ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    RACE ON ¼ ll แรงเขย่าใจร้ายเขย่ารัก

    ลำดับตอนที่ #17 : Race16 ll ความเจ็บของติ่งครั้งที่16 {อัพ100%} ความรู้สึก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.5K
      11
      11 มี.ค. 60




    EP16
    -ความเจ็บของติ่งครั้งที่16

    พร้อมที่จะรู้สึกเมื่อไหร่บอกด้วย ฉันมีเวลารอเธอคิด...ทั้งชีวิต

    ผมไม่ได้มองเธอ ไม่ได้ตั้งใจที่จะรอฟังคำตอบและเลือกที่จะปล่อยเธอกลับไปทำงานตามหน้าที่ จริงอยู่ที่ผมไม่ได้รอฟังคำตอบเธอ แต่หูกำลังเงี่ยฟังเสียงฝีเท้าของเธอซึ่งเดินห่างไกลออกไป จนกระทั่งออกไปจากห้องแต่งตัว

    ทำบ้าอะไรวินทร์?” คำถามติดหาเรื่องของน้องสาวตัวดีก็ดังแทรกขึ้นทันที “ต่อยพี่วอร์ทำไม?”

    ผมได้ยินสิ่งที่แหวนถามนะ แต่ปากมันไม่ยอมขยับตอบคำถามใดๆ ออกไป

    รู้ไหม ฉันต้องบินกลับจากอังกฤษเพราะมีพี่ไม่เอาอ่าวสองคนแบบพวกนายเนี่ย เลิกสร้างปัญหาสักทีได้ไหม?” ถ้อยคำเดิมๆ ถูกแหวนกล่าวขึ้นต่อว่า เธอดูหัวเสีย แต่นั่นก็ดูจะเป็นนิสัยประจำของน้องสาวผมคนนี้ไปแล้ว

    แต่พอฟังเธอพูดบ่อยเข้า ผมก็เริ่มเบื่อที่จะได้ยิน

    ไม่มีใครอยากให้แหวนกลับมาทำงานครอบครัวแทนใครหรอก” ปากก็เลยขยับพูดไป แม้จะรู้ว่าถ้าพูดไม่เข้าหู ผมอาจจะถูกเธอซัดหมัดเข้าที่หน้าเหมือนเมื่อครู่ก็ได้ ทั้งที่รู้ แต่ก็ไม่หยุด “เพราะฉันก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมารับหน้าที่แทนใครแบบนี้เหมือนกัน

    ฟึ่บ!

    ฝ่ามือเรียวพุ่งเข้ากระชากปกคอเสื้ออย่างแรง แหวนออกแรงกระชากเล็กน้อย จ้องเขม้นมองหน้าคล้ายกับหาเรื่อง นัยน์ตากลมของเธอเหมือนมองทุกอย่างออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

    วินทร์โกรธพี่วอร์เหรอ?” และนั่นตามมาด้วยคำถามสั้นๆ “โกรธที่พี่เขาทิ้งงานของครอบครัวเอาไว้ แล้วหนีไปเป็นศิลปินงั้นเหรอ?”

    “…” และพอไม่ตอบ

    โง่!” แหวนจึงก่นด่าสั้นๆ และยอมปล่อยมือจากคอเสื้อผมในที่สุด

    ชีวิตที่เคยเป็นอิสระ ความฝันที่เคยวาดไว้ ถูกจับใส่กรงปิดตายไว้ในกรงขัง นับตั้งแต่วินาทีที่พี่ชายคนโตของบ้านหนีหายออกไปจากบ้าน หนีไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศเพื่อผันตัวเองเป็นศิลปิน ทั้งที่ความฝันของมันไม่ใช่การเป็นศิลปินอย่างที่หลายคนคิดเลยสักนิด

    พี่วอร์ไม่ได้ทิ้งภาระไว้ให้ใครอย่างที่วินทร์คิดหรอกนะ…”

    แล้วไอ้ที่มันบินไปเกาหลี เพื่อไปตามพี่แบมล่ะ นั่นเขาไม่เรียกว่าทิ้งภาระเหรอ!?” พอได้ยินอะไรที่ขัดใจ ผมก็ลืมตัวเผลอตวาดเสียงดังใส่หน้าน้องสาว “ถ้ามันไม่ทำแบบนั้น ป่านนี้แหวนคงได้ใช้ชีวิตดีๆ กับสิ่งที่อยากเรียนที่อังกฤษแล้ว…”

    เพียะ!

