ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HUNT วิกลคลั่งสั่งรัก l Creepypasta SET

    ลำดับตอนที่ #9 : HUNT08 l สั่งรักครั้งที่8 ตอน เบื้องหลังฆาตกร {อัพ100%}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.57K
      205
      22 ก.ค. 61

    * หากรำคาญเสียงเพลงก็ปิดได้เน้อ *


    EP08

    Rrrrrr

    เสียงเรียกเขาที่ดังอย่างต่อเนื่อง หยุดภาพและเสียงความคิดในอดีตเงียบลง ฉุดฉันให้กลับมายังห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ห้องเดิม ก่อนค่อยๆ เคลื่อนมือไปยังสมาร์ทโฟน โดยสายตายังคงจ้องมองภาพตัวเองที่สะท้อนผ่านกระจกเงาตรงหน้า

    [แฟน เวรเอ้ย! โทรไปตั้งหลายสายแล้ว ทำไมเพิ่งรับล่ะ!?]

    มันจริงอย่างที่พี่จ๋าบอก ว่าคนที่โทรเข้ามาคือใคร

    [ไอ้เวรนั่นมันทำอะไรเธอหรือเปล่า!?] ฉันได้ยินเสียงโจนาธานโวยวายผ่านสายอย่างร้อนรนทันทีที่กดรับสาย ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่ฉันกลับไม่รู้สึกถึงความเป็นห่วงเป็นใยจากเขาได้มากเท่าที่ควร

    หยุดโวยวายน่าโจ ฉันไม่ได้เป็นอะไร...ฉันตอบเขาพลางเคลื่อนมือข้างที่เหลือขึ้นแตะบริเวณสันคอที่ปรากฏรอยจ้ำแดงชัดเจนกว่าทุกที่บนเนื้อกาย เขาไม่ได้ทำอะไรไม่ดีใส่ฉันหรอกน่า

    ที่พูดอยู่นั้น คือคำโกหก ฉันรู้ดี...

    แต่มนุษย์ทุกคนก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น ไม่ว่าฉันหรือใคร

    [อ่าให้ตายสิ! ฉันไม่ไว้ใจไอ้เวรนั่นเลย ที่นี่มันดูไม่ปลอดภัยกับเราเลยแฟน เราไม่ควรกลับมาที่นี่ตั้งแต่แรก...] และถึงจะพูดโกหก แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้โจนาธานหยุดโวยวายลงได้เช่นกัน [เข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า?]

    นี่คงเป็นหนที่สองแล้ว ที่โจนาธานพูดอะไรทำนองนี้ให้ได้ยิน นับตั้งแต่มีโอกาสกลับมาเหยียบยังเมืองเกิด ซึ่งถ้าพูดกันตามตรง คำพูดทำนองนี้น่ะ ฉันเคยได้ยินเขาพูดบ่อยตั้งแต่ตอนที่เราอยู่ที่อังกฤษแล้วล่ะ

    ว่าไงนะ!? อยากกลับไปที่เมืองนั้นเหรอ...ทะ ทำไมล่ะแฟน!?’

    ฉันอยากกลับไปทำอะไรบางอย่างที่นั่น

    เมืองที่ทำให้เราตกอยู่ในสภาพของคนป่วยทางจิตแบบนั้นน่ะ มันมีอะไรให้อยากกลับไปทำด้วยหรือไง!?’ เขาคือคนๆ เดียวที่คัดค้านหัวชนฝา และปฏิเสธที่จะให้ฉันกลับมายังที่ที่จากมา จำไม่ได้เหรอว่า 6 ปีที่เราต้องทนอยู่ในรั้วกำแพงสูงนั่นน่ะ มันทรมานแค่ไหน!?’

