คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : 07 | Beyond the Horizon - Out of The Blue.
VII.
Happens out of the blue.
ผู้ชายคนนั้นยังไม่รู้ตัวหรอกว่าผู้หญิงคนหนึ่งกำลังมีอิทธิพลอยู่เหนือตัวเขา
ผู้หญิงคนนั้นยังไม่รู้ตัวหรอกว่าผู้ชายคนหนึ่งกำลังเข้ามามีบทบาทในตัวเธอ
1.
ฝนยังกระหน่ำเทลงมาหนาตา หยดน้ำใสดุจเดียวกับกระจกแก้วกำลังทำหน้าที่ต่างม่านน้ำ มันร่วงพราวลงมาตามช่องว่างของชะง่อนหินซึ่งเรียงซ้อนกันหมิ่นเหม่อยู่เหนือศีรษะเทมาริ ขอนไม้เก่าผุพังที่หักโค่นและพาดตัวกะเร่เท่มีตะไคร้ขึ้นเขียวครึ้ม ลามไปถึงรากไม้โยงใยห้อยระย้าที่แทรกตัวผ่านรอยแตกของหิน บ้างก็ถูกกลืนกินจนเป็นเนื้อเดียวกัน แม้สภาพการณ์รอบด้านจะอับชื้นทั้งยังมีอากาศเบาบางแต่คุโนะอิจิแห่งซึนะก็ทรุดตัวนั่งบนพื้นดินนุ่มจากวัชพืชเหี่ยวแห้ง พิงผนังหินเย็นเฉียบอย่างไม่ทุกข์ร้อนเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างในยามนี้ขึ้นอยู่กับเวลาเพียงอย่างเดียว รอแค่ฝนหยุดตกเท่านั้น
“นั่งสิ กว่าฝนจะหยุดคงอีกนานว่าไหม” เทมาริยื่นมือให้เด็กชายที่ติดจะประหม่าอยู่เล็กน้อย ซ้ำยังลังเลอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะจับมือตอบ เธอรีบดึงให้อีกฝ่ายนั่งข้างๆ กันด้วยกลัวว่าอากาศเย็นจะเล่นงานเด็กน้อยจนไม่สบาย
เสียงกัมปนาทคำรามกึกก้องทำให้เด็กชายสะดุ้งตัวโยน เขาใจหายวาบแต่เมื่อพี่สาวดึงเข้าไปกอดก็รู้สึกปลอดภัยได้จากก้นบึ้งของหัวใจ วงแขนนุ่มนิ่มนี้ชวนให้เคลิบเคลิ้มทั้งยังอบอุ่น แล้วทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้านนอกที่หลบภัยจำเป็นก็หมดอิทธิพลต่อความหวาดกลัวของเด็กน้อยไป เขาขยับตัวเล็กน้อยหากถูกมือเนียนนุ่มปลอบประโลมให้สงบลงทันที ในฐานะพี่สาวคนโตเทมาริมีสัญชาตญาณปกป้องเต็มเปี่ยม บุตรสาวคนเดียวของคาเสะคาเงะแห่งซึนะมองใบหน้าหวาดหวั่นของอีกฝ่ายแล้วความเอ็นดูก็เข้ามาเกาะกุมใจเธอ ดังนั้นเทมาริจะถือว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่รีบตามหาเด็กชายในป่าก่อนจูนินรักษาการณ์ ซึ่งย่อมล่าช้าอยู่บ้างเล็กน้อยเมื่อเธอให้เด็กหญิงผู้มาร้องขอความช่วยเหลือเป็นฝ่ายไปรายงานเพื่อขอหน่วยสนับสนุน
เรื่องของเรื่องคือเทมาริช่างใจอ่อน แค่เห็นเด็กหญิงคนนั้นกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อเพราะน้องชายตัวเองหลงเข้าไปในป่ามรณะ หัวใจเธอก็อ่อนยวบแล้ว หลังจัดแจงให้เด็กหญิงไปแจ้งนินจารักษาการณ์ประจำหมู่บ้าน เธอก็รีบล่วงหน้าเข้ามาในป่าก่อน ก็มัวแต่ห่วงเด็กชายที่อาจโดนอะไรประหลาดๆ ในป่าพิลึกส่งกลับบ้านเก่า โดยลืมไปสนิทว่าตัวเธอไม่คุ้นเคยกับป่างี่เง่าพรรค์นี้สักกะนิด แถมพอเจอตัวเด็กน้อยที่นั่งสั่นระริก ก็ยังมีฝนขี้โมโหนี่กระหน่ำเทลงมาอีก ดูเหมือนต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่กว่าจะซา ระหว่างนั้นเสียงคำรามดังมาอีกระลอก แล้วแสงก็วาบขึ้นทางปลายฟ้าจนเด็กชายคุดคู้ตัวงอ
ความเฉอะแฉะเจิ่งนองทั่วบริเวณด้านนอกนั่น เทมาริเริ่มดีใจที่ตนพบชะง่อนหินที่มีหญ้าแห้งอุ่นๆ จากรากอากาศที่ห้อยระย้า เธอปลอบเด็กชายให้ผ่อนคลายลงอีกครั้งขณะนึกหวังให้ฝนหยุดตกก่อนเด็กน้อยในอ้อมแขนเธอจะทนไม่ไหวไปเสียก่อน
2.
ชิกามารุต้องระวังอย่างมากไม่ให้ตัวเองเสียหลักขณะดีดตัวผ่านกิ่งไม้ต้นแล้วต้นเล่าอย่างฉุนเฉียว จะมียัยบ้าที่ไหนบุกเข้าป่ามรณะงี่เง่านี่คนเดียวโดยไม่รอนินจารักษาการณ์ ก็มีแต่ยัยบ้าจากซึนะที่ชอบสร้างปัญหาให้เขานั่นแหละ ฟังแล้วน่าหงุดหงิดไม่น้อย นินจาที่ช่วยค้นหาบอกกับเขาว่าเจ้าหล่อนให้เด็กหญิงมาแจ้งนินจารักษาการณ์ก่อนตัวเองจะล่วงหน้าเข้าไปในป่าเสียดื้อๆ – คุโนะอิจิจากซึนะไม่ใช่พวกชอบทำดีหวังผล หรืออยากเอาหน้าจนไม่ใช้สมอง เธอเก่งกาจอยู่ในตัว ดังนั้นคงไม่มีความคิดที่จะอยากทำตัวเป็นวีรสตรีไร้สาระอยู่ในหัวหรอก ชิกามารุซึ่งสัมผัสตัวตนของเธอมามากพอรับรองได้ด้วยสัจจะทั้งหมดที่มี
ฉะนั้นตัวแปรสำคัญที่บีบให้ยัยยุ่งยากนั่นตัดสินใจเสี่ยงอันตรายโดยไม่มองความเป็นไปได้และเหตุผลประกอบคงไม่พ้นเด็กที่หายตัวไปด้วยกัน ดวงตาคมกริบหรี่เล็กลงเมื่อฝนเม็ดหนาขึ้นราวกับกลั่นแกล้งกัน ด้วยเพราะกำลังเคลื่อนตัวสวนทางกับกระแสลมมันจึงดีดตัวเข้ามาจนใบหน้าชาไปทั่ว เด็กชายนึกขอบคุณเสื้อกันฝนซึ่งช่วยไว้ได้มาก มิเช่นนั้นส่วนที่ถูกอำพรางอยู่ใต้ผ้าใบกันน้ำเรียบลื่นนี่คงชื้นแฉะไม่แพ้กัน
หัวใจเต้นรัว บีบรัดราวกับมีมือล่องหนคอยเล่นตลกกับมันอยู่นั่น หากทว่าชิกามารุไม่สนใจความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเอง อันที่จริงเขาไม่ทันรู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าใจประหวั่นพรั่นพรึงมากเพียงใดเมื่อนึกถึงทุกเรื่องอันตรายซึ่งอาจเกิดกับเทมาริ ความโกรธที่พวยพุ่งในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นความห่วงใย และฤทธิ์ของมันก็มากมายพอให้เด็กชายกังวลจนแทบบ้า ใบหน้าของชิกามารุเคร่งเครียดอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อนแม้จะเจอสถานการณ์ที่ยุ่งยากที่สุดก็ตาม เขาก็จะใช้สติปัญญาแก้ไขจนผ่านพ้นไปได้เสียทุกครั้ง หากเรื่องในครั้งนี้ไม่อาจใช้แค่ปัญญาที่มีได้ คิ้วทั้งสองขมวดมุ่นอย่างแก้ไม่ตก กรามขบกันแน่นขณะเด็กชายบ้านนาราเหวี่ยงตัวขึ้นเหนือเงาไม้ กระโดดตามกิ่งก้านขอบชั้นของต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ไปถึงยอด รสของน้ำฝนเปรอะเปื้อนริมฝีปากซึ่งเม้มแน่น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเขาขอเพียงแค่พบคุโนะอิจิจากซึนะก่อนจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับเธอก็พอแล้ว ภายในอกบิดเร้าและวูบหวิวอย่างน่าประหลาด ฉับพลันความยินดีก็ความแล่นปราดจนหัวใจกระตุก – เป็นความจริงแล้วว่าเขามักจะหาเธอเจออยู่เสมอ
และคงจะปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไปว่าใครกันที่มีอิทธิพลอย่างมากเหนือเด็กชายบ้านใหญ่ตระกูลนาราอย่างชิกามารุ เด็กชายยึดตัวกับยอดไม้ คลื่นสีเขียวของผืนป่าแผ่ขยายตัวอยู่เบื้องหน้า ท้องฟ้าสีขาวกระจ่างเป็นลอนคลื่นสีขุ่นมัว บางส่วนคล้ำจนเกือบเป็นสีเทา มันสว่างจ้าเป็นระยะและคำรามดุจสัตว์ร้าย ขณะสายฟ้าเต้นเร่าอยู่ใต้ม่านหมอกซีดจาง สายฝนยังคงดำเนินตามหน้าที่ของมันอย่างเที่ยงตรง ชิกามารุทิ้งตัวลงมาตามลำต้น ผิวหนังเจ็บลึกด้วยถูกสายลมคมกริบหอบฝนพร่างพรายกรีดลงมาราวกับใบมีด ทว่าทั้งหมดนั่นหาได้อยู่ในความสนใจไม่ เขาเพียงพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ
ทุกระยะทางที่ย่นลงก็คลายความกังวลของชิกามารุลงได้มาก จนเกือบหลงลืมไปว่าสายฝนกำลังกราดเกรี้ยวเพียงใด ความรู้สึกที่ผิวกายคล้ายจะถูกห่อหุ้มด้วยความคิดคำนึงเพียงว่าคุโนะอิจิจากทะเลทรายกำลังจะปลอดภัยอยู่ภายใต้ความคุ้มครอง – เขาจะเป็นคนดูแลเธอ – จนลืมความเจ็บลงสิ้น เด็กชายถลาตัวไปตามดินเลนอันอ่อนนุ่มที่มีหญ้าชื้นแฉะปกคลุมเป็นหย่อม ชะง่อนหินซึ่งเรียงซ้อนกันด้วยน้ำมือของธรรมชาติอยู่เบื้องหน้า เขาจึงไม่รีรอเลยที่จะเข้าไปเพื่อช่วยเธอ
ไม่มีการหยุดคิดหรือประวิงเวลา ตอนชิกามารุได้ยินเรื่องนี้จากคุเรไนเองก็เช่นกัน ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงผลีผลามออกมา อาจเพราะโกรธ โมโหที่คุโนะอิจิแห่งซึนะไม่เป็นห่วงแม้กระทั่งตัวเอง ไม่คิดถึงเรื่องของตัวเองเลยแม้เพียงนิด แต่นั่นเป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น เมื่อมาถึงป่ามรณะพายุแห่งความกราดเกรี้ยวของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นมรสุมแห่งความห่วงใยที่ใหญ่กว่าและพัดหนักยิ่งกว่า เด็กชายเพิ่งประหวัดว่าตนถูกความรู้สึกซึ่งไม่มีแม้ชื่อเรียกเข้าครอบงำอีกครั้งแล้ว เขาถามข้อมูลเพียงสั้นๆ จากหน่วยค้นหาของฝ่ายรักษาการณ์ และแก้ต่างให้แก่เด็กสาวจากซึนะอย่างหนักแน่น ก่อนจะบังคับแกมข่มขู่ให้ตัวเองได้เข้าร่วมหน่วยค้นหา อย่างน้อยฝ่ายรักษาการณ์ของหมู่บ้านก็เชื่อเขาสนิท ‘หรือตอนนั้นเราจะดูน่ากลัวเกินไป’
เท้าชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงร้องแหลมของเด็กผู้ชาย ชิกามารุพบว่าตนมาถูกที่แล้ว ดวงตาคมกริบกวาดมองจนทั่ว เงาที่สะท้อนอยู่บนหินวูบไหวเล็กน้อยก่อนใบหน้าคุ้นเคยจะเคลื่อนออกจากความมืด แสงสว่างค่อยๆ ไล้ตามดวงหน้าสวยคมที่ดูดุดัน ชิกามารุนิ่งงันเมื่อเผชิญหน้ากับเด็กสาวที่ตามหา เหมือนอะไรบางอย่างถูกปลดเปลื้องลง ความโล่งใจเข้าเกาะกุมโดยทันที เขาพินิจมองใบหน้างุนงงของอีกฝ่ายแล้วก็นึกขันขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ “ฉันเห็นสัญญาณของเธอ เธอใช้กระจกนั่นใช่ไหมล่ะ”
มือเอื้อมไปคว้ากระจกในมือเด็กสาวมาไว้กับตัวขณะไขความสงสัยให้ฟัง แสงวะวับไม่อยู่นิ่งของมันสะท้อนกับผนังถ้ำเป็นวงขาว เทมาริตกใจจนผงะไปครู่หนึ่งหากทว่าไม่มีเสียงร้องใดออกจากปากเธอเลย ชั่วลมหายใจหนึ่งเธอคิดว่าตัวเองตกอยู่ใต้คาถาลวงตา แต่นั่นมันไร้สาระสิ้นดี ถึงเด็กชายจะยืนย้อนแสงจนความมืดเกือบกลืนลับแต่ยังเพียงพอให้เห็นใบหน้าเบื่อหน่ายที่กำลังบูดบึ้งใต้เสื้อคลุมมีฮู้ดนั่นชัดเจนทีเดียว เป็นนารา ชิกามารุอย่างแน่นอน และตอนนั้นใจที่เป็นกังวลอยู่เล็กน้อยก็ลิงโลดขึ้นมา ขอเพียงแค่มีหมอนี่เธอก็เชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี คุโนะอิจิแห่งซึนะสะดุ้งตัวโยนเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือเปียกชื้นมาสัมผัสใบหน้าแผ่วเบา เกลี่ยผมซึ่งเปียกติดหน้าผากเธอให้อยู่ในที่ควรอยู่ ทว่าราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านนิ้วเย็นๆ นั้นมาด้วย ร่างของเด็กสาวกระตุกด้วยความตระหนก ก่อนจะทันตั้งสติคว้าแขนฝ่ายตรงข้ามอย่างเอาเรื่อง
“ทำอะไรของนาย” ไม่รู้ว่าอะไรแดงกว่ากันระหว่างผลเชอรี่ในฤดูใบไม้ผลิหรือแก้มซับสีแดงชาดของเด็กสาวจากทะเลทราย อุณหภูมิร่างกายดูเหมือนจะสูงขึ้นโดยฉับพลัน แต่ก่อนเทมาริจะทันได้เอาคืน น้ำหนักของเสื้อคลุมที่เด็กชายสวมให้ทางศีรษะก็เหมือนจะถ่วงลิ้นเธอไว้ด้วยเช่นกัน กลิ่นของเขาผสมกับกลิ่นสายฝนและดิน มันเป็นดังเช่นที่คุ้นเคยจึงทำให้รู้สึกปลอดภัยโดยปราศจากข้อกังขา ชิกามารุขยับเข้ามาใกล้กว่าเคย เขาสูงน้อยกว่าเธอนิดหน่อยแต่เอื้อมมือมาสวมฮู้ดคลุมศีรษะเธอได้อย่างง่ายดาย ด้วยท่าทีราวกับจะครอบครองทว่าอ่อนโยนยิ่งกว่าใครเคยปฏิบัติ ชั่วขณะนั้นเองเทมาริก็เห็นเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่ง หาใช่เด็กชายตัวน้อยผู้เป็นเหมือนน้องชายไม่
“เขาบอกกันว่าเธอตามเด็กผู้ชายที่หลงทางเข้ามาในนี้ แต่อันที่จริง…” ชิกามารุเอ่ยเบาเพียงกระซิบ เพราะมันชัดเจนมากทีเดียวเมื่ออยู่ข้างหูเธอ เด็กสาวรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ระหว่างกัน ทั้งที่พวกเราตัวชื้นแฉะด้วยกันทั่งคู่และอากาศรอบด้านก็หนาวเย็นจนหมอกขุ่นขาวลอยทั่วบริเวณแต่ร่างกายกลับร้อนอย่างน่าประหลาด เทมาริไม่อาจมองอีกฝ่ายในฐานะเด็กน้อยได้อีกต่อไป สำหรับเธอ เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่พึ่งพาได้ไปแล้ว ดวงตาสีเขียวครามช้อนมองอีกฝ่าย ใบหน้าของชิกามารุพร่างพราวด้วยหยดน้ำ เสียงกระซิบต่อมาผสานไปกับเสียงฝนพร่ำซึ่งขับขานราวกับดนตรี “เธอนั่นแหละเด็กหลง”
3.
ถึงนาคิมุชิคุงจะอายุน้อยกว่าก็ตาม แต่เทมาริไม่รู้ว่าทำไมถึงปล่อยให้อีกฝ่ายพูดแบบนั้นใส่ได้ – เธอนั่นแหละเด็กหลง เป็นการสบประมาทคนอย่างเทมาริซึ่งๆ หน้า ทว่าน่าแปลกตรงที่เธอหาได้โกรธ ชั่วขณะนั้นรอบข้างดูคล้ายจะถูกกลืนหายไปในอีกโลกหนึ่ง เธอรู้สึกแต่เพียงสัมผัสและใบหน้าถมึงทึงของชิกามารุ เท้าของเธอยืนไม่ติดพื้นหากนั่นคงเป็นสิ่งที่อุปาทานขึ้น มันอาจเกิดจากความปั่นป่วนภายในทั่วทุกส่วนของร่างกายซึ่งเด็กสาวไม่อาจบอกได้ชัดเจนว่ามันคืออะไรหรือเป็นเพราะเหตุใด ภายในท้องบิดเร้าราวกับมีผีเสื้อโบยบิน หน้าอกอุ่นวาบทั้งยังวูบหวิว ไหนจะสมองที่มึนตื้อคิดวนเวียนอยู่แค่เพียงลมหายใจกับสัมผัสจากอีกฝ่าย บางทีเธออาจสนิทกับเขามากกว่าที่เคยสนิทกับใครๆ จึงได้รู้สึกแบบนั้น
นานแล้วที่เทมาริไม่เปิดใจรับใครให้เข้ามาสนิทชิดเชื้อด้วยนับแต่ยาชามารุบอกว่าจะกลับมา หากท่านน้าผู้ใจดีก็ไม่เคยกลับมา เธอก็แค่ห่างเหินจากการมีเพื่อนสักคนมากเกินไปจนรู้สึกตื่นเต้นเท่านั้นเอง เมื่อหาข้อสรุปได้เด็กสาวจากทะเลทรายก็ปล่อยผ่านความคิดเหล่านั้น เทมาริเริ่มจดจ่อกับสิ่งรอบตัวขณะแกว่งขาอยู่เหนือเตียงพยาบาลขาวสะอาดระหว่างนินจาแพทย์พยายามฉีดยากระตุ้นภูมิคุ้มกันบนต้นแขนของเธอ ใครที่เข้าไปในป่าต้องห้ามวันฝนตกหนักก็คงเลี่ยงไม่พ้นต้องเจออะไรทำนองนี้หลังกลับออกมา เด็กสาวทำใจไว้ตั้งแต่ตัดสินใจตามหาเด็กน้อยก่อนจะสายแล้ว
สำลีเย็นทาบทับลงบนต้นแขนหลังเสร็จสิ้นหัตถการทางการแพทย์ มันเย็นเยือกราวกับใบมีด
.