    หน้าผมหันไปตามแรงตบของฝ่ามือจากบุคคลซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นน้องสาว พานให้คำพูดทั้งหมดที่มีหยุดชะงักลง ความชาทั่วแก้มเริ่มทำให้ผมคืนสติ และรู้ตัวว่าไม่ควรทำนิสัยแบบนี้ใส่เธออีก

    หยุดพูดจาเห็นแก่ตัวสักทีวินทร์ เพราะเป็นแบบนี้ไง ฉันถึงไม่อยากเรียกนายว่าพี่!”

    “…” นั่นสินะ ผมคงเห็นแก่ตัว

    คนที่ทำให้พี่วอร์ต้องไปเป็นศิลปินตามพี่แบม มันก็เพราะวินทร์ไม่ใช่หรือไง…” คำถามของแหวนที่เอ่ยขึ้น ยิ่งทำผมนิ่งเข้าไปใหญ่ สิ่งที่เธอพูดมาก็จริง

    เหตุผลที่วอร์ทิ้งทุกอย่างไป อาจเป็นเพราะผมเอง

    แบม ชอบผู้ชายแบบไหนอ่ะ?’ คำถามของวอร์ในตอนนั้นดังแว่วเข้ามาในหัว

    ภาพเหตุการณ์รอบตัวเหมือนถูกดึงย้อนกลับสู่อดีต วอร์ยังเป็นพี่ชายที่ดีมือถือแฟ้มเอกสารมากมายเพื่อเตรียมศึกษารับเข้าตำแหน่งประธานบริษัทคนต่อไป แต่ไม่ใช่กับผมที่ยังเป็นแค่เด็กวัยรุ่นผู้ชายคนหนึ่ง ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

    และคำพูดในวันนั้นเองเหมือนเป็นจุดผันเปลี่ยนเรื่องทุกๆ อย่าง

    ฉันชอบผู้ชายแบวินทร์อ่ะ คำตอบของพี่แบมซึ่งมีแค่ผมกับเธอเท่านั้นที่รู้กันถูกเอ่ยตอบออกไป ต่อหน้าเราทั้งสามคน มือของพี่แบมเอื้อมกุมมือผมไว้แน่น แล้วกล่าวออกมาอีกครั้ง ฉันชอบผู้ชายที่มีความฝันอยากเป็นนักแข่งรถ ถ้าได้แฟนเป็นนักแข่งรถ มันคงเท่พิลึกเลยว่าไหม?’

    ผมไม่เข้าใจสิ่งที่แบมพยายามทำเลยคิดว่ามันคือความรักที่พี่สาวคนหนึ่งมีให้ ผมยอมคบกับคบพี่แบมนับจากวันนั้น แต่พอเวลาผ่านไปผมถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เธอทำนั้น มันเรียกว่าการลองใจ

    วินทร์ พี่ขอโทษนะ พี่ไม่ได้ชอบวินทร์หรอกจ้ะ

    ‘…’

    ขอโทษที่ทำให้วินทร์เดือดร้อนนะ แต่เมื่อได้รู้ ทุกอย่างก็ดูสายไปหมด อีกทั้งทุกอย่างรอบตัวก็เริ่มเปลี่ยน

    พี่ชายซึ่งเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของบ้านเริ่มเสเพล ทิ้งการทิ้งงาน ดื่มเหล้า เที่ยวเล่นกับเพื่อนและเริ่มหัดขับรถ และวันหนึ่งเขาก็หายตัวไปในวันที่พี่แบมตัดสินใจทิ้งทุกอย่าง หนีไปเรียนที่เกาหลีใต้

