(Fic Harry Potter: HP| ฟิค SS/HG | SSHG - Snamione) Until the Last Light
(ฟิค SSHG) เมื่อจอมมารเป็นฝ่ายชนะ กฎหมายที่ออกใหม่ระบุว่ามักเกิ้ลบอร์นทุกคนจะต้องสมรสกับเลือดผสม และสายลับสองหน้าซึ่งยังอยู่ในฐานะผู้เสพความตายก็พบว่าตนต้องรับอดีตลูกศิษย์มาไว้ใต้ปีกด้วยเหตุผลนั้น
ผู้เข้าชมรวม
3,075
ผู้เข้าชมเดือนนี้
17
ผู้เข้าชมรวม
severus snape hermione ss hg sshg ssxhg ss/hg snamione สเนป เฮอร์ไมโอนี่ hp harrypotter ficharrypotter แฮร์รี่พอตเตอร์
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Rate M - Romance, Drama, Hurt and Comfort
Severus S./Hermione G.
Published: 15/10/22 - Work in Progress
Canon Divergence | Post-war | Romance | Dark | Voldemort wins | Double spy Severus Snape | Death eater Severus Snape | Marriage Law | Forced Marriage | Marriage of Convenience | Companionship
Disclaimer: All about HP belong to JK Rowling, I own nothing but plot and narrative of this fan fiction are mine. If I owned all of these, this couple would definitely end up together. I also do not own these characters, no matter how much I love them.
ฝ่ายมืดได้รับชัยชนะ ก้าวขึ้นสู่จุดรุ่งโรจน์ ฝ่ายต่อต้านถูกไล่ต้อนให้ซ่อนในเงามืดแทน โลกทั้งใบ ไม่ว่าจะโลกของผู้วิเศษหรือโลกของมักเกิ้ลต่างตกอยู่ใต้อำนาจปกครองของจ้าวแห่งศาสตร์มืด
สิ่งแรกที่โวลเดอมอร์ทำคือการจัดระเบียบสังคม จอมมารออกกฎหมายกำหนดให้เลือดบริสุทธิ์สมรสได้แต่กับเพียงเลือดบริสุทธิ์ ส่วนมักเกิ้ลบอร์นทุกคนก็ถูกบังคับให้แต่งงานกับพวกเลือดผสมเพื่อคงสายเลือดผู้วิเศษไว้ ขณะที่มักเกิ้ลกลายเป็นทาส ทำงานใช้แรงงาน อยู่อย่างแร้นแค้น เป็นชนชั้นต่ำสุดของสังคม
บุรุษผู้รับบทสายลับสองหน้าพบว่าตนเองยังคงต้องเล่นบทสายลับสองหน้าต่อไป แม้จะยังเป็นคนของภาคี แต่เขาก็รุ่งโรจน์ด้วยฉากหน้าผู้เสพความตาย สมุนคนสนิทที่โวลเดอมอร์เชื่อใจที่สุด เพราะยังคงสวมหน้ากากเป็นคนของฝ่ายมืด ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปคือเขาเป็นเพียงคนเดียวจากฝ่ายภาคีที่เข้าถึงตัวจอมมาร และอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบที่สุด เป็นอภิสิทธิ์ชนในโลกที่ฝ่ายมืดเป็นใหญ่ ก่อนที่เขาจะพบว่าประโยชน์ของข้อได้เปรียบในสถานะที่เขาภาวนาทุกวันว่าให้นรกทั้งเจ็ดสาปส่งนั้นคือการช่วยชีวิตเด็กสาวคนหนึ่งจากประตูนรกและเงื้อมมือของเทพแห่งความตายได้
