจากการนอนเกลือกกลิ้งซุกตัวกับกองหมอนอิง เราสองคนอายุห่างกันเพียงสองปี ปีนั้นเขาอายุเก้าขวบ ธีโอชะโงกหน้าผ่านแขนเขา สนใจใคร่รู้เนื้อหาในหน้าหนังสือที่กางอยู่ ปอยผมหยักศกสีดำอันถอดแบบกันมาอย่างกับเอกลักษณ์ของพวกเขาเด็ก ๆ บ้านสเนปชี้งอน ขนตายาว


    ทั้งดวงตาสีดำ ผมหยักศกสีเดียวกัน รวมถึงจมูกงุ้มเป็นตะขอที่พวกเขามีร่วมกันทำให้กลายเป็นคุณลักษณะแบบพวกสเนป


    พ่อเคยบอกว่าขอบคุณที่พวกเขามีส่วนละม้ายคล้ายแม่เจือปนอยู่ไม่น้อย และเอ็นดูผมหยักศกที่พวกเขามีเหมือนแม่ ร่องรอยกับเค้าโครงความอ่อนหวานนุ่มนวลที่พวกเขาได้มาจากแม่เป็นส่วนผสมอันลงตัวเหมาะเจาะ ส่งผลให้พวกเขามีใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาน่าดูและติดจะหวานละมุน


    “แล้วของพ่อล่ะ พี่ไม่เคยเห็นบ้างเหรอ หรือจำไม่ได้”


    ธีโอถาม น้องน้อยของบ้านพูดไม่ชัดเพราะฟันที่เพิ่งหักยังไม่ขึ้นดี ฟันหน้าสองซี่ยังหลออยู่ เขาย้อนนึก แต่ไม่มีความทรงจำส่วนนั้นอยู่แม้แต่นิดเดียว แล้วเราสี่คนก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดโดยพร้อมเพรียง หน้าตาดูละม้ายคล้ายกันไม่ผิดเพี้ยน


    ท่าทีแบบนี้ทำให้แม่ที่ยกตะกร้าหวายใส่ผ้าซักแล้วเดินผ่านมาหัวเราะ


    แม่บอกว่าเหมือนพ่อไม่มีผิดเลย


     

     


    ปีต่อมาหิมะตกหนัก


    แล้วพวกเขาก็เห็นมันอยู่ตรงนั้น


    เสือดาวหิมะตัวหนึ่ง ท่วงท่าสง่างามและปราดเปรียว


    มันยืนอย่างผ่าเผยและเรืองรองอยู่ในอากาศ แสงระยิบระยับสีเงินที่ตกล้อมตัวมันอยู่นั้นก็ดูคล้ายราวกับว่ามันยืนท่ามกลางหิมะ ทุกอย่างบนตัวมันงดงามมาก ให้ความรู้สึกชวนสะกดสายตา


    ถ้าเสือดำสีเงินของแม่สะกดบรรยากาศให้หยุดนิ่งใต้อำนาจอันน่าครันคร้าม เสือดาวหิมะตัวนี้ก็ทำให้ต้องชะงักงันด้วยความหลงใหล


    จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียง เป็นเสียงอันคุ้นเคยของพ่อจากเสือดาวหิมะตัวดังกล่าว นำมาซึ่งความโล่งใจของพวกเขาที่กระวนกระวายเฝ้ารอหลังได้รับข่าวว่าพ่อที่ไปช่วยเป็นกำลังสบทบกับมือปราบมารเพราะความเชี่ยวชาญขั้นสูงอันมีต่อคำสาปมืดนั้นตกอยู่ใต้วงล้อมของสถานการณ์วิกฤติ


    “ปลอดภัยดี ไม่เป็นอะไร”


    ไม่นานนัก พ่อก็หายตัวกลับมาบ้าน เขาเห็นแม่ คนที่เข้มแข็งที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จักและพยายามรักษาความสุขุมเยือกเย็นให้พวกเขาสบายใจมาตั้งแต่รู้ข่าว พุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของพ่อ แล้วพ่อก็อ้าแขนรับแม่ไว้และรวบตัวแม่เข้าไปกอดแน่นจนแม่ตัวลอย


