คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : GOODIE31 ll เป็นโจรครั้งที่31 {อัพ100%} เยี่ยมไข้
“หนะ หนูชอบสีธรรมชาติค่ะ” คำตอบที่เขาเองน่าจะรู้ว่ามันหมายความอย่างไร
พูดจบฉันก็ไม่รอให้อ้ายกอล์ฟถามอะไรต่อ
รีบใช้กุญแจไขเปิดประตูกลับเข้าของตัวเองทันทีด้วยความกลัว
ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะถูกเขาพูดจาไม่ดีใส่หรือทำร้ายอย่างที่ผ่านมา แต่กลัว..
กลัวว่าคำพูดที่อ้ายกอล์ฟเอ่ยออกมาหลังจากนั้นจะทำให้ฉันรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาอีก
ทั้งที่หนีความรู้สึกเหล่านั้นกลับเข้ามาในห้องพักแท้ๆ แต่ดูเหมือนความรู้สึกที่มีกลับไม่ยอมหายไปไหน ที่แย่ก็คือเหมือนมันจะยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อภาพความทรงจำในหัวหวนนึกถึงภาพของผู้ชายใจดีที่เข้ามาช่วยเอาไว้ตอนเกิดอุบัติเหตุ
ทั้งสีหน้าและแววตาของเขาบ่งบอกถึงความใจดี
แม้ว่าคำพูดที่ใช้จะโผงผางและผ่าซากไปบ้าง หากแต่ฉันกลับจำได้ทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเรือนผมสีธรรมชาติ นัยน์ตา ริมฝีปาก คิ้ว และจมูก ไม่ว่าจะมองมุมไหน มันก็ยิ่งตอกย้ำว่า
เขาน่ะคือผู้ชายคนเดียวกับอ้ายกอล์ฟจริงๆ...
พอนึกเรื่องเก่าๆขึ้นมา
ภาพของใครอีกคนที่เหมือนกันกับอ้ายกอล์ฟในอดีตก็ลอยแว๊บเข้ามา
พานให้ต้องรีบเปิดกระเป๋าสะพายออก
เพื่อเปิดเช็กข้อความเผื่อว่าข้อมีข้อความหรือสายที่ไม่ได้รับ
แต่แล้วก็ต้องพบกับความผิดหวังซ้ำๆ
เหมือนทุกที เมื่อไม่มีสายหรือข้อความจากใครส่งเข้ามาเลยแม้แต่ฉบับเดียว
พริก :: วันนี้หนูออกไปธุระนะคะ
ข้อความสุดท้ายที่ฉันส่งไปหาเขาก่อนออกไปข้างนอกวันนี้
ยังไม่ถูกเจ้าของเครื่องเปิดอ่านด้วยซ้ำ ถึงอย่างนั้นปลายนิ้วก็ยังคงพิมพ์บอกถึงความเคลื่อนไหวที่ฉันอยากให้เขารับรู้
พริก :: หนูกลับหอแล้วนะ
ไม่รู้เพราะวันนี้ฉันอยู่กับอ้ายกอล์ฟมาตลอดทั้งวันหรือเปล่า มันเลยทำให้สิ่งที่อยู่ในตอนนี้มีแต่เรื่องของเขา อีกทั้งฉันเองก็รู้แล้วว่าการคบกันระหว่างฉันกับอ้ายก็อตคือเรื่องที่ฉันเข้าใจผิด
แต่เพราะเลือกรักไปแล้ว
สิ่งที่ทำได้คือการอยู่กับคนให้ความรู้สึกที่ดีกลับมาด้วยความรักอย่างซื่อตรงและเชื่อมั่น
ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกขัดใจอยู่ดี
ฉันพาตัวเองมายังเตียงนอน
ก่อนทิ้งตัวลงสู่ความนุ่มโดยปล่อยความเหนื่อยล้าที่มีมาตลอดทั้งวันให้จางหาย
หากแต่นั่นไม่ใช่กับความคิดซึ่งยังคงทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน
‘ตั๋วก็เฮียนที่นี่เหมือนกันก่อ?’ มันคือเสียงของฉันที่เอ่ยขึ้นด้วยความตกใจเคล้าความดีใจและคำตอบจากปากของคนที่ถูกถาม
‘ใช่ ดีจัง
ในที่สุดเราก็ได้เจอกันอีก’
‘ตั๋วชื่ออะหยัง?
