ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    RACE ON ¼ ll แรงเขย่าใจร้ายเขย่ารัก

    ลำดับตอนที่ #20 : Race18 ll ความเจ็บของติ่งครั้งที่18 {อัพ100%} เป็นแฟนกันนะติ่ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.5K
      11
      15 มี.ค. 60

     


    EP17
    -ความเจ็บของติ่งครั้งที่17

    สายตากวาดมองไปยังกลุ่มแฟนคลับที่กำลังนั่งรอพบกับศิลปินด้วยความประหม่า บ้างก็มองมาทางฉันแล้วซุบซิบ บ้างก็หยิบกล้องขึ้นถ่ายรูปวอร์อปป้าไม่ได้สนใจ บ้างก็ยังส่งเสียงกรี๊ดอยู่อย่างนั้น แถมแฟนคลับกลุ่มนั้นบางคนฉันรู้จักพวกเธอดี เพราะมีโอกาสเจอกันตามงานต่างๆ อีกทั้งยังเคยพูดคุยกับในเว็ปอยู่บ่อยครั้ง

    ขอสัมภาษณ์หน่อยได้ไหมครับ” เสียงของนักข่าวแย่งกันรุมสัมภาษณ์วอร์อปป้าทันทีที่พวกเขามีโอกาสได้เข้าใกล้ แต่มันก็ไม่ได้ใกล้พอเมื่อการ์ดประจำตึกช่วยกันกองทัพนักข่าวเอาไว้

    คุณวอร์จะอยู่ที่ประเทศไทยกี่วันครับ? เห็นบอกMvตัวใหม่นี่กำลังถ่ายทำในไทยด้วยจริงหรือเปล่าครับ?”

    จริงครับ” วอร์อปป้าตอบนักข่าวกลับไปด้วยรอยยิ้ม มือข้างหนึ่งยกขึ้นโบกให้กับแฟนคลับบางส่วนอย่างเป็นกันเอง ขณะมืออีกข้างจับแขนของฉันเอาไว้แน่น

    เขาลือกันว่านางเอก Mv ที่ร่วมแสดงในครั้งนี้ ถูกเปลี่ยนตัวกะทันหัน ทั้งหมดเพราะฝีมือของคุณวอร์ใช่ไหมคะ?”

    ครับใช่” วอร์อปป้าขยับยิ้มใจดี เหลียวมองฉันซึ่งทำตัวไม่ถูกข้างๆ เล็กน้อย แล้วพูดออกมาอีกครั้ง “ผมเป็นคนเปลี่ยนแผนทั้งหมดเอง

    นางเอก Mv ตัวใหม่ใช่เด็กผู้หญิงคนนี้หรือเปล่าคะ?” พอได้ยินคำถามจากปากนักข่าวอย่างงั้น ฉันก็เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี เพราะถ้าหากวอร์อปป้าตอบออกไป มันไม่ใช่แค่นักข่าวที่ได้ยิน แต่รวมไปถึงแฟนคลับกลุ่มนี้ด้วย

    ถ้าเราจะกลบข่าวแอนตี้ เราควรจะสร้างข่าวใหม่ทับข่าวเก่า...

    แม้จะรู้ว่าวอร์อปป้าตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้อยู่แล้วก็ตาม

    พี่จะสร้างข่าวระหว่างเรา จากนั้นพี่จะลองให้แมร์มาเป็นนางเอกในมิวสิควีดิโอตัวใหม่ดีไหมคะ?’

