คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : HUNT08 l สั่งรักครั้งที่8 ตอน เบื้องหลังฆาตกร {อัพ100%}
Rrrrrr
เสียงเรียกเขาที่ดังอย่างต่อเนื่อง หยุดภาพและเสียงความคิดในอดีตเงียบลง ฉุดฉันให้กลับมายังห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ห้องเดิม
ก่อนค่อยๆ เคลื่อนมือไปยังสมาร์ทโฟน
โดยสายตายังคงจ้องมองภาพตัวเองที่สะท้อนผ่านกระจกเงาตรงหน้า
[แฟน เวรเอ้ย! โทรไปตั้งหลายสายแล้ว ทำไมเพิ่งรับล่ะ!?]
มันจริงอย่างที่พี่จ๋าบอก
ว่าคนที่โทรเข้ามาคือใคร
[ไอ้เวรนั่นมันทำอะไรเธอหรือเปล่า!?] ฉันได้ยินเสียงโจนาธานโวยวายผ่านสายอย่างร้อนรนทันทีที่กดรับสาย ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่ฉันกลับไม่รู้สึกถึงความเป็นห่วงเป็นใยจากเขาได้มากเท่าที่ควร
“หยุดโวยวายน่าโจ ฉันไม่ได้เป็นอะไร...” ฉันตอบเขาพลางเคลื่อนมือข้างที่เหลือขึ้นแตะบริเวณสันคอที่ปรากฏรอยจ้ำแดงชัดเจนกว่าทุกที่บนเนื้อกาย
“เขาไม่ได้ทำอะไรไม่ดีใส่ฉันหรอกน่า”
ที่พูดอยู่นั้น คือคำโกหก ฉันรู้ดี...
แต่มนุษย์ทุกคนก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น
ไม่ว่าฉันหรือใคร
[อ่าให้ตายสิ! ฉันไม่ไว้ใจไอ้เวรนั่นเลย
ที่นี่มันดูไม่ปลอดภัยกับเราเลยแฟน เราไม่ควรกลับมาที่นี่ตั้งแต่แรก...] และถึงจะพูดโกหก แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้โจนาธานหยุดโวยวายลงได้เช่นกัน [เข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า?]
นี่คงเป็นหนที่สองแล้ว
ที่โจนาธานพูดอะไรทำนองนี้ให้ได้ยิน
นับตั้งแต่มีโอกาสกลับมาเหยียบยังเมืองเกิด ซึ่งถ้าพูดกันตามตรง
คำพูดทำนองนี้น่ะ ฉันเคยได้ยินเขาพูดบ่อยตั้งแต่ตอนที่เราอยู่ที่อังกฤษแล้วล่ะ
‘ว่าไงนะ!? อยากกลับไปที่เมืองนั้นเหรอ...ทะ
ทำไมล่ะแฟน!?’
‘ฉันอยากกลับไปทำอะไรบางอย่างที่นั่น’
‘เมืองที่ทำให้เราตกอยู่ในสภาพของคนป่วยทางจิตแบบนั้นน่ะ
มันมีอะไรให้อยากกลับไปทำด้วยหรือไง!?’
เขาคือคนๆ เดียวที่คัดค้านหัวชนฝา และปฏิเสธที่จะให้ฉันกลับมายังที่ที่จากมา ‘จำไม่ได้เหรอว่า 6 ปีที่เราต้องทนอยู่ในรั้วกำแพงสูงนั่นน่ะ มันทรมานแค่ไหน!?’
โจนาธานพยายามเกลี้ยกล่อมฉัน ให้เปลี่ยนความคิด
พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ฉันเลิกคิดที่จะย้อนกลับไปยังสถานที่เลวร้ายในอดีต
‘อีกอย่างคนร้ายมันก็ถูกจับได้ตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว ตอนนี้เราสองคนดีขึ้นแล้วแฟน
เราไม่ควรย้อนกลับไปเจอเรื่องแย่ๆ แบบนั้นอีก’
‘ไม่เลยโจ...ฉันยังไม่ดีขึ้นเหมือนที่นายคิด
ถ้าไม่ได้กลับไปรักษาตัวเองที่นั่น’
“ทำไมล่ะ?”