    วินทร์รู้ใช่ไหม ว่าผู้หญิงที่ชื่อกาละแมร์อะไรนั่นชอบพี่วอร์” เสียงของแหวนซึ่งดังขึ้นอีกครั้ง ปลุกผมจากภวังค์ในอดีตให้กลับสู่โลกของความเป็นจริงอีกครั้ง และต้องพบว่าผมกำลังถูกแววตาจริงของน้องสาวคาดคั้นเอาคำตอบ

    และเมื่อเธอไม่ได้คำตอบ คำถามต่อมาจึงเกิดขึ้น

    ถ้ารู้ วินทร์ทำแบบนั้นทำไมวะ?” ถ้าให้ตีความหมายของคำถามที่สอง ก็คงเป็นเรื่องที่ผมวิ่งเข้าไปซัดหน้าไอ้วอร์ต่อหน้าคนทั้งกองล่ะมั้ง

    ก็หึง…”

    หึงทั้งที่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนคลับพี่วอร์งั้นเหรอ?!”

    ทุกคน ไม่ใช่แค่วอร์” ผมแย้ง

    แต่นั่นมันแค่การแสดงนะวินทร์!”

    แล้วมันนอกบทบาทปะวะแหวน!!” อีกครั้งเมื่อโดนจี้มากๆ ผมก็เริ่มจะระเบิดอารมณ์ออกมา ต่อให้ผมจะรู้สึกรักและเกรงใจน้องสาวตัวเองมากแค่ไหน เมื่อถึงจุดเดือดผมเองก็ไม่อยากจะยอมเหมือนกัน

    สรุปว่าหึงแค่นั้น?” คราวนี้แหวนถาม น้ำเสียงและท่าทางเธอดูใจเย็น ไม่ได้ลงไม้ลงมือกับผมเหมือนทุกที

    อืม...

    แน่ใจเหรอวินทร์?”  แถมยังย้อนแบบไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดใดๆ ตอบกลับไป “แน่ใจแล้วเหรอว่าไอ้ที่รู้สึกกับผู้หญิงคนนั้นมันคือความหึงที่เกิดจากความรัก ไม่ใช่เพราะอยากเอาชนะพี่วอร์…”

    “…”

    ตอบไม่ได้ใช่ไหม?”

    “…”

    แกมันไม่ใช่ลูกผู้ชายเลยวินทร์…” คำต่อว่าประโยคสุดท้ายของแหวนคล้ายกับมีใครเอาตะปูมาตอกลงกับฝ่าเท้าให้ผมหยุดยืนนิ่งอยู่อย่างนั่น และปล่อยให้เธอที่ดูจะฉุนเฉียวเดินเฉียดไหล่ออกจากห้องแต่งตัวไป

    ทิ้งไว้เพียงคำถามเล็กน้อยที่ผมควรหาคำตอบ

    ว่าความจริงแล้ว ผมความรู้สึกของผมที่มีต่อยัยเต้าหู้มันเป็นยังไงกันแน่...

    วันแรกที่ผมได้พบเธอ

    [มึงเข้ามาในบ้านได้เลยนะวินทร์]

    เออ กำลังเดินเข้าไป อยู่ชั้นสองของบ้านใช่ไหม?” ผมตะคอกเสียงผ่านหูโทรศัพท์ใส่คนปลายสาย มันชื่อ ‘ทอร์ช’ อายุก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผมนี่แหละ

    [เออห้องที่สะตู๊ดดดผมชิงตัดสายมันทิ้งไปก่อน เลยไม่ทันได้ฟังว่าในตอนนั้นมันพูดอะไร แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงซะผมก็ต้องเข้าไปเจอมันอยู่ดี

    เจอเพื่อปฏิเสธคำชวนอันแสนมีค่า เส้นทางสู้การเป็นนักแข่งรถอย่างเต็มตัวที่มันหยิบยื่นมาให้

