ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOODIE RETURN ll ผู้ร้ายสวมรอยรัก

    ลำดับตอนที่ #20 : GOODIE19 ll เป็นโจรครั้งที่19 {อัพ100%} เรื่องผิดพลาด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.71K
      13
      19 ธ.ค. 60



    EP19
    -เป็นโจรครั้งที่19-



    สัจจะไม่มีในหมู่โจร...เคยได้ยินป่ะ?”

    คำพูดประโยคดังกล่าวทำฉันเบิกตากว้าง แต่ยังไม่ทันได้เริ่มตั้งสติเพื่อจะทำอะไร คนตัวสูงที่มีพละกำลังเหนือกว่า ก็จัดการทิ้งน้ำหนักตัวเองลงกับเตียงนอนโดยยังคงกอดก่ายตัวฉันเอาไว้แบบนั้น

    ฟึ่บ! ตุบ!

    อะ... สภาพที่ตกเป็นรองและถูกกักขังอิสรภาพด้วยอ้อมกอด ได้แต่นอนทำตาโต ร่างกายทุกส่วนแข็งทื่อเป็นก้อนหินยิ่งเมื่ออีกฝ่ายกอดกระชับรวบตัวฉันให้แน่นมากยิ่งขึ้นไปอีก

    เฮือก!” อีกครั้งที่ผู้ร้ายจงใจปลุกปั่นความรู้สึกของฉันจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ลมหายร้อนๆ ถูกเป่ารถลงบริเวณต้นคอด้านหลัง

    “ทำไมตัวพริกหอมจัง…” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นพานให้ใจสั่นอย่างห้ามไม่ได้ จำต้องหาทางทำอะไรสักอย่างให้ตัวเองหลุดออกจากสถานการณ์แบบนี้สักที

    อ้ายกอล์ฟ! ปล่อยหนูนะ!” ฉันพยายามดิ้นขลุกขลักอยู่ภายในอ้อมกอดอุ่น พลางใช้มือตบตีและกดจิกเล็บไปตามแขนแกร่งเพื่อหวังให้ตัวเองเป็นอิสระ แต่ว่าสิ่งที่ฉันได้กลับมาคืออ้อมกอดอุ่นที่กอดกระชับแน่นยิ่งขึ้นกว่าเก่าราวกับอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกเจ็บยามถูกต่อต้าน พร้อมด้วยคำพูดยียวนชวนทะเลาะ

    เรานี่มันขี้โวยวายจริงๆ เคยเงียบปากบ้างไหมเวลาอยู่กับผู้ชายอ่ะ!?”

    อ้ายกอล์ฟก็ปล่อยหนูก่อนสิ!” แน่นอนว่าฉันตอบเขากลับไปแบบไม่ต้องคิด แต่ถามว่ามันช่วยให้เขายอมผ่อนแรงกอดรัดลงไหม ก็ไม่ เพราะคนเอาแต่ใจยังแสดงความต้องการของตัวเองออกมาไม่หยุด...

    กอดนิดกอดหน่อยไม่ได้เลยไง?” ทว่า ครั้งนี้เสียงของเขาไม่ได้แสดงความเอาแต่ใจหรือให้ความรู้สึกว่าเขาพายามข่มเหงความรู้สึกของฉันแต่อย่างใด และนั่นก็ตามมาพร้อมอ้อมกอดที่กระชับแน่นยิ่งกว่าครั้งไหนเหมือนกับกลัวว่าฉันจะหายไป

    อะ…” สิ่งที่ทำให้ฉันเริ่มใจสั่นในเวลานี้ ไม่ใช่อ้อมกอดอุ่นที่เหมือนแสดงความเป็นเจ้าของตลอดเวลา หรือลมหายใจร้อนๆ ที่เขาจงใจเป่ารดลงมาบริเวณต้นคอหรอกนะ หากแต่เป็นคำพูดที่เขาพึมพำออกมาแบบไม่จงใจให้ฉันได้ยินต่างหาก

