ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักอสุรา | {TITAN SET}

    ลำดับตอนที่ #28 : กลรักอสุรา l บทที่๒๖ ตอน อโหสิกรรม {อัพ100%}

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.86K
      195
      1 มี.ค. 62

    * หากรำคาญเสียงเพลงก็ปิดได้เน้อ *



    บทที่๒๖
    ตอน อโหสิกรรม

    เมื่ออสุราสดับฟังเสียงเตือน พระอุระสะเทือนให้วาบหวาม

    วจีหนักชวนให้ครวญคิดตาม ถึงข้อห้ามควรระวังให้พ้นภัย

    ว่าแล้วยักษ์หนุ่มจึงครุ่นคิด ถึงโทษผิดต่อตนสิ้นเสียใหม่

    หรือเรานั้นต้องจำยอมและตัดใจ เรื่องอดีตปล่อยไปให้ฝังลืม

     

    หลังได้พูดคุยกับท่านชมชิตทร์จนรับรู้ถึงข้อห้ามและคำตักเตือน ทั้งหมดนั่นทำเราต้องกลับมานึกทบทวนความรู้สึกที่มีทั้งหมดใหม่ ว่าแท้จริงแล้วยามนี้เรากำลังต้องการสิ่งใดอยู่และควรปฏิบัติตัวหลังจากยามนี้ให้ดำเนินไปในทางไหนกันแน่

    แม้นพอจะรำลึกห้วงอดีตจากภาพนิมิตของตนเองและผู้อื่น จนล่วงรู้ถึงบางสิ่งซึ่งแตกต่างจากที่เราเข้าอกเข้าใจในทีแรก กระนั้นแล้วชื่ออันไพเราะของนางอัปสรเช่น นิมมานรดีนั้นยังคงฝังติดแน่นอยู่ในอกไม่เลือนหายไปไหน

    หลับเสียเถิดดวงใจพี่...ฮึก แม้นชาติภพนี้ เราสองจักมิได้เคียงรักกันดั่งคำมั่น พี่ขอให้น้องจงอุบัติสิ้นเสียใหม่... เกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้เราต้องรักกัน สืบไปจากนี้...ทุกภพทุกชาติ... ถ้าทุกเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเป็นดั่งที่แม่ทับทิมคาดการณ์ไว้ ยามนี้ที่เรายังรู้สึกรักและผูกพันต่อแม่นิมมานรดีในรูปโฉมใหม่อาจเพียงเพราะความผูกพันที่เคยมีต่อกันในภพชาติก่อน

    หากว่าฟ้าดินยังคงสลับรับฟังเสียงขอ โปรดจงช่วยส่งสัญญาณบอกกล่าวเราเสียหน่อยเถิดว่ายามนี้รักแรกของเรานั้นอยู่หนแห่งไหน มีสุขหรือทุกข์เช่นไรหากต้องรอคอยอย่างผู้สิ้นหวังหาได้ล่วงรู้ความเป็นอยู่เช่นนี้ เห็นทีอุราเราคงมิคลายระบม 

    ถ้าหากเสียงร้องขอของเราในอดีต เป็นสิ่งนำพาเราให้กลับมาพบกับสิ่งที่ต้องประสงค์จนเกิดเป็นความรู้สึกอันไม่สมควรแสนอึดอัดเช่นนี้ วูบหนึ่งมันก็พานให้อดคิดไม่ได้ว่า หรือบางทีหรือฟ้าเบื้องบน คงหมายให้เราล่วงรู้ความเป็นจริงที่ผิดเพี้ยน เพื่อยุติห้วงอารมณ์ทั้งหมดที่มีลงก็เป็นได้

    ถึงจะคิดเช่นนี้ ทว่า

    ในเมื่อยามนี้ท่านล่วงรู้ถึงเวรกรรมและคำทำนายมิว่าสิ่งใดที่อยู่ในพระอุระพระองค์ยามนี้ หากได้รับคำตอบแล้วไซร้ กระหม่อมขอทรงอย่าผลีผลามกระทำการตามใจตนจนตกอยู่ในบ่วงกรรมที่คอยท่าอยู่เลยนะขอรับ

    หากรับรู้ แต่เราไม่อาจแก้ไขหรือกระทำการใดให้เรื่องร้ายกลายเป็นเรื่องที่ถูกต้องได้ มันจะมีความอะไร หรือฟ้าต้องการแค่เพียงให้เรารับรู้เพื่อปล่อยผ่านก่อนจากลาไปด้วยความรู้สึกค้างคาเช่นนี้

    จักเป็นผลดีกว่าหรือไม่ขอรับ หากท่านอสุราจะปล่อยเรื่องราวที่รับรู้และพบเจอทั้งหมดให้เหมือนเช่นสายลมโชยในเมื่อท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ท่านได้พบเจออยู่นั้น ท่านหาได้นำพากลับคืนถิ่นต้นกำเนิดเดิมได้ ไยจึงไม่พบเพื่อบรรเทาความคิดถึง เพื่อน้อมรับในวันลาจากมาถึงเล่าขอรับ ?

     ซึ่งถ้านั่นคือประสงค์อันแท้จริงจากฟ้าแล้วล่ะก็ สิ่งเดียวที่เราควรทำหลังจากนี้คือการอโหสิกรรมให้กับทุกสิ่ง เพื่อพาตนเองออกห่างจากวิบากกรรมที่ท่านชมชิตทร์หวาดกลัวเช่นนั้นหรือ

    กึก

    เม !”

    ทันทีที่ความคิดนึกทบทวนต่อตนเองมาถึงตรงนี้เสียงหวานของนารีชนผู้หนึ่งก็ดังแทรกขึ้น ดึงเราหลุดจากวังวนความคิดอันแสนสับสนให้กลับคืนสู่ช่วงเพลาปัจจุบัน ก่อนต้องพบว่าเวลานี้เราหาได้หยัดยืนอยู่บนที่ภายในวังเหมือนเก่าอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นสถานที่แปลกตาอันเป็นเรือนพักแรมของหญิงสาวที่เราเคยคาดหวังจะได้พบหน้ามาโดยตลอด อย่างแม่กรองขวัญ

    วันนี้ก็ยังทันนะ รับงานเถอะ ถ่ายแบบแป๊บเดียวเองเดี๋ยวก็จบแล้ว 

    จากมุมที่เรายืนอยู่นั้น สามารถมองเห็นใบหน้าสวยของแม่กรองขวัญได้อย่างเต็มตา อาภรณ์บนเนื้อกายนางยามนี้แปรเปลี่ยนไปต่างจากภาพสุดท้ายที่เราจดจำครั้งเมื่อยืนอยู่หน้าสระบัว ซึ่งเราไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก ในเมื่อช่วงเวลาของเมืองมนุษย์และนครยักษ์นั้นห่างไกลมากนัก

    อีกทั้งเราเองก็ต้องนอนพักฟื้นอยู่แต่ในวังอยู่หลายคืน คาดว่าเวลาในเมืองมนุษย์คงจะผลักเปลี่ยนร่วงเลยจากวันก่อนไปไม่มากก็น้อย

    โธ่เมนิตยสารของที่นี่ขายดีจะตาย ทีมงานของเขาอาจจะวุ่น ๆ ก็ได้ น่านะ...มาเถอะ….ดะ เดี๋ยวสิเม อย่างเพิ่งสายเมรี! อีเมรี!!!” จากการยืนลอบฟัง รับรู้ได้ว่าน้ำเสียงและถ้อยคำที่หลุดผ่านริมฝีปากสวยตรงหน้านั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด ซ้ำยังไร้ความอ่อนหวานตามอย่างที่เราเข้าใจ โดยเฉพาะกับชื่อเสียงเรียงนามของของผู้ที่ถูกแม่กรองขวัญแผดเสียงผ่านกระดานชนวนเรืองแสงในมือ เจ้าของชื่อนั่นคือชื่อไอ้กุมภัณฑ์ในภพชาติใหม่ไม่ผิดแน่

