ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักอสุรา | {TITAN SET}

    ลำดับตอนที่ #7 : กลรักอสุรา l บทที่๐๖ ตอน แฟนเก่า {อัพ100%}

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.97K
      153
      15 ม.ค. 62

    * หากรำคาญเสียงเพลงก็ปิดได้เน้อ *




    บทที่๐๖
    ตอน แฟนเก่า

    พี่จักรื้อฟื้นเศษเสี้ยวทรงจำสองเรานับจากแรกพบสบตา เกี้ยวพาราสี จวบจนพลัดพราก…” 

    ไม่รู้ว่าร่างทั้งร่างถูกคำพูดอบอุ่นและสายตาของเขาสะกดไว้ในท่านั้นนานเท่าไหร่ รู้อีกทีร่างกายซึ่งเคยถูกแช่แข็งด้วยคำพูดโบร่ำโบราณจากยักษ์หนุ่มตรงหน้าก็เริ่มกลับมาขยับได้อีกครั้ง พร้อมเพรียงกับเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือที่ดังแทรกความเงียบภายในตัวบ้าน

    Rrrrrr

    ท่านอสุราค่อยๆ ผละมือทั้งสองข้างออกจากหน้าฉันอย่างเชื่องช้า เช่นเดียวกับฉันที่รีบผละตัวถอยห่างจากเขาทันทีเมื่อมีโอกาส จากที่ไม่กล้ามองสบตากับเขาเพราะอาการกลัว เวลานี้กลับเริ่มเปลี่ยนไปกลายเป็นความรู้สึกอื่น 

    ทั่วหน้าเริ่มร้อนจัดเมื่อภาพเหตุการณ์ตามจีบหญิงของรักซึ่งเคยอ่านผ่านตา ลอยแทรกผ่านเข้ามาในความคิด และไม่ปฏิเสธเลยว่าฉันกำลังรู้สึกอายที่ถูกเขาเข้าใกล้และประกาศไว้แบบนั้น

    เพื่อสลัดความเขินอายที่มี ฉันจึงตัดสินใจลุกขึ้น จากนั้นก็ก้าวเดินไว เดินปลีกตัวออกห่างเขาโดยอาศัยเรียกเสียงเข้าเป็นเหตุผล 

    ทว่า หลังจากจะพาตัวเองออกห่างท่านอสุราไปได้นิดหน่อยแล้วก็ตามที สุดท้ายน้ำเสียงและแววตาที่เขาแสดงออกยามพูดความต้องการของตัวเองเมื่อครู่ ก็ไม่วายเรียกฉันให้เหลียวกลับไปมองอีกครั้งอยู่ดี

    แต่แล้ว วินาทีที่เหลียวหลังกลับไปยังพื้นที่บริเวณมุมชั้นวางหนังสือ ฉันกลับต้องพบกับเรื่องน่าเหลือเชื่ออีกครั้ง เมื่อชายหนุ่มซึ่งมีองค์ประกอบทุกอย่างละม้ายคล้ายมนุษย์ปกติทั่วไป ได้สำแดงอิทธิ์ฤทธิ์บังเกิดต่อสายตาด้วยการก้าวเท้าถอยหลังหนึ่งก้าว ก่อนค่อยๆ อันตรธานตัวหายไปต่อหน้าต่อตา ตรงบริเวณที่ฉันวางรูปปั้นสำหรับบูชาของท่านอสุราเอาไว้

    ที่บ้าก็คือ ทุกครั้งที่เราเผลอสบตาฉันก็มักจะเห็นรอยยิ้มเล็กบนหน้าที่เขาส่งมาให้เสมอๆ ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่เขาเขากำลังหายตัวไปต่อหน้าแบบนั้น

    ครั้นจะตกใจกับภาพที่เหมือนเหมือนอย่างเคยๆ ก็ดูจะมีเวลาไม่มากนัก เพราะเสียงเรียกเข้าที่ดังไม่ยอมหยุดเวลานี้ อาจจะเป็นงานของที่ใดที่หนึ่งซึ่งฉันได้โยนใบสมัครทิ้งไว้กำลังโทรติดต่อเข้ามาก็ได้ ดังนั้นเมื่อคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาได้ ฉันก็รีบกดรับสายทันที โดยไม่ลืมที่ภาวนาในใจเหมือนอย่างทุกครั้งตามความเคยชินซึ่งมากล้นไปด้วยความหวัง

    เจ้าประคู๊ณณณ ขอให้เป็นสายของงานโทรเข้ามาด้วยเถิดดด เพี้ยง!

    สวัสดีค่ะ ทับทิมพูดค่ะ

    [สวัสดีครับคุณทับทิม ผมชื่อช้างนะครับ เป็นผู้กำกับละคร คุณคงพอจะรู้จักมาบ้างใช่ไหมครับ…] เสียงเข้มจากปลายสายตอบกลับแทบจะทันทีที่ฉันกรอกเสียงผ่านสายจนจบคำ ซ้ำยังเสียงแนะนำตัวของเขายังทำให้คนฟังรู้สึกตกใจยิ่งกว่ารู้ตัวว่าถูกหวย [พอดีว่าอีก 2 วัน ทางกองถ่ายจะเริ่มเปิดกล้องถ่ายบทละครเรื่องดวงหทัยยักษ์ซีนแรก ผมจะขอรบกวนคุณทับทิมให้ช่วยสักหน่อยได้ไหมครับ ?]

    แน่ล่ะ ในเมื่อคนที่ฉันกำลังพูดสายอยู่ด้วยตอนนี้เป็นถึงผู้กำกับละครชื่อดังเชียวนะ !

    [พอดีผู้จัดการน้องเมรีแนะนำผมมาว่า คุณทับทิมชอบและศึกษาเรื่องของตำนานท้าวอสุเรนทร์มาเยอะมาก ผมเองเลยจะขอคำปรึกษาสักหน่อยได้หรือเปล่าครับ ?]