ทันทีที่เสียงพูดคุยระหว่างฉันกับโจนาธานในอดีตเงียบลง
เสียงของฉันก็เอ่ยถามขึ้นทันทีในช่วงเวลาปัจจุบัน “ตอนนี้ฉันกำลังรักษาตัวอยู่
นายไม่รู้เหรอ?”
[รักษาตัวอะไร? อย่าพูดบ้าๆ น่าแฟน] เขาแย้ง
“ตลอดเวลา 6 ปี ฉันมีบางอย่างติดอยู่ในใจมาตลอด
มันคืออาการที่หมอคนไหนก็รักษาไม่ได้...” นั่นจึงทำให้ฉันต้องพูด
“มันคือความรู้สึกที่ต้องใช้ความรู้สึกเท่านั้นในการรักษา”
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ที่มือเผลอเลื่อนขึ้นกุมอกซ้ายของตัวเอง รู้แค่ว่าตลอดเวลาที่เริ่มพูดเรื่องบ้าๆ แบบนี้ อกซ้ายมันกำลังเจ็บ
เจ็บเหมือนกับมีใครบางคนกำลังกรีดมีดปลายแหลมทิ่มแทงลงมา...
[ก็เลิกคิดว่าตัวเองกลัวตัวตลกพวกนั้นสีกทีสิ!] คราวนี้โจนาธานกล่าวแทรกขึ้นอย่างมีน้ำเสียง
[ฉันรู้นะว่าเธอไม่ได้กลัวพวกมันแล้ว
แล้วก็ไม่ได้กลัวมานานแล้วด้วย…]
คำพูดของเขาทำให้หวนนึกถึงน้ำเสียงกับท่าทางทีเล่นทีจริง
ที่โจนาธานมักแสดงให้เห็นทุกครั้งที่ฉันเกิดอาการเวียนหัว คลื่นไส้
ยามต้องเผชิญหน้าหรือพูดถึงตัวตลก ซึ่งทั้งหมดนั่นยังฟังดูสอดคล้องกับคำพูดประโยคต่อมา
[เลิกเล่นละครว่ายังกลัวพวกตัวตลก เพื่อให้นึกเรื่องแย่ๆ ที่ลืมได้แล้วแฟน
แล้วก็หยุดพยายามหาวิธีโง่รักษาตัวเองสักที...เพราะเธอหายดีแล้ว]
“…”
หายดีเหรอ แล้วที่เจ็บอกซ้ายแบบนี้ล่ะ มันเรียกว่าหายดีหรือเปล่า
[คนร้ายที่เคยทำร้ายเธอเมื่อ 6 ปีก่อนก็ถูกตำรวจจับได้หมดแล้ว ที่เมืองแย่ๆ
นี่ มันไม่เหลืออะไรให้น่าค้นหาหรืออยู่ต่ออีกต่อไปแล้ว กลับอังกฤษกันเถอะนะแฟน…ขอร้อง]
ฉันเงียบไป
เมื่อได้ฟังปลายสายละล่ำละลักคำพูดยืดยาวเช่นนั้น และเพราะฉันยังคงเงียบเช่นนั้นนั่นเลยทำให้โจนาธานกล่าวขึ้นด้วยตัวเองอีกครั้ง
[ตกลงตามนี้โอเคไหม พรุ่งนี้ฉันจะได้ติดต่อจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวที่ไวที่สุดให้
แล้วเราก็จะได้...] ทว่า
หนนี้ฉันกลับไม่ได้รอให้ปลายสายร่ายคำพูดยืดยาวตามความประสงค์ของตัวเองได้จนจบคำ
เมื่อปากที่เคยปิดสนิทเริ่มขยับเปล่งถ้อยคำถามขึ้นหลังจากเงียบไปนาน
“แล้วถ้าคนร้ายเมื่อ 6 ปีที่แล้วยังถูกจับไม่ครบทุกคนล่ะ…”
[...]
