ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    RACE ON ¼ ll แรงเขย่าใจร้ายเขย่ารัก

    ลำดับตอนที่ #4 : Race03 ll ความเจ็บของติ่งครั้งที่3 {อัพ100%} นักซิ่งสายฟ้าปะทะติ่ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.05K
      42
      12 มี.ค. 60

    รำคาญเสียงเพลงก็กดปิดเอาครับ ทำไม่ยากเนาะ


    EP03
    -ความเจ็บของติ่งครั้งที่3-



    บรืนน

    เอี๊ยดดดด!

    บรืนน บรืนนนน

    หูฉันตอนนี้ได้ยินเพียงแค่เสียงเร่งเครื่องยนต์ดังก้องอยู่ในหูตลอดเวลา สลับกับเสียงเบรกของรถที่ขับสวนมา ไหนจะเสียงแตรกับเสียงไซเรนของรถตำรวจที่ขับสวนเลนตามรถแข่งที่ฉันนั่งมาจากทางด้านหลัง

    ยิ่งมองหน้าปัดบอกความเร็วของรถขณะเคลื่อนไปบนถนนด้วยแล้ว ฉันยิ่งอยากจะกลั้นใจตายมันไปซะตอนนี้

    310 km/h

    ฉันไม่รู้ว่าความเร็วของรถคันที่นั่งอยู่มันควรจะอธิบายออกมาให้เข้าใจในรูปแบบไหน รู้แค่ว่ามันไวพอๆ กับรถไฟเหาะตีลังกา และเผลอๆ จะเร็วกว่าด้วยซ้ำ

    ตลอดเส้นทางการขับหลบหนีการจับกุมบนท้องถนน ฉันพยายามใช้มือและแขนเกาะเข้ากับเบาะเพื่อหาหลักยึดอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้แรงดันภายในรถจะกดร่ายกายฉันจมลงไปกับเบาะ ถึงอย่างนั้นก็ยังโครงเครงเพราะแรงกระชากการหักหลบของรถที่พุ่งสวนเข้ามาด้วยความเร็วอยู่ดี

    ฮืออ หยุดรถ หยุดรถเดี๋ยวนี้!!” ไม่ใช่แค่การหาที่ยึดเกาะ แต่ปากก็เอาแต่ตะคอกเสียงสั่งในสภาวะม่านตาเบิกกว้าง เมื่อบ่อยครั้งที่รถซึ่งกำลังนั่งอยู่นั้นหักเหลียวหลบเฉียดรถคันอื่นไปมาอย่างหวุดหวิด

    บอกให้หุบปาก!”

    จอดรถเดี๋ยวนี้!! กรี๊ดดดดดดและฉันก็แหกปากอย่างสุดเสียงอย่างนึกหวาดเสียวในทุกครั้งที่เขาหักพวงมาลัยหลบรถคันอื่นกะทันหัน

    เสียงเธอมันทำให้ฉันไม่มีสมาธิ!” ไม่รู้หรอกว่าตลอดทาง เราตะคอกเสียงใส่กันว่าอะไรบ้าง รู้แค่ว่าคอฉันเริ่มจะเจ็บ และเอาแต่หวีดเสียงสั่งให้เขาหยุด

    กรี๊ดดดดดด จะชนแล้วววววว!”

    บอกให้หุบปากกกกก!”

    เอี๊ยดดดด!

    แม้ว่าเขาหักเลี้ยวหลบรถคันอื่นได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้งก็ตาม ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังกลัวอยู่ดี

    บรืนนนนน...

    พูดก็พูดเถอะ ไม่อยากจะชมแต่ก็ต้องชม แต่ชายแปลกหน้าคนนี้นักว่ามีฝีมือในการขับรถด้วยความเร็วมากจริงๆ ทั้งที่ความเร็วที่ใช้ก็ดูจะไม่ใช่น้อยๆ แต่เขาก็ยังสามารถประคองรถทั้งคันซิ่งสวนรถคันอื่นๆ ไปบนถนนได้อย่างชำนาญ แต่ไม่นานความชื่นชมเรื่องฝีมือการขับรถที่มีให้เขาก็ต้องเป็นอันยุติลง

    อย่างที่ใครบอก งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา การเหยียบเร่งความเร็วจนเกินพิกัดไปบนถนนหลักก็เช่นกัน

    หลังจากซิงไปบนท้องถนนเสี่ยงท้าความตายกันมาครู่ใหญ่เคล้าเสียงแหกปากร้องขอชีวิตและปรามเขาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่รอคอยเราทั้งคู่อยู่เบื้องหน้าคือรถ 16 ล้อที่กำลังเลี้ยวกลับลำรถข้ามมายังอีกฝั่งของถนน

    เบรกกก!!!”