    แม่สะอื้นฮัก เป็นเสียงแห่งความยินดีกับสะเทือนใจ พลางฝังใบหน้ากับไหล่กว้าง ๆ ของพ่อซึ่งใบหน้าอ่อนยวบลงทันที พวกเขาวิ่งตามเข้าไปแล้วพ่อก็ย่อตัวลงมากางแขนโอบเราทั้งหมดไว้ด้วยกัน


    นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นแม่ร้องไห้ แม่พยายามยิ้มแต่กลับหยุดน้ำตาไม่ได้จนพวกเราต้องช่วยกันปลอบแม่ที่หัวเราะทั้งน้ำตา


    “พ่อกับแม่ต้องรักกันมากแน่ ๆ ”


    ภายหลัง แมทธิวพูดขึ้นแบบนั้นในความมืด ตอนที่พวกเขานอนอยู่ใต้ผ้านวมหลังจากดับไฟเข้านอน


    เขาพยักหน้าตอบในสิ่งที่เราทั้งสี่รู้ดีอยู่แล้ว


    เพราะตอนร่ายคาถาต้องคิดถึงสิ่งที่มีความสุขที่สุดมิใช่หรือ หรือไม่แล้วก็ต้องเป็นสิ่งที่รักที่สุด ทะนุถนอมหวงแหน และหวงค่ามากที่สุด


    พ่อที่มีผู้พิทักษ์เป็นตัวแทนของแม่แบบนี้ต้องคิดถึงแม่ คิดถึงพวกเรา คิดถึงครอบครัวของเราในยามร่ายคาถา พ่อเคยบอกว่าพวกเราเป็นเหมือนลูกเสือตัวน้อย ๆ ซุกซนอยู่ไม่สุข และภาพของแม่ในความคิดของพ่อนั้นงดงาม สง่าผ่าเผยเช่นนี้เลยทีเดียว เหมือนเสือดาวหิมะตัวหนึ่งที่ทรงอำนาจจับตาในความงามสง่าของมัน


    การเชิดชูและให้เกียรติสะท้อนออกมาจากสัตว์สัญลักษณ์ของคาถาผู้พิทักษ์ดังกล่าว


     

     


    ผู้พิทักษ์ของพ่อเป็นเสือดาวหิมะสีเงิน


    งดงามมาก ทั้งสง่างาม สะกดตา ราวกับว่าพ่อใช้ใจทั้งหมดทุ่มเทลงไป ขับเค้นออกมาด้วยใจ ใส่ความชื่นชมทั้งหมดที่มี และด้วยความรู้สึกของพ่อ สิ่งที่มันเป็นตัวแทนนั้นสวยงามพรั่งพร้อมนัก


    เขาเคยเห็นอีกครั้งตอนที่พ่อตัดสินใจสอนคาถาผู้พิทักษ์ให้กับเขา ตอนนั้นเขาอายุสิบขวบ แม้เขาจะไม่เคยลืมครั้งแรกที่ได้เห็นเลย มันเป็นสีเงินสว่างดูสง่างามตอนที่เคลื่อนไหวอย่างไหลลื่นมายืนข้าง ๆ ผู้พิทักษ์ของแม่ที่เป็นเสือดำน่าครั่นคร้ามยำเกรง


    เขาเคยอ่านเจอมาว่าคาถาผู้พิทักษ์เป็นเครื่องหมายของความสามารถทางเวทมนตร์ขั้นสูงที่รูปลักษณ์ของมันจะปรับเปลี่ยนไปตามจิตนึกคิดของพ่อมดแม่มดผู้เสกคาถา ความทรงจำที่แสนสุขที่สุด ซึ่งส่วนมากมักเป็นรักแท้ของชีวิต