    ดะ ได้สิคะ !” แล้วแบบนี้ฉันจะพลาดเรื่องดีๆ ด้วยการปฏิเสธเขาได้อย่างไรล่ะ

    [พอดีตัวบทละครน่ะครับ ค่อนข้างอิงกับตำนานท้าวอสุเรนทร์ แต่จะย้อนเล่าเรื่องไปช่วงสมัยรัชกาลที่ ๕ และยุคปัจจุบันน่ะครับ โดยจะแทรกฉากแบบละครพื้นบ้านเข้าร่วมด้วย แต่ว่า ทางตัวผมแม้จะอ่านผ่านตามาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจเรื่องข้อมูลที่ถูกต้องเท่าไหร่ อาทิเช่น อาวุธของท้าวอสุเรนทร์อะไรเทือกนี้น่ะครับไม่ทราบว่า คุณทับทิมพอจะมีอะไรดีๆ แนะนำผมบ้างหรือเปล่าครับ]

    ได้สิคะ หากเป็นเรื่องอาวุธ ในหนังสือแต่ละเล่มนั้นจะกล่าวแต่ต่างกันออกไปในแต่ละครั้งที่ตีพิมพ์ค่ะ…” 

    จริงอยู่ที่ฉันคลุกคลีกับเรื่องตำนานท้าวอสุเรนทร์จนแทบจะเป็นวรรณกรรมพงศาวดารเล่มเดียวที่อ่านเกินพันรอบ แต่มันก็อย่างที่พี่ช้างผู้กำกับบอก ข้อมูลแต่เล่มนั้นบางส่วนกลับเขียนบอกไว้ต่างกัน ในแต่ละครั้งที่รูปเล่มมีการตีพิมพ์และปรับเปลี่ยนภาษาให้ทันยุคทันสมัยขึ้น 

    หากเป็นอาวุธช่วงเล่มที่ตีพิมพ์ใหม่ช่วงหลังๆ มักจะบอกไว้ว่า ท่านท้าวอสุเรนทร์ใช้กริชปราบยักษ์มารค่ะ แต่ว่า จะมีอยู่ไม่กี่เล่มที่เขียนต่างออกไป ทั้งหอกบ้าง ธนูบ้าง…”

    ด้วยเหตุนั้น ขณะบอกกล่าวให้ปลายสายทราบข้อมูล ฉันเองก็รีบพาตัวเองกลับมายังกองหนังสือซึ่งถูกวางกองทิ้งไว้ ก่อนทิ้งตัวลง โดยไม่ลืมหยิบแว่นตาขึ้นมาสวมเพื่อกันอาการปวดตาเวลาจ้องตัวหนังสือนานๆ  

    ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เผื่อข้อมูลที่แม่นยำ

    เล่มที่ถูกตีพิมพ์ครั้งที่ ๕ ล่ะมั้งคะที่กล่าวไว้ท่านท้าวอสุเรนทร์ใช้หอก…” พอพูดมาถึงตรงนี้ มือก็เอื้อมดึงหนังสือแสนโปรดซึ่งถูกตีพิมพ์ครั้งที่ ๕ ออกจากกองเพื่อเช็กความแม่นยำในสิ่งที่เพิ่งพูดผ่านสาย แต่ก่อนจะทันได้เปิดไปยังหน้าเนื้อหาที่ต้องการ จู่ๆ หนังสือเล่มหนาจากหนึ่งในบรรดากองหนังสือทั้งหมดกลับร่วงลงมาตรงหน้า

    ความตกใจส่งผลให้สายตาตวัดมองไปยังหน้าหนังสือที่ร่วงลงมาเปิดค้างอย่างไม่อาจหักห้าม ก่อนพบว่าเล่มการกล่าวเป็นการตีพิมพ์ครั้งที่ ๑ แต่ก่อนจะทันได้แตะต้องหนังสือหรือพูดอะไรให้ปลายสายได้รับฟังช่วงเวลาเดียวกันนั้นกลับมีเสียงทุ้มต่ำแต่เย็นเยือกของใครคนหนึ่งดังแว่วผ่านหูให้ได้ยินเสียก่อน

    ท่านพี่อสุเรนทร์หาได้กำกริชหรือหอกปราบไอ้กุมภัณฑ์ไม่ หากแต่ใช้คันศรและดอกธนูต่างหากเล่า…” แม้มาแต่เสียง แต่เพียงเท่านั้นฉันกลับรับรู้ได้ว่าเสียงดังกล่าวเป็นเสียงของใคร 

    สงสัยเพราะเจอเรื่องแปลกๆ ติดต่อกันล่ะมั้ง ฉันถึงไม่ได้รู้สึกตกใจหรือหวาดกลัวได้เท่ากับครั้งแรก มิหนำซ้ำเสียงที่ได้ยินดังผ่านลม ก็สอดคล้องกับเนื้อหาภายในเล่ม ซึ่งเป็นเพียงเล่มเดียวที่กล่าวถึงอาวุธของท้าวอสุเรนทร์ว่าเป็นคันธนู

    [คุณทับทิมครับ ยังอยู่ในสายหรือเปล่า ?] ไม่รู้เพราะฉันเงียบนานเกินไปหรือเปล่า พี่ช้างซึ่งรอฟังคำแนะนำผ่านสายถึงได้ส่งเสียงทักขึ้น พานให้สะดุ้งจนต้องรีบตอบกลับทันที

    อยู่ค่ะคุณช้าง เอาเป็นว่าทับทิมแนะนำให้คุณช้างลองอิงจากตำนานท้าวอสุเรนทร์ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกจะดีกว่านะคะ เพราะตามหลักดั่งเดิมในหนังสือกล่าวไว้ว่าท้าวอสุเรนทร์ท่านได้ธนูทองจากพระอิศวรไว้ปราบมารน่ะค่ะ อีกอย่างหนังสือเล่มแรกที่ตีพิมพ์ ก็เป็นเพียงเล่มเดียวที่ถอดแบบกลอนทั้งหมดจากตำนานเล่มจริงในหอสมุดแห่งชาติด้วย,,,”