    บอกให้เงียบไง!!!”

    จะชนแล้ว จะชนแล้ว เบรกกกก!!!”

    โธ่เว้ยย!! หุบปากฉันไม่มีสมาธิขับรถ!” ความเร็วของรถที่เกิดพิกัดบวกกับแรงส่งของรถ 16 ล้อที่พุ่งข้ามมาอีกฟากของถนน ทำฉันเบิกตากว้างยิ่งกว้างครั้งไหน โดยเฉพาะเมื่อรถที่นั่งมาพุ่งตรงดิ่งเข้าใส่รถตรงหน้าอย่างสุดกำลังเครื่องยนต์

    เบรกกกก!!!”

    เออรู้! ไม่ใช่แม่อย่าสั่ง!!!”

    “ฉันบอกให้เบรกกกกกกกกกกก!!!”

    เอี๊ยดดดดดดดดดด!!

    ฟึ่บ! ตุบ!

    แรงกระชากอย่างหนักหน่วงทำมือที่ฉันที่กอดรั้งกับเบาะหลุดออกจากกัน  เอนกายกระแทกใช่บริเวณช่วงแขนของชายแปลกหน้าอย่างแรง ท่ามกลางเสียงเบรกที่ดังสนั่นพร้อมด้วยกลิ่นไหม้เหมือนอย่างในตอนที่เราทั้งคู่ออกจากพื้นที่ของห้างสรรพสินค้า ทว่า ครั้งนี้มันต่างออกไป ฉันรู้สึกได้ว่ารถทั้งคันกำลังหมุนติ้วเป็นวงกลม

    หูได้ยินแต่เสียงบีบแตรและเสียงเบรกดังอย่างต่อเนื่องไม่หยุด จนเผลอใช้มือคว้าเข้ากับเสื้อคลุมตัวนอกของชายแปลกหน้าเพื่อลดอาการการเกร็งและความหวาดกลัวลง

    ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่กว่าที่รถทั้งคันจะหยุดหมุน รู้อีกทีฉันก็ได้ยินเสียงเขาเบิ้นเครื่องยนต์อีกครั้งด้วยจังหวะความดังและความเร็วที่ลดลงกว่าเดิม

    ฉันใช้เวลาซุกหน้าอยู่กับช่วงต้นแขนของชายแปลกหน้า พยายามตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองตลอดทั้คืน ความรู้สึกมันเหมือนกับว่าฉันกำลังขาดอากาศหายใจ หอบแฮ่กทั้งที่ไม่ได้ใช้แรงอะไรเลยสักนิด มิหนำซ้ำมือยังกำจิดเสื้อคลุมตัวนอกของอีกฝ่ายไว้แน่นจนรู้สึกแสบมือไปหมด 

    ใจฉันมันเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมานอกอกเสียให้ได้ รุนแรงเสียยิ่งกว่าตอนเจอหน้าวอร์อปป้าใกล้ๆ อีกแหนะ...

    หลังจากทิ้งช่วงให้ได้ตั้งสติสักพักใหญ่ เสียงต่อว่าของผู้เป็นเจ้าของรถก็ดังขึ้น

    ปล่อยได้ยัง เสื้อยับหมด!” 

    น้ำเสียงที่เหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย ราวกับทุกเรื่องที่เผชิญมาเป็นเรื่องปกติทำฉันรีบปล่อยมือผละตัวออกห่างเขาทันที เมื่อมองหันมองข้างทาง จึงพบว่าที่ที่เขาขับรถมาตอนนี้มันไม่ใช่เส้นทางถนนหลวงอย่างตอนแรก เพราะสองข้างทางรถไปด้วยป่า

    ฮ่าๆ อะไรนี่เธอกลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?ไม่ใช่แค่ทำตัวปกติแต่หมอนี่ยังสามารถหัวเราะหลังจากพาฉันเกือบตายมาแล้วหลายต่อหลายครั้งเพราะการซิ่งบนถนน!