    แค่อยากกอดทดแทนเวลาที่เคยใช้คิดถึงก็เท่านั้นเอง...” เพียงแค่คำพูดประโยคนั้นนั่นแหละ มันก็กลับทำให้ร่างกายที่เคยขัดขืนและต่อต้านนิ่งชะงักลงได้อย่างไร้เหตุผล ต่อให้คนตัวใหญ่จะเริ่มกอดกระชับร่างกายแน่นขึ้นจนรู้สึกอึดอัดก็ตาม

    พี่รักพริกนะ อีกครั้งที่หัวใจฉันเริ่มสั่นเมื่อในหัวผุดคำพูดหนึ่งขึ้นมา ทำให้ต้องหลับตาปี๋นอนนิ่งๆ อยู่ในท่านั้นเพื่อที่จะหยุดทุกความคิดในหัวให้สงบลง แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเลย เพราะยิ่งพยายามหยุดคิด สมองก็ยิ่งทำงานมากขึ้น

    ทำไมไม่หัดระวังตัวบ้างถ้าเป็นไรไปจะทำยังไง…’ ความคิดเหมือนกับกำลังคิดการกบฏ หวนนึกถึงความละมุนละไม ใจดีที่ผู้ชายคนนี้เคยมอบให้เหมือนหลายวันก่อน  

    แววตาที่มองด้วยความเป็นห่วง น้ำเสียงใจดีกับฝ่ามือที่กำลังทำแผลให้ ล้วนแล้วแตกต่างไปจากอ้ายกอล์ฟคนเดิมที่ฉันเข้าใจ และการที่คิดถึงภาพความทรงจำเหล่านั้น มันก็พานให้นึกถึงเรื่องเก่าๆ

    คนกรุงขี้จุ๊ เชื่อถือไม่ได้! มันคือคำพูดของฉันเอ่ยใส่คนในสาย ส่วนประโยคที่ตามมาก็คงเป็น

    ถ้าคนกรุงเชื่อไม่ได้ก็เชื่อใจพี่แค่คนเดียว ตกลงไหม?’

    อ้ายก็อตจะหลอกให้หนูไปเรียนที่เมืองกรุงใช่ก่อ?’

    ใช่ที่ไหนล่ะ ที่อยากให้มาเพราะพี่ไม่อยากคิดถึงพริกแล้วต่างหากและจำได้ดี ว่าเขาเคยพูดเอาไว้แบบไหน ‘ถ้าได้เจอพริกเมื่อไหร่...พี่จะกอดทดแทนเวลาที่เคยใช้คิดถึงเลยคอยดู!’

    คล้ายกันไปหมด...ทุกคำพูดและความรู้สึกที่ฉันกำลังได้รับจากอ้ายกอล์ฟตอนนี้

    “พริก...” อีกครั้งที่เสียงเรียกถูกเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบและเสียงหัวใจที่กำลังเต้นผิดจังหวะ ฉันสะดุ้งจากความคิดเพื่อดึงตัวเองกลับเข้าสู่สถานการณ์ปัจจุบัน  แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไรเขากลับไป อ้ายกอล์ฟก็เป็นฝ่ายพูดออกมาเอง ขอกอดแบบนี้อีกสักพักนะ คิดถึง…”

    ไม่ใช่แค่พูด แต่อ้ายกอล์ฟยังแสดงการกระทำตามน้ำคำที่เอ่ยขอด้วยการกอดจนแน่น และมันแน่นมากเหมือนว่าอีกฝ่ายพยายามแสดงความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีผ่านทางอ้อมกอดนี้

    ฉันน่ะเป็นคนซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองมากนะ ฉันตั้งมั่นและตั้งใจว่าชีวิตฉันจะมีแค่รักเดียวกับผู้ชายที่ทำให้ฉันรู้สึกตกหลุมรักได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบเห็น พยายามทำทุกอย่าง ทำทุกทางเพื่อที่จะทำให้ความรักของเราราบรื่น แม้ว่าส่งที่รอคอยอยู่มันจะไม่ใช่ทางราบเรียบแต่เต็มไปด้วยพื้นผิวขรุขระก็ตาม

    เพราะตั้งเป้าเอาไว้แล้วฉันจึงทนเพื่อที่จะผ่านมันไปให้ได้ แต่ว่าในตอนนี้ทุกอย่างมันกลับตีวนกันวุ่นวายไปหมด

