คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : 09 | Beyond the Horizon - One Thousand Fathoms.
IX.
She takes me to deep water.
ถ้าจะมีใครสักคนที่คุณยอมสละให้ได้ทุกอย่างโดยไม่เสียเวลาคิด
คนๆ นั้นคงเป็นคนที่มีค่าต่อคุณอย่างมาก และคุณก็จะไม่ถือว่านั่นเป็น
การเสียสละด้วยซ้ำ เพราะเธอสมควรได้รับทุกสิ่งที่เป็นของคุณไปอยู่แล้ว
อย่าคิดว่ามันไร้สาระสิ คุณจะยอมให้เธอทุกอย่างแน่นอนทีเดียว
ถ้าเธอเริ่มด้วยการเอาหัวใจของคุณไป
1.
หน้ากากของหน่วยลับแห่งโคโนะฮะงาคุเระเป็นเหมือนกระเบื้องเคลือบอันวิจิตรเรียบลื่นที่เย็นเยียบปราศจากความรู้สึกใดเสมอเหมือนกัน ผู้สวมหน้ากากเหล่านั้นกำลังกระโจนก้าวผ่านไม้ยืนต้นสูงซึ่งผลัดใบร่วงหล่นจนเหลือเพียงกิ่งก้านเปล่าโล้นประหนึ่งโครงกระดูกสีน้ำตาลถูกปักลงบนทุ่งความตายที่ขาวโพลนด้วยหิมะ เกล็ดน้ำแข็งเนื้อละเอียดแผ่อำนาจปกคลุมทั่วผืนแผ่นดินออกไปเกินกว่าตราบเท่าที่สายตาสามารถมองเห็น หิมะบนกิ่งไม้ร่วงปุลงพื้น ท้องฟ้ามีสีสล้างปราศจากเมฆและดวงอาทิตย์ก็ดูซีดเซียว แต่แม้แสงซึ่งเคยเจิดจ้าเมื่อฤดูกาลก่อนๆ จะออมตัวเองอยู่หลังนภาสีขาวอมฟ้า หากยังคงสะท้อนปุยนุ่มเหนือพื้นให้ขาวกระจ่างอย่างไม่มีอะไรลดทอนได้
ระยะทางหดสั้นลงเรื่อยๆ เมื่อเหล่าอันบุเคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วที่ส่งเสียงเสียดอากาศ นอกจากทุกอย่างจะแข่งกับเวลา รอยเท้าหรือร่องรอยใดที่บ่งชี้ว่าเส้นทางนี้เคยถูกรุกล้ำก็ต้องไม่หลงเหลือบนผืนหิมะ หน่วยลับกลุ่มย่อยผู้ปกปิดตัวเองใต้หน้ากากด้านชากับความเก่งกาจ รวมถึงความจงรักภักดีแต่เพียงโฮคาเงะและโคโนะฮะไต่ระดับผ่านต้นไม้อายุหลายวงปีซึ่งยังหลงเหลือใบแคระแกร็นที่มีเกล็ดน้ำแข็งเกาะจนขาว แช่แข็งให้มันคงค้างอยู่อย่างนั้น แทบไม่หลงเหลือกลิ่นอายของชีวิต
เมื่อสัปดาห์ก่อน หิมะโรยรายหนาตาได้ส่งพวกเขาออกจากหมู่บ้านเพื่อปฏิบัติภารกิจมอบหมายตามคำสั่งโฮคาเงะรุ่นที่ห้า และตอนนี้เมื่อภารกิจสำเร็จ สิ่งที่รอรับการกลับมาอยู่เบื้องหน้าคือทุ่งสีขาวกับน้ำค้างแข็งซึ่งปูพื้น ปกคลุมกิ่งไม้จนเป็นละอองละเอียดหนานุ่ม อันบุแห่งโคโนะฮะงาคุเระดีดตัวผ่านป่าทึบ ต้นไม้เก่าแก่ยืนยามแน่นขนัด ไม้บางต้นที่สลัดใบเหลือเพียงสีน้ำตาลเปลือยเปล่าเรียงรายเว้นช่วงอย่างสลับซับซ้อนไร้กฎเกณฑ์ กิ่งก้านพาดตัวทับกันบ้างก็แผ่ขยายบริเวณจับจองอาณาเขตที่กั้นระหว่างผืนฟ้าและแผ่นดิน ดวงตาหลายคู่หลังหน้ากากทะมึนทึงมองตรงแน่วแน่ ประเมินทัศนวิสัยเปิดโล่งซึ่งเอื้ออำนวยต่อจุดประสงค์สำคัญอย่างพินิจพิเคราะห์ หน่วยลับที่เพิ่งบุกรังอสรพิษกำลังครอบครองข้อมูลร้อนๆ ซึ่งหากถือไม่ดีก็จะเผาไหม้ตัวเองด้วยเช่นกัน คำสั่งเดียวจากท่านหญิงซึนาเดะเป็นการตรวจสอบเค้ามูลความจริงแรกที่รับมา หลังงูร้าย – โอโรจิมารุ ผู้เคยก่อชนวนสร้างความวุ่นวาย ทิ้งความเสียหายเหลือคณานับให้แก่หมู่บ้านในคราก่อน – ฝังเขี้ยวรัดเหยื่อจากไปนั่นเอง
ครึ่งปีแล้วนับจากการสอบจูนินครั้งล่าสุด คลื่นใต้น้ำถึงค่อยปรากฏเหนือผิวธารที่เพิ่งกลับมาเงียบสงบได้ไม่นาน โคโนะฮะงาคุเระซึ่งต้องการรีดพิษงูมาแต่เดิมจึงลงมือตะครุบข่าวความเคลื่อนไหวนั้นทันที เหล่านินจาผู้สวมหน้ากากออกล่าและก็จับสมุนงูตัวจ้อยบางตัวไว้อยู่หมัด ขณะนี้พวกเขากำลังเคลื่อนตัวสวนทางกระแสลมที่หอบอื้อหวังรายงานความสำเร็จโดยเร็ว เหยี่ยวตัวใหญ่บินลงโฉบกระรอกขึ้นไปใต้ผืนนภาซีดเผือด กรงเล็บแหลมจิกเนื้อไม่ปล่อย กระรอกผู้ตกเป็นเหยื่อจึงปล่อยลูกสนในมือร่วงหล่นกระทบพื้นหิมะเวลาเดียวกับที่เสียงพูดอันเมามายแว่วผ่านโสตประสาท ส่งผลให้อันบุหน่วยย่อยหยุดชะงักพลางแตะเท้าพักบนกิ่งก้านมั่นคง เผชิญหน้าเจ้าของน้ำเสียงเจืออำนาจนั่น โฮคาเงะแห่งโคโนะฮะ
“โฮ่ยรีบร้อนกันมาเชียวนะ รออยู่นานแล้วล่ะ หลงทางกันรึไง”
กลิ่นแอลกอฮอล์กำจายอยู่รอบตัวสตรีผู้รั้งตำแหน่งสูงสุดของหมู่บ้านซึ่งเอนร่างพิงต้นไม้ใหญ่เหนือกิ่งไม้หนาระหว่างทางที่หน่วยลับภายใต้ปกครองรีบเร่งผ่าน ท่านหญิงแห่งเซ็นจุส่งเสียงไม่พอใจในลำคอขณะเหล่าอันบุคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนกิ่งก้านอันแข็งแรงตรงข้ามกัน เธอไม่เคยชอบยามหน้ากากอันเย็นชืดจ้องมองกลับมา ใบหน้าเย็นยะเยือกเหล่านั้นคล้ายจะแสยะยิ้ม ลวดลายสีแดงทำให้มันเหมือนกำลังดื่มกินโลหิต ซึนาเดะฮิเมะ เซียนพนันมือหนึ่งยกขวดเหล้าขึ้นดื่มด้วยท่าทีห้าวหาญไม่เกรงกลัวดังที่มักแสดงออก ก่อนจะปาดริมฝีปากอวบอิ่มราวกับได้ผลักไสอารมณ์รักสนุก กล้าได้กล้าเสียทิ้งไปแล้วดึงความน่ากริ่งเกรงเช่นโฮคาเงะให้แผ่อิทธิพลปกคลุมทั่วบริเวณ ความกดดันทางดวงตาสีอำพันมิต่างอะไรจากนัยน์ตาทรงอำนาจของนางจิ้งจอกที่บีบให้กลุ่มคนตรงหน้าศิโรราบ
ความหนาวบันดาลให้ลมหายใจเป็นไอขุ่นขาว ผู้สืบทอดเงาไฟกรอกแอลกอฮอล์ร้อนผ่าวลงลำคอต้านทานสภาพอากาศเย็นยะเยือก ลมที่หวีดร้องโหยหวนผ่านทุ่งหิมะฟังดูโหวงเหวงเหมือนกลั่นด้วยความเศร้า ก่อนออกดำเนินภารกิจ นาเมะคุจิ ซึนาเดะส่งทากมาประกบอันบุกลุ่มนี้เพื่อช่วยเหลือด้านการแพทย์และส่งสัญญาณ ดังนั้นตอนคัทสึยุ สัตว์อัญเชิญประจำตัวท่านหญิงซึนาเดะโผล่ขึ้นบนไหล่ชายผู้สวมหน้ากากแห่งหน่วยลับประหนึ่งจะยืนยันว่าหญิงสาวทรงโตตรงหน้าคือผู้ครองตำแหน่งโฮคาเงะ เหล่าอันบุที่เร่งรีบก็คลายท่าทีลงทันที ทั้งสองฝ่ายต่างเผยจักระเพื่อแสดงตัวตนและยามจักระข้นคลั่กจากซึนาเดะฮิเมะเอ่อล้นขึ้น ทุกคนก็ยอมสยบ มันรับรองทั้งหมดได้โดยสมบูรณ์ นกฮูกห้อยหัวลงจากกิ่งไม้เบื้องบน ดวงตาลุกโพลงม่านตารี่เล็ก
“ยืนยันข่าวการแทรกแซงเรียบร้อยครับ อีกฝ่ายไม่ระบุลักษณะแต่เป็นหนึ่งในพวกมันไม่ผิดแน่ เป้าหมายของมันท่านคงพอเดาได้แต่ผมมั่นใจว่าไม่ได้มีแค่อย่างเดียว… มันได้อุจิวะคนสุดท้ายของเราไปก็คงยากจะหยุดความเหิมเกริม” เมื่อสถานะของสตรีตรงหน้าชัดเจนรายงานเร่งด่วนก็ถูกถ่ายทอดทันที ท่านหญิงซึนาเดะปล่อยข้อมูลลื่นไหลผ่านโสตประสาทด้วยใบหน้าที่ไม่แปรเปลี่ยนแม้เพียงเสี้ยวเดียว มันเป็นดังที่ประมวลผลไว้ไม่บิดเบือนเลยแม้แต่น้อย
“เฮอะ” สตรีผู้ชำนาญวิชาแพทย์ส่งเสียงสูงขึ้นจมูก
การสูญเสียอุจิวะผู้เหลือรอดจากโศกนาฏกรรมเกิดใต้จมูกเธอ ดังนั้นซึนาเดะจึงถือว่ามันเป็นความรับผิดชอบหนึ่งของตน ผลพวงซึ่งตามมาเพราะต้นเหตุนั่นก็ด้วย นับตั้งแต่โอโรจิมารุได้ตัวอุจิวะ ซาสึเกะ ความเคลื่อนไหวก็กลืนหายเข้าไปในอนธกาลอย่างแยบคาย ถึงจะพยายามติดตามความคืบหน้าหรือสิ่งไม่ชอบมาพากลทั้งมวลที่อาจเกิดขึ้นโดยวิเคราะห์จากข้อเท็จจริงแวดล้อมมาตลอดหลายเดือนหลังอุจิวะคนสุดท้ายเลือกเดินเข้าสู่วิถีทางอันมืดหม่นแล้วก็ไม่มีสิ่งใดคืบหน้าขึ้นมา ทุกอย่างชะงักงันเหมือนติดกลางกับดักวงกตจำนวนมาก ทั้งที่ขณะนั้นกงล้อสำหรับแผนการอันแยบยลของอีกฝ่ายเริ่มหมุนรับกับฝันเฝืองไม่หยุด โคโนะฮะงาคุเระกลับวิ่งหลงทิศจับทางไม่ถูก ไม่เห็นปัจจัยชี้นำหรือทางออกอันสมควร
แต่คลื่นตีรวนใต้น้ำหรือคือแผนการของโอโรจิมารุซึ่งค่อยๆ ถักทอประดุจบทเพลงยืดยาวที่บรรเลงอย่างราบรื่นระหว่างโคโนะฮะหลงทาง หลอกท่านหญิงแห่งเซ็นจุไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง จิไรยะหนึ่งในซังนินผู้ออกเดินทางร่วมกับบุตรชายแห่งโฮคาเงะรุ่นที่สี่นำข้อมูลรั่วไหลจากแหล่งข่าวเครือข่ายนอกรีตมาเสนอก่อนกล่าวลาไปเพียงชั่วคราวเพื่อถ่ายทอดวิชาให้ลูกศิษย์คนใหม่ทั้งยังคุ้มครองอุซึมากิ นารุโตะจากอาคัทสึกิ องค์กรที่มีประวัติพร้อมตัวตนคลุมเครือควบคู่กัน เมื่อนั้นนกสื่อสารจึงโผบิน เหล่าอันบุซึ่งขึ้นตรงต่อสตรีผู้ดำรงตำแหน่งโฮคาเงะถูกคำสั่งเรียกตัวมายังหอข่าวทันที และรายงานข้อมูลนี่คือผลตอบแทนของภารกิจที่มอบหมายให้แก่หน่วยลับใต้สังกัดครั้งนั้น “หมายตาช่วงสอบจูนินอีกแล้วงั้นเหรอสงสัยจะหมดมุก หมอนั่นคร่ำครึชะมัด…”
โกะไดเมะ โฮคาเงะรุ่นที่ห้ายิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย หัวเราะงึมงำด้วยใบหน้าแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์สุรา หาได้มีหน่วยลับคนไหนคิดเห็นต่างจากนายเหนือ พวกเขาหยิ่งในศักดิ์ศรีของโคโนะฮะอยู่ตลอด ต่อให้ศัตรูซึ่งหมายจะปองร้ายมีแผนเช่นไรก็มิอาจสั่นคลอนความจริงที่ว่านินจาโคโนะฮะสามารถรับมือได้สมบูรณ์แบบมากเพียงไหน ท่านหญิงซึนาเดะวางขวดเหล้าพิงลำต้น หันตัวตรงพลางปราดมองหน่วยลับในปกครองด้วยความเชื่อมั่น “ช่างเถอะ ยังไงซะก็รู้เป้าหมายหลักของมัน ต่อให้มีแผนอะไรมาอีกทางเราก็มีมือดีคอยท่าอยู่ตั้งหลายคน นินจาโคโนะฮะไม่ไร้น้ำยาจนต้องกลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดขนาดนั้นหรอก”
“…โคเท็ตสึ อิสึโมะ” โจนินสองนายกระโดดลงมาจากยอดไม้ รวดเร็วจนไม่อาจประมาณโดยสายตาทัน หนึ่งในนั้นขานรับเคร่งครัดขณะโฮคาเงะเลียริมฝีปากใคร่ครวญ “นารา ชิกามารุเป็นเจ้าหน้าที่คุมสอบด้วยใช่ไหม” – พื้นด้านล่างปรากฏวัตถุไหวๆ นางจิ้งจอกกระโจนข้ามขอนไม้ที่มีละอองหิมะโรยอยู่บนเปลือกสีเข้มดุจผงน้ำตาล มันสอดส่ายสายตาหาอาหารมื้อกลางวันเยียวยาท้องหิวโซก่อนจะเตะขาหลัง พุ่งตัวไปข้างหน้า
2.
กระต่ายผละหนีอย่างตื่นๆ ตอนเงาร่างหลังพงไม้พุ่งตัวเข้าใส่ เหล่าวิหคแตกฮือสู่ผืนฟ้าซึ่งขาวแทบจะเป็นสีเดียวกับพื้นที่มีเกล็ดน้ำแข็งนุ่มละเอียดพอกตัวหนา หมาป่าเขตหนาว เจ้าของเงาปราดเปรียวเมื่อครู่อ้าปากอวดเขี้ยวสีขาวพร้อมเหงือกแดงๆ อันกระหายเลือดก่อนออกวิ่งอีกครั้ง ชิกามารุที่ติดตามมาจึงลดคุไนลงหลังพิจารณาแล้วว่านักล่าตัวนั้นกำลังจะหลุดจากเขตคุ้มครองซึ่งต้องสงวนไว้สำหรับกวางในความดูแลของตระกูล เขาหยุดยืนอยู่หน้าเวิ้งดอกไม้ที่บัดนี้กลายเป็นลานโล่งปกคลุมด้วยหิมะ
หมาป่าเทาหายลับไป ทิ้งเพียงอุ้งเท้าประทับไว้บนปุยหนานุ่ม เด็กหนุ่มเห็นดังนั้นก็ผ่อนลมหายใจอันขมุกขมัวออกมาผสานกับสภาพอากาศหนาวที่จับตัวอยู่โดยรอบ เขารวบรวมจักระบริเวณปลายเท้าก่อนปีนขึ้นไปยังเรือนยอดชั้นบนสุดของไม้ยืนต้นสูงด้วยความรวดเร็ว ดวงตาคมกริบสำรวจผืนป่ากว้างที่ถูกสีขาวและไอความเย็นรุกรานเหมือนกำลังแช่แข็งทุกสรรพสิ่งให้จำศีลเพื่อรอฤดูผันผ่านอย่างถ้วนถี่ คล้ายความทรงจำจะรู้หน้าที่ตัวเองดี เขานึกถึงเธออีกแล้ว ครั้งล่าสุดที่ชิกามารุมายังเวิ้งกว้างแห่งนี้มีผู้หญิงจากทะเลทรายคนหนึ่งอยู่ข้างๆ กัน ตอนนั้นเหมือนทั่วทั้งบริเวณจมลงสู่ความหอมหวานของฤดูใบไม้ผลิทั้งที่ฤดูใบไม้ร่วงเพิ่งเริ่มรังสรรค์เฉดสีอันร้อนแรงแต้มกิ่งไม้ใบหญ้า ทว่าเพียงชั่วเวลาไม่กี่เดือนทุกสิ่งดังกล่าวกลับเหลือเพียงความเงียบงันและกลิ่นอายฤดูหนาวซึ่งซึมลึกทุกอณูอากาศ
เด็กหนุ่มผู้มีอำนาจเต็มในป่าเนื้อที่มหาศาลแห่งนี้นั่งลงเหนือกิ่งไม้พลางเอนหลังอย่างสบายอารมณ์ ผืนนภากว้างเหมือนอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ ผืนฟ้าสะท้อนบนสีน้ำตาลอ่อนของนัยน์ตาเฉียบคม ทุกครั้งที่ห้วงความคิดพัดพาไปหาเธอ ชิกามารุจะมองท้องฟ้าดังที่หล่อนเคยบอกไว้ เขากับเทมาริยังคงมองสีครามเดียวกัน พอคิดเช่นนั้นก็มักจบลงด้วยความรู้สึกดีไม่ว่าวังวนความทรงจำจะทำงานอย่างไร ความอบอุ่นเอ่อล้นทั่วร่างแบบที่ความหนาวรอบด้านชืดชาไปโดยพลัน – “ฮึ่ย ปัทโธ่” มือจับศีรษะตัวเองคลอนอย่างแรงเมื่ออีกฝ่ายดูจะเข้ามายุ่มย่ามในหัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ ทายาทบ้านนาราเหม่อมองเส้นขอบฟ้า ไกลออกไปทางทิศนั้นคือซึนะงาคุเระ หมู่บ้านซึ่งซ่อนเร้นอยู่ใต้เงาทราย
“เมฆเนี่ยดีจริงๆ แหละน้า จะลอยไปไหนก็ได้” ถึงใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ก็มีแววผ่อนคลาย ดูอ่อนลงยามอยู่ต่อหน้าท้องนภาขาวสล้างอย่างที่เคยแสดงออกเหมือนตอนสายลมอันกราดเกรี้ยวพัดผ่านมาเมื่อหลายเดือนก่อน นารา ชิกามารุปล่อยให้ความทรงจำอ้อยอิ่งในหัวขณะนกส่งสารร่อนถลาเข้ามายังขอบเขตสายตา บินตัดผ่านฟ้าขุ่นขาว ตีปีกฉวัดเฉวียนพลางส่งเสียงร้องเล็กแหลมบ่งบอกการมาเยือนดังก้อง เสียงนั้นเล็ดลอดตามแต่ละกิ่งก้านสาขาของผืนป่า กระทบใบไม้เคลือบเกล็ดน้ำแข็งและกังวานสู่เทือกเขาซึ่งมีหิมะปกคลุมเหนือยอดกับหมอกขุ่นมัวที่ห่อหุ้มอย่างเปราะบาง
เห็นดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเปลี่ยนอิริยาบถสบายๆ กลับมาจริงจัง เอาการเอางาน นกสื่อสารที่เพิ่งปรากฏแก่สายตาไม่ต้องอาศัยการประมวลผล ชิกามารุก็รู้ความหมายดี คำสั่งเรียกตัวประจำหอข่าวโฮคาเงะติดปีกมาถึงนินจาผู้รับสาสน์โดยไม่ทราบต้นสายปลายเหตุเสมอ เป็นอย่างนี้จนเขายิ่งกว่าเคยชิน เวลาพักผ่อนอันสงบสุขค่อยๆ เลื่อนหลุดมือไปช้าๆ ขณะหน้าที่รับผิดชอบเคลื่อนเข้ามาครอบครองแทนที่
3.