    เมื่อคิดแบบนั้น เท้าก็เริ่มเดินเหยียบย่างเข้าไปในบ้านพักหลังใหญ่ ติดป้ายชื่อว่า ‘Full House’ ทันที สาเหตุที่ผมต้องมาหาไอ้ทอร์ชในช่วงบ่ายแก่ๆ แบบนี้ก็เพราะว่า หลายอาทิตย์ก่อนผมบังเอิญเจอกับมันตอนออกไปแข่งรถที่ห้าง Central Mall เหมือนปกติ และการได้รู้จักกับทอร์ชนั้นเลยทำให้ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาทั่วไป แต่เป็นคนมีชื่อเสียงมากในวงการแข่งรถระดับประเทศ

    ทักษะการขับรถของผมในคืนนั้นคงเด้งโดดทิ่มเบ้าตามันมั้ง มันก็เลยพยายามทาบทามให้ผมร่วมลงแข่งจริงบนสนามจริงระดับประเทศ ถ้าเป็นเมื่อสมัยสัก3-4ปีก่อนหน้านี้ล่ะก็ บางทีผมอาจจะตอบตกลงไปแล้วก็ได้ เพราะอาชีพนักแข่งรถคือความฝันสูงสุดของผมเลยก็ว่าได้ แต่ไม่ใช่กับในตอนนี้ ตอนที่ผมพ่อบอกให้ผมรับหน้าที่ประธานบริษัทคงต่อไปแทนพี่ชายคนเดียวที่หนีไปต่างประเทศ

    ภายในบ้านพักค่อนข้างเงียบ เหมือนกับว่าไม่มีคนอยู่ แต่นั่นไม่ได้เป็นเรื่องที่ผมสนใจอยู่แล้ว เพราะสิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือการปฏิเสธทอร์ชไปตรงๆ แล้วก็กลับไปทำสิ่งที่ทำค้างไว้

    เออ ห้องที่สะ…’

    คำพูดของทอร์ชก่อนที่สายจะตัดไป ทำเท้าผมหยุดชะงักลงบริเวณชั้นสองข้างบ้าน สายตาเหลือบมองประตูบานที่สองและสามซึ่งอยู่ตรงหน้า ก่อนตัดสินใจเลือกประตูบานที่สองซึ่งอยู่ใกล้มือ จากนั้นก็หมุนลูกบิดแล้วผลักเข้าไปอย่างรวดเร็ว

    ตึงงง!

    เฮ้ยทอร์ช!” ทว่า สิ่งที่ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าดันไม่ใช่ภาพของผู้ชายซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องแข่งรถอย่างที่คิด

    แต่กลับเป็นหญิงสาวหน้าใบหน้ากลมๆ เหมือนเต้าหู้ ผมเผ้ายุ่งเหยิง กำลังใช้มือบีบหน้าอกตัวเองอยู่ หน้ารูปโปสเตอร์ขนาดใหญ่ ที่สำคัญรูปโปสเตอร์รูปนั้นมันดันเป็นรูปพี่ชายแท้ๆ ของผมเอง

    เห็นแล้วมันก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

    ไม่รู้ว่าโชคชะตาหรือฟ้าจงใจส่งความน่าหงุดหงิดเดิมๆ ลงมาให้ผมเจอซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรือเปล่า ผมถึงได้เจอเธออีกครั้งในอีกไม่กี่วันต่อมา

    วะ...วะ...วอร์....อป...อะ อปป้าคะ!

    ครับว่าไง?

    หนะ หนู...ทำนี่มาให้...ค่ะ!

    อ้าว ขอบคุณนะ...พี่กำลังหิวน้ำอยู่ดีเลย ผู้หญิงในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นใส่ส่งเสียงดังพลางยื่นน้ำหวานขวดเล็กในมือส่งให้ผู้ชายที่นานๆ ที่จะบินกลับมาไทย และทุกครั้งที่กลับมา มันก็มักจะตรงมายังสถานที่ที่ผมชอบมาอย่าง Central Mall และผมรู้ดีว่าเหตุผลของผู้ชายคนนั้นมันคืออะไร

    ที่ขัดใจก็คงเป็นเธอคนนั้นที่ผมเคยเจอนี่แหละ

    กินน้ำป่ะ?”

