ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Naruto | ฟิค Shikatema) Beyond the Horizon

    ลำดับตอนที่ #12 : 00 | Beyond the Horizon - Sweet surrender.

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 62


      

     
    ………………………………………………………………………………....................


    บทนี้เป็นตอนพิเศษเนื่องในวันที่ 23 เดือน 8 / ครอบรอบวันเกิดเทมาริ เหตุการณ์ในตอน
    ไม่เชื่อมต่อกับเนื้อเรื่องที่กำลังดำเนินอยู่ แต่เกิดขึ้นหลังจากความสัมพันธ์ของชิกามารุและเทมาริ
    ดำเนินมาถึงบทสรุปที่ฟิคเรื่องนี้กำลังจะถ่ายทอดไปถึงอย่างสุดความสามารถ ขอให้สนุกนะคะ :-)


    ………………………………………………………………………………....................




     



     

    Sequel.

     

    Sweet surrender.

    วันหนึ่งเธอตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวแล้วบอกว่าฝันร้าย
    เขาจึงโอบกอดเธอเอาไว้ 
    แล้วคอยพร่ำบอกว่าไม่เป็นไร 
    แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้เขาเข้าใจความหมายของคำว่ากันและกัน
    หรือกระทั่งความสำคัญของครอบครัว เขาตระหนักเสมอว่าทุกครั้งที่ออก
    จากบ้านมาจะมีครอบครัวคอยอยู่เมื่อกลับไป - ความจริงคือเขามีที่ให้กลับไป

    1.

    เพราะรู้สึกถึงวัตถุหนักๆ ที่พาดบริเวณช่วงเอว เทมาริถึงรู้สึกตัวตื่นขึ้น

    ด้านนอก อีกฟากฝั่งของบานประตูโชจิยังคงอัดแน่นด้วยกลุ่มก้อนความมืดโดยการกระทำของรัตติกาล แม้เข็มนาฬิกาจะเยียบย่างเข้าสู่ช่วงเวลาเช้าตรู่แต่หลักฐานที่หลงเหลือจากค่ำคืนไม่ได้เจือจางลงสักเพียงนิด หญิงสาวพลิกตัวกลับไปหาเจ้าของแขนที่ถือวิสาสะรวบเอวเธอเข้าไปในอ้อมแขนซึ่งออกแรงดิ้นอย่างไรก็ไม่อาจหลุดได้โดยง่าย เช่นนี้จึงเลิกพยายามและยอมให้ผู้เป็นสามีพันธนาการอยู่เช่นนั้น ชิกามารุกอดเธอแน่นเหมือนกำลังต้องการไออุ่นเพื่อชดเชยความหนาวที่สภาพอากาศตอนย่ำรุ่งก่อนเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงเต็มตัวมีให้ เขาครางในลำคอเมื่อสติสัมปชัญญะครึ่งๆ กลางๆ สัมผัสได้ว่าเธอกำลังขยับ – “นอนต่อเถอะ” กล่าวพลางซุกหน้าลงบนช่วงอกของสามีพลางสัมผัสแก้มเขาด้วยท่าทีคล้ายจะปลอบประโลม

                ครั้นพอทำอย่างนั้น ชิกามารุก็ตอบรับด้วยการกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น แม้จะสะลึมสะลือแต่เขาก็ลูบศีรษะเธอ ไล้นิ้วมือแทรกไปตามเรือนผมพร้อมจูบหน้าผากเบาๆ เทมาริไม่สามารถตัดสินได้ว่าผู้เป็นสามีพึมพำเช่นไร หากเธอก็ตอบกลับไปเพราะลึกๆ แล้วรู้ดีอยู่แก่ใจ “นอนต่ออีกสักหน่อยเถอะ พอถึงเวลาจะปลุกเอง” – เหตุเพราะเมื่อวาน กว่าเขาจะกลับถึงบ้านก็ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ สามีเธอจริงจังต่อทุกหน้าที่รับผิดชอบ ด้วยทั้งในฐานะหัวหน้าโจนินและที่ปรึกษาของโฮคาเงะจึงมีงานล้นมือมากกว่าปกติ พอเป็นแบบนี้ติดต่อกันนานเข้าเธอก็จะคอยเป็นห่วงอยู่ร่ำไป ได้แต่รอว่าช่วงวุ่นวายจะจบลงโดยเร็ว นารา เทมาริฟังเสียงลมหายใจอีกฝ่ายที่ค่อยๆ ราบเรียบสม่ำเสมอผ่านอกกว้าง ชัดเจนมาตลอดเลยว่ากระทั่งอุปนิสัยเวลาหลับของเขาก็ยังเหมือนบุตรชายของเราแทบทุกประการ ดวงตาสีเขียวครามพินิจมองใบหน้าคมสันของสามีอย่างอ่อนโยน

                บางทีเขาก็แอบมองเวลาเธอจมลงสู่ห้วงนิทราไม่ทันรู้ตัวเช่นกัน เมื่อแรกเทมาริก็ไม่เข้าใจเหตุผลที่สามีกระทำ เวลาตื่นมาเห็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นจับจ้องอยู่ก็อธิบายความรู้สึกชั่วขณะนั้นออกมาไม่ถูก จนตนเป็นฝ่ายลองดูบ้างจึงเข้าใจว่าทำไมชิกามารุถึงชอบทำเช่นนี้ เขารู้สึกมีความสุขยามเห็นคนที่รักได้นอนอย่างเป็นสุข – เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วเริ่มดังลอดเข้ามาจากที่ไกลๆ ขณะภายในห้องเริ่มมีแสงและเงาตกกระทบ ละลายความมืดเมื่อก่อนหน้าให้อ่อนอำนาจลงแต่ก็ไม่อาจทำให้หมดไป เธอคอยจนอีกฝ่ายหลับลึกอีกครั้งแล้วค่อยขยับตัวลุกขึ้นอย่างระมัดระวังเพื่อเริ่มลงมือตระเตรียมกิจวัตรประจำวันยามเช้า

                เนื่องจากความวางใจ ถึงไม่ทันคาดคิดด้วยความประมาท ความสามารถในการป้องกันตัวลดลงเกือบหมด เธอคิดว่าชิกามารุหลับสนิทแล้ว แต่ท่อนแขนแข็งแรงก็รวบตัวเธอดึงกลับไป เทมาริที่กำลังพยุงตัวลุกขึ้นเสียการทรงตัวชั่วขณะ หญิงสาวถูกแขนอีกฝ่ายกอดไว้เอว ดึงให้นั่งลงดังเดิม ผู้เป็นภรรยาหันมองสามีที่กำลังนอนทำหน้าตายอยู่บนฟูก อารามกึ่งๆ ตกใจผันแปรเป็นการคาดโทษกลายๆ หากนารา ชิกามารุไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสีอ่อนวาววับในความมืด เขาขยับตัวเข้าหาเธอใกล้อีก ใกล้อีก มือโอบกอดแน่นไม่ยอมปล่อยก่อนจะเกยหน้าข้างหนึ่งลงบนตัก แนบแก้มอิงแอบหน้าท้องแบนราบพลางเอื้อนเอ่ยแผ่วเบาดุจเดียวกับเสียงกระซิบ

    “เทมาริ สุขสันต์วันเกิด” แม้จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาเพียงใด แต่ถ้อยคำเหล่านั้นก็ดังแจ่มชัดในใจเธอมากเหลือเกิน ทุกตัวอักษรมีความรู้สึกอันชัดแจ้งเต็มเปี่ยมอยู่และมันก็กำซาบลงทั่วทุกส่วนของร่างกายจนเหมือนทั้งร่างมีปุยนุ่นไว้คอยถ่วงน้ำหนัก นานๆ ครั้งเขาจะบอกรักเธอและน้อยครั้งยิ่งกว่าที่จะพูดคำหวานเพราะสำหรับชิกามารุ สิ่งสำคัญคือการกระทำ – ทั้งความรู้สึกที่มีก็ยังเป็นสิ่งจริงแท้ นอกเหนือจากนี้ถือว่าเป็นเพียงองค์ประกอบ เขาปฏิบัติต่อเธอดังเช่นที่ผู้ชายคนหนึ่งจะสามารถทำเพื่อหญิงผู้เป็นที่รักได้ด้วยความสามารถทั้งหมด และเธอก็สามารถประจักษ์ถึงสิ่งที่เขาต้องการสื่อผ่านทุกการกระทำ เทมาริจ้องดวงตาสีอ่อนซึ่งมองกลับมาเพื่อสื่อถึงความจริงจังและย้ำความรู้สึกที่ปรากฏในประโยคเมื่อครู่ หญิงสาวโน้มตัวลงประคองใบหน้าเรียบเฉย ประทับจุมพิตอันละมุนละไมลงบนริมฝีปากสามี นารา ชิกามารุจูบตอบภรรยาอย่างนุ่มนวล มือดึงรั้งให้ร่างบางระหงแนบทับกับร่างของตนที่นอนระนาบก่อนสัมผัสอ่อนหวานจะแปรเปลี่ยนเป็นการรุกเร้าอย่างหนัก รุนแรงและเว้าวอนด้วยรัก

    2.

                “อรุณสวัสดิ์ครับแม่” เสียงงัวเงียดังมาก่อนตัว ตามติดมาด้วยเสียงหาวฟอดใหญ่ ดวงตาสีเขียวครามเหมือนผู้เป็นมารดารื้นด้วยน้ำตา เด็กชายนั่งลงบนโต๊ะอาหารเช้าอย่างงัวเงีย บานหน้าต่างเบื้องหลังส่องละอองแสงสีจางลอดผ่านช่องว่างระหว่างเงาไม้ลงมาจับบรรยากาศในห้องให้ดูอ่อนละมุนลงด้วยสีส้มของดวงอาทิตย์ที่กำลังละเลงจุดตัดระหว่างผืนดินและแผ่นฟ้า แผ่อาณาบริเวณกินท้องนภาเหนือทิวเขาและทะเลไม้ภายใต้ปกครองของตระกูลจนเกือบหมด ท้องฟ้าสว่างเสียจนตระหนักได้ว่าราตรีกาลที่ครอบครองหมู่บ้านโคโนะฮะสิ้นสุดลงแล้ว นารา ชิกาไดรับถ้วยจากมารดา เขาเพิ่งประหวัดได้เวลานั้นเองว่าตอนเดินมา กระถางอาซางาโอะซึ่งมักบานรับการมาเยือนของเช้าวันใหม่หายไป ปกติมันวางเรียงรายริมระเบียงญี่ปุ่นเคียงคู่พุ่มประดับกับกออาจิไซยาวตลอดชานด้านนอก แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเดียวในเช้าวันนี้ที่เด็กชายสังเกตเห็น เขาลอบมองมารดาผู้ตั้งอกตั้งใจเตรียมข้าวกล่องด้วยใบหน้าเรียบเฉย

                ครั้นแล้วนารา ชิกาไดจึงกล่าวขอบคุณอาหาร ยามตัดสินใจได้ว่าจะเอ่ยปากถามหลังเสร็จสิ้นอาหารเช้า

    อาหารเช้าคือปลาอาจิย่างกับซุป แค่เพราะเมื่อวานพ่อเปรยว่าอยากกิน ตอนเช้ามันก็วางอยู่บนโต๊ะอาหารทันที ชิกาไดนึกถึงผู้เป็นบิดาที่มักแก่งแย่งชิงดีกันให้ผู้หญิงของบ้านนาราพอใจ – และสนใจ เขาแข่งกับพ่อมาตลอดรวมถึงเรื่องว่าใครจะดูแล ปกป้องแม่ได้มากกว่ากัน ตอนยังเด็กมาก แต่เด็กน้อยจำได้ พ่อเคยบอกว่าแม่เป็นผู้หญิงของนารา ดังนั้นเราสองคนต้องดูแล ปกป้องยิ่งกว่าหน้าที่ เขากัดตะเกียบขณะคีบเครื่องเคียงเข้าปากแบบที่ถ้ามารดาเห็นต้องถูกดุ หลังเหม่อมองรอยแดงบนคอแม่ครู่หนึ่ง เจ้าบ้านตระกูลนาราคนปัจจุบัน พ่อของเขาที่เอาแต่แย่งแม่ หวงแม่อยู่นั่น ก็เดินเข้ามา ดวงตาเฉียบคมเหลือบมองลูกชายคนเดียวด้วยสายตานิ่งขรึม บุตรชายที่ลึกๆ กลัวบิดายิ่งกว่าอะไรจึงลดตะเกียบลงทันที

    “อรุณสวัสดิ์ครับ-บบ” กล่าวทักทายบิดาด้วยเสียงยานคาง จึงถูกมือใหญ่ๆ อันมั่นคงเอื้อมมาขยี้ศีรษะไม่หยุด ชิกาไดบ่นอุบหลังผ่านพ้นช่วงหัวคลอนมาได้ เขาหันไปทางมารดาที่กำราบพ่อได้อยู่หมัดเสมอ “แม่ พ่อรังแกผม”

    “ใช่ที่ไหน ลูกก็เถอะถ้าไม่รีบเดี๋ยวก็สายเข้าจนได้” เหมือนจะได้ยินลางๆ ว่าบุตรชายพร่ำบ่นว่าน่าเบื่ออีกแล้ว มือนุ่มๆ ของเทมาริลูบศีรษะจอมขี้เบื่อหมดไฟตัวน้อยอย่างเอื้อเอ็นดู นึกขันทุกครั้งที่ความเหมือนกันระหว่างสองพ่อลูกบ้านผุดขึ้นมาท่ามกลางจิตสำนึก เธอวางกล่องข้าวลงในระยะสายตาบุตรชาย เพื่อรับประกันว่าชิกาไดจะเห็นและหยิบโดยไม่ลืมทิ้งไว้ ก่อนเดินอ้อมมานั่งลงข้างผู้เป็นสามี เมื่อเห็นมารดาผละออกไป นาราตัวน้อยเลื่อนห่อข้าวกล่องมาไว้ใกล้ตัวขึ้นอีก เพื่อย้ำความมั่นใจแม่ว่าจะนำติดตัวไป ถ้าพูดถึงข้าวกล่องที่ดีที่สุดก็อาจเป็นของโบรุโตะ แต่สำหรับเด็กชายจากบ้านนาราก็ถือว่าไม่น้อยหน้าใครเพราะแม่ตั้งใจทำและเขาก็ชอบฝีมือแม่ บุตรชายคนเดียวของตระกูลผู้ถือครองวิชาเงาแห่งโคโนะฮะสบดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่บางครั้งก็ทำให้กลัวเกรงได้อย่างน่าหวั่น คราแรกเขาไม่ได้คิดอะไร หากเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายแพ้อีกครั้งก็ตอนพ่อทำหน้าตายแบบที่ชอบทำตอนถือไพ่เหนือกว่าใส่ ชิกาไดแสดงสีหน้าเช่นเดียวกันเพื่อตอบรับบิดาที่หัวเราะเบาๆ ในลำคอ เด็กน้อยซดซุปมิโสะ หวังจะทำทีไม่สนใจเพราะคิดว่าตนยังคงมีไพ่ตายในมือ บางทีเขาก็เล่นกับพ่อแบบนี้เพราะคิดว่าสนุกดีที่จะได้แข่งกันให้แม่รักคนเดียว แถมทั้งอยากเอาคืนหน่อยๆ ด้วย ก็พ่อชอบแกล้งกันอยู่นั่น