หน้าต่างกระจกรอบห้องทรงกลมมีไอน้ำแข็งเกาะเป็นแผ่น ลามขึ้นจากแต่ละขอบส่งผลให้ภาพด้านนอกมึนมัวอยู่ใต้สีฟ้าซีด ไฟที่ส่องสว่างทั่วทั้งหมู่บ้านเพื่อต่อสู้กับบรรยากาศซึ่งเริ่มอึมครึมก่อนหิมะก่อตัวเหนือชั้นอากาศดูสลัวและฟุ้งเป็นไอ ทายาทตระกูลนาราผู้รีบรุดออกมาจากป่าของตระกูลก้าวผ่านประตูหลังได้รับถ้อยคำอนุญาต ก่อนหยุดยืนหน้าโต๊ะทำงานของสตรีที่รั้งตำแหน่งสูงสุดในหมู่บ้าน โกะไดเมะ ซึนาเดะฮิเมะเอนตัวพิงเก้าอี้หนังเงาวับพลางยิ้มแย้มเชิงต้อนรับแบบที่ไม่เคยหลอกชิกามารุได้ ยิ้มทำนองนั้นก่อเรื่องแน่นอน นักพนันชั้นเซียนอย่างท่านหญิงลองเล่นข้างไหนแล้วก็พินาศทุกราย เด็กหนุ่มมีสีหน้าระอาขณะโค้งน้อยๆ รออีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยธุระ
“นารา ชิกามารุรายงานตัวครับ” โฮคาเงะแห่งโคโนะฮะพยักหน้า รอยยิ้มมีเลศนัยยังคงค้างอยู่ เด็กหนุ่มผู้เผชิญยิ้มระรื่นนั่นจนเคยชินเริ่มทำหน้ารู้เท่าทัน โฮคาเงะรุ่นที่ห้าถึงหัวเราะอย่างถูกใจ นิ้วถูคางพยายามสรรหาแผนแกล้งใหม่ๆ เผื่อรอบหน้า
อุณหภูมิภายในห้องอุ่นมากทีเดียวเมื่อมีความหนาวเป็นตัวเร่งเร้า เขาจึงแทบหลงลืมฤดูเหมันต์ที่รุกรานอยู่นอกตัวอาคารไป หลายครั้งจนเริ่มนับไม่ถ้วนที่ชิกามารุเหยียบย่างเข้าห้องอันทรงเกียรตินี้แต่ครั้งหนึ่งก็ไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่ดี เป็นความจริงว่าครั้งหนึ่งดังที่กล่าวนั่นค่อนข้างคาบเกี่ยวไปทางอุจิวะ ซาสึเกะ เพื่อนร่วมรุ่นผู้เลือกเดินสู่ความมืด ซึ่งทำให้เขาเดินสู่เส้นทางที่ต้องเติบโตขึ้น สำหรับชิกามารุหลังภารกิจช่วงชิงเด็กหนุ่มเจ้าของวิชาเนตรเก่าแก่ล้มเหลว และการช่วยงานฝ่ายประสานงานจบลง โฮคาเงะก็เรียกตัวเขาเข้าพบเพื่อยับยั้งการแย่งชิงย่อมๆ ระหว่างทีมนินจาที่ต้องการเขา – จอมขี้เบื่อหมดไฟเข้าร่วมทีม เด็กหนุ่มบ้านนาราจึงต้องขึ้นตรงต่อโฮคาเงะรุ่นที่ห้าเพื่อยุติปัญหา นั่นเข้าทางท่านหญิงซึนาเดะโดยสมบูรณ์แบบ ซึนาเดะฮิเมะยิ่งมอบหมายภารกิจตึงมือมาให้พร้อมพูดทุกครั้งว่าจะได้สมกับมันสมองนั่น – ทั้งยังดูพอใจมากเสียด้วยกับการจ่ายภารกิจแต่ละรอบ
ยากจะปฏิเสธว่า เขาเป็นนินจาเพื่อให้ชีวิตสนุกสนานขึ้นบ้างแต่มันชักจะผาดโผนขึ้นทุกขณะ ชิกามารุได้ดังต้องการแบบไม่ได้ดังใจ
ตั้งแต่รับระดับขั้นจูนินก็แทบหลงลืมคำว่าน่าเบื่อไปเลย ไม่มีเวลาแม้แต่จะบ่นถ้อยคำติดปากอันเป็นนิสัยเนื่องจากมีเรื่องทำไม่หยุดหย่อน ชีวิต – ที่เริ่มไม่สงบสุขมาตั้งนานแล้ว – ของชิกามารุชักจะวุ่นวายไม่เว้นวัน ระยะหลังยิ่งหนักข้อเมื่อถูกโฮคาเงะจับตามอง เหตุเพราะตอนสิ้นสุดคำสั่งช่วยงานฝ่ายประสานงาน หนังสือขอตัวเขาเข้าร่วมหน่วยจากหลายฝ่ายก็ส่งตรงต่อสายตาของรุ่นที่ห้าเพื่อยื้อแย่งทายาทตระกูลนาราจอมเบื่อหน่ายหมดไฟกันออกนอกหน้าจนซึนาเดะฮิเมะหัวเราะลั่นต่อหน้าเขาที่กระอักกระอ่วน กลืนไม่เข้าคายไม่ออก การแก้ปัญหาของท่านหญิงแห่งเซ็นจุคือนารา ชิกามารุจะเป็นคนของโฮคาเงะ ท่านหญิงซึนาเดะจะมอบคำสั่งให้เขาสังกัดหน่วยไหน เวลาใดก็ขึ้นแต่เพียงดุลยพินิจของเธอตามความเหมาะสมกับสถานการณ์เท่านั้น
“ชิกามารุ ช่วงนี้เริ่มเตรียมการสอบกันแล้วใช่ไหม” ดวงตาของสตรีผู้ครอบครองตำแหน่งอันทรงเกียรติแพรวพราวอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม ชิกามารุที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นเสื้อแขนยาวสีดำกับเสื้อกั๊กสำหรับนินจาโคโนะฮะตัวเดิมพยักหน้าเคร่ง เด็กหนุ่มดูภูมิฐานและเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเก่าก่อน เรื่องซึ่งกำลังปรากฏบนการสนทนา มันเริ่มจากตรงที่โจนินคนหนึ่งมาทาบทามเขาผ่านทางอาสึม่า แล้วโฮคาเงะก็เกิดเห็นดีเห็นงามด้วย ฮากาเนะ โคเท็ตสึคือโจนินคนนั้น เขาจึงได้รับคำสั่งจากท่านรุ่นที่ห้าให้เข้าร่วมการคุมสอบจูนินที่กำลังจะมาถึง “สอบครั้งนี้ต้องรัดกุมเข้มงวดกว่าครั้งก่อนที่เจ้าโอโรจิมารุนั่นทำไว้แสบว่าไหม ไหนลองพูดความคิดที่ตั้งใจซ่อนไว้หลังใบหน้าหน่ายๆ นั่นหน่อยสิ บอกสิ่งที่คิดไว้แต่ไม่พูดออกมาหน่อย”
ดวงตาสีอ่อนของท่านหญิงเซ็นจุรอฟังสิ่งที่คนฉลาดแต่ไม่พูดพล่ามกล่าวออกมาอย่างจดจ้อง เด็กหนุ่มทำหน้าเนือยคล้ายจำยอมเพราะไม่ชอบแสดงความสามารถ หรือเปิดเผยมันต่อหน้าผู้ใดแบบชัดเจนนอกจากจะอยู่ในภาวะจำเป็น
“อย่างที่ท่านว่านอกจากรัดกุมแล้วยังต้องรอบคอบด้วยครับ เหมือนเดินหมากบนกระดานต้องวิเคราะห์ให้ดีว่าทุกตาที่เดินจะส่งผลต่อไปยังไง เพราะการสอบครั้งนี้มันส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ว่าจ้างและความมั่นคงของแว่นแคว้น โคโนะฮะกำลังโดนบททดสอบสำคัญอยู่ถ้าเราจัดการได้ดีก็จะเสมอตัว กลับเป็นหมู่บ้านทรงอำนาจและไม่มีใครกังขาเพราะเหตุการณ์ที่ฝ่ายโอโตะสร้างขึ้นอีก” – เด็กหนุ่มเว้นช่วง มาถึงตรงนี้ดวงตาคมกริบก็โชนแสงรุนแรงโดยอัตโนมัติ วาววับด้วยประกายคมกล้าเสมอสติปัญญา เหมือนมันออกมาจากส่วนลึกเหนือการควบคุมของเจ้าตัว “แต่อาจมีหมู่บ้านอื่นหวังทำลายความเชื่อถือเราโดยการอาศัยจังหวะนี้ก่อกวน สร้างความเสียหายเพื่อลิดรอนภาพลักษณ์ ในข้อหลังนี้ผมว่าเกิดขึ้นได้แน่ ทำอย่างนั้นอีกฝ่ายจะได้ผลประโยชน์ ตัดจำนวนคู่แข่งด้านการว่าจ้างภารกิจลง แถมยังสั่นคลอนฐานอำนาจของฮิโนะคุนิได้อีก พอหมู่บ้านเราเริ่มอ่อนแอก็สามารถลอบเข้าจัดการทีหลัง ผมจะบอกว่าสำหรับหมู่บ้านอื่น อาจยกเว้นซึนะ แผนนี้คุ้มค่าต่อการเสี่ยงน่าดูเลย”
การสอบจูนินครั้งใหม่ที่โคโนะฮะงาคุเระถูกแคว้นต่างๆ ลงมติมอบหมายให้จัดขึ้นเป็นการชิมลาง ทดลองประสิทธิภาพของหมู่บ้านอีกครั้ง หยั่งเชิงว่าจะสามารถแก้มือจากการเสียท่าให้แก่โอโตะงาคุเระ หมู่บ้านใต้บงการของโอโรจิมารุ รวมทั้งกำลังรบและความเข้มแข็งยังคงเหนียวแน่นสมบูรณ์อยู่หรือไม่ ซึ่งเป็นโจทย์ที่โคโนะฮะต้องตอบให้ตรงจุด ครอบคลุมทุกความคาดหวังจากหลายฝั่งฝ่ายให้สมกับการท้าทายในรูปการเมืองอันแนบเนียน ชิกามารุอ่านเกมขาดเหมือนนินจาโคโนะฮะคนอื่นๆ ที่ไม่ยอมถูกลูบคมกันง่ายๆ พร้อมจะแสดงศักยภาพให้ประจักษ์
“ขอบคุณที่หมู่บ้านอื่นไม่ได้ตัวเธอไป เขาว่าอะไรนะลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นใช่ไหม ชิกาคุพ่อของเธอก็ย้ำฉันคล้ายๆ แบบที่เธอบอกทุกครั้งที่เจอหน้ากันเลย”
เพราะแบบนี้ ตอนข่าวโอโรจิมารุยืนยัน ซึนาเดะฮิเมะจึงฉุกคิดถึงชื่อเด็กหนุ่มเป็นคนแรกและก็พึงพอใจเสียด้วย หลังวางเดิมพันครั้งภารกิจชิงตัวเจ้าเด็กอุจิวะ เธอก็ไม่รู้สึกผิดหวังแม้เป้าหมายจะล้มเหลว เด็กหนุ่มบ้านนาราพิสูจน์สติปัญญาที่สมกับถ้อยคำชมเชยมากมายจนเธอยอมรับว่าทุกคนชื่นชมได้ถูกต้องทุกประการแล้ว แต่ถ้าว่ากันตามจริงหากเก่งกาจ ฉลาดหลักแหลมอย่างเดียวเธอคงไม่เก็บมาสนใจ ทว่าทายาทตระกูลนาราคนนี้พิเศษ เขาสามารถยอมรับข้อผิดพลาดตัวเองแล้วนำมาปรับปรุงแก้ไข พัฒนาตนจนความสามารถต่อยอดอีกเรื่อยๆ เป็นคนรับฟังเช่นคนฉลาด เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ทั้งยังยืดหยุ่น พลิกแผลงสถานการณ์ทุกรูปแบบเก่ง ชิกามารุมีเกณฑ์ประเมินทางสมองสูงลิ่ว การตัดสินใจยอดเยี่ยม ถึงจะขี้รำคาญแต่จริงจังต่อหน้าที่รับผิดชอบมากกว่าใคร แถมนิสัยเบื่อหน่ายหมดไฟกลับช่วยให้เขาค่อยๆ สั่งสมความสุขุมเยือกเย็นเมื่อเด็กหนุ่มเริ่มละทิ้งคราบเด็กน้อยและเติบโตขึ้น
‘นี่แหละมือดีของฉันล่ะโอโรจิมารุ’ การเลือกใช้คนก็คือหน้าที่หนึ่งของโฮคาเงะ เธอขอส่งกุนซือจอมเบื่อหน่าย นักวางแผนมือหนึ่งลงสนามแก้มือหน่อยแล้วกัน หนุ่มน้อยคนนี้รับมืออยู่หมัดแน่นอน ซึนาเดะฮิเมะเริ่มเข้าประเด็นหลัก เด็กหนุ่มหน้าตึงเพราะไม่ชอบรับคำชมแต่ก็รีดหน้าราบเรียบได้เกินคาด หิมะด้านนอกโปรยปรายลงมาละลิ่วจนทุกส่วนเหนือภาคพื้นอัดแน่นด้วยละอองสีขาวพร่าตา “นารา ชิกามารุที่เรียกตัวมาวันนี้เพราะมีเรื่องให้ทำ ต่อจากนี้คือภารกิจทับซ้อนของเธอ… เรื่องซาสึเกะกับเจ้าอสรพิษนั่นมีความคืบหน้า หน่วยลับรับรองเองก็รับรองมาแล้ว เป้าหมายคือการสอบจูนินอย่างที่เธอวิเคราะห์ไว้ถูกต้องทีเดียว”
“ซาสึเกะงั้นเหรอครับ” รับฟังโดยไม่สูญเสียความเยือกเย็น หากทว่านามเดียวที่ถูกเอื้อนเอ่ยกลับเป็นเหมือนคลื่นสั่นคลอนเส้นเชือกในใจ
โฮคาเงะรุ่นที่ห้าพยักหน้า รู้ดีว่าสำหรับนินจารุ่นเดียวกับอุจิวะผู้เหลือรอด ทุกคนล้วนห่วงใยและมีปฏิกิริยาต่อคำว่าอุจิวะหรือกระทั่งชื่อซาสึเกะ ถ้าเด็กหนุ่มอุซึมากิร่วมรับฟังอยู่ด้วยกันคงพุ่งปราดมาหน้าโต๊ะเธอแน่แท้ แต่ชิกามารุเก็บงำอารมณ์เก่งทั้งนิสัยเบื่อหน่ายยังมีส่วนช่วยให้สุขุม “ใช่ซาสึเกะ ผ่านมาครึ่งปีแล้ว โอโรจิมารุมันเตรียมจะแทรกซึมการสอบจูนินด้วยจุดประสงค์บั่นทอนความเชื่อมั่นของโคโนะฮะ แต่ระดับมันคงมีอะไรแอบแฝงอีกเราไม่รู้ คงต้องรับมือรอดูเนื้อผ้าหน้างาน มันอาจจะไม่มาเองเพราะมันกำลังป่วย ฉันเคยถูกขอให้รักษา เพราะงั้นคงเป็นพวกลูกน้อง ดังนั้นถ้าโอกาสเหมาะให้จับลูกน้องมันได้ก็…”
“รีดข้อมูลตัวลูกน้อง เรื่องซาสึเกะ และถ้าเป็นไปได้ก็อาคัทสึกิหรือข้อมูลทุกอย่างที่เป็นประโยชน์กับเรา” สมแล้วที่เป็นนารา ชิกามารุ หัวไวใช้ได้ ท่านหญิงซึนาเดะมั่นใจขึ้นอีกที่เลือกมอบหมายภารกิจนี้ให้เด็กหนุ่มบ้านนารา เธอเลื่อนแฟ้มออกจากตัวเพื่อส่งต่อให้คนตรงหน้า ตอนชิกามารุขึ้นตรงต่อโฮคาเงะก็ได้เป็นหนึ่งในนินจาที่ควรรู้เรื่องอาคัทสึกิเหมือนเงาตามตำแหน่ง ฉะนั้นเด็กหนุ่มจึงนึกครอบคลุมถึงองค์กรลับซึ่งค่อยๆ หมุนวงล้อแผนการตัวเองหวังสั่นคลอนโลกนินจา หากไม่มีใครล่วงรู้รายละเอียดเกี่ยวกับกลุ่มนินจาถอนตัวจากแต่ละหมู่บ้านนี้เลยแม้เพียงนิด เว้นโอโรจิมารุ อดีตสมาชิกองค์กร ดังนั้นอาจคุ้มต่อการคาดเดาว่าเหล่าลูกน้องอสรพิษมีส่วนเกี่ยวพันด้วย ทว่าก็ยังเป็นแค่ข้ออนุมานหนึ่งที่ซึนาเดะค่อนข้างพึงพอใจ
“ใช่ข้อมูลทุกอย่างเลย เธอต้องแทรกซึมเข้าการสอบในฐานะเจ้าหน้าที่ซึ่งเธอเองก็เป็นอยู่แล้ว โคเท็ตสึกับอิสึโมะจะทำงานร่วมด้วย ใช้ดวงตาคมกริบกับสมองแหลมๆ นั่นตามหาลูกงู รีดพิษมันออกมาไม่ให้ลอบกัดหมู่บ้านได้… รายละเอียดของภารกิจอยู่ในแฟ้ม อ่านจบก็อย่างที่เธอรู้ ทำลายมันซะ” สิ้นคำสั่ง เงาร่างของเด็กหนุ่มก็กระโดดหายไปราวกับไม่เคยปรากฏการมีตัวตนมาก่อน ความอุ่นภายในห้องแผ่ซ่านขับไล่ความหนาวจนพ่ายแพ้ ท่านหญิงซึนาเดะรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถือไพ่เหนือกว่าเพราะการเลือกใช้คนอย่างไรก็เป็นความสามารถของผู้เป็นคาเงะ เมื่อเธอเลือกใช้ทายาทตระกูลนารา พวกอสรพิษก็เตรียมฝังตัวเองได้เลย
4.