    หลังเฝ้าติดตามแม่กรองขวัญมาระยะหนึ่ง สิ่งแรกที่เรารับรู้ได้คือจิตนึกคิดที่นางมีต่อภพชาติอดีตของตนเอง แม่กรองขวัญสามารถล่วงรู้ภพชาติกำเนิดของตนได้ ทั้งที่เป็นเช่นนั้นแต่กลับไม่สามารถสื่อสารสิ่งใดต่อเราได้จวบจนถึงเพลานี้

    คาดว่าเพราะนางจดจำอดีตของตนเองได้ จึงไม่แปลกใจนักหากเสียงเกรี้ยวกราดดังกล่าวจะดังขึ้นฉุนเฉียวใส่บุคคลซึ่งเคยปลิดชีวิตตนเองในห้วงอดีตด้วยความโกรธแค้นแบบนี้ 

    ฮัลโหลบีน่าเหรอจ๊ะ นี่เจ๊ขวัญเองนะ…” อีกหนที่เสียงของแม่กรองขวัญดังขึ้นด้วยโทนที่เปลี่ยนไป ขณะพูดคุยผ่านกระดานชนวนในมือ เจ๊ตัดสินใจได้แล้วล่ะจ๊ะ ว่าหลังจากนี้เจ๊จะรับบีน่ามาเป็นเด็กในสังกัดแทนเมรีไม่มีอะไรหรอกจ่ะ เจ๊แค่ไม่ชอบคนที่เลือกงานแบบเมก็แค่นั้นน่ะ

    ภาพของแม่กรองขวัญยามนี้คือตัวช่วยยืนยันและเป็นตัวอย่างชั้นดีของผู้ไม่อาจตัดบ่วงกรรมที่มีมาตั้งแต่เกิดของตนเองกับยักษ์มารได้ คะเนว่านี่คงเป็นบ่วงกรรมที่มีต่อยักษ์มารซึ่งแม่กรองขวัญพกติดตัวมาจากภพกำเนิดเดิม 

    มันคือกรรมที่ท่านชมชิตทร์เอ่ยปากเตือนไม่ให้เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว...

    ในเมื่อเราไม่อาจหยิบยื่นมือเข้าไปข้องเกี่ยวเวรกรรมผู้ใดตามกฏหลักของฟ้าได้ สิ่งเดียวที่เราพึ่งจักทำได้ในเวลานี้ จึงเป็นการตัดใจ หันหลังให้กับอดีตหญิงคนรัก แล้วพาตนเองออกห่างจากบ่วงกรรมที่เริ่มทักทอเพิ่มขึ้นในช่วงเพลานั้นออกมาให้ไกลที่สุด แม้ลึกๆ อยากอยู่ห้ามปรามมากเพียงใดก็ตามที

    เพียงเสี้ยวลมหายใจเข้าออกเท่านั้น เท้าที่ก้าวจากตนเองออกจากภายในเรือนพักแรมของแม่กรองขวัญ ได้นำพาเรามาหยุดยืนอยู่บนพื้นถนนทอดยาวซึ่งไม่คุ้นตานัก รอบข้างถูกปกคลุมไปด้วยร่มไม้สลับกำแพงสูง ซึ่งภายในมีอัครสถานคล้ายเรือนพักแรมเรียงรายอยู่เต็มสองฝั่ง

    ทว่า แต่ก่อนที่เราจะทันได้ย่างกรายพาตนเองออกจากพื้นที่แสนแปลกตาตรงนั้นไป จู่ๆ ทั่วพื้นที่กลับเกิดเสียงแปลกประหลาดพร้อมด้วยบางสิ่งที่พุ่งเข้าปะทะกายเราอย่างรุนแรง

    เอี๊ยดดดดโครมมม !

    แต่ด้วยเพราะบางสิ่งในโลกมนุษย์ไม่อาจมีผลกระทบกับเนื้อกายเราได้มากนัก แรงกระทบกระทั้นที่ได้รับจึงไม่ได้สะทกสะท้านต่อร่างกายเราแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อมองดูให้ดีอย่างถี่ถ้วนแล้ว สิ่งที่พุ่งชนเราเมื่อครู่ดูเหมือนจะเป็นม้าเหล็กที่คนในเมืองมนุษย์มักใช้เป็นพาหนะสำหรับเดินทางเสียด้วยสิ

    ทว่า ความสนใจที่เราเคยมีต่อม้าเหล็กรูปทรงแปลกประหลาด ก็มีอันต้องถูกทำให้หันเหทิศทางไปทางอื่น เมื่อเสียงหวานของนารีชนตนหนึ่งดังขึ้นอย่างตกอกตกใจ ขณะก้มหน้าก้มตามองใต้ท้องม้าเหล็กอย่างเป็นกังวล

    คุณคะเป็นอะไรหรือเปล่า!?” นางมีรูปลักษณ์ดูสวยสง่า ดูผิดหูผิดตาไปจากชาติภพก่อนนัก ซ้ำยังมีกลิ่นกายหอมคล้ายกับดอกพิกุลทองในสวน เพียงมองเห็นปราดเดียวเท่านั้น เราก็สามารถรับรู้ได้โดยทันทีว่านางคือผู้ใด ยิ่งด้วยผู้ซึ่งลงจากม้าเหล็กคันดังกล่าวตามนารีชนผู้นั้นลงมาติดๆ คือพระพี่ชายเราด้วยแล้ว เรายิ่งมั่นอกมั่นใจเข้าไปใหญ่

    กึก...

    น้องมาทำสิ่งใดที่นี่เล่า ?เสียงเอ่ยทักตามประสาพี่น้อง เมื่อได้พบหน้ากันดังขึ้นผ่านปากพี่ชายซึ่งกำลังแสดงสีหน้าแปลกใจแกมสงสัย ซึ่งเราก็ทำตัวตามประสาน้องชายผู้ภักดีต่อพี่ชายด้วยการตอบถ้อยกลับไปโดยทันควัน

    น้องหาได้เข้าใจเหตุและผล ว่าเหตุใดน้องจึงมาหยุดยืนอยู่ตรงนี้เช่นกันท่านพี่…” แต่ด้วยเพราะ นอกจากท่านพี่อสุเรนทร์แล้ว อีกชีวิตที่ปรากฏตัวต่อสายตาเรานั้นคือศัตรูคู่อาฆาตของพี่ชาย นั่นจึงทำให้ปากเราเผลอขยับถามไถ่ด้วยความสงสัย แล้วท่านพี่เล่า เหตุใดจึงออกร่วมเดินทางเคียงข้างอริเช่นนี้ ไยจึงมิปลิดชีวายมันให้สิ้นดั่งคำมั่นที่ประกาศไว้เล่า ?