    [อ๋อ งั้นหรือครับ ?] พี่ช้างตอบรับแค่นั้นและเงียบลงไปอยู่ครู่สั้นๆ ก่อนจะส่งเสียงขึ้นอีกครั้ง [ดีเลย เล่มแรกใช่ไหมครับ ถ้ายังไงผมจะให้คนลองไปหามาดูเพื่อเป็นความรู้ก่อนเปิดกล้องนะครับ]

    อันที่จริงตอนแรกน่ะ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากนะ ที่มีผู้กำกับละครโทรมาขอคำปรึกษาแบบนี้ แต่พอคุยจนมาถึงจุดที่ใกล้จะวางสายโดยที่ฉันยังไม่ได้งานเสริมงานพิเศษอะไรทำเพิ่มนอกจากเป็นแค่ที่ปรึกษา มันก็พานเฟลเสียดื้อๆ

    แต่ว่าช่วงเวลาที่ฉันกำลังรู้สึกหมดหวังกับการได้รับหมอบงานที่มั่นคง หูก็ได้ยินมันอีก เสียงของท่านอสุราที่คล้ายตั้งใจจะช่วยเป่าปัดและให้กำลังใจ

    แย้มยิ้มเสียหน่อยสิดวงใจพี่ ฤกษ์ยามนี้ น้องหวังสิ่งใดไว้จักมิมีวันคลาดแคล้ว…” ก่อนต้องรู้สึกประหลาดใจ เมื่อปลายสายเริ่มกล่าวคำพูดขึ้นแทบจะทันทีที่เสียงเสียงของท่านอสุราเงียบลง

    [คุณทับทิมครับ หากไม่เป็นการรบกวนเกินไป จะเป็นไปได้ไหม หากผมต้องให้คุณช่วยเป็นที่ปรึกษาแบบนี้ไปจนกว่าจะปิดกล้อง แน่นอนว่า มีค่าตอบแทนให้นะครับ]

    คุณช้างพูดจริงหรือคะ ?” มันเหมือนเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ได้หลังจากการภาวนาและขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตอกย้ำให้รู้ว่าทุกวลีที่ท่านอสุรากระซิบผ่านลมนั้น ล้วนแล้วแต่ถูกต้องทุกประการตามอย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ

    [ครับ ผมพูดจริง เพราะผมน่ะ...ประทับใจตั้งแต่เรื่องชุดนางรำที่น้องเมรีใส่วันบวงสรวงแล้วล่ะ คุณดูใส่ใจรายละเอียดของชุดมาก จนน้องเมรีดูโดดเด่นราวกับเป็นนางรำลงมาจากสวงสวรรค์จริงๆ ซึ่งผมคิดว่ามันคงจะดีมากหากได้คุณทับทิมเข้ามาช่วยดูแลในเรื่องการแต่งกาย เครื่องทรงต่างๆ ของตัวละครในกองถ่ายเพิ่มน่ะครับ]

    ระ เรื่องนั้น ดิฉันยินดีมากๆ เลยค่ะ

    [ดีครับ ถ้าอย่างไรแล้ว หากคุณทับทิมมีเพื่อนหรือลูกมือที่พอจะช่วยชี้แนะเรื่องสถานที่ถ่ายทำหรือฉากสวยๆ ก็สามารถแนะนำผมได้นะครับ ผมอยากให้ละครเรื่องนี้ออกมาดีที่สุด]

    อ้อค่ะ ได้สิคะ ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง เปิดบริษัทรับหา จัดและออกสถานที่อยู่พอดี ถ้ายังไง เดี๋ยวฉันจะติดต่อประสานงานให้นะคะ

     [ยินดีมากๆ เลยครับ ขอบคุณนะครับคุณทับทิม ถ้าไม่เป็นการเสียเวลา วันเปิดกล้องผมอยากให้คุณทับทิมกับเพื่อนมายังสถานที่ถ่ายทำด้วย ไม่ทราบจะสะดวกหรือเปล่าครับ ?]

    ค่ะ สะดวกค่ะ

    [ดีเลยครับ เราจะได้พูดคุยกันเรื่องตำนานท้าวอสุเรนทร์เพิ่มเติมด้วย ถ้าอย่างไรแล้ว เดี๋ยวผมจะส่งโลเคชั่นสถานที่ถ่ายทำให้อีกครั้งนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่คุณทับทิมให้มาด้วย...

    ตลอดเวลาที่หูได้ยินเสียงขอบคุณจากปลายสาย หัวใจฉันก็ยิ่งเต้นผิดจังหวะด้วยความตื่นเต้นและดีใจไม่ยอมหยุด อาจเพราะว่านี่คงเป็นโอกาสเพียงไม่ถึงห้าเปอร์เซ็ตน์ล่ะมั้ง ที่ใครสักคนจะได้รับทั้งคำชมและงานพร้อมกันกันจากบุคคลซึ่งมีชื่อเสียงแบบนี้

    พอยิ่งคิด ฉันก็ยิ่งรู้ดีใจจนเนื้อตัวเต้น อยากเร่งวันเร่งคืนให้ถึงวันเปิดกล้องถ่ายทำละครโดยไวเสียเหลือเกิน

    ไม่รู้ว่าฉันใช้เวลาทั้งหมดไปกับการคุยงานกับผู้กำกับละครชื่อดังนานเท่าไหร่ รู้แค่ว่าตลอดเวลาที่สนทนากับเขานั้น มันทำให้ฉันแทบจะลืมไปหมดสิ้น ว่าก่อนหน้านี้เคยประสบพบเจอเรื่องราวประหลาดมามากน้อยแค่ไหน

    บ้างานจนลืมแทบทุกสิ่ง... 

    คือคำที่เพื่อนมันชอบพูดใส่ฉัน และแม้จะถูกตราหน้าจากเพื่อนฝูงแบบนั้น แต่ฉันก็ใช่ว่าจะแคร์หรือรู้สึกไม่ดีแต่อย่างใด ในเมื่อการจมอยู่กับกองงานและสิ่งที่ชอบมันทำให้ฉันได้ใช้เวลาที่มีทั้งหมดไปได้อย่างคุ้มค่า แถมยังมีความสุขจนไม่ต้องมีเวลานึกถึงเรื่องแย่ๆ ที่เคยผ่านเข้ามา

    แบบนี้น่ะ มันไม่เรียกว่าดีหรือยังไง ?

