คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : GOODIE18 ll เป็นโจรครั้งที่18 {อัพ100%} สัจจะไม่มีในหมู่โจร
“พริกอยากให้พี่พูดเหรอ...ว่าตอนนี้ไอ้ก็อตมันนอนป่วยใกล้ตายอยู่ที่โรงพยาบาล?”
ใจฉันวูบสั่นตามน้ำคำของคนตัวสูงตรงหน้าอย่างห้ามไม่ได้ ที่ทำได้ในตอนนี้คือยืนนิ่งจับจ้องสีหน้าไร้อารมณ์ของเขากลับไป แต่ไม่นานอ้ายกอล์ฟซึ่งปั้นหน้านิ่งมาตั้งแต่ต้นก็เริ่มเปลี่ยนท่าที
เขาหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ คล้ายกับตลกอะไรสักอย่าง พร้อมทั้งตัดสินใจเดินก้าวมาหาฉันและใช้มือจับแขนฉันเอาไว้หลวมๆ ขณะปากพ่นคำพูดประโยคเตือนสติ
“โง่น่า…” ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนคนตรงหน้าปั่นประสาท
แต่ว่ายังไม่ทันได้ทำอะไร อ้ายกอล์ฟก็เริ่มใช้กำลังดึงฉันให้เข้าไปในห้องโดยปากก็พูด “เข้าไปคุยกันข้างใน…”
“ไม่! อ้ายกอล์ฟเดี๋ยว!” ต่อให้ตอนนี้ฉันจะพยายามบิดแขนให้หลุดหรือปฏิเสธคำเชิญชวนของเขามากเท่าไหร่
ทุกอย่างก็ดูจะยากเกินไปหมด
เมื่อคนตัวใหญ่ไม่สนใจและยังคงดึงตัวฉันเข้ามาในห้องของตัวเองจนได้
ตึง! กึก!
อ้ายกอล์ฟจัดการปิดประตูห้องลงพร้อมทั้งล็อกกลอนทันที
เมื่อทำทุกอย่างตามอย่างที่ตัวเองพอใจได้สำเร็จ จึงยอมปล่อยฉันสู่อิสรภาพ
อิสรภาพซึ่งไม่ต่างจากการถูกกักขังสักเท่าไหร่นัก...
“คราวนี้อยากถามอะไรก็ถาม…” ประโยคสั้นๆ ถูกเอ่ยขึ้น
ขณะผู้เป็นเจ้าของห้องเดินก้าวนำเข้าไปในห้องของตัวเอง
และทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่กลางห้อง “เดี๋ยวจะตอบให้เอง...”
พอได้ฟังเขาพูดแบบนั้น
ฉันก็คิดไม่ตกเลยจริงๆ ว่าที่เขาพูดนั้นฉันจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน คนอย่างอ้ายกอล์ฟน่ะเหรอจะยอมพูดอะไรจริงๆ
จังๆ ตามอย่างที่ฉันอยากให้เป็น
“หนูถาม อ้ายกอล์ฟก็คงไม่ตอบ…” เพราะพอเดาทางได้ ฉันเลยพูดดักออกไป
“รู้ได้ไง
บางทีพี่อาจจะอยากมีอะไรบอกเราอยู่ก็ได้” แต่พอโดนอีกฝ่ายย้อนกลับมาแบบนี้
ความคิดและความรู้สึกมันก็เริ่มเกิดการไขว้เขว โดยเฉพาะในตอนที่อีกฝ่ายใช้สายตาจริงจังมองมาแล้วเอ่ยขึ้นราวกับจะเร่ง “สรุปแล้ว...ไอ้ที่พริกอยากรู้ มันเกี่ยวกับพี่หรือไอ้ก็อตล่ะ?”
คำพูดรู้ทันที่คล้ายกับว่าเขาแอบฟังฉันคุยโทรศัพท์กับอ้ายก็อตตลอดเวลา
เริ่มส่งผลให้บรรยากาศระหว่างเราถูกกดดันมากขึ้นกว่าเก่า
“ถ้าอยากรู้เรื่องพี่
พี่ก็จะบอก… แต่ถ้าอยากรู้เรื่องไอ้ก็อต พี่คง…”
“ไม่บอกใช่ไหมคะ?” ฉันแทรกเสียงถามอย่างรู้ทัน การกระทำแบบนั้นทำคนตัวใหญ่ขยับยิ้มเล็กน้อย
คล้ายกับชอบใจ
“ใช่” วลีสั้นๆ ถูกเอ่ยเสียงหนักแน่น “แล้วสรุปอยากรู้อะไรล่ะ?”