    โจนาธานพยายามเกลี้ยกล่อมฉัน ให้เปลี่ยนความคิด พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ฉันเลิกคิดที่จะย้อนกลับไปยังสถานที่เลวร้ายในอดีต

    อีกอย่างคนร้ายมันก็ถูกจับได้ตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว ตอนนี้เราสองคนดีขึ้นแล้วแฟน เราไม่ควรย้อนกลับไปเจอเรื่องแย่ๆ แบบนั้นอีก

    ไม่เลยโจ...ฉันยังไม่ดีขึ้นเหมือนที่นายคิด ถ้าไม่ได้กลับไปรักษาตัวเองที่นั่น

    ทำไมล่ะ? ทันทีที่เสียงพูดคุยระหว่างฉันกับโจนาธานในอดีตเงียบลง เสียงของฉันก็เอ่ยถามขึ้นทันทีในช่วงเวลาปัจจุบัน ตอนนี้ฉันกำลังรักษาตัวอยู่ นายไม่รู้เหรอ?

    [รักษาตัวอะไร? อย่าพูดบ้าๆ น่าแฟน] เขาแย้ง

    ตลอดเวลา 6 ปี ฉันมีบางอย่างติดอยู่ในใจมาตลอด มันคืออาการที่หมอคนไหนก็รักษาไม่ได้...นั่นจึงทำให้ฉันต้องพูด มันคือความรู้สึกที่ต้องใช้ความรู้สึกเท่านั้นในการรักษา

    ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่มือเผลอเลื่อนขึ้นกุมอกซ้ายของตัวเอง รู้แค่ว่าตลอดเวลาที่เริ่มพูดเรื่องบ้าๆ แบบนี้ อกซ้ายมันกำลังเจ็บ

    เจ็บเหมือนกับมีใครบางคนกำลังกรีดมีดปลายแหลมทิ่มแทงลงมา...

    [ก็เลิกคิดว่าตัวเองกลัวตัวตลกพวกนั้นสีกทีสิ!] คราวนี้โจนาธานกล่าวแทรกขึ้นอย่างมีน้ำเสียง [ฉันรู้นะว่าเธอไม่ได้กลัวพวกมันแล้ว แล้วก็ไม่ได้กลัวมานานแล้วด้วย…]

    คำพูดของเขาทำให้หวนนึกถึงน้ำเสียงกับท่าทางทีเล่นทีจริง ที่โจนาธานมักแสดงให้เห็นทุกครั้งที่ฉันเกิดอาการเวียนหัว คลื่นไส้ ยามต้องเผชิญหน้าหรือพูดถึงตัวตลก ซึ่งทั้งหมดนั่นยังฟังดูสอดคล้องกับคำพูดประโยคต่อมา

    [เลิกเล่นละครว่ายังกลัวพวกตัวตลก เพื่อให้นึกเรื่องแย่ๆ ที่ลืมได้แล้วแฟน แล้วก็หยุดพยายามหาวิธีโง่รักษาตัวเองสักที...เพราะเธอหายดีแล้ว]

    “…” หายดีเหรอ แล้วที่เจ็บอกซ้ายแบบนี้ล่ะ มันเรียกว่าหายดีหรือเปล่า

    [คนร้ายที่เคยทำร้ายเธอเมื่อ 6 ปีก่อนก็ถูกตำรวจจับได้หมดแล้ว ที่เมืองแย่ๆ นี่ มันไม่เหลืออะไรให้น่าค้นหาหรืออยู่ต่ออีกต่อไปแล้ว กลับอังกฤษกันเถอะนะแฟนขอร้อง]

    ฉันเงียบไป เมื่อได้ฟังปลายสายละล่ำละลักคำพูดยืดยาวเช่นนั้น และเพราะฉันยังคงเงียบเช่นนั้นนั่นเลยทำให้โจนาธานกล่าวขึ้นด้วยตัวเองอีกครั้ง

    [ตกลงตามนี้โอเคไหม พรุ่งนี้ฉันจะได้ติดต่อจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวที่ไวที่สุดให้ แล้วเราก็จะได้...] ทว่า หนนี้ฉันกลับไม่ได้รอให้ปลายสายร่ายคำพูดยืดยาวตามความประสงค์ของตัวเองได้จนจบคำ เมื่อปากที่เคยปิดสนิทเริ่มขยับเปล่งถ้อยคำถามขึ้นหลังจากเงียบไปนาน

    แล้วถ้าคนร้ายเมื่อ 6 ปีที่แล้วยังถูกจับไม่ครบทุกคนล่ะ…”

    [...]

