ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Collection of My Writings: รวมงานเขียน/เรื่องสั้น/fanfic/แปลโดจิน) / focus on Naruto.

    ลำดับตอนที่ #2 : (Naruto) His woman | 01 - She is my favorite colour. (10%)

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 62





    ………………………………………………………………………………....................

    Chapter 01

    ………………………………………………………………………………....................




    นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย หญิงสาวผมบลอนด์ผู้ง่วงงุนลุกพรวดขึ้นมาทันทีเมื่อประหวัดได้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน ในสภาพใด เธอกวาดสายตาไปรอบห้องนอนสีสว่าง ค่อยปลอบใจตัวเองให้สงบและสกัดกั้นความคิดในแง่ร้ายที่สุดเป็นฉากๆ เมื่อเจอเสื้อผ้าตัวเองแต่ละชิ้นกระจัดกระจายตั้งแต่หน้าประตูยันเตียงขาวสะอาดที่เธอนั่งตะลึงงันอยู่

                หน้าประตูห้องนี้คือชั้นใน พนันได้ว่าเธอคงเปลื้องผ้าออกตั้งแต่นอกประตูนั่น

    แล้วนอกประตูนั่นออกไปจะเป็นอะไรไปได้อีกเล่า!

                สงบสติอารมณ์ไว้เทมาริ ถึงจะกล่าวประโลมตัวเองอย่างนั้นแต่คุโนะอิจิแห่งซึนะอยากจะกัดลิ้นตาย เมื่อตัวเองทำตัวราวกับเป็นนางโชว์เปลื้องผ้าออกทีละชิ้นในห้องของชายหนุ่ม ทั้งยังไร้ซึ่งอาภรณ์ห่มกายบนเตียงของเขา

                มันยังไม่มีอะไร ไม่มีเกิดขึ้นหรอก เทมาริ

                เสียงลูกบิดประตูทำหญิงสาวสะดุ้งโหยง ทั้งที่เธอยังไม่ทันตั้งสติดีแต่ก็ยังรีบคว้าผ้าคลุมเตียงยับยู่พันร่างกายมิดชิดโดยฉับพลันก่อนสมองจะสั่งการเสียอีก ท่าทีนั้นเหมือนแมวขดตัวแน่นและสั่นสู้พร้อมจู่โจมผู้รุกล้ำเขตแดน หากครั้งนี้เทมาริเป็นเพียงลูกแมวเท่านั้น

                ไม่นะ อย่าเข้ามา

                เทมาริกรีดร้องในใจ ไม่ว่าผู้เข้ามาจะเป็นคนที่คาดไว้หรือไม่ เธอก็ยังไม่อยากเผชิญหน้าอยู่ดี

                “ตื่นแล้วเหรอ ให้ตายเถอะ ยุ่งยากจริง”

                เพียงแค่ได้ยินผ่านหูมาเสมอเท่านั้นกับความรู้สึกที่ใครเขาพูดกับว่า เหมือนถูกดูดวิญญาณ เทมาริรู้สึกในหัวขาวโพลน และนิ่งงันไป ผู้ที่เข้ามาเป็นคนที่เธอคาดไว้ หมอนั่นทำหน้าตาเหนื่อยหน่ายเหมือนทุกทีนั่นแหละ ครั้งนี้ติดจะรำคาญใจด้วยซ้ำไป ไม่มีท่าทีกระดากอายหรือลำบากใจสักเพียงนิดจนหมอนใบโตจะพุ่งเข้าปะทะหน้าเบื่อโลกนั่นอย่างแรง ถึงจะแสดงอารมณ์อื่นเช่นความหงุดหงิดเข้าแทนที่

                “ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย” ชายหนุ่มอุทธรณ์ เขาพยายามประคองแก้วมัคในมือสองข้างถึงโดนหมอนของเจ้าหล่อนเข้าเต็มแรง “เกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมาอีก เมื่อคืนยั

                ยังไม่ทันจบประโยคดี หมอนอีกใบก็ตามมา

                “ยังอะไร เมื่อคืนทำไม นายทำอะไร”

                ชิกามารุหลบหมอนอิงที่เฉียดไหล่ไป ทำเป็นไม่สนใจฟังคำซักของหญิงสาวผมบลอนด์ที่จะร้องไห้อยู่รอมร่อ เนื่องด้วยเจ้าหล่อนมีจินตนาการไปแล้วสุดกู่ เขาเพียงเหล่มองชุดชั้นในหน้าประตูกอปรไปกับใบหน้าของหญิงสาวซึ่งถูกล้อมกรอบด้วยผ้าคลุมเตียงราวกับป้อมปราการที่มีมือขาวคอยยื่นออกมาจัดการศัตรูด้วยหมอนหนานุ่มแล้วก็นึกขัน