    สงครามแย่งชิงแม่ที่ไม่ได้ประกาศศึกมานานกลับมาอีกครั้ง หลังล่าสุดถูกผู้เป็นมารดาปฏิวัติเพราะ เริ่มปวดหัวกับสองพ่อลูกคู่เซ็งนี่แล้ว เช่นนั้นด้วยคำขาด จึงต้องหยุดเล่นทันที แต่วันนี้เป็นวันพิเศษ แม่ควรได้รับการเอาอกเอาใจทั้งหมดจากสองพ่อลูกคู่เซ็งที่แม่ชอบบอก แม้จะถูกออดอ้อนออเซาะอยู่ทุกวันก็ตาม ชิกาไดรีบวางตะเกียบ เมื่อเห็นบิดาแบ่งไข่ม้วนใส่สำรับของมารดา เขาหยิบกาเพื่อรินชาร้อนให้อย่างเอาใจ ดวงตาสีเขียวครามซึ่งถอดแบบมาจากผู้เป็นบิดา เฉียบคมไม่แพ้กัน จอมขี้เบื่อหมดไฟขนาดย่อส่วนอดมองรอยแดงบนลำคอแม่ไม่ได้ มันคือเรื่องที่เขาตั้งใจเก็บไว้ถามมาแต่ต้นนั่นเอง “แม่ไปโดนอะไรมาครับ ที่คอน่ะ ถูกตัวอะไรกัดเข้าอีกแล้วเหรอ” ความเคลื่อนไหวพลันชะงักลงกะทันหันหลังสิ้นสุดคำสงสัยอันไร้เดียงสา หากอาการติดขัดยังคงราบรื่นพอจะไม่ให้ผิดสังเกต เทมาริลดมือที่กำลังประคองถ้วยชาขึ้นดื่ม ทว่าคนตอบคำถามกลับเป็นตัวต้นเหตุแท้จริงของร่องรอยสีหวานซึ่งตัดกับผิวเนื้อขาวเนียน ถึงจะไม่เพ่งสังเกตก็สามารถเห็นได้ชัด นับว่าสมควรแล้วที่สามีเธออาสาออกหน้าแทน

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับเหตุการณ์รูปนี้ ต่อให้มันสมองเฉียบแหลมถ้าเป็นคำจากปากบิดาเด็กชายก็พร้อมเชื่อ ชิกาไดถึงไม่แปลกใจกับคำตอบเดิมๆ หรือถ้านึกเอะใจก็คงไม่มีความเคลือบแคลงใดๆ แม้แต่น้อย “คราวนี้อาจจะยุงมั้ง แค่ยุงกัดน่ะ” – พ่อตอบพลางดื่มชาอย่างนิ่งเฉย เขาไม่เข้าใจว่ายุงที่น้อยอยู่แล้วจะมากัดแต่แม่ทำไม แถมยังไม่จบแค่ยุงด้วย ครั้งก่อนๆ ก็นับร่วมบรรดาแมลงทั้งหลายที่ผลัดเปลี่ยนกันมาเนื่องๆ เห็นทีจะชอบกัด เด็กชายปล่อยผ่านความสนใจเช่นที่ชอบทำครั้นเรื่องเหล่านั้นหมดความดึงดูดลง นิสัยแบบเด็กน้อยผู้เยาว์วัยที่วันหนึ่งมันย่อมพัฒนาขึ้นไปในทางอันสมควรเหมือนเช่นครั้งของผู้เป็นบิดา และแม้เด็กชายตัวน้อยแห่งตระกูลนาราจะเห็นแก้มขาวๆ ของมารดาขึ้นสีเลือดฝาด หากเพราะเข้าใจว่าแม่กำลังดื่มชาร้อน ผิวบางๆ เช่นที่เขาได้รับมาต่างมรดก พอร้อนหรือหนาวเข้าหน่อยเป็นต้องแสดงอาการ จึงไม่คิดไล่เรียงต่อ ชิกาไดกลับมาจดจ่อกับมื้อเช้าที่ไม่ว่าอย่างไรก็มักถูกปาก

    ด้วยสมองใสๆ ที่ฉลาดเป็นกรด บุตรชายคนเดียวแห่งบ้านตระกูลนาราเริ่มดีดลูกคิดรางแก้ว การวางแผนตรึกตรองเป็นไปภายใต้ใบหน้าเฉยชา เด็กน้อยพยายามหาทางใช้ไพ่ที่เหนือกว่าของตนเพื่อล้มกระดาน อาจเพราะนิสัยคล้ายกันราวกับนารา ชิกาไดเป็นส่วนย่อขนาดย่อมของผู้เป็นบิดา คนในหมู่บ้านพูดกันเช่นนั้นเสมอ แต่ถึงกระนั้นเขาก็เชื่อว่าตนยังมีส่วนที่เหมือนแม่แฝงอยู่มากพอ – พ่อเองนั่นแหละที่บอก ดังนั้นไม่ยากเลยถ้าเขาจะกล้าทำเรื่องซึ่งพ่อคงจะไม่ได้ทำ

    จากมุมมองของเด็กชาย บิดาเป็นคนเฉยชาทั้งยังนิ่งขรึมยามที่ตรงหน้าคือหน้าที่รับผิดชอบ แถมบางทีก็แอบเข้มงวด ยกเว้นเวลาแกล้งเขาหรืออยู่กับแม่เท่านั้นแหละที่ดูมีอารมณ์ความรู้สึกในเชิงสนุก และแม้ผู้เป็นบิดาจะยิ้มหรืออ่อนโยนกับผู้เป็นมารดาเสมอแต่ดูอย่างไรก็น่าจะเป็นคนที่ขาดการเอาอกเอาใจ ช่างดูไร้ความรู้สึกในด้านนั้นโดยสิ้นเชิง นอกเหนือจากที่คาดการณ์ไป คำว่าเรียบเฉยก็ถือว่าเหมาะจะใช้จำกัดความไม่น้อยเช่นกัน ฉะนั้นพ่อจึงไม่มีทางพูดหรือแสดงออกด้วยการกระทำให้แม่มั่นใจแน่ คงไม่เคยทำอะไรที่มีความหมาย แต่บางทีชิกาไดอาจหลงลืมไปว่าบิดาชักชวนให้เขาร่วมมือสร้างเรื่องสนุกๆ แต่ชวนปวดหัวให้แม่บ่อยครั้งมากจนถึงขั้นตัวเด็กชายสามารถมองข้ามไปได้โดยไม่รู้ตัว เนื่องจากสำหรับจิตใต้สำนึกของเด็กน้อย มันกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไม่ต่างจากส่วนหนึ่งๆ ของชีวิต หากเพราะในสายตาชิกาได พ่อเป็นอย่างนั้นเอง ผู้ชายเฉยชาที่แข็งทื่อ เขาจึงตีความเข้าข้างแม่ไป ทว่าน่าแปลกตรงที่เวลาเขาถามด้วยคำถามเดิมๆ อย่างเช่นว่าทำไมแม่ถึงแต่งงานกับผู้ชายแข็งกระด้างแบบพ่อ แม่ก็จะหัวเราะเบาๆ แล้วตอบว่าเขาเข้าใจผิดและยังเด็กอยู่มากเพียงไร เด็กชายตัวน้อยไม่เข้าใจหากก็ชอบที่หลังจากนั้นแม่ใช้มือนุ่มนิ่มลูบศีรษะคลอนไปมาอย่างรักใคร่

    เพราะอย่างนั้น ชิกาไดจึงต้องการวางแผนให้แม่ประหลาดใจในวันเกิด และนี่แหละคือไพ่ใบดังกล่าว เด็กชายค่อนข้างแน่ใจด้วยว่าในทุกปีนับจากจำความได้ เขาต้องเป็นคนกล่าวสุขสันต์วันเกิดแม่เป็นคนแรกแน่ อันที่จริงเขาแค่อยากเป็นคนแรกถึงมั่นใจว่าตนได้บอกกับแม่ก่อนพ่อมาตลอด ครั้งนี้ก็คงเช่นเดียวกัน เด็กชายผู้เยาว์วัยอยากจะเอาชนะผู้เป็นพ่อ เลยไม่ร่วมมือกันสร้างเรื่องประหลาดใจให้ผู้หญิงคนสำคัญของผู้ชายบ้านนาราในวันเกิดเหมือนอย่างเช่นเคย เขาจะขอขบถ ไม่ร่วมมือกับบิดาอีกต่อไป เด็กชายไม่เคยคิดคลางแคลงใจเลย สิ่งที่คิดอยู่นั่นสามารถตอกย้ำว่าเขามองพ่อแค่มุมเดียวเสมอ ก่อนใช้มุมนั้นครอบคลุมการกระทำทั้งหมดที่เหลือ จะอย่างไรนารา ชิกาไดก็ยังคงอ่อนเยาว์นัก มีความคิดและมุมมองเช่นเด็กน้อยดังที่นารา เทมาริ ผู้เป็นแม่กล่าวไม่ผิดเพี้ยนแต่ประการใด

                “ชิกาได วันนี้อย่าลืมเอาส้มติดไปด้วยล่ะ ลูกเหมือนจะเป็นหวัดใช่ไหม แล้วเมื่อคืนก็ไม่ยอมแช่น้ำอุ่นอีก” เสียงของมารดาติดจะดุ แต่แท้จริงไม่เป็นอย่างนั้นเสียทีเดียว แม่เป็นคนดุแต่ทุนเดิมอยู่แล้ว พ่อเคยเล่าให้ฟังว่ายอมแพ้แม่ในการสอบจูนินรอบจริง เด็กชายไม่รู้สึกแปลกใจเพราะอย่างไรก็ไม่ได้แตกต่างจากปัจจุบันเท่าไรนัก ทว่าถึงบิดาจะดูเกรงใจไม่กล้าหือ หากก็แค่ในบางเรื่อง ความจริงคือพ่อนี่แหละที่ถูกพึ่งพาและจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างสุขุมเสมอ หัวหน้าโจนินของหมู่บ้านบอกกับบุตรชายแค่ว่ากำลังให้เกียรติแม่อยู่ พอโตแล้วลูกก็จะเข้าใจ – ชิกาไดยังไม่โตกระมัง ต่อให้ใช้สติปัญญาซึ่งคนอื่นมักชมตลอดก็ไม่อาจเข้าใจ ผมว่าผมก็โตแล้วนะ พอบอกเข้า พ่อก็โยกหัวเขาท่าเดียว

                “ฟังที่แม่เขาบอกแล้วนี่ แล้วก็ไม่ใช่จะเอาไปอย่างเดียว อย่าลืมกินด้วยล่ะ” ดวงตาสีเขียวครามเหล่มองผู้เป็นบิดา เมื่อวานเขาเข้าป่าของตระกูลเพื่อฝึกวิชาพร้อมกับพ่อ อากาศตอนย่ำค่ำกลางทะเลไม้สีเขียวเย็นชื้น ยิ่งเขตป่าทึบที่พื้นถูกปูด้วยมอสหนาราวกับผืนพรมชั้นดี เหล่าพืชอับแสงแย่งกันแทงตัวผ่านพื้นดินขึ้นมาแน่นขนัดทั่วทุกตารางนิ้ว ขอนไม้ผุพังเป็นที่ชื่นชอบของเห็ด แมลงและพรมธรรมชาติ ทั้งที่รู้ว่าลูกชายหนาวจะแย่ยังให้ลงไปในลำธาร ฟันกระทบกันกึกกึก ครั้นพอตัวหวิดๆ จะเปื่อยหลังฝึกควบคุมจักระได้ดีแบบที่พ่อพยักหน้าแค่ว่าพอใช้ได้ จึงอนุญาตให้ขึ้นมา เขาจามไม่หยุดตลอดทางกลับบ้าน ถึงไม่อยากจะโดนน้ำอีกแล้วไม่ว่าจะอุ่นหรืออะไร ชิกาไดพยายามใช้สายตากึ่งอ้อนแกมหน่าย ฟ้องผู้เป็นมารดาว่าสาเหตุของเรื่องมาจากการกระทำของผู้ใด แต่ดูเหมือนชิกามารุจะแสร้งวางเฉยต่อบุตรชายที่เสมองมา คล้ายจะใช้ความเงียบแทนการตอบกลับกลายๆ เสมือนให้รู้ว่า คราวนี้แม่เขาอยู่ฝ่ายพ่อ หัวหน้าโจนินแห่งโคโนะฮะผู้ควบตำแหน่งที่ปรึกษาประจำตัวโฮคาเงะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งครัดเพียงเพราะอยากจะแกล้งลูกชายคนเดียวที่ทำสำเนามาถูกต้อง “ได้ดูนาฬิการึเปล่าว่าจะสายแล้ว ยังไม่รีบอีก”

                นาฬิกาแขวนผนังเป็นไปตามคำเตือนอันเข้มงวดก็จริง ระยะห่างระหว่างเข็มที่เดินหมุนวนใกล้จะถึงกำหนดเวลาที่เด็กชายควรกระตือรือร้นก่อนก้าวล่วงคำว่าสาย  หากทายาทตระกูลนาราก็ยังไม่คิดขยับ ทีเวลาพ่อสายบ้างล่ะ ใบหน้าที่เหมือนบิดาผู้ให้กำเนิดไม่มีผิดเพี้ยน เว้นเสียแต่สีเขียวครามบนดวงตาคมกริบ เริ่มแสดงท่าทีหน่ายเซ็ง ยิ่งอาการเบื่อหน่ายปรากฏมากเพียงใด ก็ยิ่งตอกย้ำว่าลูกชายเหมือนผู้เป็นพ่อมากเพียงนั้น ความเป็นสายเลือดเดียวกันของสองพ่อลูกกระจ่างชัดโดยไร้ซึ่งข้อกังขาเสมอเมื่อชิกาไดตีสีหน้าเหนื่อยหน่ายหรือพร่ำบ่นด้วยถ้อยคำเดิมๆ เช่นว่าน่าเบื่อจนติดปาก นาราตัวน้อยถอนหายใจก่อนรับคำกับมารดาอย่างนุ่มนวล ฝ่ายบิดา เขาก็แค่ตอบกลับด้วยเสียงยานคางจนพ่อที่บางทีสมานฉันท์ บางคราแม่ก็บอกว่าตีกันอีกแล้ว เอื้อมมือมาคลอนศีรษะกันอีกหน เจ้าบ้านตระกูลนารายิ้มบางๆ ที่แทบมองไม่ออกให้บุตรชายคนเดียว และลูกชายจอมขี้เบื่อก็หัวเราะกลับ ดวงตาสีสวยเล็กหยีแบบที่มารดาชอบพูดว่าเจ้าตัวแสบเริ่มออกลายเหมือนพ่อแล้ว “คราวนี้ผมไม่แพ้พ่อแน่”

                “แล้วมาดูกัน” หัวหน้าโจนินของหมู่บ้านท้าทายทายาทของตนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่น้อยครั้งจะแสดงออกมา ชิกามารุมองสีหน้าซุกซนของเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียว ใบหน้าคมสันก็อ่อนลงกว่าครึ่ง เห็นจะต้องวางแผนให้ดีแล้ว ชายหนุ่มวัยกลางคนที่ดูภูมิฐานด้วยช่วงวัยครุ่นคิดตริตรอง คู่แข่งคือบุตรชายที่ได้รับถ่ายทอดทุกสิ่งจากเขาไปทุกกระเบียด ทุกครั้งยามต้องยืนคนละฝ่ายเพื่อแย่งผู้หญิงของนารา ที่อย่างไรก็ไม่ยอมยกให้ลูกชายแต่โดยดี – ถึงแท้จริงแล้ว เขาจะแค่อยากแกล้งก็เถอะ ลูกชายตัวน้อยจะเสียเปรียบก็แค่ความสามารถและสติปัญญาของเด็กชายยังคงถูกจำกัดโดยความอ่อนเยาว์ ด้อยประสบการณ์ ทั้งยังมุมมองที่แคบกว่า แต่ความจริงหนึ่งที่ต้องไม่ลืม ชิกาไดเองก็เป็นลูกของเทมาริพอๆ กับที่เป็นลูกเขา

    ดวงอาทิตย์โผล่พ้นเส้นสายตาเคลื่อนสู่เบื้องบนทีละน้อยเปิดท้องฟ้าให้โปร่งโล่ง ปุยเมฆขาวสะอาดลอยกระจุกตัวเป็นกลุ่มก้อนหนาระเรี่ยอยู่กลางนภาสีฟ้าจัด สดใสและสงบ ชิกามารุเชื่อว่าเพราะเป็นวันของภรรยานั่นเอง เจ้าบ้านตระกูลนารามองตามร่างบางระหงที่เดินออกไปส่งบุตรชายเพราะหวังจะกำชับให้ดูแลตัวเองก่อนจะเป็นหวัดเข้าจริงๆ เธอก็ปฏิบัติกับเขาแบบนี้เช่นเดียวกัน เมื่อเริ่มเห็นสุขภาพเขาแย่ลงในแบบที่เจ้าตัวยังไม่ทันสังเกตเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวจะขู่ฟ่อยามผู้เป็นสามีไม่ใคร่ใส่ใจหรือแสร้งปล่อยผ่านความสนใจให้ภรรยาอย่างเธอดุเอาเป็นว่าเล่น เสียงจากหน้าประตูลอยผ่านโถงทางเดินเข้ามาแว่วๆ หากไม่สามารถจับความได้ ชายหนุ่มยกชาขึ้นจิบหวังหน่วงเหนี่ยวเวลาเพียงครู่หนึ่ง หลังเฝ้ารออย่างใจเย็น ร่างสูงก็ลุกขึ้น จุดมุ่งหมายคือเก็นคังที่สองแม่ลูกยืนอยู่ก่อนหน้า ชิกาไดกำลังใส่รองเท้าขณะพยายามเอ่ยปากบางอย่าง ซึ่งเขาในฐานะพ่อก็รู้อีกว่าเรื่องนั้นมีประเด็นเช่นไร ลูกชายตัวน้อยแสนขี้อายต้องการสุขสันต์วันเกิดคุณแม่ แต่ถ้าเห็นหน้าเขาแผนต้องเป็นอันล้มพับแน่ เขาอ่านเกมบุตรชายออกถึงเดินตามมากำกับ จะชนะพ่อน่ะ ยังเร็วไปอีกร้อยปี ชิกามารุโบกมือให้ลูกชายตัวน้อย มือดึงภรรยาที่ตั้งตัวไม่ติดเข้ามาใกล้เพื่อเกทับทายาทเพียงคนเดียว