    นายจะปล่อยให้ฉันอยู่ที่นี่ต่อหรือเปล่า โจ?

     

    -JHAA TALK-

    ตึก... ตึก...

    นับตั้งแต่พาตัวเองออกจากห้องพักในตึก ผมพาตัวเองเดินก้าวเท้าไปตามโถงทางเดินระหว่างชั้นอย่างคนไร้ทิศทาง สมองและความคิดที่มีอยู่เวลานี้มันว่างเปล่าไปหมด เช่นเดียวกับทั่วหน้าที่เริ่มชาจนแทบไร้ความรู้สึก

    ไอ้ที่ทำกันเมื่อกี้น่ะ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะงั้นนายไม่ต้องขอโทษ... 

    นอกจากเสียงเดินของตัวเองแล้ว ยังคงมีเสียงของผู้หญิงคนนั้นที่ดังแว่วอยู่ในหูให้ได้ยินตลอดทุกการก้าวเดิน

    ฉันเห็นภาพตัวเองกำลังถูกไอ้ระยำคนหนึ่งย่ำยี มันกระชากเสื้อฉันออก จูบและกัดฉันเหมือนที่นายทำ...

    เสียงหวานๆ ซึ่งเต็มไปด้วยความสดใจในแบบที่เคยอยากได้ยินมาตลอด

    ในภาพความทรงจำที่แว๊บเข้ามามันบอกฉันว่า ไอ้สารเลวคนนั้นนั่นแหละ ที่เป็นคนวางแผนข่มขืนฉัน จนต้องเป็นโรคประสาทมาถึงตอนนี้…’ 

    เวลานี้...หลงเหลือเพียงความหวานของน้ำเสียง หากแต่เต็มไปด้วยความเฉยชา เย็นชา เสียดสี และประชดประชันทุกสิ่งรอบตัวจนรู้สึกได้ โดยเฉพาะกับชื่อ ที่เมื่อก่อนเคยใช้เรียกกันด้วยความสดใสและเต็มไปด้วยหลายๆ ความรู้สึก...

    ศอว์... แต่วันนี้...เสียงเรียกหาเหล่านั้นมันได้เปลี่ยนไปจนกลายเป็นคนแปลกหน้าที่ไร้ความรู้สึกต่อกัน

    กึก

    พอความคิดมาหยุดอยู่ตรงนี้ คนที่คล้ายกับกำลังจะเป็นบ้าดันกลายเป็นผมเสียเอง

    ตึง!! 

    โธ่เว้ย!!” หมัดหนักๆ ถูกต่อยเข้าใส่ผนังสลับกับกับใช้มือทุบไปตามอาคารตึกอย่างไม่ยั้งแรง ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ท่ามกลางเสียงตะคอกสบถอย่างคนไร้สติ โดยหวังว่าความเจ็บปวดทั้งหมดที่เป็นจะช่วยลดความรู้สึกอึดอัดและความรู้สึกผิดในใจลงได้บ้าง

    ตึง!! ตึง!! ตึง!!

    แต่เปล่าเลย...

    อึก...ความเจ็บปวดตามเนื้อกายที่เกิดขึ้นเวลานี้ มันเทียบเท่ากับความเจ็บปวดทางใจไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แถมยังคอยตอกย้ำให้รู้ว่า ผมคือคนผิด เป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เด็กผู้หญิงที่ควรมีชีวิตสดใสในวันนั้นเปลี่ยนไป

    ไอ้ศอว์ นั่นมันเด็กมึงไม่ใช่เหรอวะ เรื่องมันเริ่มต้นตั้งแต่วันนั้น วันที่มีคนเจอเธอที่สวนสนุกพร้อมกับเด็กผู้หญิงอีกคน ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกวันนั้นจะเป็นวันวาเลนไทน์ วันนี้วันจันทร์ไม่ใช่นี่หว่า เด็กมึงเขาโดดเรียนเหรอ?