℘
เขาหันไม้กายสิทธิ์และเล็งมาทางเธอที่พลันสะดุ้ง ใจวูบหล่น ทำอย่างไรก็ยังไม่ชินที่จะคิดว่าคนตรงหน้าอยู่ฝ่ายเดียวกัน
“มือของคุณ” เขากล่าวห้วน ราวกับนี่คือสิ่งจำเป็นที่ต้องทำให้จบเหมือนๆ เช่นการกินยารักษาเมื่อเจ็บป่วย แต่ลักษณะและวิธีการพูด ราวกับว่าเปลี่ยนไป เหมือนหนึ่งเคารพให้เกียรติเธอ ไม่ได้พูดในสถานะที่แตกต่างกัน ไม่ได้มองเธอเป็นเด็ก เป็นคนที่เคยเป็นลูกศิษย์แล้วเขาเป็นอาจารย์ แต่เป็นเท่าเทียม หากเป็นภาษาอื่นก็คงเป็นราวกับสรรพนามเปลี่ยนไป เธอส่งมือให้เขา ตอนที่มือคู่ใหญ่กว่ากุมมันไว้ เธอรู้สึกมันอุ่นวาบ และบางส่วนของความอบอุ่นนั้นอาจจะซึมไปถึงใจอันไม่มั่นคงและหวาดกลัวของเธอด้วย เขากุมมือของเธอไว้อยู่ตรงกลางระหว่างเรา ก่อนจะสั่งอีกครั้ง “หยิบไม้กายสิทธิ์ของคุณออกมา ชี้มันมาที่ปลายไม้กายสิทธิ์ของผม เมื่อผมขยับไม้ ขอให้คุณขยับตามแบบเดียวกัน”
เธอทำตามนั้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ จากนั้นเขาก็เริ่มกล่าว เธอไม่เคยได้ยินคำสาบานในการวิวาห์ของพ่อมดแม่มดมาก่อน มันเป็นการแต่งงานด้วยเวทมนตร์อันศักดิ์สิทธิ์ ทรงอานุภาพร้ายแรงยิ่งกว่าคำปฏิญาณไม่คืนคำ เมื่อตระหนักถึงความจริงนี้ได้แล้ว เธอก็ตัวสั่นเทิ้มขณะที่ค่อยๆ ขยับข้อมือให้ปลายไม้เคลื่อนตามการเคลื่อนไหวของเขาราวกับว่าเขากำลังเขียนอักษรโบราณเก่าแก่ในอากาศไปเรื่อยๆ บนจุดเดียว
“ผม เซเวอร์รัส โทเบียส สเนป ขอให้สัตย์สาบานค่าเท่าชีวิต ขอสละเลือด วิญญาณ และชีวิตอีกครึ่งหนึ่งให้แก่เฮอร์ไมโอนี่…” แล้วเขาก็หยุดไป ก่อนจะส่งสายตามาทางเธอ เธองุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ เมอร์ลินเมตตา เธอกำลังจะแต่งงานกับคนที่ไม่รู้ชื่อของเธอด้วยซ้ำ – “จีนค่ะ เฮอร์ไมโอนี่ จีน เกรนเจอร์” แล้วเขาก็พูดทวนชื่อเธอ ก่อนจะกล่าวต่อ “เพื่อรับเธอเป็นภรรยา ชื่อของผมกลายเป็นชื่อของเธอ เลือดของผม คือเลือดของเธอ วิญญาณของผม คือวิญญาณของเธอ ชีวิตของผม คือชีวิตของเธอ จากวันนี้ เหนือกว่าวิญญาณจะพรากจาก ตราบจนสิ้นแสงสุดท้าย”