เฮาชื่อพริกเน้อ’ หากแต่ภาพความทรงจำดีๆซึ่งเคยเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจในตอนนั้น
ยามนี้กลับเริ่มให้ความรู้สึกที่ต่างไป กลายเป็นความเคลือบแคลงและสงสัย
โดยเฉพาะกับประโยคต่อมา
‘พี่ชื่อก็อตค่ะ ยินดีที่รู้จักนะ’ ถ้าหากว่าผู้ชายที่เข้ามาช่วยชีวิตฉันจากอุบัติเป็นอ้ายกอล์ฟ
แล้วทำไมล่ะ...
ทำไมอ้ายก็อตที่ไม่รู้เรื่องนี้ถึงสามารถพูดทุกอย่างได้ราวกับเราเคยเจอกันมาก่อน
ซึ่งหากเขาไม่พูดอะไรแบบนั้นออกมาล่ะก็
บางทีฉันอาจจะเอะใจสักนิดว่าบางทีเขาอาจจะลืมหรือว่าอาจจะรู้สึกได้ว่าเป็นคนละคนกัน
‘แล้วถ้าคนที่ทำให้พริกมาเรียนที่มหา’ลัยดีๆนี้ได้คือพี่ไม่ใช่ไอ้ก็อตล่ะ...พริกจะว่าไง?’ แต่แล้วเสียงพูดคุยในอดีตก็เริ่มเปลี่ยนไป กลับกลายเป็นคำพูดของอ้ายกอล์ฟที่เอ่ยขึ้นในช่วงเวลาปัจจุบัน จนถึงตอนนี้ฉันรู้สึกแปลกๆต่อคำถามนั่น แม้ว่าเวลาจะผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม
แปลกต่อคำถามที่ฉันไม่เข้าใจความหมายจนรู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวว่า ถ้าหากคนที่คุยกับฉันมาตลอดเป็นอ้ายกอล์ฟไม่ใช่อ้ายก็อตที่นอนป่วยขึ้นมาจริงๆล่ะ ฉันจะทำยังไง...
กึก! ตึง!!
แต่แล้วท่ามกลางความมืดและเงียบภายในห้องพักกลับถูกทำลายลงด้วยเสียงโครมครามจากห้องข้างๆ
จนเผลอขยับตัวลุกขึ้นจากที่นอนในท่านั่งด้วยความตกใจ
“...เลิกพูดถึงมันสักทีได้ไหม?..ทำไมเธอถึงได้น่ารำคาญขนาดนี้!?”
ตอนนั้นเองหูทั้งสองข้างก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่มห้องข้างกำลังโวยวายเสียงดังคล้ายกับกำลังคุยกับใครอยู่ จากเสียงของอ้ายกอล์ฟซึ่งฟังดูเกรี้ยวกราดและจริงจัง มันทำให้คนข้างห้องที่ได้ยินใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวโดยเฉพาะกับประโยคหลัง
“...อย่าคิดจะทำอะไรโง่ๆ...ไม่งั้นฉันฆ่าเธอแน่ชมพู!”
ร่างกายตอบสนองเสียงสนทนาของคนข้างห้องด้วยการรีบผละตัวลุกออกจากเตียง
เดินไปตรงไปยังประตูระเบียบอย่าเงียบ
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายเหมือนกันที่เสียงเลื่อนกระแทกประตูระเบียงจากห้องข้างๆก็ดังขึ้นแทบจะพร้อมกันกับที่ฉันพาตัวเองไปยืนอยู่ในจุดนั้นได้สำเร็จ
“…ผู้หญิงอย่างเธอมีสิทธิ์จะพูดอะไรด้วยหรือไง?...อย่าโง่ไปหน่อยเลย..”
แม้ไม่ได้มองแต่จากลักษณะการพูดของอ้ายกอล์ฟ
มันก็พอทำให้รับรู้ได้ว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์กับอยู่
แถมคู่สายที่เขากำลังต่อว่าอย่างไม่ไว้หน้านั้นก็ดูจะเป็นพี่ชมพูเสียด้วย
“คนที่พยายามทำให้คนอื่นเลิกกัน...ตั้งใจทำให้ยัยนั่นเสียใจ..ไม่ควรจะได้รับการพูดดีจากใครก็ตาม”
คนที่พยายามทำให้คนอื่นเลิกกัน พี่ชมพูน่ะเหรอ...