    พี่ชื่อกอล์ฟค่ะ เป็นพี่ชายฝาแฝดของไอ้ก็อต ฝากตัวด้วยนะคะ’ คำพูดของอ้ายกอล์ฟในวันนั้น มันทำให้ฉันต้องพลิกความคิด ทบทวนความทรงจำและความรู้สึกของตัวเองใหม่ทั้งหมด

    เรื่องไอ้ก็อตเนี่ย ดูรีบร้อนเหลือเกินนะ… ที่เรื่องของพี่ชาติกว่า ก็ยังช้าเป็นเต่าคลาน’ ต่อให้ฉันจะไม่เข้าใจความหมายในบางประโยค แต่หลายๆ สิ่งที่อ้ายกอล์ฟพูดและแสดงออกมามันกลับตรงกับความทรงจำที่ฉันรอคอย

    ไหนว่าถ้าได้เจอกันอีก พริกจะจำพี่ได้ไง?’ คำถามที่เหมือนเขาพยายามจะทวงถามคำสัญญาระหว่างเรา มันทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของตัวเองทุกครั้งอย่างไร้เหตุผล อาจเพราะตลอดความทรงจำ 6 ปีที่ผ่านมา ฉันเองคือคนที่เอ่ยประโยคนั้นออกไป

    ต่อให้เฮาบ่ฮู้ว่าตั๋วเป็นไผ แต่เฮามั่นใจว่า ถ้ามีโอกาสได้เจอตั๋วอีก เฮาต้องจำตั๋วได้แน่นอน!’ ความอบอุ่นจากอ้อมกอดที่คนตัวใหญ่มอบให้ ทำให้ในหัวฉันว่างเปล่าไปหมด ความคิดตกอยู่ในสถานะเรื่อยเปื่อยไม่หยุด ซึ่งทุกความคิดล้วนแล้วแต่เป็นการทบทวนทั้งสิ้น

    และฉันกำลังเริ่มรู้สึกมั่นใจมากกว่าเก่าว่า ความจริงแล้วคนที่ฉันเจอตั้งแต่วันแรก

    อาจจะเป็นเขามากกว่าเป็นอ้ายก็อตจริงๆ...

    ฟึ่บ

    อ้อมกอดอ้ายกอล์ฟซึ่งขยับกระชับเข้าใส่อีกครั้ง ทำฉันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ บริเวณต้นคอด้านหลังรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดลงมา มันใกล้มากเหมือนกับว่าอีกฝ่ายกำลังซุกใบหน้าแนบลงมายังไงอย่างงั้น

    พริก…” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นแผ่วเบา ก่อนตามมาด้วยสัมผัสเบาๆ จากริมฝีปากที่จรดแตะลงมาบริเวณต้นคอแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

    อ๊ะ!” และนั่นเลยเป็นอีกครั้งที่ฉันพยายามดิ้นหลังจากชะงักนิ่งไปครู่ใหญ่ “อ้ายกอล์ฟยะอะหยังเจ้า!?”

    ตอนแรกก็แค่อยากกอด…” เขาพ่นคำตอบสั้นๆ พลางเลื่อนฝ่ามือข้างหนึ่งที่โอบรัดกายฉันลงต่ำไปที่ชายกระโปรง ก่อนจะย้ำคำพูดสั้นๆ อีกครั้ง “แต่ตอนนี้อยากอย่างอื่น…”

    คำพูดของอ้ายกอล์ฟทำใจคนฟังกระตุกวูบหล่นไปกองอยู่บริเวณตาตุ่มได้โดยไม่ยาก ยิ่งด้วยคนฟังตกอยู่ในสภาพหมิ่นเหม่แถมยังดูเสียเปรียบกว่าด้วยแล้ว เรียกว่าทุกวลีที่เขาเอ่ยแทบทำให้คนฟังหยุดหายใจหลังได้ฟังไปเลยถึงจะถูก...