“ขอบคุณที่ช่วยเหลือนะชิกามารุคุง ช่วยได้มากเลยล่ะ เขาร่ำลือกันเป็นเรื่องจริงสินะ” เรื่องร่ำลือประเภทที่ว่าเขามีความสามารถอย่างไรอีกล่ะสิ ชิกามารุพยายามตีสีหน้าให้เรียบเหมือนผ้ารีด ไม่ใช่ใบหน้าบูดเบ้เหมือนผ้ายับยู่ – อิโนะเคยบอกครั้งหนึ่งว่าเขาทำหน้าซังกะตายขนาดไหนเมื่อถูกกล่าวถึงในด้านความเก่งกาจของตัวเอง ‘หน้านายเหมือนผ้าไม่ได้รีด’ หน้าเขาจะทำไมก็ช่างเถอะถ้าให้ต้องนั่งรีดหน้าอยู่นั่นคงไม่อาจเป็นตัวของตัวเองได้ เด็กชายบ้านนาราอยากจะตีสีหน้าเบื่อหน่ายพอๆ กับคำว่าน่าเบื่อน่ารำคาญในสำนึกคิดปัจจุบัน แต่เขาไม่ใช่เด็กแล้วและไม่อยากเป็นเด็กตลอดไปด้วย ใบหน้าของทายาทตระกูลนาราจึงเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดออกไปแทน
“ยังไงนี่ก็คาบเกี่ยวกับหน้าที่ของฝ่ายประสานงาน แล้วผมก็ยังเป็นผู้ดูแลของเธออีก” นั่นเป็นเรื่องธรรมดา ทุกครั้งที่มีทูตประสานงานจากหมู่บ้านอื่นย่อมต้องมีผู้ดูแลหรือคนรับรองเสมอ หัวหน้าหน่วยย่อยจากฝ่ายรักษาการณ์ของหมู่บ้านโคโนะฮะงาคุเระจึงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจดี ชิกามารุเอ่ยขอบคุณอย่างมีมารยาทอีกครั้งแม้ว่าจะรู้สึกเบื่อหน่ายกับสถานการณ์รอบตัวมากเพียงใดก็ตาม เด็กชายพยายามทำตัวให้เข้าท่าหลังจากหลายเหตุการณ์เป็นฉนวนกระตุ้น ทั้งเรื่องของซาสึเกะหรือในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้าหน่วยย่อยในภารกิจซึ่งครั้งหน้าต้องไม่ล้มเหลว
ประตูห้องเปิดออกจังหวะเดียวกับที่นินจาหน่วยย่อยเดินกลับไปตามทางเดินเป็นกลุ่มใหญ่ ดวงหน้าสวยคมของคุโนะอิจิแห่งทะเลทรายเยี่ยมหน้าออกมาดูเหมือนจะโล่งใจไม่น้อยเมื่อไม่ต้องเจอกลุ่มคนซึ่งทำให้ลำบากใจด้วยการห่วงใยมากเกินความพอดี ทั้งยังขอบคุณและยกย่องกันเสียมากมายจนอึดอัด ชิกามารุมองเด็กสาวเพียงแค่ปราดเดียวก็อ่านได้ทะลุปรุโปร่งตั้งแต่สาวเจ้ายืนกรานไม่ยอมมาโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย แต่เขาต้องหักห้ามไม่ตามใจเพราะยอมรับว่าตัวเองห่วงเธอจนโมโหมากขนาดไหนก่อนหาตัวหล่อนพบ นั่นไม่เคยเกิดขึ้นกับเด็กชายบ้านนารามาก่อน เขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะสามารถมีอารมณ์ขุ่นเคืองได้มากขนาดนั้น ถ้าเธอไม่มาตรวจร่างกายแล้วเป็นอะไรไปอีกเขาก็คงจะโกรธตัวเองหนักขึ้น ทว่าเด็กชายไถ่โทษจุดนั้นคืนโดยการเร่งรัดด้วยแผนการอันแนบเนียนให้นินจาจากฝ่ายรักษาการณ์รีบกลับ หากเทมาริไม่อยากเจอก็ไม่ต้องเจอ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองคุโนะอิจิต่างหมู่บ้านที่ยืนตรงข้ามกัน
“ในที่สุดก็เสร็จสักที ถูกเข็มจิ้มจนพรุนหมดแล้ว” เมื่อเห็นชิกามารุยังคงยืนนิ่ง เทมาริจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อนพลางยกแขนเพรียวบางขึ้นโบกไปมาหน้าอีกฝ่าย ร่องรอยพลาสเตอร์ปิดแผลมีให้เห็นเป็นย่อมๆ ส่วนหนึ่งมาจากกิ่งไม้ที่บาดเข้าขณะรีบร้อนตามหาตัวเด็กน้อย ทายาทตระกูลนาราเห็นแล้วก็นิ่วหน้า ย่นคอหนี สีหน้าระรื่นด้วยอารมณ์ดีของเด็กสาวจากทะเลทรายจึงเลือนหายไป ความประหลาดใจเคลื่อนเข้ามาแทนที่ เป็นใบหน้าฉงนสงสัยเจือความเหงาซึ่งเคลือบอยู่เพียงบางๆ เธอชะงักมือก่อนจะเอาลงมาไว้ข้างตัว ชั่วขณะนั้นเองร่างสะโอดสะองก็ยืนตัวตรงเต็มความสูง ลำคอระหงเชิดตั้งอย่างถือตัว บุตรสาวคนเดียวของคาเสะคาเงะผู้สิ้นชีพกำลังปิดกั้นตัวเองหลังกำแพงความไม่ไว้วางใจอีกครั้ง ความเด็ดขาด แข็งกร้าวทั้งยังดุดันเริ่มกลับคืนมา เทมาริยังไม่ทันกล่าวตัดบทอย่างเด็ดขาด อีกฝ่ายก็คว้าข้อมือเธอ
ไม่ทันตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย เทมาริกำลังหวาดหวั่น คุโนะอิจิผู้มาดมั่นแห่งซึนะงาคุเระกำลังประหวั่นว่าตนเองอาจกำลังสำคัญตัวจนเผลอรุกล้ำชิกามารุมากเกินกว่าที่เขากำหนดไว้แต่แรกก็เป็นได้ เป็นเรื่องเกินกว่าจะเชื่อ ไม่เคยมีสิ่งใดทำให้สายลมแห่งทะเลทรายคนนี้สูญเสียความมั่นใจ หากฉับพลันนั้น นารา ชิกามารุกลับคว้าข้อมือไปอย่างหนักแน่น มันห่างจากใบหน้าเรียบเฉยซึ่งติดจะเหนื่อยหน่ายของเขาแค่คืบ เด็กหนุ่มตรงหน้าใช้ดวงตาคมกริบพินิจพิจารณาทุกรอยแผลบนนั้นถี่ถ้วนมากทีเดียว
“ยัยโหดอย่างเธอโดนซะบ้างก็ดี คราวหลังจะได้ไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนั้นตัวคนเดียว” เป็นความจริงที่ชิกามารุเห็นร่องรอยบนแขนเธอแล้วหงุดหงิดอีกระลอกและโดยไม่ทราบสาเหตุด้วย ตัวเองจึงพลั้งปากออกไปเช่นนั้น ทีแรกเขาเห็นเธอเปลี่ยนท่าทีไปในทันทีที่เขาผงะหนีก็งุนงงเล็กน้อย ชั่วพริบตาถัดมาถึงเพิ่งตระหนักได้ อีกฝ่ายคงคิดว่าเขารังเกียจรังงอน หรืออาจกำลังคิดว่าตนสำคัญตัวจนปฏิบัติตัวเกินสถานะที่เขากำหนดไว้แต่แรก หากไม่ใช่ทั้งหมดนั่นแหละ เขาแค่กำลังตกใจกับใบหน้าสดใสร่าเริงซับสีเลือดฝาดจนลืมเรื่องที่จะทำไปชั่วขณะ น่ารำคาญ ถ้าไม่ไหวตัวทันรีบคว้าแขนเจ้าปัญหาขึ้นมาคุโนะอิจิแห่งหมู่บ้านใต้เงาทรายคงหลบเข้าไปหลังกำแพงจิตใจอีก กว่าชิกามารุจะได้เห็นใบหน้าสดชื่นแจ่มใส ไร้การตั้งการ์ดป้องกัน เขาใช้เวลานานมากทีเดียว ถ้าขืนปล่อยให้สวมหน้ากากแห่งความเข้มแข็ง หรือปล่อยให้นิสัยแข็งกร้าวดุดันกลับมาเวลาอยู่กับเขา เด็กหนุ่มบ้านนาราคงไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มแบบที่ลำธารนั่นอีกแล้ว มันเป็นการเดิมพันครั้งสุดท้ายว่านับจากตรงนี้เด็กสาวจะยังเปิดใจกับเขาอยู่หรือไม่ ฉะนั้นถ้าเขาไม่ดึงแขนเธอขึ้นมาก็จบ น่าเบื่อมาก ทำไมต้องมาสนใจเรื่องพรรค์นี้ด้วย
“โอ้ย ทำอะไรของเธอ” ความเจ็บแล่นขึ้นตามเส้นประสาทรับสัมผัสทันทีที่คุโนะอิจิแห่งซึนะตีเข่าเขาเข้าเต็มแรงบริเวณหน้าแข้ง ยังโหดไม่เปลี่ยนแสดงว่าใช้ได้ ชิกามารุฉีกยิ้มแต่ด้วยความเจ็บซึ่งยังคงค้างจึงกลายเป็นรอยยิ้มที่ดูบิดเบี้ยวเหลือเกิน
“เงียบเสียงคนปากเสียไงยะ”
ใบหน้าสะสวยคมคายแต้มรอยยิ้มเยาะ ซึ่งคล้ายจะเป็นการหยอกเล่นเสียมากกว่าเอาจริงเอาจัง เทมาริไม่ได้ใช้น้ำเสียงแข็งกร้าวกระโชกโฮกฮากไม่น่าฟัง หากเป็นน้ำเสียงสดใสขี้เล่นของเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้น เธอเป็นเหมือนสายลมเย็นชวนให้สบายใจเหมือนปุยเมฆบนท้องฟ้ากว้างดังที่ชิกามารุโหยหา “เป็นนายจะยังรีรออยู่เหรอ ไม่รู้ว่าถ้าช้าไปก้าวเดียวเด็กคนนั้นจะเป็นหรือตาย นายจะตัดสินใจยังไงล่ะ” – เด็กสาวรู้คำตอบทั้งที่ไม่ได้เป็นอีกฝ่าย แค่เชื่อว่าเด็กหนุ่มบ้านนาราคงตัดสินใจเหมือนเธอ
ลักษณะท่าทีเย่อหยิ่งของเด็กสาวจากซึนะเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ชิกามารุเคยประจักษ์จนแจ้งแก่ใจแล้วว่าเทมาริเป็นคนอย่างไร เธอดูคล้ายจะเย่อหยิ่งเพราะความสง่าและมาดมั่นที่มีอยู่แต่กำเนิด แม้จะมั่นใจในตัวเองแต่ก็ยังไม่ไว้วางใจผู้อื่นรวมทั้งไม่ยอมเปิดใจให้ใครง่ายๆ เธอดุดันและแข็งกร้าวจากภายในอยู่แล้วโดยไม่ต้องสวมหน้ากากแห่งความเข้มแข็งปกปิดความอ่อนไหวเลยแม้แต่น้อย หากเป็นความจริงว่าคุโนะอิจิแห่งซึนะคนนี้อ่อนไหวง่าย ช่างเป็นห่วงคนรอบข้าง และมีจิตใจดี เธอแค่ไม่ต้องการให้ใครก็ตามมองว่าอ่อนแอจึงสวมหน้ากากไว้กับตัวเสมอ – “ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายสักแค่ไหนแต่กับผู้ชายที่ตัวเองรักแล้วละก็ใจดีด้วยทุกราย ให้ลูกอายุถึงวัยอันควรก็จะรู้เอง”
