คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : GOODIE19 ll เป็นโจรครั้งที่19 {อัพ100%} เรื่องผิดพลาด
“สัจจะไม่มีในหมู่โจร...เคยได้ยินป่ะ?”
คำพูดประโยคดังกล่าวทำฉันเบิกตากว้าง
แต่ยังไม่ทันได้เริ่มตั้งสติเพื่อจะทำอะไร คนตัวสูงที่มีพละกำลังเหนือกว่า
ก็จัดการทิ้งน้ำหนักตัวเองลงกับเตียงนอนโดยยังคงกอดก่ายตัวฉันเอาไว้แบบนั้น
ฟึ่บ! ตุบ!
“อะ...” สภาพที่ตกเป็นรองและถูกกักขังอิสรภาพด้วยอ้อมกอด ได้แต่นอนทำตาโต
ร่างกายทุกส่วนแข็งทื่อเป็นก้อนหินยิ่งเมื่ออีกฝ่ายกอดกระชับรวบตัวฉันให้แน่นมากยิ่งขึ้นไปอีก
“เฮือก!” อีกครั้งที่ผู้ร้ายจงใจปลุกปั่นความรู้สึกของฉันจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
ลมหายร้อนๆ ถูกเป่ารถลงบริเวณต้นคอด้านหลัง
“ทำไมตัวพริกหอมจัง…” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นพานให้ใจสั่นอย่างห้ามไม่ได้ จำต้องหาทางทำอะไรสักอย่างให้ตัวเองหลุดออกจากสถานการณ์แบบนี้สักที
“อ้ายกอล์ฟ!
ปล่อยหนูนะ!” ฉันพยายามดิ้นขลุกขลักอยู่ภายในอ้อมกอดอุ่น
พลางใช้มือตบตีและกดจิกเล็บไปตามแขนแกร่งเพื่อหวังให้ตัวเองเป็นอิสระ แต่ว่าสิ่งที่ฉันได้กลับมาคืออ้อมกอดอุ่นที่กอดกระชับแน่นยิ่งขึ้นกว่าเก่าราวกับอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกเจ็บยามถูกต่อต้าน พร้อมด้วยคำพูดยียวนชวนทะเลาะ
“เรานี่มันขี้โวยวายจริงๆ
เคยเงียบปากบ้างไหมเวลาอยู่กับผู้ชายอ่ะ!?”
“อ้ายกอล์ฟก็ปล่อยหนูก่อนสิ!” แน่นอนว่าฉันตอบเขากลับไปแบบไม่ต้องคิด
แต่ถามว่ามันช่วยให้เขายอมผ่อนแรงกอดรัดลงไหม ก็ไม่
เพราะคนเอาแต่ใจยังแสดงความต้องการของตัวเองออกมาไม่หยุด...
“กอดนิดกอดหน่อยไม่ได้เลยไง?”
ทว่า
ครั้งนี้เสียงของเขาไม่ได้แสดงความเอาแต่ใจหรือให้ความรู้สึกว่าเขาพายามข่มเหงความรู้สึกของฉันแต่อย่างใด
และนั่นก็ตามมาพร้อมอ้อมกอดที่กระชับแน่นยิ่งกว่าครั้งไหนเหมือนกับกลัวว่าฉันจะหายไป
“อะ…” สิ่งที่ทำให้ฉันเริ่มใจสั่นในเวลานี้
ไม่ใช่อ้อมกอดอุ่นที่เหมือนแสดงความเป็นเจ้าของตลอดเวลา หรือลมหายใจร้อนๆ
ที่เขาจงใจเป่ารดลงมาบริเวณต้นคอหรอกนะ
หากแต่เป็นคำพูดที่เขาพึมพำออกมาแบบไม่จงใจให้ฉันได้ยินต่างหาก
“แค่อยากกอดทดแทนเวลาที่เคยใช้คิดถึงก็เท่านั้นเอง...” เพียงแค่คำพูดประโยคนั้นนั่นแหละ
มันก็กลับทำให้ร่างกายที่เคยขัดขืนและต่อต้านนิ่งชะงักลงได้อย่างไร้เหตุผล