    เขากำลังแกล้งฉันอีกแล้ว แต่ครั้งนี้แกล้งกันเกินไป

    อยะ อย่ายะอะหยังบ้าๆเน้อ ไม่งั้นหนูร้องจริงๆด้วย!” แม้จะรู้ แต่ปากน่ะพยายามห้ามปรามเขา ทั้งที่รู้ว่าตัวเองเสียเปรียบมากกว่าเป็นไหนๆ

    ร่างกายซึ่งถูกโอบกอด รวบรัดไว้แน่นราวกับกลัวว่าฉันจะหนีไปไหน อีกทั้งน้ำหนักกายที่คนตัวใหญ่กดทับลงมา จนใบหน้าแนบลงกับเตียงนอนนุ่มๆ 

    ไม่ว่าจะพยายามขัดขืนหรือห้ามปรามอย่างไร คนที่แพ้ก็คงมีแค่ฉันเท่านั้น เมื่อเสียงร้องปรามที่เปล่งตะโกนออกมา ไม่ได้ช่วยฝ่ามือร้อนของอ้ายกอล์ฟที่ยามนี้กำลังลูบไปไปตามเนื้ออ่อนภายใต้กระโปรงนักศึกษาเลยสักนิด มิหนำซ้ำคนใจร้ายและเอาแต่ใจอย่าที่สุดยังเอ่ยปากท้าทายขึ้นอีกราวกับไม่เกรงกลัวอะไร

    อยากร้องก็ร้อง พี่เองก็อยาก...” เสียงเข้มเอาแต่ใจขาดลงชั่วขณะหนึ่ง หากแต่ขณะเดียวกัน มันเป็นฉันเองนั่นแหละที่กระตุกวูบไปทั้งกายเมื่อสัมผัสจาบจ้วงจากปลายนิ้วของอีกฝ่ายเกี่ยวผ่านขอบแพนตี้ภายใต้กระโปรงนักศึกษาอย่างถือดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคำพูดต่อมา อยากฟังเสียงเราตอนตกเป็นของพี่เหมือนกัน”

    อ้ายกอล์ฟไม่ใช่แค่พูดขู่เท่านั้น แต่เขายังฉวยโอกาสในช่วงเดียวกันนั้นทิ้งน้ำหนักตัวเททับกายเข้าใส่ในลักษณะใช้ร่างกายคร่อมทับร่างกายฉันไว้ กดตรึงทุกส่วนของร่างกายราวกับตอกติดให้จมหายไปกับที่นอนนุ่มๆ และเพิ่มลำดับความรุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วยการกดเพิ่มน้ำหนักปลายนิ้วของตัวเองเข้าใส่แพนตี้ตัวบางภายใต้กระโปรงนักศึกษาอย่างย่ามใจ

    อะ...อ้ายกอล์ฟหยุดนะ!” นี่เป็นหนที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ฉันพยายามปรามเขาด้วยเสียงอู้อี้ไม่เป็นศัพท์ยามร่างกายถูกเขาใช้นิ้วกระตุ้มความรู้สึกและหากคิดว่าเขาจะหยุดเพราะคำปรามของฉันล่ะก็ คงไม่มีทาง...

    ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ยิ่งบอกให้หยุดเขาก็ยิ่งรุกรานร่างกายฉันอย่างถือดีราวกับเป็นเจ้าเข้าเจ้าของหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มตระหนักได้ว่านี่มันไม่ใช่แค่การแกล้งกัน แต่ว่าอีกฝ่ายกำลังเอาจริง!

    เฮือก!” ฉันสะดุ้งเฮือกอีกครั้งทันทีที่รู้สึกถึงปลายนิ้วร้อนระอุที่พยายามสอดแทรกขอบแพนตี้สัมผัสแตะกับส่วนอ่อนไหว ทุกอย่างดูลุกลามหนักข้อมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผู้ร้ายเผด็จการจงใจ ดุนดันแทรกปลายนิ้วจาบจ้วงเข้าใส่กายฉันอย่างไม่บอกกล่าว

    อะ อ้ายกอล์ฟ...หนูเจ็บ..” ไม่มีเสียงใดตอบโต้กลับมาจากคนใจร้ายที่ยามนี้เอาแต่ความสนุก ทำทุกอย่างตามความต้องการของตัวเอง