    เขาคิดว่าความทรงจำของพ่อหรือไม่ก็ของแม่ต้องเกี่ยวข้องกัน ผู้พิทักษ์ของทั้งคู่จึงออกมาสอดคล้องเข้าคู่ในทำนองเดียวกัน เขาคิดว่าผู้พิทักษ์ของพ่อกับแม่สะท้อนสอดรับภาพของอีกคน เป็นตัวแทนของอีกคนหนึ่งในรูปแบบที่ฝ่ายหนึ่งมองอีกฝ่ายว่าเป็นเช่นนั้น


    ของพ่อนั้นงดงาม เปี่ยมมนต์เสน่ห์พร่างพราย น่าหลงใหลจับใจราวมีมนต์สะกด


    ของแม่นั้นชวนกริ่งเกรงน่าครั่นคร้าม สง่างามผ่าเผย เป็นสีดำที่แฝงพลังทรงอำนาจ


    หลายปีถัดมา ตอนที่เขาโตขึ้นกว่านั้นอีกนิดหน่อย อังเคิลแฮร์รี่บอกว่าผู้พิทักษ์ของพ่อ ครั้งหนึ่งเคยเป็นกวางสาวสีเงิน ไม่ใช่เสือดาวหิมะเหมือนตอนนี้ นั่นเป็นตอนที่พ่อยังไม่ได้รู้จักแม่จริง ๆ และมีความรู้สึกผิดติดค้างต่อคนที่พอต้องชดใช้ไถ่ถอน กวางสาวจึงเป็นสิ่งที่ระลึกและเตือนถึงความผิดบาปของพ่อ


    แต่เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าผู้พิทักษ์ของพ่อจะเป็นกวางสาวไปได้อย่างไร เพราะเขารู้สึกราวกับว่ามันเป็นเสือดาวหิมะมาตลอด


    อังเคิลแฮร์รี่บอกต่อว่าผู้พิทักษ์สามารถปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ มันจะเปลี่ยนได้ก็ต่อเมื่อพานพบรักแท้อันนิรันดร์ เป็นส่วนหนึ่งในตัวพวกเราที่ไม่อาจผันแปรเปลี่ยนแปลงได้อีกเท่านั้น อังเคิลแฮร์รี่ยังบอกด้วยว่าบางครั้งผู้พิทักษ์ก็สื่อถึงบุคคลอันเป็นที่รักเช่นกัน


    นั่นหมายความว่าแม่เป็นรักแท้ไม่เปลี่ยนแปรของพ่อ และพ่อก็เป็นรักแท้ไม่สิ้นสุดของแม่


    ทั้งสองพานพบรักของตัวเองในที่สุด


    เขาคิดว่าพูดแบบนี้ มันค่อนข้างหวานเลี่ยนทีเดียว ทั้งที่รักของพ่อกับแม่ไม่ใช่รักที่หวานแหวว แต่เป็นรักอันเรียบง่าย มั่นคง และอบอุ่นในตัวมันเอง เขาไม่เคยสงสัยว่าพ่อรักแม่หรือไม่ ซ้ำยังไม่เคยแม้จะกังขาว่าแม่รักพ่อหรือเปล่า


    ทั้งความห่วงใย ความเชื่อมั่น เชิดชูให้เกียรติ ซื่อสัตย์ภักดี ความเข้าอกเข้าใจ ตลอดจนความปรารถนาดีที่มีให้อีกฝ่าย จุนเจือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ห่วงใยและใส่ใจแม้กระทั่งในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สุด


    สิ่งละอันพันละน้อยระหว่างพ่อกับแม่เหมือนอะไรสักอย่างอันประณีตละเอียดลออ นุ่มนวลอ่อนโยน มากด้วยเยื่อใยอันละเมียดละไม


    อีกอย่าง ในสายตาคนที่ใกล้ชิดที่สุดอย่างเขาแล้ว เขาก็รู้ว่ารักก็ยังมีปัจจัยและรายละเอียดอื่น ๆ ที่ประกอบร่วมอยู่ด้วย