อาจเพราะชิกามารุอายุยังไม่ถึงวัยอันควรดังที่นารา ชิกาคุ ผู้เป็นบิดาเคยกล่าวไว้กระมัง เด็กหนุ่มจึงไม่ทันฉุกคิด หรือถ้าจะจดจำได้แม้เพียงเศษเสี้ยวก็คงเฝ้าปฎิเสธพร้อมพร่ำบ่นว่าน่าเบื่ออยู่นั่น ก็สมควรเป็นเช่นนั้น การที่เทมาริเปิดใจกับเด็กหนุ่มบ้านนาราเพียงเพราะรู้สึกดีเมื่อมีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกันจนเรียนรู้ซึ่งกันและกันมากขึ้นกว่าตอนจ้องจะฆ่ากันตายที่สนามประลองการสอบจูนินรอบสุดท้าย แถมเจ้าตัวเองยังไม่ทันรู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าปฏิบัติต่อเด็กหนุ่มแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร นารา ชิกามารุก็เช่นกัน เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลอ่อนอันคมกริบปล่อยผ่านความเจ็บบริเวณหน้าแข้ง เขายืดตัวตรงพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงติดจะรำคาญ หากทว่าในใจควรจะรู้สึกไม่ผิดแผกจากความรู้สึกในกระแสเสียงเหมือนทุกคราที่ผ่านมาเวลาคนตรงหน้าหาใช่คุโนะอิจิจากทะเลทราย นินจาต่างหมู่บ้านในความดูแล “มานี่สิ เดี๋ยวจะพาไปส่ง”
มือของเด็กหนุ่มถูกบังคับให้เลื่อนออกจากการเกาะกุมแขนของเด็กสาวตั้งแต่เธอประทุษร้ายเขาอย่างจงใจแล้ว ริมฝีปากเอิบอิ่มแต้มรอยยิ้มเหมือนนางพญา อากัปกิริยาเหล่านั้นมีความเย่อหยิ่งทระนงตนแฝงอยู่ด้วย หากชิกามารุไม่สนใจบุคลิกภาพภายนอกนานแล้วนับตั้งแต่ได้รู้ตัวตนแท้จริงภายใน เด็กสาวจากซึนะงาคุเระในชุดยูคาตะสีน้ำเงินสั้นเพียงข้อเข่ากับผ้าผูกเอวทึมทึบซึ่งถูกนำมาสวมแทนชุดเปียกโชกของตนเมื่อโดนบังคับแกมข่มขู่โดยเด็กหนุ่มบ้านนาราให้มารับยากระตุ้นภูมิคุ้มกันที่โรงพยาบาลโคโนะฮะเลือกจะปฏิเสธออกไป “ไม่ต้อง ฉันไปเองก็ได้”
“ให้ตายเถอะ เดี๋ยวก็หลงทางไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครเขาอีกหรอก”
‘เอ๊าะเหรอ-’ คิ้วเด็กสาวกระตุกแม้จะเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้หมายความตามนั้นจริง เจตนาก็แค่อยากให้เป็นไปตามความตั้งใจผนวกกับนิสัยขี้รำคาญเลยเป็นเหตุให้เด็กหนุ่มพูดทีเล่นทีจริงออกมา หากมันจุดอารมณ์หมันไส้เล็กๆ ขึ้นมาในใจของเทมาริด้วยเช่นกัน ถ้าโคโนะฮะงาคุเระอยากจุดฉนวนความขัดแย้งกับหมู่บ้านอื่น ง่ายนิดเดียวแค่ให้นารา ชิกามารุอยู่ช่วยฝ่ายประสานงานต่อไปแม้ว่ากำลังพลจะเริ่มเข้าทีเข้าทาง ปากเสียๆ ของนาคิมุชิคุงก็มากพอแล้วสำหรับสงครามนินจา เด็กสาวหัวเราะหึในลำคอขณะคิดค่อนขอดคนตรงหน้า เด็กหนุ่มก็ไม่ใช่คนปากเสียแต่ไม่รู้ทำไมเวลาอยู่กับเธอถึงพูดจาลื่นหูไม่ได้ ทั้งที่เวลาเป็นการเป็นงานก็ออกจะสุภาพมีมารยาทเหมือนปกติชน – ถ้าไม่นับหน้าซังกะตายเวลาบ่นน่าเบื่อน่ารำคาญน่ะนะ – เทมาริใช้กำปั้นกระแทกไหล่อีกฝ่ายเบาๆ อย่างท้าทาย “นี่ พูดให้ดีๆ หน่อยนะนาคิมุชิคุง ถ้าเลิกร้องไห้ได้แล้วค่อยมาว่ากัน”
เป็นดังคาด นารา ชิกามารุทำหน้าตึงทุกครั้งยามเธอเรียกเขาว่านาคิมุชิคุง คงรู้สึกเสียหน้าในฐานะเพศตรงข้ามกระมัง ถ้าว่ากันตามตรงเทมาริไม่ยอมให้อีกฝ่ายเดินไปส่งก็แค่ไม่อยากรบกวน นับร่วมสัปดาห์แล้วที่เด็กหนุ่มบ้านนาราไม่ได้รับรองเธอ คนจากฝ่ายประสานส่งผู้ดูแลคนใหม่มาพร้อมคำกล่าวขอโทษอย่างนอบน้อม และเมื่อถามข้อสงสัยก็มีคำตอบเพียง ชิกามารุติดภารกิจอื่นเพราะความสามารถที่หลายฝ่ายต่างต้องการตัว เด็กสาวเองก็ยอมรับความสามารถส่วนตรงนั้นด้วยไม่ต่างกัน หากกระนั้นยังเคยแอบคิด ‘นาคิมุชิคุงนั่นน่ะเหรอ’ จนเหตุการณ์เมื่อครู่เกิดกับตัวถึงตระหนักชัดเจนว่าที่ผ่านมาเธอผิดอย่างไร การฝ่าสายฝนกระหน่ำท่ามกลางป่ารกทึบอันตรายจำต้องมีความหนักแน่นเด็ดขาดเช่นที่ชิกามารุมี มันทำให้เธออุ่นใจ ใบหน้าซึ่งอยู่ใกล้จนสัมผัสถึงอุณหภูมิจากอีกฝ่ายขณะเขาเอื้อมมือมาสวมฮู้ดคลุมศีรษะเธอคล้ายจะจับจองครอบครองเป็นเจ้าของ และสัมผัสอ่อนโยนจากมือมั่นคงที่ยังคงติดค้างอยู่บนผิวกายประหนึ่งรอยสักบางเบาก็มากพอจะแสดงให้ประจักษ์ทั้งยังตอกย้ำว่าเด็กหนุ่มพึ่งพาได้มากเพียงใด เธอเลิกกังขาจนหมดสิ้น
“ฉันนึกว่านายมีเรื่องต้องทำนี่ ที่ผ่านมาก็เห็นหายหน้าหายตาไปหลายวัน ฉันอยู่คนเดียวจนไม่ต้องอาศัยผู้ดูแลได้แล้ว” เนื่องจากใบหน้าของเด็กหนุ่มไม่แสดงอารมณ์ใดที่สามารถตีความได้ คุโนะอิจิแห่งทะเลทรายจึงชี้แจงเหตุผลด้วยกลัวอีกฝ่ายเข้าใจผิด ดวงตาสีเขียวครามลอบพินิจกระแสความรู้สึกซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยบนสีหน้านิ่งเฉยนั้น หากมันไม่เกิดขึ้น ชิกามารุเงียบจนจุดประกายความสงสัยขึ้นในใจเทมาริ เธอมัวค้นหาคำตอบถึงไม่ทันตั้งตัวเมื่อถูกอีกฝ่ายคว้าข้อมือดังหมับ
ด้วยแรงซึ่งมากกว่า เทมาริถูกพาไปข้างหน้าอย่างง่ายดายทั้งยังเลี่ยงไม่ได้ต้องเคลื่อนตัวตามการชักนำของเด็กหนุ่ม อันที่จริงฝีมือเช่นเธอขัดขืนให้หลุดจากการเกาะกุมได้ไม่ยาก แต่ใบหน้าของชิกามารุจริงจังจนน่าตกใจถึงเพียงนั้น เขากึ่งลากกึ่งจูงเธอไปตามทางเดินของโรงพยาบาล ห้องฉุกเฉินทั่วไปใกล้ประตูหน้ามากทีเดียว ทั้งสองผ่านเคาน์เตอร์ด้านหน้าซึ่งมีผู้คนพลุกพล่านแต่ไม่มีใครว่างพอจะสนใจสิ่งรอบตัวนอกจากกิจธุระของตนเอง อากาศด้านนอกโรงพยาบาลยังมีกลิ่นอายของฝนหลงเหลืออยู่ หากหยดน้ำจากฟากฟ้าสิ้นสุดหน้าที่ลงแล้ว ทิ้งไว้เพียงละอองน้ำซึ่งคงค้างอยู่ตามกิ่งใบ มันกำลังพร่างพรายลงสู่พื้นดินทีละน้อย ท้องฟ้าเบื้องบนใสกระจ่าง ปลอดโปร่ง ทว่าความชื้นแฉะยังคงฝากร่องรอยตามถนนหนทางเหมือนแผลเป็นใหม่สด แอ่งน้ำเจิ่งนองสะท้อนเงาของคนทั้งคู่จับจูงกันผ่านไป เด็กหนุ่มกล่าวขึ้นก็ตอนนั้น ก่อนเด็กสาวจะแผลงฤทธิ์ออกมา
ถ้าคนที่จับเนื้อต้องตัวเทมาริอยู่ตอนนี้เป็นคนอื่น หาใช่นารา ชิกามารุ ใครคนนั้นคงมีชะตากรรมเลวร้าย ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เป็นที่เรียบร้อย หากทว่าเธอยังคงปล่อยให้ทายาทตระกูลนาราปฏิบัติดังใจเขาต้องการเพียงเพราะสิ่งที่เขากำลังพูด
“ฉันไม่ใช่คนที่เธอต้องมานั่งเกรงใจนู้นนี่หรอก แล้วก็ไม่อยากเป็นด้วย เก็บไว้ใช้กับคนอื่นเถอะ ขอแค่ไม่ต้องคิดอะไรทำตัวสบายๆ เวลาอยู่กับฉันก็พอ” สัมผัสอันทะนุถนอมของอีกฝ่ายผละออกจากแขนเธอ ชิกามารุพยายามให้เกียรติเจ้าหล่อนโดยไม่จับมือ แต่ถ้าทีแรกไม่คว้าแขนไว้ก็คงจะรั้นจนไม่ยอมอยู่นั่น เด็กหนุ่มปล่อยมือที่โยงใยระหว่างกันขณะหันมากล่าวกับเทมาริเต็มตัวด้วยใบหน้าจริงจังหนักแน่นกว่าทุกที ยามคุโนะอิจิแห่งซึนะได้สดับข้อเท็จจริง ความอุ่นวาบก็สะท้อนขึ้นในใจเด็กสาว ตัวถูกเป่าจนพองลมด้วยความเต็มตื้นคล้ายกำลังอยู่ในโลกไร้แรงโน้มถ่วง เธอรู้สึกวางใจเพราะถ้อยคำจากปากคนตรงหน้า มันเป็นความรู้สึกดีที่ได้เชื่อใครสักคนหนึ่งและเขาก็เสนอความจริงใจมาให้ แต่อย่างไรเทมาริก็ยังเป็นเทมาริอยู่วันยังค่ำ ไม่แสดงความรู้สึกออกไปมากมาย เพราะหาใช่คนหน่อมแน้มนุ่มนิ่มที่ซาบซึ้งหรือคล้อยตามอะไรง่ายดาย ทั้งยังชอบเก็บความรู้สึกไว้กับตัว หากสิ่งที่นาคิมุชิคุงกระทำมีค่าเกินกว่าคำขอบคุณเป็นแท้จริง รอยยิ้มของเด็กสาวคลี่ออกมาอย่างเต็มใจยิ่งกว่าครั้งไหน