    เขาใจดำและใจร้ายมากพอที่จะไม่ฟังเสียงห้ามหรือเสียงครวญเพราะความเจ็บปวด เมื่อร่างกายช่วงล่างยังรับรู้ได้ถึงการถูกรุกรานแทรกผ่านเข้ามาอย่างเชื่องช้า ใช่! ฉันเจ็บไม่ใช่แค่ทางใจแต่รวมไปถึงร่างกาย ที่เขากำลังเล่นสนุก

    อะ...” ทุกวินาทีที่เขาพยายามดุนดันสิ่งแปลกปลอมผ่านกายฉัน ราวกับว่าบางส่วนของร่างกายกำลังถูกมีปลายแหลมปักเข้าใส่ จากนั้นก็ค่อยๆกรีดลึกลงมา ราวกับอยากให้ร่างทั้งร่างฉีกขาดเป็นชิ้นๆ

    ความเจ็บจากทุกทางรวมถึงความหวาดกลัว ส่งผลให้ฉันไม่สามารถกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ได้ไหว และถูกระบายออกผ่านทางน้ำตาและอาการสั่นตามร่างกาย

    รวมไปถึงเสียงสะอื้นแบบไม่สามารถกักกลั้นไว้ได้...

    อะ...” ลมหายใจถูกทำให้แปรปรวนด้วยอาการปวดแปล๊บภายในกายกับน้ำหนักที่คนตัวใหญ่ใช้กดทับ จนคล้ายกับเริ่มหายใจไม่ออก สองมือกำจิกลงกับผ้าปูเตียง เกร็งต่อต้านทุกการกระทำที่ได้รับอย่างห้ามไม่ได้ 

    ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาได้ยินเสียงสะอื้นของฉันหรือเปล่า ถึงได้ทำตามใจตัวเองไม่ยอมหยุดแบบนี้

    พริก...” หูได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อจากบริเวณกกหูด้านหลัง รับรู้ได้ว่าอ้ายกอล์ฟกำลังจุมพิตลงมาราวกับอยากช่วยชำระความเจ็บปวดทางร่างกายให้หายไป

    ..หนู...เจ็บ...” แต่เปล่าเลย การกระทำอ่อนโยนบริเวณใบหูไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดที่ได้รับบรรเทาลง ตรงกันข้าม ทุกอย่างกับยิ่งรุนแรงมากขึ้นขึ้น “ฮึก..ฮือออ...

    โคตรอ่อนแอนั่นแหละสภาพของฉันยามนี้ ทำได้แค่ปล่อยเสียงร้องไห้ของตัวเองและฝากฝังน้ำตาของความกลัวลงกับผ้าปูเตียงซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นกายของผู้เป็นเจ้าของ ทว่า...

    ตอนนั้นเอง การกระทำรุนแรงอย่างจาบจ้วงและไร้ซึ่งการให้เกียรติก็หยุดชะงักลง อ้ายกอล์ฟยอมผละตัวเคลื่อนน้ำหนักกายที่ใช้กักขังและทำให้ฉันยอมสิโรราบออกไปพร้อมกับปลายนิ้วซึ่งถูกแทนค่าเป็นอาวุธร้าย 

    ปลดปล่อยฉันสู่อิสรภาพ

    อิสรภาพที่ไม่สมบูรณ์นัก...

    ฟึ่บ!

    พริก!” อีกครั้งที่ร่างทั้งร่างถูกกระทำราวกับเป็นหุ่น เมื่อคนใจร้ายรีบใช้มือประคองฉันให้พลิกตัวเงยหน้าขึ้นสบสายตากับเขาตรงๆ รู้สึกได้ความรีบร้อนจากทุกการกระทำที่เขาปฏิบัติใส่ จนได้มีโอกาสมองเห็นใบหน้าคมคายของคนใจร้ายตรงหน้าตรงๆ 

    อาจเพราะฉันที่ตอนนี้มีเพียงเสียงสะอื้นและน้ำตาอาบเต็มสองกรอบตา เลยทำให้มองเห็นเขาไม่ชัดนัก สิ่งที่เห็นตรงหน้าจึงกลายเป็นภาพของอ้ายกอล์ฟซึ่งกำลังแสดงสีหน้าตกใจและในขณะเดียวกันแววตาที่เขาให้มองลงมาก็ดูเจ็บปวดไม่ต่างกัน...