    เหตุเพราะ...พี่ทำข้อตกลงกับไอ้กุมภัณฑ์ไว้เมื่อไม่กี่เพลาก่อน

    ข้อตกลงงั้นรึ ?เราย้อนอย่างไม่เข้าใจความหมาย

    ถูกแล้ว มันจริงเช่นที่น้องบอก ไอ้กุมภัณฑ์ยามนี้นั้นหาได้จดจำกรรมเก่าของตนเองได้ พี่จึงตามติดมันเป็นเงาเพื่อให้มันได้ครวญคิด ระลึกถึงกรรมเก่าที่เคยก่อไว้และเมื่อไหร่ที่มันล่วงรู้กรรมถึงเรื่องระยำที่เคยก่อไว้ เมื่อนั้นพี่จักฆ่ามันเสียตามดั่งคำสัตย์

    เสียงของพี่ชายเรายังคงความดุดันและจริงจังไว้ดังเก่า หากแต่ในคราวนี้ การได้รับฟังอะไรเทือกนั้น กลับทำให้เรารู้สึกโล่งในอกมันเสียอย่างนั้น คงเพราะกว่าที่ไอ้กุมภัณฑ์จะระลึกได้ว่าตนเองเคยก่อกรรมชั่วอันใดมาบ้าง คงใช้เพลาอีกหลายชั่วยามพอดูกระมัง

    ช่วงเพลาเดียวกันการที่เรารู้สึกเช่นนั้นต่ออริที่ปลิดชีวาหญิงคนรัก มันเลยทำให้เราตระหนักถึงความประสงค์ของตัวเองประการต่อไปของตัวเองได้ไม่ยากนัก

    เจ้าประคู้ณณ ขอให้อย่ามีเจ้ากรรมนายเวรตัวใหม่โผล่ออกมาเลยนะ หนูสัญญาหนูจะพยายามแบ่งเวลาไปทำบุญให้ !” อีกหนที่เสียงหวานระคนความหวาดหวั่นของไอ้กุมภัณฑ์ในสภาพนารีชนดังขึ้น แทรกบทสนทนาระหว่างเราสองพี่น้อง พลอยให้สายตาหันเหไปยังเจ้าของเสียงอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้ ซึ่งนั่นตามมาด้วยคำถามจากปากพระพี่ชายของเราที่มีต่อนาง ซ้ำยังให้ความรู้สึกแตกต่างจากการลั่นวาจาบอกกล่าวเมื่อครู่

    เจ้ากำลังกราบไหว้สิ่งใดรึ?” 

    เมื่อกี้ท่านไม่เห็นเหรอ ฉันขับรถชนอะไรก็ไม่รู้…” บทสนทนาซึ่งฟังดูเป็นกันเองของท่านพี่อสุเรนทร์กับศัตรูในอดีต รวมถึงสีหน้าท่าทางที่มันกำลังแสดงออก ทำเราอดคิดต่อยอดจากประสงค์ประการต่อมาของตนเองไม่ได้ว่า หรือเพราะก่อนหน้านี้ เราดันหวนนึกถึงเรื่องของไอ้กุมภัณฑ์กับแม่นิมมานรดีที่เคยก่อกรรมร่วมกันขึ้นมา ยามนี้เราถึงได้มาหยุดยืนอยู่ตรงนี้ จนปะเข้ากับไอ้กุมภัณฑ์ในรูปโฉมใหม่เช่นนี้ได้

    ต่อให้เพื่อนฉันคนนี้ ในอดีตจะเคยเข่นฆ่ากันมาก่อน ตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกเป็นห่วงเธออยู่ดีเจ้าค่ะอีกอย่างตอนนี้คนบนฟ้าก็ลิขิตให้เราสองคนเกิดมาเป็นเพื่อนกัน คอยดูและช่วยเหลือกันยามมีเรื่องเดือดร้อน เป็นแบบนี้แล้ว หากเป็นท่าน ท่านยังจะรู้สึกโกรธลงอีกหรือเจ้าคะ ? ยิ่งด้วยในหัวเผลอนึกถึงคำพูดของแม่ทับทิมเมื่อตอนนั้นด้วยแล้ว เรายิ่งแน่อกแน่ใจเข้าไปใหญ่ว่าหลังจากนี้ควรต้องกระทำสิ่งใด

    พอคิดได้เช่นนั้น จากที่เลือกจะซ่อนตัวให้หลุดพ้นจากสายตาของมัน เราจึงเกิดการเปลี่ยนใจ ซ้ำยังเป็นฝ่ายเอ่ยถ้อยตอบโต้เสียงบอกกล่าวอย่างเป็นกังวลของนางกลับไปพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมด้วยไมตรี

    เราคือคนที่เจ้าควบม้าเหล็กพุ่งปะทะใส่เมื่อครู่ แต่มิต้องกังวลไปไย เรามิเป็นไรมากดอก เป็นห่วงม้าเหล็กของเจ้าจักดีกว่า คงจักปวดระบมน่าดู... 

    หากแต่การทำเช่นนั้นกลับทำให้ผู้ที่ได้เห็นเบิกตากว้างคล้ายกับตกใจ ก่อนรีบมองไปยังม้าเหล็กของตนเองสลับกับหน้าเราไปมาเหมือนคนเสียสติ และเพื่อให้นางรับรู้ว่าเราหาใช่จะมุ่งร้ายเหมือนเก่าก่อน นั่นจึงเป็นอีกหนที่เราเอ่ยแทรกทีท่าที่ไอ้กุมภัณฑ์แสดงออกเป็นหนที่สอง 

    แล้วยามนี้เจ้าจักเดินทางไปหนแห่งไหนรึ ให้เราขอติดตามไปด้วยได้หรือไม่ ?


    ไม่กี่เพลาต่อมา

    จริงอยู่ ที่ไม่กี่เพลาก่อน เราคือฝ่ายเอ่ยขอที่จะติดตามไอ้กุมภัณฑ์ในภพชาติใหม่มาด้วย แต่ใครจะคิดว่าหลังสิ้นเสียงรับปากไม่เต็มคำของมัน สถานที่ที่แม่เมรีหรือไอ้กุมภัณฑ์พาเราและพี่ชายเดินทางมานั้น จะเป็นเรือนพักแรมหลังหนึ่งที่เราคุ้นตา

    ม้าเหล็กซึ่งถูกใช้เป็นพาหนะถูกไอ้กุมภัณฑ์ขับเคลื่อนเข้าไปยังพื้นที่ภายในบ้านหลังหนึ่ง โดยที่เรานั้นไม่อาจติดตามเข้าไปภายในเรือนหลังดังกล่าวได้ แต่ไม่ใช่กับเรือนพักแรมซึ่งตั้งอยู่เคียงกัน ที่ดึงดูดเราให้หยุดยืนนิ่งอยู่บริเวณด้านนอกรั้วไม้อยู่ระยะใหญ่ จนแทบลืมไปเสียสนิทในว่าเหตุที่เราอาศัยร่วมอาศัยมาด้วยนั้น แท้จริงแล้วแอบแฝงประสงค์ใดไว้

    มิเข้ามาข้างในก่อนล่ะเจ้าคะ…” จนกระทั่งเสียงเชิญชวนของตายายจากศาลไม้หน้าบ้านกล่าวทักท้วงกึงทักทายขึ้นอย่างอ่อนน้อมตามประเจ้าบ้านเจ้าเรือน เท้าที่เคยหยุดนิ่งจึงตอบรับคำเชิญดังกล่าวกลับไปตามมารยาท ด้วยการก้าวเหยียบย่างผ่านประตูรั้วสำหรับกักกั้นเขตแดนเข้าไปยังพื้นที่ภายในตามเสียงเชื้อเชิญ

    ตึกตึก

    ตลอดทุกฝีก้าวที่เราเหยียบลงลงสู่อาณาเขตของเรือนพักแรมคุ้นตา นอกจากสายตาของตายายประจำบ้านแล้ว เรายังรับรู้ได้สายตาของท่านพระภูมิผู้คอยปกปักษ์พื้นที่ตรงส่วนนั้นอีกด้วย และถึงแม้นจะรับรู้ถึงนัยน์ตาทั้งสามคู่เป็นอย่างดี ทว่า สายตาเรากลับเลือกมองตรงไปยังประตูทางเข้าบ้านราวกับว่านั่นคือสิ่งเดียวที่สามารถมองเห็น