ต่อให้คนตัวใหญ่จะเริ่มกอดกระชับร่างกายแน่นขึ้นจนรู้สึกอึดอัดก็ตาม
‘พี่รักพริกนะ’ อีกครั้งที่หัวใจฉันเริ่มสั่นเมื่อในหัวผุดคำพูดหนึ่งขึ้นมา
ทำให้ต้องหลับตาปี๋นอนนิ่งๆ อยู่ในท่านั้นเพื่อที่จะหยุดทุกความคิดในหัวให้สงบลง
แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเลย เพราะยิ่งพยายามหยุดคิด สมองก็ยิ่งทำงานมากขึ้น
‘ทำไมไม่หัดระวังตัวบ้าง? ถ้าเป็นไรไปจะทำยังไง…’ ความคิดเหมือนกับกำลังคิดการกบฏ หวนนึกถึงความละมุนละไม ใจดีที่ผู้ชายคนนี้เคยมอบให้เหมือนหลายวันก่อน
แววตาที่มองด้วยความเป็นห่วง น้ำเสียงใจดีกับฝ่ามือที่กำลังทำแผลให้
ล้วนแล้วแตกต่างไปจากอ้ายกอล์ฟคนเดิมที่ฉันเข้าใจ
และการที่คิดถึงภาพความทรงจำเหล่านั้น มันก็พานให้นึกถึงเรื่องเก่าๆ
‘คนกรุงขี้จุ๊ เชื่อถือไม่ได้!’ มันคือคำพูดของฉันเอ่ยใส่คนในสาย ส่วนประโยคที่ตามมาก็คงเป็น
‘ถ้าคนกรุงเชื่อไม่ได้ก็เชื่อใจพี่แค่คนเดียว
ตกลงไหม?’
‘อ้ายก็อตจะหลอกให้หนูไปเรียนที่เมืองกรุงใช่ก่อ?’
‘ใช่ที่ไหนล่ะ
ที่อยากให้มาเพราะพี่ไม่อยากคิดถึงพริกแล้วต่างหาก’ และจำได้ดี ว่าเขาเคยพูดเอาไว้แบบไหน
คล้ายกันไปหมด...ทุกคำพูดและความรู้สึกที่ฉันกำลังได้รับจากอ้ายกอล์ฟตอนนี้
“พริก...”
อีกครั้งที่เสียงเรียกถูกเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบและเสียงหัวใจที่กำลังเต้นผิดจังหวะ
ฉันสะดุ้งจากความคิดเพื่อดึงตัวเองกลับเข้าสู่สถานการณ์ปัจจุบัน แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไรเขากลับไป อ้ายกอล์ฟก็เป็นฝ่ายพูดออกมาเอง “ขอกอดแบบนี้อีกสักพักนะ คิดถึง…”
ไม่ใช่แค่พูด
แต่อ้ายกอล์ฟยังแสดงการกระทำตามน้ำคำที่เอ่ยขอด้วยการกอดจนแน่น
และมันแน่นมากเหมือนว่าอีกฝ่ายพยายามแสดงความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีผ่านทางอ้อมกอดนี้
ฉันน่ะเป็นคนซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองมากนะ
ฉันตั้งมั่นและตั้งใจว่าชีวิตฉันจะมีแค่รักเดียวกับผู้ชายที่ทำให้ฉันรู้สึกตกหลุมรักได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบเห็น
พยายามทำทุกอย่าง ทำทุกทางเพื่อที่จะทำให้ความรักของเราราบรื่น
แม้ว่าส่งที่รอคอยอยู่มันจะไม่ใช่ทางราบเรียบแต่เต็มไปด้วยพื้นผิวขรุขระก็ตาม