เพราะไม่ค่อยคุ้นเคยกับอากาศหนาวเย็นเช่นที่โคโนะฮะงาคุเระประสบอยู่ในปัจจุบันทำให้เมื่อคืนวานเทมาริต้องปรับตัวเล็กน้อยตอนเดินทางมาถึง เธอได้รับการย้ำเตือนก่อนออกจากซึนะงาคุเระแล้วว่าหมู่บ้านพันธมิตรกำลังจำนนต่ออำนาจเหมันต์ และก็ไม่ผิดเลยเมื่อละอองสีขาวพร่างพลิ้วลอยลิ่วลงมาต้อนรับเธอกับน้องชายทั้งสองทันทีที่เหยียบย่างเข้าสู่อาณัติปกครองของหมู่บ้านซึ่งซ่อนเร้นอยู่ใต้เงาไม้ – อันที่จริงตอนนี้จะเรียกว่าซ่อนเร้นอยู่ใต้หิมะก็คงไม่ผิดนัก สภาพการณ์รอบด้านคลี่คลุมด้วยม่านหมอกสลัวประหนึ่งมีผ้าฝ้ายผืนบางกางกั้น ผืนฟ้าสีควันควบแน่นปุยขาวๆ ให้ร่วงหล่นช้าๆ แต่ปริมาณมากมายไม่ขาดสาย ยามตกกระทบพื้นก็ละลายหรือเพิ่มพื้นผิวแก่หิมะชั่วโมงก่อนหน้าที่เกลี่ยไว้ริมข้างทาง คุโนะอิจิแห่งทะเลทรายถูมือพลางเป่าลมหายใจซีดขาวละลายความเย็นที่จับปลายนิ้วแข็ง
กระบังหน้าผากสีเงินประทับสัญลักษณ์ประจำหมู่บ้านซึนะ บ่งบอกสถานภาพของหญิงสาวได้อย่างดี หากการเดินทางมาเยือนโคโนะฮะครั้งนี้หาใช่ด้วยเรื่องของการเป็นพันธมิตรซึ่งกัน เหตุผลเดียวที่จะมีนินจาจากหลายหมู่บ้านเดินกวักไขว่โดยไม่ผิดปกติวิสัยก็เพราะการสอบจูนินนั่นเอง เทมาริมาโคโนะฮะงาคุเระก็ด้วยสาเหตุเหมือนเช่นเกะนินคนอื่น เธอกำลังลงสอบคัดเลือกอีกครั้งเพื่อเลื่อนระดับขั้นหลังการสอบคราก่อนเป็นเพียงฟันเฟืองตัวหนึ่งของแผนการลอบโจมตีซึ่งถูกโอโตะหลอกใช้ ความสนใจที่เธอมีต่อตำแหน่งจูนินจึงตกตะกอนอยู่ข้างก้น แม้ทัวนาเม้นท์รอบสุดท้ายจะมีแรงกระตุ้นให้เธอพลิกกลับมาอยากจะเอาชนะจนเกือบลืมภารกิจตัวเองก็ตาม
นาคิมุชิคุงคือตัวแปรสำคัญนั้น
และก็มักเป็นตัวแปรอยู่ตลอด เรื่อยๆ มา หญิงสาวผู้มาจากทะเลทรายนึกถึงสีหน้าเหนื่อยหน่ายของคนๆ เดียวที่ทำให้เธอสนุก สงบ สบายใจทั้งยังรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด ตอนเอ่ยคำจากลาเมื่อหลายเดือนก่อน เพราะบอกเด็กหนุ่มไปแบบนั้น – เรายังคงมองท้องฟ้าเดียวกัน – เธอจึงมักมองท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว ทุกครั้งยามจับจ้องผืนนภาซึ่งปกปักษ์พื้นทรายกว้าง ความทรงจำที่มีร่วมกันกับนารา ชิกามารุขณะเธอพักอยู่โคโนะฮะก็อยากมีส่วนร่วมด้วยเสมอ มันค่อยๆ แจ่มชัดตามมาเสมือนเงา
คราใดที่คิดถึงเด็กหนุ่มขี้เบื่อหน้าตายกับเสียงเนือยๆ ติดจะรำคาญ ก็เหมือนความเป็นไปขณะนั้นยังคงอ้อยอิ่งอยู่รอบตัว ไม่เลือนหายไปไหน ความรู้สึกสนุก ผ่อนคลายที่ฝังแน่นตราตรึงก็เช่นกัน หลายเรื่องซึ่งเธอได้ประสบตอนมาเยือนโคโนะฮะงาคุเระครั้งก่อนล้วนแล้วแต่วนเวียนรอบๆ เด็กหนุ่ม ประหนึ่งชิกามารุเป็นจุดศูนย์กลาง สิ่งดีๆ อะไรที่เธอมีความสุขเกี่ยวข้องกับเขาทั้งสิ้น อันที่จริง เทมาริแอบหวิวโหวงในใจเมื่อการพักอยู่โคโนะฮะงาคุเระครั้งนี้จะปราศจากความดูแลของชิกามารุ ไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกว่างเปล่าแต่ถ้าต้องเทียบกับตอนเอ่ยคำลาก็แทบเปรียบกันไม่ได้ การหันหลังเดินออกมาจากเพื่อนคนเดียวนั้นเหงาเกินคาด ห้วงความคิดค่อยๆ ล้อมกรอบหญิงสาวให้จมดิ่งสู่ภวังค์ทีละนิด ถึงคราวก่อนนาคิมุชิคุงจะมีภารกิจอื่นยุ่งอยู่ตลอด แต่เขาก็รับผิดชอบสูง ใส่ใจต่อหน้าที่ผู้ดูแลอย่างมาก และประการสำคัญคือเธออุ่นใจ แม้จะไม่เห็นตัว ทว่าอย่างไรก็รู้ว่ามีเขาอยู่ หญิงสาวผ่อนลมหายใจเพื่อคลายนิ้วมือแข็งขืนพร้อมใช้ดวงตาคู่สวยควานหาร่มเงาหลบหิมะที่กำลังโปรยปรายหนักขึ้น แต่หมดโชคเสียแล้ว รอบด้านเป็นเพียงริมลานโล่งๆ มีเกล็ดน้ำแข็งละเอียดทับถมตัวหนา ไม่ปรากฏผู้เดินร่วมเส้นทาง เธอออกมาติดต่อเจ้าหน้าที่กำกับการสอบตั้งแต่ช่วงสาย หลังเสร็จสิ้นธุระ หิมะก็พร่างพรายลงมาเหมือนกลั่นแกล้งกัน
เสียงของโจนินประจำทีมลอยแว่วเข้ามายังจิตใต้สำนึก บากิแจ้งข่าวว่าได้ดำเนินการเสนอชื่อเข้าสอบจูนินอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีนอกมีใน สถานที่คือโคโนะฮะงาคุเระ ดังนั้นภายในหนึ่งสัปดาห์การเดินทางจากทะเลทรายสีส้มที่มองเห็นเป็นสันคลื่นก็ค่อยๆ กลับกลายเป็นผืนป่าเปล่าโล้น ทุ่งเหมันต์และพื้นสีขาวโพลนห่อหุ้มเกล็ดน้ำแข็งละเอียด เทมาริไม่คิดว่าจะได้กลับมาโคโนะฮะอีกครั้งเร็วขนาดนี้ ใจจริงก็อยากยอมรับว่าถ้ามาถึงหมู่บ้านซึ่งซ่อนเร้นอยู่ใต้เงาไม้ก็ต้องการทักทายนารา ชิกามารุ แม้เธอจะเพิ่งถึงโคโนะฮะงาคุเระช่วงค่ำของคืนวาน ถ้าเจอเด็กหนุ่มเลยคงเป็นไปได้ยาก หากเป็นความจริงว่ารอบนี้คงไม่ได้พบกัน หลังติดต่อธุระจบก็พยายามใช้เส้นทางอ้อมเล็กน้อยเพราะอาจเห็นเขา แต่ก็แค่ลองดูจนละอองหิมะเริ่มลงจัด เทมาริเผื่อใจสำหรับความคาดหวังทุกประการเสมอ หนทางชีวิตเบื้องหลังเธอน้อยนักจะเป็นดังใจคิด บุตรสาวในคาเซะคาเงะรุ่นที่สี่ก้าวเดินด้วยท่วงท่าสง่า ขับทรวดทรงให้สะดุดตาขึ้น จมูกเย็นเฉียบขณะใบหูเริ่มแดง ตอนเทมาริตั้งท่าจะเร่งฝีเท้าเพื่อแข่งกับเหล่าละอองน้ำแข็งพร่าพราย เงาร่มก็ทาบทับเหนือร่าง หิมะที่โรยรายหายไปโดยพลัน ไม่ตกต้องร่างเธอแม้เพียงเสี้ยวเดียว
คนที่เทมาริเพิ่งประหวัดถึงถือร่มกระดาษกางกั้นละอองหนาวอยู่เบื้องหลัง นารา ชิกามารุกำลังกางร่มให้หญิงสาวด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ดวงตาสีเขียวครามหันมองบุคคลที่ยื่นร่มเหนือตัวเธอคล้ายจะคุ้มครองให้ปลอดภัยอยู่ใต้การปกป้องจากเขาทันที ร่างอีกฝ่ายดูจะกลืนแสงรอบด้านลงหมดเมื่อเจ้าตัวยืนปักหลักอยู่ข้างหลังอย่างนิ่งขรึม บดบังแสงให้ตกสู่มุมอับ ใบหน้าคุ้นเคยกำลังหงุดหงิดได้ที่ขณะส่งสายตาคมกริบมองมากึ่งๆ จะตำหนิกัน – “ชิกามารุ…” เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อขยับขึ้นมายืนข้างๆ อารมณ์ขุ่นมัวเช่นท้องฟ้าสีเทาเหนือขึ้นไปแผ่ออกมาชัดเจน ไออุ่นๆ จากท่อนแขนและลำตัวครึ่งหนึ่งสัมผัสโดนแผ่นหลังพลอยให้เทมาริซึบซาบมันมาใช้ต่อต้านความหนาวละมุนที่แฝงความเย็นชา ไร้ซึ่งความปราณี เธอเพิ่งพบว่าเขาสูงเท่ากันตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“เดินตากหิมะสนุกนักรึไง ผิวแดงหมดแล้ว” นอกจากจะปรากฏตัวแบบที่เธอไม่ทันตั้งตัว ไร้สัญญาณเตือนการมาล่วงหน้า เขายังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นราวกับเจอกันอยู่ทุกวัน มิได้ไม่พบหน้ากันหลายเดือน ชิกามารุใช้หลังมือปัดแก้มหญิงสาวที่ขึ้นเป็นริ้วแดงก่อนจะรู้สึกขุ่นในอารมณ์ยามพบว่าผิวเนื้อนั้นเย็นจัด และเมื่อเห็นเส้นเลือดจางๆ ใต้ผิวบางๆ เพราะการกระทำของละอองน้ำแข็งสีขาวก็ยิ่งหงุดหงิดกว่าตอนที่เห็นเธอเดินฝ่าหิมะหนาตาอย่างไม่สะทกสะท้าน ไม่ถือแม้กระทั่งร่มหรือคิดจะใช้การเป็นนินจาให้เกิดประโยชน์ เด็กหนุ่มสัมผัสแก้มเย็นเฉียบของเจ้าหล่อนอีกครา ความไม่พอใจพุ่งพล่านเนื่องด้วยความห่วงใยเป็นที่ยิ่ง เธอทำให้ตัวเองเจ็บ นั่นเขายอมไม่ได้โดยเด็ดขาด นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหยุดตรงริมฝีปากเอิบอิ่มซึ่งเผยอเล็กน้อยคล้ายพยายามร้อยเรียงคำพูดสับสนจำนวนมาก กลั่นกรองออกมาให้ตรงตามต้องการที่สุด เธอคงกำลังตกใจ เด็กหนุ่มผู้ถือร่มปกป้องร่างเพรียวระหงที่ยอมให้เกล็ดน้ำแข็งกล้ำกรายมากจนเขานึกโมโหพอคาดการณ์ได้
ไม่กี่อึดใจก่อน ตอนเขาเดินเข้ามาถนนสายนี้แล้วเห็นผู้หญิงที่มองเพียงข้างหลังก็สามารถจดจำได้อยู่ลิบๆ ก็ยิ่งกว่าตกตะลึงเช่นกัน ถ้อยคำผนวกคำถามมากมายผุดพรายในหัวทันทีราวกับขณะนั้นเขาได้รินความรู้สึกล้นออกนอกสมอง ทั้งหมดโถมเข้าหาตัวโดยอาศัยแค่ชั่วหัวใจเต้นจังหวะเดียว เหมือนเกล็ดหิมะซึ่งกำลังร่วงโรยใต้ผืนฟ้ากว้างเกาะกลุ่มกันหนักอึ้งแล้วตกทับแค่จุดที่เขายืน ความสับสนคละคลุ้งขณะความประหลาดใจและความยินดีท่วมท้นเต็มอก – แม้เจ้าตัวจะไม่รู้ก็ตามว่าสิ่งที่สูบฉีดทั่วร่างให้แขนกับขาเบาหวิวเหมือนถูกสูบน้ำหนักออกไปนั่นคือความดีใจ – เด็กหนุ่มพยายามย้ำความมั่นใจ เร่งฝีเท้าติดตามเข้าใกล้อย่างสงบนิ่ง แต่ท่ามกลางความสุขุมก็ยากจะปกปิดความอยากที่จะรู้
เหตุผลมากมายต่อสู้หักล้างกันขณะช่วงก้าวหนักแน่นมั่นคงเคลื่อนไปข้างหน้า ชิกามารุพยายามสรรหาคำอธิบายมารับรองว่าทำไมเธอจึงปรากฏตัวเบื้องหน้าเขาแบบสามารถจับต้องได้ ข้อสำคัญคือที่นี่เป็นโคโนะฮะงาคุเระ หากทว่าสมมติฐานใดก็อาจไม่จำเป็นอีกต่อไป เด็กหนุ่มไม่ต้องการรู้อีกแล้วเมื่อชัดเจนจากที่เขาเชื่ออย่างแน่ชัดอยู่แต่แรกว่าหญิงสาวผมสีบลอนด์พร้อมอากัปกิริยามาดมั่น ดึงดูดสายตานี้เป็นใคร ตอนนั้นความไม่สบอารมณ์ที่คุกรุ่นเมื่อแรกเห็นเธอถึงแวะมาทักทาย ไม่รู้ว่าด้วยเหตุอะไรจึงหงุดหงิด ตอนอยู่ไกลๆ ก็มั่นใจว่าเป็นเทมาริ เมื่อเข้าใกล้ก็ยิ่งตอกย้ำความจริงมากขึ้นอีกเหลือคณา หล่อนเดินไม่ทุกข์ร้อนทั้งที่สภาพอากาศรอบด้านถูกหิมะครอบครองโดยสมบูรณ์ ทายาทตระกูลนาราเห็นสาวเจ้าเป่ามือหากก็ดูเหม่อลอยไม่เร่งรีบ เขาถึงต้องเร่งฝีเท้า ปกร่มที่ถือมาเหนือร่างระหงนั่น รวดเร็วดุจเดียวกับพายุอันโหมกระหน่ำในใจเหมือนว่าถ้าช้าไปเพียงพริบตาเธอจะโดนหิมะกัดกร่อนหายไป
“ชิกามารุ นาย…” ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูจางๆ ปิดสนิทอีกเมื่อเจ้าตัวยังเรียบเรียงประโยคเอื้อนเอ่ยไม่ถูกใจ ถ้าว่ากันตามจริงเทมาริหาจุดเริ่มไม่เจอด้วยซ้ำ หญิงสาวเพ่งความสนใจมายังมือของเด็กหนุ่มที่สาละวนบริเวณแก้มเธอแล้วจึงจับใบหูเขาที่ไม่ทันระวังตัว ร่างสูงกระตุกก่อนถอยหลังหนีอย่างเข็ดขยาด
“เป็นนายจริงๆ ด้วย นาคิมุชิคุง” มือทั้งสองข้างที่จับใบหูเด็กหนุ่มยังคงยกค้างอยู่ทั้งที่อีกฝ่ายผงะหนีไปครึ่งก้าว เทมาริยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกในรอบวัน ทั่วทุกด้านมีเพียงละอองขาวร่วงพลิ้วตามลมขณะทางเดินที่ถูกเกลี่ยโล่งเริ่มมีเกล็ดน้ำแข็งละเอียดจับบางๆ กรุยกรายบนพื้นเหมือนกรวดละเอียดยิบ ชิกามารุขยับร่มในมือ เงาครอบทับเลยเคลื่อนเล็กน้อย เขาเลื่อนมันเพื่อจะกันหิมะให้เธอได้หมดแม้ตัวเองจะเขยิบห่างเล็กน้อยเพื่อปกป้องจุดอ่อนของตนที่หญิงสาวจากทะเลทรายรู้อยู่คนเดียว เจ้าหล่อนยิ้มกว้างขึ้นอีกจนอารมณ์ไม่สู้ดีของเขาที่เกาะตัวแน่นระเหิดหายโดยพลัน เด็กหนุ่มคลายสีหน้าเคร่งให้อ่อนลงก่อนจะใช้มือข้างถนัดกุมมือที่เล็กกว่ามาจับเสียมั่น เขาเผื่อแผ่ความอุ่นอยู่เช่นนั้น เมื่อเห็นเธอถูมืออย่างแรงขับไล่ความเยียบเย็นซึ่งคืบคลายเข้ากลืนกินปลายนิ้ว – “ซะทีไหนล่ะ ฉันก็แค่คนหน้าเหมือนที่บังเอิญผ่านมาเห็นยัยโหดกำลังจะโดนหิมะกัด มือเธอเย็นจะแย่อยู่แล้วเห็นไหม คิดอะไรของเธอฮึ”
หลังถูมือหญิงสาวอย่างหวงแหนเพื่อหวังทุเลาความหนาวบนมือนุ่มนิ่มนั้นได้แค่ขณะหนึ่งก็ต้องปล่อยเพราะเขาไม่อยากให้มันกลายเป็นการคุกคาม ไม่ให้เกียรติอีกฝ่ายในฐานะเพศตรงข้าม เทมาริเพิ่งสังเกตว่านอกจากเขาเกือบจะสูงมากกว่าเธอแล้ว เครื่องแต่งกายยังไม่ค่อยคุ้นตาด้วย เด็กหนุ่มเปลี่ยนมาใส่เสื้อแขนยาวสีดำ แล้วใบหน้านั่นก็ดูคมเข้ม โตขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่เดือน หญิงสาวผู้มาจากทะเลทรายพิจารณาความเปลี่ยนแปลงด้วยความสนอกสนใจพลางยอมให้คนตรงหน้าปัดเกล็ดหิมะบนไหล่ขณะเธอลูบหัวตนเองป้อยๆ เหมือนเด็กหญิงจนเขาส่งเสียงหัวเราะเยาะขรึมๆ ในลำคอ หากพริบตาถัดมาชิกามารุก็ต้องพ่ายแพ้ต่อสิ่งที่หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวคราม – ซึ่งมองลึกเข้ามาราวกับมีแรงดึงดูดมหาศาล – กล่าวอย่างจริงจัง สีหน้า น้ำเสียงรวมทั้งแววตาของเธอแสดงออกเช่นที่ปากเอื้อนเอ่ยทุกประการ “รู้ไหมฉันอยากขอบคุณความบังเอิญที่นายว่า ฉันดีใจที่เจอนายมากๆ เลยนะ”
มันเป็นคำพูดที่ทำให้ผู้ฟังยอมจำนนโดยง่ายดาย ชิกามารุปิดปากนิ่งสนิทเพราะไม่อาจหาคำตอบรับได้ถูกและคุโนะอิจิแห่งทะเลทรายก็ไม่ต้องการมันเช่นกัน เด็กหนุ่มคลับคล้ายกับว่าท่อนแขนเพรียวบางนั่นโอบรอบตัวเขาแล้วดึงเข้าไปใกล้ก่อนทำให้ขาดอากาศอย่างช้าๆ ด้วยความละมุนละไมอันอ่อนโยน แต่ความจริงคือเธอไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น เขารู้ว่าเธอแค่อยากพูดสิ่งที่คิดออกมาและแบ่งปันให้ผู้มีส่วนร่วมรับรู้เพราะเป็นเรื่องที่เจ้าหล่อนรู้สึกอย่างแท้จริง เด็กหนุ่มบ้านนาราเหมือนถูกใยบางๆ พันทั่วร่างตอนหญิงสาวกลับมือเย็นๆ ไปมาบนแก้มเขา จงใจแกล้งกัน เขาไม่ว่าอะไรเพียงเอ่ยปากต่อตามปกติเพราะเข้าใจการเอาคืนของสาวเจ้ามานานพอตัว อย่างไรเสียหลังมองท้องฟ้าผืนเดียวกันจากคนละมุมมอง สุดท้ายก็ได้อยู่ใต้ท้องฟ้าในสายตาเดียวกัน
“รอบนี้มาทำอะไรที่โคโนะฮะล่ะ เธอมีผู้ดูแลแล้วรึยัง”
คู่สนทนาส่ายหน้า ริมฝีปากเอิบอิ่มของเธอเริ่มขยับเพื่อตอบคำถามเมื่อครู่ “รอบนี้ไม่ต้องใช้ผู้ดูแลหรอก ฉันไม่ได้มาในนามของพันธมิตรระหว่างหมู่บ้านน่ะ ที่จริงก็เพราะนายนั่นแหละฉันถึงต้องสอบจูนินอีกรอบ” – พูดพลางออกเดินไปบนทางหิมะที่ขาวปลอด ชิกามารุเอียงร่มไปทางหญิงสาวคนข้างๆ จนเกล็ดน้ำแข็งค่อยๆ เกาะไหล่ข้างหนึ่งของตนทีละน้อย ดวงตาคมกริบจ้องแก้มสีเลือดฝาด เส้นเลือดฝอยปรากฏชัดเจน เขาถึงเริ่มคิดหาวิธีบรรเทากลับไปกลับมา ความจริงคือทั้งสองยินดีที่ได้เจอฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง คำอธิบายใดๆ จึงไม่จำเป็น สำหรับชิกามารุถ้าได้รู้ว่าคุโนะอิจิแห่งซึนะจะมา แม้จะน่าเบื่อ ใช่ น่าเบื่อแต่ก็คงไปรับทันที เขาไม่อยากนึกว่าถ้าวันนี้ไม่บังเอิญเจอกันแล้วจะเป็นเช่นไร เด็กหนุ่มนึกหวาดหวั่นเสี้ยวลมหายใจที่อาจคลาดกันได้ กลัวว่าถ้าเป็นแบบนั้น ขณะนี้คงไม่ได้เดินอยู่ด้วยกัน เหตุที่ตอนเจอหญิงสาว เขาตื่นเต้นจนแทบสูญเสียความวางเฉยเพราะเคยระลึกถึงความทรงจำและความเป็นไปหลายๆ เหตุการณ์ที่เคยแบ่งปันร่วมกันบ่อยครั้งจนเธอกลายเป็นคนเดียวที่เขาอยากพบ ชิกามารุขอยอมรับ เมื่อใช้เวลาร่วมกันครั้งก่อนถึงรู้ว่านั่นคือช่วงที่ดีที่สุด หญิงสาวจากทะเลทรายทอดมองพื้นขาวละเอียด เทมาริก็เช่นกัน เธอถือว่าเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ ซึ่งไม่สามารถหาได้ที่ไหนจากเด็กหนุ่มต่างหมู่บ้าน ถ้ามีโอกาสย่างก้าวเข้ามาโคโนะฮะก็อยากเจอนาคิมุชิคุงคนเดียว