    หุบปากไปเลย! นายเกือบพาฉันไปตาย!”

    คิดซะว่าเป็นการลงโทษที่เธอปล้นซิงฉันก็แล้วกันแม้จะยังรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องกับสิ่งที่เกิด แต่พอได้ฟังคำพูดบ้าๆ ปากมันก็อดกระตุกไม่ได้

    นายนี่ท่าทางจะพูดไม่รู้เรื่อง ก็บอกว่ายังไม่ได้ทำอะไรไงยังไงล่ะ!” ทว่า หลังสิ้นเสียงค้าน เขากลับเหลือบหางตามองฉัน ยิ้มกรุ้มกริ่มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเอ่ยขึ้นสวนกลับมาทันที

    ผู้ร้ายปากแข็งแหนะ ไอ้หมอนี่

    เพราะรู้ว่าขืนยังต่อปากต่อคำ ผู้ชายคนนี้ก็คงจะพูดแต่อะไรเดิมๆ ชนิดที่เข้าข้างตัวเองและไม่ยอมฟังเหตุผลหรือฟังเสียงคัดค้านอยู่ดี เพราะงั้นฉันจึงเลือกที่จะเงียบ กลอกตามองไปยังกระจกข้างรถอย่างนึกเอือมระอา

    ทั้งที่เลือกจะเงียบแต่อีกฝ่ายก็ยัง...

    เงียบเลยดิ เถียงไม่ได้คำพูดเหมือนกับตั้งใจจะยียวนกวนประสาท ทำฉันตวัดหางตามองเขาแบบไม่สบอารมณ์ก่อนพบว่า เสี้ยวหนึ่งของใบหน้าคมคายส่อแววทะเล้นกำลังขมุบขมิบปากยิ้ม ทั้งที่สายตายังมองถนนตรงหน้า

    คิดว่าตัวเองเป็นใคร หล่อนักหรือไง ถึงได้คิดว่าใครต่อใครต้องอยากปล้ำ...

    ใช่หล่อรู้ไหมฉันแทบอยากจะกลอกตาหมุนให้ได้ 360 องศา เมื่ออีกฝ่ายพูดตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ ซ้ำร้ายยังถามความเห็น เธอไม่คิดว่าฉันหล่อเหรอ?

    เหอๆ =_=

    พ่อบอกฉันหน้าเหมือนพ่อ เลยหล่อเหมือนกันแถมยังเริ่มคุยโว

    ไม่ได้ถาม!”

    เอาดีๆดิ เธอไม่คิดว่าฉันหล่อเหรอ?คราวนี้เขาถามคำถามเดิมแต่เลือกที่จะหันมามองฉันแทนถนนตรงหน้า

    หล่อไม่เท่าคนที่ฉันชอบหรอกย่ะ!”

    “แล้วเธอชอบใคร อยากรู้ว่าจะหล่อแค่ไหน?

    ไม่ต้องยุ่งได้ป่ะ? ขับรถก็มองทางไปสิฉันว่า

    รถฉัน ฉันจะขับยังไงก็ได้ ปล่อยมือขับแล้วเหยียบคันเร่งยังได้เลยหากคิดว่าชายแปลกหน้าคนนี้ตั้งใจพูดเพื่อยียวนอารมณ์อย่างเดียวล่ะก็ บอกเลยไม่ใช่

    บรืนนนน

    เขาจงใจเหยียบคันเร่งพร้อมทั้งปล่อยมือออกตามอย่างที่ปากว่า จนฉันต้องรีบต่อว่า

    ทำบ้าอะไร! จับพวงมาลัยสิ!!”

    บอกมาก่อนดิ ว่าไอ้ที่เธอว่าหล่อนี่มันใคร!?” ตอนนี้ฉันชักเริ่มหงุดหงิดกับผู้ชายคนนี้ขึ้นมาแล้วจริงๆ โอเค! เขาเป็นคนพูดจริงทำจริง แต่นี่มันก็ละลาบละล้วงมากเกินไปป่ะ!