เพราะตั้งเป้าเอาไว้แล้วฉันจึงทนเพื่อที่จะผ่านมันไปให้ได้
แต่ว่าในตอนนี้ทุกอย่างมันกลับตีวนกันวุ่นวายไปหมด
‘พี่ชื่อกอล์ฟค่ะ
เป็นพี่ชายฝาแฝดของไอ้ก็อต ฝากตัวด้วยนะคะ…’ คำพูดของอ้ายกอล์ฟในวันนั้น
มันทำให้ฉันต้องพลิกความคิด ทบทวนความทรงจำและความรู้สึกของตัวเองใหม่ทั้งหมด
‘เรื่องไอ้ก็อตเนี่ย
ดูรีบร้อนเหลือเกินนะ… ที่เรื่องของพี่ชาติกว่า
ก็ยังช้าเป็นเต่าคลาน…’ ต่อให้ฉันจะไม่เข้าใจความหมายในบางประโยค
แต่หลายๆ สิ่งที่อ้ายกอล์ฟพูดและแสดงออกมามันกลับตรงกับความทรงจำที่ฉันรอคอย
‘ไหนว่าถ้าได้เจอกันอีก
พริกจะจำพี่ได้ไง?’ คำถามที่เหมือนเขาพยายามจะทวงถามคำสัญญาระหว่างเรา
มันทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของตัวเองทุกครั้งอย่างไร้เหตุผล อาจเพราะตลอดความทรงจำ 6 ปีที่ผ่านมา
ฉันเองคือคนที่เอ่ยประโยคนั้นออกไป
‘ต่อให้เฮาบ่ฮู้ว่าตั๋วเป็นไผ
แต่เฮามั่นใจว่า ถ้ามีโอกาสได้เจอตั๋วอีก เฮาต้องจำตั๋วได้แน่นอน!’ ความอบอุ่นจากอ้อมกอดที่คนตัวใหญ่มอบให้
ทำให้ในหัวฉันว่างเปล่าไปหมด ความคิดตกอยู่ในสถานะเรื่อยเปื่อยไม่หยุด
ซึ่งทุกความคิดล้วนแล้วแต่เป็นการทบทวนทั้งสิ้น
และฉันกำลังเริ่มรู้สึกมั่นใจมากกว่าเก่าว่า ความจริงแล้วคนที่ฉันเจอตั้งแต่วันแรก
อาจจะเป็นเขามากกว่าเป็นอ้ายก็อตจริงๆ...
ฟึ่บ…
อ้อมกอดอ้ายกอล์ฟซึ่งขยับกระชับเข้าใส่อีกครั้ง ทำฉันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ
บริเวณต้นคอด้านหลังรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดลงมา มันใกล้มากเหมือนกับว่าอีกฝ่ายกำลังซุกใบหน้าแนบลงมายังไงอย่างงั้น
“พริก…” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นแผ่วเบา ก่อนตามมาด้วยสัมผัสเบาๆ
จากริมฝีปากที่จรดแตะลงมาบริเวณต้นคอแบบไม่ทันให้ตั้งตัว
“อ๊ะ!” และนั่นเลยเป็นอีกครั้งที่ฉันพยายามดิ้นหลังจากชะงักนิ่งไปครู่ใหญ่ “อ้ายกอล์ฟยะอะหยังเจ้า!?”
“ตอนแรกก็แค่อยากกอด…” เขาพ่นคำตอบสั้นๆ
พลางเลื่อนฝ่ามือข้างหนึ่งที่โอบรัดกายฉันลงต่ำไปที่ชายกระโปรง
ก่อนจะย้ำคำพูดสั้นๆ อีกครั้ง “แต่ตอนนี้อยากอย่างอื่น…”
คำพูดของอ้ายกอล์ฟทำใจคนฟังกระตุกวูบหล่นไปกองอยู่บริเวณตาตุ่มได้โดยไม่ยาก ยิ่งด้วยคนฟังตกอยู่ในสภาพหมิ่นเหม่แถมยังดูเสียเปรียบกว่าด้วยแล้ว เรียกว่าทุกวลีที่เขาเอ่ยแทบทำให้คนฟังหยุดหายใจหลังได้ฟังไปเลยถึงจะถูก...