“นี่เทมาริ” น้ำเสียงเคร่งเครียดจนทำเอาเจ้าของนามต้องหันมองเหมือนจะย้ำความมั่นใจเจ้าของเสียงเรียกว่าตนกำลังฟังอยู่ เธอรู้นิสัยชิกามารุดี ลงกระแสเสียงแบบนั้นคงมีความรู้สึกไม่มั่นคงแอบแฝงและต้องการให้คู่สนทนาจดจ่อต่อเรื่องที่เขาจะกล่าว ด้วยความตั้งใจมากกว่าปกติ “รอบหน้าถ้าเธอมาโคโนะฮะต้องบอกกันนะ บอกว่ามาแล้ว จะธุระอะไรก็อยากให้บอก ไม่งั้นใครจะรู้ …หรือถ้ามีอะไรไม่สะดวกก็ไปติดต่อฝ่ายประสานงานแล้วฉันจะเป็นผู้ดูแลให้ แต่ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้อง ขอแค่ที่สำคัญข้อเดียวคือเธอต้องบอกกล่าวกันหน่อยว่าตัวเองอยู่ที่โคโนะฮะ” – คุโนะอิจิแห่งซึนะฟังข้อความรัวเร็วจากทายาทตระกูลนาราทันทุกประโยค และอย่างตรงตามความต้องการ นั่นไม่เหลือบากกว่าแรงเลย มันคือเรื่องที่ตรงใจเธอมาแต่เดิม เทมาริไม่คิดว่าจะได้เจอเด็กหนุ่มขี้แยแล้วในการมาครั้งนี้ หากก็ได้พบกันทันทีหลังเธอเพิ่งพบกับเขาบนความทรงจำ ตอนตนเองหันมองชายผู้มากับร่มก็ถูกความดีใจอัดล้นเหมือนลูกโป่งเบาหวิวพร้อมลอยลม หญิงสาวผู้แข็งนอกอ่อนในดึงมือเด็กหนุ่มซึ่งตกใจในความกะทันหันขึ้น นิ้วก้อยเล็กๆ เกี่ยวมือที่ใหญ่กว่า
“ใครผิดสัญญากลืนเข็มพันเล่ม” นิ้วเกี่ยวกันแน่น คุโนะอิจิแห่งซึนะเขย่ามือพลางพูดด้วยเสียงร่าเริงแบบพี่สาวอายุมากกว่าที่มักส่งผลให้ชิกามารุนิ่วหน้า หากครั้งนี้นั่นกลับไม่ใช่สาเหตุ ทายาทแห่งตระกูลนาราหน้านิ่วเพราะคลื่นที่ก่อตัวรวนเรสั่นไหวอยู่ในอก เด็กหนุ่มพยายามไม่สนใจความแปลกใหม่อีกหนึ่งอย่างที่ตัวเองประสบเมื่อมีเทมาริเข้ามาเป็นปัจจัยกระตุ้น ก่อนจะกระตุกยิ้มตอบด้วยความรู้สึกจากส่วนลึกแท้จริงดังที่เผยออกมาน้อยครั้ง เช่นความชอบใจที่หญิงสาวเป็นผู้หญิงไม่เหมือนใคร ไม่เคยทำให้ผิดหวังกับการยกเธอเหนือคำนิยามซึ่งเขามีต่อสตรีเพศ
ชิกามารุชอบสีหน้าผ่อนคลายเป็นสุขของเธอ เด็กหนุ่มควรได้รู้ว่าเทมาริแสดงให้เขาเห็นคนเดียวไม่เคยเปิดเผยต่อใครรวมทั้งใบหน้ายิ้มแย้มสดใสนั่นก็ด้วย กับน้องชายทั้งสองคน บุตรสาวแห่งคาเซะคาเงะไม่อาจแสดงออกมาหมดเพราะอย่างไรก็เป็นพี่สาวคนโตที่ชอบเก็บเรื่องหนักใจไว้กับตัวเอง ไม่ต้องการรบกวนใจน้อง อีกทั้งหนุ่มน้อยทั้งสอง คันคุโร่รวมถึงกาอาระยังไม่มีแรงกระตุ้นหรือปัจจัยผลักดันให้ผู้เป็นพี่สาวเลือกจะแสดงความรู้สึกทุกประการได้ ฉะนั้นนารา ชิกามารุจึงกลายเป็นชายที่หญิงสาวสนิทใจและสบายยามใช้เวลาอยู่ด้วย เธอเปิดเผยหมดสิ้น เชื่อใจปราศจากเงื่อนไขแล้ว – ทายาทบ้านนาราค่อยๆ บรรจงใช้นิ้วโป้งถูขอบตาหญิงสาวต่างหมู่บ้านอย่างเบามือ “โทษที ละอองหิมะมันปลิวมาติดน่ะ”
ดวงตาคมกริบพิศมองนัยน์ตาสีเขียวครามและดวงหน้าสะสวยซึ่งระบายยิ้ม “แล้วเธอพักที่ไหนล่ะ ฉันจะไปส่ง” – ชิกามารุเลื่อนสายตากลับมายังเส้นทางทอดยาวเบื้องหน้า ละอองหิมะลอยลมลิ่วประดุจซากุระร่วงหล่นท่ามกลางสายลมใบไม้ผลิ เขาไม่บอกว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่คุมสอบเพราะประการเดียวคือไม่จำเป็น ไม่รู้จะพูดไปเพื่ออะไร วันสอบรอบจริงเทมาริก็จะไม่ได้เห็นเขาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่เล็งเห็นผลใดพอจะเอ่ยปาก แต่ถึงมีก็ไม่กระทำ เด็กหนุ่มห่วงใยทุกเรื่องเกี่ยวกับเธอรวมทั้งสิ่งที่อาจส่งอิทธิพลด้วย เสียงซวบซวบดังขณะเหยียบย่ำลงบนเกล็ดน้ำแข็งละเอียดนุ่ม กระแสลมหวีดร้องเหนือริบขอบฟ้าไกล ข้ามจากฟากเขาหนึ่งไปยังทิวเขาที่มีสีขาวหิมะจับตัว ภูเขาเรียงสลับเป็นทิวแถบซ่อนเร้นหลังม่านหมอก เขานึกถึงภารกิจของโกะไดเมะ ซึนาเดะฮิเมะแล้วก็รู้สึกเหมือนใจถูกถ่วงน้ำหนัก สังหรณ์พวยพุ่งเหมือนกลุ่มควันหนาทึบแพร่กระจาย ไม่อาจมองเห็นองค์ประกอบโดยรอบ ความไม่สบายใจคละคลุ้งบีบให้คิ้วพาดเฉียงรับดวงตาเฉียบคมขมวดมุ่น หว่างคิ้วมีรอยย่นจนมือนุ่มๆ เอื้อมมาแตะ
“อย่าทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบสิ” นิ้วมือนุ่มละมุนคลายรอยย่นลงโดยพลันขณะชิกามารุหันมองเจ้าของความปรารถนาดี หญิงสาวยิ้มลุ่มลึกแบบผู้ใหญ่สมกับอายุตอบกลับมา “เชื่อเถอะทำหน้าแบบนั้นเรื่องที่คิดอยู่ก็ยิ่งหนักใจเข้าไปอีก”
ประหนึ่งว่าอีกฝ่ายได้พัดความไม่สบายใจและความกังวลอันหนักอึ้งทั้งมวลให้ปลิวหายเหมือนดังเช่นสายลมกระฉับกระเฉงอย่างที่เธอเป็น คอยผิวผ่านเมฆลอยเอื่อยและกระตุ้นให้ปุยสีขาวบนผืนนภาไปตามทิศทางสมควร เทมาริแตะนิ้วกับหน้าผากเด็กหนุ่ม มือเย็นแบบที่ทำให้ผู้ถูกสัมผัสรู้สึกดีถูช่วงคิ้วแผ่วเบาก่อนเลื่อนลงอ้อยอิ่งข้างแก้มคล้ายตอนชิกามารุปฏิบัติต่อเธอด้วยความอ่อนโยนทะนุถนอมไม่ผิดเพี้ยน หญิงสาวยิ้มอ่อนหวานน่ารัก ยามเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นขนตายาวสีอ่อนที่ขับนัยน์ตาสีเขียวครามชัดเจน ความรู้สึกห่วงใยดูจะสื่อถึงชิกามารุเหมือนหยดน้ำที่ซึมลงบนผืนทราย เขาคลายความเครียดขึ้งบนใบหน้าลงอย่างนุ่มนวล ร่มคล้ายจะทำให้คนทั้งสองอบอุ่นขึ้นแต่โดยแท้แล้วก็มาจากความสงบใจระหว่างพวกเขาเอง
“ฉันก็ว่าดีเหมือนกันที่วันนี้ได้เจอเธอ” ระหว่างความเงียบที่บันดาลความสบายใจแบบหนึ่งให้แก่คนทั้งสอง อยู่ดีๆ เด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้น
และด้วยความสัตย์จริง มันถือเป็นเรื่องดีที่สุดในรอบหลายเดือนเลยทีเดียว หากชิกามารุไม่ได้กล่าวไปทั้งหมด เพียงแค่เปรยผ่านสายลมอ่อนที่หมุนวนรอบตัวแล้วหอบไล่หลังพร้อมเสียงหวีดหวิว เทมาริรับถ้อยคำทุกตัวอักษรมาประทับในอก ความอบอุ่นของคำพูดเรียบเฉยนั้นทำให้ไม่รู้สึกถึงความหนาวใดเลย ดวงหน้าสวยคมเหลือบมองเด็กหนุ่มบ้านนาราแล้วยิ้มละไมกับตัวเอง ริมฝีปากคลี่น้อยๆ ขณะดวงตาหลุบต่ำคล้ายกำลังละเลียดความรู้สึกอันละเมียดที่อีกฝ่ายหยิบยื่น
กิ่งก้านต้นไม้ที่แตกแขนงออกมามีละอองน้ำแข็งกองเหนือกิ่งซึ่งแผ่ราบ ต้นยะสุเดะพุ่มย่อมๆ ไม่ผลัดใบจึงมีเกล็ดน้ำแข็งเคลือบบางๆ ท้องฟ้าเริ่มขาวสว่างกว่าสีควันที่ละลายทับเมื่อสักครู่ ดวงอาทิตย์หม่นแสงแขวนลอยระเรี่ยตรงริมขอบฟ้าขณะเดียวกันบรรยากาศก็ค่อยๆ ปลอดโปร่งและอัดแน่นด้วยอากาศสะอาด หิมะยังคงตกไม่ขาดสาย หากก็บางตาลงบ้างเล็กน้อย ชิกามารุไม่ย่นคิ้วหรือคิดเรื่องภารกิจมอบหมายอีกเลยตลอดทางส่งหญิงสาวยังที่พัก ทั้งคู่ไม่พูดอะไร ต่างเงียบเฉยเพราะหวังจะเก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่เดินด้วยกันบนเส้นทางก่อนถึงจุดหมายให้มากที่สุด ทั้งนี้ความสุขสงบซึ่งได้รับจากคนข้างๆ ก็เพียงพอแล้ว การพบหน้าเป็นเรื่องเกินความคาดหมายทว่าก็เป็นไปราวกับฝัน เพียงแค่ชั่วลมหายใจเดียวเท่านั้นตอนมองหน้าอีกฝ่ายหลังห่างหายหลายเดือน ทุกสิ่งขณะนั้นก็เปลี่ยนรวดเร็วฉับพลันดุจพลิกฝ่ามือ จากอารมณ์ราบเรียบก็สั่นไหวด้วยความยินดีที่ซาบซึม คล้ายวันเวลาก่อนหน้าฝ่ายตรงข้ามมาปรากฏตัวอีกครั้งไม่เคยมีอยู่เลย เหลือแค่ส่วนที่พวกเขาเคยแบ่งปันร่วมกันเท่านั้น
“งั้นก็อย่าลืมทำตัวเองให้อุ่นเข้าไว้ล่ะ ตากหิมะตั้งนานขนาดนั้น” ที่หมายอยู่ตรงหน้า ตัวอาคารรับรองสำหรับนินจาต่างหมู่บ้านถูกเกล็ดน้ำแข็งขาวรุกรานไม่ต่างจากสิ่งปลูกสร้างข้างเคียง อันที่จริงต้องกล่าวว่าทั่วทั้งโคโนะฮะงาคุเระได้ตกอยู่ภายใต้เหมันต์ที่ปะพรม สีขาวแทบกลืนกับท้องฟ้าฤดูหนาวซึ่งสลัวรางด้วยหมอกขุ่นมัว เจือจางรัศมีดวงอาทิตย์ ร่างเพรียวระหงขึ้นไปยืนเหนือขั้นบันไดหินหน้าประตูอย่างสง่า เทมาริรู้ว่าเด็กหนุ่มจะยังไม่กลับจนกว่าจะเห็นเธอเข้าที่พักเรียบร้อย ก็อย่างนี้ทุกครั้งเวลาเขามาส่ง และก็อย่างแน่นอนถ้าชิกามารุไม่มีหน้าที่ต้องกระทำต่อ เขาคงเสนอตัวจัดแจงเรื่องน่ารำคาญเหมือนตอนก่อไฟเผามันให้หญิงสาวไม่จับไข้หลังตากฝนอย่างหนักแล้ว เด็กหนุ่มสอดมือล้วงกระเป๋ากางเกง รอยยิ้มยียวนระบายบนใบหน้า “มีอะไรก็อย่าลืมบอกกัน ไว้จะพาไปร้านขนมอร่อยๆ ที่เพิ่งเจอ มีเกาลัดที่เธอชอบด้วย”
“รู้แล้ว ถึงตอนนั้นก็มารับด้วยล่ะ ขอบคุณที่มาส่ง แล้วเจอกันนาคิมุชิคุง” คำเดียวก็รับรองทุกอย่าง เพราะความเชื่อมั่นว่าจะได้เจอกันอีก แถมยังมีคำมั่นผนวกคู่ด้วย พวกเขาจึงแน่ใจที่จะจากลาเพียงชั่วคราว การพบกันช่วงสั้นๆ ที่ไม่คาดคิดวันนี้ทำให้ชีวิตก่อนหน้าดูจืดชืดลงถนัดตา คุโนะอิจิแห่งทะเลทรายโบกมือน้อยๆ ยิ้มหวานชวนลุ่มหลงประกอบเข้ากับดวงหน้าสวยคมเคลือบความเย่อหยิ่ง ยิ่งผลักดันให้เธอเป็นดุจดังนางพญา ประตูค่อยๆ เลื่อนทับภาพหญิงสาวก่อนกลืนลับไปเหลือเพียงบานไม้สีมะเดื่อ ชิกามารุเดินออกมาหลังมองส่งเธอจนประตูปิดสนิท ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหม่อผ่านละอองสีขาวโปรยปราย เขากางร่มกระดาษพลางเคลื่อนตัวสู่ม่านหิมะพร่างพรายพร้อมความอบอุ่นในใจที่ความเย็นเยียบไม่อาจกล้ำกรายแต่อย่างใด
5.
กลายเป็นเรื่องแปลกเสียอย่างนั้นกับการตื่นขึ้นมาท่ามกลางฤดูหนาวในปีนี้แล้วพบว่าหิมะไม่ได้โรยรายลงมาจากท้องฟ้าสีครีมเข้มดังเช่นทุกวันก่อนหน้า เด็กหนุ่มผู้สืบทอดตระกูลนาราเหยียบย่ำไปบนทางเดินที่มีเกล็ดน้ำแข็งละเอียดตกค้างอยู่บ้างประปราย เขาเพิ่งเสร็จหน้าที่จากการประชุมเพื่อความพร้อมของกรรมการคุมสอบ การสอบจูนินรอบที่หนึ่งกำลังจะเริ่มในอีกสามวันข้างหน้า เช่นนี้ความนิ่งเฉยของชิกามารุถึงได้แปรผกผันกับจำนวนวันที่ย่นย่อลง ความจริงคือเด็กหนุ่มจะยิ่งสุขุมเยือกเย็นเมื่อความยุ่งยากที่ต้องรับมือ ปัญหาหรือความกดดันเข้ามาใกล้ – ใกล้มากเท่าไหร่ก็สงบนิ่งมากเท่านั้น ทายาทตระกูลนาราใจเย็นอย่างผิดวิสัยคนปกติทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งบีบคั้นจนถือเป็นลักษณะเฉพาะตัวซึ่งหาได้ยาก
เมื่อแรกสุด ภารกิจทับซ้อนบนความรับผิดชอบก็กวนใจอยู่บ้างเพราะเกี่ยวพันต่อความมั่นคงของหมู่บ้าน แต่ครั้นเด็กหนุ่มเข้าใกล้มันมากขึ้น อารมณ์กลับยิ่งมั่นคงและสงบราบเรียบ ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล อีกส่วนหนึ่งอาจเพราะหญิงสาวผู้มาจากทะเลทรายคอยเป็นดุจเครื่องย้ำเตือนที่ช่วยปลอบโยนเขาให้รู้สึกสงบ สัมผัสจากมือนุ่มผนวกไอเย็นจางๆ ที่หว่างคิ้วคล้ายจะกลับมาประทับอยู่ตรงนั้นไม่จางหายในทุกครั้งยามระลึกถึงเหมือนเช่นทุกความทรงจำที่ได้มีร่วมกับเธอ ราวกับหญิงสาวยังคงยืนยิ้มให้แล้วบอกว่าไม่เป็นไร ชิกามารุเสียใจและนึกโมโหตัวเองขึ้นมาทันที ผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้ว เขายังไม่ได้ทำตามสัญญาที่รับปากไว้คราวก่อนตอนยืนส่งเธอหน้าประตูในวันที่หิมะพร่าพราย ทั้งยังไม่สามารถหาเวลาปลีกตัวไปรับผิดชอบสัญญานั้น ความเสียดายระคนปนเปกับความหงุดหงิด เด็กหนุ่มแห่งบ้านตระกูลนาราหยุดฝีเท้าหน้าร้านขนมหวานที่มีผู้คนพลัดเปลี่ยนแวะเวียนพอประมาณ ไม่น่ารำคาญเกินพอดี ชั่งน้ำหนักเทียบเคียงอยู่ครู่หนึ่ง จึงค่อยตัดสินใจจะก้าวผ่านประตู กลิ่นหวานๆ ของขนมอบเจือกลิ่นชาแห้งอ่อนๆ อบอวลทั่ว อย่างน้อยเขาก็อยากรักษาสัญญาแม้จะแค่เพียงส่วนหนึ่ง ‘มัดจำไว้แล้วกัน’ เด็กหนุ่มจำยอมต้องตัดใจเสียไม่ได้ ดวงตาสีอ่อนคะเนหาขนมที่เจ้าหล่อนคงจะสั่งหากมาด้วยกัน เขาไม่คิดแปลกใจที่มันไม่ใช่เรื่องยากเลยสักเพียงนิด
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เรื่องเล็กน้อยเกี่ยวกับหญิงสาวผู้มาจากทะเลทรายกลืนเข้ากับชีวิตประจำวันส่วนหนึ่งของเด็กหนุ่มจอมเหนื่อยหน่ายแห่งโคโนะฮะ รู้สึกตัวอีกทีเวลานี้ก็ไม่อาจบิดเบือนได้ว่าทุกนิสัย อิริยาบถรวมทั้งการกระทำ ความชอบ ความต้องการของคนทั้งคู่กลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันอย่างแน่นอนแล้ว ราวกับเรื่องของอีกฝ่ายคือเรื่องของตัวเองที่รู้โดยธรรมชาติ
บริเวณเคาน์เตอร์ไม้ถัดจากทางเข้าที่ติดผ้าโนเรนสีเข้ม มีหญิงชราใจดีผู้เป็นเจ้าของร้านยืนคอยท่า เธอยิ้มแย้มเชิงต้อนรับเหมือนคุณยายซึ่งปฏิบัติต่อหลานชายแบบตามใจ เด็กหนุ่มบ้านนารากระตุกยิ้มตอบพร้อมกวาดตามองเมนูที่เขียนหวัดๆ บนป้ายไม้ซึ่งติดรอบทั่วทั้งผนังร้าน ไม่ต้องเสียเวลาเลือกหรือครุ่นคิดเพราะมันรู้ได้เองโดยแจ้ง ชิกามารุสั่งขนม – ชนิดที่เจ้าหล่อนต้องสั่งแน่ – พลางอังมือเหนือเตาถ่านตั้งพื้น ประกายไฟแดงก่ำกำลังคุ ช่อสึมิเระในเตามีสีน้ำตาลแห้งเพราะถูกความร้อนลามเลียแต่นั่นช่วยให้มันยิ่งกรุ่นกลิ่นหอมส่งเสริมบรรยากาศรอบด้านอย่างเต็มหน้าที่ เด็กหนุ่มรับผ้าซึ่งอบบนตะแกรงจนร้อนมาขับไล่ความเย็นที่ปลายนิ้ว เสียงกรั่งชากระทบถ้วยดินเผาผสมบทสนทนาปะปนกันไม่ได้สุ้มศัพท์ของคนภายในร้านดังต่อเรื่องผ่านโสตประสาทขณะชิกามารุมองหาที่นั่ง ข้างนอกนั่นยังหลงเหลือสีขาวตัดกับกิ่งก้านหงิกหงอและสิ่งปลูกสร้างสูงๆ ต่ำๆ ที่แทงตัวรุกรานผืนฟ้าหม่น เขาเลือกข้างมุมเงียบๆ ริมหน้าต่างหวังจะเก็บเกี่ยวทัศนียภาพซีดสลัวใต้ท้องนภาซึ่งฟุ้งด้วยไอหมอกบางๆ พอให้วัตถุมีสีอ่อนลงกว่าตอนฟ้าเปิด หลังใช้เวลาอันนิ่งงันอยู่พักหนึ่ง ทายาทตระกูลนาราจึงเริ่มปล่อยผ่านสิ่งรอบตัวแล้วออกเดินทางสู่ท้องนภาขมุกขมัว
แม้จะไม่มีสิ่งใดเอื้อต่อคำสัญญาที่ชิกามารุได้ให้ไว้กับหญิงสาว เพราะไม่อาจหาโอกาสมาด้วยกันได้ เขาถึงตั้งใจซื้อขนมดังกล่าวไปฝากเธอแทน เป็นการแสดงความรับผิดชอบส่วนหนึ่งก่อนจะได้จัดการทำส่วนที่เหลือให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เด็กหนุ่มถอนสายตาจากด้านนอกนั่นกลับมายังประตูหน้าร้านเมื่อกระดิ่งทองเหลืองดังขึ้นต้อนรับลูกค้าคนใหม่ ซึ่งหากโดยทั่วไป เขาก็จะไม่สนใจ กระนั้นครานี้กลับเป็นดังเช่นเคยไม่ได้ สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมากคือการได้เห็นเจ้าของร่างโปร่งผลุนผันเข้ามา แต่แล้วฮารุโนะ ซากุระ เด็กสาวผู้มาเยือนก็ชะงักฝีเท้าเร่งรีบคล้ายไม่แน่ใจกับบางสิ่ง ดวงตาสีมรกตหลุกหลิก กระวนกระวาย ทั้งยังดูอ่อนแรง คล้ายประหนึ่งว่าสูญเสียความมั่นใจอันเคยมีหมดสิ้น ซากุระยังคงไม่ทันสังเกตเห็นทายาทตระกูลนาราซึ่งถูกกระตุ้นให้จับพิรุธความผิดปกติตามสัญชาตญาณติดตัว เด็กหนุ่มหรี่ตาสำรวจความผิดแผกแปลกสังเกตของเพื่อนร่วมรุ่นทันทีที่เธอปรากฏตัวพร้อมความกังวลบางประการ