                “หัวเราะอะไร นายติดค้างคำอธิบายเรื่องนี้กับฉันอยู่นะ”

    คนบนเตียงร้องขออย่างลุกลนเพราะความร้อนใจ ใบหน้าซับสีระเรื่อเมื่อเห็นคนตัวสูงผินมองชุดชั้นในและเสื้อผ้าระเกะระกะตามพื้น แม้ว่าจะเป็นผู้ชายคนเดียวเธอที่สนิทมากแค่ไหนก็ตาม แต่ความเชื่อใจที่มีให้นั้นไม่อาจเห็นผลลัพธ์อันดีออกมาเลย คิดเช่นนั้นแล้วก็รู้สึกร้อนผ่าวบริเวณขอบตาขึ้นมาเสียอย่างนั้น

                ผู้หญิงนี่ก็นะ ช่างคาดคะเน เมื่อเห็นคุโนะอิจิเริ่มน้ำตาคลอ ชิกามารุก็อดปลงตกในใจไม่ได้ คงจะคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วสิว่าเขาจะมีอารมณ์ไปทำอะไรกับเจ้าหล่อน

    แก้วมัคบรรจุกาแฟร้อนกรุ่นควันวางลงบนชั้นวางเตี้ย ขณะชิกามารุทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุนวมปลายเตียง ถึงกระนั้นหญิงสาวก็กระตุกหนีอย่างระแวดระวัง เขารู้ดีว่าภายนอกในฐานะพี่สาวของคาเสะคาเงะแห่งซึนะผู้ถือตัวและเย่อหยิ่งเป็นเพียงฉากเคลือบของหญิงสาว ทว่าเธอนั้นแฝงด้วยความอ่อนโยนที่ปกปิดไว้อย่างมากมาย

    ชายหนุ่มนาราได้สัมผัสส่วนลึกของเทมาริ จึงไม่แปลกใจที่สาวเจ้าไม่กระโดดขม่ำคอเขาเมื่อเกิดเหตุการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ แต่เปลี่ยนเป็นสาวน้อยผู้กระวนกระวาย หวาดผวาทั้งยังเปราะบาง

    “เธอเคยรู้ตัวบ้างไหมว่าตัวเองเมาแล้วแก้ผ้า”

    บทสนทนาที่อีกฝ่ายเริ่มขึ้นเมื่อนั่งลงอย่างไม่อนาทรร้อนใจทำให้เทมาริต้องเงยหน้าแดงก่ำขึ้นมองอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ตอนเธอตื่นขึ้นมาบนเตียงยับเยินนี้ก็พอนึกได้ว่าเมื่อคืนมีงานเลี้ยงบนปราสาทคิเคียว และเพื่อนของหมอนี่ก็ยัดเยียดให้เธอดื่มอะไรต่อมิอะไรนับไม่ถ้วนจนไม่หลงเหลือสติพอจะจำอะไรต่อจากนั้นได้อีกเลย

    “ฉันเนี่ยถูกบังคับให้แบกเธอกลับมา” อีกฝ่ายพูดราวกับจะสำเนียกบุญคุณ หากแท้จริงแล้วเป็นเพียงคำกล่าวของคนขี้รำคาญ “รู้ไหมตอนฉันเริ่มฝึกเพื่อยื่นขอตำแหน่งโจนินเนี่ยยังไม่หนักหนาเท่าแบกเธอเลย”

    นั่นแค่การเปรียบเปรยเพื่อจิกกัด หากวาจาคมกริบพอๆ กับสมองแหลมๆ น่าหมันไส้คือต่อจากนี้

    “เอาจริงๆ ที่คิดว่าทำอยู่เซ็กซี่มากจนฉันนึกอยากจะทำอะไรเธอขึ้นมาใช่ไหมถึงได้คิดเองเออเองอยู่เนี่ยว่าฉันไปทำอะไรต่อมิอะไรเข้า พอถึงห้องหน่อยก็เริ่มถอดเอาถอดเอา กวางตัวเมียยังสวยสง่ากว่าเธอตอนพยายามสะบัดผ้าอะไรนั่นออกมาจากตัวอีก”