    ยิ่งเดินลึกผ่านบานประตูเข้าไปภายในเรือนมากเท่าไหร่ อาการนิ่งงั้นคล้ายกับถูกสะกดก็เริ่มถูกแทนที่ด้วยอาการสั่นในอกอย่างไร้ที่มา ด้วยเพราะรู้ดี ว่าสิ่งที่รอคอยอยู่ภายในคืออะไรกระมัง ใจเราถึงได้ตกอยู่ในอาการเหล่านี้ ซ้ำยังยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อสิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าคือภาพของหญิงสาวเจ้าของบ้าน ขณะเดินออกจากโถงประตูทางเชื่อมภายในเรือน

    กึก

    เท้าเหมือนถูกสั่งให้หยุดลงโดยชะงักราวกับถูกตอกติดให้นิ่งอยู่กับที่บริเวณมุมหนึ่งภายในเรือนหลังดังกล่าว จังหวะเดียวกับนารีชนรูปร่างเล็กเดินสวนผ่านตรงไปยังม้านั่งตัวยาวรูปทรงประหลาดกลางบ้าน

    นับจากเหตุการณ์ครั้งนั้น นี่คงเป็นอีกคราวที่เรามีโอกาสได้ยลเห็นใบหน้าแม่ทับทิมระยะใกล้ๆ เช่นนี้ แต่ว่า

    แปล๊บ

    พอนึกหวนไปถึงเหตุการณ์วันนั้นขึ้นมา ในอกเรากลับรู้สึกปวดแปลบจนต้องเผลอเลื่อนมือขึ้นกุมอกตัวเอง เมื่อภาพสุดท้ายที่แทรกขึ้นในกมลความคิดให้นึกถึง ดันเป็นภาพของแม่ทับทิมขณะอิงแอบชิดกายกับอดีตคนรักของตนเองต่อหน้ามวลมหาปุถุชน

    อย่างที่บอกไปน่ะค่ะ ว่านี่คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะจริงๆ แล้วฉันกับเขตแดนน่ะเราคบกันมาได้สักพักแล้วต่างหากละคะ ไม่สิ ไม่ใช่อดีตคนรัก หากเรียกขานให้ถูกต้องกล่าวทั้งคู่คือคนรักกันถึงจะถูก

    เมื่อนารีหญิงเจ้าของความรู้สึกและความสัมพันธ์ในเมืองมนุษย์ตกเป็นของชายอื่นไม่ว่าจะทางกายหรือวาจา สิ่งที่เราทำได้นับจากนี้จึงเป็นการทิ้งระยะห่างระหว่างเราไว้ เพื่อไม่ให้ตนเองผิดต่อจารีตอันดี ทว่า

    แม้นจะรู้ถึงกฎข้อห้ามและข้อปฏิบัติเป็นอย่างดี แต่ว่าร่างกายและความรู้สึกกลับไม่ยินยอมรับฟัง ยังคงเลือกที่จะลดระยะห่างระหว่างตนและหญิงสาวตรงหน้าลง ด้วยการก้าวเท้าเข้าไปหา ซ้ำยังทิ้งกายอย่างอ่อนแรงบนม้านั่งรูปทรงแปลกเพื่อคงระยะห่างระหว่างเราไม่ให้ไกลกันเกิดไป

    กึก

    นับจากมีโอกาสได้พูดคุยกับแม่ทับทิมในคืนนั้น เราเองก็พอจะรับรู้ได้ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรามันแปรเปลี่ยนไป ไม่เหมือนวันแรกที่ได้พบเจอกัน แม่ทับทิมคล้ายกับเลี่ยงที่เจรจาความใดต่อเราถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีต ราวกับไม่หมายที่จะรู้ถึงตัวตนของตัวเอง ไม่แตกต่างจากเรานัก ซึ่งเลือกหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงดวงใจที่ตามหา

    แล้วแม่ทับทิมเล่า จักรู้สึกเสียใจบ้างหรือไม่ ? จักปวดอุราบ้างหรือไม่ หากพี่นั้นกล่าวถึงแม่กรองขวัญให้แม่ทับทิมฟังในทุกช่วงเวลาที่พบหน้า เหตุผลคงเพราะเรากำลังกลัว...

    กลัวว่าถ้อยคำที่ใช้บอกเล่าจะทำร้ายความรู้สึกหรือทำให้ผู้ฟังรู้สึกไม่ดี เฉกเช่นที่เรากำลังรู้สึก ซ้ำยังเริ่มเปลี่ยนเป็นความสงสัย ว่าหากยามนี้เราหมายเอ่ยถ้อยกล่าวสิ่งใดที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเราอีกสักหน ถึงตอนนั้น แม่ทับทิมยังคิดจะเจรจาต่อเราเหมือนแรกเริ่มเดิมทีอยู่หรือไม่

    พอนึกมาถึงตรงนี้ มือที่เคยวางอยู่บนตักก็เผลอเลื่อนวางทาบลงบนหลังมือสวยของหญิงสาวตรงหน้าอย่างถือโอกาสเพื่อสื่อสารความรู้สึกในอกที่มี ทว่า ช่วงเพลาเดียวกันนั้นกลับเป็นจังหวะที่แม่ทับทิมชักมือตนเองออกไปทั้งๆ อย่างนั้นราวกับรับรู้ถึงการมา ซ้ำยังรีบลุกขึ้นชะโงกหน้ามองผ่านไปยังบานประตูราวกับว่ามองเห็นบางสิ่ง ก่อนลุกขึ้นจากม้านั่งมุ่งตรงไปยังประตูทางออก โดยที่เรานั้นยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น และทำได้เพียงแค่มองทุกการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอยู่ห่างๆ ตามอย่างที่พึงจะเป็น

    กึก

    เมนั่งรอตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันไปหยิบน้ำกับขนมมาให้

    ไม่นานนักเทียบเท่าความรู้สึก แม่ทับทิมซึ่งเดินหายออกไปหลังประตูไม้ก็ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมเสียงกำชับ ซึ่งการกลับมาของนางในหนนี้นั้น ใช่มาเพียงลำพังเหมือนเก่าเสียที่ไหน เมื่อผู้ที่เดินตามกลับเข้ามาในตัวบ้านคือสหายคนสนิทหรือศัตรูคู่อาฆาตของพระพี่ชายเราในภพอดีต

    จนอดคิดไม่ได้ว่า ทีท่าที่แม่ทับทิมปฏิเสธการถูกสัมผัสเมื่อครู่แล้วหันไปชะเง้อชะแง่มองผ่านประตูออกไป อาจเพราะคงนางคงมองเห็นสหายสนิทเช่นแม่เมรีที่นอกตัวบ้านก็เป็นได้

    ทันทีที่เจ้าบ้านเจ้าเรือนเดินหายกลับเข้าไปด้านหลังโถงประตูภายในตัวบ้าน แขกผู้เยือนก็รีบทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งนุ่มนิ่มจนพื้นที่บางส่วนอ่อนยวบลงไป ด้วยระยะที่ใกล้กับระหว่างเรากับอดีตศัตรูของพี่ชายเวลานี้ มันเลยทำให้เรานึกถึงความต้องการของตัวเองก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้

    เพราะคาดว่าระยะเพลาที่เหลืออยู่ อาจมีไม่มากนัก การเลือกทำสิ่งต้องประสงค์ให้ครบถ้วนที่สุดจึงเป็นสิ่งแรกที่เราหมายมั่นลงมือทำ

    นาย !” เสียงอุทานแหลมเล็กตามจริตดังขึ้นแทบจะช่วงเวลาเดียวกันกับที่เราจงใจปรากฏกายให้ผู้ซึ่งเคยร่วมวิบากกรรมมองเห็น จำต้องเอ่ยขึ้นด้วยระดับเสียงที่มีแค่เราและคู่สนทนาเท่านั้นจะพอได้ยินอย่างค่อยเป็นค่อยไป

    เจ้าจักเสียงดังไปไยเล่าไอ้กุมภัณฑ์?” ซึ่งการบอกกล่าวกลับไปเช่นนั้น มันก็ทำให้อดีตศัตรูในรูปโฉมของนารีรูปโฉมงานไม่ต่างจากนางฟ้านางสวรรค์คลายอากัปกริยาตกอกตกใจลงไปบ้าง กระนั้นแล้วน้ำเสียงที่อีกฝ่ายใช้ก็ยังเต็มไปด้วยอาการเดิมไม่เปลี่ยนไป

    ท่านเป็นใคร?”