ทว่าเพียงชั่วลมหายใจ คุโนะอิจิประจำทีมเจ็ดก็เปลี่ยนท่าทีฉับพลัน เด็กสาวเหมือนจะรับรู้การมีตัวตนอยู่ของนารา ชิกามารุโดยตลอด เธอหมายมาดมาทางเขาด้วยรอยยิ้มร่าเริงเหมือนที่แสดงออกบนนัยน์ตา ซากุระรู้ว่าเพื่อนหนุ่มนั่งอยู่ตรงไหนตั้งแต่แรกเพราะดวงตาคู่นั้นหันมองได้ถูกจุดในเวลาแค่เสี้ยววินาที และอาศัยความรวดเร็วเข้าจับจองเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเด็กหนุ่มจอมขี้เบื่อทันทีที่สบจังหวะ ริมฝีปากสีหวานฉีกยิ้มพลางกล่าวแบบนุ่มนวลซึ่งเขาเข้าใจว่าเป็นการประดิษฐ์ประดอย “แหมชิกามารุบังเอิญจังเลย หายากนะที่จะเจอนายในร้านขนมเนี่ย” – การแสร้งปกปิด แกล้งกระทำอย่างไรก็ไม่เคยปิดบังหรือหลอกชิกามารุได้ เขามองออกแค่ชั่ววินาที เวลานี้ก็เช่นกัน ซากุระจงใจ เธอตามเข้ามา เจตนาแท้จริงไม่สามารถซ่อนหลังดวงหน้าอ่อนหวานที่ตีหน้าซื่อ เด็กหนุ่มบ้านนาราพยายามมองข้ามเพทุบายบางประการพลางเล่นตามน้ำอย่างเฉยเมย
“แค่มาซื้อของฝาก เธอจะกินอะไรก็สั่งเพิ่มไปเลย” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองริ้วรอยเหนื่อยล้าบนดวงหน้าของเด็กสาวแล้วก็อ่อนใจ รอยยิ้มเธอเจือด้วยความหวาดกลัวสลับกับความวิตกที่เจ้าตัวพยายามใช้ความร่าเริงมากลบเกลื่อน ซากุระกำลังต้องการบางสิ่งถึงได้พยายามชวนคุยให้ไหลลื่นเพื่อจะค่อยๆ ตะล่อมเข้าสู่จุดประสงค์แท้จริง ชิกามารุรินชาใส่ถ้วยดินเผาให้คนตรงหน้า และเกือบปรับสีหน้าไม่ถูกเมื่อคุโนะอิจิแห่งทีมเจ็ดกล่าวจี้จุด
“แหม แค่นี้ฉันก็พอจะเดาได้ เทมาริซังใช่ไหมคนที่นายจะซื้อขนมไปฝากน่ะ” เพราะคู่สนทนาใช้ความเงียบเสมือนการยอมรับอย่างไม่ใคร่จะเต็มใจนัก สำหรับซากุระจึงเรียกว่าได้ที เธอพยายามโยงเนื้อหาสนทนาเข้าสู่ประเด็นที่ต้องการด้วยใจร้อนรุ่ม คิดอยากจะดำเนินตามจุดประสงค์ซึ่งผ่านการตัดสินใจมาอย่างแน่วแน่ไปตรงๆ เพราะลึกลงในอก ความวิตกกังวลบวกความอยากรู้ทับสุมกันเหมือนกองฟืนชุ่มน้ำมันที่หากเจอสะเก็ดไฟมากระตุ้น เปลวเพลิงนั้นก็พร้อมลุกลามแผดเผาตัวเธอเองให้มอดไหม้ไปกับจิตผูกพันที่ยังคงยึดติดต่ออุวิจะคนสุดท้ายและทุกสิ่งอันเกี่ยวข้อง
“อีกอย่าง ไม่ได้มีแค่นายคนเดียวหรอกย่ะที่รู้ทันชาวบ้านเขาไปหมด ที่ฉันรู้ก็เพราะบังเอิญเห็นเธอเมื่อวันก่อน ช่วงนี้นินจาหมู่บ้านอื่นมากันตั้งเยอะ …สงสัยจะเรื่องสอบจูนิน” ในช่วงเวลาฉับพลันหลังถ้อยคำสุดท้ายถูกเอื้อนเอ่ย กระแสความรู้สึกที่เคยสงบนิ่งท่ามกลางบรรยากาศเรียบเฉยก็สั่นคลอน แม้จะเป็นแค่ริ้วคลื่นระลอกตื้นๆ คล้ายประหนึ่งมีวัตถุหล่นกระทบผิวน้ำ หากมันก็มันส่งผ่านถึงซากุระชั่วแวบหนึ่ง แรงสั่นคลอนเพียงนิดด้วยสัมผัสพิเศษที่มักรู้เท่าทันนี้เองมาจากทายาทตระกูลนารา เด็กหนุ่มผู้ใช้วิชาเงามีความสามารถสูงในการจับเค้าลางความผิดปกติ เขามีลางสังหรณ์ดีจึงได้ชะงักไป คิ้วพาดเฉียงบนใบหน้าคมคายเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างเฝ้าสังเกต – ความจริงที่ไม่อาจหลีกหนีคือ สะเก็ดไฟดังกล่าวเปรียบได้กับแรงจูงใจที่ชักนำให้ฮารุโนะ ซากุระเลือกจะโยงประเด็นถามเพื่อนหนุ่มให้ชัดแจ้งนั่นเอง และก็เพราะคนกุมข้อมูลนั้นเป็นชิกามารุ เรื่องเลยยากจะจัดการให้บรรลุจุดประสงค์ นารา ชิกามารุเป็นได้ทั้งเพื่อนจอมเบื่อหน่าย เรื่อยเฉื่อยไปตามอารมณ์ และจูนินผู้ตรงไปตรงมา จริงจังเคร่งครัดต่อหน้าที่ ความเยือกเย็นของเด็กหนุ่มทำให้เธอไม่อาจรับมือ อ่านความคิดหรือล้วงข้อมูลใดๆ เด็กสาวแห่งฤดูใบไม้ผลิควบคุมอารมณ์พุ่งพล่านขณะสานต่อบทสนทนา
“แล้วปกตินายเอาใจใส่ใครเขาขนาดนี้ที่ไหน ก็ไม่ มีแต่เทมาริซังเท่านั้นแหละ ฉันพูดถูกล่ะสิ” ยากจะตีความว่าเด็กหนุ่มบ้านนาราเคลือบแคลงเธอมากแค่ไหนแล้ว หรือไม่มีสิ่งดึงดูดร่วมกับเรื่องที่เธอกำลังสาธยายเลย คุโนะอิจิประจำทีมเจ็ดเพียงหวังให้ชิกามารุเข้าใจความรู้สึกหว้าวุ่นจวนจะเสียสติแบบที่เธอกำลังประสบอยู่ สักเพียงนิดก็ดีเกินพอ คนใจแข็ง หนักแน่นเสียยิ่งกว่าอะไรเช่นเขา อาจยอมเผยข้อมูลบ้าง แม้คำเดียวสำหรับเธอตอนนี้ก็มีค่ามากมาย รักนั้นเป็นสิ่งร้อนแรง ผลักดันให้มนุษย์กระทำสิ่งเหลือเชื่อขัดต่อหลักใดๆ ได้เสมอ “นายก็มีคนสำคัญของนาย คงเข้าใจใช่ไหม เหมือนๆ กับที่คนสำคัญของฉันก็ยังคงเป็นซาสึเกะคุง”
“ต่อให้จะต้องทำอะไร ถ้าเกี่ยวกับซาสึเกะคุงแล้ว ฉันยอมทุกอย่าง” ประโยคสุดท้ายเน้นหนักแฝงนัยยะสำคัญโดยผิดวิสัย ภายในนัยน์ตาสีมรกตนั้นวาววับขึ้นทีละน้อยจนท้ายสุดความรู้สึกว้าวุ่น ยากที่จะรู้และต้องการปกป้องสิ่งสำคัญของตนก็ผลักดันให้มันเป็นด้วยประกายแรงกล้าจนชิกามารุไม่อาจละเลยภัยคุกคามจากคุโนะอิจิร่วมรุ่นคนนี้ได้อีกต่อไป เพราะเธอกำลังจะข้ามล้ำเส้นมาด้วยประเด็นซึ่งเขาสังหรณ์ว่าไม่ได้มีข้อจำกัดของเรื่องเพียงแค่ที่พูดแน่นอน เด็กหนุ่มล้มเลิกความวางเฉย ละทิ้งความไว้วางใจและสิ่งที่ตั้งใจจะมองข้ามกลับมาสวมบทบาทของนินจาแห่งโคโนะฮะที่ห่างเหิน พร้อมระแวดระวังผลซึ่งอาจกระทบต่อหมู่บ้านรวมถึงภารกิจในรับผิดชอบ ดวงตาคมกริบดังพญาเหยี่ยวของทายาทตระกูลนาราโชนแสงรุนแรงไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เรื่องนี้แม้กับเพื่อนก็ไม่สามารถเอ่ยปาก เพราะถ้าอย่างนั้นอันตรายก็จะตกแก่ผู้ได้รับรู้ด้วยเช่นกัน แถมทั้งข้อจำกัดที่ว่าข้อมูลอาจกระจายตัวเป็นวงกว้างด้วยมากคนก็มากความ ฉะนั้นปฏิกิริยาตอบสนองอันเย็นชาใดๆ ของจูนินใต้คำสั่งขึ้นตรงเฉพาะโฮคาเงะ หรือความน่ากลัวซึ่งเขาแผ่ออกมาควบแน่นกับอากาศรอบตัวประดุจไอน้ำยะเยือกโดยไม่ทันยับยั้งจึงไม่เกินกว่าเหตุ สภาวะสบายๆ ครู่ก่อนพลันหนักอึ้ง ชิกามารุเริ่มปิดกั้นจิตใจสู่ความเยียบเย็น
“นายรู้แล้วสินะ!” เด็กสาวยิ้มตื่นเต้นระคนยินดี เป็นเหตุให้ชิกามารุไม่สบายใจ การแสดงออกอันขัดแย้งของซากุระบ่งบอกชัดเจนว่าเธอกำลังสับสนในอารมณ์ซึ่งคงกำลังตีกันยุ่งเหยิง เด็กหนุ่มนึกห่วงเพราะครู่ถัดมาเธอก็หดหู่และดูสิ้นหวังอีกครั้ง
“ระดับนายคงรู้แล้วว่าฉันพอรู้บ้างแล้ว ดูจากท่าทีนายตอนนี้สิ ชิกามารุ ขอร้องล่ะอย่าปิดรายละเอียดอีกเลย… ถ้าเป็นคนสำคัญของนายล่ะ ถ้าเป็นเทมาริซังนายจะทำยังไง ถ้าสิ่งเดียวที่ทำให้นายรู้สึกว่าเขามาอยู่ใกล้แค่เอื้อม ข่าวคราวเดียวที่เพิ่งมีหลังจากไม่ได้รับรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยมาอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่นายไม่มีสิทธิรู้หรือได้ช่วยอะไรสักอย่าง นายจะรู้สึกยังไง ใจฉันจะขาดแล้ว …ได้โปรด” ปลายเสียงอ้อนวอนคงสั่นคลอนใครหลายๆ คนได้ หากไม่ใช่กับเด็กหนุ่ม การไม่พูดก็เป็นการปกป้องซากุระในทางหนึ่ง เขาพยายามย้ำกับตัวเองเช่นนั้นเพื่อไม่ให้โอนอ่อนไปตามความอ่อนแอของสตรีเพศที่เด็กสาวตรงหน้ากำลังแสดงออก และใช้แค่ท่าทีเย็นชาแทนการปฏิเสธคำขอร้องฟูมฟายนั่นอยู่นานจนเธอเริ่มจนตรอก ส่วนหนึ่งในใจเขายอมรับว่าค่อนข้างไม่พอใจที่ซากุระใช้เทมาริเป็นเครื่องมือเปรียบเทียบ หรือนำมาเกี่ยวโยงด้วย เทมาริคือคนสำคัญก็จริง หากเขากับเจ้าหล่อนใช้นิยามคำว่าคนสำคัญแบบที่ซากุระหมายความตามนั้นกับอุจิวะ ซาสึเกะไม่ได้ หญิงสาวจากทะเลทรายเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวนอกจากแม่ที่เขายกไว้เหนือกว่าสตรีคนอื่น ใครก็อย่าหวังจะมาแตะต้องเธอด้วยทั้งวาจา การกระทำ หรือแม้กระทั่งระรานทางความคิด – พิเศษ – คำนี้น่าจะใช้อธิบายได้มากกว่า
แต่ความจริงคือ เด็กหนุ่มไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างคำว่าพิเศษกับสำคัญ เนื่องจากถ้าว่าตามความรู้สึกของชิกามารุแล้ว หากเขายกหนึ่งในสองคำนี้ให้ใคร คนนั้นจะถือว่าทั้งพิเศษและสำคัญต่อเขาทั้งหมด – เธอเป็นคนสำคัญและพิเศษเหนือกว่าคนอื่นๆ เท่านั้นเอง ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้อันเฉียบคมทอดมองความผิดหวังต่อความปราชัยซึ่งเริ่มผันแปรเป็นการยอมแพ้แล้วเข้าสู่หนทางแห่งความกราดเกรี้ยวที่ท้ายสุดก็ปรากฏบนดวงหน้าโกรธจัด คราแรกเขาคิดว่าเด็กสาวจะร้องไห้ หากเธอกลับไม่เสียใจแต่กล่าวโทษผู้อื่นด้วยความโมโห ดังนั้นความเห็นใจจึงระเหยหายไป หลงเหลือแค่ความเป็นห่วงที่มีมาตั้งแต่เด็กสาวเปิดฉากคาดคั้นอย่างหนัก เด็กหนุ่มทายาทตระกูลนาราถอนหายใจ ก่อนคลายสีหน้าเคร่งให้ลดความกระด้างลง ทว่ายังเฉยชาไม่เปลี่ยน เขามองอีกฝ่ายอย่างเหนื่อยหน่ายยามเธอดึงกลับประเด็นเดิม
‘เฮ้อ… ผู้หญิงนี่นะ’ อาจเพราะเจอแต่ผู้หญิงคนพิเศษกระมัง พอห่างเหินจากผู้หญิงปกติไปนานถึงได้เพิ่มความระอาต่อเพศตรงข้ามขึ้นอีกเมื่อต้องเผชิญหน้ารับมือความเสียหายซึ่งแปรผันตรงต่อความเปราะบางของสตรี ถึงกระนั้นแม้ชิกามารุจะขยาดผู้หญิง แต่ก็เป็นสุภาพบุรุษพอจะให้เกียรติและรู้สึกเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแล ปกป้องพวกหล่อนในฐานะผู้ชาย เขายอมรองรับอารมณ์ซากุระเพื่อปกป้องเธอ
“นายจะนั่งเงียบกวนประสาทคนไปอีกนานแค่ไหน ฉันพูดกับนาย ขอร้องนายก็แล้ว พูดแค่สั้นๆ นายก็น่าจะเข้าใจได้ง่ายๆ เลยนี่ ฉันให้คำขาดกับนายเป็นครั้งสุดท้ายนะ บอกข้อมูลทั้งหมดกับฉัน” อย่างผิดกฎร้ายแรง การมาขอข้อมูลภารกิจจากนินจาผู้รับผิดชอบนั้นถือว่ามีความผิด เพราะสิ่งเหล่านั้นถูกตราว่าเป็นความลับแต่เริ่มแรก หากความหวังที่มีรวมทั้งความเกี่ยวพันต่อชื่ออุจิวะผู้เหลือรอดทำให้ดวงตาเด็กสาวพร่ามัว มองไม่เห็นสิ่งไหนนอกเสียจากเป้าหมายที่ต้องการ ซากุระขู่เพื่อนหนุ่ม สีแดงก่ำบนแก้มตัดกับผิวขาวจนเห็นชัดว่าเธอกำลังเดือดพล่านมากเพียงใด ชิกามารุอ่อนใจ เด็กสาวเพิ่งปิดโอกาสตัวเอง เขาหวังจะละเว้นและมองข้ามเธอเนื่องจากความห่วงใยประสาเพื่อน ไม่ซักไซ้เอาความ และคิดจะโยงใยตัวการโดยวิธีการอื่นแทน เพราะคนที่บอกข้อมูลนี้แก่ซากุระ คงไม่พ้นเหล่าสมุนงูซึ่งไม่ยอมคะเนว่าดาบอาจย้อนแทงพวกมันได้ สมองอันปราดเปรื่องอ่านเกมตามการเดินหมากของศัตรูพลางคาดการณ์หาทุกความเป็นไปได้สำหรับหมากตาต่อไป เหล่าลูกงูคงหวังทำลายฮารุโนะ ซากุระ หรือมอบสถานะตัวแปรที่อาจเป็นปัจจัยก่อความเสียหายต่อหมู่บ้านในทางหนึ่งให้เธอ ชิกามารุมุ่งหมายจะออกล่าด้วยความรู้สึกเหมือนผู้ล่าที่ลับคมเขี้ยวจ้องจะตะครุบเหยื่อซึ่งเริ่มเผยหางให้เห็นโดยไม่ระวัง
“เธอรู้ใช่ไหมว่านารุโตะฝากเธอไว้กับฉันก่อนออกเดินทาง” ถ้าดูจากสถานการณ์แล้ว คงกล่าวได้ว่าเด็กหนุ่มแห่งบ้านตระกูลนาราเป็นคนที่ใจเย็นมากทีเดียว เขาพูดราบเรียบด้วยน้ำเสียงสงบแฝงความเคร่งขรึมเพื่อกำกับว่ายังถือเป็นเรื่องจริงจัง ทั้งยังมั่นคงเพื่อรับประกันความมั่นใจ อยากจะโน้มน้าวให้ฝ่ายตรงข้ามอ่อนลง “ฉันไม่อยากรู้หรอกว่าเธอรู้ภารกิจนี้มาได้ยังไง เพราะมันคงไม่ได้มาด้วยวิธีที่ถูกต้องแน่ใช่ไหม แต่ซากุระ ฉันอยากให้เธอตั้งสติให้ดีก่อนจะทำอะไร มันเป็นภารกิจโดยตรงจากโฮคาเงะ ถ้าทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังคนจะโดนโทษทัณฑ์น่ะคือตัวเธอเอง อย่าแทรกแซงภารกิจ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนินจาที่รับผิดชอบเถอะ เธอมาทำอะไรแบบนี้ไม่เป็นประโยชน์กับตัวเองเลย”
“หน้าที่อีกแล้ว คราวที่แล้วก็นารุโตะ ฉันก็นั่งอยู่เฉยๆ อย่างนั้นน่ะถึงจะเรียกว่าไม่เป็นประโยชน์ นายยังเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่าชิกามารุ!” ผิวชาบนถ้วยดินเผากระเพื่อมเพราะแรงกระแทกยามคุโนะอิจิเพียงหนึ่งเดียวแห่งทีมเจ็ดผลุนผันลุกขึ้นยืนโดยไม่บอกกล่าว ริมฝีปากเม้มแน่นคล้ายสะกดกั้นอารมณ์โกรธเกรี้ยว เธอตั้งท่าจะปั้นปึ่งเดินออกไป ขณะคนในร้านเริ่มหันมามองเพราะเสียงของซากุระได้ดังถึงจุดที่คนรอบข้างรับรู้ เด็กหนุ่มเห็นตาเธอแดง ความหวังที่จะทำให้จิตใจรุนแรงดังพายุโหมของเด็กสาวสงบลงโดยอาศัยเหตุผลซึ่งเธอควรจะมีหลงเหลือบ้างแม้ความโมโหโทโสจะครอบงำอยู่ได้หายไป ดังนั้นความต้องการที่จะซักถามเพื่อเชื่อมโยงถึงตัวการต้นข่าวซึ่งอาจเป็นเหล่านินจาแห่งโอโตะงาคุเระ เหล่าสมุนของโอโรจิมารุ จึงต้องเปลี่ยนแผน ชิกามารุใส่ใจความรู้สึกเพื่อนมากกว่าจะกระทำทุกวิธีให้ได้ผลตามต้องการ ความเป็นห่วงเข้ามาทำหน้าที่ของมันโดยสมบูรณ์แล้ว เด็กสาวเพื่อนร่วมรุ่นเค้นเสียงยื่นคำขาดผ่านลำคอ “ถ้านายตามฉันมานะ ฉันจะปั่นภารกิจนายให้เละและจะทำอย่างที่อย่างทำ อย่าคิดว่าจะหยุดกันได้เลย ฉันไม่ยอมง่ายๆ แค่นี้หรอก”
ความเหนื่อยหน่ายใจทับถมหนักอึ้งจนเด็กหนุ่มบ้านนารายิ่งกว่าระอา เขาไม่ถูกโรคกับผู้หญิงนั่นเป็นความจริงแน่ หากในฐานะเพื่อน ชิกามารุย่อมเป็นห่วงและกลัวว่าอารมณ์เช่นที่ซากุระกำลังประสบอยู่จะส่งผลร้ายต่อตัวเธอเอง เขาลุกตามเด็กสาวด้วยช่วงก้าวรีบเร่ง เสียงส่วนมากดังผ่านโสตประสาทอย่างอื้ออึง ทั้งเสียงเลื่อนเก้าอี้ เครื่องเคลือบที่กระทบกัน เสียงรินชาร้อนๆ หรือแม้บทสนทนาหลากหลายหัวข้อรวมถึงดอกสุมิเระบนเตาโลหะที่ส่งเสียงปะทุอยู่เหนือถ่านไฟคุกรุ่นซึ่งอมความร้อนจนด้านในเป็นสีแดงสุกปลั่ง เด็กหนุ่มหยิบแผ่นกระดาษแข็งยื่นให้หญิงชราตอนผ่านหน้าเคาน์เตอร์พร้อมทิ้งท้ายรวดเร็ว – “ขนมที่สั่งไว้ฝากส่งให้คนตามชื่อและที่อยู่นี้ด้วยนะครับ” ก่อนผลักประตูเปิด เขาเห็นแผ่นหลังเล็กๆ ของเด็กสาวผ่านกระจกกรุ แต่เมื่อกระดิ่งทองเหลืองเหนือบานพับดังกังวานเสียงใสขณะเขาข้ามผ่านออกไปสู่อากาศขมุกขมัวด้านนอก ร่างกายทุกอณูสัมผัสความหนาวที่จับตัวเข้ามาอย่างหมายมาดจะลบเลือนความอบอุ่น ภายใต้ท้องฟ้าที่สวมใส่ม่านหมอกสลัวต่างอาภรณ์ ลมหายใจขุ่นขาวได้ละลายเป็นเนื้อเดียวกับไอบางๆ – อาศัยเวลาเพียงพริบตา ฮารุโนะ ซากุระกลับหายไป
6.