“นายจะปล่อยให้ฉันอยู่ที่นี่ต่อหรือเปล่า โจ?”
-JHAA
TALK-
ตึก... ตึก...
นับตั้งแต่พาตัวเองออกจากห้องพักในตึก ผมพาตัวเองเดินก้าวเท้าไปตามโถงทางเดินระหว่างชั้นอย่างคนไร้ทิศทาง
สมองและความคิดที่มีอยู่เวลานี้มันว่างเปล่าไปหมด
เช่นเดียวกับทั่วหน้าที่เริ่มชาจนแทบไร้ความรู้สึก
‘ไอ้ที่ทำกันเมื่อกี้น่ะ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะงั้นนายไม่ต้องขอโทษ...’
นอกจากเสียงเดินของตัวเองแล้ว ยังคงมีเสียงของผู้หญิงคนนั้นที่ดังแว่วอยู่ในหูให้ได้ยินตลอดทุกการก้าวเดิน
‘ฉันเห็นภาพตัวเองกำลังถูกไอ้ระยำคนหนึ่งย่ำยี มันกระชากเสื้อฉันออก จูบและกัดฉันเหมือนที่นายทำ...’
เสียงหวานๆ
ซึ่งเต็มไปด้วยความสดใจในแบบที่เคยอยากได้ยินมาตลอด
‘ในภาพความทรงจำที่แว๊บเข้ามามันบอกฉันว่า ไอ้สารเลวคนนั้นนั่นแหละ ที่เป็นคนวางแผนข่มขืนฉัน จนต้องเป็นโรคประสาทมาถึงตอนนี้…’
เวลานี้...หลงเหลือเพียงความหวานของน้ำเสียง หากแต่เต็มไปด้วยความเฉยชา
เย็นชา เสียดสี และประชดประชันทุกสิ่งรอบตัวจนรู้สึกได้ โดยเฉพาะกับชื่อ
ที่เมื่อก่อนเคยใช้เรียกกันด้วยความสดใสและเต็มไปด้วยหลายๆ ความรู้สึก...
‘ศอว์...’ แต่วันนี้...เสียงเรียกหาเหล่านั้นมันได้เปลี่ยนไปจนกลายเป็นคนแปลกหน้าที่ไร้ความรู้สึกต่อกัน
กึก…
พอความคิดมาหยุดอยู่ตรงนี้
คนที่คล้ายกับกำลังจะเป็นบ้าดันกลายเป็นผมเสียเอง
ตึง!!
“โธ่เว้ย!!” หมัดหนักๆ
ถูกต่อยเข้าใส่ผนังสลับกับกับใช้มือทุบไปตามอาคารตึกอย่างไม่ยั้งแรง
ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ท่ามกลางเสียงตะคอกสบถอย่างคนไร้สติ โดยหวังว่าความเจ็บปวดทั้งหมดที่เป็นจะช่วยลดความรู้สึกอึดอัดและความรู้สึกผิดในใจลงได้บ้าง
ตึง!!
แต่เปล่าเลย...
“อึก...” ความเจ็บปวดตามเนื้อกายที่เกิดขึ้นเวลานี้
มันเทียบเท่ากับความเจ็บปวดทางใจไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แถมยังคอยตอกย้ำให้รู้ว่า ผมคือคนผิด เป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เด็กผู้หญิงที่ควรมีชีวิตสดใสในวันนั้นเปลี่ยนไป
‘ไอ้ศอว์ นั่นมันเด็กมึงไม่ใช่เหรอวะ’ เรื่องมันเริ่มต้นตั้งแต่วันนั้น
วันที่มีคนเจอเธอที่สวนสนุกพร้อมกับเด็กผู้หญิงอีกคน
ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกวันนั้นจะเป็นวันวาเลนไทน์ ‘วันนี้วันจันทร์ไม่ใช่นี่หว่า เด็กมึงเขาโดดเรียนเหรอ?’