เขากำลังแกล้งฉันอีกแล้ว แต่ครั้งนี้แกล้งกันเกินไป
“อยะ อย่ายะอะหยังบ้าๆเน้อ
ไม่งั้นหนูร้องจริงๆด้วย!” แม้จะรู้ แต่ปากน่ะพยายามห้ามปรามเขา
ทั้งที่รู้ว่าตัวเองเสียเปรียบมากกว่าเป็นไหนๆ
ร่างกายซึ่งถูกโอบกอด รวบรัดไว้แน่นราวกับกลัวว่าฉันจะหนีไปไหน อีกทั้งน้ำหนักกายที่คนตัวใหญ่กดทับลงมา จนใบหน้าแนบลงกับเตียงนอนนุ่มๆ
ไม่ว่าจะพยายามขัดขืนหรือห้ามปรามอย่างไร คนที่แพ้ก็คงมีแค่ฉันเท่านั้น เมื่อเสียงร้องปรามที่เปล่งตะโกนออกมา ไม่ได้ช่วยฝ่ามือร้อนของอ้ายกอล์ฟที่ยามนี้กำลังลูบไปไปตามเนื้ออ่อนภายใต้กระโปรงนักศึกษาเลยสักนิด มิหนำซ้ำคนใจร้ายและเอาแต่ใจอย่าที่สุดยังเอ่ยปากท้าทายขึ้นอีกราวกับไม่เกรงกลัวอะไร
“อยากร้องก็ร้อง พี่เองก็อยาก...” เสียงเข้มเอาแต่ใจขาดลงชั่วขณะหนึ่ง หากแต่ขณะเดียวกัน มันเป็นฉันเองนั่นแหละที่กระตุกวูบไปทั้งกายเมื่อสัมผัสจาบจ้วงจากปลายนิ้วของอีกฝ่ายเกี่ยวผ่านขอบแพนตี้ภายใต้กระโปรงนักศึกษาอย่างถือดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคำพูดต่อมา “อยากฟังเสียงเราตอนตกเป็นของพี่เหมือนกัน”
อ้ายกอล์ฟไม่ใช่แค่พูดขู่เท่านั้น
แต่เขายังฉวยโอกาสในช่วงเดียวกันนั้นทิ้งน้ำหนักตัวเททับกายเข้าใส่ในลักษณะใช้ร่างกายคร่อมทับร่างกายฉันไว้ กดตรึงทุกส่วนของร่างกายราวกับตอกติดให้จมหายไปกับที่นอนนุ่มๆ
และเพิ่มลำดับความรุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วยการกดเพิ่มน้ำหนักปลายนิ้วของตัวเองเข้าใส่แพนตี้ตัวบางภายใต้กระโปรงนักศึกษาอย่างย่ามใจ
“อะ...อ้ายกอล์ฟหยุดนะ!” นี่เป็นหนที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ฉันพยายามปรามเขาด้วยเสียงอู้อี้ไม่เป็นศัพท์ยามร่างกายถูกเขาใช้นิ้วกระตุ้มความรู้สึกและหากคิดว่าเขาจะหยุดเพราะคำปรามของฉันล่ะก็
คงไม่มีทาง...
ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ยิ่งบอกให้หยุดเขาก็ยิ่งรุกรานร่างกายฉันอย่างถือดีราวกับเป็นเจ้าเข้าเจ้าของหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มตระหนักได้ว่านี่มันไม่ใช่แค่การแกล้งกัน แต่ว่าอีกฝ่ายกำลังเอาจริง!
