ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    RACE ON ¼ ll แรงเขย่าใจร้ายเขย่ารัก

    ลำดับตอนที่ #3 : Race02 ll ความเจ็บของติ่งครั้งที่2 {อัพ100%} ความผิดพลาดของติ่ง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.11K
      56
      7 ก.พ. 60



    EP02
    -ความเจ็บของติ่งครั้งที่2-




    กะอีแค่ปล้ำผู้ชายมันไม่ยากเกินความสามารถหรอก! ลุย!!

    เมื่อสมองการมาแบบนั้น ฉันก็ไม่รอช้ารีบพาตัวเองเดินไปหยุดที่ข้างประตูรถทันที หลายครั้งแล้วที่ฉันกลืนน้ำลายลงเพื่อช่วยลดอาการตื่นเต้น ใจเย็นกาละแมร์ จำทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง ขืนชักยาหมดฤทธิ์จะพลาดเสียอปป้าให้ชะนีนางอื่นนะ!

    รู้ไหมใจฉันน่ะเต้นแรงมากจนแทนจะหลุดออกมานอกอก เพราะถึงจะบอกว่าเวลามีไม่มากและไม่อยากเสียอปป้าให้ใคร พอเอาเข้าจริงฉันแทบจะไม่รู้วิธีทำให้ตัวเองเสียความบริสุทธิ์เลยสักนิด ที่มีอยู่ในหัวก็มีแต่ทฤษฏีจากหนังสือการ์ตูนและนิยายเท่านั้น

    ฉันยืนทำใจอยู่ราวๆ 5 นาทีจนสามารถตัดสินใจขั้นเด็ดขาด เอื้อมมือจับบานประตูรถให้เปิดอ้าออกเพื่อเช็กดสภาพความเป็นไปของผู้ชายที่อยู่ภายใน และใช่ เขากำลังนอนหลับอยู่จริงๆ แถมยังหลับไม่รู้เรื่องทั้งที่ฉันเข้าประชิดตัวขนาดนี้แล้วด้วย

    เพราะความมืดจากมุมอับบริเวณที่เขาจอดรถ ทำให้ฉันมองไม่เห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ได้ชัดเจนนัก ยิ่งเขาเอนเบาะนอนราบลงไปด้วยแล้ว มันยิ่งทำให้ฉันมองไม่เห็นเข้าไปใหญ่ แต่สิ่งที่ช่วยทำให้ฉันมั่นใจว่าเขาคือวอร์อปป้าของฉันแบบไม่ผิดตัวแน่ก็คงเป็นเครื่องแต่งกายที่เขาสวมอยู่นั่นแหละ

    กางเกงยีนส์ทรงขาเดฟสีดำขาดๆ กับเสื้อยืดสีดำสกรีนลายอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะมองมุมไหนมันก็ชุดที่วอร์อปป้าแต่งมาวันนี้ทั้งนั้น

    ดีล่ะ อย่าชักช้าให้เสียเวลาไปมากกว่านี้เลย...

    เมื่อคิดดีแล้ว ฉันจึงค่อยเบียดตัวแทรกเข้าไปภายในรถอย่างทุลักทุเล สถานการณ์ตอนนี้มันไม่จำเป็นต้องไตร่ตรองอะไรทั้งสิ้น ขืนมีคนมาเจอก่อนจะทำภารกิจสำเร็จ จะแย่เอา โชคดีที่เกิดมาตัวเล็ก ทำให้พื้นที่ระหว่างคอนโซลหน้ารถและเบาะที่วอร์อปป้าใช้เอนนอนลงไปจึงเหลือที่วางเพียงพอให้ฉันได้แทรกกายเข้ามาได้สะดวก

    หลังจากแทรกตัวเข้ามาท่ามกลางความอึดอัดและความมืดภายในรถได้สำเร็จ สิ่งที่ฉันไม่ลืมอีกอย่างก็คือการทำลายหลักฐาน จัดการดึงขาของเขาที่ห้อยลงไปด้านล่างให้กลับมาอยู่ในรถและปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ

    ท่ามกลางความเงียบที่มีแต่สองเราหลังจากประตูรถปิดลง ฉันได้ยินเสียงหัวใจตัวเองดังรัวอยู่ตลอดเวลา สลับกับเสียงลมหายใจยามหลับใหลไม่ได้สติของบุคคลอันเป็นที่รัก

    เอาล่ะ ตอนนี้ฉันก็เข้ามาอยู่ในรถกับเขาสองต่อสองแล้ว ก่อนจะเริ่มสละซิง สิ่งที่ควรทำต่อไปในหน้านิยายส่วนใหญ่มันก็ต้องเริ่มจากการจูบ

    ฉันกลั้นใจอย่างฮึดสู้! แม้ลึกๆ พอรู้ตัวว่ากำลังจะได้จูบกับวอร์อปป้าความฟินก็เริ่มประทับร่างจนหน้าแทบจะระเบิด แต่ก็อย่างที่บอกเวลามันเหลือน้อย ขืนมัวแต่เก้อเขินจะชวดโอกาสดีๆ ไปจนหมด

    กึก!

