คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : GOODIE25 ll เป็นโจรครั้งที่25 {อัพ100%} อุบัติเหตุ
-PRIK TALK-
หลังได้พูดความในใจให้อ้ายกอล์ฟฟังในช่วงเช้า มันทำให้วันนี้ฉันมีสมาธิและมีส่วนร่วมกับกิจกรรมรับน้องมากกว่าทุกวัน
ไม่ใช่เพราะได้พูดความรู้สึก นึก คิด ของตัวเองให้เขาได้ฟังแต่เพียงเท่านั้น แต่เพราะหลายๆเรื่องที่เคยคาใจมันได้ถูกเติมเต็มด้วยคำตอบที่อยากรู้บ้างแล้วต่างหาก และเพราะวันนี้บางอย่างที่เคยทนทุกข์ได้ถูกคลายออกไปบางแล้ว มันเลยทำให้ฉันที่มักทำตัวเหมือนศพเดินได้ในทุกวันที่มามหาวิทยาลัยถูกสายตาเฉียบขาดของใครคนหนึ่งจับได้
“แหม...วันนี้ดูสดใสขึ้นเยอะนะเธอเนี่ย” ถึงได้ส่งเสียงเล็กแหลมเอ่ยทักในช่วงที่เธอสบโอกาส
“ระ เหรอคะ?”
“ใช่
ก็ปกติเธอชอบทำตัวซึมๆเหมือนญาติเสียตลอดเวลานี่ วันนี้เลยดูขัดตาฉันนิดหน่อย”
พี่แอลพูดยิ้มๆแกมเหน็บแนบ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็รู้สึกได้ว่ารังสีอาฆาตเหมือนนางร้ายละครหลังข่าวของเธอมันไม่ได้เกิดขึ้นตอนอยู่กับฉันอีกต่อไปแล้ว
“สรุปแล้วไอ้ที่สดใสขึ้นเนี่ย มีอะไรดีๆเกิดขึ้นเหรอ เล่าสิ!”
พี่แอลยังคงเป็นพี่แอล
อยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกเรื่อง ตอนแรกฉันก็รู้สึกรำคาญเธออยู่เหมือนกันนะ
แต่พอมาลองคิดๆ ดูแล้ว นอกจากพี่แอลแล้ว
คนที่จะพูดคุยกับฉันจริงๆอย่างเป็นกันเองภายในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็คงมีแค่เธอคนเดียวนั่นแหละ
“หนูเจออ้ายซีตัวเป็นๆมาเมื่อวานนี้ค่ะ…” เพราะฉันมีแค่เธอเท่านั้นที่คอยพูดคุยเป็นเพื่อน
ปากจึงยอมขยับเล่าเรื่องของตัวเองให้เธอฟังได้อย่างไม่ต้องคิด
“เธอโทรไปหาเขาเหรอ!?”
“อื้อ...”
“แล้วไงต่อ เล่าๆ...”
และอดรู้สึกขอบคุณเธอนิสัยอยากรู้อยากเห็นของเธอไม่ได้
ที่ทำให้ฉันลดความเหงาของตัวเองในบางช่วงเวลาลงได้บ้าง
รู้ไหมวันนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกนับตั้งอยู่ในเมืองกรุง ว่าเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันมันรวดเร็วจนน่าใจหาย
เหมือนกับว่าเพียงกะพริบตาเท่านั้น
ภาพของกิจกรรมรับน้องที่เพิ่งเริ่มก็จบลงไปพร้อมกับท้องฟ้าที่เริ่มฉาบสีอ่อนในยามเช้าซึ่งเวลานี้ถูกฉาบด้วยส้มนวลในช่วงเย็น
เมื่อกิจกรรมทั้งหมดจบลง
ฉันที่ไม่มีเพื่อนเหมือนอย่างคนอื่นเขา ก็รีบเก็บข้าวของของตัวเองตรงกลับหอพักพักทันที
แม้ลึกๆ ฉันเองก็อยากลองไปไหนมาไหนไกลๆ นอกจากหอพักกับมหาวิทยาลัยบ้างก็ตาม
ปี๊บ! ปี๊บ!
อ้ายก็อต :: วันนี้มีคนถ่ายรูปพริกตอนรับน้องมาให้พี่ดูด้วย
อ้ายก็อต :: ได้แนบไฟล์ภาพ
ระหว่างเดินเท้ากลับบ้าน
มือก็วุ่นอยู่กับการตอบข้อความของอ้ายก็อตไปด้วย
วันนี้เขาไม่ได้หายไปทั้งวันเหมือนอย่างเมื่อวาน
แต่เริ่มเป็นฝ่ายทักข้อความเข้ามาพูดคุยด้วยตั้งแต่ช่วงบ่าย
จนถึงตอนนี้เราก็ยังคุยกันอยู่
พริก :: น่าอายจะตาย
พริก :: ใครเป็นคนถ่ายให้พี่คะ!?