    เรามองหน้ากันและกันอยู่แบบนั้นนิ่งๆ เพียงครู่สั้นๆ ก่อนที่ร่างกายจะเริ่มเกิดการเคลื่อนไหว สะบัดหน้าพลิกหนีสายตาคู่ดังกล่าวไปเอง ไม่ใช่เพราะไม่อยากมองแต่เป็นเพราะเจ้าของนัยน์ตาคู่นั้นกำลังเลื่อนมือเข้ามาหาต่างหาก

    ฮึก...” ทั้งที่หลบ แต่การกระทำเช่นนั้นก็ใช่จะทำให้อ้ายกอล์ฟหยุดสิ่งที่อยากทำลง เขายังคงดึงดันเลื่อนมือเข้ามาหาจนกระทั่งใช้ปลายนิ้วทั้งห้าแตะลงบริเวณข้างแก้มได้ในที่สุด

    สัมผัสแผ่วเบาจากปลายนิ้วของเขาค่อยๆ เลื่อนเช็ดคราบน้ำตาที่เปื้อนเปรอะข้างแก้มออกอย่างอ่อนโยนแตกต่างจากการกระทำรุนแรงและถือดีก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง 

    ระหว่างเรามีเพียงเสียงลมหายใจและเสียงสะอื้นในลำคอของฉันเท่านั้นที่ดังสลับกัน ไม่มีเสียงพูดคุยใดๆ ไม่มีแม้แต่คำขอโทษ

    ฉันกำลังกลัว กลัวมาก...

    ไม่เข้าใจความคิดของเขาเลย และไม่อยากเข้าใจอีกต่อไปแล้วเหมือนกัน เพราะรู้สึกเช่นนั้น สมองจึงสั่งการไปยังร่างกายและความคิด ปฏิเสธสัมผัสอ่อนโยนแสนน่าเวียนหัวชวนสับสนสนนั่นด้วยการพุ่งมือทั้งสองข้างผลักเขาที่ไม่ทันระวังตัวอย่างเต็มแรง จนคนตัวใหญ่ถอยหลังล้มตึงลงไปนั่งกองกับพื้นห้องข้างเตียงใหญ่

    ฟึ่บ! พลั่ก!

    สมองที่ตอนนี้ไม่อยากรู้ ไม่อยากเห็น ไม่อยากรับฟังอะไร ทำฉันตัดสินใจลุกพรวดพราดออกจากเตียงโดยไม่ลืมที่จะคว้ากุญแจห้องเจ้าปัญหาของเขาติดมือมาด้วย ทุกอย่างที่ในตอนนี้เกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วเหมือนต้องแข่งกับเวลา ขืนมัวชักช้าเรื่องน่ากลัวแบบนั้นอาจจะเกิดขึ้นเป็นหนที่สองก็ได้ 

    ในตอนที่ฉันสามารถใช้มือสั่นๆของตัวเองไขประตูห้องออกได้สำเร็จ ทว่า การตามล่าและการใช้กำลังจากผู้เป็นเจ้าของห้องเหมือนอย่างีท่เคยเกิดขึ้นทุกครั้ง คราวนี้กลับไม่มีปรากฏให้เห็น

    วูบหนึ่ง ก่อนที่เท้าทั้งสองข้างจะพาตัวเองก้าวออกจากห้อง หางตาก็ดันเผลอเหลือบมองร่างสูงซึ่งตอนนี้ยังคงนั่งชันเข่ายืดขาข้างเดียวอยู่บนพื้นห้อง ภาพที่เห็นก็คืออ้ายกอล์ฟไม่ได้มองตามฉันมา ไม่แม้แต่จะชำเลืองมอง แต่เขากำลังนั่งฟุบหน้าแนบลงกับหัวเข่าของตัวเองราวกับว่าไม่ได้สนใจเหยื่อที่กำลังหนีสู่อิสรภาพอีกต่อไป...