    ฉันค่อยขยับกายยืดตัวเคลื่อนขึ้นไปนั่งบนตักเขาอย่างทุลักทุเล พื้นที่คับแคบภายในรถมันทำให้ฉันขยับตัวไม่ถนัดสักเท่าไหร่นัก อีกทั้งความตื่นเต้นและความประหม่าก็เริ่มจะทำให้ฝ่ามือสองข้างชุ่มไปด้วยเหงื่อ

    กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของผู้ชายยามที่ได้อยู่ใกล้เขาในระยะแนบชิดแบบนี้ มันทำให้ฉันใจเต้นโครมหนักกว่าที่เคยเป็น เพราะไม่รู้จะเอามือไม้ไปไว้ที่ไหน ส่วนที่ฉันคว้าจับลงไปจึงเป็นหัวเข็มขัดที่เขาใส่อยู่

    อยู่นิ่งๆ นะคะอปป้า หนูจะทำเบาๆ สัญญามันจะไม่เจ็บ...

    ฉันพึมพำบอกชายหนุ่มซึ่งหลับใหลไม่ได้สติท่ามกลางความมืดภายในรถแข่งคันหรู ขณะมือไม้พยายามเลิกเสื้อยืดเขาขึ้นอย่างรีบร้อน

    นี่น่ะครั้งแรกในชีวิตเลยรู้ไหมที่ฉันต้องทำเรื่องน่าอายแบบนี้ ทั้งมือและใจมันสั่นไปหมด สั่นรุนแรงจนแทบทนไม่ไหว พานให้ต้องกลั้นหายใจบางช่วงเพื่อเรียกสติ ยิ่งเมื่อเสื้อยืดถูกเลิกขึ้นสูงจนเห็นซิกแพกที่ซ่อนอยู่ภายในด้วยแล้ว กำเดานี่แทบจะทะลัก!

    อดทนไว้กาละแมร์แกจะมาตายเพราะเฆ้นซิกแพกอปป้าใกล้ๆ ไม่ได้! ถ้าคิดจะขัดขวางการมีเมียของอปป้า ทางเดียวที่จะทำได้คือการต้องเอาตัวเข้าแลกนี่แหละ!

    อาจเพราะฉันจะรีบร้อนไปหน่อยหรือไม่ก็คงมือหนัก นั่นเลยทำให้ผู้ชายที่กำลังไม่ได้สติเริ่มมีการขยับเขยื้อนร่างกายนิดหน่อย ต้องรีบช้อนตามองสีหน้าของเขาผ่านความมืด แม้จะมองไม่ชัดนักแต่ฉันก็รับรู้ได้ถึงออร่าหล่อทิ่มเบ้าตาของเขาอยู่ดี ทว่า ในตอนที่ตั้งใจจะละมือเปียกชุ่มข้างที่เหลือออกจากหัวเข็ม เสียงงึมงำลักษณะงัวเงียก็ดังขึ้น

    อื้อ...ตัวหนักฉิบ เขยิบลงไปดิ!” ชายตรงหน้าโบกมือปัดไปปัดมาก่อนหยุดและดันหัวฉันไว้ ซึ่งแน่นอนว่าเสียงและการกระทำของเขามันทำให้ฉันยอมหยุดมือลงทันที

    ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะถึงเขาแต่งตัวเหมือนวอร์อปป้าเป๊ะๆ แต่เสียงที่ได้ยินมันกลับไม่ใช่น่ะสิ!!

    ความน่าตกใจกับผลตอบรับทางความรู้สึกที่ร่ำร้องว่า ไม่ใช่ ส่งผลให้รีบชักมือออกจากเรือนร่างและเครื่องแต่งกายของเขาทันที ทว่า ยังไม่ทันที่ได้ทำอะไรไปมากกว่านี้หรือหนีไปไหน วินาทีนรกแตกก็มาถึง เมื่อผู้ชายที่ฉันคิดว่าเป็นวอร์อปป้าจู่ๆ ก็ลืมตาโพลงพร้อมทั้งตะโกนขึ้นเสียงลั่นรถ

    เฮ้ยจะทำไรวะ!!” 

    ฟึ่บ!

    เขาไม่ใช่แค่โวยวายแต่ยังรีบลุกพรวดพราดขึ้นมาจนหัวเราทั้งคู่เกือบเขกกัน มิหนำซ้ำยังไม่เปิดโอกาสใดๆ ให้ฉันได้อ้าปากแก้ตัว

    คิดจะปล้นซิงฉันเหรอ!?”