อ้ายก็อต :: ไอ้กอล์ฟเป็นคนถ่ายให้พี่ค่ะ
แต่คนที่เป็นฝ่ายหายหน้าหายตาไปตลอดทั้งวันน่ะมันคืออ้ายกอล์ฟต่างหาก
และพอนึกถึงผู้ชายใจร้ายคนนั้นขึ้นมาได้
ภาพที่อยู่ในหัวก็คงเป็นท่าทางนิ่งสนิทที่เขายืนอยู่ในลิฟต์ตอนเช้าหลังฉันพูดความในใจออกไปนั่นล่ะ
ไม่ได้การแล้ว ฉันไม่ควรจะคิดถึงเรื่องของผู้ชายคนนั้นสักหน่อย
เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า...
พริก :: วันนี้อ้ายก็อตดีขึ้นบ้างไหมคะ?
อ้ายก็อต :: สบายมากค่ะ
พอได้คุยกับพริกพี่ก็รู้สึกตัวเองแข็งแรงขึ้นมาเลย!
พริก :: อ้ายก็อตป่วยเป็นอะไรเหรอคะ
ทำไมถึงต้องนอนโรงพยาบาล
ฉันเม้มปากเล็กน้อยเมื่อเห็นข้อความของตัวเองปรากฏอยู่บนหน้าจอ ไม่รู้ว่ามันสมควรหรือเปล่าที่พิมพ์ถามเขาไปแบบนี้
แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ก็คนมันเป็นห่วงนี่!
เกือบๆ 10 นาทีเห็นจะได้ที่คนถูกถามเงียบไปไม่ตอบอะไรกลับมา ซึ่งฉันคิดว่าบางทีเขาอาจไม่อยากบอกให้ฉันรู้ก็ได้ ถึงได้เงียบไปแบบนี้
ทั้งที่คิดแบบนั้น แต่เหมือนว่าครั้งนี้ฉันจะคิด
เมื่อจู่ๆเสียงเตือนข้อความที่เงียบไปดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับคำตอบที่สร้างความความช็อกให้กับคนอ่าน
อ้ายก็อต :: พี่เป็นโรคมะเร็งค่ะ
และการได้รับคำตอบกลับมามันก็กลายเป็นฉันเสียเองที่นิ่งไป
พร้อมกับมือสองข้างที่เริ่มสั่นจนเหมือนจะควบคุมไม่อยู่
และการที่ฉันเงียบไปมันเลยทำให้อีกฝ่ายนั่นแหละรัวข้อความกลับมาอย่างรู้สึกผิด
อ้ายก็อต :: ขอโทษนะคะที่พี่ไม่เคยบอก
อ้ายก็อต :: พริกโกรธพี่หรือเปล่า
พริก :: ไม่โกรธค่ะ
เชื่อไหมว่ากว่าฉันจะพิมพ์ประโยคสั้นๆส่งไปให้เขาได้นั้น
มันช่างดูยากเย็นเหลือเกิน
ฉันกำลังช็อกและรู้สึกตกใจมากที่ได้รู้ถึงที่สิ่งที่อ้ายก็อตกำลังเป็น หรือว่า
เมื่อคืนที่จู่ๆเขาร้องไห้ออกมาแบบนั้น มันเพราะเรื่องโรคที่เขากำลังเผชิญอยู่...
พริก :: ให้หนู...ไปเยี่ยมได้หรือเปล่า
พริก :: โรงพยาบาลอยู่ใกล้มหา’ลัยแค่นี้เอง
พริก :: ให้หนูไปหานะคะ
เพราะคิดได้แบบนั้น
ความเป็นห่วงที่เคยมีจึงมีมากขึ้นกว่าที่เคย พานให้ปลายนิ้วสั่นๆรัวข้อความร้องขอออกไปแบบนี้
ทว่า
อ้ายก็อต :: ไม่ต้องมาหรอกค่ะ
เขากลับปฏิเสธ...
อ้ายก็อต :: สภาพพี่ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะเจอพริกหรอก
พริก :: แต่หนูเป็นห่วงอ้ายก็อตจริงๆนะ
ให้หนูไปเถอะ
แม้จะถูกปฏิเสธ
ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะร้องขอออกไปอยู่ดี ต่อให้จะรู้คำตอบที่อีกฝ่ายจะพิมพ์กลับมาก็ตามที
อ้ายก็อต :: เอาไว้ตอนที่พี่พร้อม เราค่อยออกมาเจอกันได้ไหมคะ?
ข้อความบ้าๆ
ที่เขาใช้ตอบกลับมา มันกำลังให้ฉันที่เป็นห่วงชักเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา
และอดคิดไม่ได้ว่ามันสำคัญตรงไหนที่ว่าจะพร้อมหรือไม่พร้อมที่จะเจอ ในเมื่อฉันต้องการที่จะไปเยี่ยมเขา
ต่อให้อ้ายก็อตอยู่ในสภาพในฉันก็อยากเจออยู่ดีนั่นล่ะ!