    เธอโดดเรียน ใช่! นั่นคือสิ่งที่ผมรู้จากการแอบมองเธอจากระยะไกล

    โอ๊ะโอ๋! Happy Valentine จ้าน้องแฟนกับเพื่อนสาวของน้องแฟน... ความสงสัยที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผมจำต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนพนักงานมาสคอตด้วยกันให้ช่วยถามไถ่ที่มาที่ไปโดดเรียนมาเที่ยวสวนสนุกแบบนี้ ไม่ดีนะรู้ไหม

    วันเดียวไม่เป็นไรหรอกค่ะ วันนี้เป็นวันสำคัญนี่นา...

    วันอะไรเอ่ย วันวาเลนไทน์ใช่ไหมล่ะ แบบนั้นก็ไม่ดีนะจ๊ะ

    ไม่ใช่ค่ะ แต่เป็นวันเกิดต่างหาก ซึ่งนั่นเลยทำให้ผมรู้เหตุผลของการโดดเรียนมายังสวนสนุกแห่งนี้ของเธอกับเพื่อน และที่โง่ก็คือ ผมดันคิดว่าวันนั้นเป็นวันเกิดเธอ

    แล้วมึงจะเอาไง วันนี้วันดี 14 กุมภาฯ เลยนะ จะขอน้องเขาเป็นแฟนเลยป่าว?

    เสือก...กูจะขอเขาตอนไหนมันเรื่องของกู การปรากฏตัวของเธอในวันนั้น ทำผมรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าทุกวัน คงเพราะวันนี้มันเป็นวันดีอย่างที่พวกเพื่อนร่วมงานบอกนั่นแหละ ยิ่งคิดว่าวันนั้นเป็นวันเกิดเธอด้วยแล้ว ผมยิ่งเก็บความตื่นเต้นที่มีไว้ไม่อยู่

    และคิดอยู่ตลอดเวลา ว่าควรจะให้อะไรเป็นของขวัญเซอไพรส์วันเกิดแก่เธอดี...

    จะทำอะไรก็รีบทำนะ วันนี้วันธรรมดาคนน้อยด้วย เพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้น มันมีมากกว่าทุกวัน นั่นเลยทำให้ผมตัดสินใจเสนอบางอย่างขึ้น หลังถูกไอ้ เจหนึ่งในเพื่อนรวมงานยุยง

    แผนของกูเป็นแบบนี้...เดี๋ยวกูจะให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปรอในบ้านผีสิง แล้วมึงก็จัดการดับไฟสวนสนุกซะ...จำได้ว่าตอนเล่าแผนการน่ะ ผมรู้สึกตื่นเต้นมากแค่ไหน ขนาดมือไม้เวลานั้น มันสั่นไปหมด ‘พอไฟดับ เราก็เข้าไปหาเธอข้างในทีละคน คนครบเมื่อไหร่ ค่อยร้องเพลง Happy Birthday พร้อมกัน

    ทำไมต้อง Happy Birthday ในบ้านผีสิงวะ?’ 

    แต่ใครจะคิดว่านั่นน่ะ คือแผนการที่โง่ที่สุดเท่าที่เคยคิดมา

    เพราะน้องเขากลัวผี ถ้าเข้าไปเซอร์ไพรส์ในนั้นสำเร็จล่ะก็ บ้านผีสิงคงเป็นที่ที่น่าจดจำที่สุดในรอบปี

    แล้วใครจะเริ่มก่อน มึงหรือกู ศอว์?

    กูขอคนแรกเพราะคนถือเค้กกับคนที่จะขอเด็กคนนั้นเป็นแฟนคือกู จริงไหม?

    ตึงง!! ตึง!!!