    บอกก็ได้ แต่ต้องจับพวงมาลัยก่อน!” ถึงจะคิดอย่างงั้นแต่แล้วยังไงล่ะ ฉันก็ต้องยอมแพ้เขาอยู่ดี ในเมื่อนั่งอยู่ในรถที่เขาเป็นผู้ควบคุมเหมือนเชลยศึกอย่างนี้ วอร์อปป้าวง SWAG”

    พอให้คำตอบ คนถามก็เงียบไปซึ่งเขาก็รักษาสัญญายอมใช้มือจับพวงมาลัยไว้ดังเก่า จากความเงียบครู่สั้นๆ เริ่มยิ่งยาวกินเวลาไปเกือบ 1 นาทีตามความรู้สึก แต่แล้วเขาก็โพล่งเสียงออกมาเหมือนนึกอะไรออก

    นี่มันติ่งเกาหลีนี่หว่า!”

    แล้วมันผิดหรือไง!?” ฉันย้อนด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ถึงจะชินกับการถูกทอร์ชเรียกว่าติ่ง แต่การถูกคนคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่ออย่างเขาเรียกด้วยวลีนี้ มันก็ทำให้รู้ไม่พอใจขึ้นมาเสียดื้อๆ

    ติ่งทำไมคนเกาหลี มาติ่งฉันดีกว่า หล่อกว่าเยอะ

    มองบนแรง!

    แล้วเธอชื่อไรอ่ะ?พอเริ่มคุยด้วย ฉันก็เริ่มรู้สึกว่าเขาค่อนข้างจะพูดมาก มากเกินไป!

    ไม่จำเป็นต้องบอกไหมล่ะ?

    เทวินทร์

    อะไร?

    ชื่อฉัน จะเรียกวินทร์ก็ได้ พ่อไม่ว่า

    =_= อะไรของมันวะ!?

    สรุปเธอชื่ออะไร?อีกครั้งที่เขาถาม

    ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ป่ะ!?” ให้ตายสิ! ถ้าคนที่เร่งเร้าถามชื่อเป็นวอร์อปป้าล่ะก็ ฉันคงไม่รู้สึกรำคาญมากขนาดนี้

    เอ้า หยิ่งอีก คิดว่าสวยมากไง? ฉันเมินหน้าหนีเขาอย่างนึกรำคาญ เลือกที่จะเงียบเพราะขี้เกียจต่อปากคำ ทว่า ตอนนั้นเอง

    ตึงง!

    จู่ๆ เขากลับเหยียบเบรกกะทันหัน ทำเอาฉันที่ไม่ทันตั้งหลักหัวกระแทกเข้ากับคอนโซนหน้ารถอย่างแรง จนอดไม่ไหว จำต้องต้องหันไปต่อว่าเขาอีกครั้งอย่างสุดจะทน

    ทำบ้าอะไรของนาย!? คิดจะเบรกก็เบรก บ้าหรือไง...” ทว่า คำต่อว่ากลับถูกกลืนหายกลับเข้าไปในลำคอ

    เมื่อวินาทีที่หันกลับไป ฉันต้องตกใจเมื่อพบเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาแกมยียวนกวนประสาทของคนบนเบาะคนขับซึ่งเวลานี้กำลังใช้แขนเท้ากับพวงมาลัย เอียงตัวหันมามองฉันแบบตรงๆ

    อะ...อะไร!?” ฉันถามเขาอย่างไม่เต็มเสียงนักเพราะรู้สึกทำตัวไม่ถูกยามถูกนัยน์ตาเรียวรีคู่นั่นจ้องมอง

    แถวนี้มืดดีนะว่าไหม?” หากแต่นั่นดันทำให้เขายกยิ้มร้ายกาจพร้อมทั้งขยับเอนตัวเข้ามาหา พานให้ต้องถดตัวหนี เพราะสิ่งที่ถามไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย เมื่ออีกฝ่ายยังเอาแต่จ้องหน้าฉันราวกับจะกลืนกิน 

    โดยเฉพาะคำพูดต่อมา

    บรรยากาศน่าเสียตัว...

    “…” หนะ น่าเสียตัวงั้นเหรอ!?

    ส่วนมากผู้หญิงมักถูกปล้ำในที่มืด

     “จะ จะทำอะไร!?” ฉันตะคอกถามเทวินทร์(เรียกตาม) ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะกำลังไม่ปลอดภัย ซ้ำร้ายคนตรงหน้าก็ยังจัดการปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อให้ตัวเองเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้นอีก

    ใครจะรู้ว่าหลังจากผ่านการซิ่งท้าความตายบนถนนหลวงจบไปแล้ว ฉันจะต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้!