“รู้ไหม นายน่ะเหมาะกับเมฆลอยลมแล้วก็พูดว่าน่าเบื่อๆ อะไรนั่นด้วย วางมาดพูดดีไม่เหมาะกับเป็นนายเลยนะ เป็นอย่างที่นายเป็นเถอะ” ล้อเลียนออกไปจนเด็กหนุ่มกระตุกยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มรู้เท่าทันซึ่งพาดผ่านใบหน้าไปอย่างรวดเร็วพร้อมเสียงหัวเราะฮึสั้นๆ ในลำคอ ดวงตาคมกริบเป็นประกายอย่างที่เจ้าตัวเต็มใจแสดงออกมาน้อยครั้ง ปฏิกิริยาตอบกลับจากเทมาริเป็นตามความคาดหมายไม่ผิดเพี้ยน อากัปกิริยาไว้ตัวแบบพี่สาวอายุมากกว่าถูกเดาไว้ก่อนแล้ว ไม่สิ มีส่วนหนึ่งผิดนิดหน่อย เรื่องทั้งหมดที่เธอพูดออกมานั่นไง เขาไม่เคยบอกเจ้าหล่อนเรื่องงานอดิเรก – นอนเหม่อมองเมฆลอยลมลิ่วแสนสบายใจ – แล้วไหนจะที่เธอรู้จักเขาดีผิดคาดอีก ความเบิกบานท่วมท้นขึ้นมา ทำไมต้องนั่งรีดหน้าตามอย่างอิโนะบอก สาวผมบลอนด์เหมือนกันคนนี้ให้เขาเป็นตัวของตัวเอง
อันที่จริงชิกามารุไม่ได้ตั้งใจจะพูดทำนองนั้นกับสาวเจ้าแต่แรกหรอก – ‘ทำตัวสบายๆ เวลาอยู่กับฉันก็พอ’ อะไรดลใจก็ไม่อาจบอกได้ด้วยเช่นกัน แน่ใจอย่างเดียวคือแม้การกระทำนั่นจะไม่ใช่นิสัย หากมันเป็นสิ่งที่ใจเขาต้องการสื่อโดยแท้จริง
ทายาทตระกูลนาราสอดมือใส่กระเป๋ากางเกงอย่างมีนัยยะขณะออกเดินข้างๆ เด็กสาวจากทะเลทราย ถ้าขืนปล่อยมันทั้งคู่อิสระคงต้องเผลอลากเจ้าหล่อนเข้าอีกหน แล้วก็จะเป็นการเสียมารยาทแถมกึ่งๆ ล่วงเกิน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหม่อมองอาณาเขตสุดสายตาของท้องนภากว้าง บนนั้นเป็นสีฟ้าจัดจนปุยเมฆอวบอ้วนลอยเด่นราวกับภาพเขียน อาจเพราะจิตรกรธรรมชาติกำลังใช้พู่กันแต้มสีขาวละเลงลงบนผืนผ้าใบสดใสรังสรรค์ฟ้าหลังฝนให้รื่นเริง บนสนามหญ้าอันชื้นแฉะ นกซึซึเมะที่เปียกปอนจนพองขนส่งเสียงร้องเล็กแหลมพลางจิกเล็มเศษไม้เพื่อนำไปทำรังแก่ลูกน้อย บางระยะก็มีเสียงก้องกังวานจากเหล่านกในหลืบเงาของแมกไม้ผลัดสีซึ่งขึ้นยืนต้นอยู่ประปรายบริเวณสองข้างทาง ถนนถูกระบายสีเหลืองส้มอร่ามตาเนื่องจากต้นไม้เริ่มผลัดใบ นั่นคือสัญญาณรอรับฤดูหนาวที่กำลังมาเยี่ยมเยียน ใบไม้แห้งเกลื่อนกลาดตามพื้นโอบอุ้มหยดน้ำ ของดูต่างหน้าจากสายฝนพร่ำไว้ ครั้นก้าวข้ามผ่านก็ทำให้ช่วงขาชื้นเล็กน้อย
คล้ายจะยาวนานหากเป็นเวลาแค่ครู่เดียว ดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวออกจากกลีบเมฆ เงาหันเหทิศทางตามเวลาที่เคลื่อนคล้อย และทัศนียภาพร่มรื่นรอบด้านก็เริ่มเปลี่ยนเมื่อผ่านเข้าสู่ย่านการค้าโคโนะฮะซึ่งมีผู้คนบางตา สิ่งปลูกสร้างรุกรานขึ้นมาแทนที่ธรรมชาติผลัดสี ภาพผืนฟ้ากว้างถูกบีบเหลือเพียงทิวทัศน์แคบขณะเดินผ่านตัวอาคารที่ขนาบทั้งสองฝั่งทางเดิน เด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งไล่จับกันไปบนท้องถนนพลางหัวเราะสนุกสนาน ชิกามารุเห็นดวงตาคู่สวยเหลือบมอง ริมฝีปากประดับประดาด้วยรอยยิ้มก่อนเธอจะหยุดชะงักลง เขาจึงต้องหยุดฝีเท้าตาม กลิ่นเกาลัดคั่วใหม่ๆ ในถังไม้ใบใหญ่ลอยกรุ่นทั่วอาณาบริเวณ เสียงก้อนกรวดบดเบียดกันเมื่อน้ำตาลในนั้นไหม้ก็กลายเป็นสีเข้มเหมือนเมล็ดกาแฟ เจ้าของร้านร้องเชิญชวนเสียงดังขณะตวงเกาลัดใส่ถุงกระดาษ และนั่นดึงดูดเทมาริได้ผลดีทีเดียว
“เดี๋ยวมานะ” ทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นก็ปล่อยให้เขายืนเคว้ง ชิกามารุนิ่วหน้าด้วยความฉงน พยายามทำความเข้าใจการกระทำแปรปรวนดังพายุของสตรีเพศ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เหมือนกำลังดำดิ่งลงสู่มหาสมุทรยากจะหยั่งถึง เขาหันเหความสนใจมายังเด็กที่ตั้งอกตั้งใจขายมันหวาน ตอนเทมาริกลับมาพร้อมถุงกระดาษร้อนๆ เด็กหนุ่มเองก็มีถุงกระดาษคล้ายคลึงกันอยู่ในมือ
“ไปซื้ออะไรมา เกาลัด?” แค่ถามไปอย่างนั้นแม้จะรู้ก่อนแล้วก็ตาม
“ของอร่อยที่สุดไง” ทีแรกเทมาริยิ้มอมภูมิก่อนตอบคำถาม เกาลัดคั่วถือเป็นของโปรดอันดับต้นๆ สำหรับเธอ และเพราะกำลังนึกถึงรสหวานละมุนของมัน น้ำเสียงจึงดูคล้ายเด็กน้อยที่กำลังอวดของเล่นชิ้นโปรด ใบหน้าอ่อนเยาว์แฝงความอ่อนโยนโดยนิสัยเปรอะเปื้อนรอยยิ้มจนชิกามารุถูกตรึงอยู่กับสีหน้าผ่อนคลายนั้นไม่ไปไหน เขาเกือบเดินชนผู้คนที่สวนทางมา เห็นดังนั้นเด็กสาวก็หัวเราะ ยิ่งเหมือนเติมเชื้อเพลิงเข้ากองไฟ ใช่ เธอน่ารัก ไม่มีจริตถึงได้ดึงดูดสายตานินจาหนุ่มหลายต่อหลายนายที่เดินผ่านไป น่าจะมีใครควรบอกเจ้าหล่อนสักคนว่าผู้หญิงไม่ควรทำตัวน่ารักเหมือนเด็กให้ผู้ชายเห็น เพราะสัญชาตญาณลึกๆ ของเพศชายชื่นชอบการเป็นผู้นำและต้องการแสดงความเข้มแข็งกว่าให้ฝ่ายตรงข้ามรับรู้ แล้วยิ่งกับหญิงแกร่งมีหัวคิด ที่มีมุมยิ้มแย้มน่ารักโดยปราศการเสแสร้งแกล้งทำด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีเสน่ห์มากเพียงใด
เพราะกลัวความรู้สึกแปลกๆ จะบังเกิดขึ้นในใจโดยไม่สามารถค้นหาสาเหตุได้อีก ชิกามารุจึงรีบถอนสายตาออกมาจากรอยยิ้มของอีกฝ่าย เขาตอบกลับขณะมองตรงไปข้างหน้า มือเอื้อมไปคว้าถุงกระดาษจากเด็กสาวมาถือให้ ก่อนสานต่อบทสนทนาเมื่อครู่อย่างรวดเร็วเพื่อจะไม่เปิดโอกาสให้เด็กสาวได้อุทธรณ์หรือยื้อแย่งของคืน สำหรับเด็กชายจอมขี้เบื่อหมดไฟ เกาลัดคงเป็นอะไรน่าเบื่อน่ารำคาญไม่ใช่น้อย “แกะกินก็ยาก น่ารำคาญจะตาย ฉันมีอะไรเจ๋งกว่าให้เธอ”
เหตุเพราะได้เห็นใบไม้ร่วงเกลื่อนปกคลุมพื้นถนนประหนึ่งผืนพรมหลากสีสัน ชิกามารุจึงเกิดความคิดเพื่อคนตรงหน้า ซึนะงาคุเระคือหมู่บ้านที่ซ่อนเร้นอยู่ในเงาทราย มันเผาร้อนๆ คงมีบ้างถ้าต้องก่อกองไฟต่อสู้กับอุณหภูมิต่ำช่วงกลางคืนเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น แต่ถ้ามีใครนั่งเผามันกินกลางทะเลทรายตอนดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้ามาทำหน้าที่แล้วคงพิลึกไม่หยอก เด็กหนุ่มตั้งใจเผามันร้อนฤดูใบไม้ร่วงเพื่อให้ร่างกายที่เพิ่งตากละอองฝนของเจ้าหล่อนไม่จับไข้ และก็ต้องยอมรับด้วยว่าอยากเห็นเธอดีใจเหมือนคราวก่อนตอนพาเข้าไปในป่าภายใต้สิทธิ์ตระกูลนารา – “รอดูแล้วกันว่าจะเจ๋งแค่ไหน” เด็กหนุ่มล้อเลียนอีกฝ่ายตอนอยู่โรงพยาบาล เขาโบกถุงกระดาษของตัวเองตรงหน้าเด็กสาว จนเธอตีเข้าที่สีข้างนั่นแหละ ถึงต้องหยุดมือลงพลางร้องโอดโอยอย่างขบขัน ถ้าจะมีใครสักคนเดินผ่านมาตรงนั้นคงทันได้ยินเสียงหัวเราะอันหาฟังยากยิ่งจากหนุ่มน้อยบ้านนารา และอาจตกอกตกใจไม่น้อยทีเดียว
4.