จากนั้นเธอก็กล่าวประโยคเดียวกัน อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าชื่อเต็มของเขาคืออะไรก่อนจะแต่งงาน – อย่างน้อยๆ ก็ก่อนเขาจะรู้ของเธอล่วงหน้าไม่กี่วินาทีแล้วกัน “ฉัน เฮอร์ไมโอนี่ จีน เกรนเจอร์ ขอให้สัตย์สาบานค่าเท่าชีวิต ขอสละเลือด วิญญาณ และชีวิตอีกครึ่งหนึ่งให้แก่เซเวอร์รัส โทเบียส สเนป เพื่อรับเขาเป็นสามี เลือดของฉัน คือเลือดของเขา วิญญาณของฉัน คือวิญญาณของเขา ชีวิตของฉัน คือชีวิตของเขา จากนี้ เหนือกว่าวิญญาณจะพรากจาก ตราบจนสิ้นแสงสุดท้าย”
อาเธอร์ วีสลีย์ยืนอยู่ตรงกลางในฐานะพยานและผู้พันธนา เธอคิดว่านั่นคงจะเป็นคำอวยพรและสัญญาณที่ดีอย่างเดียวในการสมรสครั้งนี้ จะอย่างไรอาเธอร์ วีสลีย์ก็มีชีวิตคู่ที่ดี เขากล่าว “ในที่นี้ ผมเป็นพยานของการรวมเป็นหนึ่งเดียวของวิญญาณอันสัตย์ซื่อสองดวง” – แสงสีทองจากปลายไม้กายสิทธิ์ของเธอกับเขาเลื้อยขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะขดกันเป็นปม เป็นเงื่อนตายเหนือศีรษะของเธอกับเขาแล้วสลายหายไป
ความเคร่งขรึมของพิธีกรรมนี้และทุกถ้อยคำนั้นทำเธอตระหนักได้ถึงความสำคัญอันหนักแน่นและพลังอำนาจที่แท้จริงของมัน เธอกำลังก้าวเข้าสู่สิ่งที่จะผูกพันตนเองไปตลอดกาล แสงสีทองสว่างวาบที่ปลายไม้กายสิทธิ์ของเขากับเธอตลอดเวลาที่เราต่างเอื้อนเอ่ย เมื่อเธอกล่าวจบ คนตรงหน้าเธอก็ลดปลายไม้ เธอจึงทำตาม เขาจรดมันที่มือของเราซึ่งเกาะกุมอันอยู่ตรงกลาง แสงที่ปลายไม้นั้นก็เลื่อนไหลออกมาเป็นสายก่อนจะพันขดที่มือของเรา เป็นเส้นเล็กบางสุกสว่าง บิดรัด เธอรู้สึกได้ว่ามันไหลไปตามเส้นเลือดของเธอ ไหลเข้ามาไปจรดลงสู่หัวใจและแผ่ซ่าน มันขดแน่นก่อนจะค่อยๆ กลืนกินตัวเองจนกลายเป็นวงแหวนรัดอยู่รอบนิ้วนั้นของเขากับเธอคนละหนึ่งวง
แล้วแหวนวงเกลี้ยงสีทองที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอก็เต้นตุบๆ ราวกับมีชีวิตและชีพจรเป็นของตัวเองก่อนจะค่อยๆ แผ่วลงและกลับเป็นเหมือนเช่นวัตถุตามปกติ
℘
เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวม รู้สึกอึดอัดและไม่คุ้นชิน มือขยับหมุนแหวนบนนิ้ว ไม่คุ้นเคยกับวัตถุแปลกปลอมอันใหม่บนเนื้อตัวร่างกาย เขาแฉลบสายตามองเหมือนไม่ใส่ใจ ผ่านหลายอึดใจ ก็เอ่ยขึ้นเรียบๆ อย่างเมินเฉย
“มันเป็นแหวนที่สร้างขึ้นด้วยคำสัตย์สาบาน ผูกพันด้วยสิ่งที่เหนือกว่าเวทมนตร์ คุณถอดมันออกได้ แต่มันจะไม่ไปไหน มันจะกลับมาถูกที่เสมอ ไม่ว่าจะทำหายไปที่ใด เหมือนสวมปลอกคอเลยใช่ไหมล่ะ คุณใช้เวทมนตร์ซ่อนมันไว้ไม่ได้ เพราะแหวนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อต่อต้านการปิดบัง ความไม่ซื่อสัตย์ และมันจะส่งสัญญาณให้คุณรู้ ถ้าอีกฝ่ายตกอยู่ในอันตรายหรือเป็นอะไร แหวนจะเปล่งเป็นสีทองและร้อนแผดเผา และถ้าหากผมตาย มันก็จะไม่สลายหายไป"
