ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามล่า ท้าวิญญาณ

    ลำดับตอนที่ #3 : เทปแรก โกดังร้างรัก II 82%

    • อัปเดตล่าสุด 8 มิ.ย. 49


       
           วาหินีมองหาสุนัขของเธอไปทุกที่ เธอกลัวว่าเจ้าแซมจะวิ่งเข้าไปในป่าข้างๆ คฤหาสน์บ้านสุริยะ  ถึงแม้จะเป็นป่าไม่ลึกมาก หากแต่เป็นสถานที่ล่อแหลมและลับหูลับตาคน

          วิกรานต์บอกวาหินีว่าเจ้าแซมอาจจะดึงเชือกจนหลุด  ซึ่งหญิงสาวไม่อยากเชื่อ  เพราะ สุนัขของเธอได้รับการฝึกมาอย่างดี มันไม่น่าจะ...

          อย่างไรก็ตาม  การค้นหาก็ต้องดำเนินต่อไป  น้ำฟ้าและวาหินี  แยกจากทุกคนไปหาแถวที่พักคนงาน พวกเธอช่วยกันตะโกนร้องเรียกสุนัขที่หายไปจนเสียงแหบแห้ง 

          " ฉันหวังว่าสุนัขของเธอคงไม่หลุดไปในป่าข้างๆ นะ บ้านนี้มีทางเข้าไปนี่นา " ฟ้ากล่าวตรงกับความกังวลของเจ้าของสุนัข

          ขณะที่สองสาวกำลังกังวลอยู่นั้นเสียงเห่าที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น ทั้งสองสดับฟังสักครู่ก็วิ่งไปตามเสียงแถวที่พักคนงาน  

          สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์เห่าเสียงดัง  มันกระดิกหางและกระโจนใส่เจ้าของ  เจ้าแซมไม่ได้อยู่ตัวเดียว  ข้างๆมันมีชายหนุ่มร่างใหญ่ อายุประมาณ 30 ปี ผมสีดำเข้ม  หน้าตาซื่อหากแต่ดวงตาคมคายเฉียบแหลมทำให้ทราบว่าไม่ใช่คนเขลา  ชายผู้นั้นยิ้มให้ทั้งคู่พร้อมกับกล่าวอธิบาย

         "ผมเห็นสุนัขตัวนี้ท่าทางเหมือนหลงทางกำลังจะเข้าไปในป่า  ก็เลยช่วยจับไว้ไม่งั้นจะหลงยุ่งกันยิ่งกว่าเก่า"  

         น้ำฟ้าและวาหินีขอบคุณชายหนุ่มที่ช่วยไว้  จากการสอบถามกันสักพัก พวกเธอก็รู้ว่า เขาชื่อนายแสง เป็นคนงานในบ้านพักพึ่งเสร็จจากงานที่คุณดาราสั่ง ระหว่างทางพบเจ้าแซมพอดีเลยเป็นอย่างที่ว่า  วาหินีจำได้ว่าดาราเคยเอ่ยชม นายแสงคนนี้ให้ฟังบางครั้ง  เขาเป็นที่เคารพของคนงานหลายคน ทั้งในตอนเกิดเหตุฆาตกรรมดวงตะวัน  เขาก็เป็นคนปลอบขวัญคนงานคนอื่นให้สงบลง

         นายแสงจ้องมองพวกเธอทั้งคู่ เมื่อเขาจ้องไปที่น้ำฟ้า ทันใดนั้นดวงตาเขาก็ดูเศร้าสลดลง

         "พวกคุณคงเป็นทีมงานที่สุริยะจ้างมาใช่มั้ยครับ  เรื่องดวงตะวันสินะ  ผมขอเตือนพวกคุณว่าน่าจะกลับไปซะ เรื่องนี้มันยุ่งยากซับซ้อน อันตรายเกินไป " 

         สองสาวมองหน้ากันเมื่อเขาโพล่งห้ามออกมาเช่นนั้น
     
         "ทำไมคุณถึงพูดอย่างงี้  พวกเราไม่ได้ทำความผิดอะไรหรือถ้าทำผิดก็กรุณาบอกให้ทราบเถอะคะ" ฟ้าถามอย่างงงๆ 