    น้ำเสียงเขาร้อนรนมาก คล้ายกับเจอผีก็ไม่ปราน มือไม้สำรวจไปตามร่างกายตัวเองราวกับจะเช็กความปลอดภัย ส่วนปากก็พึมพำอย่างลนลาน

    เธอปล้ำฉันเหรอ!?” เพื่อไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายไปมากกว่านี้ ฉันจึงแทรกเสียงตอบกลับไปอย่างหนักแน่นและหวังว่าเขาจะเลิกสติแตก ใจเย็นลงกว่านี้

    ยังไม่ได้ปล้ำ!” ทว่านั่นกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย เมื่อเขาเอื้อมมือเปิดไฟภายในรถ จนทำให้เรามองเห็นหน้าของกันและกันชัดขึ้น เขากัดฟันกรอดแถมยังไม่คลายความร้อนรน อีกทั้งยังตั้งคำถาม

    เธอจับปิกาจูฉันไปแล้วใช่ไหม!?” แสดงปฏิกิริยาด้วยการยกมือทาบอกคล้ายกับโดนฉันกระทำชำเราไปแล้วจริงๆ โดยเฉพาะกับคำถามสุดท้ายที่แทบจะทำให้ฉันกรี๊ดอัดหูเขามันเสียตอนนั้น

    เธอจับมันแรงหรือเปล่า!?”

    ก็บอกว่ายังไม่ได้ทำอะไร! ฟังบ้างสิ!!!” การที่เป็นเช่นนั้นมันเริ่มทำให้ฉันทนไม่ไหว จำต้องตะคอกสวนกลับไปอีกครั้งและหวังว่าเขาจะเลิกบ้า สงบสติอารมณ์ลงได้บ้าง แต่เปล่า

    ไม่ได้ทำได้ไง คร่อมซะขนาดนี้!” ไม่ใช่แค่เถียง แต่ชายแปลกหน้ายังใช้มือลูบคล้ำไปตามร่างกายตัวเองเองก่อนหยุดที่หัวเข็มขัดแล้ว และละล่ำละลักคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจ ทะ ทำไมหัวเข็มขัดฉันเปียกงี้อ่ะ!?”

    “...” พอถูกถามฉันจึงจะอ้าปากตอบ แต่เหมือนจะไม่ทันเมื่อเขาตะคอกใส่หน้าประหนึ่งเหยื่อถูกข่มขืน

    เธอเลียมันใช่ไหม! หนะ นี่เธอเลียอะไรไปแล้วบ้าง!?

    วอดเดอะ!

    ก็บอกยังไม่ได้ทำอะไรไง พูดให้เข้าใจบ้างสิ

    คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิง แล้วจะจับปิกาจูใครก็ได้งั้นเหรอ!?”

    นาย!”

    ยัยโจรปล้นซิง!”

    พลั่ก!

    ฉันหยุดคำปรามาสอีกฝ่ายด้วยการผลักอกชายแปลกหน้าให้ล้มลงไปนอนตามแนวราบของเบาะรถอีกครั้ง และใช้จังหวะในตอนนั้นเอื้อมมือคว้าที่จับประตูเพื่อจะเปิดออกไป วินาทีบอกเลยว่าไม่ว่าจะโรงพยาบาลหรือคีลนิดเสริมความงามแห่งไหน ก็ไม่สามารถช่วยซ่อมหรือเย็บหน้าฉันให้กับมาสนิทได้เหมือนเดิมอีกต่อไป

    ทว่าเขากลับไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น รีบลุกขึ้นพลางพุ่งคว้ามแขนฉันเอาไว้อย่างรวดเร็วอีกทั้งยังต่อว่า

    คิดจะปล้นซิงคนอื่นแล้วหนีงั้นเหรอ!?”

    นี่! ก็บอกแล้วไงว่ายังไม่ได้ทำอะไร!” ฉันว่าพลางสะบัดให้หลุดจากการจับกุม

              แล้วขึ้นมาบนรถฉันทำไม!?”

              ฉันคิดว่า...เสียงของฉันขาดลงไปช่วงท้ายประโยค นั่นเลยทำให้คนฟังเลิกคิ้วสูงมองฉันอย่างสงสัย ไม่สิ เหมือนจับพิรุธถึงจะถูก ไม่ได้นะกาละแมร์ ขืนหลุดปากพูดไปว่าตั้งใจจะมาปล้ำผู้ชายหมอนี่ต้องโวยวายหนักมาก ยิ่งถ้าเขารู้ว่าฉันตั้งใจวางยาคนดังด้วยแล้ว คราวนี้แหละ หมดกันชื่อเสีย!