ดูเหมือนข้างนอกนั่นลมจะแรงไม่น้อย หญิงสาวกระชับผ้าคลุมไหล่โดยอัตโนมัติ แม้ตนเองจะได้รับการปกป้องอยู่ในห้องที่ถูกเติมเต็มด้วยไออุ่นจากเครื่องทำความร้อนก็ตาม เธอเป่ามือช้าๆ เพื่อบรรเทาปลายนิ้วเย็นเฉียบ บานหน้าต่างมีไอขาวเกาะตัวบวกกับหยดน้ำพราวก็มากพอให้ไม่สามารถมองผ่านไปยังทัศนียภาพในอีกฝั่งของกระจก คุโนะอิจิแห่งทะเลทรายนั่งลงในโต๊ะโคทัทสึ อุณหภูมิที่กำลังพอเหมาะทำให้รู้สึกสบาย พอซุกตัวนานเข้าก็เกือบผล็อยหลับเพราะหวัดอันเนื่องจากร่างกายจำต้องปรับตัวต่อสภาพอากาศซึ่งเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ทั้งที่กำหนดการสอบจูนินมาจ่ออยู่ตรงหน้าแล้ว แต่เธอกลับไม่ยี่หระ แถมนับวันกลับยิ่งใจเย็นจนเกือบเข้าขั้นเมินเฉย เห็นจะติดนิสัยมาจากใครบางคนที่รู้จักดีเสียแล้ว
ดวงตาสีเขียวครามพยายามเพ่งมองท้องฟ้าที่ถูกฝ้าสีขาวบนกระจกอำพรางจนแทบจำแนกวัตถุหรือสิ่งใดๆ ด้านนอกนั่นไม่ได้ ทว่ากระนั้นหญิงสาวก็ยังพึงใจจะจับจ้องผืนนภาสลัวคล้ายมันเป็นเหมือนตัวแทนหนึ่ง สำหรับเทมาริการพำนักที่โคโนะฮะหมายถึงนารา ชิกามารุไปแล้ว การยอมรับว่าตนเองกำลังรอให้เด็กหนุ่มบ้านนารามาทำตามสัญญาที่รับปากไว้หรือหาเหตุผลที่ว่าทำไมถึงยังรอนั้น ไม่ยาก แต่การที่หญิงสาวจะรู้ใจตัวเองได้เสียทีนี่แหละยากกว่า มันแย่ที่สุดเพราะเทมาริไม่คิดจะรู้สึกตัวเลยสักเพียงนิด คุโนะอิจิจากทะเลทรายนั่งหลังเหยียดตรงอย่างผ่าเผย เธอมีความหยิ่งทระนงแฝงอยู่ทุกอิริยาบถ แต่บุคคลเดียวที่สามารถมองทะลุผ่านท่าทีภายนอกอันห่างเหินหมางเมินนี้มาคือผู้ชายขี้แงจอมเหนื่อยหน่าย แล้วจะไม่ให้เด็กหนุ่มขี้เบื่อคนดังกล่าวมีความสำคัญกว่าใครคนไหนที่เคยรู้จักได้หรือ เธอมีเพื่อนไม่มากนัก อย่างน้อยก็แทบไม่นับใครเป็นเพื่อนเลยมิอาจกล่าวได้ว่าทายาทตระกูลนาราคือเพื่อนคนพิเศษ เพราะที่ผ่านมาเขายิ่งกว่าเพื่อนสนิท เธอเปิดใจทั้งยังสนิทใจ กระทั่งชอบที่จะอยู่ด้วย แต่คงไม่เหมาะนักหากใช้คำว่าพิเศษกว่าทุกคนเพื่อบ่งบอกสถานะของชิกามารุ หญิงสาวปล่อยผ่านวังวนความคิด ลื่นไหลไปตามความง่วงซึม นัยน์ตาคู่สวยถูกสะกดอยู่ ณ ทะเลอากาศเหนือเส้นขอบฟ้า กระแสลมซึ่งไม่ยอมอ่อนข้อต่อสภาพการณ์อันขมุกขมัวพัดแรงส่งเสียงกรีดผ่านอากาศ เกือบสัปดาห์กว่าๆ แล้วนับจากการพบหน้ากันครั้งหลังสุด หากชิกามารุคงกำลังปฏิบัติภารกิจตามมอบหมาย เธอรู้ว่าเขาเป็นคนเช่นไร จึงเข้าใจดี ลึกๆ แล้วท่ามกลางอารมณ์หน่ายเซ็ง ความมุ่งมั่นต่อหน้าที่ก็มีมากพอกัน เช่นเดียวกับความตระหนักรับผิดชอบ ซึ่งจุดนี้เอง จะอย่างไรเด็กหนุ่มต้องรักษาคำมั่นแน่
แต่แค่ไม่ใช่ในเร็วๆ นี้เท่านั้น จิตใต้สำนึกของหญิงสาวถูกย้ำเตือนด้วยสังหรณ์บางประการ หลายชั่วโมงก่อนตอนเข้าติดต่อหอรักษาการณ์หมู่บ้านโคโนะฮะ นินจาประจำการณ์กำลังวิ่งวุ่นผิดสังเกต ด้วยสัญชาตญาณเธอถึงจับความพอปะติดปะต่อเนื้อหา จนเข้าใจได้ว่ามีบางสิ่งผิดพลาดและเป็นที่เร่งด่วนเกิดขึ้น ฟังว่าเหตุเพราะคำสั่งฉุกเฉินจากโฮคาเงะให้ติดตามตัวคุโนะอิจิคนหนึ่งซึ่งหายไปพร้อมหลักฐานสำคัญนั่นเอง นั่นหมายความว่าเป็นเรื่องภายใน เช่นนั้นเธอจึงรีบปลีกตัวออกมาทันทีหลังจัดการกิจธุระเสร็จสิ้นเนื่องจากไม่ต้องการแทรกแซงหรือรับรู้เรื่องที่โคโนะฮะงาคุเระกำลังเผชิญนอกจากอีกฝ่ายจะอยากให้ทราบ ก็หากอยู่นานกว่านั้นต้องรู้ลึกเกินสมควรแน่ สมองฉับไวของเทมาริกลั่นกรองข้อมูลได้เร็วไม่น้อยหน้าใคร บางครั้งเลยน่าหนักใจถ้ามันเป็นเรื่องที่ไม่ได้รู้คงจะดีกว่า อากาศหนาวออกอย่างนี้ พายุหิมะคงพัดโหมอย่างแรงทีเดียว
ดวงหน้าสวยคมของหญิงสาวผู้มาจากทะเลทรายปรากฏเพียงความราบเรียบในอารมณ์ หากแท้จริงแล้ว ลึกลงไปกลับเต็มตื้นด้วยความคาดหวังอันกระตือรือร้น ความไม่รู้ตัวของเธอเองนั่นแหละที่กลบกลืนและปิดทับมันไว้ สำหรับเทมาริ แค่เพียงรู้สึกว่ายังมีเด็กหนุ่มหน้าตายหรือจะแค่เพียงคำสัญญาของเขา เธอก็อุ่นใจมากเกินพอสำหรับการอยู่ที่โคโนะฮะ แต่ถ้าได้เจอกัน ได้แกล้งนาคิมุชิคุงเล็กๆ น้อยๆ ก็คงไม่เลว เวลานี้คุโนะอิจิแห่งซึนะควรหันมองภาพสะท้อนบนกระจกว่าตนมีสีหน้าดีเพียงไร หญิงสาวกำลังอมยิ้มเมื่อคิดถึงช่วงเวลาในความทรงจำ – อมยิ้มหวานละมุน มือเปิดหนังสือหน้าแล้วหน้าเล่า ผันผ่านไปราวกับมันไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด นัยน์ตาคู่สวยหลุบต่ำ คล้ายด่ำดิ่งสู่เรื่องราวบนบทประพันธ์ทว่าใจของเธอไม่ได้จดจ่ออยู่ที่เนื้อหาแต่อย่างใด ไม่เลย แพขนตาหนาสีอ่อนอำพรางความอ่อนหวานที่ส่งผ่านออกมายามเจ้าตัวค่อยๆ กระตุกยิ้มมุมปากให้กับห้วงภวังค์แห่งความจำที่เถรตรงต่อหน้าที่เหลือเกิน
สิ่งเดียวที่เห็นจะยุติและฉุดดึงเทมาริขึ้นมาได้คือเสียงกริ่งซึ่งดังขัดจังหวะ มันเป็นเสียงเดียวที่ปรากฏท่ามกลางความเงียบสงัดของห้องอันอุ่นสบาย หญิงสาวปิดหนังสือลงอย่างเชื่องช้าด้วยท่วงท่าสง่า ความเมินเฉยบนใบหน้าที่กลับมาไม่เปลี่ยนเลยสักเพียงนิด ความอ่อนโยนเลือนลับหายเหมือนดังเช่นวังวนภาพฉายเมื่อครู่ ร่างบางระหงยันตัวลุกยืนอย่างนิ่มนวลและมั่นคง หากจะใช้คำที่สามารถอธิบายได้ก็คงต้องกล่าวว่าผู้หญิงที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีกระมัง บุตรสาวคนเดียวในคาเสะคาเงะรุ่นที่สี่มุ่งสู่ต้นตอเสียง ท่อนขาสมส่วนก้าวไปตามโถงทางเดินจนท้ายสุดสีน้ำตาลของประตูไม้ก็อยู่เบื้องหน้า
อาศัยเวลาเพียงชั่วอึดใจ น่าแปลกที่ภาพบุคคลแปลกหน้าซึ่งแสดงผ่านมุมมองอันบิดเบี้ยวของช่องตาแมวไม่ทำให้เธอรู้สึกหวาดระแวง ส่วนหนึ่งในตัวเธอบอกว่าเขามาอย่างเป็นมิตร มือเรียวสวยจึงเอื้อมไปเปิดประตู เทมาริดึงลูกบิด แผ่นไม้สีน้ำตาลค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาเหมือนเปิดม่านให้ภาพท้องฟ้าสีมัวด้านนอกได้ลงแสดงประหนึ่งมันเป็นตัวเอกของเหมันต์ที่ปกคลุมหมู่บ้านซึ่งซ้อนเร้นอยู่ใต้เงาไม้ ในบรรดาทัศนียภาพภายนอกที่ถูกเปิดกว้าง เด็กชายร่างเล็กถอดหมวกพลางยิ้มตอบรับด้วยท่าทีสุภาพ คงเพราะเธอทำสีหน้าฉงนกลับไป เขาเลยยิ่งฉีกยิ้มกว้างขัดกับใบหน้าทะมึงถึงมากขึ้น หญิงสาวสังเกตว่าอีกฝ่ายถือถุงกระดาษใบใหญ่ที่ต้องอุ้มด้วยสองมือ – “สายัณห์สวัสดิ์ครับ ผมมาจากร้านขนมฮิจิกิตรงตรอกสาม มีคนฝากของกับการ์ดมาให้นะครับ” จนถึงตรงนี้เธอก็ยังงุนงง แต่เด็กชายผู้มาเยือนหาได้สนใจความจริงข้อนั้นไม่ เด็กๆ เป็นลูกของพระพาย ลมเย็นเริ่มพัดหอบเอาความหนาวกัดกร่อนไออุ่นรอบตัวเทมาริลงเกือบหมด แก้มขาวเนียนเริ่มมีเส้นเลือดฝอยสีฝาดเมื่อเผชิญสภาพอากาศที่ร่างกายไม่ใคร่จะคุ้นเคย แม้จะเริ่มปรับตัวได้แล้วก็ตาม หากเข้าขั้นชินก็คงยาก เธอพยักหน้ารับคำผู้มาเยือนเหนือความคาดหมายไปพลาง แม้จะมั่นใจว่าหนุ่มน้อยเจ้าของเสียงสดใสคนนี้กำลังดำเนินการผิดพลาด เขาส่งของผิดที่แน่ ทั่วทั้งโคโนะฮะงาคุเระจะมีใครมอบสิ่งใดให้คุโนะอิจิต่างหมู่บ้านกัน – กระนั้นหญิงสาวผู้มาจากหมู่บ้านใต้เงาทรายก็พบคำตอบแทบจะทันทีที่นึกอ่อนใจ “ชิกามารุซังจากบ้านนารา อ้อพี่ชิกามารุนั่นเอง ฝากให้เทมาริซัง …นี่ชื่อพี่สาวใช่ไหมครับ” บนกระดาษแข็งที่อีกฝ่ายเอียงให้ดูเขียนด้วยลายมืดหวัดๆ ตามประสาผู้ชายช่างเหนื่อยหน่าย
ตัวหนังสือปรากฏเป็นชื่อและที่พักของเธอในโคโนะฮะ ต้องยอมรับว่าหญิงสาวตั้งตัวไม่ติด การ์ดที่ตัดมาจากกระดาษแข็งเรียบๆ นั้นเป็นฝีมือเด็กหนุ่มก็จริง เหตุใดชิกามารุจึงส่งของมาโดยปราศจากการบอกกล่าว หรืออาจมีเวลาไม่พอจะพบหน้า เด็กชายผู้มาเยือนไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ร้อยเรียงความคิดออกมาเป็นคำถามก็ชิงตัดหน้าเสียแล้ว “งั้นเซ็นชื่อรับตรงนี้นะครับ” เขายื่นปากกาใส่มือ สายตาพินิจมองเธอด้วยรอยยิ้มกว้างแบบเด็กน้อยอารมณ์ดี – “เพราะอย่างนี้เอง ผมเห็นก็ชักจะเข้าใจแล้ว พี่ชิกามารุตั้งใจเลือกขนมให้พี่สาวมากเลยนะครับ เขาเหมือนจะรู้ใจพี่สาวดีเลยแหละ ผมว่าต้องถูกใจแน่ พี่สาวดูเองแล้วกัน ก็อย่างพี่ชิกามารุน่ะผมเล่นด้วยมาตั้งแต่ผมยังเด็ก ไม่เห็นจะเคยเอาใจใส่ใครขนาดนี้ แถมพี่สาวก็ยังไงดีล่ะ… ผู้หญิงตัวจริงเสียงจริง แหมว่าแล้วก็ว่าพี่สาวโชคดีจริงๆ นะครับ พี่ต้องเจ๋งมากแน่ๆ” – เขาไม่เผยช่องว่างให้เธอซักไซ้เลย เด็กชายผิวปากคลอไปตามลมหนาวพลางพูดอย่างร่าเริง ตอนเธอคืนสมุดลงชื่อก็เกือบจะสบจังหวะได้เอ่ยปาก หากเขายกปีกหมวกแล้วก้าวเท้าลงบันไดจากไปรวดเร็วพอๆ กับตอนปรากฏตัว เทมาริไม่อยากเรียกเพียงเพราะความสงสัยเล็กน้อย มืออุ้มห่อกระดาษที่เด็กชายร่างเล็กมอบให้ แม้สงสัยใคร่รู้ต้นสายปลายเหตุเพียงไร แต่ความจริงคือน้ำหนักของมันเติมเต็มบางสิ่งในใจเธอ
“ทานขนมให้อร่อยนะครับ” เสียงดังทิ้งท้ายตัดผ่านท้องฟ้าและพื้นซึ่งขาวละเอียดด้วยน้ำมือของหิมะ ความหนาวทำให้เทมาริไม่คิดอ้อยอิ่ง คุโนะอิจิแห่งทะเลทรายประคองห่อของในมือเพื่อปิดประตู บอกลาฤดูหนาวซึ่งกำลังอาละวาดทุกส่วนบนผืนแผ่นดิน มือเลื่อนผ้าคลุมที่หลุดลงจากไหล่ให้กลับสู่ที่สมควร ไออุ่นด้านในเอ่อล้นขึ้นมาทันทีที่ช่องประตูปิดสนิทลง
ชั่วหัวใจเต้นจังหวะเดียวหลังทุกอย่างที่ประดังสงบ เธอก็แจ้งแก่ใจ มันคล้ายกระแสไฟฟ้าที่แล่นปราดขึ้นมาโดยอัตโนมัติยามวงจรรอบด้านกำลังสับสน จากนั้นความวุ่นวายทั้งหมดก็หยุดชะงักลงเพราะสิ่งที่เธอรู้ดีมาตลอดช่วยบอกเล่า รองรับทุกเหตุผลได้กระจ่างแจ้ง ดวงตาสีเขียวครามมองถุงในมืออย่างละมุน คราแรกเทมาริไม่สามารถหาข้อมูลที่พอจะสรุปการมาเยือนกะทันหันของเด็กชายร่างเล็กกับถุงกระดาษสีน้ำตาลใบใหญ่ได้เพราะมัวตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียวอันเนื่องจากสภาพการณ์ถาโถม เธอไม่ใช่คนหัวช้าและในฐานะคุโนะอิจิก็ย่อมต้องประมวลผลข้อมูลได้ฉับไว แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครควรอนุมานได้ – เว้นเจ้าของของขวัญนี่ไว้คนหนึ่งแล้วกัน เพราะระดับสติปัญญาหมอนั่นปรายตามองก็คงรู้ต้นสายปลายเหตุทั้งหมด – เมื่อไม่กี่นาทีก่อน ตอนเธอจะออกมาเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนเหนือความคาดหมายคนนี้ เธอรู้ข้อเท็จจริงเพียงว่ามันมาจากเด็กหนุ่มจอมขี้เบื่อหมดไฟที่ไม่ได้พบหน้ากันเกือบสัปดาห์แม้จะมีคำสัญญาคอยรับประกันไว้ว่าเราจะต้องได้เจอกันอีก ซึ่งเธอเชื่อว่าด้วยนิสัยเขาต้องทำตามที่รับปากอย่างแน่นอน มันถึงเป็นตัวรับรองหนึ่งที่ยิ่งกว่าเชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ในช่วงระยะเวลาที่เธอยังอยู่โคโนะฮะงาคุเระ แต่หลังรับมือเหตุการณ์ปุบปับผ่านพ้นไปจนมีเวลาพอตั้งตัว เธอจึงรู้ได้เดี๋ยวนี้เองว่านี่เป็นของขวัญมัดจำซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในคำสัญญานั้น หากชิกามารุกังวลที่ยังไม่มีเวลาพอจึงส่งความรับผิดชอบส่วนหนึ่งมาต่างตัวแทน หญิงสาวหยิบการ์ดขึ้นมาพลิก ข้อความด้านหลังดูตั้งใจเขียนกว่าลายมืดหวัดๆ ข้างหน้า
:มัดจำไว้ก่อนแล้วกันยัยโหด
เพราะอย่างไรเขาทั้งสองก็รู้จักกันและกันดีอย่างไม่อาจมีข้อเท็จจริงใดมาเปลี่ยนแปลง ถ้าใครสักคนจะเข้าใจเจตนาหรือกระทั่งตัวตนของนารา ชิกามารุก็คงไม่พ้นหญิงสาวผู้มาจากทะเลทราย คุโนะอิจิแห่งซึนะคลี่ยิ้มด้วยเสียงขบขันในลำคอเพราะตนเองสามารถอ่านทางเด็กหนุ่มออก ทั้งยังตรวจคำตอบได้ว่าถูกต้องเสียด้วย ก็เหมือนที่ขนมทุกอย่างได้รับความพึงพอใจจากเทมาริ สำหรับทายาทตระกูลนาราเองก็ถือว่ามีฝีมือไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน หญิงสาววางถุงกระดาษลงบนโต๊ะโคทัทสึ รอยยิ้มหวานล้ำเคลือบบนใบหน้าซุกซน ไม่ละลายหายไปเลยตอนตรวจดูของด้านใน ถ้าจะบอกว่ามีความสุขอย่างไร เธอเองก็เปรียบเปรยไม่ได้ เพราะหาได้รู้สึกตัวว่าใบหน้ากำลังยิ้มแย้มยินดีสักเพียงไหน ทว่าหากรู้ก็ไม่สามารถหาสิ่งเปรียบได้เสมอกัน อันที่จริง เทมาริไม่ได้คิดว่าตัวเองมีความสุขหรือดีใจอะไรกับของขวัญตรงหน้า แต่ถ้าเจ้าตัวที่คิดเช่นนั้นได้ออกไปยืนท่ามกลางสภาพอากาศในเวลานี้ก็คงไม่รู้สึกถึงความหนาวแม้เพียงนิด
มันนำพาความอบอุ่นใจโดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด ราวกับฝ้าบนกระจกค่อยๆ ละลายลงไปพร้อมกับเหมันต์ที่ถูกฤดูใบไม้ผลิกลืนหาย ตอนคันคุโร่กลับมาแล้วถามถึงขนมกินเล่น เธอตอบไปว่าไม่มี
7.