    ผมเหลือบมองขวดน้ำหวานในมือของบุคคลซึ่งเป็นพี่ชาย ที่จงใจเดินถือข้าวถือของที่ได้รับมาจากแฟนคลับ ไม่ใช่แค่พูดแต่วอร์ยัดขวดน้ำดังกล่าวส่งมาให้ และถ้ามองดีๆ รู้สึกว่าจะเป็นน้ำขวดเดียวกับที่เด็กผู้หญิงคนนั้นให้มาก่อนหน้านี้ซะด้วย

    แววตาของมันที่มองมาเหมือนกับยิ้มเยาะและโอ้อวดความโด่งดังของตัวเอง โดยทิ้งภาระมากมายไว้ให้คนอย่างผมจนต้องล้มเลิกความฝันของตัวเองไป และทำได้เพียงแค่แข่งรถอยู่ในสนามเถื่อนแบบนี้ 

    ด้วยความโมโหผมจึงจัดการเปิดฝาขวดน้ำและจงใจรินน้ำหวานในขวดทิ้งลงพื้นต่อหน้ามันแบบไม่สนใจ เมื่อหนำใจ ผมจึงวางขวดน้ำดังกล่าวลงที่ฝากระโปรงหน้ารถของตัวเอง และปลีกตัวเพื่อเลี่ยงจะพูดจาเข้าไปนอนรอเวลาการแข่งเริ่มต้นในรถแบบไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะทำหรือแสดงอาการใดหลังจากนั้น

    เพราะวินาทีนี้ผมกับวอร์ถือว่าเราเป็นศัตรูกัน

    การพบเจอกับเธอในครั้งที่สาม มันเหมือนความฝัน

    เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าผู้หญิงคนเดียวกับที่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดกำลังทำปากจู๋โน้มหน้าเข้ามาใกล้ ด้วยความตกใจ ผมจึงเอื้อมเปิดไฟในรถให้สว่าง เพื่อที่จะมองหน้าเธอชัดๆ

    พรึ่บ!

    เฮ้ยจะทำไรวะ!!” 

    “O_O”

    คิดจะปล้นซิงฉันเหรอ!?” ท่าทางตลกๆ ของเธอในตอนนั้นยิ่งชวนหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ดูจากสภาพแล้วเธอคงจะเหมอนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่มักจะชอบเข้าหาผู้ชายก่อน ผมไม่รู้หรอกว่าเธอทำแบบนี้ทำไม แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรไปมากกว่านี้ เสียงประกาศของโฆษกประจำสนามก็ดังขึ้นมาก่อน

    และเพราะว่ามีเธอติดรถไปด้วยนั่นแหละ ก็เลยทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมมองเธอในแว๊บแรกนั้นมันผิดไปหมด

    สิ่งที่เปลี่ยนความคิดผมไปไม่ใช่เพราะจูบแรกที่ผมฉวยโอกาสขโมยไปจากเธอบนรถในคืนที่ไปส่งบ้าน แต่เป็นคำพูดของเธอในตอนที่ผมแกล้งลวนลามเธอตอนอยู่บนรถต่างหาก

    อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ!”

    แค่จูบเอง อย่าเล่นตัวมากได้ป่ะ?

    ไม่ได้เล่นตั! แต่จูบมันต้องทำกับแฟนหรือคนที่ชอบไม่ใช่หรือไง!” ความบังเอิญทำให้ผมได้เจอเธออีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไงเมื่อได้เจอเธออีก รู้อีกทีผมก็เดินเข้าไปคว้ามือเพื่อนของเธอไว้แล้ว 

    เมื่อยิ่งได้มอง ผมก็ยิ่งพบว่าเธอน่ารัก น่ารักมาก… 

    น่ารักมากกว่าใครๆ และน่ารักขึ้นทุกครั้งที่ได้มอง

    การที่เธอน่ารักมากเกินไป มันทำให้ผมรู้สึกโมโหทุกครั้งที่เห็นเธออยู่กับวอร์ แม้รู้มาตลอดว่าเธอคือแฟนคลับของพี่ชายตัวเอง และผมไม่สามารถควบคุมความโกรธของตัวเองได้เมื่อรู้สึกว่าความรู้สึกที่เธอให้มานั้นมีได้ไม่เท่ากับกับพี่ชายตัวเอง คล้ายกับเป็นการลงโทษที่ดันเข้าไปวุ่นวายชีวิตคู่ของพี่ชายในตอนนั้น