    ยกแรกชิกาไดต้องยอมรับว่าพ่อได้เปรียบ เพราะเป็นดังคาด เมื่อเด็กชายเห็นหน้าบิดา ความตั้งใจแรกที่คิดจะจูบลามารดาผู้ให้กำเนิดก็เปลี่ยนแปรเป็นคำบอกลาอันอ้อมแอ้ม แก้มขาวๆ มีสีเลือดฝาดขณะร่างเยาว์วัยโผเข้ากอดเอวคุณแม่ ผู้หญิงคนเดียวที่ปราศจากความน่าหลีกหนี ต่างจากสตรีเพศทั่วไป เขากอดแม่แถมยังพยายามยื้อมือนุ่มนิ่มของมารดาให้พ้นรัศมีคุกคามของผู้เป็นพ่อ นารา ชิกาไดดื้อเกินกว่าจะยอมแพ้ง่ายๆ หากถ้าว่ากันตามตรงผู้ชายบ้านนาราทั้งพ่อทั้งลูกก็เหมือนกัน หัวหน้าโจนินแห่งโคโนะฮะตอบโต้บุตรชาย น้ำเสียงเข้มงวดและเอาจริงเอาจัง หากจุดประสงค์แท้จริงกลับสวนทางอย่างมาก “มัวทำอะไรอยู่อีก สายแล้วไม่ใช่เหรอ คุณแม่เขาก็มีเรื่องต้องทำต่อนะ”

    นัยน์ตาของแม่ปราดมองมาทันที เด็กชายรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ โดยพลัน ผู้เป็นพ่อสามารถใช้สถานะที่เหนือกว่าชักจูงให้มารดาเชื่อตามที่กล่าวอ้างได้ ข้อนี้ลืมคาดการณ์ไป เด็กชายจึงต้องยอมรับโดยดุษณีว่าหมากตานี้กำลังเพลี่ยงพล้ำ เขานึกว่าตนถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด ทว่ามันไม่เคยมีอยู่เลย แต่อันที่จริง เขาจำนนต่อถ้อยประกาษิตของมารดาหาใช่เสียเปรียบให้พ่อ เนื่องจากแม่ซึ่งเห็นอกเห็นด้วยยื่นคำขาด เขาถึงยุติการเดินหมากตาต่อลงและปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย ใช่แล้ว ไม่ใช่เพราะพ่อสักหน่อย เด็กน้อยแห่งบ้านนาราปฏิญาณแน่วแน่ว่าสงครามย่อมๆ แย่งชิงแม่รอบนี้จะไม่แพ้บิดาอีกเป็นอันขาด จอมขี้เบื่อหมดไฟรุ่นที่สองกระชับกระเป๋าเป้ขณะก้าวออกนอกรั้วด้วยสมองใสๆ ที่เริ่มตระเตรียมแผนเชิงรุกหลายต่อหลายตา ชิกาไดปกปิดความน้อยใจที่เช้าวันนี้แม่เข้าข้างแต่พ่อไว้ใต้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ซึ่งถอดแบบเจ้าของยีนมรดกมาครบถ้วน มือเล็กๆ แกว่งกิ่งหญ้าฉวัดเฉวียนไปตลอดทาง

    3.

    เนื่องจากบานประตูโชจิทั้งสองชั้นแม้แต่ที่ชานระเบียงถูกเปิดกว้าง เผยให้เห็นทัศนียภาพของสวนที่ตกแต่งอย่างประณีตและเอาใจใส่ สายลมจึงพัดเข้ามาหยอกล้อแก้ม มันคลอเคลียกลุ่มไม้ที่พลิ้วลู่ตามแรงเอื่อย ก่อนหอบตัวสู่ฟ้าสีครามสล้างซึ่งปลอดโปร่งกว่าทุกวัน เจ้าของผมสีบลอนด์นั่งพิงแผ่นหลังกว้างของผู้เป็นสามีที่จอจ่อยู่กับเอกสารในมือ นารา ชิกามารุวางสายตาอยู่บนโต๊ะ หลังจบมื้อเช้า เขาก็นั่งปักหลักอยู่ห้องนั่งเล่น ครั้นเธอถามว่าวันนี้ไม่ทำงานหรือ อีกฝ่ายก็ตอบเพียงวันนี้ต้องการใช้เวลากับใครบางคนแล้วก็ยกงานที่ว่ามาวางกองใหญ่ ตอนเธอจะปลีกตัวไปทำงานบ้าน เขาก็คว้าข้อมือไว้พลางดึงมานั่งด้วยกันโดยอ้างหน้าตายว่าต้องการกำลังใจ เช่นนี้เลยกลายเป็นว่าทั้งวันเธอคงจะมีเงาตามติดไม่ห่างตัวเป็นแน่ เทมาริเข้าใจดี เรื่องจะชิงความดีความชอบกับบุตรชายไม่ใช่อย่างแน่นอน หญิงสาวรับรองได้ แม้สองพ่อลูกจะไม่ได้แข่งกัน เธอก็ถูกสามีคุกคามหรือตามอ้อนมากพอแล้ว แถมการเอาชนะชิกาได สำหรับชิกามารุก็แค่คิดอยากแกล้งเลยหาเรื่องหยอกเล่นเหมือนอย่างเคย ความจริงนั้น สามีกำลังสำนึกผิดพร้อมพยายามไถ่โทษและทดแทนเวลาที่ช่วงเดือนหลังเขาแทบจะยกให้กับงานทั้งหมดนั่นเอง เพราะการเอาใจในแบบชิกามารุคือต้องการให้เธออยู่ใกล้ใกล้ – ก็เพื่อเอาอกเอาใจนั่นแหละ

    ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว ผู้เป็นสามีมักบอกว่าเธอเป็นคนพิเศษ ดังนั้นชิกามารุไม่เคยพลาดเลย หากมีโอกาสให้เขาได้ปฏิบัติกับภรรยาเช่นนั้น อีกนัยหนึ่งก็คือเทมาริแต่งงานกับผู้ชายปากแข็ง แทบไม่มีคำหวาน มีเพียงการกระทำที่คอยโอบอุ้มเธอไว้

    อย่างไม่อาจตระหนักได้ถ้าไม่รู้จักเจ้าบ้านตระกูลนาราคนปัจจุบันดี ก็ไม่มีทางทราบเลยว่าจอมขี้เบื่อหมดไฟที่ดูนิ่งขรึมเนื่องจากลักษณะนิสัยสบายๆ เรื่อยเฉื่อยตามอารมณ์ ทั้งยังไม่ให้ความสนใจต่อเรื่องใดให้มากความ ใช้ดวงตาอันคมกริบเก็บรายละเอียดไว้หมดแล้ว ทุกเรื่องถูกพินิจผ่านนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนซึ่งคอยเฝ้าสังเกต ตรึกตรองอยู่ใต้หน้าฉากเฉยชา ด้วยเพราะเป็นคนแบบนี้เอง อัจฉริยะที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมน่าพรั่นพรึงและความคิดที่ลึกซึ้ง ความสามารถมากมายดังกล่าวปราศจากข้อยกเว้น แม้แต่การปฏิบัติตัวเช่นคนรัก ชิกามารุก็ไม่ได้แข็งกระด้าง อย่างที่บุตรชายชอบกล่าวหา เสียทีเดียว นานๆ ครั้งชิกามารุก็ทำให้เธอประหลาดใจได้อย่างน่าตกใจเหมือนกัน ซึ่งสำหรับเธอ นั่นคือมุมน่ารักของเขาที่น้อยนักจะแสดงให้เห็น อย่างไรเขาก็ยังเป็นชายหนุ่มจอมเหนื่อยหน่ายผู้เคร่งขรึมที่ให้ความสำคัญกับการกระทำมากกว่าคำพูด

    โชคดีที่เขาเป็นฝ่ายรุกคืบในความสัมพันธ์ก่อน มิเช่นนั้นเธอคงไม่มีวันรู้ตัวว่าทำไมนาคิมุชิคุงถึงหวงเธอนัก เพราะที่แล้วมานับแต่ยังเด็ก พวกเราก็อยู่ข้างๆ กันมาตลอด เขามักแกล้ง แถมยังชอบบอกว่าน่าเบื่อน่ารำคาญแบบเสียไม่ได้ ทว่าตลอดเวลาเหล่านั้นเขาไม่เคยไปจากเธอเลย ทั้งหยอกเย้ากระทั่งทำให้ฉุนเล็กๆ ก็เคยมาแล้ว แต่ก็กอดเธอไว้ในวันที่ตกต่ำที่สุดของชีวิต ชายหนุ่มดูหงุดหงิดเวลาเธอข้องแวะกับผู้ชายคนอื่นจนเกินพอดีในสายตาของเขา ไม่รู้ด้วยเหตุใด หญิงสาวหวนรู้สึกถึงจุมพิตอันดึงดัน เนิ่นนานและเอาแต่ใจในห้องประชุมที่ว่างเปล่าหลังจบรายงานภารกิจขึ้นมา คงเพราะมันเป็นครั้งแรกที่เขาพูดว่ารักกระมัง อ้อมกอดที่สร้างความอุ่นใจเวลาเธอต้องการคนอยู่ข้างๆ นั่นก็ด้วย บางครั้งชิกามารุก็รวบตัวผู้เป็นภรรยาจากข้างหลังและซุกหน้าลงบนไหล่เล็กๆ จนสัมผัสลมหายใจได้ เขาทำสีหน้าออดอ้อน ดูน่าสงสาร ไม่ก็เรียบเฉยหรือเว้าวอนตามประสาจอมเหนื่อยหน่าย แต่แปลกที่มันคล้ายประหนึ่งเด็กชายตัวน้อยร้องเรียกหาความอบอุ่นมากกว่า ผู้ชายบ้านตระกูลนาราดีใจเหมือนเด็กเล็กๆ ยามเกาะกุมเธอไว้แน่นไม่คิดปล่อย

    ความทรงจำอันมีค่าและอ่อนหวานเกินกว่าจะเปรียบเปรยที่เทมาริบรรจงทะนุถนอมไว้อย่างหวงแหน กลับมาโอบกอดเธออีกครั้ง แม้มันน้อยจนแทบนับได้ แต่ถ้าให้นึกถึงสิ่งต่างๆ ที่ชิกามารุทำให้เธอนอกจากบรรดาถ้อยคำหวานเหล่านั้น ก็ไม่อาจประเมินค่าได้สักเพียงนิด มันมีค่ามากเทียมกันทีเดียว ไม่สิ อาจมากกว่าเสียด้วยซ้ำ

    เสียงพลิกหน้ากระดาษดังแผ่วๆ เคียงคู่กับความเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของธรรมชาติด้านนอก ใบไม้แห้งร่วงโรยลงมาจากต้นไม้ใหญ่เหมือนเกล็ดหิมะที่เริงระบำกลางฤดูใบไม้ร่วง ก่อนพวกมันจะถูกลมพัดกวาดไปกับหญ้าที่ตัดเตียนและพื้นปูหิน อีกด้านของสวนมีบ่อน้ำใสเหมือนกระจก ปลาคาร์ฟสีสันสดแวกว่ายวาววับ กระบอกไม้ไผ่ที่ตัดเฉียงรองน้ำจนเต็มแล้วเอียงลงกระทบก้อนหินขอบสระเป็นจังหวะ น้ำใสๆ ไหลริน ใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มวัยกลางคนที่จ้องมองเอกสารอย่างใจเย็นเบือนมาทางหญิงสาวเล็กน้อยคล้ายจะออกคำถาม เมื่อเขาเห็นเธอสนอกสนใจอัลบั้มรูปอยู่นานสองนาน แต่ตอนจะเอ่ยปากเรียกผู้เป็นภรรยาเพื่อหวังเรียกร้องความสนใจ เจ้าหล่อนก็ยกมือขึ้นมาแตะแก้มเขาจากด้านหลังโดยที่สายตายังคงไม่ละออกจากสิ่งที่ให้ความจดจ่อ เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกับอ้อมแขนแกร่งเริ่มออเซาะภรรยาซึ่งยอมตามใจไม่ห่างไปไหนแม้จะดุนิดหน่อยพอเป็นพิธีที่เขามารุ่มร่ามไม่รู้เวลาทันที – เธอมักจัดการงานบ้านช่วงเช้าก่อนงานจิปาถะแล้วจ่ายตลาดเตรียมมื้อเย็นเป็นกิจวัตรเสมอ ทว่าทั้งหมดนั้นไม่นับวันหยุดที่ผู้หญิงบ้านนาราต้องคอยรับมือผู้ชายที่บ้าน ซึ่งถอดแบบเหมือนกันทุกกระเบียดและแท็คทีมอยู่พร้อมหน้า จะอย่างไรเขาก็ชอบใช้เวลาว่างในวันหยุดกับเธอ มันทำให้พบที่ที่เป็นของตัวเองและได้สงบจิตใจลง ถ้าจะมีใครสักคนคอยพร่ำบ่น เทมาริก็คือผู้หญิงที่ถึงเขาพร้อมจะฟังเสียงดุๆ นั่นไปตลอดชีวิต

    ตั้งแต่ยังเยาว์วัยด้วยกันทั้งคู่ เมื่อมีเวลาว่าง นับเป็นบ่อยครั้งทีเดียวที่เขาชอบนอนเล่นใกล้ๆ เทมาริโดยไม่พูดอะไรเพราะการได้อยู่กับเธอก็เหมือนนอนมองดูท้องฟ้าปลอดโปร่งพร้อมปุยเมฆล่องลอยเอื่อยในวันที่สงบและสบายใจ ความสุขเพียงรับรู้การมีตัวตนของอีกฝ่ายนั่นเอง ชายหนุ่มขี้รำคาญคนหนึ่งไม่เคยหน่ายเซ็งกับการพร่ำบ่นตามประสาผู้หญิงที่บ้านยามเธอต้องบ่นขึ้นมาจริงๆ ด้วยเหตุว่าหญิงสาวเป็นคนเฉียบขาดทั้งยังจัดการทุกสิ่งอยู่หมัดด้วยท่าทีนิ่งเฉย ห่างไกลจากคำว่าผู้หญิงขี้บ่นมากนัก ไม่เคยทำตัวจุกจิก เว้นก็แต่ตักเตือนบุตรชายซึ่งต้องคอยกระตุ้นนิสัยขี้เบื่อที่รับสืบทอดมาจากใครบางคนเท่านั้น เขามักมองภรรยาตั้งอกตั้งใจคำนวณบัญชีรายรับรายจ่าย นั่งจัดดอกไม้ หรือกระทั่งสีหน้าครุ่นคิดตอนเล่นโชหงิด้วยกัน แค่นี้ก็ค้นเจอความหมายแห่งความสุขแล้ว เสียงความเคลื่อนไหวของเธอในทุกอิริยาบถ ทั้งรอยยิ้ม หัวเราะ ดุว่า เย้าแหย แทรกซึมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตซึ่งเขาจะขาดไปไม่ได้ เสียงยินดีต้อนรับกลับที่คอยบ่งบอกว่าถึงบ้านในที่สุด มีดทำครัวกระทบเขียงก่อนเวลาอาหารเย็นขณะท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มผากตัดกับชมพูอ่อนๆ ดังเช่นแก้มเธอครั้นเอียงอายไม่ต่างจากชีวิตประจำวันอันมิอาจแยกขาด มื้ออาหารบวกข้าวกล่องที่ถูกปาก ร่างนุ่มนิ่มใต้อ้อมกอดยามค่ำคืนก่อนตื่นเช้าขึ้นมาพบเธอดุจเดิม ล้วนคือองค์ประกอบสมบูรณ์แบบเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะสามารถมีได้