“เฮือก!” ฉันสะดุ้งเฮือกอีกครั้งทันทีที่รู้สึกถึงปลายนิ้วร้อนระอุที่พยายามสอดแทรกขอบแพนตี้สัมผัสแตะกับส่วนอ่อนไหว ทุกอย่างดูลุกลามหนักข้อมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อผู้ร้ายเผด็จการจงใจ ดุนดันแทรกปลายนิ้วจาบจ้วงเข้าใส่กายฉันอย่างไม่บอกกล่าว
“อะ อ้ายกอล์ฟ...หนูเจ็บ..” ไม่มีเสียงใดตอบโต้กลับมาจากคนใจร้ายที่ยามนี้เอาแต่ความสนุก
ทำทุกอย่างตามความต้องการของตัวเอง
เขาใจดำและใจร้ายมากพอที่จะไม่ฟังเสียงห้ามหรือเสียงครวญเพราะความเจ็บปวด เมื่อร่างกายช่วงล่างยังรับรู้ได้ถึงการถูกรุกรานแทรกผ่านเข้ามาอย่างเชื่องช้า ใช่! ฉันเจ็บไม่ใช่แค่ทางใจแต่รวมไปถึงร่างกาย ที่เขากำลังเล่นสนุก
“อะ...” ทุกวินาทีที่เขาพยายามดุนดันสิ่งแปลกปลอมผ่านกายฉัน
ราวกับว่าบางส่วนของร่างกายกำลังถูกมีปลายแหลมปักเข้าใส่
จากนั้นก็ค่อยๆกรีดลึกลงมา ราวกับอยากให้ร่างทั้งร่างฉีกขาดเป็นชิ้นๆ
ความเจ็บจากทุกทางรวมถึงความหวาดกลัว
ส่งผลให้ฉันไม่สามารถกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ได้ไหว
และถูกระบายออกผ่านทางน้ำตาและอาการสั่นตามร่างกาย
รวมไปถึงเสียงสะอื้นแบบไม่สามารถกักกลั้นไว้ได้...
“อะ...” ลมหายใจถูกทำให้แปรปรวนด้วยอาการปวดแปล๊บภายในกายกับน้ำหนักที่คนตัวใหญ่ใช้กดทับ จนคล้ายกับเริ่มหายใจไม่ออก สองมือกำจิกลงกับผ้าปูเตียง เกร็งต่อต้านทุกการกระทำที่ได้รับอย่างห้ามไม่ได้
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาได้ยินเสียงสะอื้นของฉันหรือเปล่า ถึงได้ทำตามใจตัวเองไม่ยอมหยุดแบบนี้
“พริก...” หูได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อจากบริเวณกกหูด้านหลัง
รับรู้ได้ว่าอ้ายกอล์ฟกำลังจุมพิตลงมาราวกับอยากช่วยชำระความเจ็บปวดทางร่างกายให้หายไป
“..หนู...เจ็บ...” แต่เปล่าเลย การกระทำอ่อนโยนบริเวณใบหูไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดที่ได้รับบรรเทาลง
ตรงกันข้าม ทุกอย่างกับยิ่งรุนแรงมากขึ้นขึ้น “ฮึก..ฮือออ...”
โคตรอ่อนแอ! นั่นแหละสภาพของฉันยามนี้ ทำได้แค่ปล่อยเสียงร้องไห้ของตัวเองและฝากฝังน้ำตาของความกลัวลงกับผ้าปูเตียงซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นกายของผู้เป็นเจ้าของ ทว่า...
ตอนนั้นเอง การกระทำรุนแรงอย่างจาบจ้วงและไร้ซึ่งการให้เกียรติก็หยุดชะงักลง
อ้ายกอล์ฟยอมผละตัวเคลื่อนน้ำหนักกายที่ใช้กักขังและทำให้ฉันยอมสิโรราบออกไปพร้อมกับปลายนิ้วซึ่งถูกแทนค่าเป็นอาวุธร้าย
ปลดปล่อยฉันสู่อิสรภาพ
อิสรภาพที่ไม่สมบูรณ์นัก...
ฟึ่บ!
“พริก!” อีกครั้งที่ร่างทั้งร่างถูกกระทำราวกับเป็นหุ่น เมื่อคนใจร้ายรีบใช้มือประคองฉันให้พลิกตัวเงยหน้าขึ้นสบสายตากับเขาตรงๆ รู้สึกได้ความรีบร้อนจากทุกการกระทำที่เขาปฏิบัติใส่ จนได้มีโอกาสมองเห็นใบหน้าคมคายของคนใจร้ายตรงหน้าตรงๆ
อาจเพราะฉันที่ตอนนี้มีเพียงเสียงสะอื้นและน้ำตาอาบเต็มสองกรอบตา
เลยทำให้มองเห็นเขาไม่ชัดนัก
สิ่งที่เห็นตรงหน้าจึงกลายเป็นภาพของอ้ายกอล์ฟซึ่งกำลังแสดงสีหน้าตกใจและในขณะเดียวกันแววตาที่เขาให้มองลงมาก็ดูเจ็บปวดไม่ต่างกัน...