    หลังจากใช้เวลาพูดคุยกับพี่ช้างพักใหญ่ จนตกลงงานกันเสร็จครบถ้วนกระบวนความ ทันทีที่โทรศัพท์มือถือถูกลดลงจากหู สิ่งแรกที่ฉันมันทำเป็นอย่างแรกเมื่อสิ่งที่คิดสมดั่งปรารถนาคือการหลับตาลง แล้วกล่าวขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เช่ามาบูชา

    ขอบคุณนะเจ้าคะ ท่านอสุรา

    อาจเพราะว่ามันคือเรื่องเคยชินซึ่งทำจนเคยตัว ฉันจึงลืมคิดไปเสียถนัดว่า บางอย่างที่เคยเป็นปกติสุขรอบตัวเวลานี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว กว่าจะรู้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังเผชิญโชคกับเรื่องราวประหลาดเหนือความคาดหมายก็คงเป็นตอนที่ลืมตาขึ้น แล้วพบว่าเบื้องหน้ามีร่างสูงใหญ่ของผู้ชายในชุดเครื่องทรงยักษ์กำลังยืนจ้องมองในท่ากอดพร้อมรอยยิ้ม

    ซ้ำยังเอ่ยถามราวกับได้ยินเสียงในหัว

    จักขอบคุณพี่ไปไยเล่า แม่ทับทิม….” ภาพและเสียงทักท้วงจากร่างสูงตรงหน้าทำฉันสะอึกไปเล็กน้อย แม้ลึกๆ ยังคงกลัวและรู้สึกไม่ชินกับการมาที่ไม่ต่างจากพวกผีในละคร ถึงอย่างนั้นแล้วปากก็ไม่วายขยับว่ากล่าว ขณะสองมือยกขึ้นพนมกลางอก

    ขอบคุณสำหรับเรื่องงานนะเจ้าคะ ท่านอสุรา…”

    แม้เรื่องประหลาดตรงหน้าจะมีลักษณะการมาและการปรากฏกายไม่ต่างจากภูตผี แต่สิ่งที่ทำให้เขาอยู่เหนือกว่าผีสางน่ากลัวพวกนั้น ก็คงไม่พ้นเครื่องแต่งกายซึ่งบอกประวัติและที่มา รวมถึงชั้นวรรณะที่อีกฝ่ายเป็น

    เรื่องนั้นหาได้ต้องขอบใจเราไม่...ความมานะพากเพียร พยายาม อีกทั้งยังมั่นคง ทั้งหมดทั้งมวลนั้น คือสิ่งที่แม่ทับทิมพึ่งจักได้ครอบตามประสงค์ที่ปรารถนา

    โดยเฉพาะกับคำพูดที่เขาใช้ ที่บอกชัดว่าเขารับรู้ทุกๆ เสียงของฉันที่ร้องขอต่อเขามาโดยตลอด

    ฉันควรจะรู้สึกอย่างไรดีล่ะ เมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เช่ามาบูชากำลังตอบรับคำพูดของฉันด้วยตัวจริง เสียงจริงแบบไร้แสตนอินอย่างนี้!

    “ละ แล้วนี่ท่านจะปรากฏตัวให้ฉันมองเห็นแบบนี้ ไปอีกนานเท่าไหร่หรือเจ้าคะ ?เพราะฉันคือมนุษย์ธรรมดาที่ไร้พลังวิเศษที่ แต่ดันต้องมาพบเจอเรื่องราวในแบบที่คนปกติไม่อาจมีโอกาสสัมผัส หากว่ามันคือเรื่องที่ถูกกำหนดไว้ว่าฉันต้องพบเจอ การชวนเขาพูดคุยด้วยเพื่อกระชับความเป็นกันเองให้มากขึ้น จึงเป็นเรื่องที่ควรทำ

    ไม่ใช่เพราะอยากสนิทชิดเชื้อ หรือยกระดับตัวเองให้บารมีสูงเสมอเทียบเคียง แต่เป็นเพราะ ฉันต้องการให้ตัวเองรู้สึกชินกับการต้องเจอเรื่องพวกนี้โดยไวต่างหาก

    ถามทำไมงั้นรึ ?

    ฉันก็แค่อยากทราบเจ้าค่ะ จะได้ปรับตัวได้ทัน...

    พี่ยังมิได้หาฤกษ์ยามเพื่อลาจากหรอกแม่ทับทิม…” ส่วนนั่นคงเป็นคำตอบของท่านอสุรา ด้วยเหตุนั้นแล้ว จักเป็นไปได้หรือไม่ หากพี่จักขอพำนักอาศัยอยู่ร่วมเรือนเดียวกับน้องต่อไปเช่นนี้สักระยะ

    คำขอของเขาทำฉันเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างห้ามไม่ได้ ครั้นจะปฏิเสธ แต่พอได้เผลอสบตาเข้ากับเขาตรงๆ ทุกเสียงที่ควรมีกลับเหือดแห้งหายไปเสียอย่างนั้น จนเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้ยักษ์หนุ่มตรงหน้ากล่าวถ้อยไม่หยุด

    จนกว่าจักถึงฤกษ์ยามต้องจากลา พี่ขอให้คำมั่น จักมิสร้างความเดือดร้อนต่อใดแม่ทับทิมให้เป็นกังวล เว้นเสียแต่…” 

    อะ…” ขณะในหัวกำลังคิดตามสิ่งที่ได้ยินอยู่นั้น จู่ๆ ท่านอสุราซึ่งเงียบเสียงไปก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาเคลื่อนเข้ามาใกล้โต๊ะหนังสือจนชิด ก่อนใช้สองมือที่ท่านมีทาบลงกับกองหนังสือซึ่งมีระดับสูงต่ำไม่เท่ากันแทนหลักยึด จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงมาใกล้โดยทิ้งระยะระหว่างใบหน้าของเราไว้พอประมาน ซ้ำยังชิงแทรกขึ้น ต่อเติมประโยคหลังที่ขาดหาย 