    หญิงสาวผู้มาจากทะเลทรายกลายเป็นภรรยาที่ไม่ว่าใครก็สู้ไม่ได้ และเขาได้เจอส่วนเติมเต็ม ถึงจะไม่ใคร่แสดงออกมากนักก็ตามแต่ทุกครั้งที่กล่าวถึงภรรยา ทุกคนก็สามารถรับรู้ได้โดยกระจ่างชัดว่าชิกามารุรักผู้หญิงของเขามากเพียงใดและเช่นไรบ้าง อันที่จริงเวลาเทมาริมีเหตุต้องเอ่ยปากบ่นแกมดุขึ้นมา นั่นช่วยย้ำกับชายหนุ่มว่าเธอได้กลายเป็นภรรยาเขาแล้วจริงๆ เจ้าบ้านตระกูลนาราชอบอยู่ใกล้ๆ ผู้เป็นคู่ชีวิต ใช้ใบหน้าเฉยเมยแกล้งให้อีกฝ่ายต้องยิ้มออกมาในท้ายที่สุด นารา ชิกามารุจับข้อมือเล็กๆ ก่อนล้มตัวลงบนตักเจ้าของนัยน์ตาสีสวยที่กำลังตั้งตัวไม่ติดโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าทันที เธอรีบยกอัลบั้มหนีพลางส่งสายตาแกมดุ ขณะผู้เป็นสามีเริ่มร้องขอด้วยน้ำเสียงแบบเดียวกับสีหน้าตายด้าน

    “นี่ปั่นหูให้หน่อยสิ” นึกอยากเอาใจภรรยา แต่ตัวเองกลับอ้อนเสียนี่

    ชิกามารุบิดตัวด้วยความขี้เกียจขณะรอยยิ้มซุกซนฉาบอยู่บนใบหน้าคมสัน ร่างสูงนอนเหยียดยาวหนุนตักนุ่มนิ่มของภรรยาต่างหมอน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแหงนมองอีกฝ่ายที่มีสีหน้าอ่อนลงอย่างติดจะระอา เขาเห็นหน้าอัลบั้มที่เปิดค้างไว้ข้างตัวหญิงสาว ภาพเสียที่เธอเพิ่งบอกเขาเมื่อคืนวานว่าบังเอิญหาเจอตอนทำความสะอาดยังเรียงไม่เสร็จจึงกระจัดกระจายบนเสื่อทาทามิ มันเป็นชุดภาพซึ่งถูกแยกจากส่วนที่สมบูรณ์เพราะตำหนิจากฟิล์มเลยมีรอยสีจางๆ พาดผ่าน หากก็ไม่อาจลบเลือนบางสิ่งลง ทุกร่องรอยความทรงจำบนนั้นยังคงสื่อแต่เพียงความสุข แม้จะไม่ได้ยิ้มออกมาโดยตรงก็ตาม ทว่าหาได้มีส่วนไหนไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกดีๆ ที่ยังคงไม่เคยจางหายไปไหน คงไม่สามารถปฏิเสธว่ารูปทุกใบเตือนให้นึกถึงเรื่องราวมากมาย เขาที่ประคองทารกแรกเกิด ลูกชายของตัวเองครั้งแรก ชิกาไดหลังร้องไห้งอแงแต่เมื่อถูกเขาอุ้มก็หัวเราะเอิ้กอ้ากวางซ้อนทับกับภาพถ่ายตอนเด็กน้อยเริ่มเดินได้จนเกือบตกอังกาวะ ภรรยาที่อุ้มบุตรชายวัยอยากรู้อยากเห็นไว้บนตักซึ่งอยู่ไม่สุขจนเกือบถ่ายไม่ได้ ถัดมาคือรูปครอบครัวในชุดกิโมโนเมื่อคราวชิจิโกะซันของเด็กชายตัวน้อย หรือฤดูร้อนที่สองพ่อลูกนอนแผ่ราบอยู่บนพื้นด้วยอิริยาบถซึ่งถอดแบบกันมาไม่ผิดเพี้ยน กวางที่พยายามดุนหัวเข้าใกล้เด็กชายตัวน้อยจนบังไปเกือบครึ่ง วันปฐมนิเทศของโรงเรียนนินจา

    แม้กระทั่งรูปซึ่งเก่าพอตัว อย่างภาพถ่ายเขากับเธอในวันแต่งงาน เทมาริที่สวมชุดชิโรมุกุขาวสะอาดหันมายิ้มกว้างอย่างสวยสง่า ไว้ตัว ดวงตาสีเขียวครามคือความอ่อนหวาน ทุกคนต่างชมเปาะว่าเธองดงาม แต่ก็ไม่เท่าคำชื่นชมปนอิจฉาว่าเธอเป็นเจ้าสาวที่มีความสุขมากอย่างไร

    “เทมาริ” คนถูกเรียกก้มลงมองคู่ชีวิตที่พลิกตัวมากอดเธอแน่น ชะโงกผ่านท่อนแขนแข็งแรงซึ่งชอบรัดตัวเธอจนดิ้นไม่หลุดเสียทุกครั้งโอบรอบเอว เจ้าของมือที่ใหญ่กว่าซุกหน้าลงกับหน้าท้องแบนราบเหมือนเด็กจอมออดอ้อน นารา เทมาริมองผู้เป็นสามีเงยหน้าขึ้นมาอย่างท้าทาย แต่สายตานั้นกลับอ่อนโยนจนเธอถูกทำให้ยอมแพ้อีกครา หญิงสาวเลือกจะเงียบเป็นเชิงถาม แต่ไม่แปลกที่เขาจะไม่พูดอะไรต่อจากนั้นทว่ากลับบรรจงใช้นิ้วปัดข้างแก้มเธอด้วยใบหน้าเฉยเมยก่อนเลื่อนมาเกลี่ยริมฝีปากเล็กๆ ที่อ้าออก คนเป็นภรรยามีปฏิกิริยาโต้ตอบการรุกล้ำนั้นอย่างจงใจขึ้นมาเสียดื้อๆ โดยไม่ปล่อยให้สามีจอมนัวเนียที่เจ้าเล่ห์หน้าตายทันตั้งตัว ชิกามารุเกือบอดใจไม่ไหวเมื่อภรรยางับปลายนิ้วซุกซน ขบกัดเบาๆ และค่อยๆ ดูดกลืนมัน เธอจับข้อมือเขาที่ยันตัวลุกขึ้นไว้เพื่อหวังจะเปลี่ยนสถานะเป็นฝ่ายรุกล้ำ – เทมาริรู้ว่าอีกฝ่ายจะคลั่งได้ด้วยวิธีใดบ้าง จึงไม่รีรอเลยกับการแกล้งสามีจอมเหนื่อยหน่ายผู้มีลูกเล่นมากกว่าที่เห็น

    ร่างบางระหงพลิกตัวขึ้นคร่อมคนตัวใหญ่กว่าสำเร็จเมื่อเขารวบบั้นท้ายเธอ มือแกร่งประคองสะโพกกลมกลึงของภรรยา ขณะหญิงสาวรั้งตัวเข้าประชิดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ดูยั่วยวน – “เทมาริจอมโหด” หัวหน้าโจนินของหมู่บ้านกระซิบ บางเวลาเขาอยากจะล้อเลียนเธอ ก็มักเรียกว่ายัยโหด แบบที่ตอนเด็กๆ เคยพูด เขาบอกคนอื่นว่าภรรยาเป็นคนดุเวลาถูกถามถึงผู้หญิงที่บ้าน ก่อนเสริมด้วยว่าตอนเจอกันเขาก็ยอมแพ้เธอตั้งแต่แรกเลย ไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้มแข็งและเด็ดขาดมากไปกว่านารา เทมาริแล้ว เพราะชิกามารุทราบดี อย่างไรภรรยาก็ทำตัวน่ารักกับเขาแค่คนเดียว เธอมีมุมอ่อนโยนนิ่มนวลเฉพาะสามีกับบุตรชายเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายสักแค่ไหน แต่กับผู้ชายที่ตัวเองรักแล้ว ใจดีด้วยเสมอ ขณะเดียวกันเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ ครั้นเริ่มใกล้ชิดกับเธอซึ่งกลายมาเป็นภรรยา ผู้ชายที่แข็งกระด้างก็จะอ่อนให้กับผู้หญิงที่รักไม่ต่างกันกระมัง ชายหนุ่มเรียกภรรยาตนอีกครั้งยามวงแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบคอ ร่างเล็กกว่าโน้มลงมา แต่เหมือนผู้เป็นภรรยาจะกำลังสนุกกับการนึกอยากปั่นหัวเขาแบบปุบปับจึงแสร้งเมินเฉยดื้อๆ ถึงกระนั้นเทมาริก็รู้ หากสามีเกิดเอาจริงขึ้นมาคงเริ่มไปนานแล้ว

    ก็ตอนเขาคิดจะเริ่ม เธอถึงได้พูดขึ้นเหมือนจะแกล้งกัน ร่างสูงใช้แรงที่มากกว่าพลิกสถานะขึ้นมาอยู่เหนือตัวหญิงสาว ชิกามารุไม่อยากพลาดโอกาสที่บุตรชายไม่อยู่บ้านไป เขาใช้มือรองหลังเธอไว้ไม่ให้กระแทกขอบโต๊ะแต่ก็กดเธอลงเพื่อที่ตนจะเคลื่อนไหวได้ถนัด มือเล็กๆ เกาะไหล่กว้างๆ เป็นหลักยึดเหนี่ยว สัมผัสผ่านปลายนิ้วช่างทะนุถนอมจนเธออาจจะใจอ่อน เทมาริตอบรับจูบที่ดูดกลืนพลังนั้นจากผู้รุกเร้า ท่อนแขนเรียวกอดคอสามีก่อนดึงรั้งศีรษะให้โน้มเข้ามาเพื่อกระซิบตามที่หวังจะรังแกอีกฝ่ายตั้งแต่ต้น “หลบไปหน่อย …ไม่งั้นจะลุกไปหยิบไม้ปั่นหูได้ยังไง”

    ผู้เป็นภรรยาส่งยิ้มทั้งที่รู้ดีว่าเขาต้องการมากกว่าที่เธอเอ่ยปากหลังจากรุกเข้ามาถึงเพียงนั้น ชิกามารุรู้สึกเสียทีกับการหลงกลอุบายของยัยจอมโหด “ไม่เอา ตอนนี้อยากทำอย่างอื่นแล้ว” ชายหนุ่มปฏิเสธพลางดุนศีรษะเข้าใกล้ลำคออีกฝ่ายเหมือนราชสีห์ตัวใหญ่สิ้นฤทธิ์ที่พยายามออดอ้อนนางสิงห์ใจแข็ง หากหญิงสาวเสหน้าหนีด้วยการกลั่นแกล้งยังคงไม่จบลงง่ายๆ พลางกลั้นใจเมื่อต้องมองใบหน้าละห้อยดูน่าสงสารคล้ายเด็กน้อยอดกินขนมท่ามกลางความนิ่งขรึมที่ไม่จางหายไปของสามี เธอผลักแผ่นอกกว้างเบาๆ เพื่อให้คนตัวใหญ่หลีกทางและหลบท่อนแขนแกร่งซึ่งขวางกั้นไว้ให้พ้นจากขอบเขตการขยับตัว โดยเจ้าบ้านตระกูลนาราจำต้องยอมอย่างเสียไม่ได้เพราะรู้ว่าภรรยาหวังจะแกล้งเต็มที่ ครั้นจะปลุกเร้าเธอให้โอนอ่อนตามเข้าจริงๆ ก็ทำได้ แต่จะไปขอกินขนมตอนนี้ทั้งที่กินไปเยอะแล้วก็คงไม่สนุกเท่าการผ่อนตามภรรยาแล้วค่อยเอาคืนทบต้นทีหลัง คนที่เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าคลายพันธนาการก่อนจะเพียงรวบเจ้าหล่อนมากอดไว้หลวมๆ บนตัก เธอเอนหลังพิงอย่างว่าง่ายเพราะเริ่มใจอ่อนเป็นทุนเดิม ดวงหน้าสวยคมแหงนมองเจ้าของอ้อมกอดด้วยนัยน์ตาเว้าวอนที่ใสกระจ่างจนเขาต้องสะกดกั้นอารมณ์ นารา ชิกามารุก้มลงจุมพิตหน้าผากผู้หญิงตัวแสบ “มีอะไร จะเอาอะไรคุณแม่จอมโหด”

    เทมาริเก่งนักในการมีอิทธิพลเหนือตัวเขา ทำให้หัวใจอ่อนยวบและยอมแพ้ราบคาบ สู้ไม่ได้เลยจริงๆ เขาเคยชนะภรรยาบ้างไหมนะ ชั่วขณะหนึ่งชายหนุ่มรู้สึกว่าน้ำหนักบนตัวหายไป ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองแม่ของลูกที่เคลื่อนตัวออกจากการเกาะกุม เธอนั่งราบลงกับพื้นทาทามิอย่างเรียบร้อยขณะตบตักเบาๆ แทนการเอ่ยปากบอกให้เขาหนุนนอน “มานี่สิ จะปั่นหูไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวอุปกรณ์ของจากกล่องไม้เหนือโทโคโนะมะที่ประดับภาพเขียนพู่กันเก่าแก่บนฝาผนัง ชิกามารุวางศีรษะอิงผิวเนื้อนุ่มนิ่มด้วยความสบายที่ไม่อาจหาได้ที่ไหนอีก เช่นนี้ยังจะถามถึงคำตอบอีกหรือว่าทำไมเจ้าบ้านตระกูลนาราจึงพ่ายคู่ชีวิต แต่เอาเข้าจริงคำตอบนั้นจะเป็นเช่นไรก็ไม่สำคัญเลย เขารู้แค่เพียงว่าจะทำทุกอย่างให้เธอมีความสุขตลอดทั้งชีวิตที่เหลือ มันคือคำสาบานซึ่งสัญญาไว้กับตัวเองนับแต่ได้รู้จักหญิงผู้เป็นดังสายลมพัดเย็นคนนี้

    ลมกับเมฆต้องจุนเจือกัน แยกขาดจากกันไปไม่ได้อยู่แล้ว ร่างสูงพลิกตัวเข้าหาสายลมของเขาที่ไม่เคยปฏิบัติหน้าที่ภรรยาบกพร่อง เธอปรนนิบัติผู้เป็นสามีทั้งโดยตรงและทางอ้อมเสมอ การใช้ชีวิตคู่อันสมบูรณ์พร้อมด้วยองค์ประกอบที่พึงมีนอกเหนือจากรัก ก็ต้องไม่ละทิ้งความเชื่อมั่น ความเข้าใจ ประคับประคองและพึ่งพากัน อาจเพราะพวกเขาต่างมีกันและกันเริ่มแต่ยังเยาว์วัยจนเมื่อถึงตอนนี้ก็หลอมรวม เติมเต็มอีกฝ่ายจนเป็นอันหนึ่งอันเดียว การมีใครสักคนไม่ใช่ให้เขามาเอาอกเอาใจ แสดงความรักหรือเทิดทูนบูชาแต่คนรักเพียงเท่านั้น หากแท้จริงแล้ว เป็นการทำเพื่อกัน ก้าวผ่านทุกเหตุการณ์ไปด้วยกัน อยู่เคียงข้าง ช่วยเหลือ รวมกระทั่งร่วมแบ่งปันความรู้สึกระหว่างคนสองคน ด้วยเหตุนี้เธอจึงใช้ชื่อนารา เขาจึงรับเธอมาเป็นภรรยา