         "คุณฟ้าคุณรู้ตัวไหมว่าคุณเป็นคนสวย....เหมือนดวงตะวัน โดยส่วนตัวแล้วตอนที่เธอตาย ผมไม่เชื่อว่านายสาดเป็นคนฆ่า  ฆาตรกรตัวจริงยังอยู่ในบ้านนี้"  

          "พวกเราแค่ต้องการส่งวิญญาณของดวงตะวันไปสู่สุคติตามประสงค์ของคุณสุริยะและลูกๆเท่านั้นเอง แต่ถ้าการตามหาฆาตรกรเป็นทางที่จะช่วยให้ดวงตะวันไปสบายได้เราก็จะทำ"  วาหินีกล่าว

         ดวงหน้าของนายแสงกร้าวขึ้นเล็กน้อย "คุณดาราต้องการส่งดวงตะวันไปสู่สุคติเหรอ... อาจจะใช่ แต่สำหรับสุริยะและพวกลูกชายน่ะไม่แน่  พวกเขาสร้างความทรมานให้ดวงตะวันมามากตอนเธอมีชีวิต ทำให้ได้รับผลกรรมในทุกวันนี้ พวกเขาเคยจ้างหมอผีมาปราบแต่ไม่เป็นผล ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น  ไม่ใช่เพื่อดวงตะวันหรอก" 

         แสงจ้องเขม่งไปทางวาหินีและน้ำฟ้า  "นี่น่ะ ผมจะให้ข้อมูลและเตือนอะไรบางอย่างแก่พวกคุณ   สมัยที่ดวงตะวันยังมีชีวิต  เธอเป็นเพียงลูกของหญิงรับใช้ในบ้านที่กำพร้าพ่อ  มีดีก็แค่ความสวย ชายหลายคนหลงใหลชอบเธอ"  เขาพ่นจมูกเมื่อเสริม "นั้นรวมไปถึงคุณท่านสุริยัน และ ผันนภานายของบ้านด้วย เหตุที่ดวงตะวันหมั้นกับสุริยันเพราะนายสุริยะสนันสนุนลูกชายคนโต  แม่ของดวงตะวันบังคับให้เธอแต่งงานเพราะเงินที่พ่อของสุริยันยัดให้ ทั้งๆที่ดวงตะวันไม่ได้รักเขาเลย !!!! "

       ..................................................................................................................................

         คืนนั้นน้ำฟ้าและวาหินีถ่ายทอดเรื่องราวที่ได้ประสบมาให้คนอื่นๆฟัง

        "ผมกะแล้ว ไอ้หมาจิ้งจอกผันนภานั้น ท่าทางเจ้าชู้จะตายไป รูปคุณดวงตะวันที่พวกเราเห็นมันก็บอกได้แล้วว่าเธอสวยแค่ไหน มีรึ ไอ้จิ้งจอกจะปล่อยให้พี่ชาย *** คนเดียว" วิกรานต์ร้องอย่างสะใจ ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบขี้หน้าผันนภาเท่าไร

         ป้าอิ่มตีชายหนุ่มที่พึ่งพูดคำหยาบพลางกล่าวตักเตือนเบาๆ พอดีกับที่วิกรมหยิบรูปถ่ายออกมายื่นให้ทุกคนดู ท่าทางเขาเกรงๆ

         " นี่เป็นภาพของกล้องวิญญาณที่ไอ้กรานต์ถ่ายในโกดังนั้น ดูสิ เห็นมั้ย"
     
         ภาพนี้ทุกคนอยู่ในรูป(ยกเว้นวิกรานต์คนถ่าย) กำลังจ้องดูภาพบนผนัง แต่ที่ทำให้ทุกคนขนลุกคือมีผู้หญิงอยู่ในภาพด้วย !!! ดวงหน้าหวานใส รูปร่างบอบบางของเธอหันมาทางทีมงาน ถึงจะเป็นร่างลางๆหากสามารถรู้ได้ว่า เธอกำลังจ้องมองดูพวกเขา ทุกคนตระหนักได้ว่า ดวงตะวันอยู่ที่นั้นตลอดเวลาที่พวกเขาถ่ายทำ 

        หมอกขนลุกนึกถึงมือเย็นเฉียบที่ลากเขาออกมา หรือดวงตะวันจะเอ็นดูเขาเป็นพิเศษเลยให้ความช่วยเหลือล่ะนี่  ไม่ต้องเอ็นดูหรอกนะครับ เขาบอกในใจ

             ............................................................................................................................