    นั่นปากเหรอคะ

    เทมารินั่งฟังตาปริบ ใบหน้ายังคงขึ้นสี ทว่าคราวนี้เป็นความอับอายล้วนๆ ตอนที่ชิกามารุสงบคำลง ปากอวบอิ่มก็เริ่มถกเถียงหาความเป็นธรรมให้ตัวเองเพราะเชื่อว่าอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิงซึ่งต้องเสียหายอยู่วันยังค่ำ

    “นายต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย” ดวงตาสีเขียวครามฉายแววเอาเรื่อง พร้อมใบหน้าฉาบทับด้วยความมาดมั่นที่เรียกคืนกลับมาอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ เธอเชื่อเรื่องที่ชายหนุ่มกล่าวอย่างไม่มีข้อเคลือบแคลง ตัวเรียกความมั่นใจทั้งหมดคือความเชื่อถือโดยไร้ข้อกังขา เธออายุสิบหกตอนเจอเขาครั้งแรกสมัยสอบจูนิน และมักถูกจับให้ทำอะไรร่วมกันมาเสมอ แม้กระทั่งหลังสงครามจบเขาก็ช่วยเป็นหลักให้ตลอด จึงไม่ได้มีเพียงความสนิทสนมเท่านั้นที่เราสองคนยึดถือต่อกัน

    ทว่าอีกฝ่ายโต้กลับโดยฉับพลัน “รับผิดชอบอะไร เธอสิ ทำฉันตาจะบอดเอา”

    “หมายความว่าไงเฮอะ” เหมือนเทมาริจะลืมไปว่าบนร่างระหงของตนไม่มีแม้ผ้าน้อยชิ้นปกปิดร่างกาย เมื่อลุกขึ้นยืนหวังจะเข้าไปจัดการปิดปากไม่น่าฟังของคู่สนทนาจึงเรียกเสียงร้องเหวอจากอีกฝ่ายลั่นบริเวณ

    “ยัยบ้า ไม่ได้น่าดูเลยนะนั่น”

    ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีพลางควานมือหาผ้าชิ้นใดก็ได้บนพื้นใกล้ตัวเขวี้ยงให้หญิงสาว ไอ้เราก็หวังดีนะ กลับกลายเป็นว่ามือเจ้ากรรมคว้าชิ้นในสุดที่ใช้ห่มกายมนุษย์ผู้หญิงไปให้เสียได้

    “ออกไปเลย ไปตายซะนารา ชิกามารุ!

    ---

    เป็นดังคาดว่าข้างนอกห้องนอนต้องมีเสื้อผ้าของเธอเกลื่อน นับตั้งแต่ถุงเท้าดำ ยันเสื้อตัวนอกถูกทิ้งเรี่ยราดเป็นทาง ยิ่งก้มลงเก็บอาภรณ์มากชิ้นเท่าใดความอับอายก็เพิ่มมากขึ้นเท่าจำนวนชิ้นนั้น

    เวร เทมาริ จะเข้าหน้าหมอนั่นติดไหมเนี่ย

    เทมาริเช็ดผมสีบลอนด์ลวกๆ หยดน้ำเย็นๆ กระเซ็นลงมาบนไหล่ ช่างมัน หมอนั่นตายด้านจะตาย จะคิดเห็นอะไร๊ เธอตัดสินเอาเองเสร็จสรรพหลังจากจัดการประติมากรรมศิลป์อันกระจัดกระจายของตัวเอง ตอนที่กำลังหาอะไรเติมเต็มกระเพาะดวงตาสีเขียวครามพลันเหลือบเห็นความใส่ใจเล็กน้อยที่ชายหนุ่มอุตส่าห์หยิบยื่นให้

    บนเคาน์เตอร์บาร์มีแก้วมัคคู่เดิมวางอยู่ แม้จะเย็นชืดแต่เทมาริก็คว้ามันขึ้นมาจิบเพื่อสงบสติอารมณ์อันพุ่งพล่าน ก่อนจะสาวเท้าไปตามห้องที่เป็นระเบียบเพราะความอดรนทนไม่ได้ของเธอต่อกองขยะย่อมๆ ของชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะกล่าวเป็นแหล่งส่องสุมของสิ่งมีชีวิตไม่ชวนพิสมัย จนต้องลงแรงทำความสะอาดให้อยู่บ่อยครั้ง