เธอโดดเรียน ใช่!
นั่นคือสิ่งที่ผมรู้จากการแอบมองเธอจากระยะไกล
‘โอ๊ะโอ๋! Happy Valentine
จ้าน้องแฟนกับเพื่อนสาวของน้องแฟน...’ ความสงสัยที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผมจำต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนพนักงานมาสคอตด้วยกันให้ช่วยถามไถ่ที่มาที่ไป
‘โดดเรียนมาเที่ยวสวนสนุกแบบนี้ ไม่ดีนะรู้ไหม’
‘วันเดียวไม่เป็นไรหรอกค่ะ วันนี้เป็นวันสำคัญนี่นา...’
‘วันอะไรเอ่ย วันวาเลนไทน์ใช่ไหมล่ะ แบบนั้นก็ไม่ดีนะจ๊ะ’
‘ไม่ใช่ค่ะ แต่เป็นวันเกิดต่างหาก’ ซึ่งนั่นเลยทำให้ผมรู้เหตุผลของการโดดเรียนมายังสวนสนุกแห่งนี้ของเธอกับเพื่อน
และที่โง่ก็คือ ผมดันคิดว่าวันนั้นเป็นวันเกิดเธอ
‘แล้วมึงจะเอาไง วันนี้วันดี 14 กุมภาฯ เลยนะ
จะขอน้องเขาเป็นแฟนเลยป่าว?’
‘เสือก...กูจะขอเขาตอนไหนมันเรื่องของกู’ การปรากฏตัวของเธอในวันนั้น ทำผมรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าทุกวัน
คงเพราะวันนี้มันเป็นวันดีอย่างที่พวกเพื่อนร่วมงานบอกนั่นแหละ ยิ่งคิดว่าวันนั้นเป็นวันเกิดเธอด้วยแล้ว ผมยิ่งเก็บความตื่นเต้นที่มีไว้ไม่อยู่
และคิดอยู่ตลอดเวลา ว่าควรจะให้อะไรเป็นของขวัญเซอไพรส์วันเกิดแก่เธอดี...
‘จะทำอะไรก็รีบทำนะ วันนี้วันธรรมดาคนน้อยด้วย’ เพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้น มันมีมากกว่าทุกวัน นั่นเลยทำให้ผมตัดสินใจเสนอบางอย่างขึ้น
หลังถูกไอ้ ‘เจ’ หนึ่งในเพื่อนรวมงานยุยง
‘แผนของกูเป็นแบบนี้...เดี๋ยวกูจะให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปรอในบ้านผีสิง
แล้วมึงก็จัดการดับไฟสวนสนุกซะ...’ จำได้ว่าตอนเล่าแผนการน่ะ
ผมรู้สึกตื่นเต้นมากแค่ไหน ขนาดมือไม้เวลานั้น มันสั่นไปหมด ‘พอไฟดับ เราก็เข้าไปหาเธอข้างในทีละคน คนครบเมื่อไหร่ ค่อยร้องเพลง Happy Birthday พร้อมกัน’
‘ทำไมต้อง Happy Birthday ในบ้านผีสิงวะ?’
แต่ใครจะคิดว่านั่นน่ะ คือแผนการที่โง่ที่สุดเท่าที่เคยคิดมา
‘เพราะน้องเขากลัวผี ถ้าเข้าไปเซอร์ไพรส์ในนั้นสำเร็จล่ะก็ บ้านผีสิงคงเป็นที่ที่น่าจดจำที่สุดในรอบปี’
‘แล้วใครจะเริ่มก่อน มึงหรือกู ศอว์?’
‘กูขอคนแรก…เพราะคนถือเค้กกับคนที่จะขอเด็กคนนั้นเป็นแฟนคือกู
จริงไหม?’
ตึงง!! ตึง!!!