    ยอดไม้หอบไหวเสียดสีซ่าซ่ายามเอนลู่ไปตามแรงลม ทิ้งใบแห้งเหลืองโรยรายลงสู่พื้นประหนึ่งละอองฝนโปรยปราย สีครามของท้องนภาครึ่งหนึ่งถูกเมฆแพหนาครอบครอง มันก่อตัวกันสูงขึ้นจากเส้นขอบฟ้าด้วยสีขาวฟ่องฟูและอัดแน่น ระรานอาณาบริเวณเหนือทิวไม้ท่ามกลางผืนป่า รวมถึงเทือกเขาทอดยาวตราบเท่าที่สายตาจะสามารถมองเห็นออกไปดุจกลุ่มก้อนควันขาวสะอาด กระดิ่งลมดังกังวานเหมือนแก้วขณะปลาในสระส่งเสียงกระทบน้ำ การดำเนินไปของธรรมชาติด้านนอกเคลื่อนผ่านนัยน์ตาสีอ่อน ชิกามารุทอดสายตาสู่แผ่นฟ้าตามความเคยชินแต่พื้นหญ้าตัดเตียนสกัดกั้นมุมมองไว้ สีเขียวถูกแซมด้วยใบไม้ร่วงกรอบซึ่งแต้มสีโทนร้อน เหลืองส้มปนน้ำตาลบ้างก็แดงจนสีสันเดิมแทบลดทอนลง “ใบไม้ร่วงเกลื่อนแล้วแหะ คงต้องกวาดสักหน่อยแล้ว” เจ้าบ้านตระกูลนารางึมงำในลำคอเนื่องจากเจ้าตัวกำลังเพลิดเพลินกับการออเซาะภรรยา อีกหนึ่งกิจวัตรประจำวันหยุดของเขานอกจากใช้เวลากับภรรยาและบุตรชาย เห็นจะเป็นงานใช้แรงในบ้านทุกประเภท ที่บางครั้งถือเป็นกิจกรรมร่วมกับลูกชายอย่างหนึ่ง ความคิดดีๆ หยดผ่านลงมากะทันหัน “จริงสิ เธออยากกินมันเผามั้ย”

                “ก็ดีเหมือนกัน ลูกจะได้กินอะไรอุ่นๆ ด้วย” ฟังจากน้ำเสียงก็สัมผัสได้ว่าคู่สนทนาออกจะเห็นด้วยมากทีเดียว คนหนุนตักพยักหน้ารับคำเล็กน้อยเมื่อนึกถึงบุตรชายซึ่งเริ่มจะเป็นหวัดอยู่รอมร่อตามที่ภรรยาชี้นำ นานมาแล้วชายหนุ่มก็เคยเผามันให้เธอผู้เปียกปอนสายฝนพรำ รอบประทับของริมฝีปากนุ่มกับลมหายใจอุ่นบนมือ ทั้งคู่ไม่เคยลืม เทมาริค่อยๆ ปั่นหูสามีต่ออย่างเบามือแต่ก็ต้องหยุดตอนอีกฝ่ายหงายหน้ามามองเธอก่อนจะลุกขึ้นเผชิญหน้ากัน เขาถามด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนเช่นบทสนทนาทั่วๆ ไป หากมีความจริงจังแฝงอยู่ในน้ำเสียงที่พูด ก็ชิกามารุต้องการจะรู้ถ้าเขาสามารถทำอะไรให้ผู้หญิงที่รักสมหวังได้ แม้ทราบคำตอบอยู่แก่ใจแล้วก็ตามว่าเธอชอบหรือจะมีความสุขด้วยเหตุผลอะไร เช่นใดบ้าง ทว่าเขาคงจะไม่ละเลยสิ่งที่อาจมีเป็นพิเศษแน่นอน – “เทมาริ มีอะไรที่อยากได้รึเปล่า”

    กระแสลมเย็นพัดเอื่อยเข้ามา เสียงกระดาษเริ่มดังตีกันอึงอลเมื่อห้องปลอดโปร่งนำพาสายลมแวะเวียนมาทักทายเรื่อยๆ พร้อมความละมุน เจ้าของดวงตาคมกริบเอ่ย ความสนใจทั้งมวลมีให้แต่สีเขียวครามบนนัยน์ตาคู่สวย เขาแหวกว่ายลงสู่สีสันอันดึงดูด ความจริงนั้น ชิกามารุอยากถามเรื่องนี้อยู่นาน หลังจากหญิงสาวเงียบไปชั่วครู่ เนื่องด้วยการกระทำปุบปับของอีกฝ่ายซึ่งจู่ๆ ก็กล่าวขึ้น เพียงเสี้ยวลมหายใจถัดมาเทมาริถึงคลี่ยิ้มพลางส่ายหน้าช้าๆ เชิงปฏิเสธ อย่างไรผู้เป็นสามีก็ทราบสิ่งที่เธอต้องการดีอยู่นั่นเอง เพราะสุดท้ายเขาก็มักจะทำมันเสมอ ความสุขของนารา เทมาริคือเรื่องเรียบง่ายและธรรมดาเช่นการที่คนในครอบครัวเป็นสุข – ความเรียบง่ายที่แสนจะน่าเบื่อ ชิกามารุยิ้ม “งั้นพอฉันกวาดใบไม้เสร็จ ออกไปเดินเล่นกัน นะ” เขาลอบเสนอแผนการที่เตรียมไว้สำหรับวันนี้และยอมศิโรราบแก่รอยยิ้มกว้างของภรรยาหลังข้อเสนอได้รับการตอบตกลง ชายหนุ่มโน้มตัวไปจูบหน้าผากเกลี้ยงเกลาแล้วกระซิบว่ารักที่นานๆ ครั้งจะกล่าวออกมา

    4.

    ชิกาไดไม่ชอบห้องเรียนเสียงดัง พวกเขาถูกมอบหมายให้ดูแลกันเองเนื่องจากบรรดาอาจารย์นินจาติดภารกิจ ทั้งห้องจึงดูคล้ายสมรภูมิย่อมๆ ที่ค่อนข้างโกลาหล

    ความวุ่นวายอันยุ่งเหยิงรอบตัวไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ที่เขาไม่ชอบใจเพราะต้องการอยู่อย่างสงบ นั่งมองท้องฟ้าข้างนอกนั่นหรือนอนฟุบไปกับโต๊ะ หากสถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยให้กระทำเช่นนั้นเลยสักเพียงนิด ถัดจากกลุ่มสนทนาย่อยๆ สองสามกลุ่ม ก็มีคนวิ่งไล่จับทั่วห้องพลางกว้างปากระดาษต่างชูริเคน มันวืดผ่านไปมากลางอากาศ เด็กชายหรี่ตาลงครึ่งหนึ่งอย่างปลงตกพลางหาวฟอดใหญ่ นัยน์ตากลมสีเข้มมองซาราดะซึ่งกำลังหัวเสียใส่โบรุโตะที่แกล้งเขียนขยุกขยิกลงบนสมุดการบ้านของเธอครู่หนึ่งก็เบือนหน้าหนีด้วยความชินชา สองคนนี้มีอะไรเหมือนกันมากกว่าที่เห็น เขาจึงไม่แปลกใจหากทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยจนเข้ากันได้ดี – ทายาทตระกูลนาราวางศีรษะอย่างเหนื่อยหน่าย ถึงจะบ่นอุบอิบแต่เอาเข้าจริงอุปสรรคใดๆ ก็ขัดขวางนารา ชิกาไดจากอารมณ์หน่ายเซ็งและงานอดิเรกเฉื่อยชาไม่ได้

    เสียงสัญญาณที่เตือนการมาถึงของเวลาพักกลางวันดังไปทั่วตัวอาคาร ความอึกทึกจอแจอีกระดับจึงตามมา เป็นรูปแบบของความวุ่นวายที่เล็กกว่า เพราะบางกลุ่มเริ่มสลายตัว แยกย้ายไปชั้นเรียนอื่น มุมประจำหรือปักหลังลงกับที่ของตนเองเพื่อรับประทานมื้อกลางวันในข้าวกล่องที่เตรียมจากบ้าน เด็กชายจอมขื้เบื่อแห่งบ้านนาราก็เช่นกัน น่าเบื่อจริง เขาถอนหายใจพลางหยิบส้มวางบนโต๊ะขณะอุซึมากิ โบรุโตะยื่นหน้าเข้าใกล้ มือกอดขอบเก้าอี้ไว้ ดวงตาสีฟ้าสดใสเช่นท้องฟ้าฤดูร้อนหยีเล็กเมื่อเจ้าตัวยิ้มกว้างพยายามชักชวนเพื่อนทั้งสองคนเหมือนดังเคย มิสึกิก็ยืนรอฟังคำตอบไม่ห่าง “วันนี้ไปที่เดิมกันเปล่า-เด็กชายลากเสียงพร้อมใช้นิ้วโป้งชี้ขึ้นด้านบน ชิกาไดรู้ว่าทายาทของโฮคาเงะหมายถึงดาดฟ้า สถานที่ประจำ หากบุตรชายตระกูลนาราไม่แสดงอารมณ์ร่วมใดๆ นอกเหนืออารมณ์ช่างเหนื่อยหน่ายอยู่แล้ว เจ้าของดวงตาซังกะตายเพียงพยักหน้าเห็นด้วย ต่างกับอิโนะจินที่ตอบรับอย่างใจดี

    เด็กชายบ้านยามานากะดึงเพื่อนสนิทที่โยนรับผลส้มเล่นด้วยท่าทีซึ่งเพิกเฉยต่อโลกโดยสมบูรณ์ให้เดินตามมา – “เฮ้ชิกาได ส้มนั่นกินได้มั้ย” แม้ดวงตาสีเขียวครามจะวางเฉยยามเจ้าของนัยน์ตาสีอำพันหันมาถาม แต่ชิกาไดก็โยนส้มในมือให้มิสึกิที่คว้าไว้หมับพลางขยิบตากลับมาอย่างเจ้าเล่ห์ทันที บุตรชายตระกูลนาราหัวเราะแบบเด็กชายตัวแสบซึ่งบิดาเคยหลุดปากมาว่านี่คือส่วนหนึ่งของแม่ที่มีอยู่บนตัวเขา รอยยิ้มสดใสร่าเริงจนดวงตาหยีเล็ก จอมขี้เบื่อหมดไฟรุ่นสองแปะมือกับมิสึกิอย่างเข้าขากัน ตอนนั้นเองที่โบรุโตะหยุดเดินลงกระทันหัน

                “นายจะไปไหนโบรุโตะ ที่ฉันนัดซ้อมไว้ล่ะ” ขบวนการขนาดย่อมจำต้องหยุดเมื่อเด็กหญิงเจ้าของผมดำสนิทและดวงตาสีนิลเฉกเช่นเดียวกันยืนขวางประตูพร้อมสีหน้าแบบที่คนถูกเรียกแอบขยาด การสอบลอบโจมตีคู่ในชั่วโมงหน้า ซึ่งอุจิฮะ ซาราดะบังเอิญจับสลากได้จอมเรียกร้องความสนใจแห่งยุคขึ้นมา ยังไม่ได้วางแผนซักซ้อมด้วยกันเลยแม้แต่น้อย ซาราดะถึงตะครุบตัวคู่หูชั่วคราวไว้ถ้าอยากผ่านการทดสอบ เธอไม่ต้องรอคำตอบนานโบรุโตะก็สวนกลับทันควัน “เรื่องของผู้ชาย ผู้หญิงไม่เกี่ยว” เด็กชายพูดจบคำ บุตรสาวบ้านอาคิมิจิที่อยู่ข้างๆ เด็กหญิงก็ยื่นถุงขนมแก่ทายาทตระกูลอุซึมากิเป็นเชิงปลอบใจ เพราะโจโจมองอย่างไรอีกฝ่ายคงหนีซาราดะไม่พ้น มิสึกิเดินตบบ่าเพื่อนขณะถอยมาพร้อมกับชิกาไดที่ไม่เคยอยากยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนนอกจากแม่ เขาขยับหนีให้พ้นรัศมีจู่โจมหลังเห็นผลลัพธ์ของเรื่องนี้ได้ชัดเจนทีเดียว ยามานากะ อิโนะจินก็เช่นกัน อุจิฮะผู้เยาว์วัยกึ่งฉุดกึ่งลากข้อมือเด็กชายไปตามระเบียง ไม่ว่าใครก็หลบให้ตลอดทาง เหล่าเด็กชายตัวแสบมองหน้ากัน เหมือนพวกเขาจะเสียเพื่อนร่วมหน่วยไปหนึ่งคนแล้ว

    “เอาล่ะ ไปกินข้าวกันเถอะ” ดูเหมือนอาคิมิจิ โจโจจะร่าเริงที่สุดเมื่อมีมื้ออาหารคอยอยู่ เธอดันหลังทุกคนไปข้างหน้าเพื่อกระตุ้นให้กระตือรือร้นขณะชิกาไดพึมพำอย่างเบื่อหน่าย จับใจความได้เพียงว่าเอาวันสงบๆ คืนมาก่อนจะถูกเสียงเด็กหญิงกลบกลืนลงจนหมด เด็กชายบ้านนาราก้าวรั้งท้ายเนื่องจากพึงใจจะละเลียดการดำเนินไปของผืนฟ้านอกหน้าต่างที่กรุยาวตลอดโถงทางเดิน ผนังอีกครึ่งหนึ่งคือท้องนภาซึ่งคล้ายจะอยู่ใกล้แค่ยื่นมือ ทั้งยังสูงจนไม่สามารถหยั่งจุดสิ้นสุดที่บรรจบกับพื้นดินหรือทิวไม้ใด สีครามนั้นช่างทรงพลังจากดวงอาทิตย์เที่ยงวันและปุยเมฆก็ก่อตัวเป็นลอนราวกับพายุขาวฟ่องฟูอันบางเบา เขาสวนกับเด็กคนอื่นซึ่งเดินไปมาบนระเบียงระหว่างชั้นเรียนโดยไม่แยแส ดวงตาเฉียบคมยังถ่ายเทความสนใจสู่ท้องฟ้าตระหง่านข้างกาย น่ารำคาญจริง นาราตัวน้อยบ่นยามเบี่ยงตัวหลบกลุ่มคนเอะอะที่วิ่งไล่จับกันสรวลเสเฮฮาทั้งที่ไม่ได้หันมอง เด็กชายรีบถือข้าวกล่องฝีมือมารดาอย่างระมัดระวัง จู่ๆ มิสึกิก็เริ่มฮัมเพลงตอนเดินขึ้นบันไดแคบๆ แล้วทุกคนก็แข่งวิ่งกันขึ้นไปยังจุดหมายสุดปลายปล่องทางเดิน เว้นแต่เขาซึ่งพึงใจจะก้าวช้าๆ ใช้สมองใสๆ ที่เจ้าแผนการไม่แพ้ผู้เป็นพ่อ คิดทบทวนหาของขวัญสำหรับวันนี้

                ชิกาไดหยุดยืนหน้าจุดสิ้นสุดของปลายทางสูงชันเมื่อแบกความคิดตรึกตรองอันละเอียดรอบคอบมาถึงเป็นคนสุดท้าย เขาผลักบานเหล็กเบื้องหน้า ทันทีที่ประตูซึ่งขวางกั้นท้องฟ้าโปร่งเหนือดาดฟ้ากับบันไดอันมืดทึบและอับเสียงในตัวอาคารเปิดออก อากาศข้นคลั่กด้วยกระแสลมอื้ออึงก็ทะลักเข้ามา

    5.