    เมียก็ไม่ใช่ แม่ก็ไม่เชิง มันสมควรเป็นหน้าที่เธอไหมเนี่ย

    แสงลำเล็กๆ ลอดผ่านม่านกรองแสงที่รูดปิดไม่สนิท ทำให้ความสว่างในห้องเป็นสีทองเสียส่วนใหญ่ เทมาริทรุดตัวลงข้างๆ คนหน้ามู่ทู่ผู้กำลังคลี่คัมภีร์ม้วนหนาเอกเขนกบนเก้าอี้บุนวมตัวยาว เธอไม่ยอมยื่นกาแฟอีกแก้วที่ติดมามือให้เขา หากแสร้งวางไว้บนโต๊ะกระจก

                “ออกมาได้ซะทีนะ เธอคิดว่าฉันไม่มีงานไม่มีการทำรึไง ถึงนั่งรอเธออาบน้ำได้ทั้งวัน” ชายหนุ่มบ้านนาราพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองจึงไม่เห็นดวงหน้าคมคายกำลังล้อเลียน

                เอ๊ะม่ได้ขอให้รอสักหน่อย ทุกทีก็เห็นทิ้งโน้ตไว้

                เทมาริกำลังวางหน้าไม่ติดกับเรื่องเมื่อครู่จึงพยายามเฉไฉ แต่ชิกามารุไม่ตะขิดตะขวงใจกับการเห็นหญิงสาวเปลือย เขาเริ่มม้วนคัมภีร์เก็บด้วยดวงตาสงบนิ่งขัดกับสิ่งที่พูดออกมาโดยสิ้นเชิง

    “แค่นี้ฉันก็รู้แล้วว่าเธอเป็นสาวบริสุทธิ์”

                ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็ทำเอาพี่สาวของคาเสะคาเงะแห่งซึนะงาคุเระหน้าเหวอ

    ---

    ห่วยแตกสิ้นดี

    นี่มันห่วยแตกสิ้นดี

              เสียงสะท้อนในใจของหญิงสาวผมบลอนด์ผลักดันอารมณ์คุกรุ่นให้ลดขีดจำกัดความอดทนของเธอลงไปอีก หญิงสาวก้าวเท้ายาวๆ ไปตามท้องถนนที่ชื้นแฉะไปด้วยแอ่งน้ำจากฝนที่ตกลงมาไม่หยุดตั้งแต่รุ่งสางทำให้ทางสัญจรทุกสายในโคโนะฮะงาคุเระเอ่อไปด้วยน้ำเจิ่งนอง ไม่ว่าเธอจะลัดเลาะไปให้ถึงทางเข้าหมู่บ้านด้วยเส้นทางไหนก็ไม่อาจหนีพ้น

                ดังนั้นรองเท้าของเธอจึงชุ่มไปด้วยน้ำ

                ให้ตายเถอะ นี่ไม่ใช่อาเมะงาคุเระนะ หญิงสาวหัวเสียเมื่อประหวัดถึงหมู่บ้านท่ามกลางสายฝน

    นัยน์ตาสีเขียวครามกลอกไปมาเพื่อควานหาบุคคลที่ทำให้เธอดั้นด้นออกจากที่พักในเวลาที่ไม่มีใครอยากจะออกมาเปียกปอนหากไม่จำเป็น ทว่าเทมาริต้องหยิบร่มออกมาอย่างหัวเสียเมื่อพิราบสื่อสารบินถลามาเคาะกระจกหน้าต่างด้วยความเร่งร้อน

                ใบหน้าครึ่งหนึ่งของหญิงสาวซ่อนอยู่ใต้เงาร่มสีน้ำเงินทึมทึบ และหยาดฝนที่เกาะตามขอบร่มนั้นก็ค่อยๆ ร่วงพราวลงมาราวกับเกราะกำบังน้ำสีใสเมื่อเธอหยุดยืนอยู่หน้าประตูหมู่บ้าน คอยอยู่พักหนึ่งทีเดียวกว่าจะปรากฏร่างของผู้นัดหมายในเสื้อคลุมมีฮู้ดสีเทาไร้ซึ่งความอนาทรขณะเลิกม่านออกมาจากที่พักของนินจารักษาการณ์

    นารา ชิกามารุยักไหล่ขณะพูดกับหญิงสาว

                “โทษทีนะ จะไม่เอาไอ้นี่ไปด้วยก็ไม่ได้”