    ครับ น้องแมร์คือนางเอกมิวสิควีดิโอตัวใหม่ที่ผมเลือก ฉันเม้มปากลงเล็กน้อย ไม่กล้าที่จะสบสายตามองตอบสายตาของบรรดาแฟนคลับที่มองมาอย่างสนอกสนใจ เพราะฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนพวกนั้นจะรู้สึกยังไง เมื่อได้ฟังคำตอบจากของวอร์อปป้าแบบนี้

    พวกเขาอาจจะรู้สึกเฉยๆ

    พวกเขาอาจจะร่วมดีใจที่ถูกเลือก

    หรือไม่ พวกเขาอาจจะหมั่นไส้มากยิ่งขึ้นกว่าเก่า

    บรืนนน บรืนนน

    และตอนนั้นเองที่ฉันได้ยินเสียงเร่งเครื่องยนต์รถดังมาจากข้างตึก พอหันไปก็พบว่าที่ตรงนั้นมีรถแข่งสีแดงสดกำลังหยุดจอดนิ่งๆขวางทาง แสงไฟจากตัวอาคารโดยรอบ ทำให้พอยังมองเห็นว่ากระจกรถฝั่งข้างคนขับถูกเปิดเลื่อนลงช้าๆ จนสามารถมองเห็นบุคคลที่นั่งอยู่ภายในได้ชัดเจน

    เพราะระยะห่างจากตรงที่รถจอดนั้นไม่ได้ไกลสักเท่าไหร่ อีกทั้งรถแข่งสีแดงสดทั้งคันแบบนั้นมันก็มีอยู่แค่คันเดียวที่ฉันเคยเห็น เพียงแค่นั้นในอกก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา แม้จะมองไม่เห็นคนที่อยู่ในรถชัดนัก แต่ความรู้สึกก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังมองมา และพอรู้ตัวว่าถูกเขามอง ฉันจึงจำต้องละสายตาหลบไปทางอื่นแบบห้ามไม่ได้

    มึงก็ชอบเขาไม่ใช่เหรอ?’ ทั้งที่เลี่ยงที่จะมองแล้ว แต่ในหัวก็ดันไม่หยุดเสียงของเขาตอนพูดคุยในสตูดิโออยู่ดี

    ไม่อ่ะ ไม่เคยชอบ

    ให้ตายซี่ กาละแมร์!เขาจะพูดถึงใคร มันก็ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อยไม่ใช่หรือไงล่ะ!

    ทำไมคุณวอร์ถึงตัดสินใจเลือกเด็กคนนั้นมาร่วมงานแทนนักแสดงคนเก่าล่ะคะ? จากที่ทราบมาเด็กคนนี้เคยถูกแฟนคลับวง SWAG ต่อต้านและกระแสแอนตี้ด้วยไม่ใช่เหรอ

    คำถามต่อมาของนักข่าว ทำฉันเงยหน้ามองพวกเธอเล็กน้อยด้วยความรู้สึกเป็นกังวล ให้ตายสิ ตอนนี้ในหัวกำลังตีกันยุ่งไปหมด เหมือนมีใครเทเรื่องราวแย่ๆ หลายเรื่องเข้าใส่ฉันพร้อมกัน

    ฉันเหลือบมองหน้าวอร์อปป้าเล็กน้อย ก่อนพบว่าเขาเองก็กำลังมองกลับมาแบบเดียวกับที่ฉันมักเห็นผ่านภาพโปสเตอร์หรือในจอบ่อยๆ แววตาอบอุ่นใจดีของเขา เหมือนกำลังจะบอกฉันว่าไม่เป็นไรและยังพยักหน้าเบาๆ เหมือนเป็นการให้กำลังใจอีกแรง ก่อนละสายตาหันไปเผชิญกับนักข่าวอีกครั้ง พร้อมด้วยคำตอบ

    ที่ผมเลือกเด็กคนนี้มาร่วมงานแทนนักแสดงคนเก่า…”

    ตึก ตัก… ตึก ตัก

    นั่นก็เป็นเพราะว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ เป็นคนสำคัญของผมครับ เสียงฮือฮาของกลุ่มแฟนคลับเงียบลงทันที ที่เหลือตอนนี้ก็คงเป็นเสียงรัวชัตเตอร์และเสียงแย่งกันสัมภาษณ์ของบรรดานักข่าวเท่านั้น แล้วก็

    บรืนน บรืนนน

    เสียงเบิ้นเร่งเครื่องยนต์ของรถแข่งสีแดงสดที่ขับเคลื่อนออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว...