ยิ่งคิดถึงความโง่ของตัวเองในอดีต
ผมยิ่งอดไม่ไหวที่จะเพิ่มน้ำหนักแรงหมัดอัดเข้ากระแทกผนังอาคารให้แรงขึ้นกว่าเก่า
แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ทำรวมถึงความเจ็บปวดที่มี จะไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้ก็ตาม
ทว่า ขณะเดียวกัน อาการปวดแปล๊บเคล้าเจ็บแสบบนหลังมือมันก็หวนให้ผมนึกถึงเรื่องอื่นที่เจ็บกว่าเช่นกัน
‘ข้าได้ยินหมอพูดกันว่า อีหนูคนนั้นเหมือนจะความจำเสื่อมชั่วขณะเพราะช็อกในวันเกิดเหตุนะพ่อหนุ่ม...’
‘แปลว่า เขาจะจำกูไม่ได้?’ เจ็บแรกก็คงเป็นตอนที่ผมรู้ข่าวจากปากไอ้เม่น ว่าเธออาจลืมทุกอย่างระหว่างเราไปจนหมด
‘คงงั้นฮะ ผมไม่กล้าถามหมอหรอกฮะพี่ชาย เพราะหมอที่นี่เขาก็เข้าใจว่าผมเป็นบ้า HA
HA…’
‘กูไม่ตลก ไอ้เม่น! กูอยากรู้แค่ว่า...เขาจะจำกูได้หรือเปล่า!?’
เจ็บที่สองก็คงเป็นเหตุการณ์หลังได้เห็นภาพระหว่างเธอกับชายแปลกหน้าที่ผมไม่รู้จักกำลังจูบกันในรูปถ่าย
‘เมื่อเช้าไอ้ร็อคก็มาตรวจสภาพจิตที่นี่ เออ
แล้วแม่งก็ฝากให้กูเอานี่ให้มึง...’ ภาพถ่ายใบเดียวที่ผมยังคงพกติดตัวแม้ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้รู้สึกเจ็บยามที่เห็น
‘ผู้ชายในภาพนี่ใครวะ เม่น?’
‘กูไม่รู้ ถ้ามึงอยากรู้ทำไมไม่ลองถามไอ้ร็อคล่ะ เห็นว่าผู้หญิงที่อยู่กับมัน
คือคนเดียวกับที่อยู่ในวันเกิดเหตุด้วยนี่...’ คำแนะนำของไอ้เม่นแบบขอไปทีในตอนนั้น
เป็นบ่อเกิดของการพบตัวพยานในที่เกิดเหตุหลังจากนั้นอีกสามวันต่อมา
‘แข สองคนนี้เป็นเพื่อนเราเอง นี่คุณเม่น นี่คุณจ๋า รู้จักกันไว้สิ...’ เธอคือเด็กสาวที่อยู่กับแฟนในวันเกิดเหตุและเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่เกือบพลาดท่าเสียทีโดนควันหลงจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น แต่โชคดีที่รอดมาได้ ‘แข พูดอะไรหน่อยสิ...เพื่อนเราอยากรู้เรื่องเพื่อนแขน่ะ’
‘ฉันจำพี่ได้
พี่คือผู้ชายที่อยู่กับเพื่อนฉันบ่อยๆ...’ เธอจำผมได้เช่นเดียวกับที่ผมจำเธอได้ หากแต่สิ่งที่เธอพูดอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องการ
เสียงหวานที่สามารถใช้เป็นหลักฐานลบล้างความผิดตามอย่างที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้าใจจึงไม่จำเป็น ‘ฉันรู้ว่าว่ามันไม่ใช่ความผิดพี่
ฉันรู้ว่าพี่ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นกับเพื่อนฉันหรอก...’