    อย่าเข้ามาใกล้นะ!” ฉันเบี่ยงหน้าหลบการถูกจู่โจมเมื่อรู้ว่าคำถามและเสียงปรามดูจะใช้กับเขาไม่ได้ผล เมื่อคนตัวใหญ่เขยิบตัวโน้มหน้าจากฝั่งเบาะคนขับเข้ามาใกล้ฉันมาขึ้น จนนาทีนี้ไม่มีที่เหลือให้ฉันแทรกหลังหนีหลบการจู่โจมเขาได้อีกต่อไป

    กึก!

    เทวินทร์ทาบแขนลงกับกระจกประตูรถ ใช้สายตาแบบเดิมกวาดสำรวจไปทั่วใบหน้าคล้ายกับกำลังพินิจพิจารณาอะไรสักอย่าง จากนั้นก็พูดขึ้น

    เธอยังไม่ได้ปล้ำฉันถูกไหม?

    อึก...พอถูกเขาถามในระยะประชิดขนาดนี้ที่ทำได้คือการพยักหน้าหงึกหงักและการกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ

    ดี...เขาพูดเช่นนั้นแต่ก็ไม่ได้ทำท่าจะถอยออกไป ซ้ำร้ายยังพูดในสิ่งที่ฉันไม่คาดฝัน “งั้นเรามาหาอะไรทำกันต่อจากที่ลานจอดรถกันป่ะติ่ง?”

              ว่าแล้วเขาก็โน้มหน้าเข้ามาหาเป็นหนที่สอง พานให้ต้องเบือนหน้าหลบอย่างนึกหวาด ถึงตอนแรกมีความคิดที่จะปล้ำอปป้าก็จริง แต่พอเป็นฝ่ายถูกกระทำหรือถูกจู่โจมแบบนี้แล้ว มันก็ชักเริ่มจะกลัวขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

              “เริ่มจากจูบก่อนดีไหม? แล้วค่อยลามไปทำอย่างอื่น...

    เฮือก!” ฉันสะดุ้งเฮือก เมื่อความมือไวใจเร็วของอีกฝ่ายแตะลงบริเวณต้นขาอย่างถือวิสาสะ จำต้องต้องเหลือบหางตามองเขาอีกครั้ง และพบว่าระยะใบหน้าของเราอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ

    หลับตาสิ...แถมยังมีคำพูดกดดันตามมาไม่หยุด พลอยให้ต้องเม้มปากแน่นเพื่อให้เขารู้ว่ากำลังถูกปฏิเสธ แต่นั่นไม่ได้ช่วยอะไร ในเมื่อเขายังเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้น มากเสียจนรับรู้ถึงลมใจร้อนที่เป่ารดลงมา

    อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ!” เมื่อทำอะไรไม่ได้สุดท้ายก็เลยต้องหวีดเสียง แต่เขาก็ยังขัด

    แค่จูบเอง อย่าเล่นตัวมากได้ป่ะ?สุดท้ายฉันก็ทนต่อไปไม่ไหว จำต้องระเบิดความโลกสวยสะพรั่งดังในหนังสือการ์ตูนออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำพลางเอียงหน้าหลบการกระทำอีกฝ่ายอย่างเต็มกำลัง

    “ฉันไม่ได้เล่นตัว! แต่จูบมันต้องทำกับแฟนหรือคนที่ชอบไม่ใช่หรือไง!” สิ้นเสียงตะคอกปรามดังกล่าวแทนที่มันจะได้ผล แต่เปล่าเลย นั่นยิ่งทำให้เขาจู่โจมเข้าใส่เร็วขึ้น จนระดับของริมฝีปากและลมหายใจของเขาเป่าแผ่วๆ อยู่บริเวณกกหูพร้อมด้วยเสียงกระซิบ

    งั้นบอกชื่อมา แล้วจะหยุด...

    เฮือก!” ไม่ใช่แค่กระซิบแต่เขายังจงใจเป่าลมใส่หูให้ฉันสะดุ้ง การกระทำของเขาทั้งหมดปั่นป่วนความคิด สติของฉันที่มีให้แตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง นอกจากนั้นเขายังเอ่ยย้ำในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ไม่หยุด

    เธอ ชื่ออะไร?