    ยิ่งคิดถึงความโง่ของตัวเองในอดีต ผมยิ่งอดไม่ไหวที่จะเพิ่มน้ำหนักแรงหมัดอัดเข้ากระแทกผนังอาคารให้แรงขึ้นกว่าเก่า แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ทำรวมถึงความเจ็บปวดที่มี จะไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้ก็ตาม ทว่า ขณะเดียวกัน อาการปวดแปล๊บเคล้าเจ็บแสบบนหลังมือมันก็หวนให้ผมนึกถึงเรื่องอื่นที่เจ็บกว่าเช่นกัน

    ‘ข้าได้ยินหมอพูดกันว่า อีหนูคนนั้นเหมือนจะความจำเสื่อมชั่วขณะเพราะช็อกในวันเกิดเหตุนะพ่อหนุ่ม...

    แปลว่า เขาจะจำกูไม่ได้? เจ็บแรกก็คงเป็นตอนที่ผมรู้ข่าวจากปากไอ้เม่น ว่าเธออาจลืมทุกอย่างระหว่างเราไปจนหมด

    คงงั้นฮะ ผมไม่กล้าถามหมอหรอกฮะพี่ชาย เพราะหมอที่นี่เขาก็เข้าใจว่าผมเป็นบ้า HA HA…’

    กูไม่ตลก ไอ้เม่น! กูอยากรู้แค่ว่า...เขาจะจำกูได้หรือเปล่า!?’

    เจ็บที่สองก็คงเป็นเหตุการณ์หลังได้เห็นภาพระหว่างเธอกับชายแปลกหน้าที่ผมไม่รู้จักกำลังจูบกันในรูปถ่าย

    เมื่อเช้าไอ้ร็อคก็มาตรวจสภาพจิตที่นี่ เออ แล้วแม่งก็ฝากให้กูเอานี่ให้มึง... ภาพถ่ายใบเดียวที่ผมยังคงพกติดตัวแม้ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้รู้สึกเจ็บยามที่เห็น

    ผู้ชายในภาพนี่ใครวะ เม่น?

    กูไม่รู้ ถ้ามึงอยากรู้ทำไมไม่ลองถามไอ้ร็อคล่ะ เห็นว่าผู้หญิงที่อยู่กับมัน คือคนเดียวกับที่อยู่ในวันเกิดเหตุด้วยนี่... คำแนะนำของไอ้เม่นแบบขอไปทีในตอนนั้น เป็นบ่อเกิดของการพบตัวพยานในที่เกิดเหตุหลังจากนั้นอีกสามวันต่อมา

    แข สองคนนี้เป็นเพื่อนเราเอง นี่คุณเม่น นี่คุณจ๋า รู้จักกันไว้สิ... เธอคือเด็กสาวที่อยู่กับแฟนในวันเกิดเหตุและเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่เกือบพลาดท่าเสียทีโดนควันหลงจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น แต่โชคดีที่รอดมาได้ แข พูดอะไรหน่อยสิ...เพื่อนเราอยากรู้เรื่องเพื่อนแขน่ะ

     ‘ฉันจำพี่ได้ พี่คือผู้ชายที่อยู่กับเพื่อนฉันบ่อยๆ...เธอจำผมได้เช่นเดียวกับที่ผมจำเธอได้ หากแต่สิ่งที่เธอพูดอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องการ เสียงหวานที่สามารถใช้เป็นหลักฐานลบล้างความผิดตามอย่างที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้าใจจึงไม่จำเป็น ฉันรู้ว่าว่ามันไม่ใช่ความผิดพี่ ฉันรู้ว่าพี่ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นกับเพื่อนฉันหรอก...

    ‘เรื่องแฟน...’ ดังนั้นผมจึงขัดเสียงและคำพูดเข้าอกเข้าใจของเธอลง เพราะสิ่งที่ต้องการรู้มากที่สุดเวลานั้นคือเรื่องอื่น ‘ตอนนี้...แฟนเป็นยังไงบ้าง…’

    แฟนดีขึ้นตั้งแต่สองปีแรกแล้วค่ะ…’ แน่นอนว่าเธอตอบทันทีแม้จะเพิ่งถูกขัดอย่างเสียมารยาท ทางนั้นสามารถอนุญาตให้เธอใช้เทคโนโลยีจำพวกสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ได้แล้ว หลังเธอเข้ารักษาตัว 2 ปีต่อมา ฉันเลยสามารถติดต่อกับเธอได้ ตอนนี้เธออาการดีขึ้นกว่าตอนถูกส่งตัวไปวันแรกเยอะมากค่ะ พี่ไม่ต้องเป็นห่วง... 