‘เรื่องแฟน...’ ดังนั้นผมจึงขัดเสียงและคำพูดเข้าอกเข้าใจของเธอลง เพราะสิ่งที่ต้องการรู้มากที่สุดเวลานั้นคือเรื่องอื่น ‘ตอนนี้...แฟนเป็นยังไงบ้าง…’
‘แฟนดีขึ้นตั้งแต่สองปีแรกแล้วค่ะ…’ แน่นอนว่าเธอตอบทันทีแม้จะเพิ่งถูกขัดอย่างเสียมารยาท ‘ทางนั้นสามารถอนุญาตให้เธอใช้เทคโนโลยีจำพวกสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ได้แล้ว หลังเธอเข้ารักษาตัว 2 ปีต่อมา ฉันเลยสามารถติดต่อกับเธอได้ ตอนนี้เธออาการดีขึ้นกว่าตอนถูกส่งตัวไปวันแรกเยอะมากค่ะ พี่ไม่ต้องเป็นห่วง...’
ผมยิ้มที่ได้ยินเด็กคนนี้พูดแบบนั้น มันคือความรู้สึกที่ดีที่สุดตลอดระยะเวลาหลายปีที่ต้องทุกข์ทนกับการไม่รับรู้ข่าวคราว พลอยให้ต้องถามเรื่องอื่นๆ ที่อยากรู้ต่อไป
‘แล้วที่บอกว่าเสียความทรงจำล่ะ?’
‘ค่ะ เธอเสียความทรงจำจากเหตุการณ์วันนั้นจริงๆ เธอจำเหตุการณ์ตอนเกิดเหตุบางส่วนไม่ได้ ซึ่งหมอบอกว่าการที่เธอลืมตรงส่วนนี้ไปมันเป็นผลดีต่อตัวเธอเองยิงยาวไปถึงในอนาคต อีกอย่างการที่เธอลืมเรื่องแบบนั้นไปมันไม่ได้กระทบต่อการดำเนินชีวิต เพราะเรื่องอื่นๆ เธอจดจำและบอกเล่าได้หมด ไม่ว่าเรื่องของฉัน เรื่องคนอื่น หรือแม้แต่...’
‘...’
‘เรื่องระหว่างพี่กับเธอ...’ ยิ่งรู้ว่าเธอจำผมได้ ผมก็ยิ่งดีใจจนไม่อาจหุบยิ้มได้ ทว่า พอนึกเรื่องรูปถ่ายที่ได้ขึ้นมา มันก็อดไม่ไหวจริงๆ ที่จะถาม
‘แล้วผู้ชายที่อยู่ในรูปถ่ายใบนี้ล่ะ มันกับแฟนเป็นอะไรกัน...’ ตอนถาม ก็ไม่ทันคิดหรอกว่า หลังจากนั้นความรู้สึกดีๆ
ที่เคยได้รับก่อนหน้านี้ จะถูกความเจ็บปวดเข้ามาแทนที่ หลังได้รับคำตอบแบบไม่เต็มเสียงจากหญิงสาวที่เธอคนนั้นสนิทที่สุด
‘บนรูป...มันก็เขียนบอกไว้นี่ค่ะ วะ...ว่า Boy Friend…’
และนั่นคงเป็นเจ็บอีกหนที่ผมได้รับ จากความจริงทั้งหมดที่ได้รู้…
‘แล้วไม่คิดอยากจะคบกับพี่จริงๆบ้างเหรอ?’
‘ถ้าฉันบอกว่าตอนนี้ยังล่ะ
พี่จะรอไหม?’ ยิ่งคำสัญญาระหว่างเราในอดีตดังให้ได้ยินราวกับจะทักท้วงและตอกย้ำเรื่องคำสัญญาด้วยแล้ว
‘ได้ งั้นพี่จะรอ’ ผมยิ่งเจ็บจนเหมือนจะขาดใจ...
ตึง!! ตึง!!!
‘คิดจะจีบฉันเหรอ ฝันไปเถอะ!’
ยิ่งภาพในอดีตผุดขึ้นเตือนใจมากเท่าไหร่
น้ำหนักหมัดและกำปั้นก็ยิ่งทุบลงบนผนังแรงขึ้นทุกวินาที
ราวกับต้องการให้ความเจ็บปวดทางกายกลืนกินความเจ็บปวดที่อยู่ในใจ อีกทั้งยังหวังว่ามันจะช่วยกลืนกินคำถามมากมายในหัวที่ไม่เคยได้รับคำตอบ
ตึง!!!