    ซึ่งภาพที่เห็นมันก็ไม่ได้ช่วยให้ฉันมีความคิดที่อยากจะยืนมองภาพของคนใจร้ายแบบนั้นต่อไปได้นานนัก ร่างกายที่ตอนนี้กำลังสั่น ไหนจะน้ำตาที่เอาแต่ไหลล้นกรอบตาออกมาไม่หยุด มันเลยทำให้ฉันตัดสินใจทิ้งภาพนั้น แบกร่างหนักอึ้งกลับห้องของตัวเองอย่างไม่คิดชีวิต

    กึก...

    ทันทีที่ก้าวเข้ามาอยู่ภายในพื้นที่ของตัวเองได้สำเร็จ ขาที่เคยแข็งแรงดีก็คล้ายกับอ่อนแรงลง ทรุดฮวบลงพิงกับบานประตูไปทั้งๆแบบนั้น ที่บ้าที่สุดก็คือภายในหัวที่ว่างเปล่าและความรู้สึกที่ยังคั่งค้างอยู่นั้น ไม่ยอมสั่งการให้ฉันทำอย่างอื่นเลย นอกจากฟุบหน้ากับหัวเข่าสองข้างซึ่งถูกชันขึ้น

    กอดรัดกายตัวเองและเอาแต่ร้องไห้อยู่เพียงแค่นั้น...

    ฮึก... บอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกอะไรอยู่ ระหว่างหวาดกลัว ตกใจ หรือว่ากำลังสับสนกับทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ย่างก้าวเข้าสู่เมืองหลวงกันแน่

    ฮืออออฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยรู้ไหม ไม่เคยต้องร้องไห้อย่างคนอ่อนแอมากมายอะไรขนาดนี้ ไม่เคยต้องเป็นกังวลกับทุกอย่างที่จะผ่านเข้ามา แต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกตรงกันข้ามกับความรู้สึกที่มีมาทั้งชีวิต

    ฉันเคยท้อจนต้องร้องไห้ออกมาแบบนี้เหมือนกัน ตอนที่เป็นกังวลเรื่องผลการสอบของตัวเอง จำได้ว่าในตอนที่ฉันสับสนและรู้สึกหดหู่กับสิ่งรอบกาย เสียงโทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้นท่ามกลางเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น ก่อนเปลี่ยนเสียงสะอื้นไห้ดังกล่าวให้กลับมาหัวเราะได้อีกครั้งด้วยถ้อยคำประโยคสั้นๆ

    สู้ๆนะคะ พริกของพี่เก่งอยู่แล้ว...อ้ายก็อตมักจะอยู่ตรงนั้น ทั้งที่เราอยู่ไกลกันแต่ฉันกลับรู้สึกว่าเขาอยู่ข้างกายฉันมาโดยตลอด ทั้งที่เป็นแบบนี้มาตลอดแต่ว่าตอนนี้กลับต่างออกไป...

    ตึงง!!

    โธ่เว้ย!” ทั้งที่ฉันกำลังรู้สึกหดหู่ไม่ต่างจากตอนนั้นแท้ๆ แต่โทรศัพท์เครื่องสำคัญกลับเงียบกริบ มีเพียงแค่เสียงกระแทกข้าวของเคล้าเสียงโวยวายแทรกผ่านความเงียบและเสียงสะอื้นดังมาจากห้องของผู้ชายใจร้ายให้ได้ยินแต่เพียงเท่านั้น

    ตึงง!! ตึง!!!

    และดูเหมือนว่าเสียงโครมครามดังกล่าวจากห้องอ้ายกอล์ฟ ก็ยังคงดังเป็นเพื่อนกับเสียงสะอื้นของฉันอยู่แบบนั้น

    ฮึก...” ราวกับต้องการอยู่เป็นเพื่อนกับคนที่กำลังอ่อนแอและหวาดกลัว

    ตึงง! ตึงง!! ตึงงง!!

    ฮืออออ

    ดังสลับกันไปมาไม่ยอมหยุด...

    To Be Continued...

    ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%

    1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย

    ติดแท็กในทวิต #ผู้ชายสายโจร

    ll Character ll












    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    ติดตามเรื่องนี้จิ้มที่หน้าอ้ายกอล์ฟโลด

    ^

     รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน 
     ส่งฟีดแบ็กทางทวิต เพจ คอมเม้น
     หรือโหวตข้างล่างเต็ม100นะเออ 
    v
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×