    ตัวเรานั้นชื่อ อสุรา…” แม้นจะเคยเป็นศัตรูกันมาแต่ปางก่อน หากแต่วิถีทางและความรู้สึกของเรายามนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นคงไม่แปลกอะไร หากคำพูดคำจาที่ใช้ยามนี้จะฟังดูเป็นกันเองไม่แตกต่างจากผู้เป็นพี่นัก แล้วเจ้าล่ะชาติภพนี้มีนามเช่นไร

    มะ เมรี” 

    ชาติภพนี้รายนามของเจ้า ฟังไพเราะเสนาะหู สมเป็นนารีชนเสียนี่กระไร ต่อให้รู้ตัวว่าความประสงค์ที่มีเวลานี้คือสิ่งใด กระนั้นแล้วการกล่าวเข้าเรื่องโดยตรงต่อหน้าอดีตศัตรูที่เราเคยอาฆาตแค้นไม่ต่างจากพระพี่ชาย ก็ไม่วายทำให้การเจรจาดูยากลำบากกว่าที่ควรเป็นอยู่ดี ทว่า ดูเหมือนความรู้สึกทั้งหมดกลับไม่ใช่ต่อผู้ร่วมวงสนทนา เมื่อนางชิงถามขึ้นด้วยตัวของตัวเอง

    ทะ ท่านก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรของฉันอีกคนเหรอ !?” 

    เมื่อบทสนทนาลงเอยแบบนั้น เราจึงไม่รอช้าที่จะเริ่มพูดเข้าเรื่อง

    หากเจ้าจักเรียกเราด้วยนามนั้น เห็นทีเราคงปฏิเสธมิได้...แต่เจ้ามิต้องเป็นกังวลไป เรามิได้อาฆาตแค้นขุ่นเคืองเจ้าอีกต่อไปแล้ว เราอโหสิฯ ให้เจ้าหมดแล้วไอ้กุมภัณฑ์แม้เรื่องที่สนทนากันอยู่นั้นค่อยข้างละเอียดอ่อนซ้ำยังฟังดูหนักหนาสาหัส เรื่องเวรและกรรม ให้เป็นเรื่องของพี่ท่านกับเจ้าเพียงสองต่อสองจักดีกว่า

    กระนั้นแล้วเรายังคงรอยยิ้มเล็กๆ ไว้บนหน้า เพื่อให้อีกฝ่ายลดคลายเป็นกังวลใจขณะรับฟังความนัย เหตุก็เพราะคาดว่าแม่เมรีก็คงจะพบเจอเรื่องเลวร้ายจากพระพี่ชายเรามามากพอแล้ว

    พะ พี่ท่านเหรอคะ ?” ซึ่งนั่นก็ตามมาด้วยเสียงยอกย้อนถามระคนอาการแปลกใจของผู้ฟัง

    ดวงหน้าเรากับท่านพี่อสุเรนทร์ มิละม้ายคล้ายกันหรอกรึ?” แต่ทันทีที่เราตอบถ้อยกลับไป นารีชนตรงหน้าก็เริ่มนิ่งไปราวกับกำลังคิดตาม ซึ่งไม่นานนักนางก็เอ่ยถามขึ้นอีกหนด้วยความใคร่รู้

    ละ แล้ว...กุมภัณฑ์เคยทำอะไรท่านไว้งั้นหรือคะ ท้าวอสุรา...” ซึ่งเสียงเรียกขานรวมถึงคำถามของคู่เจรจานั้นก็บอกได้เป็นอย่างดี ว่านางคงไม่รู้สึกอดีตของตัวเองเลยแม้เพียงนิด ถึงได้เอ่นขานชื่อเราพร้อมยศศักดิ์เทียบเท่าพระพี่ชาย

    เราไม่ใช่ท้าวเจ้าเมือง ไม่ต้องขานเรียกเราเช่นนั้นหรอก” และนั่นคือถ้อยคำแรกที่เราเอ่ยตอบกลับไป ก่อนตามมาด้วยเหตุผลที่อีกฝ่ายถามค้างไว้ ส่วนสิ่งที่เจ้าก่อกรรมไว้กับเรา มันก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอันใดนัก เจ้าก็แค่...ปลิดชีวาหญิงคนรักของเราจนวอดวายก็เท่านั้นเอง

    สิ้นเสียงตอบอย่างซื่อสัตย์และเถรตรง ทำเอาผู้ฟังขมวดคิ้วย่นชิดกันเป็นปม เช่นเดียวกับคำถาม

    ทะ ท่านประชดฉันเหรอคะ?” 

    เหตุใดเราจักต้องทำเช่นนั้นด้วยเล่า จริงอยู่ที่เราเคยโกรธและเคียดแค้นเจ้ามากยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ยามนี้ทวิภพเปิดกว้าง นำพาทุกสิ่งเวียนวนบรรจบกันอีกครั้ง...ด้วยประการฉะนี้ เราจึงมิโกรธแค้นสิ่งใดเจ้าอีก…” 

    ซึ่งเราหาได้ใส่ใจอากัปกิริยาบนดวงหน้าสวยที่อีกฝ่ายแสดงออกไม่ เมื่อประการเดียวที่เราต้องการเวลานี้มีเพียงแค่ การได้ลั่นวาจาอโหสิกรรมที่เคยก่อร่วมกันไว้ เพื่อหยุดทุกเวรกรรมที่เริ่มเคลื่อนหมุนวนให้มอดดับลงแต่เพียงเท่านั้น…

    วาจาเราศักดิ์สิทธิ์เพียงพอจักมิเอ่ยโป้ปดผู้ใด เจ้าจงเชื่อมั่นในคำเรา

    แต่ก่อนจะทันได้เจรจามากความใดไปกว่านี้ แม่ทับทิมซึ่งเดินหายเข้าไปหลังโถงประตูดันเดินย้อนกลับมาเสียก่อน ทำให้การเจรจาระหว่างเรากับศัตรูต้องมีอันหยุดไป เช่นเดียวกับกายาเราที่เคยปรากฏต่อหน้าแม่เมรีด้วยเช่นกัน อย่างไรเสียเราก็ใช่ว่าจะตัวเองหลบหนีตนเองออกไปไหนไกลเสียเมื่อไหร่

    น้ำเย็น ๆ มาแล้วจ้าเพื่อนรัก...ซึ่งการหยุดยืนอยู่ภายในพื้นที่เดียวกันเช่นนั้น มันจึงทำให้เรารับรู้ถึงใจความของคนทั้งคู่ไปด้วย ไหนมีเรื่องอะไรจะรบกวนฉัน เล่าสิ?”

    ช่วงนี้เธอรู้สึกว่ารอบตัวมีเรื่องแปลก ๆ บ้างไหม?”

    ไม่นี่ ถามทำไมอะ?” 