    เมื่อความอิ่มแทนที่กระเพาะว่างเปล่าก่อนหน้า และความอยากอาหารลดน้อยลง เทมาริจึงวางตะเกียบบนสำรับขณะสามียกชาขึ้นจิบ หลังเขาวางมันลงกับโต๊ะเธอจึงรินน้ำชาเติมใส่ถ้วยเขาซึ่งพร่องไปบ้างไม่น้อย เสียงน้ำอุ่นๆ ไหลกระทบผิวชาสีเขียวที่ละลายขึ้นมาเติมเต็มน้ำอันเจือจาง กลิ่นเซนฉะออกขมลอยแตะจมูกแต่ก็ทำให้รู้สึกโปร่งโล่ง ไอขาวๆ ลอยจับตัวก่อนเลือนหายอย่างรวดเร็วพอๆ กับสายลมฤดูร้อน รอบด้านภายในร้านอาหารกลางย่านการค้าโคโนะฮะงาคุเระใต้การทำหน้าที่ของเที่ยงวันอันอึกทึก ไม่ว่าร้านรวงไหนๆ ต่างก็คึกคักจอแจด้วยผู้คนซึ่งสวนทางพลุกพล่านยามมองผ่านออกไปทางประตูและรอยตัดผ้าโนเรนสีน้ำเงินที่พลิ้วแรงลมเอื่อย บรรยากาศในร้านซึ่งโครงประกอบโดยมากคือไม้เจือปนความมีชีวิตชีวาของกระแสการดำเนินชีวิต เสียงถ้วยจานกระทบกันคล้ายเครื่องดนตรี การสนทนาประจำวันดังอื้ออึง อาหารแต่ละจานที่มีควันหอมฉุยถูกวางลงบนโต๊ะก่อนตามมาด้วยเสียงหักตะเกียบ ลูกมือบริการง่วนอยู่กับการจดจำรายการที่สั่ง บ้างก็ส่งเสียงต้อนรับลูกค้าซึ่งทยอยมาฝากท้องกับอาหารกลางวันดีๆ สักมื้อ เจ้าของร้านหน้าเคาน์เตอร์โปะข้าวขาวสำรับใหญ่ใส่ถ้วย ควันจากหม้อข้าวที่หุงสุกส่งกลิ่นอายความร้อนออกมา ข้างๆ เป็นปลาคามาสุอบเกลือจนเหลืองกรอบพร้อมสลัดมะเขือเทศย่างช่ำน้ำหากยังทิ้งรอยเกรียมไว้ เทมปุระทอดน้ำมันส่งเสียงหฤหรรษ์เหมือนทงคัตสึที่โปะบนชามปากกว้าง

                ในคราแรกเทมาริเสนอตัวจะเตรียมมื้อกลางวันขณะผู้เป็นสามีจัดการใบไม้ที่เกลื่อนกลาดทั่วสวน แต่เธอไม่อาจยืนยันแข็งขันสู้อีกฝ่ายได้ดังนั้นจึงออกปากจะเตรียมข้าวกล่องสำหรับไปข้างนอกแทน ทว่าบางครั้งผู้หญิงคนเดียวที่มีสิทธิขาดต่อผู้ชายบ้านนาราก็ไม่อาจชนะ เธอมักใจอ่อนกับคนที่รักอยู่แล้ว ชิกามารุต้องการให้ภรรยาได้พักผ่อนจริงๆ ท้ายสุดข้อสรุปตรงกันของทั้งสองคือการทานอาหารในร้านซึ่งเคยแวะเวียนมาประจำตั้งแต่สมัยก่อน หญิงสาวลุกขึ้นพร้อมสามีหลังพบมติเห็นพ้องว่ามื้ออาหารนี้ได้เสร็จสิ้นลงเรียบร้อย มือใหญ่ๆ อันมั่นคงกอบกุมมือภรรยาจนหมดดุจเดียวกับอ้อมกอดที่คอยปกป้อง เขาเดินนำหน้าเพื่อคลี่คลายเส้นทางก่อนดึงร่างสะโอดสะองไปตามระยะห่างระหว่างโต๊ะที่ไม่เบียดเสียดหรือคับแคบ

    ท่อนแขนแข็งแรงเลื่อนขึ้นมาโอบหลังภรรยาไปข้างหน้าพลางย้ายฝั่งมายืนอีกข้างของเจ้าหล่อน หลังออกสู่พื้นที่ซึ่งพอจะโล่งอยู่บ้าง ชิกามารุปล่อยให้เธอยืนปราศรัยกับเจ้าของร้านที่กล่าวทักทายไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบขณะเขาชำระค่าอาหารหน้าเคาน์เตอร์ – “วันนี้เดทเหรอจ้ะ” เทมาริหัวเราะ รอยยิ้มร่าเริงประหนึ่งดอกไม้ต้องลม คลี่บานบนริมฝีปากอวบอิ่ม ร่างบางระหงคล้องแขนสามีแทนคำตอบรับเมื่อคู่สนทนาเย้าแหย่มา เธอเห็นว่าอีกฝ่ายพูดถูกต้องทีเดียว วันนี้คือเดทเรื่อยเฉื่อยกับผู้ชายขี้เบื่อ สามีจอมเหนื่อยหน่ายที่รู้วิธีทำให้เธอมีความสุข

    “อาหารอร่อยมากค่ะ” ด้วยมารยาทที่คนภายนอกมักมองว่าไว้ตัวและเย่อหยิ่ง หากความจริงเธอได้รับการอบรมอย่างดีนอกเหนือความมั่นใจในตัวเอง ความแข็งกร้าวและตรงไปตรงมา เทมาริโค้งให้หญิงเจ้าของร้านเล็กน้อยเชิงล่ำลาก่อนจะออกจากร้าน กลมกลืนสู่ผู้คนที่สัญจรหนาตา ชิกามารุเลื่อนประตูปิด วงกบลากผ่านรางไม้ดังครืดแล้วกระทบขอบอีกด้าน ช่วงถนนที่ทอดตัวยาวประกอบด้วยการเคลื่อนไหวอันพลุกพล่าน ร้านรวงสองฝากฝั่งมีเสียงจอแจ เสียงต้อนรับลูกค้าเข้าออกดังตลอดไม่มีขาด มันคือความวุ่นวายที่บ่งบอกถึงความมีชีวิตชีวา ความสนุกสนานของการใช้ชีวิต ถึงจะเศร้าหรือผิดหวังหากยังคงยินดีต่อความโชคดีในการมีอยู่ของตน นารา เทมาริมองดวงอาทิตย์ผ่านช่องที่ถูกบีบลงของท้องฟ้าเหนือตัวอาคารขนาบข้าง มันเริ่มเคลื่อนคล้อยลงต่ำ ซ่อนรัศมีจัดจ้าใต้ละอองปุกปุยหลังกลีบเมฆ

    “ไปที่ไหนกันดี เธออยากไปไหน” ท่ามกลางถนนอันคึกคักซึ่งเชื่อมตรอกซอกซอยตัดกันตามผังที่ออกแบบมาอย่างเป็นระเบียบของหมู่บ้านซึ่งซ่อนเร้นใต้เงาไม้ นำผู้คนเข้ามาหรือส่งกลับไปรับผิดชอบภาระหน้าที่ของตน อีกฝ่ายก้มถามด้วยสายตาอ่อนโยนแฝงลูกเล่นที่ปิดเธอไม่ได้ เทมาริดึงจมูกคนตัวสูงพลางแกว่งมือเขาเล็กน้อย ต้นแขนแนบชิดกันทำให้เจ้าของดวงตาสีอ่อนเอียงศีรษะมาหาเรือนผมสีบลอนด์คล้ายเงี่ยหูรอสดับฟังคำตอบ แม้จะรู้ดีอยู่แล้วก็ตาม หญิงสาวมักเลือกสวนพฤกษศาสตร์หรือไม่ก็ป่าตระกูลนารา ณ เวิ้งที่มีไม้ดอกปกคลุมเหมือนห้องนั่งเล่นปูพืชพรมสีหวานกลางพฤกษา เธอโปรดปรานการเดินเล่น แถมยังชื่นชอบพวกดอกไม้และบรรดาพืชพรรณร่มรื่นสีเขียวๆ ที่ใช้เวลาเพลิดเพลินกับมันได้ตลอดทั้งวันหากว่างมากพอ ตั้งแต่สมัยก่อนเขาจึงเลือกจะพักผ่อนด้วยการติดตามคุโนะอิจิแห่งทะเลทรายซึ่งเดินชมสวนเป็นส่วนใหญ่ จากนั้นค่อยนั่งลงข้างๆ กันเพื่อหยุดพักมองเมฆลอยเอื่อยอย่างที่เขาทำเป็นนิสัย วันหยุดอันเรียบง่าย กิจกรรมซึ่งชิกามารุมักหยอกเย้าผู้หญิงของเขาว่าน่าเบื่อไม่เคยถึงคราวสิ้นสุด จนเดี๋ยวนี้เขาก็ยังพอใจจะทำมัน

    “ถ้าตามใจกันแล้ว ก็ห้ามบ่นว่าเบื่อ” มือเรียวสวยชูนิ้วชี้ขึ้นเหมือนจะย้ำเตือน คนเป็นสามีกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย นารา ชิกามารุคิดถึงการใช้เวลาทั้งหมดร่วมกันนับแต่ได้รู้จักสายลมฉ่ำเย็นซึ่งคอยโอบอุ้มเขาเอาไว้นี้ เธอที่เคยเป็นทั้งเพื่อนหญิง แฟนสาวจนกลายมาเป็นภรรยาและแม่ของลูกทำให้ชิกามารุเชื่อเสมอว่าตนเองโชคดี ไม่มีผู้ชายคนไหนจะมีความสุขไปกว่าเขาอีก

    นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองผ่านท้องฟ้าที่หากไม่มีตัวอาคารทั้งสองฝั่งเรียงรายก็จะกว้างอย่างไม่สามารถหยั่งจุดสิ้นสุดแม้มีเส้นขอบฟ้าคอยกะเกณฑ์อยู่ ลมพัดมาคล้ายจะเกลี่ยเมฆเป็นระลอกคลื่น เทมาริปัดผมที่ละลงมาเคลียหน้าผาก หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรต่อหากดึงมือเขาไปตามถนนซึ่งจะนำสู่จุดมุ่งหมายของวันนี้ เธอกอดแขนสามีที่มุ่งหน้ายังทิศทางเดียวกับก้อนสำลีลอยลมเหนือห้วงนภาอันสงบนิ่ง แสงอาทิตย์ช่วงต้นบ่ายหลังหมดเที่ยงวันแต้มสีขาวให้ปุยนุ่นกึ่งกลางเวหาซึ่งจับตัวเหมือนทะเลอากาศเด่นชัดมากกว่าเดิม วิหคถลาเหนือชายคาขณะแมวตัวอ้วนนอนเหยียดยาวใต้เงาร่ม เพิกเฉยต่อการดำเนินไปของเหล่ามนุษย์ เธอกับเขาเดินผ่านถนนเส้นนี้นับไม่ถ้วน ทุกจำนวนครั้งที่เพิ่ม ย่นย่อระยะห่างระหว่างพวกเราลงเสมอ ครั้งแรกนั้น ชิกามารุปล่อยให้คุโนะอิจิต่างหมู่บ้านอย่างเธอเดินรั้งท้าย และจบด้วยการทำเธอหลง – ตลกจริงจริง หลายสิ่งนับแต่วันที่คลาดกันนั่นไม่ได้เปลี่ยนมากนัก เมื่อเดินห่างออกมาจากถนนสายหลักอันคลาคลั่ง สิ่งปลูกสร้างก็เริ่มกลายเป็นต้นไม้สูง แผ่กิ่งก้านเขียวชอุ่มเกินครึ่งหนึ่งของทางเดิน คันดินข้างทางก่อด้วยหิน ดอกฮางิเบ่งบานตามซอกหลืบพลางโอนเอนยามสิ่งรอบตัวเคลื่อนไหว

    เสียงคึกคักไกลออกไปเมื่อหลุดจากย่านอันพลุกพล่านจนเหลือเพียงความเงียบสงบของท้องนภากับคนทั้งคู่ที่เดินเคียงกันไม่ห่าง ตั้งแต่วันนั้นหลังพลัดหลงอย่างน่าขัน ชายหนุ่มก็ไม่เคยไม่อยู่ข้างๆ หญิงสาวอีกเลย “นี่กินไอติมมั้ย” – ตอนเดินขึ้นทางลาดต่ำๆ ที่มีใบไม้แห้งประปราย ชิกามารุก็ถามขึ้นพลางชี้ให้เห็นร้านขายของตรงหัวมุมเนินใต้กิ่งอิโจที่โน้มตัวบัง “เอาสิ ซื้อการิการิคุงมาแบ่งกันเถอะ” เธอพยักหน้าเห็นด้วยจึงเร่งฝีเท้าอย่างร่าเริง พาคนในอ้อมแขนที่เสนอความคิดมาหยุดยืนหน้าร้าน เครื่องหยอดเหรียญซึ่งต้องหมุนเพื่อกดลูกอมมีสนิทเกาะทว่าเหมือนจะยังใช้งานได้ดี กระดิ่งลมห้อยระย้าเต็มคานดังระรัว รั้วไม้ไผ่สานกันลวกๆ กั้นพุ่มไม้หนาซึ่งมีกิ่งแพลมออกมาล้อมติดกำแพงร้านเล็กๆ ที่สร้างจากไม้ ดูเก่าแก่หลายอายุคน หญิงชราพร้อมยูคาตะถือพัดต้อนรับด้วยรอยยิ้มเหี่ยวย่น ตู้เย็นตั้งพื้นปักหลักข้างเครื่องหมุนขนมเก่าๆ เถาใบหลิวโยงใยเหนือหลังคาละแผ่นฝ้าและเรือนผมสีบลอนด์ มือหนาเลื่อนเปิดก่อนสองสามีภรรยาจะเลือกไอศกรีมบนตู้แช่เย็นอย่างกระตือรือร้น สตรีสูงวัยมองคนทั้งคู่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก “สนิทสนมกันจังเลยนะ” เทมาริยิ้มน้อยๆ ตอบรับคำชมเปรยๆ แล้วกล่าวขอบคุณโดยมารยาท

    ความเย็นของห่อไอศกรีมทำให้มือชาเมื่อต้องสัมผัสโดนมันนานๆ หญิงสาวผละจากสามีมาหน้าร้านที่มีดอกอาซางาโอะเลื้อยบนกระถางทอดยาวถึงบานหน้าต่าง ร่างสะโอดสะองยอบตัวลงนั่งย่อเข่า มองลูกกวาดสีสวยในโหลแก้วเหนือเครื่องหยอดเหรียญขณะผู้ร่วมทางที่กำลังจะเลี้ยงขนมเธอยืนรอเงินทอน ตอนเทมาริเปิดกระเป๋าจะหยิบสตางค์เพราะอดใจจะหมุนลูกอมตรงหน้าไม่ได้ เขาก็เดินออกมาพร้อมเหรียญเงินเหมือนรู้ใจกัน ชิกามารุก้มตัวมาหยอดมันใส่ช่องแบนๆ ก่อนจะหมุนปุ่มฝืดๆ ที่สนิมจับตามเข็มนาฬิกากืดกืด“เอามือรองไว้สิ” เธอปฏิบัติตามนั้น หลังเสียงกึก ลูกอมหลากสีสันในห่อใสๆ ก็ร่วงเต็มสองมือจนต้องเผลอยิ้ม

    รอยยิ้มนี่ไม่ว่าเมื่อไหร่มักสะกดสายตาเขาให้เข้าหาเสมอ เธอดีใจง่ายๆ กับเรื่องธรรมดาๆ บางเรื่อง เพราะแบบนั้นมันถึงเป็นตัวดึงดูด ท้าทายแถมยังล่อใจให้เขาเฝ้าติดตามว่าจะทำให้เจ้าหล่อนดีใจได้กับอะไรบ้าง จนสุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ทั้งลุ่มหลงและรักเธอเสียมากมาย เทมาริลุกขึ้นยืน เดินขึ้นเนินย่อมๆ อีกระดับซึ่งลาดชันพร้อมผู้ร่วมทางหน้าตาย เธอรับไอศกรีมมาเก็บ ตอนเทลูกกวาดใส่กระเป๋าชิกามารุก็แอบฉกเอาไปหลายเม็ดเหมือนเด็กชายขี้แกล้ง ชายหนุ่มคลี่ห่อลูกอมออก แสร้งตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้“ถ้าไม่กินไอติมก่อน ไอติมจะละลายนะ” ทั้งที่เตือนสามีเช่นนั้นแต่หญิงสาวก็หยิบลูกกวาดที่เขาแกะมาอมหน้าตาเฉย ดวงตาสีเขียวครามหยีเล็กยามหัวเราะร่าขณะคนโดนแย่งทำหน้าหมันเขี้ยว เธอรู้จักใบหน้านั้นของเขาถึงอ่านความเคลื่อนไหวขาด ร่างระหงเอี้ยวตัวหนีเงื้อมมือซึ่งหมายจะมาจับแก้มขาวนวลเนียน ทว่าก็หลบไม่พ้น ปลายนิ้วที่มาสัมผัสเย็นเฉียบเนื่องจากถือห่อไอศกรีมไว้ตลอด ไอเยือกแข็งในรูปควันจางๆ ละลายสู่อากาศช่วงบ่าย ชิกามารุดึงแก้มภรรยาเพื่อเอาคืน หากเทมาริที่รู้สึกได้ชนะไปแล้วแค่เพียงฉีกยิ้มกว้าง เธอคว้าแขนคนตรงหน้ากลับพลางคลอนศีรษะล้อเลียน