    ยามต้องช่วยดวงใจระลึกถึงเรื่องราวในภพชาติเก่าแต่เพียงเท่านั้น

    คำพูดของท่านอสุราในหนนี้ ทำเอาคนฟังเกิดอาการแปรป่วนในอกที่ต่างออกไปจากตอนแรก มันไม่ใช่การสั่นไหวเพราะรู้สึกตกใจหรือหวาดกลัวเหมือนทุกที แต่เรียกว่าเป็นความรู้สึกไหวหวั่นจากการกระทำปุบปับที่ฉันไม่เคยได้รับจากใครนับตั้งแต่เลิกกับเขตแดนถึงจะถูก

    ยิ่งด้วยก่อนหน้านี้ เขาประกาศไว้อย่างมั่นอกมั่นใจ ว่าฉันคือคนรักของเขาในอดีตชาติด้วยแล้ว พอได้ยินคำพูดที่คล้ายกับว่าอีกฝ่ายจะช่วยให้ฉันนึกเรื่องซึ่งถูกเขียนบันทึกไว้ในวรรณกรรมโบราณออก

    พี่จักรื้อฟื้นเศษเสี้ยวทรงจำสองเรา นับจากแรกพบสบตา เกี้ยวพาราสี จวบจนพลัดพราก…’ ฉันก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าไม่เป็นตัวของตัวเอง จำต้องออกปากห้าม

    พะ พอเลยนะเจ้าคะ ห้ามท่านพูดแบบนั้นอีก

    เหตุใดทำไมพี่ถึงกล่าวถ้อยเช่นนี้ไม่ได้ ?แต่ว่า พอถูกเขายอกย้อนกับมาแบบนั้นแล้ว คนที่หมดคำจะพูดดันเป็นฉันเสียเอง และเพราะว่าหาเหตุผลดีๆ ให้เจ้าของคำถามไม่ได้ หนทางเดียวของผู้หญิงขี้ขลาดยามต้องเจอปัญหาไม่เป็นเรื่อง จึงเป็นการเดินหนีไป

    “มะ ไม่คุยแล้วเจ้าค่ะ ขะ...ขอตัวก่อนนะนะเจ้าคะ…” แน่นอนว่า ทุกเสียงและทุกคำพูดที่ใช้ ล้วนแล้วแต่แสร้งแสดงออกให้อีกฝ่ายมองเห็นว่าผู้ที่เคยตกอยู่ในอาการหวาดกลัว ไม่ได้รู้สึกอะไรต่อคำพูดที่เขามอบให้นัก ก่อนพาตัวเองหลบออกจากโต๊ะหนังสือภายในห้องรับรอง เดินหนีเข้าห้องถัดไป

    ตึก... ตึก...

    ขณะที่ความรู้สึกๆ ดันเผลอไผลหวั่นไหวไปกับน้ำคำและทีท่าที่ยักษ์หนุ่มใช้ กระนั้นแล้วความรู้สึกบางส่วนก็ยังคงรู้สึกคัดค้านต่อสิ่งที่เขาพยายามสื่อสารอยู่ดี จนอดคิดไม่ได้ว่า 

    หากการพบเจอระหว่างเราเป็นเรื่องเข้าใจผิด มันจะดีกว่าหรือเปล่า ถ้าฉันคนนี้จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเพื่อช่วยเขาตามหาหญิงคนรัก ตามดั่งหวังที่เขาอยากให้เป็นแทนการตอบแทนหลายล้านคำที่ฉันเคยร้องขอและอ่อนต่อหน้ารูปปั้นของท่านอสุรา

     ‘ว่าแล้วอสุราจึงเอ่ยถาม  

    ถึงฤกษ์ยามต้องจากลากันแล้วฤา 

    มิเอ่ยร่ำคำลาหรือโบกมือ 

    มิเห็นส่งข่าวลือว่าจักไป 

    ฤาชาตินี้เรานั้นมิคู่เคียง 

    แก้วกานดาจงสดับฟังเสียงขอ 

    อุบัติใหม่กี่ภพชาติพี่จักรอ  

    จักคอยเฝ้าพะนอไม่แคล้วไกล 

    เกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้เราคู่กัน จริงด้วยสิ ในบทก่อนเข้าสงครามปราบยักษ์มาร ท่านอสุราเองก็ได้ร้องขอให้คนรักลงมาเกิดใหม่เหมือนกันนี่นา

    ต่อให้เขาจะมีอิทธิฤทธิ์น้อยกว่าท้าวอสุเรนทร์ผู้เป็นพี่ชายก็ตาม แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอิทธิฤทธิ์ต่างจากคนปกติทั่วไปอยู่ดี คำร้องขอของเขามันคงไม่ต่างจากการสาปส่งของท้าวอสุเรนทร์ในตำนานนักหรอกมั้ง 

    และถ้าหากเขาติดตามท่านท้าวอสุเรนทร์ลงมายังเมืองมนุษย์เพื่อปราบยักษ์ตามอย่างที่ในตำนานเกริ่นไว้ล่ะก็ บางทีการเกิดใหม่ของแม่นิมานรดีที่เขาร้องขอไว้ตามอย่างที่ตำนานกล่าว ก็น่าจะมีคราวเคราะห์ที่ไม่ต่างกันนัก

    ฟุ่บ!

    กึก...