บนโต๊ะมีกรอบรูปหนึ่งที่มองแค่ภายนอกก็รู้แล้วว่ามันคงได้รับการดูแลอย่างดี และถูกหยิบจับบ่อยครั้งที่สุด ทุกร่องรอยสัมผัสถ่ายทอดออกมาเช่นนั้น ชิกามารุมองภาพถ่ายของสมาชิกทีมเจ็ดอย่างนิ่งขรึมแม้ใจจะรู้สึกหดหู่ เขาพยายามไม่เบือนสายตาไปทางเด็กสาวผู้ตกสู่ห้วงภวังค์ เธอกำลังนอนไม่ได้สติด้วยฤทธิ์ของยาที่ซึนาเดะฮิเมะ โฮคาเงะรุ่นที่ห้าจ่ายให้เพื่อมอบห้วงนิทราอันยาวนานตราบเท่าที่ท่านหญิงซึนาเดะจะเห็นว่าทุกสิ่งเริ่มอยู่ในความควบคุม ฮารุโนะ ซากุระจำเป็นต้องหลับ – ท่านหญิงแห่งเซ็นจุแสดงจุดประสงค์เช่นนั้นทันทีที่จูนินใต้สังกัดจับกุมตัวคุโนะอิจิแห่งทีมเจ็ดได้สำเร็จโดยปราศจากความสูญเสีย
ยามหลับเด็กสาวช่างดูไร้เดียงสา นอกจากความเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของโฮคาเงะแห่งโคโนะฮะที่ก้าวเดินไปมาอย่างตรึกตรองก็ไม่มีอะไรเข้าบงการห้องอันมืดสงบนี้ได้ดีเกินกว่าความเงียบอีกแล้ว โกะไดเมะเข้าใจดีว่าชิกามารุกำลังกล่าวโทษตัวเองอย่างที่ทำเสมอ เมื่อเรื่องนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุจิวะคนสุดท้ายหรือส่งผลกระทบต่อเพื่อนพ้องของตน เด็กหนุ่มละอายใจที่เป็นเหตุให้ฮารุโนะ ซากุระต้องถูกควบคุมตัว ซึนาเดะฮิเมะเพ่งความสนใจไปยังใบหน้าราบเรียบซึ่งซ่อนอยู่ใต้เงามืด แถบแสงสีขาวจากดวงจันทร์และบริวารดารดาษเป็นความสว่างเดียวที่เติมเต็มเข้ามา ค่ำคืนคลี่คลุมผืนฟ้าเข้มราวกับไม่เคยต้องแสงสว่าง ตอนดวงอาทิตย์ยังคงทำหน้าที่บนท้องนภา นารา ชิกามารุนำข้อมูลเร่งด่วนขึ้นแจ้งต่อเธอ นั่นจึงนำมาซึ่งการตัดสินใจอันบีบคั้น เพราะแม้การหลบหนีรวมถึงการล่วงรู้เนื้อหาภารกิจสำคัญโดยมิชอบนับเป็นความผิดฐานหนึ่งก็จริง ทว่าคุโนะอิจิแห่งทีมเจ็ดไม่อาจมีชัยเหนืออารมณ์ส่วนตัว อีกทั้งไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้ ถ้าไม่ลงมือทันท่วงทีผลร้ายที่ตามมาคงไม่พ้นมากเท่าทวีคูณ
มันร้ายแรงถึงขั้นเสี่ยงต่อความมั่นคงตรงที่เด็กสาวถูกอารมณ์ส่วนตัวเอาชนะ และมีอิทธิพลเหนือสำนึกผิดชอบของตน
ดังนั้นการตัดสินใจของชิกามารุถูกต้องแล้ว เมื่อเด็กหนุ่มบ้านนารานำเรื่องขึ้นรายงานต่อเธอ คำสั่งพิเศษก็ถูกถ่ายทอดยังเหล่าจูนินที่ขึ้นตรงต่อโฮคาเงะรวมถึงนินจารักษาการณ์หมู่บ้าน สั้นๆ เพียงว่าจับกุมคุโนะอิจิคนหนึ่งที่หลบหนีพร้อมข้อมูลสำคัญ จึงควบคุมเพลิงที่อาจลุกลามด้วยเชื้อความโกรธไม่ให้บานปลาย ทั้งยังสามารถจำกัดวงความเสียหายไว้ในกำมือได้ ท่านหญิงแห่งเซ็นจุหยิบกรอบรูปขึ้นมา มันจุดชนวนนำพาความคิดของเธอหวนกลับไปสู่อดีต ซึนาเดะฮืเมะหัวเราะขื่นๆ ยามเห็นอดีตกำลังเล่นทับภาพปัจจุบัน ต่างกันแค่ความสัมพันธ์และสิ่งที่ซากุระรู้สึกนั้นใจเธอไม่เคยสัมผัส อันที่จริงต้องบอกว่าไม่เคยคิด แต่เท่านั้นเธอก็เจ็บมากพอแล้วกับซังนินซึ่งจะไม่มีอีกต่อไป คนหนึ่งแยกตัวด้วยความทะเยอทะยานจนสุดท้ายสองคนที่เหลือก็ต้องปล่อยมือกัน ทีมค่อยๆ กระจัดกระจาย ต่างฝ่ายต่างไปทำเรื่องของตัวเอง “เรื่องที่มันปล่อยวางไม่ได้ แต่ก็ต้องอยู่กับมันให้ได้เนี่ย โหดร้ายอย่างน่าขันเลยล่ะ” – สตรีผู้ได้ชื่อว่าซังนินเหยียดยิ้มก่อนเปลี่ยนน้ำเสียงเหยาะหยันให้กลับเป็นดังเช่นโฮคาเงะ
“ชิกามารุ เธอตัดสินใจได้ดี” โฮคาเงะแห่งโคโนะฮะกล่าวอย่างพึงพอใจ อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นเด็กหนุ่มคนนั้นที่เธอคาดหวังในความสามารถไว้เสียมากมาย คนอย่างซึนาเดะฮิเมะไม่เคยมองคนผิดอยู่แล้ว หลังจากภารกิจชิงตัวอุจิวะผู้เหลือรอดจากโศกนาฎกรรม ท่านหญิงแห่งเซ็นจุคิดมาตลอดว่าเด็กหนุ่มจากบ้านนาราเติบโตขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่มาก และก็ไม่ผิดแต่ประการใดเลย หลักฐานที่ช่วยย้ำความจริงเหล่านั้นคือ ณ ขณะนี้เขาอยู่ในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ใช้ได้ทีเดียว เพราะต่อให้สถานการณ์เช่นไรมาอยู่ตรงหน้าก็ยังสุขุมเยือกเย็น ควบคุมอารมณ์และมุ่งมั่นในหน้าที่รับผิดชอบตรงหน้าโดยไม่อาศัยความรู้สึกส่วนตัวมาทำให้สั่นคลอน
“ในเมื่อซากุระรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้เข้า ยังไงซะเราก็ต้องควบคุมตัว เพราะงั้นให้เธอหลับไปแบบนี้คงจะดีที่สุดแล้ว” ราวกับสตรีผู้ครองตำแหน่งสูงสุดของหมู่บ้านกำลังย้ำความมั่นใจของตนมากกว่าจะเพื่อเอ่ยปากให้ชิกามารุรับรู้ ท่านหญิงซึนาเดะนั่งลงข้างเตียงลูกศิษย์หญิง เงาทอดยาวไปบนพื้นห้องเหมือนรอยประทับสีดำอันเปราะบาง เธอเสมองคราบน้ำตาบนแก้มของเด็กสาวที่หลับใหลด้วยสายตาที่ยากจะบ่งบอกอารมณ์
หากหยดน้ำตาอันสะท้อนกับหมู่ดาวจากดวงตาที่ปิดสนิทของคนบนเตียงส่งผลให้ชิกามารุต้องชะงัก ความคิดวูบผ่าน – ‘ผู้หญิงนี่น่าเบื่อชะมัด’ เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่อคติกับสตรีเพศแต่มีปฏิกิริยากับน้ำตาผู้หญิงอย่างไม่น่าเชื่อ เด็กหนุ่มรู้สึกไม่ดียามเห็นเพศตรงข้ามร้องไห้ – ‘จริงสิ… ถ้าเป็นยัยนั่นคงไม่ทำอะไรน่าเบื่ออย่างนี้แน่’ ชั่วจังหวะนั้น น่าแปลกนักที่เขานึกถึงคุโนะอิจิแห่งซึนะซึ่งเข้มแข็งเกินกว่าจะเสียน้ำตา หรือแสดงความอ่อนแอเช่นการร้องไห้ขึ้นมาแล้วก็เกิดหวั่นใจ คล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นเข้าเกาะกุม เพราะถ้าผู้หญิงตรงหน้าเขาตอนนี้คือเทมาริล่ะ – ความไม่สบอารมณ์เข้าจู่โจมทายาทตระกูลนาราทันที ประหนึ่งราชสีห์ตะครุบเหยื่อด้วยกรงเล็บเดียว เขารู้สึกถึงความโกรธที่พวยพุ่งเมื่อคิดว่าจะมีอะไรมาทำให้หญิงสาวผู้มาจากทะเลทรายต้องร้องไห้ ใจอ่อนยวบและถูกบีบด้วยอารมณ์อันหวิวโหวง
ความรู้สึกอันน่ากลัวเหล่านั้นถาโถมเข้ามาจนชิกามารุนึกใจหายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหม่นแสงในความมืด ด้วยความเป็นห่วงที่เป็นดุจตะกอนตกค้างและความห่วงหาต่อหญิงสาวคนหนึ่งผู้มาจากทะเลทราย เด็กหนุ่มประหวัดถึงน้ำเสียงเกรี้ยวกราดของคุโนะอิจิแห่งทีมเจ็ดที่ดังสะท้อนขึ้น คำพูดที่มีความโกรธเปี่ยมล้น ในขณะที่รอบด้านคืออากาศหนาวซึ่งผสมปนเปกับความอบอุ่นจากถ่านไม้เผาบนเตาโลหะตั้งพื้น เปลวไฟโลมเลียกลิ่นดอกสุมิเระ – ‘ถ้าเป็นเทมาริซังล่ะ ถ้าเป็นเทมาริซังนายจะทำยังไง’ – ใช่ เขาจะไม่ทำให้เทมาริเสียใจเป็นอันขาด เด็กหนุ่มนึกออกว่าคำตอบที่เขาอยากบอกออกไปตอนนั้นเป็นเช่นไร เขาจะไม่มีวันทำให้ผู้หญิงคนนั้นเสียใจแบบนี้ตั้งแต่แรก ใครก็อย่าหวังจะมาทำร้ายเธอ หญิงสาวผู้มาจากทะเลทรายที่นำพาความสดใส ความสบายใจทั้งมวลมาให้เหมือนดังสายลม
8.
ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดมากไปกว่าการสอบจูนินได้ดำเนินเข้าสู่ช่วงที่สองแล้ว ทายาทตระกูลนารานั่งซังกะตายอยู่เหนือเก้าอี้ตัวยาวในห้องพักผ่อนบนหอบังคับการ เขารับกาแฟกระป๋องที่นินจารุ่นพี่โยนข้ามห้องมาอย่างแม่นยำ การพักครึ่งก่อนเริ่มรอบที่สองนี้กินระยะเวลาไม่น้อย แต่ต่อให้นานเพียงไร สำหรับกรรมการคุมสอบแล้วก็ไม่อาจพูดได้ว่าเพียงพอแก่การพักเอาแรงก่อนเริ่มหน้าที่อีกครั้ง อีกฝั่งของบานกระจก เหมันต์ยังคงรุกหนักเหมือนดังเช่นเคย ละอองหิมะเพิ่งหยุดโปรยปรายเมื่อตอนรุ่งสางแต่ก็ทิ้งผลพวงสีขาวสล้างไว้ทุกหย่อมหญ้า เกล็ดน้ำแข็งปกคลุมทั่วทุกพื้นที่ของโคโนะฮะงาคุเระประดุจไอศกรีมเนื้อเนียน ผืนฟ้าเว้าโค้งเหมือนหน้าเลนส์ขนาดใหญ่จึงขาวฟุ้งและดูเซื่องซึม ชิกามารุเปิดกระป๋องแล้วดื่มกาแฟดำอึกใหญ่ก่อนลุกขึ้นยืนไล่เลี่ยกับนินจานายอื่นที่ก่อนหน้านั้นต่างหมกมุ่นอยู่กับการพักผ่อนในรูปแบบของตนเอง เมื่อนาฬิกาแขวนผนังเดินถึงกำหนดเวลา
มือที่เอื้อมมาแตะไหล่ขณะเจ้าตัวกำลังก้าวไปตามทางเดินยาวทำให้เด็กหนุ่มหันไปมองอย่างรู้เท่าทันว่าการเข้ามาทักของนินจารุ่นพี่นายนี้สืบเนื่องจากสาเหตุใด คามิซึกิ อิสึโมะที่รับผิดชอบแฝงตัวเหนือห้องควบคุมกดเสียงเบา เอ่ยถาม – “ทางฝั่งรอบแรกเป็นไงบ้าง” ทายาทตระกูลนาราส่ายหน้าแทนคำตอบ ภายในดวงตามีร่องรอยแห่งการครุ่นคิดและไตร่ตรองอย่างหนัก ความเคลื่อนไหวจากสมุนของโอโรจิมารุตามที่ได้รับข่าวมายังคงเงียบสนิท ในรอบแรกนั้น เขาจับตาดูเกะนินทุกนายซึ่งถูกนำมารวมอยู่ในอาคารเดียวกันเพื่อการสอบหัวข้อจารกรรมข้อมูล แต่ปราศจากเหตุการณ์ผิดปกติใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งนั่นถือว่าผิดธรรมชาติอย่างยิ่ง – ความผิดปกติได้เกิดขึ้นแล้วนั่นเองจากความราบเรียบของสถานการณ์ที่อย่างไรก็ต้องไม่เล็ดลอดสายตาของเขาและฮากาเนะ โคเท็ตสึ นินจารุ่นพี่ผู้แฝงตัวมาสมทบตามคำสั่งมอบหมายจากโฮคาเงะ เงียบเกินไปนี่แหละคือปัญหา ชิกามารุนึกถึงบรรยากาศกดดันและความตึงเครียดท่ามกลางการทดสอบรอบแรก เขาพิเคราะห์แต่ละความทรงจำที่ได้ผ่านสายตาไปอย่างละเอียดถี่ถ้วน – ผลสรุปดังต้องการได้เกิดขึ้นแล้ว
ความไม่ชอบมาพากลอันเนื่องมาจากผลแห่งความเงียบส่งผลให้นินจาทุกนายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับภารกิจลับนี้ไม่อาจวางใจอยู่ได้ ชิกามารุมองผ่านกระจกลงไปยังพื้นหิมะและป่าสนโรยเกล็ดน้ำแข็งละเอียดที่เรียงตัวกันสลับซับซ้อนตามสันเขา จากหอบังคับการที่สูงพอจะเฝ้าระวังทุกอาณาเขตตราบเท่าจุดสิ้นสุดของเส้นขอบฟ้า สนามสอบรอบสองดูจะกว้างมากมายนัก “ตอนนี้นินจาที่เข้าสอบถูกปล่อยตัวเข้าไปในสนามแล้ว พวกเราเองก็ควรจะเริ่มได้แล้วเหมือนกัน” – นินจารุ่นพี่อย่างอิสึโมะกล่าว รอบแรกเพียงแค่การเฝ้าสังเกตการณ์ หากรอบสองนี่คือการลงมือตะครุบเหยื่อที่แท้จริง เหล่าสมุนงูคงเคลื่อนไหวเช่นกัน จากผลสรุปโดยมองผ่านการสอบรอบแรกซึ่งเป็นไปตามต้องการ เด็กหนุ่มแห่งตระกูลนาราก็มีความมั่นใจมากพอ ทั้งยังเตรียมกระทั่งวางหมากตีล้อมไว้โดยสมบูรณ์ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันรู้ตัว เขาเองก็มีสิ่งที่ต้องปกป้อง ต้องขอบคุณพวกมันเองที่เลือกใช้ซากุระเป็นเครื่องมือ อิสึโมะพยักหน้า จูนินผู้ขึ้นตรงต่อโฮคาเงะทั้งสองนายกระโดดออกไป รวดเร็วปราศจากร่องรอย ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าประหนึ่งว่าไม่เคยมีใครหยุดยืน ณ ตรงนั้นมาก่อน
ครู่ถัดมาแค่ไม่กี่อึดใจ สัญญาณเตือนภัยกลับดังกึกก้องทั่วตัวอาคาร เสียงแหลมของมันกระตุ้นจิตสำนึกผู้คน ประตูเหล็กถูกดันปิดและลงกลอนแน่นหนาทันที สนามสอบขาวโพลนได้กลายเป็นพื้นที่ปิดตาย วิหคสีดำสลัดปีกขนดำขลับขึ้นสู่ท้องฟ้าที่เงียบสงบขัดกับความวุ่นวายที่เริ่มก่อตัวขึ้นเพียงแค่พริบตา
.