เรามองหน้ากันและกันอยู่แบบนั้นนิ่งๆ
เพียงครู่สั้นๆ ก่อนที่ร่างกายจะเริ่มเกิดการเคลื่อนไหว
สะบัดหน้าพลิกหนีสายตาคู่ดังกล่าวไปเอง ไม่ใช่เพราะไม่อยากมองแต่เป็นเพราะเจ้าของนัยน์ตาคู่นั้นกำลังเลื่อนมือเข้ามาหาต่างหาก
“ฮึก...” ทั้งที่หลบ
แต่การกระทำเช่นนั้นก็ใช่จะทำให้อ้ายกอล์ฟหยุดสิ่งที่อยากทำลง
เขายังคงดึงดันเลื่อนมือเข้ามาหาจนกระทั่งใช้ปลายนิ้วทั้งห้าแตะลงบริเวณข้างแก้มได้ในที่สุด
สัมผัสแผ่วเบาจากปลายนิ้วของเขาค่อยๆ เลื่อนเช็ดคราบน้ำตาที่เปื้อนเปรอะข้างแก้มออกอย่างอ่อนโยนแตกต่างจากการกระทำรุนแรงและถือดีก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
ระหว่างเรามีเพียงเสียงลมหายใจและเสียงสะอื้นในลำคอของฉันเท่านั้นที่ดังสลับกัน
ไม่มีเสียงพูดคุยใดๆ ไม่มีแม้แต่คำขอโทษ
ฉันกำลังกลัว กลัวมาก...
ไม่เข้าใจความคิดของเขาเลย
และไม่อยากเข้าใจอีกต่อไปแล้วเหมือนกัน
เพราะรู้สึกเช่นนั้น
สมองจึงสั่งการไปยังร่างกายและความคิด
ปฏิเสธสัมผัสอ่อนโยนแสนน่าเวียนหัวชวนสับสนสนนั่นด้วยการพุ่งมือทั้งสองข้างผลักเขาที่ไม่ทันระวังตัวอย่างเต็มแรง
จนคนตัวใหญ่ถอยหลังล้มตึงลงไปนั่งกองกับพื้นห้องข้างเตียงใหญ่
ฟึ่บ! พลั่ก!
สมองที่ตอนนี้ไม่อยากรู้ ไม่อยากเห็น ไม่อยากรับฟังอะไร ทำฉันตัดสินใจลุกพรวดพราดออกจากเตียงโดยไม่ลืมที่จะคว้ากุญแจห้องเจ้าปัญหาของเขาติดมือมาด้วย ทุกอย่างที่ในตอนนี้เกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วเหมือนต้องแข่งกับเวลา ขืนมัวชักช้าเรื่องน่ากลัวแบบนั้นอาจจะเกิดขึ้นเป็นหนที่สองก็ได้
ในตอนที่ฉันสามารถใช้มือสั่นๆของตัวเองไขประตูห้องออกได้สำเร็จ ทว่า การตามล่าและการใช้กำลังจากผู้เป็นเจ้าของห้องเหมือนอย่างีท่เคยเกิดขึ้นทุกครั้ง คราวนี้กลับไม่มีปรากฏให้เห็น
วูบหนึ่ง ก่อนที่เท้าทั้งสองข้างจะพาตัวเองก้าวออกจากห้อง
หางตาก็ดันเผลอเหลือบมองร่างสูงซึ่งตอนนี้ยังคงนั่งชันเข่ายืดขาข้างเดียวอยู่บนพื้นห้อง
ภาพที่เห็นก็คืออ้ายกอล์ฟไม่ได้มองตามฉันมา ไม่แม้แต่จะชำเลืองมอง แต่เขากำลังนั่งฟุบหน้าแนบลงกับหัวเข่าของตัวเองราวกับว่าไม่ได้สนใจเหยื่อที่กำลังหนีสู่อิสรภาพอีกต่อไป...