    ปะ เปล่าไม่มีอะไร นอกจากแม่เมรีที่มักแสดงทีท่าอึกอักเคล้าความเป็นกังวลผ่านสีหน้าและน้ำเสียงขณะพูดคุยแล้ว แม่ทับทิมในช่วงเวลานั้นก็ดูไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก นางยังคงตอบคำถามเสมือนไม่อยากพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองให้ผู้ใดได้รับรู้

    อะไรเนี่ยอย่าพูดอะไรแปลก ๆ สิ... แล้วช่วงนี้งานที่กองเป็นไงบ้าง ตั้งแต่วันนั้นฉันยังไม่ได้เข้าไปเช็กงานให้พี่ช้างเลย เห็นเขาว่าเปลี่ยนนักแสดงไปเยอะเหมือนกันนี่…” ซ้ำคำพูดของแม่ทับทิมที่ลอดผ่านปากอยู่ตอนนี้ ยังบอกเล่าถึงช่วงเวลาภายในเมืองมนุษย์ที่เวียนเปลี่ยน ได้เป็นอย่างดี ก่อนเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายตั้งคำถาม ราวกับต้องการบ่ายเบี่ยงเรื่องของตนเอง แล้วเธอล่ะ...ตั้งแต่วันนั้น ยังเจออะไรแปลก ๆ อยู่อีกหรือเปล่า?”

    ก็นิดหน่อยอะ...

    ที่มาหาฉันวันนี้เพราะเรื่องนี้เหรอ?” แม้นแม่ทับทิมจะรับรู้ทุกสิ่งอยู่แก่ใจ ถึงอย่างนั้นถ้อยคำพูดที่เอ่ยกล่าวนั้น กลับยังคงความเหินห่างราวกับผู้ไม่รู้เรื่องใด ตรงกันข้ามกับการหยิบยื่นมือเข้าช่วยเหลือที่พร้อมจะหยิบมาใช้อยู่ทุกช่วงเพลา

    ในตำนานท้าวอสุเรนทร์น่ะ ก่อนที่ท่านจะไม่ถูกกับกุมภัณฑ์ สองคนนี้เคยสนิทกันมาก่อนใช่ไหม เธอพอจะรู้หรือเปล่าว่าอะไรที่ทำให้กุมภัณฑ์แปรพรรค ทำลายสวรรค์กับเมืองยักษ์แบบนั้น?” 

    ส่วนเรื่องราวที่หญิงสาวสองตนกำลังเจรจากันอยู่นั้น คือเรื่องราวในอดีต ซึ่งแม่ทับทิมเองก็คอยให้คำตอบแก่ผู้ตั้งคำถามได้อย่างฉะฉานราวกับว่าจดจำทุกภาพเหตุการณ์ในห้องอดีตได้ อาจเพราะสิ่งที่คนทั้งคู่กำลังเจรจากันอยู่นั้นคือเรื่องไกลตัวแม่ทับทิมมากกระมัง นั่นเลยทำให้บทสนทนาของคนทั้งคู่เริ่มยืดยาวออกไป ทว่า

    รู้สึกว่า...กุมภัณฑ์จะใช้อิทธิฤทธิ์ที่ท้าวอสุเรนทร์มอบให้ แอบลอบขึ้นสวรรค์ลักพาตัวนางสวรรค์ซึ่งเป็นที่หมายตาของท้าวอสุเรนทร์ไปละมั้ง

    ลักพาตัวเหรอ !?”

    อื้อ เหมือนว่ากุมภัณฑ์เองก็ชอบนางสวรรค์นั้นเหมือนกัน ก็เลยผิดใจกับท้าวอสุเรนทร์น่ะ

    ที่แท้ก็แค่ผิดใจกันเพราะเรื่องผู้หญิงงั้นเหรอ?” ชั่วยามที่เสียงพูดคุยดำเนินมาถึงตรงนี้ ผู้ที่ต้องรู้สึกแปลกไปกับคำพูดที่ได้ยินกลับกลายเป็นตัวเราเสียเอง ยิ่งด้วยภาพสนทนาของคนทั้งคู่ปรากฏอยู่ในสายตาเนินนานกว่าที่ควรเป็นด้วยแล้ว ในหัวก็เผลอนึกหวนถึงเหตุการณ์ในคืนก่อนวันเกิดเรื่องตามบทสนทนาที่ได้ยินอย่างห้ามไม่ได้  

     หากจำไม่ผิดวันนั้นดูเหมือนจะเป็นวันที่เรากับเหล่าทหารเพียงหยิบมือ รับอาสากันออกลาดตระเวรเฟ้นหาตัวยักษ์มารซึ่งกำลังหลบหนีในเมืองมนุษย์ตามความประสงค์พระพี่ชาย เพื่อทำการจับกุมอัปรีย์ยักกลับสู่นคร ก่อนที่มันจะเหิมเกริมบุกขึ้นเหยียบย่ำสรวง

    จนกระทั่งเราพาตัวเองบุกเข้าสู่ พื้นที่ชายป่าใกล้กับสระบัวอันเป็นสถานที่ต้องรักปักดวงใจ เรากลับได้พบเข้ากับสิ่งที่ตามหา หากแต่ว่าช่วงเพลาเดียวกันก็มีสิ่งอื่นซึ่งอยู่นอกเหนือประสงค์แทรกเข้ามาด้วย

    บาดแผลเหล่านี้ ท่านเจ็บมากหรือไม่เจ้าคะ ท่านกุมภัณฑ์ ? นั่นคือแม่จันทน์ผา ขณะช่วยดูแลบาดแผลให้กับยักษ์มารที่ทุกชีวีบนสรวงให้ความโกรธแค้นและสาปแช่ง

    ฟึ่บ!

    อย่ามาแตะต้องเนื้อกายกู !’ แม้ว่าสิ่งที่นางได้รับกลับมาจะเป็นการปฏิเสธด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลตามประสาของผู้มีอิทธิฤทธิ์เป็นรองพระพี่ชายเราในนครยักษ์ก็ตาม หอกปลายแหลมถูกยักษ์มารวาดเสกขึ้นท่ามกลางอากาศ ก่อนกระหวัดเหวี่ยงข่มขู่นางสวรรค์ตรงหน้าราวกับหมายมั่นจะฆ่าผู้ที่ล่วงรู้ที่หลบซ่อนของตนให้มลายสิ้น

    เหตุใดท่านกุมภัณฑ์จึงคิดจักทำร้ายฉันล่ะเจ้าคะ ในเมื่อเราสองหาได้มีเวรกรรมใดต่อกันไม่…’ ทั้งที่มันหมายมั่นจะปลิดชีวีผู้พบเห็นและเกี่ยวข้องกับนครยักษ์เช่นแม่จันทน์ผาให้วอดวาย หากแต่หอกปลายแหลมในมือของมันกลับมีอันต้องชะงักลงเมื่อเสียงกล่าวบอกกล่าวแสนอ่อนหวานแกมเข้าอกเข้าใจดังขึ้น แม้นฉันจักเป็นอัปสรของนครยักษ์ กระนั้นแล้วฉันก็หาใช่จักมุ่งร้ายต่อท่านแต่อย่างใด

    ทั้งที่มันเที่ยวออกล่าฆ่าฟันผู้บริสุทธิ์ดั่งเช่นผักปลา หากแต่การกระทำอันแสนโหดเหี้ยมดังกล่าวนั้นหาได้เกิดขึ้นกับนางสวรรค์ตรงหน้าแต่อย่างใด เช่นเดียวกับอากัปอาการเกรี้ยวกราด ไม่ฟังผู้ใดที่ไอ้กุมภัณฑ์มี ยามนั้นก็ดูจะลดลงจนไม่ต่างจากช่วงเพลาที่ยังคงตำแหน่งเป็นทหารเอกคู่กายพระพี่ชายในวัง