‘อะ...ระ รัก ใช่ไหม...อะ...’
‘อะ อือ...ระ รัก รักสิ...’
ตึง! ตึง! ตึง!! ตึง!!!
‘แปลว่า...ยัยนั่นจำเรื่องพี่ได้ทุกอย่าง แต่ก็ยังมีแฟนใหม่งั้นเหรอ?’
ทั้งที่จำได้ทุกอย่างระหว่างเราได้ แม้กระทั่งคำสัญญา แล้วทำไมล่ะ...
‘ค่ะ...แฟนจำเรื่องทุกอย่างระหว่างเธอกับพี่ได้ เพราะเธอคือคนพูดเรื่องความสัมพันธ์ของพี่กับตัวเองให้ฉันฟัง ส่วนเรื่องที่หมอบอกว่าเธอลืม คงมีแค่เรื่องที่ทำให้เธอช็อกจนเสียสติแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว...’
ทำไมเวลานี้...เราสองคนถึงยังต้องทำตัวเป็นคนแปลกหน้าใส่กันด้วยความรู้สึกระยำๆ แบบนี้อีก!
ตึงงง!!!!
“โถ่โว้ยยยยย!!!”
ทุกแรงอารมณ์และความเจ็บปวดถูกถ่ายถอดผ่านเสียงกรีดร้องเพื่อระบายทุกสิ่งพร้อมกับการพุ่งหมัดหนักๆ กระแทกอัดเข้าผนังอาคารอย่างเต็มแรง กว่าจะรู้ตัวว่า ร่างกายเริ่มทนรับสภาพความเจ็บปวดทั้งหมดไม่ไหว ก็คงเป็นตอนที่เลือดสีสดเริ่มไหลซึมตามข้อนิ้วบนหลังมือจนเปื้อนเข้ากับผนังตึกนั่นแหละ
ฟึ่บ! ตุบ!
“แฮ่ก...” ความอ่อนแรง ทำผมตัดสินนาบแผ่นหลังชิดกับผนังอาคารตึก ก่อนค่อยๆ ทรุดลงนั่งลงกับพื้นในท่าชันเข่าอย่างเหนื่อยอ่อน เอนหัวพิงผนังหน้าเชิดขึ้นเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเองลงกว่านี้ แต่ว่า ในหัวว่างเปล่ากลับไม่ยอมหยุดคิดเรื่องเก่าๆ ลงเลย
‘อะ...ฉันไม่ได้ทำนะ ฉันไม่ได้ทำ!!!!...ฮึก...ฉันเปล่านะ!!!’
‘แฟน...นี่พี่เอง...ใจเย็นๆ..’ เช่นเดียวกับผม ที่เริ่มสั่นไปทั้งตัวเพราะฤทธิ์ยาหลอนประสาทที่เผลอดื่มกินเข้าไปอย่างไม่ตั้งใจระหว่างเกิดเรื่อง
‘ไม่!!! ฉันไม่ได้ทำ!! อย่าเข้ามานะ!!!! ฮือออออออ...’
เสียงหวีดร้องปานจะขาดใจคะเคล้ากับทีท่าและอาการขาดสติของเธอในคราวนั้น
ยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ เป็นเหมือนใบมีดแหลมคมที่กรีดลงกลางใจให้รู้สึกเจ็บปวด
แต่ก่อนที่สติยั้งคิดยั้งทำจะถูกกลบด้วยความไร้สติและฤทธิ์ของยาหลอนประสาท ความใจเย็นที่มีและเหลือทั้งหมดในตัวจึงถูกใช้มันเพื่อเธอ
‘ฟะ แฟน...นี่พี่เอง...’ ผมค่อยๆ เคลื่อนเข้าคว้าข้อมือเล็กสั่นเทาของคนตัวเล็กตรงหน้าซึ่งกำมีดปลายแหลมไว้แน่นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
โดยใช้ปากเรียกสติเธอให้กลับคืนมา ‘..นี่พี่ศอว์ของแฟนไงคะ...จำได้หรือหรือเปล่า...ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ’
แม้ว่าอาการช็อกและความขาดสติของเธอจะให้คำตอบอื่นกลับมา
‘ฮึก...ฉันไม่ได้ทำ...ฉันไม่ได้ทำนะ ฮือออ...’