เมื่อเปิดประตูโชจิตรงชานระเบียงออกจะเห็นสวนย่อมน้อยๆ ของบ้านพักรับรองซึ่งถูกจัดไว้อย่างร่มรื่นเพื่อเป็นหน้าเป็นตาของหมู่บ้าน บนหญ้าตัดเตียนคล้ายผืนกำมะหยี่ปราศจากร่องรอยของฤดูใบไม้ร่วงดังเช่นทุกที ใบไม้แห้งอันเป็นสัญลักษณ์เหล่านั้นถูกกวาดมากองรวมกันใต้โคนต้นไม้ใหญ่ เปลวเพลิงกำลังลามเลียมันทีละน้อยจนเริ่มบิดงอ รอยไหม้ค่อยๆ ซึมลงตามแผ่นใบเหมือนกระดาษที่ดูดซับน้ำ เด็กสาวจากทะเลททรายนั่งห้อยขาอยู่บนอังกาวะซึบซาบไอร้อนจากกองไฟตรงหน้าขณะเฝ้ามองทายาทตระกูลนาราเขี่ยเศษเถ้าเหล่านั้นให้เข้าที่เข้าทาง ควันขุ่นมัวลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศก่อนกลืนหายไปในสีเทาของท้องฟ้ายามสนธยา ราตรีกาลกับนภาดารดาษดาวคลี่คลุมผืนแผ่นดินเร็วเสมอถ้าเหมันต์ใกล้มาเยือน
แรกทีเดียวเทมาริก็นึกสงสัย อะไรในถุงกระดาษที่เด็กหนุ่มอวดอ้างว่าดีหนักหนา แต่กว่าจะได้รับการแถลงไขก็นับเป็นการรอที่ยาวนาน เพราะตอนมาถึงชิกามารุก็ขออนุญาตตามเธอเข้ามาในบ้านพักอย่างสุภาพ ก่อนจะจัดแจงกวาดใบไม้ในสวนแล้วไล่เธอไปล้างเนื้อล้างตัวด้วยใบหน้าถือดี ซึ่งเทมาริไม่อาจหาเหตุผลบิดพลิ้วได้ เขากล่าวอ้างคำข่มขู่มากมายว่าเธอจะไม่สบายอย่างไรถ้าไม่ปฏิบัติดังที่เขาแนะนำ แถมยังยืนยันเสียงแข็งว่าลำพังเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดตัวที่โรงพยาบาลนั้นไม่พอ – ‘นี่เธอถูกหมีภูเขาเลี้ยงมารึไง ทำไมทั้งดื้อทั้งหัวแข็ง’ บ่นเป็นหมีกินผึ้งจนเธอต้องตัดรำคาญยอมทำตามความต้องการของอีกฝ่าย ครั้นโผล่หน้ากลับมาเขาก็นั่งเผามันหน้าตายอยู่ในสวน
นับจากตรงนั้น เทมาริก็นั่งรอมันเผาจากถุงกระดาษปริศนาที่ต้องยอมรับว่าน่าอร่อยนี่มาครู่หนึ่งแล้ว
ฟ้าเบื้องบนกำลังออมแสง อากาศรอบด้านจึงขมุกขมัวต่างจากท้องนภาโปร่งหลังฝนพรำในคราแรกเหมือนพลิกฝ่ามือ ผืนฟ้าสีเทากระจ่างเริ่มเห็นเข้มขึ้นจากอีกฟาก – ซึนะงาคุเระอยู่ตรงนั้น – น่าแปลกที่เทมารินึกถึงบ้านขึ้นมา กลิ่นระอุของทะเลทราย แอปริคอตและไอร้อนที่โอบล้อมรอบตัว หากมันไม่ได้ทำให้เธออยากละทิ้งภาระหน้าที่ในหมู่บ้านซึ่งซ่อนเร้นอยู่ใต้เงาไม้กลับไปในความดูแลของดวงอาทิตย์แสงเจิดจ้าใต้ปีกเหยี่ยวทะเลทรายแม้แต่น้อย แค่เพียงเพราะแผ่นหลังของนาคิมุชิคุงดูมั่นคงหนักแน่นจนความเชื่อมั่นเกิดขึ้นในใจ นารา ชิกามารุหยิบยื่นความอบอุ่นมาให้มากมายจนเธอต้องยอมออกจากที่ซ่อนตัว เมื่อแรกเด็กสาวไม่ต่างอะไรกับลูกแมวขู่ฟ่อๆ ที่ขดตัวระแวดระวังภัยท่ามกลางตรอกมืด เป็นความจริงว่าบ้านเธอแทบไม่มีความอบอุ่นเช่นที่ได้รับจากชิกามารุหลงเหลืออยู่เลยหลังความตายพรากมารดาจากไปพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าผู้เป็นบิดา ความปรีดาทั้งมวลของคาเสะคาเงะรุ่นที่สี่แห่งซึนะเป็นดังบรรณาการให้ภรรยานำสู่โลกแห่งความตาย เธอและน้องชายทั้งสองต่างก็ต้องช่วยเหลือตัวเองมาตลอด ถ้าจะมีความสุขสงบใจสักเพียงนิดที่เทมาริจะสามารถหาได้ก็คงมาจากเด็กหนุ่มตรงหน้า เขามอบมันกับเธอโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ทั้งยังมีความจริงใจแอบแฝงอยู่ทุกการกระทำ
เสียงเศษไม้ปริแตกดังเปรี้ยะพร้อมส่งสะเก็ดไฟสุกปลั่งกระเด็นทั่วบริเวณ หากเด็กหนุ่มบ้านนารายังคงนั่งไม่สะทะสะท้าน เทมาริฉีกยิ้มให้ใบหน้าเฉยเมยที่เหลือบมองมา กลิ่นมันเผาเริ่มปรุงแต่งอากาศโดยรอบ – ภายในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมีเปลวเพลิงเต้นเร่าอยู่ท่ามกลางความรู้สึกเรียบเฉยที่ครอบครองพื้นที่นั้นอยู่เดิม เถ้าถ่านของกองไฟปลิวออกมา ส่วนใหญ่เป็นเพียงเศษใบไม้แห้งกรอบซึ่งสูญเสียรูปลักษณ์เดิมไปแล้ว
“อันนี้กินได้พอดี” พูดพลางลอบพิจารณาใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามซึ่งซ่อนอยู่หลังควันสีขาวขุ่นจากกองไฟ เธอดูผ่อนคลายและเป็นสุขดังที่ชิกามารุต้องการ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงถือว่าตนบรรลุวัตถุประสงค์ครั้งนี้แล้ว และเมื่อเขาเขี่ยมันหวานกรุ่นๆ ที่พักจนเปลือกนอกเย็นตัวจนสามารถประคองไว้ในมือได้ไปให้ รอยยิ้มยินดีที่ตอบรับกลับนั่นก็มากเกินพอสำหรับเรื่องน่าเบื่อน่ารำคาญที่เขาตัดสินใจทำอยู่นี่
ไอระอุของมันเผากรุ่นๆ สัมผัสโดนแก้มเย็นเฉียบของเทมาริ อุณหภูมิที่แผ่ซ่านบนมือช่วยให้ร่างกายอุ่นขึ้นแม้สายลมจะหอบมาเป็นระลอกจนนัยน์ตาแห้งผาก คุโนะอิจิจากซึนะค่อยๆ กระชับเสื้อคลุมกันลมที่เด็กชายคะยั้นคะยอให้ใส่ด้วยเหตุผลเพียงเพราะอุตส่าห์ออกปากขอฝ่ายรักษาการณ์มาให้เธอเลยนะ น่าเบื่อจริง – แล้วก็ทำหน้าเหมือนกำลังแบกโลกไว้ทั้งใบจนเธอรำคาญต้องจำยอมอย่างเสียไม่ได้ มันเป็นเสื้อคลุมมีฮู้ดสีครีมแบบที่นินจาโคโนะฮะใส่เวลาออกไปทำภารกิจแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอเป็นคุโนะอิจิจากซึนะน้อยลง เด็กสาวบิมันร้อนออก ควันระอุอบอวลทั่วใบหน้า
กิ่งไม้แห้งถูกใช้เขี่ยเศษใบไม้ที่เผาไหม้จนเหลือเป็นเถ้าสีดำบิดเบี้ยว เด็กหนุ่มบ้านนารากำลังสนใจอยู่แต่กับมันเผารอบใหม่จึงไม่สนใจสาวเจ้าที่กำลังนำมันร้อนที่เผาจนหอมกรุ่นเข้าปาก – “เฮ้ย ยัยบ้า” ชิกามารุค่อนข้างมีประสาทสัมผัสไวอยู่พอตัว เขายกมือขึ้นเพื่อหวังจะปรามคนที่กำลังจะลวกปากตัวเองด้วยมันเอาระอุๆ ซึ่งกักเก็บไอความร้อนอยู่ภายในเกินกว่ามองเห็นภายนอกนัก เพราะสมองสั่งให้นำมือกันมันเผาร้อนๆ ออกจากปากอีกฝ่ายนั่นแหละ แต่เขาช้ากว่าถึงได้โดนอย่างอื่น เด็กหนุ่มนึกว่าตนจะเจอกับไอร้อนไม่ใช่ความรู้สึกนุ่มละมุนอย่างเช่นที่กำลังได้รับอยู่นี้ – เขาสัมผัสได้ถึงริมฝีปากอวบอิ่มของเจ้าหล่อนบนหลังมือ มันนุ่มนิ่มและเหมือนจะดูดกลืนสติทั้งหมดของเขาเข้าไปด้วย ทั้งที่สภาพอากาศรอบด้านเริ่มหนาวจนพืชพรรณผลัดใบแห้งแต่ร่างกายกลับร้อนขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ กว่าจะทันรู้สึกตัวด้วยกันทั้งคู่ กองไฟก็ส่งเสียงเปรี๊ยะ ดีดเอาเถ้าแดงก่ำออกมา
หลังจากนิ่งงันไปพักหนึ่ง ฝ่ายที่รวบรวมสติได้ก่อนก็เอ่ยขึ้นทำลายช่วงเวลาซึ่งคล้ายจะหยุดเดินลงชั่วขณะ
“มันยังร้อนอยู่ มีสิทธิปากพองได้นะ” ริมฝีปากของเธอนุ่มมากเหลือเกิน ชิกามารุที่คิดอย่างนั้นจำต้องรีบลดระดับมือลงก่อนเหตุบังเอิญนี้จะกลายเป็นการไม่ให้เกียรติเทมาริในฐานะเพศตรงข้ามไป เขากล่าวเสียงสูงขณะลอบมองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเพราะกลัวโดนเจ้าหล่อนประทุษร้ายเข้าอีกหน หากครานี้เจ้าของดวงตาสีเขียวครามเพียงแค่จ้องกลับมาอย่างเรียบเฉยก่อนหัวเราะน้อยๆ และอากัปกิริยานั้นก็เป็นธรรมชาติจนเด็กหนุ่มต้องต่อสู้กับความรู้สึกที่บิดเร้าอยู่บริเวณช่วงอกราวกับมีมวลอากาศอัดแน่นที่ทำให้เขาคล้ายจะหายใจไม่ออกจุอยู่จนเต็ม แท้จริงแล้วการที่นำมือไปบังมันเผาร้อนๆ ไม่ให้ลวกปากสาวเจ้าจนโดนริมฝีปากนุ่มนิ่มนั่นแทนเป็นการล่วงเกินมากทีเดียว