    บาดแผลตรงนี้ ให้ฉันดูแลเถิดนะเจ้าคะ ท่านกุมภัณฑ์…’ และทีท่าที่แปรเปลี่ยนและอ่อนลงของไอ้กุมภัณฑ์ที่มีต่อแม่จันทน์ผาในยามนั้น มันก็พลอยให้กระบองตาลในมือเราเผลอลดลงกลับคืนข้างตัวอย่างไร้เหตุผล

    เจ้าจักมิเอาความนี้ไปพูดต่อผู้ใดใช่หรือไม่ นางอัปสร

    เจ้าค่ะฉันจักไม่นำเรื่องนี้ไปบอกผู้ใด…’ โดยเฉพาะกับเสียงไถ่ถามซึ่งฟังคล้ายกับเป็นคำสัญญาของคนทั้งคู่ ‘หลังพ้นช่วงยามนี้ไป หากท่านได้ใช้ช่วงยามอยู่กับตนเองจนเนินนานมากพอ ท่านกุมภัณฑ์ให้คำมั่นต่อฉันได้หรือไม่เจ้าคะ ว่าจักกลับคืนสู่นครยักษ์เพื่อรับโทษทัณฑ์เพราะผลกรรมที่ก่อ

    และเพราะภาพเหตุการณ์ในครั้งนั้นกระมัง เราถึงได้ปล่อยปะละเลยหน้าที่ตนเอง จนเกิดเรื่องราวกับลักพาตัวนางสวรรค์ขึ้นหลังจากช่วงยามเมื่อครานั้น

    เรื่องทั้งหมดก่อนเกิดสงครามสรวงมันเริ่มต้นเพราะมือเราเอง...

    ช่วงนี้เธอเองก็เจอเรื่องแปลกจากอาถรรพ์ท้าวอสุเรนทร์ใช่ไหมล่ะ ทำไมไม่ลองเช่าหุ่นท่านมากราบไหว้ดูละ เผื่อเรื่องแย่ ๆ จะลดลงบ้าง...” 

    ทว่า การหวนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตก็ไม่อาจดำเนินต่อเนื่องได้นานนัก เมื่อเสียงของแม่ทับทิมขณะเจรจากับสหายคนสนิทดังแทรกขึ้นผ่านภวังค์ ซ้ำยังฟังเหมือนกับนางกำลังเอ่ยถ้อยถึงเรา

    ฉันน่ะ เช่าองค์ปั้นของท่านอสุรามากราบไหว้ที่บ้าน ช่วงหลัง ๆ มานี้เลยรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างใจเย็นกับทุกเรื่องมากขึ้น

    เช่าองค์ปั้นเหรอ?” 

    ใช่ นู้นไง วางอยู่ตรงนั้น…” นอกจากกล่าวถึงแล้ว แม่ทับทิมยังชี้มือชี้ไปไปยังหุ่นปั้นรูปทรงใกล้เคียงกับเราซึ่งวางอยู่ชั้นไม้สูงราวกับต้องการยืนกรานที่สิ่งลอดผ่านปาก

    ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วใช่ไหม หุ่นปั้นรูปท่านอสุราอะไรนั่นน่ะไม่รู้เพราเหตุอันใด ไอ้กุมภัณฑ์ถึงถามขึ้นเช่นนั้นหลังปรายมองไปยังจุดที่แม่ทับทิมแนะนำ แต่ขณะเดียวกันเราก็รับรู้ได้ ว่าตลอดเวลาที่นางพูดคุยกับแม่ทับทิมนั้น นัยน์ตาคู่สวยยังกลอกไปมาราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่างด้วยทีท่าระแวดระวัง

    อื้อ ตั้งแต่รุ่นแรกที่เขาเปิดให้เช่าเลยหล่ะ

    ท่าทางเธอเนี่ย คงชอบท่านอสุราอะไรนั่นมากจริงๆ เลยนะ ทำไมล่ะ ?”  ทว่า คำถามของไอ้กุมภัณฑ์หนนี้ กับทำให้ผู้ลอบฟังเช่นเราสะอึกด้วยอาการหวามในอกเล็กน้อย ความรู้สึกที่เกิดขึ้นยามนั้นไม่ต่างจากช่วงที่แม่ทับทิมบอกความรู้สึกของตนเองต่อหน้าแม่กรองขวัญเมื่อครานั้นตรงไหน

    ว่าแต่วันนี้ทับทิมดูแปลกๆ ไปนะจ๊ะ ทำไมอยู่ๆ ถึงอยากรู้เรื่องอะไรพวกนี้ขนาดนั้นล่ะ ?

    เพราะฉันชอบท่านอสุรามากๆ ยังไงล่ะคะ…’ ที่แตกต่างออกไปเห็นทีจะเป็น นอกจากอาการหวามที่แล่นพล่านไปทั่วทั้งอกแล้ว ช่วงยามเดียวกันเรากลับรู้สึกระบมไปทั่วทั้งใจด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการต้องได้ยินเสียงบอกกล่าวความรู้สึกจากแม่ทับทิมเช่นนั้นอย่างชัดถ้อยชัดคำอีกครั้ง

    อื้อ ฉันชอบเขา ท่านอสุราน่ะ…” ใจเรายามนี้สั่นไปหมด ไม่ต่างจากเนื้อกาย ซ้ำยังไม่มีท่าทีจะหยุดลงได้ง่าย

    แล้วทำไมถึงชอบล่ะ ในเมื่อในตำนานมันก็น่าจะมีตัวละครอื่นด้วยไม่ใช่เหรอ ?

    เพราะท่านอสุราเป็นเพียงยักษ์ตนเดียว ที่ฉันรู้สึกชอบล่ะมั้ง…” แม่ทับทิมกล่าวเช่นนั้น บนดวงหน้าสวยกำลังปรากฏรอยยิ้มให้เห็น ทว่า นั่นกลับไม่รอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสุข มันก็เหมือนเวลาอ่านนิยายสักเล่มนั่นแหละ ยิ่งรับรู้ถึงตัวตนตัวละครตัวนั้นมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกรักและชื่นชอบท่านมากเท่านั้น

    พอเสียงบอกกล่าวความรู้สึกดำเนินมาถึงตรงนี้ ในหัวก็เผลอนึกถ้อยคำต่อว่าหลายคืนก่อนของแม่ทับทิมขึ้นมา

    ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น แต่ทุกอย่างที่ฉันเคยรับรู้มา มันเหมือนกับผิดเพี้ยนไปหมด ไม่ว่าจะเรื่องราวของตัวท่านกับหญิงคนรัก หรือแม้แต่อุปนิสัยของท่านที่ฉัน…’ 

    อุปนิสัยพี่งั้นรึ ?’

    เจ้าค่ะ...อะ อุปนิสัยของท่านที่ฉันเคยชอบน่ะ…’ ทั้งที่แม่ทับทิมเคยปรามาสต่อหน้าเราไว้เช่นนั้น

    ท่านใจดำกับแม่จันทน์ผามากๆ เลย รู้ตัวหรือเปล่าเจ้าคะ ? ทั้งที่รู้ว่าเราคือผู้ใจดำ กระทำเรื่องเลวร้ายต่อนางตลอดภพชาติที่ผ่านมาแท้ๆ แล้วทำไมล่ะ

    ทำไมยามนี้ถึงยังพูดความรู้สึกของตนเองที่มีต่อเราเช่นนี้อีก

    ต่อให้ความเป็นจริง ท่านอสุราจะไม่เหมือนกับที่ฉันวาดฝันไว้ ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังยกเขาเป็นที่หนึ่งในความรู้สึกเสมอ เป็นไงล่ะ ลึกซึ้งหรือเปล่า ฮ่ะๆอีกหนที่เราถูกกระชากออกจากวังวนความคิดด้วยถ้อยคำตบท้ายเชิงหยอกล้อพร้อมเสียงหัวเราะจากเจ้าของเสียงพูดและพูดฟัง

    หากแต่ถ้อยคำติดตลกพรรค์นั้นกลับไม่ได้ช่วยให้เราอยู่อาการหวามในอกลงแม้สักครา...