    แต่นั่นคือก่อนที่ชายหนุ่มจะโขกหน้าผากลงมาเขกหัวคนตัวเล็กกว่าแล้วได้ของแถมเป็นหมัดเล็กๆ ฝีมือสาวเจ้าถอกเข้าที่สีข้างเบาๆ เชิงทำโทษ

    หญิงสาวหนีขึ้นไปบนเนินพลางก้มตัวลงยิ้มยั่วเย้า ท้าทายสามีผู้ซึ่งเดินตามมาติดๆ จากด้านล่าง เธอล่อหลอกเขาด้วยการแกะห่อไอศกรีมในมือ เจ้าแท่งสีฟ้ามีเกล็ดน้ำแข็งละเอียดเกาะ ไอเย็นห่อหุ้มโดยรอบเหมือนกลิ่นอายของฤดูร้อนที่ยังหลงเหลืออยู่ เทมาริหักมันทว่าไม่ได้แบ่งอีกครึ่งหนึ่งให้คนตรงหน้า หากพึงใจจะลิ้มรสส่วนของตนเองทีละน้อย – “หวานจัง-” ริมฝีปากอวบอิ่มแดงเรื่อเพราะความเย็น เธอคิดว่ากำลังจะชนะอยู่แล้วเชียว ถ้าชั่วลมหายใจเดียวถัดแต่นั้น ชิกามารุไม่รุกคืบเข้ามาจนเธอต้องถอยหลังหนีอย่างผงะแบบไม่มีโอกาสได้ทันตั้งตัว ท่ามกลางเสี้ยววินาทีที่เทมาริยังคงนิ่งงัน หลังกิ่งอิโจซึ่งโน้มหาพื้นคล้ายพยายามปกมือมีชีวิตเหนือผืนดินและพราวระยับเป็นประกายวิบวับจากแสงแดดที่ตกกระทบ เขาก็แตะริมฝีปากลงมาผ่านๆ ดุจสัมผัสอันบางเบาที่นุ่มละมุนราวกับขนนกแทนการให้เกียรติทั้งยังทะนุถนอมจนดวงตาคู่สวยต้องหลุบต่ำ “อืม หวานจริงๆ ด้วย” ชายหนุ่มพึมพำหน้าตาเฉย เขาก้มลงงับไอศกรีมอีกครึ่งจากมือภรรยาไปถือ

    หลังรวบรวมสติได้ครบถ้วนสมบูรณ์หญิงสาวถึงค่อยผลักร่างสามีให้พ้นจากตัว “ไม่คุยด้วยแล้ว ทำอะไรประเจิดประเจ้อ”ร่างบางระหงเดินทิ้งห่างออกมาขณะอีกฝ่ายก้าวตามอย่างไม่ทุกข์ร้อน ทุกอณูร่างกายสัมผัสถึงสายลมที่หอบผ่าน ยอดไม้สูงละลิ่วเหนือสุดขอบสายตาพัดไหว ผืนหญ้าเหนือคันดินทอดใบลู่ตามลมเช่นเดียวกับดอกไม้ที่กระจายตัวเป็นย่อมๆ ทั้งใต้โคนต้นสูงสง่าซึ่งยืนยามหนักแน่นตลอดทางเดิน กระทั่งสีเขียวของพื้นเรียบเตียน ชิกามารุเด็ดช่อคอสมอสพลางหมุนก้านอันเรียวลีบเล่นก่อนเร่งฝีเท้าจนเท่าทันภรรยาที่แสร้งรุดหน้าไม่สนใจกัน นัยน์ตาสีเขียวครามมองไม้ดอกกลีบบางซึ่งถูกยื่นมาตรงหน้า แท้จริงแล้วตัวเองไม่ได้โกรธจริงจังอะไรพอแกล้งตีหน้าเฉยมองมันนานๆ เข้าจึงเผลอหลุดยิ้มและรับไว้ในที่สุด เทมาริย่นไหล่หัวเราะ เห็นดังนั้นชายหนุ่มเลยรีบคว้ามือเธอมาเกาะกุมไม่ยอมปล่อย เงาของคนทั้งคู่ลื่นไหลไปตามพื้นไม่สม่ำเสมอยามพวกเขาก้าวขึ้นบันไดสูง ภาพท้องฟ้าซึ่งค่อยๆ โผล่พ้นขอบขั้นสุดท้ายโปร่งแสงคล้ายรังสรรค์โดยปลายพู่กันชุ่มสีครามที่ซับลงบนผืนนภาซึ่งซึมสีสันนั้นราวกับกระดาษกำลังโดนน้ำละลายกร่อนช้าๆ ฝากร่องรอยอันเจือจาง

    ที่ปลายสุดของขั้นบันไดยังพื้นราบเรียบ ความรับรู้แรกคือกลิ่นดอกคินโมคุเซที่ลอยแตะจมูก ดอกสีเหลืองทองกระจิดริดเบ่งบานเต็มต้นทั้งยังขจรขจายกลีบดอกดุจควันอบของเครื่องหอม ทัศนียภาพอันกรุ่นกลิ่นดอกไม้ซึ่งเคล้าอยู่ในอากาศหอมหวานนี้ มากด้วยพืชพรรณและไม้ยืนต้นสูง เหล่าใบประดับสั่นไหวจนเงาที่สาดทับเบื้องล่างคลอนแคลนไม่อยู่นิ่ง กระรอกไต่ผ่านจากกิ่งหนึ่งไปอีกกิ่งในอาณาบริเวณใกล้กันอย่างรวดเร็ว สัตว์ขี้อายหลบใต้ร่มไม้ อาศัยเรือนยอดที่แสงอาทิตย์ส่องผ่านตามรอยปรุระยิบระยับต่างหลังคา ทางเดินลัดเวียนมีต้นไม้ฝังรากลึกกระจัดกระจายทั่ว แทงลำต้นตระหง่านแผ่แขนงก้านท้าสู้ห้วงนภา พุ่มประดับบนสวนหินแบบญี่ปุ่นได้รับการตัดแต่งจนคล้ายประหนึ่งก้อนไหมพรมสีเขียว โทนสีเทาขมุกขมัวของก้อนศิลาเกลี้ยงเกลาตัดกับกออายาเมะซึ่งม่วงดุจเดียวกับอเมทิสต์ หากดอกคิคุกลับกลายเป็นจุดเด่น มันแต่งแต้มสวนด้วยกลีบที่พับซ้อนกันแน่นอย่างประณีต เบ่งบานเหนือพื้นดินจนการงอกเงยนี่ไม่ผิดเพี้ยนจากการปูผืนกำมะหยี่

    ดอกไม้นานาชนิดโดดเด่นไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน พวกมันต่างยื้อแย่งกระแสลมเพื่อโยกเอนไปมาประหนึ่งจะทักทายคนทั้งคู่ที่เดินผ่าน ทิวทัศน์บนสวนนี้ร่มรื่นสบายตา เทมาริสูดลมหายใจ รับเอาอากาศสดชื่นเข้าปอด แม้ความปลอดโปร่งอันบริสุทธิ์จะต่างจากกลิ่นอายในป่าของตระกูลที่สะอาดและฉ่ำด้วยธรรมชาติ แต่ก็ยังไม่ละทิ้งความรู้สึกดีเช่นที่แมกไม้จะสามารถมอบให้ได้ลง หญิงสาวหยุดยืนหน้าระเบียงซึ่งเปิดโล่งสู่ด้านล่าง สุดชายขอบผาตัดเตี้ยๆ ประกอบทางลาดกับเนินหลายลูกที่หมุนวนขึ้นมายังสวนชั้นลอยอำนวยให้เห็นโคโนะฮะงาคุเระซึ่งซ่อนเร้นอยู่ใต้เงาไม้และบ้านเรือนที่เรียงรายแถบชานหมู่บ้าน หากก็ยังไม่ถึงเศษส่วนครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดเพราะสถานที่นี้ไม่สูงมากมายนัก มีเพียงหลังคากับกลุ่มไม้เขียวขจีก่อนสีแดงของฤดูใบไม้ร่วงจะเข้ามาผลัดเปลี่ยนมันเท่านั้นที่แสดงแก่สายตา สายลมท่ามกลางบรรยากาศสงัดเงียบเป็นดังเสียงเพลงเบาๆ ชวนหลับใหล วิหคคลอทำนองยามโบยบินผ่าน ชิกามารุหันหลังพิงรั้วระเบียงที่เตี้ยแค่เอว พินิจมองท้องฟ้าเหนือยอดไม้ก่อนจะดึงมือภรรยาไปนั่งเหนือเก้าอี้ไม้ตัวยาว เขาเกลี่ยผมสีบลอนด์ละเอียดของเธอซึ่งละลงมาด้วยความรักใคร่ที่ปราศจากการเอื้อนเอ่ย

    “นี่มื้อเย็นอยากกินอะไร วันนี้มันฝรั่งลดราคาด้วย ถ้าแวะซื้อตอนขากลับก็ทำนิขุจากะที่ไม่ได้ทำตั้งนานแล้วได้ อยากกินไม่ใช่เหรอ” กลับเป็นฝ่ายภรรยาที่กล่าวขึ้นเองโดยความเอาใจใส่ซึ่งไม่จำเป็นต้องพูดว่ารัก ในทุกมื้ออาหารก็ช่วยบอกแทนอยู่แล้ว เธอพิงศีรษะลงบนไหล่กว้าง รอรับคำตอบจากสามีและคอยสดับตรับฟังสำเนียงของธรรมชาติที่ประสานเสียงกัน – “ไม่ต้องทำหรอก วันนี้กินข้าวนอกบ้าน เพราะงั้นเธอนั่นแหละที่ต้องเลือกว่าจะกินอะไร ไม่ใช่ฉัน” ชิกามารุตอบขณะเธอเล่นมือเขาขยุกขยิก หญิงสาวคิดว่าแค่อายุเพิ่มมาหนึ่งปีไม่เห็นต้องทำอะไรพิเศษกว่าวันอื่น หากกระนั้นเธอก็ดีใจที่เขาให้ความสำคัญ แม้หญิงสาวจะไม่ใส่ใจนักเวลาถึงวันเกิดตน แต่เมื่อถึงคราวอีกฝ่าย เธอกลับปฏิบัติเช่นเดียวกับเขาอย่างดีที่สุด

    “ให้คิดตอนนี้ก็คิดไม่ค่อยจะออกหรอก” ลูกอมถูกหยิบออกจากระเป๋า เทมาริคลี่ห่อใสๆ แล้วป้อนใส่ปากคนข้างๆ ที่ยื่นหน้ามาใกล้ แต่ทำอย่างไรความหวานของมันก็ไม่อาจเท่าเทียมริมฝีปากรสไอศกรีมเมื่อครู่ก่อนนี้ – “ไปรอลูกที่บ้านแล้วถามเขาดีกว่า ชิกาไดอยากกินอะไรก็อันนั้นแหละ” เธอเอียงคอ แหงนมองสามีขณะพักอิงเหนือไหล่ของเขาซึ่งจ้องกลับมาราวกับกำลังค้นหาคำตอบ เพราะดวงหน้าสวยคมนั้นไม่ได้แสดงอาการครุ่นคิด เธอแค่ตอบง่ายๆ คล้ายการเปรยว่าอากาศเย็นสบายในฤดูใบไม้ผลิ บางทีเขาอาจผิดเองที่รักเจ้าหล่อนมากเกินไปจนเธอชินชาต่อคำว่าพิเศษและมีความสุขต่อวิถีทางอันเรียบง่ายเป็นทุนเดิม ช่วยไม่ได้นะ ก็เขาทำให้เธอมีความสุขอยู่แล้วทุกวันนี่ ชิกามารุเก็บซ่อนความพึงพอใจ อีกทั้งความรู้สึกดี เขายิ้มจางๆ ตามประสาชายผู้นิ่งเฉย ตั้งใจฟังภรรยาที่ตื่นตระหนกเล็กน้อยหลังเพิ่งระลึกถึงบางสิ่ง “จริงสิ” เธอมีเสียงกระจ่าง “เกือบลืมแน่ะ วันนี้ต้องแวะไปหอจดหมาย พวกที่ปรึกษาซึนะส่งรูปดูตัวของกาอาระมาให้พิจารณาน่ะนะ อาจจะนานหน่อย ฉันว่าฉันไปจัดการตอนขากลับนี่ดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา ตอนค่ำๆ ค่อยออกมาหาอะไรกิน” ดวงตาสีเขียวครามอันสุกใสช้อนขึ้นมองจากช่วงไหล่คล้ายคำสั่งการอันเด็ดขาด เธอเรียบเรียงความคิดแล้วพูดพร้อมกันไปอย่างไหลลื่น “ไว้เจอกันที่บ้าน” หญิงสาวเบือนหน้าไปยังท้องนภาที่ตั้งตระหง่าน วิหคเล่นลมหยอกล้ออยู่กับคลื่นสีขาวของปุยเมฆหลากหลายรูปทรงสุดแล้วแต่จะจินตนาการ ชายหนุ่มก้มลงมา

    เขาจูบผมเธอ “อยู่ที่นี่ต่ออีกหน่อยเถอะ ไม่ต้องรีบหรอก”

    6.

    กลิ่นของดอกไม้กำจายออกมาตอนเด็กชายทั้งสองเดินใกล้ถึงจุดหมาย อิโนะจินใช้ดอกหญ้าล่อแมวที่นอนอยู่ริมรั้วอย่างเบิกบานขณะจอมขี้เบื่อหมดไฟตัวน้อยเดินทอดน่องอย่างเรื่อยเฉื่อย มองเพื่อนสนิทอุ้มเจ้าตัวอวบอ้วนขนปุยขึ้นมากอดด้วยความสนิทสนม เจ้าแมวร่างเหยียดยาวทำหน้าหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์นักและพยายามตะกายขึ้นไปเกาะบนไหล่ทายาทตระกูลยามานากะก่อนกระโจนหนีขึ้นไปบนกำแพง บุตรชายบ้านยามานากะยอมแพ้ หันมาริเริ่มบทสนทนากับเพื่อนร่วมทางที่บอกว่าจะแวะบ้านเขาแล้วค่อยตรงกลับบ้าน อิโนะจินเลยเข้าใจในทันทีว่าชิกาไดกำลังต้องการดอกไม้ ทายาทตระกูลนาราสืบเท้าตามถนนที่มีผู้คนประปรายพลางคิดทบทวนสิ่งที่จะกระทำ เขาอยากเอาชนะผู้เป็นพ่อ หลังชั้นเรียนเลิกได้ไม่เท่าไหร่จึงเลือกจะตรงดิ่งยังย่านการค้าพร้อมยามานากะ อิโนะจินซึ่งใช้เส้นทางนี้เป็นทุนเดิม เด็กชายบ้านนาราเริ่มวางหมากตาต่อ ถ้าพ่อมักทำให้แม่ยิ้มเสมอๆ เขาก็ทำได้ไม่ต่างกัน แค่คิดว่ามารดาจะดีใจอย่างไรกับของขวัญก็ตื่นเต้น กระตือรือร้น แทบจะอดใจไม่ไว้ทีเดียว

    ฝีเท้าของคนทั้งคู่หยุดลงหน้าร้านดอกไม้ยามานากะ กระถางไม้หลายขนาดมีช่อดอกไม้อัดแน่นอยู่เต็ม ทั้งชนิดที่มีกลีบดอกบางหรือซ้อนหนาต่างก็อวดโฉมสะพรั่ง ดอกกุหลาบตูมถูกห่อกระดาษขาวๆ ไว้เพื่อระวังไม่ให้บานก่อนส่งถึงมือผู้รับ ดอกสุมิเระยื่นโครงก้านน้ำตาลขึ้นเป็นกอหนาตัดกับดอกม่วงๆ กระจิดริดที่แซมทั่วกิ่ง ข้างๆ มีรินโดสีขาวซึ่งโน้มจนเกือบแตะพื้น สีสันหลากหลายที่ไม่อาจจำแนกสายพันธุ์ได้หมดกระจุกตัวเป็นพุ่มสุมกอทั่วทั้งร้าน – “กลับมาแล้วครับ-” เสียงกระดิ่งทองเหลืองดังเสนาะ อิโนะจินกล่าวออกมาตอนก้าวผ่านประตู ชิกาไดเองก็พูดขึ้นแทบจะพร้อมเพรียง “รบกวนด้วยนะครับ” เด็กชายบ้านนาราก้มศีรษะให้คุณป้าอิโนะที่ยิ้มต้อนรับอย่างประหลาดใจเล็กน้อย เขาถูกอบรมจากมารดาอย่างดีในฐานะทายาทบ้านใหญ่ตระกูลนารา บุตรชายในบ้านหลักของตระกูล ผู้สืบทอดสายตรงเช่นที่พ่อเขาเคยเป็นมาก่อน อิโนะจินเองก็เช่นกัน บุตรชายบ้านยามานากะสุภาพและมารยาทดี