              ยังไง แก้ตัวไม่ได้ใช่ไหม?เพราะเงียบไป เขาจึงพูดขึ้นเองด้วยถ้อยคำที่คล้ายกับจะยัดเยียดข้อหา โจรปล้นซิงไม่หยุด

              ก็บอกแล้วไงว่าฉันยังไม่ได้...อ๊ะ!” แต่แล้วขณะที่กำลังจะยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง คนตัวใหญ่ตรงหน้ากลับรีบพุ่งมือดันหัวฉันให้เอนไปทางฝั่งที่นั่งข้างคนขับอย่างแรง คล้ายกับว่าสนใจอะไรบางอย่าง ถ้าหูฉันไม่ได้คิดไปเอง เมื่อว่าจะได้ยินผู้คนด้านนอกกำลังนับถอยหลัง

    3

    ‘2’

    ‘1’

    ฉิบ!” เขาสบถเสียดังด้วยอาการร้อนรนเมื่อได้ยินเสียงนับถอยหลัง ก่อนจะเริ่มทำรุนแรงด้วยการผลักไสฉันให้ลงจากตักตัวเองไปยังที่นั่งด้านข้าง พร้อมทั้งรีบปรับเบาะรถให้กลับมาสู้สภาวะปกติ

    สถานการณ์ที่ดูร้อนรนและตื่นตกใจอะไรบางอย่าง ทำฉันรีบฉวยโอกาสดึงที่จับบประตูหวังที่จะออกไป ทว่า ประตูมันกลับถูกล็อกเอาไว้อย่างแน่หนา จนต้องหันไปต่อว่า

    เปิดประตูรถเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะลง!”

    เรายังมีเรื่องต้องคุยกัน

    ‘Readyyyyy’

    คุยอะไรอีก ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำอะไร!” ทั้งที่ยืนกรานหนักแน่นขนาดนั้นแต่ว่าเขายังพูดแทรกขึ้นแบบไม่สนใจ

    ปล้นอะไรปล้นได้ แต่ปล้นซิงฉันนี่โทษหนักนะไม่ใช่แค่พ่นคำขู่แบบไม่คิดจะฟังอะไรแต่เพียงเท่านั้น แต่ผู้เป็นเจ้าของรถยนต์คันหรูยังสตาร์ทเครื่องยนต์อีกทั้งยังเบิ้นเครื่องเสียงดังพลอยให้ฉันที่ไม่เคยนั่งรถแข่งมาก่อนในชีวิตรู้สึกสะเทือนไปทั่วทั้งกายคล้ายกับกำลังจะลงตับ

    ด้วยความปากไวและความตกใจฉันจึงพลั้งปากถาม

    นายจะทำอะไร!” สิ้นคำถามรอยยิ้มร้ายกาจแถมยังเจ้าเล่ก์ก็ปรากฏขึ้นบนเสี้ยวหน้าของเขาทันที พร้อมคำตอบสั้นๆ ขณะที่เสียงของเครื่องยนต์กำลังคำรามดังลั่นพลอยรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นกว่าที่รู้สึกในตอนแรกนัก

    แข่งรถ

    จะแข่งก็แข่งไปสิ แต่นายต้องปล่อยฉันลงเดี๋ยวหนะ....เขาไม่รอให้ฉันได้พูดอะไรไปมากกว่านี้แต่กลับเหยียบคันเร่งเครื่องอย่างเต็มแรง เมื่อเสียงแว่วด้านนอกดังขึ้นว่า

    ‘Goooooo!!’ การที่เป็นเช่นนั้นมันเลยเปลี่ยนคำสั่งเสียงแข็งของฉันในตอนแรกให้กลายเป็นเสียงกรีดร้องขอชีวิตด้วยความหวาดกลัวสุดขีด

    “กรี๊ดดดดดด ปล่อยฉันลงไปปปปปปป!!!!!

    เคยนั่งๆ อยู่แล้วรู้สึกเหมือนกำลังถูกโลกเหวี่ยงอย่างแรงแบบไร้ความปรานีไหม?

    ฉันนี่แหละกำลังรู้สึกแบบนั้น ความรู้สึกไม่ต่างอะไรจากตอนนั่งรถไฟเหาะตีลังกา แต่ว่า สิ่งที่นั่งอยู่นั้นมันทั้งเร็วและแรงกว่ารถไฟเหาะ 10 เท่า ไม่สิ 100 เท่าต่างหาก!

    กึก! เอี๊ยดดด!