    จักหนีหน้าพี่ไปหนใดอีกเล่า แม่ทับทิม…”

    คงเพราะในหัวเอาแต่คิดอะไรๆ เพลินมากไปหน่อย กว่าจะรู้ตัวว่า การเดินหนีสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆ เหมือนกับการเดินหนีคนสามัญชนธรรมดา ก็คงเป็นตอนที่เสียงของท่านอสุรากล่าวทักขึ้น ขณะปรากฏกายยืนขวางทางเดินในท่ากอดอกเบื้องหน้านั่นหล่ะ

    ไยมิหยุดเจรจากับพี่เสียก่อน

    อะ อะไรของท่านเนี่ย ไหนว่าจะไม่สร้างความลำบากใจให้ฉันยังไงล่ะเจ้าค่ะตามทำไมอยู่ได้ฉันบอกเขาแต่ก็ลดระดับเสียงในช่วงประโยคสุดท้ายลง จนมีแค่ตัวเองที่ได้ยิน 

    ทั้งที่ถูกต่อว่า แต่คนฟังก็ใช่จะแสดงอาการไม่พอใจแต่ใด เช่นเดิม เขายิ้ม ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่บอกถึงความสุข 

    แม่ทับทิมก็เลิกหนีพี่เสียทีสิ…” แต่ไม่ใช่กับคำพูดที่บอกอารมณ์เจ้าของประโยคด้วยความรู้สึกอื่น ทีกับไอ้บุรุษชนตนนั้น พี่มิเห็นแม่ทับทิมจักปฏิเสธหรือตีตนออกห่างมันตรงไหน…”

    จากที่ได้ยิน คาดว่าเขาคงหมายถึงเขตแดน พอจับใจความได้แบบนั้น ฉันจึงแย้ง

    ใครบอกท่าน ว่าฉันอยากอยู่ใกล้ผู้ชายชายคนนั้นกัน ?

    พี่เห็นอยู่คาตา แม่ทับทิมจักเถียงให้ได้เหตุอันใด...นับจากที่วัดอารามหลวง จวบจนหน้าเรือนเมื่อครู่ ไฉนน้องจึงมิถือเนื้อถือตัวเฉกเช่นยามอยู่เคียงพี่” 

    หากเป็นการพูดคุยระหว่างคนที่กำลังคบหากัน สิ่งที่ท่านอสุราและฉันทำใส่กันมันดูไม่ต่างจากการโต้เถียงสักนิด ติดอยู่ตรงที่ว่า คู่สนทนาของฉันนั้นกลับไม่ได้ใส่อารมณ์เกรี้ยวกราดผ่านน้ำเสียงอย่างที่พึงจะเป็นเลยแม้แต่นิดนี่สิ

    เขายังคงพูดเสียงเฉื่อยบ่งบอกความใจเย็นที่ตนมี แม้ว่าทุกวลีจะบ่งบอกถึงความคิดและความรู้สึกของผู้พูดซึ่งต่างจากน้ำเสียงที่ใช้ก็ตามสิ้นเชิง ผิดกับฉันที่พอต้องต่อปากต่อคำกับใครสักคนที่ไม่ยอมฟังเสียงอธิบาย ก็มักจะเริ่มใส่อารมณ์มากขึ้น

    ไหนท่านบอกว่าเสียงฉันดังไปถึงที่ที่ท่านอยู่ยังไงล่ะเจ้า…” ไม่รู้ว่าขณะพูด ฉันใส่อารมณ์มากเกินควรหรือเปล่า ในหนนี้ท่านอสุราจึงเงียบและทำหน้าที่ของผู้ฟังที่ดีมันเสียอย่างนั้น แล้วทำไมเรื่องแค่นี้ ท่านถึงดูไม่ออกว่าผู้ชายคนนั้นคือคนที่ฉันไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด ?

    และพอได้เอ่ยถามจนจบคำตามความต้องการ คู่สนทนาซึ่งคล้ายกับรอคอยจังหวะมาตลอดก็กล่าวแทรกขึ้น

    แฟนเก่า…” สองวลีสั้นๆ กับสีหน้าคิดไม่ตกของท่านอสุรา เป็นเหมือนสายลมเย็นๆ ที่พัดพาเอาความร้อนในอกระหว่างตอบโต้ให้นิ่งสงบโดยทันควัน  สิ่งใด คือแฟนเก่างั้นรึ แม่ทับทิม ?

    โดยเฉพาะกับคำถามประโยคหลังที่เล่นเอาผู้ที่ได้ฟังเกือบหลุดขำ

    พี่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินสองถ้อยวจีนี้ หากแต่พี่ได้เข้าใจความหมายของมันไม่

    การมาของท่านอสุราในช่วงแรกน่ากลัว น่ะใช่ 

    แต่ขณะเดียวกัน ท่ามกลางความน่ากลัวก็ยังมีเรื่องน่าขบขันปะปนอยู่ด้วย ซึ่งฉันไม่แปลกใจนัก หากว่าเขาซึ่งมาจากที่อื่นซึ่งแตกต่างจากโลกยุคสมัยปัจจุบัน จะไม่เข้าใจความหมายของคำว่า แฟนเก่า ในแบบผู้คนส่วนใหญ่ใช้เรียกอดีตคนรักของตัวเองแบบนั้น

    และเพราะฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกมันแย่เท่าไหร่ ที่ต้องอธิบายสถานะของตัวเองกับเขตแดนให้เขาได้ฟัง แถมอารมณ์หงุดหงิดก่อนหน้านี้ มันก็ไม่ได้รุนแรงมากพอจะต้องต่อปากหรือต่อว่าเขาให้เรื่องยืดยาว ดังนั้นจึงไม่ผิดอะไร หากฉันจะอธิบายบางอย่างของโลกปัจจุบันให้ยักษ์เช่นเขาเข้าใจขึ้นมาบ้าง

    แฟนเก่าก็หมายถึง อดีตคนรักยังไงล่ะเจ้าคะ…”

    …” แน่นอนว่าท่านอสุราเองก็ไม่ปฏิเสธที่จะรับรู้ ซ้ำยังตั้งใจฟังเอาเสียมากๆ ด้วย

    “แต่เราเลิกกันไปหลายปีแล้วเจ้าค่ะ เพราะฉันจับได้ว่าเขาไม่ได้รักฉันจริง แถมยังมีผู้หญิงคนใหม่ เพราะงั้นฉันเลยไม่มีเรื่องจำเป็นที่ต้องอยากกลับไปใกล้ชิดเขาอีก

    ยักษ์หนุ่มในชุดเครื่องทรงสีขาวนวลไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมาหลังสิ้นเสียงอธิบาย เขาเลือกที่จะยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น อีกทั้งบนใบหน้าคมคายดูดีก็ไม่ได้ปรากฏรอยยิ้มให้เห็นเหมือนทุกครั้ง

    คราวนี้ท่านก็เลิกคิดได้แล้วนะเจ้าคะ ว่าฉันอยากเข้าใกล้ผู้ชายคนนั้นอะ” 

    ฟึ่บ...