    อังเคิลแฮร์รี่เคยบอกกับเขาว่าพ่อกับแม่มีสิ่งอันแข็งแกร่งที่ใช้เอาชนะโวลเดอมอร์ได้ และโวลเดอมอร์ไม่มี ทว่าเพราะพ่อกับแม่มีมัน ถึงได้เข้มแข็ง เผชิญหน้าที่ของตัวเองในการยืนหยัดต่อสู้ฝ่ายมืดได้ในครั้งนั้น


    พ่อกับแม่ผ่านอะไรมาเยอะมาก เขารู้สึกว่าพ่อน่าเกรงขามนัก เป็นคนที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน กล้าหาญและแกร่งยิ่งกว่าใครทั้งหมด พ่อแบกรับมันไว้โดยที่ไม่แม้แต่จะนิ่วหน้า ไม่แสดงร่องรอยแห่งความเหน็ดเหนื่อย แต่แบกรับมันไว้ด้วยเกียรติศักดิ์ศรีเต็มภาคภูมิ


    พ่อของเขาเป็นคนอย่างนั้นเอง ไม่พูด ไม่แสดงออก แต่รักและทำให้พวกเขาทุกอย่างอย่างหมดหัวใจ


    พ่อไม่ค่อยจะแสดงออกอะไรมากมายทางคำพูดนัก ทว่าต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่ามันอยู่ตรงนั้น บางทีอาจจะเป็นเพราะทั้งสองต่างผ่านอะไรด้วยกันมากมาย เรื่องบางเรื่องจึงไม่จำเป็นต้องพูดอีกต่อไป


    ผู้พิทักษ์ของทั้งสองก็บอกกล่าวได้ชัดเจนโดยไม่ต้องอาศัยคำพูดอื่นใดอีกแล้วเช่นกัน เขาจึงไม่อาจบอกเป็นอื่นได้นอกจากว่าแม่คือความอัศจรรย์ของพ่อ ส่วนพ่อคือความแข็งแกร่งของแม่ ถึงแม่เป็นคนเข้มแข็ง แกล้วกล้า เด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่นนัก แต่พ่อก็เป็นบ่อเกิดของพละกำลัง ความเข้มแข็ง รวมถึงเรี่ยวแรงทั้งหมดของแม่ เป็นหลักยึดและความหนักแน่นมั่นคงให้แก่แม่


    แผ่นหลังของพ่อคือสิ่งที่พวกเขามองตามอย่างเคารพยกย่องเช่นกัน


    พวกเขานับถือชื่นชมพ่อที่ยังสามารถรักษาเศษเสี้ยววิญญาณและความดีงามในตัวเองไว้ได้หลังผจญเรื่องทั้งหลายเมื่อครั้งอดีต


    พ่อเคยบอกเขาว่าต้องขอบคุณแม่ แม่คือความดีงามของพ่อ และเป็นเครื่องรางยึดเหนี่ยวให้พ่อระลึกถึงความดีอยู่เสมอ เป็นเข็มทิศเหนี่ยวนำ ไม่ทำให้พ่อหันเหตัวเองไปจากคติธรรมความดี และเตือนให้พ่อรู้อยู่เสมอว่าต้องหันหน้ามองไปยังที่ใด พ่อบอกว่าการที่ได้อยู่กับผู้หญิงที่มีเลือดเนื้อและจิตใจดีงามทุกวัน กล่อมเกลาพ่อ


    เขาเคยสงสัยว่าสิ่งที่โวลเดอมอร์ไม่มี และเป็นสิ่งเดียวที่เอาชนะจอมมารได้คืออะไร


    บางทีสิ่งที่อยู่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ตรงกลาง ระหว่างพวกเขาสองคน โดยที่ไม่จำเป็นต้องพูด แต่ระลึกได้ด้วยใจอยู่เสมอว่ามันอยู่ตรงนั้น คือสิ่งดังกล่าว


     

     


    ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยถามแม่ด้วยความสงสัยใคร่รู้ตามประสาเด็กว่าเหตุใดผู้พิทักษ์ของพ่อกับแม่จึงมีรูปลักษณ์เช่นนั้น พวกเราหกคนนอนดูดาวดาษดาบนท้องฟ้าสุกสกาวพร่างพราวอยู่ที่ห้องใต้หลังคา


    พ่อกับแม่จูบหน้าผากพวกเขาแบบที่ตั้งแต่พวกเขาจำความได้ก็ทำมาตลอด ก่อนจะบอกว่าเรื่องมันยาว


    เป็นเรื่องแสนยืดยาวอย่างน่าขันทีเดียว


    แต่โดยหลักแล้วคือรักกับองค์ประกอบอื่น ๆ ที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อยของมัน




    ______________________________________________

    To be continued


    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกท่าน บทแรกไม่มีอะไรมากค่ะ เป็นเพียงการโหมโรง เกริ่นเรื่องสั้น ๆ จากนี้จะย้อนกลับเข้าสู่จุดเริ่มต้นค่ะ

    ชื่อของเด็ก ๆ ทั้งสี่คนเรียงตามลำดับคือ เดวิด แมทธิว แอนโทนี่ และธีโอ เราคิดว่าชื่อทั้งชื่อเป็นชื่อที่ดี เป็นชื่อที่ทั้งสองคนน่าจะเลือก เพราะมันสะท้อนในความหมายอยู่แล้ว เดวิดมีความหมายว่าผู้เป็นที่รักยิ่ง แมทธิวคือของขวัญของพระเจ้า แอนโทนี่คือล้ำค่าหาใดเปรียบไม่ได้ ส่วนธีโอคือของขวัญจากพระเจ้าค่ะ

    เสือดำและเสือดาวหิมะ คือไอเดียที่เราพยายามคิดเค้นขึ้นมา เพราะเห็นว่าเหมาะกับสองคนนี้อย่างมากค่ะ มันสะท้อนและสอดรับกันและกันในตัวอย่างลงตัวทีเดียวค่ะ

    ส่วนจุดที่บอกว่าเฮอร์ไมโอนี่หัวใจไม่ดีนั้น จะพบสาเหตุได้ในบทต่อ ๆ ไป เพราะบทนี้คือผลค่ะ การจะพบสาเหตุความเป็นมาได้ต้องติดตามกันต่อค่ะว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เหมือนมัดมือชกเลยใช่ไหมคะ (ノ´ヮ') ノ*: ・゚

    คำสัตย์ค่าเท่าชีวิตอะไรที่เซเวอร์รัสตั้งมั่นไว้ และทำไม ก็หาต้นตอสาเหตุกันได้ในบทต่อ ๆ ไปที่จะย้อนเรื่องราวกลับไปในช่วงเวลาของเซเวอร์รัสกับเฮอร์ไมโอนี่เองเช่นกันค่ะ รอการแถลงไขแย้มพรายกันนะคะ

    ขอฝากฟิคเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ กลับมาลงอีกครั้งหนึ่งแล้ว จากนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ ขอให้สนุกกับแฟนฟิคเรื่องนี้นะคะ คอมเม้นท์พูดคุยกันได้ค่ะ อยากให้ทิ้งคอมเม้นท์กันไว้ ผู้เขียนอยากทราบฟีดแบ็กและผลตอบรับค่ะ (˵•́ ᴗ •̀˵) ♡ นอกจากจะเป็นเรี่ยวแรงและกำลังใจให้ผู้เขียนเขียนต่อไปได้ ก็มีความหมายและมีค่ากับผู้เขียนมากจริง ๆ ค่ะ มาพูดคุยกันนะคะ xx

    ท่านใดยังไม่ได้อ่าน Author's Note บทที่แล้ว ย้อนกลับไปอ่านนะคะ ; ヮ ;)

    แฮชแท็กของแฟนฟิคเรื่องนี้คือ #ห้ามพูดด้วยก่อนกาแฟเช้า ค่ะ




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×