เมื่อความคิดและความรู้สึกทนต่อแรงกดดันที่เขาส่งตรงมาให้ไม่ไหว คำถามๆ เลยถูกพ่นออกไป
ในเมื่อเขาอยากให้ถามเรื่องของเขา ฉันก็จะถาม!
“อ้ายกอล์ฟต้องการอะไรจากหนู?” สิ้นเสียงคำถาม ช่องว่างระหว่างเราก็ถูกความเงียบเข้าแทรก คนถูกถามไม่ตอบ
แต่เลือกจะนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้มันเสียอย่างนั้น จนต้องเอ่ยปากถามเร่งออกไปเป็นหนที่สอง “หนูถามว่าอ้ายกอล์ฟต้องการอะหยัง!?”
พอได้เริ่มพูด
ฉันก็เริ่มยั้งปากตัวเองไม่ได้
“หนูยะอะหยังให้อ้ายแค้นก่อเจ้า
อ้ายตึ๋งยะใส่กับหนูจะอี้?” และไม่นานคนตัวสูงซึ่งนิ่งไปก็ยอมเปิดปากตอบ
“พี่ก็แค่ทำตามหน้าที่ของพี่… พี่ไปทำอะไรพริกเหรอ?” และการที่เป็นเช่นนั้นมันยิ่งทำให้ฉันมั่นใจมากยิ่งกว่าเก่า ว่าผู้ชายตรงหน้าคนนี้ สามารถรับรู้และเข้าใจภาษาเหนือได้ทุกคำ
“ก็ที่อ้ายยะอยู่จะอี้
มันบ่ใจ้หน้าที่ของอ้ายเลยสักนิด!” ถึงอย่างนั้นฉันก็พยายามเถียง
แต่แล้วคำถามของฉันก็ถูกปัดตกไปเมื่ออีกฝ่ายย้อนกลับมาด้วยคำถาม
“พี่แค่อยากทวงของของพี่คืน… พี่ผิดด้วยเหรอ?”
ทวงของคืนงั้นเหรอ…
“อ้ายกอล์ฟหมายความว่าจะใดเจ้า?”
“ก็อย่างที่พี่บอกพริกไป อะไรที่พี่เคยได้แล้วพี่ถือว่าเป็นของพี่หมด…” คนใจร้ายจงใจเงียบเสียงลง ราวกับจะใช้ความเงียบในช่วงเวลานั้นกดดันความรู้สึกฉันให้อึดอัดมากเข้าไปอีก
และถ้าเขาจงใจที่จะทำแบบนั้นจริงๆ
ล่ะก็ บอกเลยว่า เขาทำมันสำเร็จ
“หนูบอกไปแล้วยังไงล่ะ…ว่าหนูไม่ใช่ของอ้ายกอล์ฟ” ฉันกลั้นใจเค้นเสียงตอบโต้เขาออกไปอีกครั้ง
แต่
“ถ้าพริกไม่ใช่ของพี่ ก็ไม่มีใครสมควรเป็นของพริกทั้งนั้น” คำพูดคล้ายกับข่มขู่ ทำฉันช้อนตามองเจ้าของคำพูดใจดำดังกล่าวเล็กน้อย ก่อนพบว่าอ้ายกอล์ฟกำลังลุกออกจากเก้าอี้ เดินเข้ามาหา
เขาทำท่าเหมือนจะเดินเฉียดตัวฉันเข้าไปในห้อง แต่แล้วก็หยุดลง เมื่อระนาบของไหล่เราอยู่ตรงกัน ก่อนพ่นวาจาหนึ่งออกมาเป็นหนที่สอง
“เพราะถ้าพี่ไม่ได้
ใครหน้าไหนมันก็ไม่สมควรได้เหมือนกัน…ไม่ว่าไอ้ก็อตหรือใคร”
ร่างกายแสดงการตอบรับคำพูดดังกล่าว
เผลอกำมือแน่นเพื่อกักกลั้นความรู้สึกทั้งหมดที่พร้อมจะปะทุลง
และพยายามถามออกไปอย่างใจเย็น
“อ้ายกอล์ฟเกลียดหนูก่อเจ้า…หนูไปยะอะหยังให้อ้ายเกลียดนักหนา”
“เกลียดการรอคอยที่ไม่มีวันสิ้นสุด เกลียดการถูกมองว่าไร้ตัวตน ไหนว่าจะจำกันได้ไง โกหกทั้งนั้น…”
ครั้งนี้อ้ายกอล์ฟรัวคำตอบกลับมาอย่างทันควัน คล้ายกับเขาเตรียมตัวที่จะตอบคำถามนี้ของฉันมานาน น้ำเสียงเขาฟังดูจริงจังกว่าทุกครั้งแต่ในขณะเดียวกันน้ำเสียงดังกล่าวก้บอกถึงความเหนื่อยล้าของคนพูดด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะกับประโยคหลัง
“เกลียดฉิบคนผิดสัญญาเนี่ย…” ฉันแอบลอบมองเสี้ยวหน้าของคนตัวใหญ่เล็กน้อย แต่ก็เหมือนเขาจะรู้ตัว ถึงได้พูดขึ้นมา “ยังอยากรู้อะไรอีกไหม?”