    ทว่า ในหนนี้ การทำลายความเงียบระหว่างเรากลับไม่ประสบผลนัก เมื่อจู่ๆ ท่านอสุรายื่นมือเข้ามาหาก่อนถือวิสาสะแตะลงบนผิวแก้มอย่างเบามือพลอยให้ทุกเสียงที่เคยดังลอดผ่านปากมีอันขาดช่วงลง

    ในช่วงที่เราสองคนมีโอกาสสบตากันตรงๆ ในระยะใกล้ เขาก็เริ่มบรรจงใช้หัวแม่โป้งมือปาดลงบริเวณใต้ขอบตาให้อย่างนิ่มนวล ก่อนหยุดสัมผัสดังกล่าวไว้บริเวณหางตา โดยปล่อยให้ระหว่างเราถูกทุกความเงียบเข้าแทรกซึมไปทั่วทุกอณูอย่างเชื่องช้า โดยไม่พูดหรืออธิบายเหตุผลใด จนกระทั่งเมื่อเขารู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่กระทำอยู่ ถึงได้เคลื่อนมือออกไป

    และกล่าวขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้มเดิมๆ ซึ่งหายจากบนใบหน้าไปชั่วขณะหนึ่ง

    พี่จักมิถือโทษ หากในชั่วยามที่ผ่านมา น้องจักมีชายอื่นเข้ามาทดแทนที่…” และพูดบางสิ่งขึ้น ขอเพียงยามนี้ แม่ทับทิมมิต้องอาดูรโศกา เฉกเช่นหลายชั่วยามที่ผ่านพ้นมา พี่ก็พึงพอใจแล้ว

    ราวกับว่า นอกจากเสียงร้องขอเรื่องโชคลาภและเรื่องการงานของฉันแล้ว เขายังได้ยินเสียงร้องไห้ที่เจ็บจนจะขาดใจในช่วงเวลาที่ผ่านมาของฉันด้วยเช่นกัน

    พี่อยู่ตรงนี้แล้วแม่ทับทิม พี่ขอให้คำมั่นว่านับจากนี้เป็นต้นไป จักมิมีวันใดที่แม่ทับทิมต้องเสียน้ำตาด้วยความอาลับโศกเศร้าอีก...” 

    ท่านอสุราไม่ได้พูดเปล่า แต่เขายังเลือกที่จะทำมากกว่าการให้กำลังใจ เช่นการเคลื่อนวงแขนเข้ามาหาหมายจะสวมกอด ทว่า

    ปี๊บ! ปี๊บ!

    สุดท้ายเขาก็ไม่มีโอกาสเข้าประชิดตัวฉันได้อย่างที่ใจคิด เมื่อจู่ๆ เสียงเตือนข้อความดันแทรกขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน พานให้สายตาที่เคยมองนัยน์ตาคมของคู่สนทนา รีบหลุบลงมองหน้าจอโดยอัตโนมัติเพราะคิดว่าอาจเป็นคุณช้างส่งโลเคชั่นสถานที่นัดหมายมาให้  

    การกระทำดังกล่าวมาพร้อมกับคำถามแบบไม่เต็มเสียงเท่าไหร่ของท่านอสุรา

    หน่ะ นั่นเสียงอะไรงั้นรึ แม่ทับทิม ?” พอเงยมองหน้าคนถาม จึงพบว่ายักษ์หนุ่มตรงหน้าเวลานี้ กำลังแสดงทีท่าประหม่า และใช้มือของตนเองเกาท้ายทอยแก้เก้อราวกับกำลังเคอะเขินอะไรอยู่

    หรือเพราะที่ฉันฉันเมินกอดของเขาเมื่อกี้กันนะ ?

    เสียงเตือนข้อความจากโทรศัพท์มือถือน่ะเจ้าค่ะ…” ฉันตอบ แม้จะรู้สึกแปลกใจต่อท่าทีและน้ำเสียงที่แปลกไปของยักษ์ ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมใช้นิ้วจิ้มเปิดข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอขึ้นอ่านไปด้วย

    โทรศัพท์มือถืองั้นรึ เหตุใดข้าวของสิ่งนี้จึงมีหน้าตาละม้ายคล้ายกระดานชนวนนัก…” หูน่ะ ได้ยินเสียงของท่านอสุรากำลังพูดเปรียบเทียบบางอย่าง แต่ไม่ใช่กับสายตาที่กำลังถูกข้อความบนหน้าจอสะกดให้จับจ้อง

    เขตแดน : ข้อความก่อนหน้านี้ ไม่ตอบไม่เป็นไร

    เขตแดน : แต่หลังจากนี้ไป ช่วยตอบข้อความฉันเหมือนเดิมด้วยนะ

    แม้ใจความที่เขตแดนส่งมาหานั้น ให้ความรู้สึกร้องขอ แต่ฉันก็ใช่จะตอบข้อความกลับตามอย่างที่อีกฝ่ายต้องการเสียที่ไหน และยังคงทำเหมือนเดิม ด้วยการลดโทรศัพท์มือถือในมือลงทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่า เสียงเตือนข้อความก็ไม่วายดังขึ้นรัวขึ้นติดๆ กัน จำต้องรีบยกกลับขึ้นมาดูอย่างเสียไม่ได้

    และเมื่อเปิดอ่านข้อความ คราวนี้สิ่งที่รอคอยอยู่บนหน้าจอนั้น กลับไม่ใช่ข้อความจากเขตแดนเหมือนตอนแรกอีกแล้ว เพราะคราวนี้ เขาส่งข้อความเข้ามาแบบไฟล์เสียง

    เขตแดน : [เป็นโรคอะไรวะทับทิม ทำไมอ่านแล้วชอบไม่ตอบ...หรือเป็นเพราะไอ้ลิเกที่อยู่กับเธอวันนี้?]