ตรงหน้าชิกามารุคือกิ่งต้นสน เขาแตะมันเพื่ออาศัยแรงส่งให้ตนเองกลับตัวขึ้นไปยังจุดยอดสุดของไม้ยืนต้นนี้ ดวงตาเฉียบคมเฝ้ามองนินจารุ่นพี่กระโดดผ่านไปอีกด้าน หอบังคับการรายงานมาว่ามีผู้บุกรุกหลบหนีเข้ามายังสนามสอบ ฮารุโนะ ซากุระคือชื่อที่ได้รับการแจ้งจับกุมตัวนั้น เด็กหนุ่มบ้านนาราขบเขี้ยวฟันก่อนจะกระโดดไปตามกิ่งไม้สูงๆ ต่ำๆ อีกครั้ง มือดึงเสื้อคลุมสีขาวสำหรับอำพรางตนในภารกิจขึ้นมาปิดถึงลำคอ ลมหายใจเย็นเยือกพอๆ กับความหนาวที่บาดลึกเข้ามายามลู่กระแสลมไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วเสียจนภาพรอบข้างเหมือนเคลื่อนไหวผ่านด้วยความเร่งที่มากยิ่งกว่า อาศัยเวลาเพียงไม่กี่นาที สถานการณ์กลับเปลี่ยนแปลงราวกับพลิกฝ่ามือ เขาซึ่งควรดำเนินการตามแผนของภารกิจลับ แทรกซึมเพื่อวางกับดักจับสมุนงูที่ต้องเผยคมเขี้ยวท่ามกลางการสอบรอบสองนี้ ต้องมาควบคุมตัวเพื่อนร่วมรุ่นผู้ซึ่งสมควรจะถูกสะกดอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยาของซึนาเดะฮิเมะ
ซากุระเป็นตัวแปรที่เหนือความคาดหมายทีเดียว ครานั้นชิกามารุไม่นึกเอะใจเลยว่าเพราะเหตุใดคุโนะอิจิที่จมลงสู่ห้วงภวังค์จึงยังคงมีน้ำตา ความจริงคือเหล่าโอโตะงาคุเระใช้เธอเปรียบเหมือนเครื่องมืออีกหน แต่จากการตรวจสอบก่อนวางยาด้วยปราณี เด็กสาวไม่ได้ถูกคาถาสะกด ดังนั้นการบุกรุกนี้คงมาจากการตัดสินใจของเธอเอง ทว่ามันเข้าทางศัตรูที่คงคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วอย่างแน่นอน ดวงตาคมกริบสะดุดยามบางสิ่งผ่านหลุดผ่านเข้ามาในขอบข่ายการมอง เด็กหนุ่มเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นเมื่อร่างโปร่งอันคุ้นตากระโดดผ่านไป คุโนะอิจิแห่งทีมเจ็ดกำลังมุ่งหน้าสู่อะไรบางอย่างซึ่งถ้าจะให้ทายาทตระกูลนาราวางเดิมพันก็คงไม่พ้นเหล่าอสรพิษที่เขาต้องการตัวมากที่สุด ซากุระละเมิดกฎ เพิกเฉยต่อข้อปฏิบัติและแทรกซึมการสอบ มีเหตุผลรองรับได้ข้อเดียวเท่านั้น เธอหมายมาดจะตามล่าเป้าหมายเดียวกัน – สมุนงูที่กุมความลับทั้งหมดไว้ เด็กสาวคงหวังข้อมูลเรื่องซาสึเกะจากพวกมัน เพราะหากโคโนะฮะงาคุเระให้ไม่ได้ ก็คว้าเอาจากผู้ที่รู้ดีอยู่แล้วก็สิ้นเรื่อง เหตุนี้เธอจึงยอมเสี่ยงตาย ชิกามารุเข้าใจความคิดของเพื่อน ถึงกระนั้นก็มิอาจเข้าถึงเหตุผลแห่งการกระทำแม้เพียงนิด
จักระถูกรวบรวมมากขึ้นเพื่อไล่ตามคุโนะอิจิเพียงคนเดียวของทีมเจ็ดที่กระโจนก้าวผ่านกิ่งก้านไม้สนอย่างมุ่งมั่น ไม่มีอะไรสั่นคลอนความตั้งใจลงได้ เด็กหนุ่มเห็นอีกฝ่ายเหลือบมองมาด้านหลังด้วยสีหน้าเย็นชาที่เขาไม่รู้จัก ซากุระไม่เคยแสดงอารมณ์เช่นนั้น ชิกามารุรีบกระโดดขึ้นไปยังท่อนไม้ที่สูงกว่าเมื่อเด็กสาวออกแรงซัดไม้ยืนต้นวงปีหนาจนแตกเป็นเสี่ยงเพื่อตัดทางผู้ไล่ล่า เศษไม้แหลมถูกแรงลมส่งเข้าปะทะร่างเด็กหนุ่ม หากเขาไวพอจะหลบเลี่ยงทุกการโจมตีเพื่อสกัดกั้นจากเพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่ยอมให้ตนโดนไล่ตามโดยง่าย จังหวะสุดท้ายที่เขาแตะผ่านไม้ซึ่งกำลังโค่น ดวงตาสีทองสุกปลั่งของอสรพิษก็ปรากฏตรงหน้า กระโจนเข้ามาราวกับจะกลืนกินในทีเดียว มันแยกเขี้ยวยาวโค้งที่เจือด้วยน้ำลายใสๆ และจู่โจมก่อนได้ทันกระพริบตา
ใครเร็วกว่ามักได้เปรียบเสมอ ชิกามารุตระหนักเพียงชั่วขณะที่งูตัวเขื่องจากยอดไม้ด้านบนอยู่ห่างจากเขาแค่ระยะลมหายใจ เด็กหนุ่มติดยันต์ระเบิดบนเกล็ดแวววาวสีอเมทิสต์ยามที่มันอ้าขากรรไกรกว้างขึ้นหวังลิ้มรสอาหารมื้อใหญ่ เขาก้มตัวลงต่ำก่อนคว้ากิ่งไม้แกร่งเพื่อยึดหลักแล้วปล่อยตัวเองลงสู่พื้น ให้ทั้งหมดเป็นหน้าที่ของแรงโน้มถ่วง ร่างสูงหล่นปุกลางหิมะหนา อสรพิษระเบิดเหนืออากาศ ควันและกลิ่นเนื้อไหม้คละคลุ้ง ทายาทตระกูลนาราออกวิ่งอีกครั้งด้วยความเร็วที่มากขึ้นทวีคูณจนกว่าจะถึงขีดจำกัดของความสามารถมนุษย์ เขาจะไม่หยุด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองเงาร่างที่กระโดดผ่านหมู่สนอยู่อีกแนวไม้หนึ่ง มันไม่ชัดเพราะความเร่งบีบบังคับให้ภาพรอบด้านลดทัศนะวิสัยอันดีลงกึ่งนึงทั้งยังต้นไม้ที่สลับผ่านเนื่องจากต่างฝ่ายต่างก้าวกระโจนไปข้างหน้า ทว่าสัญลักษณ์บนกระบังหน้าผากที่หลุบๆ หายๆ ผ่านระยะห่างระหว่างไม้แต่ละต้นซึ่งเคลื่อนผ่านสายตาไปอย่างรวดเร็ว ย้ำเตือนเด็กหนุ่มบ้านนาราว่าเป็นของโอโตะงาคุเระ – หนึ่งในบรรดาอสรพิษที่ถูกส่งมา
โซ่ติดชูริเคนเหวี่ยงมาจากสมุนงูตัวนั้นที่กระโจนก้าวคู่กันไป ทำให้ไม้โค่นลงเป็นทิวแถบ บดเนื้อไม้จนละเอียดกระจุยด้วยรัศมีที่หมุนคว้างของดาวกระจาย ทายาทตระกูลนารากระโดดหลบอาวุธมาดร้ายชิ้นนั้นพลางระวังไม่ให้ตนคลาดสายตากับคุโนะอิจิแห่งทีมเจ็ดที่เหมือนจะชะลอความเร็วลง ชิกามารุไต่ระดับขึ้นไปบนลำต้นเก่าแก่หลายวงปีของไม้สนที่ถูกเกล็ดน้ำแข็งบางๆ ห่อหุ้ม สับหว่างไปแต่ละต้นอย่างใจเย็นโดยที่ฝีเท้าหาได้ลดกำลังแต่อย่างใด เขาประสานอินแล้วเงาที่อาบทับบนพื้นสีขาวก็เริ่มเคลื่อนไหวคล้ายมือมีชีวิต เหล่าเงาดำสนิทแยกปลายออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เทียบเท่าระยะที่เด็กหนุ่มย่นย่อลงเข้าหาศัตรู มันตวัดรัดอาวุธอีกฝ่ายซึ่งกำลังจะเขวี้ยงออก ประหนึ่งเชือกทำให้เจ้าของอาวุธผู้มั่นอกมั่นใจเสียหลักอย่างแรง พยายามยื้อยุดการจู่โจมไม่ทันตั้งตัวจากเด็กหนุ่มแห่งโคโนะฮะ หากไม่เป็นผลเพราะเงานั้นคือคาถาพันธนาการอันสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว ภายในนัยน์ตาสีอ่อนเย็นเยียบดุจเดียวกับเหมันต์รอบด้าน
ผู้สืบทอดวิชาเงาแห่งตระกูลนาราจับปลายโซ่ฝั่งลูกตุ้มเหล็ก หมุนวนรอบร่างอสรพิษหนุ่มก่อนเหวี่ยงออกอย่างแรงโดยอาศัยแรงวิ่งที่คงค้างอยู่ส่งผลให้ร่างนั้นถูกดีดออก ขณะร่างถูกดึงไปตามแรงเหวี่ยง งูร้ายสิ้นพิษโหยหวนสู้กับกระแสลมหวีดร้อง ชูริเคนอันคมกริบไม่ละเลยหน้าที่ของตนเลย มันดับเสียงร้องบาดหูพร้อมแทนที่ด้วยเสียงเนื้อและกระดูกถูกตัดเพียงฉับเดียว ปราศจากความทรมาน เสียงชำแหละร่างดังอื้ออึงผสมกับเสียงโซ่เหล็กเสียดอากาศและทิวไม้สนซึ่งถูกฟันเนื้อไม้ยับเยิน ปอกลอกเหมือนรอยบาดแผลฉกรรจ์ เหวอะหวะ เพราะมันก็เปื้อนเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณด้วยเช่นกัน
ร่างสูงของเด็กหนุ่มเร่งฝีเท้าก้าวตามร่างที่เคยมีชีวิตซึ่งถูกเหวี่ยงนำหน้าไป คุโนะอิจิแห่งทีมเจ็ดเองก็หายไปแล้ว ชิกามารุแตะฝีเท้ามั่นคงลงบนไม้กิ่งสุดท้ายก่อนทิวป่าสนรอบด้านจะเปลี่ยนเป็นลานโล่งขาวปลอด แสงสว่างอาบเข้ามาพร้อมด้วยศพที่หล่นกระแทกพื้นหิมะแน่นิ่ง โลหิตแดงฉานตัดกับสีขาวโพลนของทุ่งหิมะ ดื่มกินเข้มขึ้นทีละน้อยราวกับละอองน้ำแข็งนี้กำลังกระหายเลือด เขาได้ยินเสียงตะโกนจากอีกฝากของที่ราบและทะเลสาบน้ำแข็ง นินจาสามนายยืนเป็นข่ายกล สองในนั้นคือนินจารุ่นพี่ผู้ร่วมภารกิจลับเดียวกับเขา – “ควบคุมตัวฮารุโนะ ซากุระ!” เสียงนี้เป็นของโคเท็ตสึ หากชั่วหัวใจเต้นจังหวะเดียวนั้นอาวุธก็สาดลงมาประดุจห่าฝน เข็มนับพันเล่มที่แปรเปลี่ยนเป็นงูอ้าคมเขี้ยวทุกตัวเข้าจู่โจมฮารุโนะ ซากุระซึ่งเหนื่อยหอบจากการหลบหนีไม่ลดละ นินจาแห่งโคโนะฮะพุ่งตัวหวังสกัดการโจมตีที่หมายปลิดชีวิตเด็กสาว แต่คำเดียวกันมีผลเสมอ ใครเร็วกว่าย่อมได้เปรียบ – กระแสลมรุนแรงโหมกระหน่ำเพียงเสี้ยวพริบตา วาโยฉวัดเฉวียนคล้ายเสียงฟาดแส้ คมเสียจนกรีดห้วงอากาศ เด็กหนุ่มบ้านนารากลั้นลมหายใจเพราะรู้ด้วยบรรยากาศทั้งยังความรู้สึกอันคุ้นเคย สายลมเต็มไปด้วยความกล้าแกร่งให้ความรู้สึกเหมือนหญิงสาวผู้มาจากทะเลทรายคนนั้น เขามองเธอเหมือนครั้งเฝ้าสังเกตการณ์ในสอบรอบแรก ชิกามารุเลือกยืนตรงจุดที่จะเฝ้ามองอีกฝ่ายได้ขณะที่เธอจะไม่สามารถมองเห็น หากตอนนี้เขามีโอกาสได้มองเธอตรงๆ เลย
การโจมตีด้วยธาตุแห่งลมนี้ เขาเคยถูกหมายหัวเป็นเป้าหมายมาก่อน วายุกราดเกรี้ยวหอบเอางูพิษกระจัดกระจายสลายกลับไปเป็นเข็มที่ตกกราวลงบนผืนหิมะ ร่างบางระหงแตะปลายเท้าวางกับพื้นด้วยท่วงทีดุจนางพญา เทมาริกัดริมฝีปากมองมาทางเขาด้วยท่าทีขึงขังยามคลี่พัดออกเหมือนยูงรำแพนหาง เจ้าหล่อนไม่ได้ทำเพื่อขอความช่วยเหลือหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย เธอใช้สายตานั้นเตือนเขาและเอาจริงเอาจังต่อสิ่งที่กำลังเคลื่อนเข้ามา เด็กหนุ่มรู้ได้ด้วยจิตใต้สำนึกว่าเธอกำลังรับมือกับคู่ต่อสู้อื่นอีกเช่นกัน และไม่ผิดเลย อีกร่างหนึ่งกระโดดผ่านทะเลสาบพร้อมด้วยคุไนที่มีเป้าหมายคือลำคอขาวเนียนของคุโนะอิจิแห่งทะเลทราย หญิงสาวพลิกตัวหลบ ทุ่งหิมะเริ่มกลายเป็นสมรภูมิเพราะเหล่าอสรพิษผู้สวมสัญลักษณ์โอโตะงาคุเระกระโจนหาเขา ฝ่ายฮากาเนะ อิสึโมะที่ควบคุมตัวซากุระได้สำเร็จก็ถูกจู่โจมโดยยันต์ระเบิดกึกก้อง แผ่นน้ำแข็งสีฟ้าซีดบนทะเลสาบรานเป็นริ้ว ส่งเสียงปริแตก
หลังควันจางหาย ฮารุโนะ ซากุระสลบอยู่เหนือเกล็ดน้ำแข็งสีขาว อิสึโมะกำลังปะทะศัตรูที่ใช้คาถาไฟฟ้าเป็นประกายสีเงินแสบตา เด็กหนุ่มจากบ้านตระกูลนาราไม่มีเวลาสนใจมากนัก เขากำลังรับมือโอโตะอีกรายที่หยิบดาบสั้นของรากขึ้นมาและดูเหมือนอสรพิษตัวนี้จะไม่ยอมหมดพลังกายง่ายๆ เพราะแม้จะตอบโต้ด้วยยุทธวิถีอย่างไร มันก็ฟื้นคืนกลับมาได้เสมอ ชิกามารุหวังล้มกระดานด้วยคาถาเงาและกลยุทธที่ตระเตรียมกันไว้สำหรับกับดักในคราแรก เด็กหนุ่มพยักหน้าเป็นสัญญาณให้อิสึโมะ ขณะโคเท็ตสึประสานอินคาถาน้ำ ตอนนั้นเองที่เขาเห็นหญิงสาวแห่งทะเลทรายเพลี่ยงพล้ำ การต่อสู้อีกด้านใกล้จะยุติด้วยความเสียเปรียบของคุโนะอิจิแห่งซึนะงาคุเระ เทมาริถูกจักระชักใยขึ้นไปเหนืออากาศ ร่างระหงกึ่งได้สติแทบจะไม่ขัดขืนจากพันธนาการเลย เส้นด้ายจักระบีบคอเธอจนเสียงสั่นเครือแต่ปราศจากแรงดิ้นรน ทว่าก่อนชิกามารุจะทันขยับตัว แค่เสี้ยวหัวใจกระตุกวูบ หญิงสาวก็หล่นกระทบแผ่นน้ำแข็งที่ร้าว ทิ้งร่างให้จมลงสู่ผืนน้ำเย็นเยียบกลางฤดูหนาวเสียงดัง ทะเลสาบสีฟ้าดูดกลืนเธอลงไปต่อหน้าต่อตาเด็กหนุ่ม น่าแปลกนักที่ทั่วทั้งร่างเขากลับชาราวกับจมหายไปเสียเอง
“เทมาริ!” ความรู้สึกเดียวที่ยึดครองจิตสำนึกทั้งหมด รวมทั้งบงการให้ร่างกายเขาพุ่งไปข้างหน้าคือความโกรธ ความกลัว และความห่วงใยที่ปนเปกันจนแทบคลั่ง แค่ไม่ถึงวินาทีเท่านั้น ไม่มีอะไรอยู่ในความควบคุมของเขาอีกต่อไป ทั้งแขน ขา กระทั่งสติที่คงความสุขุมเยือกเย็นทั้งมวลถูกความกลัวจะสูญเสียเข้ากัดกิน
เป็นครั้งแรกที่นารา ชิกามารุได้ลิ้มรสความโกรธจนขีดสุดของตัวเองว่ามันทำให้สูญเสียความสุขุมเยือกเย็นและสติทั้งหมดลงอย่างไร ความกราดเกรี้ยวแผดเผาสิ่งรอบด้านดังเปลวเพลิงที่แทบจะละลายความหนาวอันบาดลึกให้ระเหยกลายเป็นไอ เขาควบคุมอารมณ์ที่พุ่งพล่านไม่อยู่ ตะโกนจนแสบคอก่อนออกหมัดอย่างแรง เด็กหนุ่มพุ่งตัวไปยังทะเลสาบที่ผิวน้ำนิ่งสนิทแล้ว – เธอจมลงไปตรงนั้น จมลงไป – เขาหันหลังให้แผนการปลิดชีพเหล่าอสรพิษซึ่งกำลังจะเริ่มจนหมดสิ้น แต่อิสึโมะเข้ามาคว้าเขาที่ต่อสู้กลับไว้ “อย่าชิกามารุ เธอเป็นผู้เข้าสอบ นั่นถือเป็นการต่อสู้ของเธอในฐานะการประลอง เราเป็นกรรมการคุมสอบเพราะฉะนั้นจะเข้าไปแทรกแซงไม่ได้!” นินจารุ่นพี่กล่าวเสียงเข้ม ร้อนรนทั้งยังรวดเร็ว ทว่ามันไม่อาจฝ่าอารมณ์ทั้งมวลเข้าไปถึงนารา ชิกามารุ ดวงตาอันเฉียบคมวาวโรจน์ เด็กหนุ่มมุ่งจะสังหารนินจาที่ทำร้ายคุโนะอิจิต่างหมู่บ้านเพียงอย่างเดียว เจ้าอสรพิษยืนจ้องกลับมาอย่างท้าทายเพื่อจุดเชื้อเพลิงในใจชิกามารุให้ลุกลาม
“อย่าชิกามารุ! ถ้าลงมือตอนนี้นายถูกสอบสวนแน่!”
เสียงร้องห้ามแปร่งไป อิสึโมะกุมแก้มที่ถูกหมัดหนักๆ ต่อยเต็มแรงจนหน้าหัน แม้นินจาที่ใช้เชือกจักระจากโอโตะงาคุเระจะเป็นหนึ่งในพวกอสรพิษพอๆ กับที่เป็นผู้เข้าสอบจูนิน แต่ตามกฎแล้วการต่อสู้ระหว่างเกะนินผู้สอบย่อมถือเป็นหนึ่งในการสอบ กรรมการคุมสอบไม่มีสิทธิแทรกแซงเพื่อเปลี่ยนผล ช่วยเหลือเพราะเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหาได้ไม่ – “เราต้องทำตามแผน อีกแค่นิดเดีย…” ยังไม่ทันจบคำ ทายาทตระกูลนาราก็ต่อยนินจารุ่นพี่อีกครั้งเพื่อยุติถ้อยคำพร่างพรูที่เขานึกโมโหอย่างร้ายกาจ ชิกามารุหลุดจากการหน่วงเหนี่ยวง่ายดาย ก่อนกระโจนลงทะเลสาบที่เย็นเยียบบาดลึก ราวกับมีมือนับร้อยดึงลงไป เวลานั้นเองบนพื้นหิมะที่คาถาน้ำจากโคเท็ตสึ ส่วนหนึ่งของแผนการ ก็ไหลบ่าลงมาเหมือนดังลำธารท่ามกลางพรมหิมะ เช่นเดียวกับไฟฟ้าซึ่งมักรู้หน้าที่ตัวเองเสมอ เมื่อมันรวมกันทุกสิ่งก็จบลง คู่ต่อสู้ตาเบิกโพลงทันทีที่ขาทั้งสองข้างของพวกมันเหยียบอยู่บนน้ำที่ไหลเอ่อ กระแสน้ำไหลท่วมจนทั่วทั้งตัวอสรพิษเปียกปอน การต่อสู้จึงปิดฉากลงภายในพริบตายามประจุไฟฟ้าบนมือของงูพิษลั่นปลาบ ถัดจากนั้นสิ่งเดียวที่ปรากฏคือความเงียบสงบเคลื่อนมาปกคลุม บรรดาศัตรูสิ้นชีพ ร่วงหล่นบนผืนน้ำแข็งละเอียดโดยไร้ชีวิต คามิซึกิ อิสึโมะกุมจมูกที่หยดน้ำสีแดงไหลอาบ เลือดกบปากจนกลิ่นคาวผสมกลิ่นเนื้อไหม้จากเหล่างูไร้พิษทำให้อยากอาเจียน
ความจริงที่น่าหวาดหวั่นคือก่อนเหล่าสมุนงูจะถูกสังหาร นารา ชิกามารุได้กระโดดลงไปในน้ำเย็นเฉียบพร้อมจะปลิดขั้วหัวใจและกลืนกินทั้งร่างด้วยความเย็นเยียบอันบาดทุกอณูเหมือนใบมีด ดังนั้นนี่จึงเป็นการแทรกแซง แต่ดูเหมือนเวลานั้นเด็กหนุ่มบ้านนาราจะไม่สนใจข้อเท็จจริงใดอีกต่อไป ร่างสูงของทายาทตระกูลนาราดำดิ่งสู่ทะเลสาบสีฟ้าครามที่ถูกปกป้องโดยแผ่นน้ำแข็งขาวอมฟ้าเหมือนกระจกมัวๆ ที่กางกั้นอีกโลกหนึ่งไว้ โลกของสายวารีซึ่งสะท้อนสีสันฤดูหนาว ฟ้าจัดราวกับนภาใต้ผืนดิน น้ำนั้นบีบอัดด้วยความหนาวที่ไร้ปรานีจนเขาแทบสำลัก เลือดในกายจับตัวแข็ง หากขณะเดียวกันก็เดือดพล่านด้วยความโกรธเกรี้ยวหม่นไหม้ สายน้ำรอบตัวแปรเปลี่ยนเป็นคมมีดนับร้อย ทิ่มแทงเข้ามา ทะลุถึงปอดที่พยายามกลั้นลมหายใจต่อสู้แรงดันซึ่งแทบจะแช่แข็งร่างกายทุกส่วน ทว่าสติสัมปชัญญะของเด็กหนุ่มไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่นอกจากความกลัวจะสูญเสียและความเป็นห่วงจนแทบบ้า ถ้าเทมาริเป็นอะไรไปเขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองอีกเลย
つづく.
ความคิดเห็น