    แต่ขณะเดียวกันเสียงของนักข่าวและเสียงของชัตเตอร์ที่รัวอัดอยู่เบื้องหน้า ไม่สามารถทำให้ฉันมองตามไปท้ายรถแข่งสีแดงคันดังกล่าวได้ตลอดไป แม้จะรู้ว่าเจ้าของรถคันนั้นเป็นใคร แต่สิ่งที่ฉันต้องทำในตอนนี้คือการยืนแสร้งยิ้มเพื่อสร้างสถานการณ์ในแบบที่วอร์อปป้าอยากให้เป็น

    รู้ไหม? ฉันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือใจสั่นกับคำตอบที่วอร์อปป้าให้สัมภาษณ์เลยสักนิด กลับกันฉันดันรู้สึกเฉยๆ ทั้งที่เรื่องที่เกิดขึ้นคือความฝันสูงสุดที่อยากอยากให้เกิดในโลกความจริง

    แต่ตอนนี้มันดันต่างออกไป

     

    เวลา 22.15 นาฬิกา

    วอร์อปป้าขับรถของตัวเองพาฉันมาจอดเยื้องๆ กับหน้าทางเข้าบ้านพักนิดหน่อย โดยที่คืนนี้เขาเองก็อาสาที่จะไปส่งกระถินที่บ้านด้วยเช่นกัน

    ฝันดีนะ พรุ่งนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น” คำพูดร่ำลาของวอร์อปป้าทำฉันยิ้มตอบรับอย่างมีความหวัง พลางโบกมือเล็กน้อยให้กระถินซึ่งนั่งนิ่งมองฉันอยู่บนเบาะหลังคล้ายกับเกร็งๆ

    ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ ฝันดีนะกระถิน

    ฝันดีแมร์ พรุ่งนี้เจอกัน” กระถินพูดยิ้มๆ โดยมีวอร์อปป้ากล่าวเสริมขึ้นอีกแรง

    พรุ่งนี้อย่าไปที่กองถ่ายเรตนักล่ะ ดูแผนที่ให้ดีๆ ด้วย

    ค่า!” หลังจากร่ำลากันได้ครู่ใหญ่ๆ วอร์อปป้าก็เลี้ยวรถขับออกไป ส่วนฉันก็ได้แต่ยืนนิ่งมองไฟท้ายสีแดงขับห่างไกลออกไปแต่เพียงเท่านั้น และเมื่อสถานการณ์บริเวณนั้นสงบลง ลมหายใจหนักๆก็ถูกพ่นออกมาอย่างห้ามไม่ได้ พร้อมกันนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์ที่ดับไปขึ้นมาดูสภาพและพยายามกดปิดเครื่องอีกครั้ง

    แต่มันก็เหมือนเดิม เพราะน้ำเข้าโทรศัพท์ก็เลยเปิดหน้าจอไม่ได้ จนตอนนี้ไม่รู้เลยว่ากระแสแอนตี้ของฉันในโลกโซเชียลกำลังดำเนินไปทางไหน ระหว่างคิด เท้าก็เริ่มก้าวเดินไปบนฟุตบาธหน้าบ้านพักด้วยเช่นกัน

    สงสัยพรุ่งนี้ก่อนไปกองถ่าย ฉันควรจะแวะเอาโทรศัพท์ส่งร้านซ่อมจริงๆ นั่นแหละ เมื่อคิดได้แบบนั้น ฉันจึงจัดการเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าสะพายอีกครั้ง 