    เขตแดน : [ฉันไม่รู้หรอกนะว่าไอ้ลิเกที่อยู่ที่บ้านเธอวันนี้เป็นใครแต่ในเมื่อเธอบอกว่าเขาไม่ใช่แฟนเพราะงั้นฉันก็ยังถือว่ามีสิทธิ์อยู่…]

     ตลอดเวลาที่เสียงของเขตแดนดังแทรกผ่านลำโพงโทรศัพท์ วูบหนึ่งที่สายตาเผลอเหลือบมองคนตัวใหญ่อีกคนข้างกายอย่างไม่ได้ตั้งใจ และได้พบว่าท่านอสุราขณะนั้น กำลังขมวดคิ้วย่นชิดเข้าหากัน แสดงสีหน้าคล้ายกับคิดอะไรอยู่ แต่พอคิดจะปิดหน้าจอข้อความลง ข้อความเสียงจากเขตแดนก็ถูกส่งเข้ามาอีก

    ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าสองข้อความแรก

    เขตแดน : [ฉันอยากเริ่มต้นใหม่กับเธอจริงๆ นะทับทิม ให้โอกาสฉันได้กลับตัวได้ไหม ให้ฉันจีบเธอใหม่ก็ได้... สัญญาว่าฉันจะใช้ทุกความจริงใจเข้าหาเธอ]

    กลับตัวงั้นรึ ?หลังจากฟังมาครู่หนึ่ง สุดท้ายสีหน้าครุ่นคิดของท่านอสุราก็ถูกเอ่ยออกมาเป็นคำถามในที่สุด กระดานชนวนวิปลาสนี่ กำลังกล่าวถ้อยถึงสิ่งใดกัน เหตุใดจึงอยากกลับตัว มันทำผิดติดโทษประการใดไว้งั้นรึ แม่ทับทิม ?

    “คนที่อยากกลับตัวน่ะ ไม่ใช่กระดานชนวนหรอกเจ้าค่ะ...เมื่อถูกถามฉันจึงจำต้องตอบ แต่เสียงที่ท่านได้ยินอยู่น่ะ คือเสียงเขตแดน แฟนเก่าของฉันเอง

    แม่ทับทิมกำลังหมายถึงอดีตชายคนรักที่เลิกรากันไปนั่นน่ะรึ?” เขาย้อน

    เจ้าค่ะ ส่วนกระดานชนวนที่ท่านพูดถึงน่ะ คือสิ่งที่มนุษย์ใช้พูดคุยสื่อสารกัน เวลาเราอยู่คนละพื้นที่...เรียกว่าโทรศัพท์มือถือน่ะเจ้าค่ะท่านอสุราไม่ได้ต่อความใด เขาทำเพียงพยักหน้าน้อยๆ ขณะรับฟัง 

    แต่ไม่นานนัก ก็ถามขึ้นอีก

    หากแม่ทับทิมกล่าวเช่นนั้น ก็หมายความว่า เสียงที่พี่ยินคือเสียงอดีตชายคนรักของแม่ทับทิม ซึ่งหมายจักขอโอกาสกลับใจ คืนกลับมาครองรักกับแม่ทับทิมเหมือนดังเก่า ใช่รึไม่?แถมยังเป็นประโยคคำถามที่ยืดยาวอย่างสุดๆ

    เจ้าค่ะ ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้าอะไรขึ้นมา อยู่ๆ ถึงได้อยากกลับมาคืนดี…” ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังให้คำตอบตามมารยาทอยู่ดี ขณะใช้มือจัดการปิดโปรแกรมสนทนาระหว่างเขตแดนลง เขาคงคิดว่าการจีบฉันด้วยคำหวานเหมือนเมื่อก่อนคงจะได้ผลล่ะมั้งเจ้าคะ

    จีบงั้นรึ ?คนฟังย้อน

    เจ้าค่ะ จีบก็คล้ายๆ กับการเกี้ยวพาราสีนั่นหล่ะเจ้าค่ะ แต่ว่ามันเป็นคำที่คนในยุคสมัยนี้ใช้กันน่ะท่าน อะ…” แต่พอครั้นให้คำตอบแกมอธิบาย ยักษ์หนุ่มช่างสงสัยแถมยังเป็นฝ่ายตั้งประเด็นคำถามขึ้นมา กลับทำเรื่องเสียมารยาท อันตรธานตัวหายไปต่อหน้าต่อตาทั้งๆ อย่างนั้น พลอยให้บรรยากาศภายในบ้านซึ่งเคยมีเสียงการพูดคุยกับระหว่างเรา เงียบลงทันตา

    “ท่านอสุรา...” แม้ว่าฉันจะพยายามส่งเสียงเรียกหาเขาด้วยตัวเองก็ตาม

    อะไรของเขานะ บทจะมาก็มา บทจะไปก็ไปแบบนี้

    ไหนว่าท่านเป็นยักษ์ยังไงละ ทำไมชอบแว๊บไปแว๊บมาเหมือนผีแบบนี้ก็ไม่รู้!

    คนเขายิ่งกลัวๆ อยู่ 

    บรื้ออออ 

    Talk1  ท่านอสุราใจดีมีความเมตตาแค่แค่ไหนลองคิดดูทับทิม อย่าไปกลัวเลยยักษ์อ๋องๆ อ่ะ 5555
    Talk2 เขาเรียกว่าโวยวายอย่างสุภาพชน 555
    Talk3 ขณะที่ยักษ์กำลังงอน สตรีเมืองมนุษย์กลับน่ามึนกลัวซะงั้น 555555555555
    _____________________________________________________________ 

    ไม่เม้นก็ได้แต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา จุ้บ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา

       
    คุณเชื่อเรื่อง 'ยักษ์' หรือไม่?
    อยากรู้จักยักษ์ตนไหนมากขึ้น จิ้มที่รูปด้านบนเลยจ้า

       

    ติดตามเรื่องนี้จิ้มที่หน้าท่านอสุราโลด

    รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน
    หรือโหวตข้างล่างเต็ม100นะเออ 
    v
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×