    ทั้งหมดนั่นมันจะไม่เกิดขึ้นกับชีวิตฉันเลยหากว่ารถแข่งคันหรูที่ฉันนั่งมาไม่ได้พุ่งทยานด้วยความเร็วราวกับไร้ลิมิตก่อนจะหักเลี้ยวกะทันหันหักหลบรถอีกคันที่จอดอยู่พุ่งสวนรถแข่งคันอื่นดริ๊ฟลงไปตามทางลาดชันเป็นวงกว้างของอาคารสูง 7 ชั้นจนเกิดเสียงดังเอี๊ยดดังก้องอยู่ในรูหูราวกับไม่มีมีวันสิ้นสุด ในขณะที่ฉันได้แต่เบิกตากว้างกับภาพที่ตัดอน่างรวดเร็วนอกกระจกด้วยอาการช็อก!

    นี่เป็นบทโทษของพระเจ้าลงโทษที่หนูตัดสินใจวางแผนครอบครองอปป้าใช่ไหมคะ!?

    ถ้าใช่...ได้โปรดปรานีหนูเถอะ หนูจะไม่ทำอีกแล้ว!

    เอี๊ยดดดดด! กึก!

    อีกครั้งที่ความคิดวอนขอต่อพระเจ้าถูกทำให้เงียบ เมื่อรถทั้งคันถูกหักพวงมาลัยเลี้ยวออกจากทางลาดของลานจอดได้สำเร็จ เมื่อช่วงวินาทีระทึกขวัญสั่นประสาทชวนอ้วกจบลงไปฉันที่ยังช็อกต่อการขับรถพาดโผนแบบในหันก็รีบหันไปขึงตาพร้อมทั้งออกปากสั่งคนที่เป้นผู้ควบคุมรถทันที

    หยุด! หยุดก่อน!”

    หยุดบ้าอะไร ทางยังอีกตั้งไกลเขาพึมพำยิ้มๆ แถมยังมองทางตรงหน้าราวกับกำลังขับรถกินลมชมวิวอย่างชิว ท่าทางเข้าน่ะใช่ แต่ไม่ใช่กับหน้าปัดเข็มไมล์ดิจิตอลที่ตอนนี้พุ่งขึ้นเป็น 160 km/h ทั้งที่เรายังอยู่ในพื้นที่ของห้างสรรพสินค้า

              ฉะ ฉันจะลง... นายจะพาเราไปตาย!!”

              ไม่ตายหรอกน่า หุบปากแล้วนั่งดีๆเขาตะคอกสั่งอีกทั้งยังเพิ่มเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วของรถมากขึ้นกว่าเดิม จนตอนนี้ จาก 160 มันได้เพิ่มความเร็วมาเป็น 170 km/h เพียงแค่ความเร็วของรถที่เพิ่มขึ้นมันก็ทำให้ฉันช็อกพออยู่แล้ว แต่นั่นกลับเทียบไม่ได้เลยเมื่อเขาเริ่มเร่งเครื่องอีกครั้งมุ่งสู่ถนนใหญ ทั้งที่เบื้องหน้านั้นมีรถสิบล้อกำลังจะขับตัดหน้าผ่านไป

    บรืนนน บรืนนน

    หนะ นั่นมันสิบล้อ สิบล้ออออ เบรกกกก!” ฉันตะคอกใส่เขาในอาการช็อก แต่อีกฝ่ายกลับส่งเสียงตวาดกลับมา และทำท่าราวกับตั้งใจจะพุ่งชนรถสิบล้อตรงหน้า

    เงียบน่า!!!

    ฉันบอกให้เบรกกกกกกกกกกกก” ฉันเหมือนนังบ้าเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมฟังเสียงสั่ง รีบโอบแขนทั้งสองข้างเกาะกับเบาะเอาไว้แน่นพร้อมทั้งหลับตาปี๋รับแรงกระแทกของรถที่นั่งมากับรถสิบล้อตรงหน้าอย่างไม่มีทางเลือก เสียงเบรกดังสนั่นไปทั่วพื้นที่และดังชัดเจนมากจนทำให้คนที่นั่งอยู่ภายในรถได้ยินไปด้วย 

    เอี๊ยดดดดดดด!!

    เสียงดังกล่าวตามมาด้วยแรงเหวี่ยงอย่างรุนแรงพร้อมกลิ่นไหม้คละคลุ้งไปทั่วทั้งรถ ทำฉันที่พยายามเกาะรั้งตัวเองไว้กับเบาะกระแทกเข้ากับประตูอย่างเต็มแรง

    ฟึ่บ! ตึงง!

    ทุกอย่างมันไวมาก มากเสียจนไม่ทันได้สั่งเสียพ่อกับแม่หรือแม้แต่ศิลปินที่หลงรัก และอดคิดไม่ได้ว่าว่าเราทั้งคู่ไม่รอดแน่ ทว่า ภายในไม่ถึง 5 นาทีดี เสียงทุกอย่างกลับเงียบลงไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ทุกอย่างสงบนิ่ง และเงียบ...