    กึก

    แต่แล้วจังหวะเดียวกันนั้นเอง เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น แถมยังดังใกล้เข้ามาทุกวินาทีจนต้องเงยมองเจ้าของเสียงเดิมท่ามกลางความมืดด้วยความสงสัย แสงไฟสีนวลบริเวณหน้าบ้านพักตอนนี้ ทำให้มองเห็นหน้าเจ้าของเสียงฝีเท้าดังกล่าว แม้จะไม่ชัดนัก แต่ก็พอทำให้รู้ว่าเขาเป็นใคร และดูจะชัดมากเข้าไปใหญ่เมื่อเขาคนนั้นหยุดเท้าลงตรงหน้า ด้วยระยะห่างออกไปเพียงแค่เอื้อมมือ

    เขาในตอนนี้ใส่ชุดลำลองปกติทั่วไป ไม่ใช่ชุดสูทแบบที่ฉันเห็นเมื่อวาน และมันก็เป็นชุดเดียวกับตอนที่ฉันเห็นเขาคุยกับวอร์อปป้าที่สตูดิโอด้วย

    เทวินทร์...

    กลับมาแล้วเหรอ?เทวินทร์เอ่ยปากทัก แต่ฉันกลับเลือกที่จะไม่มองเขาแต่ทำเป็นก้มหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าจัดการกับแม่กุญแจที่ล็อกรั้วออกด้านนอกเอาไว้ ทั้งที่การทำเช่นนี้ก็ค่อนข้างเป็นเรื่องปกติ

    แต่คืนนี้พอมีเขายืนมองอยู่ใกล้ๆ มือไม้มันก็สั่น จนจับผิดจับถูกไปหมด

    ขอคุยด้วยเดี๋ยวสิ…”

    มีไร ฉันรีบ” ฉันถามส่งๆ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่สามารถปลดล็อกกุญแจรั้วได้สำเร็จพอดิบพอดี

    ฉันอยากพูดเรื่องที่คุยกับวอร์ที่สตูดิโอ” พอได้ฟังแค่นั้น ปากก็ขยับเองตามใจชอบ เหมือนคนปฏิเสธที่จะฟัง

    มันไม่เกี่ยวกับฉันนี่ ทำไมต้องพูดเรื่องนี้กับฉันด้วยล่ะ

    ฉันกลัวเธอเข้าใจผิด” ส่วนเขาก็ยังพูดเสียงนิ่ง

    เข้าใจผิดอะไรไม่มีหรอก จะคิดอะไรมากมายล่ะ...” วินาทีนั้นฉันรู้ตัวดีว่ากำลังพูดประชดประชันเขาอยู่ แถมยังไม่คิดจะฟังอะไรทั้งนั้น กลับกันความรู้สึกที่เริ่มจะสงบลงกลับเริ่มเร่งอัตรารุนแรงเฉกเช่นเดียวกับช่วงเวลาให้สัมภาษณ์ที่สตูดิโอกลับไปได้แล้ว นี่มันดึกแล้ว ฉันเหนื่อย...

    ขณะพูดสายตาก็เลื่อนมองใบหน้าหล่อทะเล้นซึ่งกำลังมองกลับมาด้วยแววตานิ่งงัน ทั้งที่ถูกไล่แต่เขาก็ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เพื่อหยุดความรู้สึกแปลกๆในอกลง ฉันจึงตัดสินใจผลักประตูรัวเพื่อจะพาตัวเองเข้าไปข้างใน แต่

    ฟึ่บ!

    เทวินทร์กลับพุ่งคว้าข้อมือฉันเอาไว้แน่น ตามมาด้วยแรงกระชากรั้งเบาๆ หยุดทุกการเคลื่อนไหวทั้งหมดของฉันให้นิ่งลง จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งตะคอก

    เต้าหู้ ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าในหัวสมองกลวงๆ ของเธอตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่” ฉันไม่ได้หันไปมองเขา แต่รู้สึกถึงแรงบีบรัดบริเวณข้อมือที่แน่นากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับอารมณ์และน้ำเสียง ขณะหูยังเงี่ยฟัง “ฉันมารอเธอเป็นชั่วโมง เพื่อที่จะคุยด้วย แต่เธอทำเหมือนไม่อยากคุย ทำแบบนี้แม่งเสียมารยาท!”