          ในขณะเดียวกัน...

          ดาราสะดุ้งตื่นมาในความมืด นี่เป็นคืนที่ 3 ติดต่อกันที่เธอฝันถึงพี่สาวคู่หมั้นของพี่ชายเธอ ในฝันนั้นเรืองลางแต่ความน่ากลัวสิแจ่มชัด ดวงตะวันกรีดร้องตะเกียกตะกายขอชีวิตจากใครคนหนึ่ง ในความฝันเธอมองเห็นหน้าไม่ชัดแต่เธอก็รู้สึกคุ้นเคยกับใบหน้านั้น ใบหน้าอันน่ากลัว ทุกคืนที่ฝันมันเริ่มแจ่มชัดขึ้น ยิ่งทำให้ดาราหวาดกลัว เขาเป็นคนใกล้ตัวเธอแน่ๆ แต่ใครล่ะ ?

         เสียงเคาะประตูดังขึ้น  สาวน้อยสะดุ้ง ไม่กล้าเปิด แต่เสียงยังร้อนร้นเคาะถี่ขึ้น ดารารวบรวมความกล้าเดินไปที่ประตู  เมื่อเธอมองไปภายนอก บันไดข้างประตูเงียบสงัด ทางหน้าประตูว่างเปล่า เธอพบว่า

             ไม่มีใครอยู่เลย 

          หญิงสาวกำลังจะปิดประตูเมื่อเธอได้ยินเสียงฝีเท้า  เสียงย่างเท้าอย่างแผ่วเบา บริเวณบันไดเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง ตึก ตึก ตึก ดาราชะโงกลงมา หัวใจเต้นแรง ต่อมเหงื่อทำงานอย่างหนัก ในใจมีแต่คำถาม

          'ใครกันที่มาเดินในเวลาอย่างงี้'

           เสียงในหัวกระซิบอย่างร้อนรน 'อาจเป็นคุณพ่อหรือพี่ก็ได้ กลับไปเถอะดารา กลับไปนอนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่ายุ่งในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของเรา' แต่เสียงอีกเสียงก็กระซิบค้านมาว่า 'คุณพ่อและพี่ไม่เคยออกมาในเวลาอย่างงี้ ยกเว้นมีเหตุจำเป็น  ดาราจะออกไปดูให้แน่ใจก็ไม่เสียหายอะไร' หลังการต่อสู้ของสองเสียง ท้ายสุดหญิงสาวก็ค่อยๆก้าวลงบันไดและวิ่งตามเสียงไปอย่างแผ่วเบา

            ......................................................................................................................

         'มีดปลายแหลมค่อยๆ ปักลงไปที่ผิวเนียนของหญิงสาว  เลือดสดทะลักออกมาจากบาดแผล เธอไม่ได้กรีดร้องโหยหวนหรือตะเกียกตะกายขอชีวิต เหมือนเหยื่อรายอื่น ดวงตาที่ชุ่มไปด้วยน้ำตาเป็นเพียงอย่างเดียวที่แสดงออกถึงความรู้สึก  เศร้าสร้อย สงสัย และผิดหวัง !??'

          ดาราจ้องมองบุคคลที่ปลิดชีพตนเองเป็นครั้งสุดท้าย เธอไม่ส่งเสียงแม้สักนิด ถึงแม้ความเจ็บปวดจะแล่นไหลไปทั่วร่าง ร่างกายมีเลือดไหลซึม หญิงสาวรู้ เธอกำลังจะตาย  ตายด้วยน้ำมือของคนที่เธอไม่คาดคิด  

         ดารา ล้มลงบนพื้น ร่างกายและหัวใจเต็มไปด้วยบาดแผลที่บาดลึก

         ชายที่ถือมีดสะอื้นไห้เบาๆแก่เหยื่อที่ถูกฆ่า

         ขณะที่บุคคลอีกคนหนึ่งสะดุ้งตื่นจากความฝันอันน่ากลัว
     
         .................................................................................................................................