    “อ้าวชิกาได ยินดีต้อนรับจ้ะ นึกว่านัดกันมานะเนี่ย” ทีแรกเด็กชายที่ถูกเรียกไม่เข้าใจว่าคุณป้าอิโนะหมายถึงอะไร แต่เมื่อนัยน์ตากลมได้เห็นบิดายืนอยู่ด้านในสุดของร้านก็ทราบได้โดยพลัน ใบหน้าที่คล้ายคลึงกันไม่ผิดเพี้ยนของทั้งสองฝ่ายออกอาการหน่ายเซ็งขึ้นมา อะไรจะใจตรงกันขนาดนี้ ยามานากะ อิโนะอดขันไม่ได้ ดวงหน้าสะสวยยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีพลางเขย่าหัวบุตรชายที่โค้งศีรษะให้แขกผู้มาเยือนแล้วขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ทิ้งให้ภายในร้านเหลือเพียงเธอกับสองพ่อลูกคู่เซ็งซึ่งยังไม่ยอมจับมือเป็นพันธมิตรแม้จะเลือกของขวัญชิ้นเดียวกันอยู่

    ชิกาไดทักทายผู้เป็นบิดา แต่หันเหไปเลือกดอกไม้อีกทางไม่ได้เพราะสิ่งที่ต้องการอยู่ฝั่งเดียวกับพ่อ เขาเริ่มลืมเรื่องแข่งขัน เมื่อสุดท้ายแล้ว อย่างไรเสียเป้าหมายร่วมกันก็คือทำให้แม่มีความสุข อิโนะท้าวคางเหนือเคาน์เตอร์มองรูปการเบื้องหน้า แม้ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แต่ก็ยังตลกพ่อลูกคู่เซ็งที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็เข้าขากันได้ทุกที เธอพยายามคะเนว่าครั้งนี้จะแสร้งทำทีไม่ถูกกันอีกนานแค่ไหนทั้งที่สนิทสนมกันออกปานนั้น

    ก่อนหน้าชิกาไดตัวน้อยจะมาถึงร้านพร้อมบุตรชายเธอ หัวหน้าโจนินแห่งโคโนะฮะก็ยืนครุ่นคิดได้สักพักแล้ว ชิกามารุ เพื่อนสนิทจอมเหนื่อยหน่ายบอกว่าเพิ่งผละกับภรรยาที่จะแวะไปทำธุระหลังเดินเล่นด้วยกันเสร็จ เย็นนี้มีนัดมื้อค่ำ และก็อย่างเคย ดอกไม้สวยๆ แบบที่เทมาริซังชอบ อิโนะนึกถึงการพบกันโดยบังเอิญของสองพ่อลูกซึ่งเหมือนกันทุกกระเบียดก็ยิ่งนึกขันในหลายสิ่งที่ถอดแบบกันมาอย่างคล้ายคลึงระหว่างจอมขี้เบื่อหมดไฟทั้งสองรุ่น เธอเริ่มแนะนำดอกไม้บางชนิดให้เลือกแบบผ่านๆ เพราะทราบดีว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจ – “คาร์เนชั่นนี่เพิ่งมาใหม่เลยนะ มีสีฟ้าด้วย นานๆ ทีจะมาสักที มีใครสนใจมั้ย” ตะกร้าที่บรรจุกลีบดอกบางซึ่งธรรมชาติบรรจงพับมันซ้อนกันเกี่ยวอยู่บนแขนหญิงสาวรูปร่างเพรียวบาง ยามานากะ อิโนะประคองกลีบเลี้ยงพร้อมปักก้านลงบนแจกันเหนือเคาน์เตอร์ราวกับคำกล่าวเมื่อครู่แค่คำแนะนำทั่วๆ ไปไม่ตกใต้การพิจารณา เนื่องจากรู้ดีว่าต่อให้มีดอกไม้นับพันบานสล้างอยู่เบื้องหน้า ผู้ชายบ้านนาราก็จะเลือกเพียงชนิดที่คิดว่าพิเศษสุดสำหรับผู้หญิงของพวกเขาเท่านั้น

    ซึ่งอิโนะก็ไม่ผิดเลย ข้อเสนอของเธอถูกปฏิเสธโดยนาราคนพ่อ “เดี๋ยวพวกเราตัดสินใจกันก่อน” – เธอหันไปพยักหน้าส่งๆ ชิกามารุคลอนหัวบุตรชายที่ยอมจำนนอย่างเสียไม่ได้ ก็เช่นนี้ตลอด ฝ่ายคนลูกต้องยอมแพ้กลายๆ ทั้งที่วางแผนหวังเอาชนะเสียมุ่งมั่น บางทีชิกาไดก็แค่เอาแต่ใจแบบเด็กๆ อิจฉาบิดาที่ชอบแกล้งยึดแม่ไว้คนเดียว ความอยากจะเอาชนะซึ่งแทบจะไม่มีอยู่ตั้งแต่แรก เนื่องจากโดยมากคือการเอาแต่ใจตามประสาเด็กน้อย ระเหยหายเมื่อบิดาวางมือใหญ่ๆ บนศีรษะพลางขยี้อย่างรักใคร่ดั่งเคย เขาโวยวายนิดหน่อยก่อนปล่อยให้จับมือ ถ้าใจตรงกับพ่อเรื่องของขวัญแล้ว เห็นทีคงต้องสมานฉันท์ เพราะอย่างไรก็คงมีตัวเลือกเป็นดอกไม้ชนิดเดียว บ่อยครั้งความที่นิสัยหลายประการเหมือนกันมากเกินไปจึงเปิดสงครามย่อมๆ แข่งขันได้ไม่นาน ก็ลงเอยด้วยการทำสิ่งที่ชอบร่วมกัน อย่างนอนเรื่อยเฉื่อยมองดูเมฆเคลื่อนคล้อย ปฏิบัติตามถ้อยประกาศิตของผู้หญิงบ้านนาราและเอาอกเอาใจ หรือเล่นสนุกจนโดนดุ เด็กชายหยิบบรรดาดอกอาจิไซสีอ่อนซึ่งเกาะกลุ่มกันเป็นพุ่ม ดูเหมือนการแข่งขันระหว่างสองพ่อลูกจะถึงคราวยุติ “เอาอันนี้ใช่ไหมล่ะครับ”

    แม้ปราศจากคำตอบรับ มีเพียงการผงกศีรษะง่ายๆ เด็กชายบ้านนาราก็รู้ผลลัพธ์ของการตัดสินใจดีอยู่แล้ว ชิกาไดช่วยบิดาผู้ให้กำเนิดเลือกอาจิไซสีอ่อนซึ่งกำลังบานเต็มที่จากกระถางไม้มารวบไว้ในมือ มันชูกิ่งอวดความงามแบบไร้ซึ่งความบอบบางแต่กลับอ่อนหวานเหลือเกิน ชิกามารุรับช่อดอกอาจิไซที่บุตรชายกอดอยู่ส่งต่อให้อิโนะ พลางกำกับอย่างเคย “ห่อให้ด้วยล่ะ”

    มันถูกบรรจงจัดและห่อกระดาษอย่างพิถีพิถัน ทั้งสีม่วงขาว ฟ้าอ่อนและสีชมพูเรื่อๆ ของอาจิไซกลมกลืนกันอย่างลงตัวเมื่อนำมารวมเป็นช่อ พุ่มกลีบเล็กๆ ที่ได้รูปเรียงตัวสวยสลับแซมสีเขียวของใบไม้ ชิกาไดคิดว่ามันเป็นของขวัญชิ้นเยี่ยม พ่อเคยเล่าให้เขาฟังว่านี่เป็นดอกไม้ชนิดแรกที่ซื้อให้แม่ แม้เจ้าดอกสีขาวกลีบบางราวกับกระดาษในป่าของตระกูลจะเป็นดอกไม้ดอกแรกที่พ่อให้แม่ก็ตาม แต่เขารู้ว่าบิดาต้องการเก็บมันไว้บนผืนป่าเช่นเดียวกับการรักษาความทรงจำไว้ในใจอย่างดี พ่อชอบมอบให้แม่เฉพาะเวลาเข้าไปด้วยกัน คล้ายเพื่อคิดถึงเรื่องราวที่พวกเขาร่วมแบ่งปัน หรือระลึกภาพความจำเก่าๆ ทว่ากระนั้น บางครั้งหลังฝึกวิชากับเขาเสร็จ ผู้เป็นพ่อก็ไม่ลืมที่จะหยิบไม้ดอกแสนบอบบางนั่นติดมือกลับบ้าน แล้วแม่ก็จะจัดมันใส่แจกันอีกวันถัดมา ชิกาไดไม่สงสัยว่ามารดาจะดีใจหรือไม่กับของขวัญชิ้นนี้ เด็กชายสบตาผู้เป็นบิดาขณะยิ้มแบบที่พ่อชอบบอกว่าเขาได้มาจากแม่

    7.

                ดวงอาทิตย์ในยามเย็นช่างแจ่มชัด มันเป็นลูกกลมๆ แดงเรื่ออยู่ริมขอบฟ้า ฉาบทับอาณาบริเวณนั้นให้ปรากฏเป็นสีทองอมส้มคล้ายสุดปลายขอบนภากำลังแผดเผาตัวมันเองทีละนิด สีชมพูด้วยแสงตกกระทบซึมตามแผ่นฟ้าซึ่งเริ่มถูกความมืดอันพร่าเลือนคลี่คลุมเหมือนแอ่งน้ำขังไหลบนพื้นโคลนขรุขระ มันฟุ้งกลืนกันจนกลายเป็นโทนสีใหม่ เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวครามเปลี่ยนผ่านความสนใจลงขณะเลี้ยวตรงหัวมุมถนน เงายืดยาวที่พื้นเคียงคู่กับร่มไม้ยืนต้นสูงเหนือคันดินซึ่งสะบัดใบเสียดสีกันแผ่วๆ เธอคล้องกระเป๋าไว้ในแขนพลางตรวจสอบสิ่งของข้างในว่ายังครบถ้วนดีหลังเสร็จธุระ ครั้นเงยหน้าขึ้นจึงตกใจเล็กน้อยเมื่อร่างเยาว์วัยของบุตรชายวิ่งเข้ามาหา นารา เทมาริประหลาดใจยามเห็นลูกชายที่ควรจะกลับถึงบ้านนานแล้วกำลังทำหน้าตาย แต่แค่เธออ่านสีหน้าก็รู้ทันทีว่าแอบซ่อนลูกเล่นไม่แพ้ผู้เป็นพ่อไว้ หญิงสาวตั้งท่าจะถามหากเงยหน้าเจอสามียืนไขว่หลังเต็มความสูงเพื่ออำพรางบางอย่างไว้ไม่ห่างกันนัก ข้อแถลงไขเดียวต่อรูปการณ์นี้คงไม่พ้นสองพ่อลูกร่วมกันวางแผนอะไรขึ้นอีกแน่ เทมาริทอดมองบุตรชายอย่างอ่อนโยนเมื่อลูกชายตัวน้อยกอดเธอแน่นพลางกล่าวเสียงอู้อี้เพราะซุกหน้าลงมาอย่างเขินอาย “สุขสันต์วันเกิดนะครับ”

                “แหมอะไรกัน” ความจริงคือเทมาริเป็นปลื้มไม่น้อยกับคำอวยพรจากลูกชายที่แอบขี้อ้อน ชิกาไดรู้สึกดีเมื่อมารดาลูบศีรษะอย่างนุ่มนวล หลังซื้อดอกไม้เสร็จ พ่อก็เสนอว่าให้มาดักรอแม่ระหว่างทางกลับบ้าน แล้วก็สำเร็จเพราะสุดท้ายก็สร้างความประหลาดใจให้แม่ได้ มือนุ่มนิ่มของผู้เป็นมารดาจับจูงบุตรชายคนเดียวไว้ขณะสามีก้าวเข้ามาใกล้ ช่อดอกไม้ถูกยื่นออกมาข้างหน้าโดยไม่เปิดโอกาสให้ทันตั้งตัว “สุขสันต์วันเกิดครับ” ผู้ชายบ้านนารากล่าวแก่ผู้หญิงของพวกเขา สีสันอันอ่อนหวานของอาจิไซงามสะพรั่ง เทมาริอ้าปากคล้ายอยากจะเอื้อนเอ่ยบางสิ่งหากนิ่งงันไปชั่วครู่ ดวงตาคู่สวยตื่นตกใจแค่เพียงเสี้ยวหัวใจเต้นจังหวะเดียว ก่อนความรู้สึกที่ทั้งสามีและลูกอยากจะส่งผ่านจะกำซาบเข้าสู่หัวใจของเธอจนเอ่อล้นเต็มบรรยากาศ ใบหน้าสวยคมมีแต่ร่องรอยแห่งความนุ่มนวลและรักที่แสนอ่อนโยน

                สายลมพัดโชยมาจนกลีบดอกขยับคล้ายจะกล่าวอวยพรด้วยเช่นกัน หญิงสาวรับช่อดอกไม้จากผู้เป็นสามีมากอดแนบอกราวกับมันนำความปรารถนาดีทั้งมวลซึมซาบบนหัวใจเธอด้วย เทมาริเขย่งตัว เอียงคอหอมแก้มคู่ชีวิตก่อนก้มลงจุมพิตหน้าผากบุตรชายแทนคำขอบคุณและความรักใคร่

                “พ่อเขาให้เลือกแล้วใช่ไหม คิดออกหรือยังว่าจะกินอะไร” ร่างเพรียวระหงก้มถามบุตรชายที่พยักหน้าเชิงตอบรับ “งั้นนำหน้าไปเลย” เทมาริเอ่ยอย่างนิ่มนวลพลางจูงลูกชายตัวน้อยไปตามทางเดิน เจ้าบ้านตระกูลนาราจับมืออีกข้างของผู้เป็นทายาทซึ่งบ่นอุบอิบว่าตนไม่ใช่เด็กแล้ว แสงสุดท้ายแห่งวันลากลงมาก่อนดวงอาทิตย์จะถูกเส้นขอบฟ้าซ่อนเร้น ท้องนภาเป็นทะเลสีชมพูอมม่วง เงาของทั้งสามที่จับจูงกันทอดยาวไปบนพื้น

     

     




     

    つづく.

     

    ………………………………………………………………………………....................


    (16/01/16) สวัสดีค่ะ ขอมัดจำพาร์ทของชิกามารุไว้ก่อนนะคะ
    คงจะเปิดตอนใหม่ให้เพราะตอนนี้มันยาวไปแล้ว แต่จะลงเมื่อไหร่ไม่มีวันที่แน่นอนค่ะ (ฮา)
    ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่คอยติดตามกันไม่ไปไหนนะคะ ซาบซึ้งใจที่สุดเลย ; /// u /// ;)


    อนึ่ง - ตอนนี้ฟิคนี้มีแฮชแท็คให้เล่นหนุกๆ ด้วย ติดแฮชแท็ค #ฟิคนี้มีเมฆมาก
    ได้ทั้งทาง Fb และทวิตเตอร์ จะใช้เพื่อจุดประสงค์ใดก็ตามจิตศรัทธาเลยค่ะ
    ทั้งข่มขู่ทวงฟิค ตามติดข่าวสาร พูดคุยหรือติชมได้ทั้งนั้นตามสะดวก (ฮา)
    - และแจ้งอีกครั้งสำหรับท่านที่ยังไม่ทราบ ตอนนี้ใช้เพจใหม่อยู่นะคะ (จิ้ม)
    อันไลค์เพจเก่าไปได้เลยค่ะ เพราะมันใช้ไม่ได้แล่ว ; u ;


    ………………………………………………………………………………....................





      
     

                 ... 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×