    “น้ำเน่ามาก ยัยหนอนหนังสือเอ้ย!” สิ่งที่มองเห็นผ่านสายตาเวลานี้ คือภาพของนารีหญิงขณะพูดคุยกันอย่างสนุกปากคละเคล้าเสียงหัวเราะ หากแต่นั่นกับไม่ใช่ความรู้สึกฝืนๆ ส่งผ่านเสียงหัวเราะของแม่ทับทิม

    ยิ่งรู้มาก ยิ่งรู้สึก ยิ่งเป็นอันตรายต่อกายและใจอนึ่งตัวท่านนั้นคือยักษ์หาใช่ปุถุชน แม้นยามนี้จักล่วงรู้ทุกสิ่ง แต่การพาองค์ลงไปข้องเกี่ยวจนผูกติดเวรกรรมที่คอยท่าอยู่นั้นหาใช่เรื่องที่ดีไม่ 

    มันคงจะจริงอย่างที่ท่านชมชิตทร์ตักเตือน ว่ายามใดที่เริ่มรู้มาก ในใจก็ยิ่งตอบสนองความรู้สึกมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าตอนนี้เรากำลังรู้สึกต่อสิ่งที่ได้รับรู้และมองเห็นมากแค่ไหน

    โดยเฉพาะเสียงครวญน่าสังเวชในอดีตที่ยังติดอยู่ในอก

    หะ หากทับทิมเม็ดงามควรค่าแก่ผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจยะ ยามต้องรักแรกพบดั่งวาจาที่ท่านลั่นวาจาไว้อึกฮึกได้โปรดเถอะนะเจ้าคะท่านอสุรา ได้โปรดยกปิ่นปักผมทับทิมชิ้นนี้ให้หม่อมฉันเถอะเจ้าค่ะ ฮือออ’ กว่าจะรู้สึกตนอีกครั้ง ก็ตอนที่เท้าทั้งสองข้างพาเราก้าวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแม่ทับทิมไปเสียแล้ว

    กึก

    ยิ่งจ้องมองใบหน้าสวยในแบบที่แม่ทับทิมมีมากเท่าไหร่ ภาพซ้อนของอดีตนางสวรรค์ผู้แสนอาภัพก็คล้ายกับปรากฏขึ้นซ้อนทับให้เราได้เห็นมากเท่านั้น เช่นเดียวกับภาพเหตุการณ์ในอดีตที่เริ่มผุดแทรกเข้าสู่กมลความคิดโดยไร้อาการเจ็บปวดใดเข้ามาขวางกั้นเหมือนดั่งทุกที

    บัวในสระแห่งนี้ งดงามไม่ต่างจากผู้เด็ดดอมดมจักเป็นไปได้หรือไม่ หากเราจักขอติดตามแม่นิมมานรดี ลงมายลความงามดอกบัวที่สระแห่งนี้อีกสักครา ภาพของแม่นิมมานรดีในแบบที่เราคุ้นเคยและเข้าใจภายในเรือพายเมื่อแรกรักเอง ก็คล้ายกลับค่อยเลื่อนหายไปพร้อมเสียงหวานซึ่งให้ความรู้สึกแตกต่าง

    จะ เจ้าค่ะ หากท่านประสงค์เช่นนั้น หม่อมฉันคงมิอาจขัดอะ หรือแม้แต่ใบหน้าสวยหวานขณะหลับตา ยามนั่งนิ่งงันการจุมพิตบริเวณหน้าผากจากเรา

    ช่วงยามเดียวกันนั้น ในหัวก็คงไว้ด้วยเสียงเตือนของท่านชมชิตทร์ราวกับต้องการเตือนสติ

    ในเมื่อยามนี้ท่านล่วงรู้ถึงเวรกรรมและคำทำนายมิว่าสิ่งใดที่อยู่ในพระอุระพระองค์ยามนี้ หากได้รับคำตอบแล้วไซร้ กระหม่อมขอทรงอย่าเพิ่งผลีผลามกระทำการตามใจตนจนตกอยู่ในบ่วงกรรมที่คอยท่าอยู่เลยนะขอรับ…’ ทว่า สิ่งที่ตามมากลังจากนั้น กลับกลายเป็นภาพความระทมทุกของนางสวรรค์ผู้มีจิตใจบริสุทธิ์

    ทั้งเสียงร่ำไห้ เสียงอ้อนวอน และร้องขอความเห็นใจ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับนางในตอนนั้น คือภาพจำเดียวที่เราจดจำได้แน่ชัดราวกับว่า ความรู้สึกที่แม่จันทน์ผามีในตอนนั้นกำลังบังเกิดขึ้นกับตั;

    และเราเชื่อว่านั่นคือเวรกรรมที่เราต้องชดใช้...

    อย่างที่บอกไปน่ะค่ะ ว่านี่คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะจริงๆ แล้วฉันกับเขตแดนน่ะเราคบกันมาได้สักพักแล้วต่างหากละคะ แม้นมีคนรักอยู่ข้างกายตามประสงค์ กระนั้นแล้วเรากลับรู้สึกเจ็บปวดในอก ยามเห็นแม่ทับทิมอยู่เคียงข้างชายอื่นอยู่ดี คงไม่ต่างจากแม่จันทน์ผายามต้องเห็นเรากับพี่สาวนางอยู่คู่เคียงกายกันนัก

    เพราะทุกชีวา ล้วนแล้วแต่มีเวรและกรรมผูกตนมาตั้งแต่ถือกำเนิด อยู่ที่ว่าผู้ใดจะผูกบ่วงที่มีติดตัวให้รัดกายตนเองจนแน่นขึ้นกว่าที่เป็นเท่านั้น…’ ถ้าหากความรู้สึกที่เป็นอยู่ยามนี้ คือเวรและกรรมที่เราต้องเผชิญและชดใช้ให้กับเรื่องราวร้ายๆ ในอดีตซึ่งเคยพลาดพลั้งทำใส่แม่จันทน์ผาจริงแล้วไซร้

    แล้วยามนี้เล่า เราจะหยุดกรรมตนเองลงได้อย่างไร

    Talk1  ท่านอสุราเตรียมไล่ขออโหสิกรรมกับทุกตัวละครแล้วเน้อ T___T ใครที่อ่านท้าวอสุเรนทร์จบแล้วงดสปอยเด้อออ ปล.ต้องบอกก่อนว่าเล่มท่านอสุราคือเป็นการเก็บรายละเอียดจากเล่มท้าวอสุเรนทร์ เนื้อหาบางส่วนที่มองว่าไม่สำคัญ จึงมีความสำคัญมากๆกับท้ายเรื่อง ฮ่าา ซึ่งยากมากที่จะเอาทานไลน์ของอีกเล่มกับเล่มนี้มาประติดประต่อกัน ขอบคุณมากๆนะงับ ที่ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ ทั้งที่ยังไม่เข้าฉากอย่างว่าสักที ฮ่าาา

    ___________________________________________________________ 

    ไม่เม้นก็ได้แต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา จุ้บ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา

    ปล. หากเจอคำผิดหรือตรงไหนอ่านแล้วแปลกๆ เม้นบอกกันได้เน้อ T__T


    คุณเชื่อเรื่อง 'ยักษ์' หรือไม่?

    อยากรู้จักยักษ์ตนไหนมากขึ้น จิ้มที่รูปด้านบนเลยจ้า


    ติดตามเรื่องนี้จิ้มที่หน้าท่านอสุราโลด

    รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน
    หรือกดหัวใจให้เราก็ได้น้าา 
    v
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×