    อ่า… ให้ตายสิ ผมอยากเป็นของเธอซะเดี๋ยวนี้ก่อนที่จะเสียเธอไปจริงๆ

    ไม่รู้หรอกว่าควรจะเริ่มจากตรงไหน จะเรียกว่าไก่อ่อนยังไงผมก็ไม่สน เพราะเวลานี้ ผมไม่เคยรู้สึกอยากทำให้ใครเป็นของตัวเองได้มากเท่าเธอมาก่อนเลย

    แล้วแบบนี้น่ะเขาเรียกว่าชอบหรือรักวะ?


    นับตั้งแต่วันที่ผมต่อยหน้าพี่ชายตัวเองในกองถ่าย ผมก็ไม่คิดจะกลับเข้าไปที่กองอีกเลย แม้ว่าลึกๆ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของกาละแมมากเท่าไหร่ก็ตาม ส่วนภาระหน้าที่การดูแลผมยกให้เป็นหน้าที่ของแหวนน้องสาวตัวดี

    จะเรียกว่าเหลวไหลก็ได้ยอมรับ...

    เพราะผมใช้เวลาที่ผ่านไปตลอดหนึ่งวัน ในการขับรถร่อนไปทั่วทั้งเมือง พักดื่มกาแฟ กินข้าวกับร้านข้างทาง ขับรถวนไปเวียนมาอยู่บนถนนเส้นเดิมๆ และปล่อยให้ในหัวนึกทบทวนความรู้สึกของตัวเองที่ผ่านมา จนกระทั่งพาตัวเองมายังสถานที่ซึ่งเป็นความลับ ไม่สิ! ต้องบอกว่าสถานที่ที่มีแค่ผมกับกาละแมรู้กันเพียงแค่สองคนเท่านั้นถึงจะถูก

    สมาร์ทโฟนเครื่องสำคัญถูกหยิบขึ้นมาเลื่อนหาเบอร์เพื่อนสนิท ก่อนลังเลว่าจะโทรหาใครดี ระหว่างไอ้กั้ง ไอ้ทูปและไอ้หม่อง ขณะกำลังลังเลจู่ๆโทรศัพท์ในมือก็เริ่มสั่นพร้อมกันนั้นก็ส่งเสียงเรียกเข้าจนเผลอสะดุ้ง

    Rrrrrrr

    พี่แบม

    ว่าไงพี่ มีไรเปล่า?” 

    ผมกดรับสายสมาร์ทโฟนทันทีเมื่อเห็นชื่อขึ้นปรากฏอยู่บนหน้าจอ

    [วินทร์ แหวนบอกว่าวันนี้วินทร์ไม่เข้าไปดูงานที่กองเลย เป็นอะไรไปอีกล่ะ?]

    ขี้เกียจ เลยออกมาขับรถเล่น

    [เมื่อวาน คนในกองลือกันว่า วินทร์ต่อยกับวอร์เหรอ? เกิดอะไรขึ้น เพราะพี่หรือเปล่า?] คำถามของพี่แบมทำผมเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบเธอกลับไป

    เปล่า ไม่ได้เกี่ยวกับพี่หรอก” มันน่าอายจะตาย ที่จู่ๆ จะพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้พี่แบมฟัง คนที่เป็นผู้ใหญ่อย่างพี่แบมคงจะมองเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องตลกแน่ๆ ที่สำคัญเธออาจจะขำถ้ารู้ว่าผมต่อยพี่ชายตัวเองเพราะผู้หญิงแต่...

    [ถ้าไม่ใช่พี่ หรือว่าเป็นเพราะเพราะผู้หญิงที่รับเล่น Mv ให้วง SWAG?]