“...วันหลังไม่ต้องเสนอหน้าไปที่นั่นอีก..แล้วก็...อยู่ให้ห่างจากพริกไว้..ถ้าเธอเข้าใกล้หรือแตะต้องยัยนั่นอีกเมื่อไหร่...เดี๋ยวเราเห็นดีกัน”
ฉันยืนอยู่ตรงนั้นแอบฟังบทสนทนาของผู้ชายข้างห้องอย่างเสียมารยาท
จนกระทั่งเสียงดุดันแบบเอาจริงเอาจังเงียบลง
แม้จะประติดประต่อเรื่องราวจากบทสนทนาที่แอบฟังได้ไม่ถนัดนัก แต่อย่างน้อยฉันก็ยังพอจับใจความได้อยู่บ้าง
หนึ่งเลยก็คืออ้ายกอล์ฟดูท่าจะไม่ค่อยพี่ชมพูเท่าไหร่ บวกกับทุกการกระทำที่เขาเคยปฏิบัติใส่ต่อเธอแล้วแทบจะเรียกว่าเกลียดขี้หน้าเลยก็ว่าได้ สองอ้ายกอล์ฟดูเหมือนไม่ต้องการให้พี่ชมพุเข้าใกล้ฉันนัก ถ้าจำไม่ผิดดูอ้ายกอล์ฟจะเคยปัดมือเธอที่พยายามจะช่วยพาฉันไปที่โต๊ะลงทะเบียนด้วย
และสามพี่ชมพูต้องการทำให้ใครสักคนเลิกกัน...
ผู้หญิงที่ดูอ่อนหวาน น่ารักอย่างพี่ชมพูน่ะเหรอ จะคิดทำอะไรแบบนั้นได้
ไม่มีทางหรอก...
วันต่อมา...
วันนี้ฉันตื่นและรีบพาตัวเองออกจากหอพักแต่เช้าตรู่
การเดินผ่านเส้นทางของซอยหอพักในช่วงเช้าของทุกวัน มันทำให้ฉันรู้ว่า
ห่างจากซอยไปเพียงเล็กน้อยมีตลาดสดที่เปิดขายของตั้งแต่ช่วงตี4-ตี5 อยู่ด้วย
และการออกจากหอแต่เช้าแบบนี้ก็เพราะสถานที่ฉันต้องการจะไปคือตลาดสดนั่นไง
ข้าวสวยร้อนๆ กับแกงหนึ่งถุง พร้อมด้วยน้ำเปล่าหนึ่งขวด ถูกฉันเจียดเงินที่มีอยู่ที่ตัวซื้อเอาไว้เพื่อใส่บาตรกับพระสงฆ์ที่เดินบิณฑบาตอยู่ภายในตลาด
ไม่รู้สิ เพราะที่ผ่านมารู้สึกว่าชีวิตฉันเจอแต่เรื่องแย่ๆล่ะมั้ง
แถมชีวิตนักศึกษาตัวคนเดียวมันก็ไม่ได้สบาย
การจะหาเวลาดีๆออกมาใส่บาตรบ้างมันเลยยาก
แต่ว่าวันนี้เมื่อโอกาสฉันจึงไม่รอช้าที่จะทำมัน
ทำเพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายใจมากกว่าที่เคยอีกทั้งขากลับจะได้แวะซื้อของกินกลับไปด้วย
หลังจากใส่บาตรเสร็จ ฉันก็เดินร่อนอยู่ภายในตลาดสดนั่นล่ะ
ส่วนโซนที่แวะไปเดินแน่นอว่าคงไม่ใช่พวกของสด แต่เลือกเป็นพวกผลไม้
ด้วยเพราะพื้นเพบ้านอยู่บนดอยบนเขา
ร้านค้าหรือพวกขนมกรอบแกรบจึงไม่ค่อยมีขึ้นไปขายมากนัก
ฉันจึงกลายเป็นพวกที่ชอบกินผลไม้ไปโดยปริยาย ชีวิตตอนอยู่ที่บ้านเกิดมันก็ดีเหมือนกันนะ
ไม่ต้องเสียเงินเสียทองซื้อนู้นซื้อนี่ แต่วันหาได้แค่ไหนก็กินมันแค่นั้น
ไม่คิดเหรอว่าการใช้ชีวิตแบบนั้นมันสุขสบายกว่ากันเยอะ...