“หนูผิดสัญญาอะหยังกับอ้าย?” ซึ่งฉันเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยที่ไม่ได้อะไร รีบถามย้อนเขาไปแบบประโยคต่อประโยค คำถามดังกล่าว ทำคนฟังเหลือบหางตามอง พร้อมด้วยรอยยิ้มเล็กๆ และคำถามสั้นๆ
“ไหนบอกว่าถ้าได้เจอกันอีก พริกจะจำพี่ได้ไง?” คนใจร้ายทิ้งคำถามไว้เพียงแค่นั้น และมันคงเป็นคำถามที่เขาไม่ต้องการคำตอบสักเท่าไหร่นัก เพราะเมื่อพูดจบอ้ายกอล์ฟก็เดินเฉียดไหล่ฉันสวนเข้าไปภายในห้อง เหลือทิ้งไว้แค่คำถามเพื่อให้ฉันคิดตาม
‘พี่ชื่อกอล์ฟค่ะ เป็นพี่ชายฝาแฝดของไอ้ก็อต ฝากตัวด้วยนะคะ…’ ตอนได้ยินเสียงเขาเอ่ยแนะนำตัวเมื่อหลายวันก่อนเป็นครั้งแรก บวกกับหลายๆคำพูดที่เขาใช้ยอกย้อนก่อนหน้านี้ มันทำให้ฉันได้ยินเสียงของตัวเองในอดีตด้วยเช่นกัน
‘ต่อให้เฮาบ่ฮู้ว่าตั๋วเป็นไผ แต่เฮามั่นใจว่า ถ้ามีโอกาสได้เจอตั๋วอีก เฮาต้องจำตั๋วได้แน่นอน!’ เสียงเบรกของรถที่ดังสนั่น ดังแว่วเข้ามาในหัว สลับดังกับคำถามของเขาเมื่อครู่
‘ไหนบอกว่าถ้าได้เจอกันอีก พริกจะจำพี่ได้ไง?’ ทั้งหมดนั้นพานให้ความรู้สึกของฉันในเวลานี้เหมือนกำลังถูกดึงย้อนกลับไปสู่อดีตอีกครั้ง
‘ตั๋วก็เฮียนที่นี่เหมือนกันก่อ?’ ฉันเห็นภาพของตัวเอง
‘ใช่ ดีจัง ในที่สุดเราก็ได้เจอกันอีก’ เห็นภาพของอ้ายก็อตในตอนที่เรามีโอกาสได้พบหน้ากันที่โรงเรียนตอนวันเปิดเทอมแรก
‘เฮาก็ดีใจเหมือนกัน ตั๋วชื่ออะหยัง? เฮาชื่อพริกเน้อ’ จนอดคิดไม่ได้ว่า บางทีคนที่ฉันเจอครั้งแรกตอนเกิดอุบัติเหตุอาจไม่ใช่อ้ายก็อตแต่เป็น…
‘พี่ชื่อก็อตค่ะ ยินดีที่รู้จักนะ’
อ้ายกอล์ฟ...
“ยังไงดีล่ะ วันนี้เธอกะโดดกิจกรรมมหา'ลัยทั้งวันสินะ...”
ฉันสะดุ้ง เมื่อคำถามที่สองถูกยิงแทรกความคิดในหัวให้หยุดลง พานให้ต้องเหลียวหลังขวับมองเจ้าของคำพูดซึ่งกำลังทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนในห้องถัดไป
“เพื่อเป็นการทำโทษที่วันนี้พริกขัดคำสั่งพี่ พี่มีเรื่องอยากให้ทำ” ท่าทางเจ้าเล่ห์ เหมือนคนกำลังคิดอะไรเยอะแยะในหัวของเขาน่ะ แค่มอง ก็พอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องการอะไร ถ้าไม่ใช่การใช้งานฉันทำงานความสะอาดห้องเยี่ยงทาสเหมือนวันก่อน
เพราะว่ารู้ทันความคิด ปากเลยพลั้งถามออกไปแบบไม่ทันคิด
“อ้ายกอล์ฟจะให้หนูยะหยัง?”