    ใครบอกพี่วะ?” ผมรีบย้อนเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อได้ฟังปลายสายถามกลับมาแบบนั้น

    [จริงๆ ด้วย วินทร์ชอบเด็กคนนั้นใช่ไหม พี่ดูออกนะ คิกๆ]

    อย่าหัวเราะดิพี่” ผมแย้ง แต่ดูเหมือนปลายสายจะหัวเราะคิกคักไม่หยุด จนต้องเอ่ยปากขัดเสียงหัวเราะดังกล่าวออกไป “มันดูตลกมากขนาดนั้นเลยหรือไงเล่า!?”

    [คิกๆ ไม่นี่ มันทำให้พี่รู้ว่าน้องชายของพี่โตเป็นหนุ่มแล้วต่างหาก]

    ผมไม่ได้อายุ 15 แบบเมื่อก่อนแล้วนะเว้ย แยกออกแล้วว่าอันไหนเรียกว่าความรู้สึกอะไร!”

    [รู้แล้วจ๊ะ...] เสียงจากปลายสายอ่อนลงนิดหน่อยแถมยังเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหลังได้ฟังคำพูดเชิงประชดประชัน [พี่เองก็คิดว่าเด็กคนนั้นน่ารักเหมือนกันนะ แต่…] 

    เสียงของปลายสายเงียบลงไป แถมยังเงียบต่อไปอีกครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงเศร้าสร้อย

    [แต่วอร์บอกว่ากำลังคบเด็กคนนั้นอยู่]

    “…” ทุกถ้อยคำที่พี่แบมพูดล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับพี่วอร์ทั้งนั้น

    [จริงๆ แล้วพี่ไม่ได้จะโทรมาบอกวินทร์เรื่องนี้หรอกนะ พี่รู้ว่าเขาอาจจะพูดประชดพี่อยู่ก็ได้… คงอยากเอาคืนเรื่องเมื่อหลายปีก่อนล่ะมั้ง] อ่า...ทำไมหน้าผมมันถึงได้รู้สึกชาอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่ยักจะรู้สึกเจ็บเหมือนเมื่อก่อนเท่าไหร่ [ที่พี่อยากบอกวินทร์จริงๆ ก็คือ พี่ยังรู้สึกผิดที่ใช้วินทร์เป็นเครื่องมือนะ]

    “…” ไม่ได้รู้สึกปวดที่อกข้างซ้ายเหมือนกับเมื่อตอนนั้นอีกต่อไปแล้ว

    [ส่วนเรื่องที่สองที่อยากบอกวินทร์ก็คือ พี่คิดว่าพี่จะตอบตกลงแต่งงานกับลูกประธานบริษัทค่ายเพลงในสังกัดของ SWAG…]

    อ้าวเฮ้ยพี่ทำไมเป็นงั้นอ่ะ” ไม่เจ็บ แถมอารมณ์ยังเปลี่ยนไป เมื่อได้ฟังข่าวน่าตกใจจากปากเธอ

    [พี่ถอดใจแล้วจ๊ะ... พี่พยายามแล้วที่จะขอโทษวอร์ พยายามหมดทุกทางแล้วนะวินทร์ พยายามจะคุยกับเขา แต่เขาเหมือนพยายามตัดบทอยู่ตลอด… เหมือนว่าเขาเกลียดพี่ไปแล้ว…] 

    เสียงจากปลายสายเริ่มสั่นเครือจนชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

    [พี่อยากขอโทษเขาที่ตอนนั้นพูดประชดออกไป จนเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้… ขอโทษนะวินทร์ ที่ต้องทำให้วินทร์มาเกี่ยวข้องกับความเอาแต่ใจของพี่อย่างนี้…]

    เฮ้ยพี่ อย่าร้องดิ ผมปลอบไม่เป็น…”