    แม้จะสงสัยแต่ก็ไม่กล้าลืมตามอง กลัวว่าถ้าลืมตาไปแล้ว ฉันอาจจะกำลังเป็นวิญญาณ ยิ่งถ้าต้องหันไปเจอสภาพศพของตัวเองที่เละเพราะถูกบี้กับรถสิบล้อด้วยแล้ว ฉันคงทำใจไม่ได้ TOT

    สรุปแล้ว นี่ฉันตายแล้วจริงๆ เหรอ...

    เฮ้ย! ลืมตาได้แล้ว...เสียงเข้มซึ่งฉันจำได้ว่ามันคือเสียงของชายแปลกหน้า ทำฉันกลั้นใจลืมตาขึ้นทีละนิดอย่างนึกหวาดหวั่น พร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวยิ่งกว่าจังหวะกลองตอนเดินสวนสนามกีฬาม.ปลาย ก่อนต้องพบว่าทุกอย่างยังอยู่ในสภาวะปกติ ไม่ได้มีการนองเลือด ที่สำคัญฉันยังไม่ตาย!

    ทันทีที่สายตากวาดมองสำรวจความปลอดภัยของตัวเองจนแน่ใจแล้วว่าไม่ตายชัวร์ๆ สติที่หลุดไปจากเหตุการณ์ฉิวเฉียดก็ก็เริ่มส่งผลต่อร่างกาย พานให้สั่นเทิ้มไปเสียทุกส่วน ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสติหันไปถามคนขับรถอยู่ดี

    มะ มันจบ....ละ แล้วใช่ไหม?

    ใครบอกเธอ? นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้น…” แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคล้ายกับการถูกตบหน้ากลางมหาสมุทรแปซิฟิก เพราะรู้ว่ามันยังไม่จบง่ายๆ ฉันจึงพยายามสูดอากาศหายใจเข้าลึกต่อสู้กับอาการสั่น และเอ่ยขอชีวิตเขาอย่างน่าสงสาร

    ปะ ปล่อยฉันลงก่อนนะ ขะ ขอร้อง...ทว่า ฉันไม่ทันได้เอ่ยคำของจนสิ้นน้ำเสียงดี เสียงที่ตอบรับมากลับเป็นคำพูดสั้นๆ เหมือนไม่สนใจที่จะฟังคำขอจากฉันเลยแม้แต่นิดเดียว

    นั่งดีๆ ล่ะ ฉันจะซิ่งแล้ว

    ดะ เดี๋ยวววววววววววว!!”

    บรืนนนน

    ชายแปลกหน้าที่ดูจะหมกมุ่นกับการแข่งรถมากกว่าอะไรในโลกนี้ กระแทกฝ่าเท้าใส่คันเร่งอย่างเต็มเร่ง ทำเอาความเร็วของรถที่ดูเหมือนจะช้าลงกว่าแรกเริ่มพุ่งขึ้นสูงอีกครั้งจนแรงดันภายในตัวรถกดตัวลำฉันให้แผ่นหลังเบียดลงกับเบาะไปเองแบบไม่สามารถบังคับได้

    ฉันพยายามขยับตัวต่อสู้กับแรงดันภายในตัวรถกลอกตาสายตามองออกไปที่กระจกประตูเพื่อดูลาดเลาก่อนพบว่า แสงไฟที่มักมองเห็นเป็นจุดเป็นดวงในเวลานี้กำลังลากยาวเป็นเส้นตรงราวกับไม่มีวันสิ้นสุด บอกถึงความเร็วของเครื่องยนต์ที่พาฉันทะยานไปบนท้องถนนได้ไม่ยาก

    หนะ นี่นายนายขับรถเร็วเกินไปแล้วนะฉันพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองบอกให้เขารู้ตัว แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบซึ่งถูกแทรกกลางไว้ด้วยเสียงของเครื่องยนต์แรงๆ ขณะวิ่งอยู่บนท้องถนนไม่หยุด

    เสียงของเครื่องยนต์รวมถึงแรงกดดันจากความแรงของตัวรถที่เพิ่มมากขึ้นทุกที ทำฉันไม่กล้าขยับตัวได้มากกว่านี้ และภาวนาว่ามันคงจะลดลงหากว่าเขาพอใจที่จะหยุดเหยียบคันเร่ง ทว่า

    บรืนน บรืนนน

    สิ้นคำภาวนาในหัว เสียงเบิ้นเครื่องยนต์ของรถคันข้างๆ กลับดังแทรกขึ้นจนรู้สึกได้ว่านคนขับจงใจ เขาทำอยู่อย่างนั้นทั้งที่รถวิ่งคู่กันมาด้วยความเร็วในระดับพอๆ กัน ซึ่งถ้ามองไม่ผิดดูเหมือนว่ารถคันดังกล่าวก็ถูกตกแต่งจนดูไม่ต่างจากรถที่ฉันกำลังนั่งอยู่เลยสักนิด