ในเมื่อการร้องขอผ่านทางข้อความมันดูจะยืดยาวและผลที่ได้รับจากความพยายามมีแต่การถูกปฏิเสธ ที่ฉันเลือกทำจึงเป็นการหยุดพิมพ์ข้อความโต้ตอบ รีบเก็บโทรศัพท์มือใส่กระเป๋าผ้าก่อนเริ่มก้าวเดินอีกครั้ง
โดยครั้งนี้เป้าหมายที่ฉันต้องการพาตัวเองไปน่ะ ไม่ใช่หอพักสำหรับอาศัย
แต่ว่าเป็นโรงพยาบาลเอกชนA ซึ่งอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยไม่ถึงโลฯต่างหาก
ตึก.. ตึก… ตึก...
เท้าที่เคยก้าวเดินไปบนฟุตบาธอย่างเชื่องช้า
กลับค่อยๆเร่งจังหวะการก้าวไวขึ้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่งในที่สุด
ตึก! ตึก! ตึก!
ตลอดเวลาที่เท้าวิ่งจ้ำไปตามเส้นทางตรงหน้า ฉันได้ยินเพียงแค่เสียงหอบหายใจและเสียงหัวใจของตัวเองเท่านั้นที่ดังอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
แม้จะรู้สึกเหนื่อยถึงอย่างนั้น
ขาที่เริ่มอ่อนล้าก็ยังไม่ยอมหยุดเร่งความเร็วลงอยู่ดี ขณะที่เสียงหัวใจของฉันรัวกระหน่ำเพราะความเหนื่อยให้ได้ยินไม่หยุด
จังหวะเดียวกันนั้นหูก้เริ่มรับรู้และได้ยินเสียงอื่นแทรกเข้ามาด้วยเช่นกัน
บรื้นนนน
มันคือเสียงเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่ดังกระหึ่มไปทั่วพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัย บ่งบอกถึงความรีบร้อนของผู้ที่กำลังควบคุมเครื่องยนต์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญยิ่งเท้าฉันวิ่งก้าวไปข้างหน้าเร็วเท่าไหร่
เสียงเครื่องยนต์ดังกล่าวก็ดูจะดังใกล้เข้ามามากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่ง เบื้องหน้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันพลันให้เท้าที่วิ่งมาครู่ใหญ่จำต้องหยุดลง
บรื้นนนน
บรื้นนนน
เอี๊ยดดดดดด
โครมม!!
เมื่อรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งขับมาอย่างรวดเร็วจากอีกฟากของถนนภายในมหาวิทยาลัยหัดเลี้ยวหลบรถเก๋งคันใหญ่ที่เลี้ยวมาด้วยความไวไม่แพ้กัน
จนกลิ้งกระเด็นครูดไปบนพื้นถนนอย่างแรง
พานให้เหล่านักศึกษาและอาจารย์ซึ่งอยู่บริเวณโดยรอบรีบกรูกันเข้าไปดูอาการของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
ฉันเองซึ่งเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ แม้จะรุ้สึกตกใจกับภาพอุบัติเหตุเล็กๆตรงหน้า แต่เพราะฉันมีสิ่งที่ต้องการจะทำค้างคาอยู่ นั่นเลยทำให้เท้าที่เผลอหยุดชะงักไปเพราะความตกใจเริ่มก้าวไปข้างหน้าอีกครั้งเพื่อทำตามเป้าหมาย
ทว่า...
“พะ...พริก!!!”
เสียงของใครคนหนึ่งที่ตะโกนเรียกชื่อฉันออกมาอย่างสุดเสียงท่ามกลางกลุ่มคน
กลับทำให้เท้าที่ตั้งท่าจะก้าวหยุดลงเป็นหนที่สอง รีบหันขวับมองไปยังต้นเสียงทันทีด้วยความตกใจปนสงสัย
ก่อนต้องทำตาโตเมื่อเสียงเรียกดังกล่าวมันไม่ได้อยู่ไกลตัวเลยสักนิด
แต่มันดังมาจากกลางกลุ่มนักศึกษาและอาจารย์ที่ยืนล้อมเหตุการณ์น่าตกใจก่อนหน้าเอาไว้นั่นแหละ
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเขียวสด
ในชุดเสื้อยืดสีทึบถูกสวมทับด้วยเสื้อช็อปสีเลือดหมูในสภาพที่เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นและบาดแผลจากรถล้มค่อยๆ
หยัดตัวลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนเริ่มประคับประคองร่างกายบอบช้ำเดินแทรกผ่านผู้คนตรงมาทางฉัน
เหมือนไม่สนใจสภาพของตัวเอง ผู้คนรอบตัว รถที่ล้มอยู่บนถนน หรือแม้แต่คู่กรณีที่น่าจะมีความผิด
นัยน์ตาคมที่คนตัวสูงมักใช้ข่มขู่กำลังจับจ้องมายังฉันราวกับเป็นสิ่งเดียวที่เขาเห็น
ก่อนหยุดเท้าลงเมื่อระยะห่างระหว่างเราอยู่ไกลกันเพียงแค่ช่วงแขน
ซึ่งนั่นตามมาด้วยคำถามผ่านน้ำเสียงบอกถึงความเจ็บปวดทางร่างกาย
“จะ..อึก...จะไปไหน…”
To Be Continued...
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต #ผู้ชายสายโจร
ความคิดเห็น