หลังจากเดินเลือกซื้อของสำหรับตุนไว้บนห้องจนพอใจ เท้าสองข้างจึงพาฉันก้าวเดินออกจากโซนขายของด้านใน ทว่า ยังไปไม่ทันถึงไหน ฉันกลับต้องสะดุดตาเข้าใครคนหนึ่งโดยบังเอิญ
เขาคนนั้นอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำแบบเดียวกับที่ใส่เมื่อวาน
หากแต่กางเกงมีเพียงบ็อกเซอร์ขาสั้นเท่านั้น
และการเจอเขาโดยบังเอิญมันก็ทำให้ฉันไม่รอช้ารีบเดินไปหลบยังบริเวณร้านขายของชำทันที
สิ่งที่อ้ายกอล์ฟทำตอนนี้ดูไม่ค่อยแตกต่างจากฉันเท่าไหร่
เขาซื้อข้าวและแกงหนึ่งถุงและน้ำหนึ่งขวดต่อแถวเตรียมใส่บาตร
ที่ดูไม่ชินตาก็คงเพราะนิสัยร้ายๆที่เขาชอบแสดงออกให้เห็นอยู่ตลอดเวลานั่นล่ะ
มันดูไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมล่ะ ว่าผู้ชายนิสัยแบบนั้นจะเป็นคนธรรมมะธรรมโมใส่บาตรเป็นเหมือนกับคนอื่นเขาด้วยน่ะ
เกือบ 15 นาทีที่ฉันเอาแต่แอบยืนมองอ้ายกอล์ฟจากทางด้านหลังร้านของชำ จนกระทั่งเขาทำธุระของตัวเองจนเสร็จแล้วออกไปจากบริเวณนั้น
เมื่อพบว่าทางตรงหน้าปลอดโปร่งจึงเองก็ไม่รอช้าที่จะพาตัวเองออกไปเช่นกัน
แต่ก่อนจะได้กลับหอพัก อยู่ๆในหัวมันก็ดันคิดอะไรขึ้นมาได้
พลอยให้ต้องเปลี่ยนเป้าหมายของสิ่งที่จะทำอีกครั้งเพื่อร้านๆหนึ่ง
35 นาทีต่อมา...
ช่อดอกไม้สำหรับเยี่ยมผู้ป่วยถูกฉันถือติดมือเดินออกจากตลาด
โดยที่ครั้งนี้เป้าหมายที่จะไปดูเหมือนจะไม่ใช่หอพักเหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก
เพราะระยะห่างระหว่างตลาดและโรงพยาบาลเอกชน A มันไม่ได้อยู่ไกลกันเท่าไหร่
ช่วงเวลาที่ยังมีโอกาสจึงไม่รอช้าที่จะทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้ครบครันภายในวันเดียว
ทันทีที่พาตัวเองมาถึงโรงพยาบาล เท้าทั้งสองข้างก็รีบตรงดิ่งไปยังลิฟต์ จากนั้นก็กดพาตัวเองไปยังชั้นที่เป็นเป้าหมาย
รู้ไหม
ตลอดเวลาที่ยืนรอลิฟต์เคลื่อนขึ้นไปชั้นบน ใจฉันเต้นผิดจังหวะอยู่ตลอดเวลา
เพราะตอนนี้มันเต็มไปด้วยหลายๆความรู้สึก ไม่ว่าจะกลัวพบคนรู้จัก กลัวเจออ้ายกอล์ฟ
หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ไม่คาดฝัน ดังนั้นฉันจึงภาวนาอยู่ในใจตลอดเวลา
ขอให้คนบนฟ้าเห็นใจช่วยบรรดาลให้ทุกอย่างที่ฉันตั้งใจทำในวันนี้สมหวัง
กริ้ง!
เสียงเตือนของลิฟต์ทำฉันพ่นลมหายใจหนักๆออกมาอย่างนึกหวั่นๆ ถึงอย่างนั้นเท้าก็ยังพาตัวเองก้าวออกไปอย่างกล้าหาญบนพื้นที่ของชั้นพักฟื้นผู้ป่วยชั้น 15 รู้ตัวว่าการแอบมาหาอ้ายก็อตที่โรงพยาบาลแบบนี้มันอาจทำให้เจ้าตัวรู้สึกไม่พอใจ
อีกทั้งถ้าหากอ้ายกอล์ฟรู้เขามีหวังเขาทำไม่ดีใส่ฉันเหมือนที่ผ่านมาอีกแน่ๆ
ดังนั้นฉันจึงไม่อยากอยู่ที่นี่นานสักเท่าไหร่
รีบเร่งฝีเท้าตรงไปยังเคาน์เตอร์พยาบาลทันที
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”
เสียงหวานๆของนางพยาบาลเอ่ยถามทันทีที่ฉันพาตัวเองมายืนเก้ๆกังๆอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์
“เอ่อ...คุณจิรกร พักอยู่ห้องไหนเหรอคะ?” เพราะรู้แค่เพียงชั้นที่พักแต่ไม่รู้ห้อง การถามหาห้องด้วยชื่อคนไข้คือทางเดียวที่ฉันจะทำได้
และใช่ค่ะ...จิรกร
คือชื่อของอ้ายก็อต
To Be Continued...
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต #ผู้ชายสายโจร
ความคิดเห็น