‘ค่ะพี่รู้..ว่าเราไม่ได้ทำ...’
‘ฮึก...มะ
ไม่..ไม่...ฉันไม่ได้ทำ ไม่!!!’
‘จะ ใจเย็นๆ นะคะ...’ รู้ไหมช่วงเวลาที่น่าอึดอัดตอนนั้น สติที่เหลืออยู่ของผมกำลังคิดอะไร
ผมกำลังคิดว่า...
หากชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งที่ผมรักต้องถูกตราหน้าว่าเคยฆ่าคนตาย ถึงตอนนั้นผมคงรับไม่ไหว ดังนั้น หากมีใครสักคนต้องถูกก่นด่าหรือแปดเปื้อนด้วยข้อครหาเหล่านั้น คนที่เหมาะสมที่สุดควรเป็นผมที่ดันโง่วางแผนงี่เง่านี่ขึ้นมา ไม่ใช่เธอ
‘คะ ค่ะ..พี่รู้...พี่รู้ว่าเราไม่ได้ทำ...’
‘มะ...ไม่ได้ทำนะ...ฉันไม่ได้ทำ...ฮึก...ฉันไม่ได้ทำ!!!’
รู้สึกตัวอีกที ตอนที่ประโยคต่อมาถูกพ่นออกไป สติที่เหลืออยู่น้อยนิดในยามนั้น กำลังสั่งให้ผมทำการปกป้องเธอ ใช้มือตัวเองละเลงกับเลือดของคนร้าย แปะป้ายตามเนื้อตัวและเสื้อผ้า
‘ค่ะพี่เชื่อ...เราไม่ได้ทำ...พะ พี่เป็นคนทำเอง...พี่ฆ่ามันเอง...’
‘มะ...ไม่ ฮึก...ฉันไม่ได้...อื้ออ....’ และจูบเธอเป็นหนสุดท้ายก่อนที่สติยั้งคิดยั้งทำจะดับลงท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
ทั้งที่เลือกเอง...
‘พี่จ๋า! ขอบคุณนะคะที่ปกป้องและรับทุกอย่างแทนเพื่อนฉัน...อีกไม่กี่ปีแฟนจะเดินทางกลับมาหาฉันที่เมืองนี้ พี่ควรไปเจอแล้วเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอได้รู้ว่าพี่คือคนที่ช่วย ไม่ใช่คนที่ทำร้าย…’
ทั้งที่ปกป้องเอง...
‘ถ้ายัยนั่นนึกเรื่องที่ตัวเองมือเปื้อนเลือดได้ แล้วสติแตกขึ้นมาอีกรอบเพราะพี่บอกล่ะ ถึงตอนนั้น พี่จะทำยังไง...’
แล้วทำไม คนที่ต้องเจ็บปวดและทรมานจากการรอคอยเพราะความทรงจำพวกนั้นจึงมีผมแค่คนเดียว...
To Be Continued...
Talk1 แอบสปอยเบาๆว่าชาร์ปนี้ทั้งชาร์ป จะมีเเต่เรื่องพีคๆให้อ่าน 5555
Talk2 ต่างฝ่ายต่างจำกันได้มาตั้งแต่แรก มันก็จะแบบนี้ 55555
Talk3 เดี๋ยวไว้เฉลยเรื่องที่ค้างคาบางส่วนในชาร์ปหน้าเนอะ เดี๋ยวชาร์ปนี้มันจะยาวไป อิอิ
ไม่เม้นไม่ว่าแต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา
ความคิดเห็น