    “…แมร์สุดท้ายคนที่หมดทางหนีและไม่มีทางเลือกอย่างฉัน ก็จำต้องบอกชื่อตัวเองออกไป ด้วยเสียงที่ค่อยเพราะยังทำตัวไม่ถูก

    ไม่ได้ยิน ขอดังๆ

    ชื่อกาละแมร์!!” ฉันกลั้นใจโพล่งออกไปอย่างสุดเสียง

    และเชื่อไหมทันทีที่สิ้นคำ ผู้ชายที่ใช้ร่างกายกดดันและปั่นป่วนความคิดฉันก็หยุดชะงักไป เทวินทร์ยอมผละตัวถอยไปเล็กน้อยพลอยให้ต้องเหลือบมองทีท่าอีกฝ่ายจากทางหางตา และพบว่าเขากำลังยกยิ้มคล้ายกับพึงพอใจ

    ก็แค่เนี่ย เล่นตัวอยู่ได้อีกทั้งยังต่อว่าขณะขยับกลับไปนั่งประจำที่ของตัวเองราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

    ทั้งที่เขาเคลื่อนตัวออกไปแล้วแท้ๆ แต่หัวใจฉันยังเต้นแรงไม่หาย...

    บ้านอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวขับไปส่งเทวินทร์พูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาเริ่มประคองรถทั้งคันที่จอดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่งให้เริ่มเคลื่อนที่อีกครั้ง

    มะ...ไม่ต้อง เดี๋ยวออกถนนใหญ่ นายจอดให้ฉันลงกลางทางก็ได้ เดี๋ยวฉันเรียกแท็กซี่กลับเองฉันพยายามรัวคำพูดปฏิเสธเขาด้วยเสียงที่ยังสั่นไม่หาย แต่ว่า

    โอเค...” 

    เขาดันพูดตอบโต้กลับมาเหมือนไม่ได้ฟัง

    บอกทางด้วยล่ะว่าบ้านอยู่หลังไหน

    ก็บอกว่าไม่ต้องงะ...

           เอี๊ยดด! ตึงง!!

              โธ่อย่าเสียงดังสิ ตกใจหมด!” เขาแสร้งทำเสียงตกใจเมื่อเห็นฉันหน้าคำกระแทกใส่คอนโซนหน้ารถ แถมยังรีบยกมือทาบอกเพื่อให้ดูสมจริงเสมือนว่าการเบรกกะทันหันเมื่อครู่เป็นอุบัติเหตุ

    ฉันกัดฟันกรอดอย่างนึกเจ็บใจพลางใช้มือถูหน้าผากตัวเองไปตัวขณะขยับขึ้นมานั่งบนเบาะให้เรียบร้อย เมื่อเขาเห็นว่าฉันนั่งประจำที่ได้สำเร็จ เทวินทร์ก็เริ่มขับรถไปบนเส้นทางมืดอีกครั้ง

    เดี๋ยวถ้าออกถนนใหญ่ นายก็จะ...และพอฉันเริ่มจะอ้าปากพูดเรื่องให้เขาส่งลงข้างทาง

    เอี๊ยด! ตึงง!!

              เขาก็ทำมันอีก โดยใช้ข้อแก้ตัวเดิม

    โธ่! บอกว่าอย่างเสียงดังไง คนมันตกใจง่าย!!”

    พระเจ้าคะ ถ้าเมื่อไหร่หนูมีโอกาสได้เจอท่าน หนูจะกรี๊ดอัดหูให้สมกับที่ท่านบันดาลให้หนูมาเจอกับไอ้ผู้ชายคนนี้ สาบานด้วยเกียรติของเนตรนารีเก่าเลยเอ้า!


    เกือบ 35 นาทีที่เทวินทร์พาฉันนั่งติดรถขับลัดเลาะไปตามเส้นทางมืดๆ ก่อนเลี้ยวออกสู่ถนนใหญ่ เราทั้งคู่ไม่พูดอะไรกันเลยตลอดเส้นทางที่ผ่านมา ฉันโกรธเขาและดูเหมือนเขาเองก็อยากให้ฉันเงียบเหมือนกัน ระหว่างเรามีแค่เสียงเครื่องยต์แรงๆ เท่านั้น