    ผมยิ้มที่ได้ยินเด็กคนนี้พูดแบบนั้น มันคือความรู้สึกที่ดีที่สุดตลอดระยะเวลาหลายปีที่ต้องทุกข์ทนกับการไม่รับรู้ข่าวคราว พลอยให้ต้องถามเรื่องอื่นๆ ที่อยากรู้ต่อไป

    แล้วที่บอกว่าเสียความทรงจำล่ะ?

    ‘ค่ะ เธอเสียความทรงจำจากเหตุการณ์วันนั้นจริงๆ เธอจำเหตุการณ์ตอนเกิดเหตุบางส่วนไม่ได้ ซึ่งหมอบอกว่าการที่เธอลืมตรงส่วนนี้ไปมันเป็นผลดีต่อตัวเธอเองยิงยาวไปถึงในอนาคต อีกอย่างการที่เธอลืมเรื่องแบบนั้นไปมันไม่ได้กระทบต่อการดำเนินชีวิต เพราะเรื่องอื่นๆ เธอจดจำและบอกเล่าได้หมด ไม่ว่าเรื่องของฉัน เรื่องคนอื่น หรือแม้แต่...

    ...

    เรื่องระหว่างพี่กับเธอ...’ ยิ่งรู้ว่าเธอจำผมได้ ผมก็ยิ่งดีใจจนไม่อาจหุบยิ้มได้ ทว่า พอนึกเรื่องรูปถ่ายที่ได้ขึ้นมา มันก็อดไม่ไหวจริงๆ ที่จะถาม

    แล้วผู้ชายที่อยู่ในรูปถ่ายใบนี้ล่ะ มันกับแฟนเป็นอะไรกัน... ตอนถาม ก็ไม่ทันคิดหรอกว่า หลังจากนั้นความรู้สึกดีๆ ที่เคยได้รับก่อนหน้านี้ จะถูกความเจ็บปวดเข้ามาแทนที่ หลังได้รับคำตอบแบบไม่เต็มเสียงจากหญิงสาวที่เธอคนนั้นสนิทที่สุด

    บนรูป...มันก็เขียนบอกไว้นี่ค่ะ วะ...ว่า Boy Friend…’

    และนั่นคงเป็นเจ็บอีกหนที่ผมได้รับ จากความจริงทั้งหมดที่ได้รู้

    แล้วไม่คิดอยากจะคบกับพี่จริงๆบ้างเหรอ?’

    ถ้าฉันบอกว่าตอนนี้ยังล่ะ พี่จะรอไหม? ยิ่งคำสัญญาระหว่างเราในอดีตดังให้ได้ยินราวกับจะทักท้วงและตอกย้ำเรื่องคำสัญญาด้วยแล้ว

    ได้ งั้นพี่จะรอ ผมยิ่งเจ็บจนเหมือนจะขาดใจ...

    ตึง!! ตึง!!!

    คิดจะจีบฉันเหรอ ฝันไปเถอะ!’

    ยิ่งภาพในอดีตผุดขึ้นเตือนใจมากเท่าไหร่ น้ำหนักหมัดและกำปั้นก็ยิ่งทุบลงบนผนังแรงขึ้นทุกวินาที ราวกับต้องการให้ความเจ็บปวดทางกายกลืนกินความเจ็บปวดที่อยู่ในใจ อีกทั้งยังหวังว่ามันจะช่วยกลืนกินคำถามมากมายในหัวที่ไม่เคยได้รับคำตอบ

    ตึง!!!

    อะ...ระ รัก ใช่ไหม...อะ... 

    อะ อือ...ระ รัก รักสิ... 

    ตึงตึงตึง!! ตึง!!!