    ลวดลาย และเครื่องยนต์ ไม่บอกก็รู้ว่าถูกโมดิฟายมาเพื่อลงสู่สนาม

    บรืนนนน

    สิ้นเสียงเบิ้นเครื่องเหมือนการเจรจากันผ่านเครื่องยนต์ รถคันดังกล่าวเหยียบเร่งแซงปาดหน้าขึ้นไป เสียงสบถแบบไม่ชอบใจเคล้าความกังวลก็ดังขึ้น

    “DAMN!” เสียงดังกล่าวทำฉันหันขวับไปมองหน้าคนขับทันทีด้วยความตกใจ ซึ่งเขาเองก็เหมือนจะรู้ตัวจึงได้ตวัดหางตามามองฉันวูบหนึ่งก่อนละไป แล้วออกคำสั่ง นั่งดีๆ

    อะไร....นายจะทำอะไร อ๊ะ!!”

    บรืนนนน

    อีกหนที่ความเร็วของรถกระชากฉันจนแผ่นหลังเบียดกระแทกลงกับเบาะอย่างแรง คราวนี้แรงกดดันในตัวรถดูเพิ่มมากยิ่งกว่าตอนแรกนัก ฉันพยายามขยับตัว แต่ดูมันยากเหลือเกิน เหมือนกับว่าร่างกายมีใครกับขึงติดไว้กับเบาะแบบนั้น 

    ทั้งที่ฉันกำลังตกอยู่ในช่วงวิฏฤตขยับตัวลำบาก แต่เจ้าของรถกับเอ่ยปากชวนคุยขึ้นประหนึ่งว่ากำลังนั่งคุยกันชิวๆ ริมทะเล

    รู้ไหมว่าถนนหลวง เขาจำกัดความเร็วเท่าไหร่?

    ฉันส่ายหน้าตอบอย่างอึกอัก อย่างที่บอกแรงกดดันภายในรถมันทำให้ฉันขยับตัวไม่ถนัด!

    90 km/h ถ้าขับเร็วกว่านั้นจะถูกตำรวจจับพอได้คำตอบสายตาเข้ากรรมก็ดันเหลือบมองไปยังหน้าปัดบอกความเร็วอีกครั้ง ก่อนต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อเข็มดิจิตอลบอกความเร็วด้วยจำนวนตัวเลข 220km/h

    และค่อยเปลี่ยนจำนวนไปเรื่อยๆ เมื่อคนขับยังไม่หยุดกดเร่งคันเร่ง

    240 km/h

    260 km/h

    ชะ ช้าลงหน่อย...ฉันบอกเขาเสียงสั่น ส่วนหัวใจน่ะเหรอเหมือนหยุดเต้นไปนานแล้วล่ะ

    ช้าไม่ได้คำตอบที่ได้กลับมา ทำฉันกลืนน้ำลายอย่างไม่มีสาเหตุ โดยเฉพาะเมื่อคนตัวใหญ่พ่นประโยคถัดมา พ่อตามมาข้างหลัง…”

    บรืนน บรืนนน

    280 km/h

    พูดจบเข็มหน้าปัดบอกความเร็วดูจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง และนั่นมาพร้อมกับแสงไฟสีแดงสลับตัดไปมาจากทางด้านหลัง ก่อนตามมาด้วยเสียงไซเรนของรถตำรวจชวนกระตุกใจมากยิ่งขึ้นกว่าเก่า

    อะไร ยังไม่ทันได้ครอบครองอปป้าได้สมใจ นี่ฉันจะถูกจับเพราะไอ้หมอนี่ขับรถซิ่งงั้นเหรอ!?

    ระ เราจะถูกจับไหม!?” ความกลัวถูกจับซึ่งมีมากกว่าสิ่งไหน ทำฉันลืมตัวพลั้งปากถามเขาออกไปแบบไม่ทันคิด

    ยากแต่ดูเหมือนว่าคำตอบที่ได้กลับมาจะทำให้ชื้นใจนิดหน่อย หากแต่ไม่ใช่กับการกระทำของเขาซึ่งดูขัดจากสิ่งที่ฉันได้ เมื่อจู่ๆ ชายแปลกหน้ายอมผ่อนความเร็วของรถลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนเข็มบอกความเร็วฮวบอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย

    รถทั้งคันชะลอช้าลงเรื่อยๆ จนเสียงของไซเรนดังไล่หลังมาเกือบประชิด พร้อมด้วยเสียงก้องของการประกาศเรียกตัว

    รถสีแดงไม่มีป้ายทะเบียนคันนั้น นี่คือคำสั่งของตำรวจ ผมขอสั่งให้คุณหยุดรถลงซะ!’ หากแต่คำสั่งดังกล่าวทำให้ผู้สั่งกระตุกยิ้มคล้ายกับชอบใจ ก่อนเอ่ยปากบอกฉันเสียงเรียบ

    เกาะดีๆ

    หมายความว่าไง ว้ายยย...