“ทำไมอย่างนั้นล่ะคะ” เธอถาม ด้วยความสุจริตใจไม่รู้โดยแท้จริง แต่เขากลับส่งเสียงหัวเราะหยัน ไม่ทันไร คู่ชีวิตของเขาก็เพิ่งหวังอยากจะให้ความตายของเขาปล่อยเธอเป็นอิสระจากการสมรสนี้
“อย่าลืมสิ คำสาบานนั่นน่ะ เหนือกว่าวิญญาณจะพรากจาก ตราบจนสิ้นแสงสุดท้าย คำๆ นี้หมายถึงเมื่อโลกดับสิ้นมืดหม่น กลับสู่ความมืดเมื่อแรกเริ่ม มันเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ กาลปาวสารน่ะ” เธอรู้สึกเหมือนน้ำแข็งค่อยเคลื่อนขึ้นจับจากก้นบึ้งของจิตใจตัวเองอย่างช้าๆ เธอรู้มา เคยอ่านผ่านตามา รู้จักการสมรสระหว่างพ่อมดแม่มด รู้ว่าทำอย่างไร กล่าวอย่างไร รู้พลังอำนาจ รู้สถานะความสำคัญ แต่เบื้องลึกนั้นเธอไม่รู้ความลึกซึ้งที่แท้ของมัน
“วิวาห์ของพ่อมดแม่มดมันหมายความว่ายังไงกันแน่คะ”
“คุณผิดแล้วค่ะ เฮอร์ไมโอนี่ค่ะ เฮอร์ไมโอนี่" เขาทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ เธอจึงขยายความ "คุณบอกเองว่า ชื่อของผมกลายเป็นชื่อของเธอ เพราะฉะนั้นไม่ใช่มิสเกรนเจอร์ แต่เป็นเฮอร์ไมโอนี่ค่ะ ถ้าคุณไม่อยากเรียกภรรยาตัวเองว่ามิสซิสสเนป” เธอกล่าว แล้วเขาก็กระตุกยิ้มยียวนเล็กน้อย แทบจะไม่อาจสังเกตได้ เขารู้สึกขอบคุณที่อย่างน้อยก็แต่งภรรยาหัวไวมาคนหนึ่ง อย่างน้อยๆ ก็คงพออยู่กันได้ พอรับชีวิตจอมปลอมอันแปลกพิลั่นต่อจากนี้ได้อยู่บ้าง“มันหมายความว่าคุณจะมีชีวิตที่ยืนยาวตราบเท่าที่ผมยังไม่เป็นอะไร และผมก็จะมีชีวิตที่ยืนยาวตราบเท่าที่คุณยังไม่เป็นอะไร บางคนแต่งงานเพื่อดึงชีวิตอีกฝ่ายออกมาจากความตาย มิสเกรนเจอร์ มันทำได้เพียงครั้งเดียว ฝ่ายหนึ่งยอมสละเลือด วิญญาณ และชีวิตอีกครึ่งหนึ่งให้ เมื่อกี้ ในห้องนั้น ผมพูดไปว่ายังไงบ้างล่ะ เลือดของผม คือเลือดของคุณ วิญญาณของผม คือวิญญาณของคุณ ชีวิตของผม คือชีวิตของคุณ” เมื่อเขากล่าวออกมาแบบนั้น ราวกับทวนมันให้เธอฟังอีกรอบ แต่กลับฟังดูแล้วเหมือนเขาพูดมันกับเธอตรงๆ มากกว่าเพื่อให้รู้ถึงเจตนาของเขาที่ถือมันอย่างจริงจัง มิเช่นนั้นคงไม่กล่าวมันแต่แรก ดุจดังคำสัตย์สาบานที่เราให้แก่กันไว้ เธอตัวสั่น และเพิ่งถ่องแท้เข้าจริงๆ ว่าที่สุดแล้ว จริงๆ มันมีความหมายแบบใด
ผลงานอื่นๆ ของ McBoffin. ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ McBoffin.
ความคิดเห็น