         หมอกสะดุ้งลุกขึ้น รู้สึกถึงเหงื่อเย็นเฉียบที่ไหลไปทั่วใบหน้า เป็นความฝันที่เหมือนจริงเหลือเกิน ความรู้สึกกลัววาบลงไปในจิตใจ   พลันนึกถึงหญิงสาวในความฝัน  คุณดารา

         คนอื่นๆในรถบ้านหายไปหมด  หมอกจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง  เสื้อยืดแบบมีปกและกางเกงยีนส์   เขาเปิดประตูออกไป  สูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า อากาศยังหนาวอยู่เลย พอดีกันนั้นพลันสายตาก็ปะทะกันกลุ่มคนที่ยืนออกันตรงโกดัง

         เด็กชายเบียดเสียดเหล่าคนงานและตำรวจที่กระซิบกระซาบกันอย่างร้อนรน  มองเห็นวาหินีกับกำลังคุยกับนายตำรวจร่างใหญ่  ผิวคล้ำ ท่าทางเหมือนทั้งคู่จะรู้จักกันมาก่อน ผู้อำนวยการสร้างมองเห็นเขาพอดีเลยกวักมือเรียกให้เข้ามา

         หญิงสาวพึมพำแนะนำนายตำรวจสมชายข้างตัวให้หมอกฟัง  เด็กชายรู้สึกถึงความผิดปกติจึงเอ่ยปากถาม  วาหินีส่ายหน้ามองเขาเหมือนลำบากใจ  กล่าวคำพูดที่หมอกกลัวที่สุด

         "มีผู้พบศพคุณดาราในโกดัง"

          .....................................................................................................................................

          หมอกไม่ได้รับอนุญาตให้ดูศพแต่เขาคิดว่าไม่มีความจำเป็น ถึงอย่างไรทุกอย่างในความฝันก็ติดตาเขาจนยากจะลืม ทุกคนในทีมที่เดินมาหาเขากลับมาจากการไปเยี่ยมดาราครั้งสุดท้าย ทุกคนยกเว้นวาหินีท่าทางสะอิดสะเอืยนเนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นร่างไร้ชีวิตที่เกิดจากการฆ่า ทั้งสภาพก็ไม่น่าดูสักเท่าไร 

          " มีดแรกแทงไปที่สีข้าง  ก่อนที่จะถูกชักออกไปแทงซ้ำที่หน้าอกซ้าย ศพถูกพบในสภาพนอนคว้ำหน้า จากคำให้การของพยานบอกว่าดาราเข้านอนตามปกติ  ไม่มีใครทราบว่าเธอออกไปเมื่อไร พบอีกทีเธอก็อยู่ในสภาพนี้" วาหินีอ่านแฟ้มสรุปคดีของนายตำรวจในทุกคนฟัง 

           "ใครเป็นผู้พบศพครับ" หมอกถาม

           วาหินีเยียดยิ้ม  "พวกเธอต้องไม่เชื่อแน่ว่าใคร ตั้งแต่ตอนกรณีของดวงตะวันเขาไม่เคยเยียบย่างเข้ามาในโกดังจนกระทั่ง บังเอิญวันนี้ช่างพอเจาะอะไรอย่างนี้"

          หญิงสาวอ่านตัวอักษรบนแฟ้ม

         "พยานที่บนศพคือ นายผันนภา"

         "ดูเหมือนว่าคดีฆาตรกรรมนี้จะเกี่ยวข้องกับคดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาก่อน คดีดวงตะวันจึงถูกรื้อออกมาใหม่ สมชายมารับคดีนี้ต่อจากนายตำรวจที่ลาออกไป เขาเล่าให้ฉันฟัง" วาหินีเล่าไปเรื่อยๆ ไม่ปล่อยให้ใครถามว่า เหตุใดเธอจึงรู้รายละเอียดของคดีซึ่งเป็นความลับของตำรวจ ทั้งท่าทางเธอที่ดูสนิทสนมกับ นายตำรวจสมชายเจ้าของคดี ทุกคนได้แต่อือออฟังเธอพูดไปเรื่อยๆ

         "ถ้าอย่างงั้น นายสาด ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตรกรในครั้งนั้นก็บริสุทธิ์ใช่มั้ย " วิกรานต์ถาม 

          หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ

         "แต่เขาคงจะไม่ดีใจหรอกที่คนอื่นรู้ความจริงกันตอนนี้  เพราะตอนนี้เขาตายแล้ว" 

          ................................................................................................................................