    บนถนนหลวงตอนนี้ดูเป็นปกติดีรวมถึงการขับรถของเขาที่เหมือนผู้เหมือนคนขึ้น เขาไม่ได้ขับรถด้วยความเร็วเหมือนรีบไปตายอย่างตอนแรกแต่เหมือนขับเรื่อยๆ กินลมมากกว่า และใช่! เขาไม่คิดจะแวะข้างทางเพื่อส่งฉันลงตามอย่างที่บอกไว้จริงๆ ฉันไม่รู้ว่าเขาจะขับไปไหน ในเมื่อฉันไม่ได้บอกทางกลับบ้าน แต่ไม่ว่ารถคันนี้จะไปหยุดที่ไหนก็ตาม ฉันจะรีบอาศัยจังหวะนั้นลงจากรถแล้ววิ่งไปโบกรถแท็กซี่กลับบ้านพักทันที!

    เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ในที่สุดเทวินทร์ก็พาฉันขับเลี้ยวออกมาเกือบแถวชานเมือง เขาไม่ได้ตั้งใจจะพาฉันไปส่งที่บ้านอย่างที่พูดไว้ หรืออาจเพราะฉันไม่บอกทางเขาก็เลยเลือกขับมาที่แห่งนี้แทน

    สถานที่ตรงหน้าดูคล้ายกับเขตก่อสร้าง หากแต่อุ่นหนาฝาคลั่งไปด้วยวัยรุ่นและรถหรูราคาแพงหลายสิบคันจอดเรียงรายกันอยู่ อารมณ์คล้ายกับตลาดกลางคืนหรือไม่ก็พวกผับกลางแจ้ง มีทั้งของขาย เสียงเพลงและผู้คน ทั้งที่บริเวณออกห่างจากในเมืองมามากแท้ๆ

    นายพาฉันมาที่นี่ทำไม?สุดท้ายคนที่มีนิสัยปากไวและอยากรู้อยากเห้นไปเสียหมดอย่างฉัน ก็ต้องเป็นฝ่ายเปิดบทสทนาก่อน หลังจากทนเงียบมาได้เกือบชั่วโมง

    ทำธุระ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพาไปส่งบ้านน่า เขาบอกฉันแค่นั้นและเลี้ยวรถเข้าไปยังสถานที่ตรงหน้า คำถามคือใครเขากังวลเรื่องให้ไปส่งบ้านกัน!

    พอรถเลี้ยวเข้ามาได้ไม่เท่าไหร่ สิ่งที่ตามมาคือเสียงโห่ร้องต้อนรับของเหล่าวัยรุ่นที่หันมาเจอเข้ากับรถที่ฉันนั่งโดยสารมาพอดิบพอดี พวกเขาทำท่าคล้ายกับกำลังดีใจ บ้างโบกผ้าเช็ดหน้าสีแดงในมือไปมา บ้างก็กรูเข้ามาทุบที่กระจกรถด้วยท่าทางดีใจ บ้างก็ตะโกนเรียกด้วยชื่อที่ฉันไม่คุ้น

    “TW! มาแล้ว!! เขากลับมาแล้ว!!” TW งั้นเหรอ มาจากคำว่าเทวินทร์หรือไงนะ...

    ไอ้หยา! ถ้าอย่างงั้นผู้ชายคนนี้ก็คงจะดังในกลุ่มวัยรุ่นพวกนี้ไม่น้อยเลยอย่างงั้นน่ะสิ

    เธอนั่งรออยู่ในรถ เดี๋ยวฉันลงไปคุยธุระแป๊บ เดี๋ยวมาฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ เทวินทร์เอ่ยขึ้นพร้อมทำรีบเปิดประตูรถออกอย่างรีบร้อน แต่ก่อนจะลงเขาก็ยังมีหน้าหันมากำชับเสมือนเป็นเจ้าชีวิต รออยู่ในรถ ห้ามไปไหน ไม่งั้นฉันแจ้งตำรวจ

    แจ้งตำรวจข้อหาอะไรไม่ทราบ!?”

    ตึงง!!