ทายาทตระกูลนารารีบชักมือกลับพร้อมกล่าวขอโทษ หากทว่าดูเก้ๆ กังๆ คล้ายหุ่นจนเด็กสาวจากทะเลทรายนึกขัน รอยยิ้มละมุนแต้มบนใบหน้าสะสวยก่อนถ้อยคำขอบคุณที่แสดงให้เห็นชัดว่าไม่ถือสาเหตุการณ์เมื่อครู่จะหลุดออกมา อันที่จริงเทมาริค่อนข้างเขินอาย – ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง – แถมอวัยวะภายในยังหวิวโหวงขึ้นมาอย่างน่าพิศวงเหมือนตกลงสู่ห้วงอากาศบางเบา นอกจากนี้ยังขำใบหน้าถอดสีของนาคิมุชิคุงตอนรู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมๆ กับเธอว่าเกิดอะไรขึ้น มือตัวเองกำลังอยู่ตำแหน่งใด ถัดจากนั้นความกระอักกระอ่วนก็เข้าครอบคลุมเด็กหนุ่ม เขามีท่าทีก็งุ่นง่านขึ้นมาทันตาเห็นด้วยเพราะประหม่าและสำนึกผิด แต่ถ้าว่ากันตามตรงเธอก็ควบคุมทั้งอารมณ์ที่แสดงออก ทั้งความรู้สึกซึ่งผสมปนเปกันเละเทะอยู่ภายใน หรือแม้กระทั่งการเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้เช่นกัน มันคล้ายจะนิ่งชะงักงันไปหมด ดูเงอะงะไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก
หากอย่างไรคุโนะอิจิแห่งซึนะก็ยังเก็บอาการเก่งกว่าเด็กหนุ่มบ้านนารา พวกเขาทั้งคู่แสร้งจดจ่อกับสิ่งรอบตัว ก่อนพยายามเบี่ยงประเด็นโดยหาหัวข้อสนทนามากลบเกลื่อนสถานการณ์เมื่อครู่ “เราเอาเกาลัดมากินด้วยกันดีไหม” – เทมาริเป็นฝ่ายเสนอ เธอสะดุ้งตัวโยน ไม่ทันตั้งตัวมาก่อนว่าแทนที่จะได้รับคำตอบจากคำถามเมื่อครู่ อีกฝ่ายกลับโถมตัวเข้าหาอย่างรวดเร็วจนหัวใจเธอกระตุกด้วยความตระหนก ชิกามารุได้รุกล้ำเข้ามาในระยะประชิดขณะเธอโน้มตัวหนีไปข้างหลัง พยายามตั้งหลัก
แต่ก็คงต้องตั้งสติด้วยเพราะเหมือนจิตใจจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยแม้แต่น้อย
เด็กหนุ่มท้าวแขนอยู่เหนือร่างปราดเปรียวที่กำลังระแวดระวัง เงื้อหมัดเตรียมพร้อมตั้งท่าหาเรื่องสุดตัว หากทว่าเด็กสาวผู้แข็งกร้าวถูกเมฆลอยลมอย่างนารา ชิกามารุละลายความเย่อหยิ่งถือดีและความดื้อรั้นเหล่านั้นลงจนสิ้น ท่าทีข่มขู่เพื่อป้องกันตัวเองของเธอนั้นกลับยิ่งเหมือนลูกแมวที่กำลังจะตกอยู่ในครอบครองของเด็กหนุ่มทีละน้อย ประหลาดนิสัยนักเมื่อคุโนะอิจิจากทะเลทรายหลับตาปี๋ครั้นเห็นอีกฝ่ายยกมือขึ้น ความกล้าบ้าบิ่นหายไปไหนก็มิอาจทราบได้ เธอกลั้นหายใจพร้อมขืนตัวอย่างแรงคล้ายจะตั้งท่าสู้ หากทันทีที่สัมผัสแผ่วๆ จากมือที่คุ้นเคยของเด็กหนุ่มแตะลงบนหน้าผาก ดวงตาคู่สวยก็ค่อยๆ แง้มเปลือกตาขึ้น ความสับสนก่อตัวเหมือนพายุคลื่น เธอกึ่งๆ งงงวย แต่ถึงกระนั้นก็ยังโล่งใจ และที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือความรู้สึกอับอาย นินจาประเภทไหนตั้งรับภัยจู่โจมแบบนั้นกัน
คุโนะอิจิแห่งซึนะลืมวิสัยนินจาไปเสียสิ้นครั้นเห็นใบหน้าเรียบเฉยจนดูจริงจังของชิกามารุ บางทีเธออาจจะแพ้ใบหน้านั้นของเขาเข้าจริงๆ แล้ว ตอนออกมาจากโรงพยาบาลก็ปล่อยให้เขาจับมืออย่างง่ายดายทั้งที่ถ้าเป็นคนอื่นคงถูกสอยร่วงไปตั้งแต่แสดงท่าที ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะใบหน้าเคร่งขรึมนั่นเชียว เด็กสาวถึงยังไม่จัดการกับมือที่แตะหน้าผากไม่ห่างไปไหน เทมาริกำลังตระหนก ทั้งจังหวะที่เต้นไม่เป็นส่ำบริเวณช่วงอกซึ่งเจ้าตัวไม่ทันรู้สึกถึงก็ดึงเธอเข้าไปอีกโลกหนึ่งแล้ว – โลกเสมือนไร้แรงดึงดูด
“ตัวร้อนจริงๆ ด้วยแหะ” คำพูดเปรยๆ จากเด็กหนุ่มเรียกสติเทมาริกลับมาพร้อมกัน เธอได้เห็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนอันคมกริบนั่นจากอีกด้านหนึ่ง มันยังคงไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาอย่างฟุ่มเฟือย ชิกามารุทำหน้าตายแบบที่เขาชอบก่อนดึงมือกลับ แต่ไม่ยักดึงตัวเองกลับไปด้วย เทมาริหรี่ตา เมื่อสติกลับมาครบสมบูรณ์สมองก็เริ่มระวางโทษอีกฝ่าย ทายาทบ้านนาราเบิกตาเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าหลบหมัดแรงๆ ที่พุ่งมาแบบชิวเฉียด คุโนะอิจิจากซึนะเริ่มแผลงฤทธิ์แล้วก็คงพอได้แค่นี้ เขาถอยร่นกลับไปนั่งข้างเจ้าหล่อนอย่างว่าง่ายก่อนจะต้องตั้งมือเพื่อรับหมัดหนักๆ อีกระลอก
“ทำอะไรของนาย มันน่าตกใจรู้ไหม” ควรจะต้องมีคนบอกเด็กหนุ่มว่าไม่ควรรุกล้ำอาณาเขตของเพศตรงข้ามเข้ามาขนาดนั้นถ้าไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันมากมาย ทว่ายามนี้บทบาทสลับกันแล้ว เทมาริเอาคืนบ้างและมันก็เป็นการประทุษร้ายอีกฝ่ายเต็มขั้น แต่หากว่ากันตามตรง นั่นคงจะเป็นการสะกิดเล่นๆ มากกว่า เพราะถ้าขืนเป็นหมัดเอาจริง ชิกามารุก็คงจะใช้แค่มือกันไว้ไม่อยู่ เด็กสาวจากทะเลทรายกำลังสั่งสอนเขาเล็กน้อยเท่านั้น เธอกำลังทำหน้าแบบพี่สาวอายุมากกว่าอย่างที่เขาไม่ชอบ
“ขอโทษ” นั่นเป็นคำกล่าวที่หลุดออกไปโดยอัตโนมัติด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ ยามเด็กหนุ่มเห็นสีหน้าจริงจังของคุโนะอิจิแห่งซึนะ ตอนสัมผัสโดยริมฝีปากอีกฝ่ายก็โดนไอความร้อนที่เขาเชื่อว่าไม่ได้มาจากมันเผาระอุเพียงอย่างเดียวแน่นอนถึงได้สงสัยจนทนไม่ได้ ถ้าเด็กสาวเกิดจับไข้เขาต้องรู้สึกโกรธตัวเองขึ้นมาอีกแน่ ดังนั้นนี่ถือเป็นการป้องกันตัวเองอย่างหนึ่งด้วย ใช่ เขาไม่ได้ห่วงเทมาริมากมายถึงเพียงนั้น แต่หงุดหงิดเหลือเกิน ยามเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มตัวอุ่นๆ อารามไม่สบอารมณ์ก็แผ่ขยายอาณาเขตเข้าครอบงำวิจารณญาณในการตัดสินใจ น่ารำคาญจริง เขาถึงรุกประชิดตัวเด็กสาวอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ติด เขาทำลงไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนคิดได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปเท่านั้นแหละถึงเห็นว่าเผลอรุกล้ำสาวเจ้าจนกลายเป็นการก้ำเกิน สมควรแล้วที่จะถูกหมัดหนักๆ หวดเข้าใส่ แต่อันที่จริงหลบไว้ก่อนจะดีกว่า
“เอาเถอะไม่ได้ว่าอะไรหรอกแต่น่ามันตกใจนะ อย่าไปทำแบบนี้กับใครเขาอีกรู้ไหมนาคิมุชิคุง …แล้วก็ที่จริงวัดไข้น่ะ เขาทำกันอย่างนี้” สงสัยจะเป็นการเอาคืน แต่ก็ไม่แน่ ชิกามารุไม่สามารถเจาะจงลงไปได้ มือเนียนนุ่มของเด็กสาวจากทะเลทรายแตะท้ายทอยเขาแผ่วเบาก่อนดึงศีรษะเข้าไปแนบกับหน้าผากอุ่นๆ ของเจ้าหล่อน จากที่ไม่เคยมีสิ่งใดสามารถสั่นคลอนนารา ชิกามารุ นับจากนี้ก็คงพูดได้ไม่เต็มปากอีกแล้ว เด็กหนุ่มถูกทำให้ไม่มั่นคง และถูกเธอยึดเอาไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องนัยน์ตาสีเขียวครามที่หลุบลงต่ำและซ่อนตัวอยู่หลังแพขนตาหนา ใบหน้าชวนมองของเธอประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ บนมุมปาก ชิกามารุรู้สึกเหมือนตนเองกำลังโดนครอบงำก่อนเธอจะปล่อยเขาเป็นอิสระ – แล้วก่อนละอองทรายที่ก่อตัวอยู่กลางอากาศในมุมอับสายตาจะเข้าโอบล้อมร่างเด็กหนุ่ม ชั่วจังหวะนั้นทายาทตระกูลนาราก็หยิบคุไนขึ้นมาเตรียมการรับมือล่วงหน้าแล้ว ชิกามารุเคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไวขณะตั้งท่าคุมเชิงผู้หมายประทุษร้ายที่มองไม่เห็น คิ้วพาดเฉียงรับกับดวงตาคมกริบกำลังขมวดเคร่งเมื่ออาวุธคมกริบในมือพุ่งไปข้างหน้าพร้อมๆ กับที่เงาใต้เท้าเขาเริ่มเคลื่อนไหวออกจากจุดเดิม มันกำลังจู่โจมเข้าหาอสูรผู้รักตนเองด้วยความเร็วเกินกว่าสายตาจะกะเกณฑ์