                “เออสิ ฉันกะจะเอาไปเผาทิ้งอยู่แล้วเชียว ถ้านายไม่บอกให้ฉันถ่อสังขารมาให้เนี่ย” เทมาริแหวใส่อีกฝ่ายทันที เพราะเมื่อเห็นท่าทีไม่ทุกข์ร้อนเหล่านั้นก็อารมณ์คุกรุ่นปะทุออกมาได้โดยง่ายดาย

                บุรุษผมดำชูซองสีน้ำตาลขึ้นในระดับสายตา “ของดีนะเนี่ย ขืนเธอเผาทิ้งไปใช้คืนเงกแน่”

                กะอีแค่บุหรี่ เทมาริตวัดตามองวัตถุในซองกระดาษอย่างรังเกียจ ใจก็นึกกล่าวโทษตัวเองว่าไม่ควรนำมันมาให้แก่มือเพื่อนหนุ่มถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายจะคลั่งตายไประหว่างภารกิจด้วยสาเหตุอันน่าสมเพชอย่างไม่ได้อัดควันสีดำๆ เข้าปอดให้ตายเร็วขึ้น มันเป็นนิสัยของชิกามารุแล้วและเธอก็ไม่อาจกะเกณฑ์หรือเปลี่ยนแปลงอะไรเขา

                ชิกามารุมองนัยน์ตาสีเขียวครามที่ตวัดมาอย่างตำหนิติเตียน ไม่ว่าความรู้สึกใดก็มักจะถูกส่งผ่านมาทางใบหน้าของคุโนะอิจิ เขาสามารถอ่านเธอได้อย่างง่ายดายว่าหญิงสาวกำลังกล่าวร้ายกับนิสัยประจำตัวเขาอยู่

              ไอ้เรื่องบุหรี่เนี่ย พูดให้เลิกมาพันรอบแล้วมั้ง

                ถามจริงนี่เธอเป็นเมียหรือแม่หมอนี่กันแน่ จริงๆ คือไม่ใช่ทั้งสองอย่าง!

                ชายหนุ่มบ้านนาราโบกมือล่ำลา ก่อนจะเดินไปรวมตัวกับหน่วยย่อยของตน แต่ไม่วายทิ้งท้าย “ให้ตายเถอะ เทมาริ ถ้าเธอเลิกทำตัวจ้ำจี้จ้ำไชน่ารำคาญก็คงน่ารักขึ้นมาอีกนิดหน่อยแหละ”

              หญิงสาวผมบลอนด์กัดฟันกรอด ตายไปซะ นารา ชิกามารุ จะตายเพราะภารกิจหรือบุหรี่ก็ช่างมัน!

     







    Cut here. --- Update 5% (03/17/14)
                    --- Update 10% (09/30/14)
                    ยอมรับว่าเป็นการอัพเดทฟิคที่น่าเกลียดมากค่ะ
                    เพราะอันที่จริงฟิคนี้คือหลุมดำที่ไม่มีพล็อตแต่เพราะสภาพอารมณ์ติดลบ
                    กับฟิค Beyond the Horizon เลยนำส่วนที่วางพล็อตไว้จากฟิคนั้นมาเขียนเป็นเรื่องนี้
                    แล้วดูว่าถ้าเนื้อเรื่องเฮฮาปาจิงโกะ ไม่มีคำบรรยายเยอะๆ จะมีคนอ่านเยอะขนาดไหน
                    สรุปแล้วก็นั่นแหละค่ะ มีคนอ่านและมีคนคอมเม้นท์เยอะทีเดียว ส่วนมากเพราะปากชิกามารุ
                    ว่ากันตามตรงข้าพเจ้าตัดสินใจลบบทความนี้ทิ้งไม่ลงเพราะมีคนอ่าน
                    ยิ่งบอกทุกท่านที่ติดตามยิ่งรู้สึกผิด แต่ข้าพเจ้าหาทางลงให้เรื่องนี้ได้แล้ว
                    ซึ่งจริงๆ แล้วเนื้อเรื่องตอนต้นเป็นของฟิค Beyond the Horizon ที่ยังไม่ได้ลง
                    และแต่งแบบสุ่มๆ ไม่ตั้งใจเพื่อหวังประชด ข้าพเจ้าสมควรรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกัน ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ที่ทำให้ข้าพเจ้ารู้ความจริง
    ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับทุกท่านหรอกค่ะ แต่ที่พูดคือรู้สึกขอบคุณจริงๆ ขอบคุณค่ะ
    แล้วจะรีบมาจัดการเรื่องอิรุงตุงนังตรงนี้เมื่อโอกาสอำนวย ขอบคุณค่ะ :-D












                  
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×