         ภายในห้องรับแขกอันโออ่าของบ้านสุริยะ  ทุกคนในบ้านถูกเรียกตัวมาทีละคนเพื่อสอบถามถึงคืนสุดท้ายของดารา สุริยันเล่าว่า คืนเกิดเหตุดารารับประทานอาหารกับเขา น้องชายและคุณพ่อเป็นปกติ ผู้ที่พูดคุยกับดาราเป็นคนสุดท้ายคือ สุริยะ ที่มากล่าวราตรีสวัสดิ์แก่ลูกทุกคนเป็นประจำ  เวลาคาดประมาณ 3 ทุ่มกว่า พบร่างดาราเวลา ตี 4 ที่โกดังสถานที่เดียวกับที่เกิดเหตุฆ่าเมื่อหลายเดือนก่อน

           เวลาเสียชีวิตของหญิงสาวคือ 3 ทุ่มกว่าๆ ถึง ตี 4 เป็นเวลาที่คนในบ้านเข้านอน ทุกคนจึงไม่มีพยานแสดงถึงความบริสุทธิ์ ที่น่าแปลกคือ คดีนี้คล้ายคลึงกับคดีดวงตะวันที่ทุกคนมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นฆาตรกร  แต่เนื่องจากตำรวจพบเสื้อผ้าเปื้อนเลือดและหลักฐานในห้องของคนงานคนหนึ่งซึ่งมีอาการทางจิตไม่ดี  ทั้งครอบครัวสุริยะเป็นครอบครัวใหญ่ไม่ต้องการเรื่องอื้อฉาว  คดีจึงปิดลงอย่างรวดเร็วพอๆกับตอนเริ่มต้น

          แต่ดาราก็เป็นตัวกระตุ้น  เงามืดในอดีตกลับมาอีกครั้ง  คนร้ายตัวจริงยังไม่ได้รับโทษที่ตนได้ก่อขึ้นในอดีตและในตอนนี้

         .........................................................................................................................................

          ถึงคราว คุณชายคนเล็กของบ้าน ผันนภา เข้ามาในห้องสอบสวน สุนัขจิ้งจอกที่ดูเจ้าเล่ห์  มั่นใจ ตอนนี้กลับดูหมองเศร้าและขลาดกลัว  ดวงตาและหูหลุกหลิกลู่ลงเมื่อพยายามพูด

         "คุณคงคิดจะถามผมว่า ทำไมผมถึงไปเจอศพน้องสาวตัวเองในโกดังใช่ไหม"

          นายตำรวจสมชายพยักหน้าตอบอย่างสงบ  แต่สุนัขจิ้งจอกก็ไม่ใส่ใจท่าทางฝ่ายตรงข้าม  เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นเต็มใบหน้า  ความกระวนกระวายและลังเลปรากฎขึ้นในดวงตา เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายสรุปได้ว่า ผันนภาต้องรู้อะไรบางอย่างที่น่าสนใจ  เขานิ่งเงียบ รอท่าที

          "เมื่อคืน  ผมหลับสนิทอยู่บนเตียงเกือบจะทั้งคืน ถ้าไม่มีเสียงเคาะประตูหน้าห้องนอน ผมเดินไปเปิดดูแต่ไม่มีใคร  ได้ยินเสียงคนเดิน ตอนนั้นก็เช้ามืดแล้ว  ผมไม่ค่อยชอบออกไปไหนคนเดียวตอนกลางค่ำกลางคืนหรอกแต่ผมก็ไป..." 

           หมาจิ้งจอกกลืนน้ำลายเฉไปมองรอบๆ เมื่อเริ่มเล่าไปได้สักพัก

         

        
         


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×