    กึก! เอี๊ยดดดดด!

    เสียงหักพวงมาลัยดังขึ้นอย่างแรงทำเอาเสียงเบรกดังสนั่นไปทั่วนอกตัวรถ เมื่อจู่ๆ ผู้ชายที่ดูจะชื่นชอบการแข่งรถยิ่งกว่าอะไร ตัดสินใจหักเลี้ยวพวงมาลัยกระชากตัวรถหมุนกลางถนนอย่างกระทัน จนฉันที่ไม่ทันตั้งตะกระเด็นกระดอนกระแทกเข้ากับประตูและคอนโซลหน้ารถอย่างแรง

    ตึงง!!

    แม้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียว ทว่า มันก็สร้างความหวาดหวั่นให้แก่คนซึ่งไม่เคยชินกับเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างฉันได้โดยไม่ยาก 

    โชคดีที่รถทั้งคันหยุดแล้วหยุดเลย ไม่ได้เคลื่อนไหว นั่นเลยทำฉันค่อยๆ เงยหัวขึ้นจากบริเวณคอนโซลหน้ารถขึ้นอย่างช้าๆ พลางใช้มือลูบหน้าผากตัวเองไปมาเพื่อลดความเจ็บ

    แต่แล้ววินาทีที่ที่สายตาสามารถมองออกไปยังกระจกหน้ารถอีกครั้ง ฉันกลับต้องเบิกตากว้างแทนการหันไปต่อว่าคนข้าง ราวกับว่าความรู้สึกแบบนี้มันจะไม่มีวันสิ้นสุดลง เมื่อรถทันคันกำลังจอดอยู่บนนถนนในลักษณะหันหน้าสวนเลนสวนกับรถหลายคันที่ขับสวนขึ้นไป

    จิตใต้สำนึกฉันกรีดร้องหนักมากเมื่อภาพตรงหน้าคือรถของตำรวจที่ขับใกล้เข้ามาทุกขณะ

    บรืนนน

    ฉันจะขับสวนขึ้นไป นั่งดีๆ

    “มะ ไม่จริง นายไม่ทำหรอก...

    “ทำแน่นอน...” เขาไม่ใช่แค่บอกแต่ยังเบิ้นเครื่องยนต์เตรียมพร้อมตลอดเวลาราวกับจะเตือนฉันว่าเขาจะทำสิ่งที่พูดแน่นอน  ยิ่งได้เห็นเขาเบิ้นเครื่องเพื่ออุ่นเครื่อง หัวใจก็เหมือนกับจะหยุดเต้นขึ้นมาจริงๆ

    บรืนน บรืนนน

    หนะ นายอย่าคิดอะไรบ้าๆ นะ!ฉันตะคอกเขาปากเปิกสั่น อย่างน้อยก็หวังว่าเสียงหรือคำพูดจะทำให้เขาตัดสินใจหาทางหนีใหม่ๆได้

    แต่ก็เหมือนเดิม เมื่อคนอย่างเขาคนนี้ไม่เคยฟังอะไรมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

    บรืนนน

    อย่างน้อยฉันก็มีเธอตายอยู่ข้างๆ จริงไหม?” 

    “มะ ไม่นะ นายต้องมะ....” เสียงคำรามของเครื่องยนต์ขึ้นเป็นหนสุดท้าย ก่อนที่รถทั้งคันจะถูกกระชากด้วยความเร็วรวดเร็วอย่างสุดแรง ราวกับจะท้าทายตำรวจเบื้องหน้า ซึ่งนั่นมาพร้อมกับเสียงคำรามอีกเสียงทันทีที่รถพุ่งทะยานไปด้านหน้าสวนกับรถที่ขับมาอย่างรวดเร็วราวกับกำลังร้องขอชีวิต

    กรี๊ดดดดด! ฉันยังไม่อยากตายย!

     To Be Continued...



    ไม่ฟังอะไรจนต้องร้องขอชีวิต 

    ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%

    1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย

    ติดแท็กในทวิต #ชีวิตติ่งยิ่งกว่าเจ็บ

    แก๊งลูกเทพ¼ 
     จิ้มซะจะได้ไม่เป็นธุระของพ่อกับแม่! 

        




    ll Character ll






    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้จิ้มเน้นๆที่หน้าเทวินทร์!

    ^
     รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน 
     ส่งฟีดแบ็กทางทวิต เพจ คอมเม้น
     หรือโหวตข้างล่างเต็ม100นะเออ 
    v

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×