    ‘แปลว่า...ยัยนั่นจำเรื่องพี่ได้ทุกอย่าง แต่ก็ยังมีแฟนใหม่งั้นเหรอ?’ 

    ทั้งที่จำได้ทุกอย่างระหว่างเราได้ แม้กระทั่งคำสัญญา แล้วทำไมล่ะ...

    ‘ค่ะ...แฟนจำเรื่องทุกอย่างระหว่างเธอกับพี่ได้ เพราะเธอคือคนพูดเรื่องความสัมพันธ์ของพี่กับตัวเองให้ฉันฟัง ส่วนเรื่องที่หมอบอกว่าเธอลืม คงมีแค่เรื่องที่ทำให้เธอช็อกจนเสียสติแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว...’ 

    ทำไมเวลานี้...เราสองคนถึงยังต้องทำตัวเป็นคนแปลกหน้าใส่กันด้วยความรู้สึกระยำๆ แบบนี้อีก!

    ตึงงง!!!!

    โถ่โว้ยยยยย!!!”  

    ทุกแรงอารมณ์และความเจ็บปวดถูกถ่ายถอดผ่านเสียงกรีดร้องเพื่อระบายทุกสิ่งพร้อมกับการพุ่งหมัดหนักๆ กระแทกอัดเข้าผนังอาคารอย่างเต็มแรง กว่าจะรู้ตัวว่า ร่างกายเริ่มทนรับสภาพความเจ็บปวดทั้งหมดไม่ไหว ก็คงเป็นตอนที่เลือดสีสดเริ่มไหลซึมตามข้อนิ้วบนหลังมือจนเปื้อนเข้ากับผนังตึกนั่นแหละ

    ฟึ่บ! ตุบ!

    แฮ่ก...” ความอ่อนแรง ทำผมตัดสินนาบแผ่นหลังชิดกับผนังอาคารตึก ก่อนค่อยๆ ทรุดลงนั่งลงกับพื้นในท่าชันเข่าอย่างเหนื่อยอ่อน เอนหัวพิงผนังหน้าเชิดขึ้นเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเองลงกว่านี้  แต่ว่า ในหัวว่างเปล่ากลับไม่ยอมหยุดคิดเรื่องเก่าๆ ลงเลย

    อะ...ฉันไม่ได้ทำนะ ฉันไม่ได้ทำ!!!!...ฮึก...ฉันเปล่านะ!!!’ ผมยังคงเห็นภาพของเลือดสีสดที่ไหลเปรอะตามเสื้อผ้าของคนร้ายที่เปื้อนติดมายังมือเล็กของเด็กสาวที่กำมีดปลายแหลมไว้แน่นในอาการตัวสั่นเทา

    แฟน...นี่พี่เอง...ใจเย็นๆ.. เช่นเดียวกับผม ที่เริ่มสั่นไปทั้งตัวเพราะฤทธิ์ยาหลอนประสาทที่เผลอดื่มกินเข้าไปอย่างไม่ตั้งใจระหว่างเกิดเรื่อง

    ไม่!!! ฉันไม่ได้ทำ!! อย่าเข้ามานะ!!!! ฮือออออออ...’ 

    เสียงหวีดร้องปานจะขาดใจคะเคล้ากับทีท่าและอาการขาดสติของเธอในคราวนั้น ยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ เป็นเหมือนใบมีดแหลมคมที่กรีดลงกลางใจให้รู้สึกเจ็บปวด แต่ก่อนที่สติยั้งคิดยั้งทำจะถูกกลบด้วยความไร้สติและฤทธิ์ของยาหลอนประสาท ความใจเย็นที่มีและเหลือทั้งหมดในตัวจึงถูกใช้มันเพื่อเธอ

    ฟะ แฟน...นี่พี่เอง... ผมค่อยๆ เคลื่อนเข้าคว้าข้อมือเล็กสั่นเทาของคนตัวเล็กตรงหน้าซึ่งกำมีดปลายแหลมไว้แน่นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยใช้ปากเรียกสติเธอให้กลับคืนมา ..นี่พี่ศอว์ของแฟนไงคะ...จำได้หรือหรือเปล่า...ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ

    แม้ว่าอาการช็อกและความขาดสติของเธอจะให้คำตอบอื่นกลับมา

    ฮึก...ฉันไม่ได้ทำ...ฉันไม่ได้ทำนะ ฮือออ...’ 