    ก็ฉันไม่มีอะไรจะคุย…” ฉันพยายามคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ ตอบเขากลับไปด้วยน้ำเสียงใจเย็น ไม่แสดงความรู้สึก แต่ไม่ใช่กับเทวินทร์ที่เริ่มพูดจาเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนฉันหมดความอดทน

    ก็ฉันมีเรื่องจะคุยไง เลิกทำตัวเสียมารยาทแล้วหันมาคุยกัน เดี๋ยวนี้!”

    ก็เรื่องที่นายจะอธิบาย ฉันไม่ได้อยากรู้ อีกอย่างนายไม่ใช่พ่อฉัน อย่ามาสั่ง!!”

    พอขึ้นเสียงใส่บ้าง คนตัวใหญ่ก็เงียบเสียงลงทันที เหมือนเปิดโอกาสให้ฉันได้พูดต่อไป

    ฉันไม่ได้อยากรู้ ว่านายจะคุยอะไรกับวอร์อปป้า มันไม่ได้เกี่ยวกับฉันเลยนายคิดว่าตัวเองเป็นใคร คิดว่าฉันอยากจะรับรู้เรื่องของนายมากขนาดนั้นเชียวหรือไง!”

    ฟึ่บ!

    เออ!!” เทวินทร์กระแทกเสียงตอบลั่น พลางสะบัดปล่อยมือฉันออกอย่างแรง การกระทำดังกล่าวทำให้ฉันรู้สึกช็อกนิดหน่อย เพราะไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้มาก่อน พานให้ต้องหันขวับจับจ้องการกระทำของเทวินทร์แบบไม่อาจห้ามได้ทั้งที่เพิ่งพูดปฏิเสธไป ก่อนพบว่าผู้ชายคนนี้กำลังแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างสุดๆ

    เขาพ่นลมหายใจทิ้งคล้ายเอือมระอาในสิ่งที่เป็นอยู่ แถมยังเบือนสายตาไปอีกทางขณะปากยังคงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่คล้ายกับโกรธเคือง

    ถ้าไม่อยากรู้ ฉันจะไม่พูดอีก!! ถ้าไม่อยากให้อธิบาย ฉันจะไม่อธิบาย!”

    คำพูดคำจาที่ดูใส่อารมณ์เสียเต็มประดาของเขา มันทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะต่อว่าเขากลับไป

    เออ!! ฉันไม่อยากรู้ ถ้านายไม่มีอะไรแล้ว ก็กลับไปสักทีสิ!”

    เออ!!!” เขาตะคอกย้อนกลับมาด้วยเสียงที่ดังกว่า และตวัดสายตากลับมามองฉันแบบไม่สบอารมณ์ 

    ฉันจะไม่ถามเธออีกว่าเธอรู้สึกยังไง ไม่ต้องไล่ขนาดนี้ก็ได้มั้ง เพราะฉันกลับแน่!”

    เออ!!!” ฉันสะบัดเชิดหน้าหันกลับเข้าบ้านแบบไม่สนใจหลังจากสิ้นเสียง

    เพราะรู้ตัวดีว่า ถ้ายังต่อปากต่อคำกับเขาด้วยโทนเสียงแบบนี้ มีหวังว่าเราสองคนต้องทะเลาะกับรุนแรงไปมากกว่านี้แน่ๆ ดังนั้น ฉันก็เลยตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไปในบ้านพัก แต่มันก็เป็นอีกครั้งที่เทวินทร์ไม่ยอมให้ฉันหนีเข้าบ้านได้ตามใจชอบ

    ฟึ่บ!