“ถ้าบอกแล้ว จะทำให้ได้ทุกอย่างว่างั้น?” คราวนี้น้ำเสียงอ้ายกอล์ฟเปลี่ยนจากดุดัน กลายเป็นยียวนชวนหมั่นไส้ ซึ่งนั่นถือว่าเป็นเรื่องดี ที่บรรยากาศระหว่างเราจะได้กดดันเบาลงบ้าง
“หนูมีสิทธิ์เลือกด้วยหรือไง?” ใช่! ขนาดฉันเลือกว่าจะไม่เข้ามาในห้องนี้ เขายังบังคับให้ฉันเข้ามาได้เลย แล้วถ้าฉันคิดจะปฏิเสธ มีเหรอที่คนอย่างเขาจะยอมปล่อยไป
“รู้ตัวก็ดี” อ้ายกอล์ฟเงียบลงชั่วขณะหนึ่ง พอแอบลอบมองหน้าเขาแล้วถึงได้รู้ว่าเขากำลังหรี่ตาปรายมองมาที่ฉันอย่างพินิจพิจารณา ด้วยท่าทางครุ่นคิด แต่ก็แค่เดี๋ยวเดียว ก่อนที่เขาจะลั่นคำพูดประกาศิตออกมา “งั้นถอดเสื้อออกสิ”
ฉันทำตาโตให้กับคำสั่งที่ได้รับ คำสั่งคราวนี้มันไม่ตรงกับที่ฉันคิดมากนัก โดยเฉพาะกับตอนที่คนสั่งพูดจบแล้วเลื่อนมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของตัวเองออกทีละเม็ด โดยสายตายังคงเพ่งมาที่ฉันเหมือนเป็นสิ่งเดียวที่เขามองเห็น
“อ้ายจะบ้าก่อ!?” ฉันโวยวาย ต่างจากผู้ชายนิสัยเผด็จการซึ่งยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ส่วนมือก็จัดการปลดกระดุมเสื้อเสื้อนักศึกษาอย่างต่อเนื่องจนถึงเม็ดสุดท้าย
“รู้ตัวไม่ใช่เหรอ ว่าไม่มีสิทธิ์เลือก?” แถมยังย้อนออกมาหน้าตาเฉย “จะถอดเองดีๆ หรือต้องให้พี่ช่วย?”
ฟึ่บ!
ว่าแล้วคนตัวใหญ่ก็ลุกพรวดพราดออกจากเตียง จนฉันนี่แหละที่ต้องเป็นฝ่ายผงะตัวถอยเพื่อตั้งรับสถานการณ์
“อย่าเน้อ ถ้าทำอะไรแม้แต่นิดเดียว หนูร้องจริงๆ ด้วย!” สมองสั่งการให้ลั่นวาจาข่มขู่ออกไป ต่อรู้ว่ามันอาจไม่ช่วยอะไรก็ตาม แต่ตอนนี้ก็มีแค่วิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นแหละ เมื่อเห็นอ้ายกอล์ฟเอาแต่ยืนนิ่ง ฉันจึงไม่รอช้ารีบหันหลังตรงไปที่ประตูห้อง เพื่อจัดการพาตัวเองออกไปจากห้องนี้ซะ ทว่า..
กึก! กึก!!
ทั้งที่ไม่ได้ล็อกกลอนเอาไว้ แต่ประตูห้องมันดันล็อก!