    [วินทร์… ถ้าวินทร์รักใครสักคนขึ้นมาจนสุดหัวใจ วินทร์จงจำไว้นะว่าการลืมความรักครั้งนั้นจะยากยิ่งกว่าครั้งไหนๆ การกระทำหรือคำพูดประชดประชันกันเพียงแค่ครั้งเดียว สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของอีกคน จนถึงชนิดที่ว่าไม่สามารถกลับมาเป็นแบบเก่าได้จำเรื่องของพี่กับวอร์ไว้เป็นบทเรียนนะ]

    ครับ…”

    [ถ้าไม่อยากเสียไป วินทร์ต้องดูแลความรู้สึกของคนๆ นั้นด้วยความจริงใจ ถ้าหากวันหนึ่งต้องทะเลาะกัน ให้วินทร์ใจเย็นและลองมองตาอีกฝ่ายเพื่ออ่านความรู้สึกดู เพราะแววตาของมนุษย์เราสามารถบอกความรู้สึกของคนๆ นั้นได้นะรู้ไหม]

    ครับพี่แบม ผมจะจำไว้

    [พี่รักวินทร์นะ...] อีกครั้งที่ผมได้ยินคำพูดเดิมจากปากของพี่แบม คำพูดที่เคยอยากฟัง หากแต่ว่าตอนนี้หัวใจมันกลับไม่ได้รู้สึกสั่นไหว ดีใจต่อถ้อยคำประโยคดังกล่าวอีกต่อไปแล้ว

    ผมก็รักพี่...ถึงอย่างนั้นปากก็ยังเอ่ยถ้อยคำที่เคยอยากบอกให้เธอรู้ออกไปเหมือนเก่า เพียงแค่เพิ่มเติมอะไรเข้าไปนิดหน่อย พี่สาว...

    การรับสายพี่แบมในวันนั้น มันทำให้ผมรู้ว่าเธอยังคงรักพี่ชายของผมมาก ไม่ว่าจะตอนไหน และผมเองก็รู้เช่นกันว่าวอร์เองก็คงรู้สึกไม่ได้ต่างไปจากเธอนัก เพราะถ้ามันหมดความรู้สึกไปแล้ว มันก้คงจะเลิกขับรถแข่งเบ่งใส่ผมไปนานแล้วเหมือนกัน

    ทุกอย่างมันมักเกิดการเปลี่ยนแปลง ในยามที่เวลาหมุดเวียนภาพไป เวลาทุกวินาทีสามารถเยียวยาความรู้สึกของคนให้กลับมาเข้มแข็งได้ โดยเฉพาะกับเรื่องราวใหม่ๆ ที่เข้ามาในแต่ละวัน

    จากที่รู้สึกเพียงหน้าชา ในอกก็เริ่มรู้สึกวูบสั่นแปลกๆ เมื่อเสียงของพี่แบมดังแว่วเข้ามาให้ได้ยิน

    วอร์บอกว่ากำลังคบเด็กคนนั้นอยู่ จนอดภาวนาในอกไม่ได้ ว่าขอเรื่องที่พี่แบมพูดเป็นแค่เรื่องประชดประชันของไอ้หมอนั่นทีเถอะ ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ทันทีที่วางสายจากพี่แบมไป นิ้วมันก็เลื่อนขึ้นพิมพ์ข้อความ ส่งหาบุคคลที่ไม่อยากคุยด้วยมากที่สุดไปแล้ว

    เทวินทร์ :: พรุ่งนี้ถ้าว่าง ขอเจอหน่อย

    และแน่นอนว่าอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาแทบจะทันที

    วอร์ :: อยากเจอก็มา

    To Be Continued...

    ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%

    1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย

    ติดแท็กในทวิต 

    #ชีวิตติ่งยิ่งกว่าเจ็บ #ติ่งแฟนวินทร์

    แก๊งลูกเทพ¼ 
     จิ้มซะจะได้ไม่เป็นธุระของพ่อกับแม่! 

        




    ll Character ll










    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้จิ้มเน้นๆที่หน้าเทวินทร์!

    ^
     รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน 
     ส่งฟีดแบ็กทางทวิต เพจ คอมเม้น
     หรือโหวตข้างล่างเต็ม100นะเออ 
    v
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×