    เขาพุ่งมือกระชากแขนฉันอย่างรุนแรง การกระทำของของเทวินทร์รอบนี้ ทำฉันเสียการทรงตัวไปตามแรงดังกล่าวหันหน้ากลับไปเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมๆ กับอ้อมกอดอุ่นที่พุ่งเข้ารวบกายฉันเข้าไปกอดแน่นไว้แนบอกอย่างรวดเร็วแบบไม่ให้ตั้งตัว

    ปล่อยนะ!” ฉันปรามเขาพลางดิ้นขลุกขลักเพื่อให้เขาปล่อย แต่ยิ่งทำแบบนั้นเทวินทร์ก็ยิ่งกอดรัดรอบตัวฉันแน่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แถมยังพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าในตอนแรกราวกับทวนประโยคที่เขาพูดค้างไว้ก่อนหน้านี้

    บอกแล้วไงว่าฉันไปแน่...” คำพูดประโยคนั้นสร้างความงุนงงและสับสนให้ฉันเป็นอย่างมาก เดาไม่ถูกเลยว่าสิ่งที่เขาพูดและการกระทำที่เป็นอยู่ มันหมายถึงอะไรจนกระทั่งเขาเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมาแต่หลังจากฟังเธอตอบคำถามที่ฉันถามค้างไว้จบ

    คำถามที่เขาถามค้างไว้เหรอ...

    อ่านหรือยัง ที่ส่งไปให้?เขาถามขณะมองฉันที่นิ่งไปเพราะคำถาม สีหน้าของเขาตอนนี้นิ่งมาก ไม่ได้ส่อแววทะเล้นเหมือนทุกที แต่ไม่นานหรอก พอเราสบตากันเขาก็ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นเป็นหนที่สอง เป็นแฟนกับฉันได้หรือเปล่า?

    คำขอสั้นๆ ของเทวินทร์ทำฉันพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรดลใจให้เขาถามออกมาเช่นนั้น รู้แค่ว่าอ้อมกอดของเขามันอบอุ่นและรัดมากขึ้นทุกขณะหากว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ

    รวมไปถึงคำขอเมื่อกี้เองก็เช่นกัน ซึ่งฟังแล้วให้ความรู้สึกว่าเขาจริงใจมากแค่ไหน

    ถ้าเธอไม่ฟังอะไรเลย ฉันก็คงปล่อยไปไม่ได้เหมือนกัน…” คำพูดเดิมๆ ถูกเขากล่าวซ้ำออกมาราวกับจะย้ำว่าให้ฉันเข้าใจว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกอย่างไร พร้อมกันนั้นอ้อมกอดที่เคยรัดแน่นเพื่อกันการดิ้นหลบหนีก็ค่อยๆ คลายออก

    เทวินทร์ยอมปล่อยฉันเป็นอิสระแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ แต่เปลี่ยนเป็นใช้เพียงฝ่ามือเดียวยกขึ้นสัมผัสข้างแก้มฉันอย่างอ่อนโยน

    เป็นแฟนฉันนะ…” 

    นัยน์ตาคมฉายแววความรู้สึกของผู้เป็นเจ้าของให้เห็นได้ชัดเจน ที่บ้าสุดๆ ก็คือ ใจฉันดันเต้นรุนแรงไปกับคำขอและการกระทำแบบนั้น จนถึงขั้นไม่สามารถขยับปากขยับลิ้นพูดตอบโต้เขากลับไปได้เลย

    เอ้าตอบดิ เป็นได้ไหมเนี่ยแฟนอ่ะ?” หูน่ะได้ยินคำถามของเขานะ ร่างกายก็รู้สึกถึงแต่ความอบอุ่นจากฝ่ามืออีกฝ่าย เพียงแค่ตอนนี้ฉันไม่สามารถขยับร่างกายหนีได้แม้ว่าเขาไม่ได้ใช้แรงบีบบังคับเอาไว้ก็ตาม แถมลิ้นกับปากก็ยังแข็ง หลายๆคำพูดที่คิดจะใช้ด่าทอและต่อว่าเหมือนจุกอยู่ที่คอ