“อยากออกไปจากห้องนี้วันหลังก็บอกดีๆ” คำพูดคล้ายกับจะล้อเล่นกับความรู้สึกดังขึ้น จนต้องกลืนน้ำลายลงคอ โดยใช้แค่เพียงประสาทสัมผัสจากใบหูเท่านั้นรับฟัง “เพราะพี่ไม่ได้ล็อกประตูด้วยกลอน…แต่ล็อกด้วยกุญแจ”
สิ้นเสียงร่างกายฉันเหมือนถูกต้องมนต์สะกดให้หันมองไปยังต้นเสียง ซึ่งมันคงจะจริงอย่างที่คนตัวใหญ่ว่าไว้จริงๆ ห้องๆ นี้ถูกล็อกด้วยกุญแจ แถมกุญแจที่ว่าก็ยังอยู่ในมือเขาอีกต่างหาก อ้ายกอล์ฟขยับยิ้มเมื่อเห็นฉันเริ่มแสดงสีหน้าหวั่นวิตก ก่อนจงใจโยนกุญแจที่ถืออยู่ในมือลงบนเตียงนอนซึ่งห่างจากตัวไม่มากนัก และพูด
“อยากได้กุญแจก็เดินมาหยิบสิ”
เขาไม่ใช่บอกฉันอย่างเดียว แต่ยังจงใจถอดเสื้อนักศึกษาที่สวมอยู่ออกไปพร้อมกับชุดช็อป เผยให้เห็นร่างกายกำยำและหน้าท้องเรียงเป็นลูกสวยๆ ตามแบบที่ผู้ชายควรมี จนเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างนึกระแวง และดูท่าอีกฝ่ายจะมองออก เขาจึงกล่าวแทรกขึ้นมาแทนจะวินาทีเดียวกันว่า
“พี่ไม่ทำอะไรพริกหรอก สัญญา…” ไม่ได้พูดเปล่า แต่เขายังยกมือขึ้นเหนือหัว ราวกับจะแสดงความบริสุทธิ์ใจ เหลือเพียงสายตาเขาเท่านั้นแหละที่ยังจ้องฉันอยู่ แต่กับท่าทางที่ตีนิ่งคล้ายกับจะยืนยันคำพูดของตัวเอง และปล่อยให้ความเงียบเข้าแทรกบรรยากาศระหว่างเราอีกครั้ง
ฉันเหลือบตามองกุญแจบนเตียง สลับกับหน้าเขาไปมา และเป็นอีกครั้งที่คนตรงหน้าจะรู้ล่ะมั้ง ว่าฉันรู้สึกลังเล เขาถึงได้ยอมถอยห่างออกจากเตียงมาเล็กน้อย โดยที่ปากก็พูด
“มาหยิบสิ อยากออกไปไม่ใช่ไง?” เมื่อถูกเร่งแบบนั้น ฉันก็เลยไม่มีทางเลือก ตัดสินใจสูดหายใจเข้าจนลึก พร้อมทั้งขยับเคลื่อนตัวอย่างระแวดระวังตรงไปที่เตียงนอน โดยใช้สายตาคอยเฝ้าระวังภัยอยู่ตลอดเวลา
อีกทั้งอ้ายกอล์ฟเองก็ดูไม่ได้ผิดคำพูดอะไรนัก เมื่อฉันพาตัวเองมาถึงเตียงได้ มือข้างถนัดก็รีบคว้าเข้ากับกุญแจที่วางเอาไว้ทันที ทว่า ในตอนที่คลาดสายตาจากคนเจ้าเล่ห์ไปชั่วขณะเดียว
ฟึ่บ! หมับ!
“อ๊ะ!?” มันก็ดันเป็นฉันนั่นแหละที่ต้องเบิกตากว้าง เมื่อผู้ชายที่เอาแต่ยืนนิ่งแสร้งเป็นว่าจะไม่ทำอะไรตามอย่างที่ปากพูด จู่ๆ ก็พุ่งตัวปราดเข้ารวบตัวฉันจากทางด้านหลัง แบบไม่ทันให้ตั้งตัว
“ได้กุญแจยัง?” อ้ายกอล์ฟจงใจกระซิบถามเหมือนอยากจะแกล้งกัน
“อ้ายกอล์ฟปล่อยหนูนะ!” วินาทีนี้บอกเลยว่าฉันไม่สนใจอีกแล้ว ทำได้แค่ดิ้นขลุกขลักเพื่อให้เขาหยุดทำบ้าๆ แบบนี้ลงสักทีส่วนปากก็ยังโวยวายไม่หยุด “ไหนอ้ายกอล์ฟอู้ว่าจะไม่ยะอะหยังยังไงล่ะ!?”
แต่ดูเหมือนมันจะยากเหลือเกิน เมื่ออีกฝ่ายยิ่งเพิ่มแรงกอดกระชับรอบตัวฉันให้แน่นมากยิ่งเข้าไปอีก จากนั้นก็กระซิบตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังชัดมากที่สุดในตอนนี้
“สัจจะไม่มีในหมู่โจร...เคยได้ยินป่ะ?”
To Be Continued...
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต #ผู้ชายสายโจร
ความคิดเห็น