ซึ่งภาพที่เห็นมันก็ไม่ได้ช่วยให้ฉันมีความคิดที่อยากจะยืนมองภาพของคนใจร้ายแบบนั้นต่อไปได้นานนัก ร่างกายที่ตอนนี้กำลังสั่น ไหนจะน้ำตาที่เอาแต่ไหลล้นกรอบตาออกมาไม่หยุด
มันเลยทำให้ฉันตัดสินใจทิ้งภาพนั้น แบกร่างหนักอึ้งกลับห้องของตัวเองอย่างไม่คิดชีวิต
กึก...
ทันทีที่ก้าวเข้ามาอยู่ภายในพื้นที่ของตัวเองได้สำเร็จ
ขาที่เคยแข็งแรงดีก็คล้ายกับอ่อนแรงลง ทรุดฮวบลงพิงกับบานประตูไปทั้งๆแบบนั้น
ที่บ้าที่สุดก็คือภายในหัวที่ว่างเปล่าและความรู้สึกที่ยังคั่งค้างอยู่นั้น
ไม่ยอมสั่งการให้ฉันทำอย่างอื่นเลย นอกจากฟุบหน้ากับหัวเข่าสองข้างซึ่งถูกชันขึ้น
กอดรัดกายตัวเองและเอาแต่ร้องไห้อยู่เพียงแค่นั้น...
“ฮึก...” บอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกอะไรอยู่ ระหว่างหวาดกลัว
ตกใจ หรือว่ากำลังสับสนกับทุกๆ
อย่างที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ย่างก้าวเข้าสู่เมืองหลวงกันแน่
“ฮืออออ” ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยรู้ไหม ไม่เคยต้องร้องไห้อย่างคนอ่อนแอมากมายอะไรขนาดนี้
ไม่เคยต้องเป็นกังวลกับทุกอย่างที่จะผ่านเข้ามา
แต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกตรงกันข้ามกับความรู้สึกที่มีมาทั้งชีวิต
ฉันเคยท้อจนต้องร้องไห้ออกมาแบบนี้เหมือนกัน
ตอนที่เป็นกังวลเรื่องผลการสอบของตัวเอง จำได้ว่าในตอนที่ฉันสับสนและรู้สึกหดหู่กับสิ่งรอบกาย
เสียงโทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้นท่ามกลางเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น ก่อนเปลี่ยนเสียงสะอื้นไห้ดังกล่าวให้กลับมาหัวเราะได้อีกครั้งด้วยถ้อยคำประโยคสั้นๆ
‘สู้ๆนะคะ
พริกของพี่เก่งอยู่แล้ว...’ อ้ายก็อตมักจะอยู่ตรงนั้น ทั้งที่เราอยู่ไกลกันแต่ฉันกลับรู้สึกว่าเขาอยู่ข้างกายฉันมาโดยตลอด
ทั้งที่เป็นแบบนี้มาตลอดแต่ว่าตอนนี้กลับต่างออกไป...
ตึงง!!
“โธ่เว้ย!” ทั้งที่ฉันกำลังรู้สึกหดหู่ไม่ต่างจากตอนนั้นแท้ๆ
แต่โทรศัพท์เครื่องสำคัญกลับเงียบกริบ มีเพียงแค่เสียงกระแทกข้าวของเคล้าเสียงโวยวายแทรกผ่านความเงียบและเสียงสะอื้นดังมาจากห้องของผู้ชายใจร้ายให้ได้ยินแต่เพียงเท่านั้น
ตึงง!! ตึง!!!
และดูเหมือนว่าเสียงโครมครามดังกล่าวจากห้องอ้ายกอล์ฟ
ก็ยังคงดังเป็นเพื่อนกับเสียงสะอื้นของฉันอยู่แบบนั้น
“ฮึก...” ราวกับต้องการอยู่เป็นเพื่อนกับคนที่กำลังอ่อนแอและหวาดกลัว
ตึงง! ตึงง!! ตึงงง!!
“ฮืออออ”
ดังสลับกันไปมาไม่ยอมหยุด...
To Be Continued...
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต #ผู้ชายสายโจร
ความคิดเห็น