    เฮือก!” เพราะฉันไม่ได้ตอบล่ะมั้ง เทวินทร์จึงแสดงนิสัยเดิมๆ ของตัวเองออกมาให้เห็น โน้มหน้าเข้ามาใกล้จนฉันสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนจะหยุดเมื่อหน้าผากของเราจรดชิดกัน และนิ่งค้างไว้แบบนั้น

    เฮ้ย... ฉันชอบเธอจริงๆนะ ฟังรู้เรื่องป่ะ?คำถามของเขาน่ะออกแนวค่อนไปทางหาเรื่อง แต่ไม่ใช่กับนัยน์ตาของเขาที่มองลึกเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆบนหน้า และเมื่อไม่ตอบเขาก็ทำมันอีก งัดนิสัยเดิมๆ ของตัวเองออกมาใช้ไม่หยุด ด้วยการขยับใบหน้าเข้ามาใกล้

    ไม่ตอบจูบนะ เขาขู่เสียงติดกระซิบพลางลดมือซึ่งแตะอยู่ข้างแก้มลดลงมาจับอยู่ที่บริเวณหัวไหล่ ก่อนจะขู่ซ้ำ จะจูบจริงๆแล้วนะ...

    เมื่อรู้สึกได้ว่าเขาเอาจริงแน่ ฉันจึงตัดสินใจเฮือกใจโพล่งเสียงแย้งออกไป ทว่า

    ถอยออกไปเลย...อื้อเสียงปฏิเสธที่ถูกส่งออกไปนั้น เดียวเป็นจังหวะเดียวกับที่ริมฝีปากอุ่นของคนตัวใหญ่จรดทาบทับลงมาอย่างอ่อนโยน

    เทวินทร์ไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรงเลย ทุกอย่างอ่อนนุ่มและเบาบาง จนให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครเอาปุยนุ่นถูไถอยู่บริเวณริมฝีปากเสียมากกว่า รสสัมผัสของจูบมันเนิ่นนาน และบ่อยครั้งที่ร่างกายตอบสนองรสจูบดังกล่าวกลับไปบ้าง ไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองเป็นอะไร ทั้งที่ตอนนี้ฉันควรผละตัวหนีจากสัมผัสน่าอายและฉวยโอกาสของเขาไป ทว่า ร่างกายมันกลับไม่เชื่อฟังตามความคิด เอาแต่นิ่ง พร้อมกับสัมผัสอ่อนนุ่มฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างไม่เข้าใจตัวเอง

    รู้แค่ว่าสิ่งที่เทวินทร์พูดและกำลังทำในตอนนี้ ทำหัวใจฉันเต้นรุนแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอก รุนแรงยิ่งกว่าการยืนอยู่ต่อหน้ากล้องและบรรดาผู้สื่อข่าวเสียอีก แถมยังปัดทุกบทสนทนาที่ได้ฟังเขาพูดกับพี่ชายตัวเองออกไปจากหัวจนหมด

    เวลาเพียงไม่นาน ริมฝีปากอุ่นก็ค่อยๆ ถูกผละออกไป แต่ฉันยังรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดลงมาของคนตัวสูงตรงหน้าได้อย่างชัดเจน และหูก็ได้ยินเสียงเฉียดกระซิบของเขาเช่นกัน

    ถือว่าตอนนี้เราเป็นของกันและกันแล้วนะ…”

    To Be Continued...

    ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%

    1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย

    ติดแท็กในทวิต 

    #ชีวิตติ่งยิ่งกว่าเจ็บ #ติ่งแฟนวินทร์

    แก๊งลูกเทพ¼ 
     จิ้มซะจะได้ไม่เป็นธุระของพ่อกับแม่! 

        




    ll Character ll










    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้จิ้มเน้นๆที่หน้าเทวินทร์!

    ^
     รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน 
     ส่งฟีดแบ็กทางทวิต เพจ คอมเม้น
     หรือโหวตข้างล่างเต็ม100นะเออ 
    v
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×