การโจมตีระหว่างกันเมื่อครู่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วชั่วหัวใจเต้นจังหวะเดียว มันกะทันหันและไม่มีสัญญาณบ่งบอกล่วงหน้า เทมาริซึ่งถูกน้องชายคนโตดึงตัวออกมาส่งเสียงห้ามแต่ดูเหมือนจะไม่สามารถส่งไปถึงใครได้เลย สำหรับเพศชายแล้วเรื่องขัดแย้งบาดหมางเพื่อปกป้องอัตตาหรือศักดิ์ศรีของตัวเองคงแฝงอยู่ในสายเลือด ทรายจำนวนไม่น้อยกำลังรวมตัวรอบร่างเด็กหนุ่มบ้านนารา หากทว่าเมื่อมันสมองอันเฉียบคมเริ่มทำงานแล้ว ทุกสิ่งย่อมอยู่ภายใต้การคาดการ ชิกามารุถึงไม่ยี่หระกับละอองทรายหนาตารอบตัวซึ่งพร้อมจับตัวหนาทันทีที่ผู้ควบคุมคาถาสั่งการ แต่เขากลับเหยียดยิ้มยามเห็นคุไนตัวเองถูกเกราะทรายซึ่งอยู่เหนือจิตใต้สำนึกของอีกฝ่ายหยุดไว้ได้ทันท่วงที
ไม่ว่าอย่างไรคาถาเงาก็ไม่อาจผ่านทรายของกาอาระไปได้ ชิกามารุคาดไว้อยู่ก่อนแล้ว แต่บางทีการล่อหลอกก็เป็นเพียงลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ได้มากซึ่งตัวหมากที่จะทำให้แผนการประสพผล เด็กหนุ่มดีดตัวจนพ้นระยะการโจมตีของเม็ดทรายซึ่งเริ่มจับตัวกันหนาขึ้น เขาอาศัยจังหวะที่นินจาแห่งทรายสูญเสียทัศนะวิสัยโดยรอบไปก็ยามที่เกราะทรายจำต้องปกป้องเจ้าทานุกิตัวแดงตาขวางนี่จากคุไนบวกกับคาถาเงาก่อนหน้า และแม้จะแค่ชั่วพริบตาเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับการหลบหลีกของชิกามารุ ทายาทตระกูลนาราหลบการโจมตีด้วยทรายของอีกฝ่ายมายืนทำหน้าตายอยู่บนชานระเบียง แต่เอาเข้าจริงเหมือนจะมีร่องรอยเหยียดยิ้มแฝงอยู่บนใบหน้าเหนื่อยหน่ายนั่นด้วยเล็กน้อย มันคือการท้าทาย กาอาระที่ตีความหมายจากท่าทีของฝ่ายตรงข้ามออกมาเช่นนั้นจึงรีบยกมือขึ้นในระดับสายตา ดวงตาสีอ่อนมีความมุ่งร้ายกระจายอยู่ – ‘พอได้แล้ว ชักเริ่มน่ารำคาญแล้วนา’ เด็กหนุ่มบ่นพลางตั้งท่าพร้อมจู่โจมกลับอีกระลอก – หากทว่า “กาอาระหยุดเดี๋ยวนี้!” เจ้าของชื่อชะงักโดยพลัน เสียงกราดเกรี้ยวของผู้เป็นพี่สาวคนเดียวดึงสติกลับมา ทรายที่ลอยอิสระอยู่รอบมือก็เริ่มเบาบางลงก่อนจะสลายกลับสู่สภาพเดิม คืนสู่ผืนแผ่นดิน
“นายทำอะไรเทมาริ” น้ำเสียงของกาอาระ อสูรผู้รักตนเองส่อเค้าแววหาเรื่องอยู่หน่อยๆ แต่ชิกามารุเลือกจะไม่นำมาใส่ใจ เนื่องจากใบหน้าของเด็กสาวดุดันเสียเหลือเกินถ้าเกิดลุกขึ้นมาปะทะศึกย่อมๆ กันอีกหนมีหวังเจ้าหล่อนได้แหวใส่เป็นการใหญ่ ทางที่ดีอย่าไปมีปัญหากับเทมาริ จากประสบการณ์การร่วมงานระหว่างกันได้สอนชิกามารุไว้อย่างนั้น เหตุนี้เด็กหนุ่มจากตระกูลนาราจึงยืนนิ่งปล่อยให้นินจาผู้ควบคุมทรายซักฟอกแต่เพียงฝ่ายเดียว ทว่าเขาก็ไม่ได้ตอบคำถามเหล่านั้นออกไปเช่นกัน เด็กหนุ่มไม่ชอบการต่อปากต่อคำและนั่นคงกวนอารมณ์คู่สนทนาจนขุ่นเลยทีเดียว ดังนั้นบุตรสาวคนโตของคาเซะคาเงะจึงต้องเป็นฝ่ายตัดบทขึ้นเพราะเห็นท่าไม่ดี หากน้องชายคนสุดท้องถูกยั่วเย้าหนักเข้าอารมณ์ซึ่งสะกดกั้นไว้ด้วยเห็นแก่เธอคงไม่พ้นระเบิดออกมา – “พอแล้วกาอาระ เขาไม่ได้ทำอะไรหรอกแค่มาช่วยนั่นนี่ในฐานะผู้ดูแลเท่านั้นแหละ พอเถอะนะ”
“แล้วทำไมพี่ถึงได้ใกล้หมอนี่ขนาดนั้น พี่ไม่ได้ถูกรังแกอะไรใช่ไหม” คิ้วของชิกามารุขมวดเข้าหากันยามได้ยินนินจานักเชิดหุ่นในชุดสีดำสนิททั่วทั้งร่างเอ่ยปากถามเทมาริที่พยักหน้ารับรองทันทีว่าทุกอย่างยังคงความปกติ ‘ขอโทษนะได้ยินไม่ค่อยชัด รังแกบ้าอะไร’ เด็กหนุ่มนึกอยากจะหัวเราะฮึในลำคออย่างปลงตก ‘ฉันคงรังแกเธอได้หรอกเนาะ จริงๆ แล้วต้องบอกว่าจะมีผู้ชายคนไหนรังแกยัยโหดอย่างยัยนี่ได้อีก’ คิดถึงตรงนั้นแขนก็ถูกกระตุกเบาๆ ใบหน้าสะสวยกำลังร้อนใจ แม้จะเพียงเล็กน้อยชิกามารุก็จับสังเกตได้ เธอรีบดุนหลังเขาไปจนถึงโถงทางเดินระหว่างห้องอย่างรวดเร็วก่อนคนข้างหลังจะตามมาทัน น่าแปลกตรงที่เขายอมทำตามเจ้าหล่อนทั้งหมด
“รีบกลับไปก่อนเถอะกาอาระกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย โทษทีที่อยู่ดีๆ ก็เจอเรื่องแบบนี้ แต่ก็นะ ถ้านายคิดอยากจะทำร้ายน้องชายฉันอีกละก็จบไม่สวยแน่”
แม้จะมั่นใจกับเรื่องที่เทมาริรู้ว่าเขาไม่ได้ประสงค์ร้ายกับน้องชายเธอก็ตาม ทว่าไม่รู้ทำไมชิกามารุถึงเสียวสันหลังปลาบขึ้นมาทั้งที่หล่อนพูดทีเล่นทีจริงออกจะติดตลกเสียด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มจากบ้านนาราก้าวลงไปยังที่พักเท้าชานประตูอย่างเสียไม่ได้เมื่อเด็กสาวเร่งรัดจนดูร้อนรนเหมือนเด็กหลังจากเห็นน้องชายทั้งสองตามหลังมาติดๆ เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้พยายามยิ้มจนออกมาดูบิดเบี้ยวตั้งใจจะสื่อว่าไม่เป็นไร ก็ไม่เคยต้องยิ้มเลี่ยนๆ ปลอบให้ใครต้องใจเย็นลงมาก่อน ‘แต่ก็เอาเถอะ’ อย่างน้อยเทมาริก็หัวเราะรอยยิ้มพิกลพิการนั่น มือถือวิสาสะแตะลงบนหน้าผากกลมเกลี้ยงของเธอโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า “ยังตัวอุ่นๆ อยู่เลย ไปนอนพักซะเถอะยัยโหด”
เบาเพียงเสียงกระซิบพอให้ได้ยินแค่สองคน ด้วยเพราะชิกามารุตั้งใจปั่นหัวสองพี่น้องที่ทำตัวหวงพี่สาวจนน่าหมันไส้ แต่ก่อนประตูจะปิดเด็กหนุ่มกลับหันมากล่าวทิ้งท้ายอย่าหนักแน่นมากทีเดียว “เธอมีไข้ ดูแลเธอให้ดีด้วยแล้วกัน”
つづく.
คือตอนแรกจะแทนชิกามารุเป็นเด็กชาย เพราะอายุแค่สิบสองสิบสาม
แต่ที่เปลี่ยนมาเป็นเด็กหนุ่มทั้งที่อายุยังไม่ขยับเพราะสำหรับเทมาริ
ชิกามารุไม่ใช่แค่เด็กชายแล้ว ส่วนเทมาริจะเริ่มจากเด็กสาว
เพราะชิกามารุเห็นเป็นผู้หญิงคนหนึ่งมาตลอดนั่นเอง
อนึ่งนาคิมุชิคุง = ตาขี้แย
อาจจะอัพช้าบ้างแต่ขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหน ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์
ทุกคำวิจารณ์ คะแนนโหวต หรือแม้กระทั่งทุกหนึ่งยอดวิวที่เพิ่มขึ้น ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ
ล.ป. ลืมไป อยากตอบคอมเม้นท์ทุกท่านมากเลยค่ะ แต่ไม่รู้ทำไมกดแล้วมันเด้งกลับ ตอบไม่ได้ ;w;
………………………………………………………………………………....................
ความคิดเห็น