    ผู้ชายน่าหมั่นไส้และยียวนกวนประสาทตลอดเวลาตอบกลับเสียงตะคอกถามของฉันด้วยการปิดประตูใส่แบบไม่สนใจ เขาเดินล้วงมือใส่กระเป๋ากางเกง หันมองซ้ายมองขวาผ่านผู้คน ก่อนที่กลุ่มวัยรุ่นที่พากันส่งเสียงเชียร์ตอนที่เขาขับรถเข้ามาจะพากันวิ่งเข้าใส่ประหนึ่งว่าเจอดารา

    พอเห็นสภาพเขาเป็นแบบนั้นเลยไม่ค่อยรู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ ว่าทำไมหมอนั่นถึงมั่นหน้ามั่นโหนกตัวเองได้ปานนั้น ที่แท้เพราะมีกลุ่มคนพวกนี้คอยชูหางและชื่นชมอยู่นี่เอง

    ฉันนั่งจ้องโฟกัสไปที่เทวินทร์ผ่านกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยความหมั่นไส้แบบไม่วางตา ที่มองไม่ใช่เพราะพิศวาส แต่มองเพื่อรอโอกาสเหมาะๆ ที่จะพาตัวเองลงจากรถแล้วหนีไปโบกแท็กซี่กลับบ้านพักต่างหาก

    กว่าเขาจะพาตัวเองเดินหายปะปนเข้าไปกลับกลุ่มวัยรุ่นคนอืนๆ ก็เกือบ 5 นาทีตามความรู้สึก เมื่อโอกาสมาถึงฉันจึงไม่รอช้ารีบเปิดประตูกระดจนลงจากรถทันที

    เมื่อเท้าสองข้างเหยียบลงกับพื้นโลกขาก็เริ่มสั่นพั่บๆ เหมือนอย่างกับเจ้าเข้า รู้สึกได้ถึงวินาทีแรกที่พ่อกับแม่สอนให้เดินได้ชัดเจนมาก แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็พยายามประคองขาที่สั่นของตัวเองเดินแทรกผู้คนเพื่อมุ่งสู่ทางออก

    ไอ้ตอนนั่งอยู่ในรถน่ะ ฉันก็คิดว่าการเดินออกจากสถานที่แห่งนี้มันคงไม่ยากเท่าไหร่ แต่พอเดินด้วยเท้าแล้ว สถานที่แห่งนี้มันดูจะกว้างเอาเสียมากๆ ไม่ว่าจะกวาดตามองไปทางไหนก็ดูจะคล้ายกันไปหมด ไม่เจอกลุ่มวัยรุ่น ร้านค้า ก็รถแพงๆ เท่านั้น

    หากคิดว่าฉันจะยอมแพ้บอกเลยว่าไม่มีทาง ยังคงบังคับเท้าสองข้างให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีจุดหมายแม้ไม่รู้ว่าปลายทางอยู่ที่ไหน ทว่า ตอนนั้นเอง หูฉันก็ดันได้ยินเสียงกรีดของกลุ่มวัยรุ่นผู้หญิงซึ่งดังแข่งกับเสียงเพลงที่เปิดอยู่ภายในบริเวณที่กำหนด

    ไม่รู้ว่ามันคือพรมหลิขิตหรือความอยากรู้มากไป ร่างกายจึงหันขวับไปยังต้นเสียงทันทีโดยอัตโนมัติ และการที่ทำเช่นนั้นมันก็เลยพานให้เท้าสองข้างของฉันหยุดชะงักงันได้อย่างเฉียบพลัน เมื่อพบต้นตอของเสียงกรี๊ดที่ว่า

    ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยเสื้อหนังสีดำกับกางเกงยีนขาเดฟขาดดูเซอร์แสนคุ้นตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เขาบังเอิญหันหน้ามาตรงจุดที่ฉันอยู่พอดิบพอดี โลกทั้งใบก็คล้ายกับจะหยุดหมุน สมองเหมือนเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ ลืมไปเลยว่าเคยอยากกลับบ้าน...

    วะ วอร์อปป้า...

    To Be Continued...


    เจอผู้ไม่ได้นะจ๊ะ เจอปุ๊บลืมเลยว่าเคยอยากกลับบ้าน 55555555555555

    ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%

    1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย

    ติดแท็กในทวิต 

    #ชีวิตติ่งยิ่งกว่าเจ็บ #ติ่งแฟนวินทร์

    แก๊งลูกเทพ¼ 
     จิ้มซะจะได้ไม่เป็นธุระของพ่อกับแม่! 

        




    ll Character ll






    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้จิ้มเน้นๆที่หน้าเทวินทร์!

    ^
     รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน 
     ส่งฟีดแบ็กทางทวิต เพจ คอมเม้น
     หรือโหวตข้างล่างเต็ม100นะเออ 
    v
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×