    ค่ะพี่รู้..ว่าเราไม่ได้ทำ...

    ฮึก...มะ ไม่..ไม่...ฉันไม่ได้ทำ ไม่!!!’

    ‘จะ ใจเย็นๆ นะคะ... รู้ไหมช่วงเวลาที่น่าอึดอัดตอนนั้น สติที่เหลืออยู่ของผมกำลังคิดอะไร

    ผมกำลังคิดว่า... 

    หากชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งที่ผมรักต้องถูกตราหน้าว่าเคยฆ่าคนตาย ถึงตอนนั้นผมคงรับไม่ไหว ดังนั้น หากมีใครสักคนต้องถูกก่นด่าหรือแปดเปื้อนด้วยข้อครหาเหล่านั้น คนที่เหมาะสมที่สุดควรเป็นผมที่ดันโง่วางแผนงี่เง่านี่ขึ้นมา ไม่ใช่เธอ

    ‘คะ ค่ะ..พี่รู้...พี่รู้ว่าเราไม่ได้ทำ... 

    ‘มะ...ไม่ได้ทำนะ...ฉันไม่ได้ทำ...ฮึก...ฉันไม่ได้ทำ!!!’

    รู้สึกตัวอีกที ตอนที่ประโยคต่อมาถูกพ่นออกไป สติที่เหลืออยู่น้อยนิดในยามนั้น กำลังสั่งให้ผมทำการปกป้องเธอ ใช้มือตัวเองละเลงกับเลือดของคนร้าย แปะป้ายตามเนื้อตัวและเสื้อผ้า

    ‘ค่ะพี่เชื่อ...เราไม่ได้ทำ...พะ พี่เป็นคนทำเอง...พี่ฆ่ามันเอง...’

    ‘มะ...ไม่ ฮึก...ฉันไม่ได้...อื้ออ....’ และจูบเธอเป็นหนสุดท้ายก่อนที่สติยั้งคิดยั้งทำจะดับลงท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

    ทั้งที่เลือกเอง...

    พี่จ๋าขอบคุณนะคะที่ปกป้องและรับทุกอย่างแทนเพื่อนฉัน...อีกไม่กี่ปีแฟนจะเดินทางกลับมาหาฉันที่เมืองนี้ พี่ควรไปเจอแล้วเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอได้รู้ว่าพี่คือคนที่ช่วย ไม่ใช่คนที่ทำร้าย…’

    ทั้งที่ปกป้องเอง...

    ถ้ายัยนั่นนึกเรื่องที่ตัวเองมือเปื้อนเลือดได้ แล้วสติแตกขึ้นมาอีกรอบเพราะพี่บอกล่ะ ถึงตอนนั้น พี่จะทำยังไง... 

    แล้วทำไม คนที่ต้องเจ็บปวดและทรมานจากการรอคอยเพราะความทรงจำพวกนั้นจึงมีผมแค่คนเดียว...

    To Be Continued...

    Talk1 แอบสปอยเบาๆว่าชาร์ปนี้ทั้งชาร์ป จะมีเเต่เรื่องพีคๆให้อ่าน 5555

    Talk2 ต่างฝ่ายต่างจำกันได้มาตั้งแต่แรก มันก็จะแบบนี้ 55555

    Talk3 เดี๋ยวไว้เฉลยเรื่องที่ค้างคาบางส่วนในชาร์ปหน้าเนอะ เดี๋ยวชาร์ปนี้มันจะยาวไป อิอิ

    _____________________________________________________________ 

    ไม่เม้นไม่ว่าแต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา


    ll CREEPYPASTA SET ll


    ติดตามเรื่องนี้จิ้มที่รูปโลด

    รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน
    หรือกดให้กำลังใจกันข้างล่างนะเอออ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×