คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : HALF03 ; แหล่งรวมเรื่องเสียว (100%)
เวลาต่อมา..
ฉันไม่รู้ว่าเสียงเจ็บปวดอันแสนไพเราะจากปากคุณพี่กั้งดังอยู่นานแค่ไหน
รู้แค่ว่าไม่นานช่วงเวลาของความสุขก็สิ้นสุดลง
เมื่อพลาสเตอร์ยาถูกปิดรอบบริเวณบาดแผลของเขาจนเสร็จ จากนั้นทุกอย่างก็กลับสู่ปกติ
ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ระทึกใจให้รู้สึกอย่างตอนแรก
“ขอโทษนะคะ ที่เมื่อครู่ถินทำคุณพี่กั้งเป็นแผล...” ฉันทิ้งตัวนั่งคุกเข่าอยู่บริเวณปลายเตียงในท่า ก้มหน้าสำนึกผิด
เพราะเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตัวเองนั่นแหละคือต้นเหตุที่ทำให้คุณพี่กั้งเจ็บ
ฉันเพิ่งรู้ตัวจริงๆ ค่ะ
รู้สึกผิดจัง...
“ขอโทษแล้วมันหายเจ็บหรือไง ?” ดูท่าแล้วคุณพี่กั้งยังคงโกรธอยู่และหัวเสียเอามากๆ “ทำอะไรไม่ได้แล้วเนี่ย !”
ยิ่งได้ยินเสียงต่อว่า
ฉันก็ยิ่งก้มหน้าหงุดอย่างคนมีความผิด แม้ลึกๆ จะอดโทษไม่ได้ว่า
มันเป็นเพราะคุณพี่กั้งเองนั่นแหละที่ผิด หากเขาไม่ไม่กดมือลงมา ก็คงไม่เจ็บตัวแบบนั้นหรอก
เพราะเป็นคนชั้นผู้น้อยจึงทำได้แค่ก้มหัวขอโทษ ไม่แฟร์เลยว่าไหมคะ ?
“ถ้าคุณพี่กั้งไม่มีเรื่องอะไรแล้ว
ถินขอตัวก่อนนะคะ...”
“เออ จะไปไหนก็ไปเลย” คุณพี่กั้งตะคอกเสียงดุเหมือนกับไม่ต้องการจะเห็นหน้าฉันอีกต่อไปแล้ว
ดังนั้น ฉันจึงก้มหัวลงเล็กน้อย และตัดสินใจลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
กลับหันหลังเดินไปยังประตูห้องแบบไม่สนใจ
ทว่า
ในตอนที่กำลังใช้มือเอื้อมมือคว้าด้ามจับเพื่อจะเลื่อนประตูให้เปิดออกอยู่นั้น
เสียงฮึดฮัดคล้ายกับไม่พอใจก็ดังขึ้น
“โว๊ะ !” และตามมาด้วยเสียงบ่น “ถอดยากฉิบ !”
เสียงเกรี้ยวกราดของลูกกระต่าย
ทำฉันเหลียวหลังมองไปยังเจ้าของเสียงที่ยามนี้ยังคงนั่งยืดขาอยู่บนเตียงของตัวเอง
เขาใช้มือข้างที่นิ้วโป้งเป็นแผลจัดการปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของตัวเองออกท่าทางเหมือนเด็กที่ทำอะไรเองไม่ได้
ดูแล้วเอาแต่ใจสุดๆ เลยค่ะ...
“มองไรอ่ะ ?” ราวกับว่าคุณพี่กั้งรอโอกาสนี้มานาน และเหมือนรู้ตัวอยู่แล้วว่าถูกมองอยู่
ถึงได้ส่งเสียงขึ้น “ไม่คิดจะเข้ามาช่วยกันหน่อยหรือไง ?”
“...” ฉันกำลังคิดว่าควรจะทำยังไงดี
แต่ความคิดก็ยังทำงานไม่ถึงไหน เมื่อเดี๋ยวดุแกมสั่งดังขึ้นอีก
“อย่าชักช้าดิ จะอาบน้ำ !”
“คะ...ค่ะ..” สมองส่วนรับคำสั่งตอบรับคำเสียงเอาแต่ใจดังกล่าวอย่างปฏิเสธไม่ได้
จำต้องหันหลังกลับไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่อีกครั้ง และเมื่อกลับไปถึง
ใบหน้าน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงก็เริ่มปรากฏรอยยิ้มราวกับชอบใจ
มิหนำซ้ำยังใช้มือตบเตียงเรียกให้ขึ้นไปหา
แต่เมื่อเห็นว่ายังยืนนิ่งอยู่มันก็เป็นคุณพี่กั้งนั่นแหละที่เป็นฝ่ายขยับตัวเคลื่อนมาหาฉันบริเวณปลายเตียงอย่างรวดเร็ว
พร้อมกันนั้นก็ใช้มือคว้ามือฉันเอาไว้ด้วยด้วยมือข้างที่เป็นเขาบ่นว่าเจ็บจนทำอะไรไม่ได้และเอ่ยปากขึ้น
“ถอดเสื้อให้พี่หน่อยสิ...มือพี่เจ็บ”
ช่วงที่ฟังเขาพูด
สายตาของเราสองคนก็มองสบประสานกันไปด้วย ขณะเดียวกันมือก็ทำหน้าที่ที่ได้รับคำสั่ง
เลื่อนปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาให้คนตัวใหญ่ออกอย่างเชื่องช้า
ไม่รีบไม่ร้อนทีละเม็ดสองเม็ด
รู้สึกว่าครั้งนี้มือไม้ของคุณพี่กั้งไม่ได้ซุกซนเหมือนอย่างที่ผ่านมา
เขายอมนั่งนิ่งให้ฉันจัดการกับอาภรณ์ท่อนบนของตัวเองอย่างว่างง่าย แต่อย่างไรก็ดี
ฉันก็ยังรู้สึกถึงสายตาที่เขาจับอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
Rrrrr
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ซึ่งดังขึ้นในจังหวะที่กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกปลดออกพอดี
ทำให้เจ้าของเสียงโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวเอี้ยวตัวไปหยิบพร้อมทั้งกดรับสายทันที
“ว่าๆ...อยู่บ้านกำลังจะอาบน้ำ...อ่าฮะ...เออเดี๋ยวออกไปหลัง
5 ทุ่ม...มึงก็ขับรถมารับกูแล้วกัน...” แม้ไม่ตั้งใจจะเสียมารยาทแต่ด้วยความที่อยู่ใกล้มากเกินไป
นั่นเลยทำให้เผลอได้ยินบทสนทนาของคุณพี่กั้งไปด้วย
ฉันไม่รู้หรอกว่าเขากำลังคุยกับใคร ที่รับรู้ได้ก็คือ
คืนนี้หลังสี่ทุ่มครึ่งเขาน่าจะออกไปสักที่
อ้าว..นี่เขาไม่ใช่เด็กอนามัยจริงเหรอเหรอ
หลงเชื่อเสียได้ แย่จัง...
“ว่าไงนะ...ใกล้ถึงแล้ว
นี่มึงบ้าป่ะไอ้วินทร์ !?” ดูเหมือนว่า
ยิ่งคุณพี่กั้งคุยโทรศัพท์นานเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งใส่อารมณ์เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
จนแทบไม่เหลือเคล้าความน่ารักของลูกกระต่ายดั่งฉายยาที่เป็น
เพราะว่าสถานการณ์ภายในกำลังถูกเสียงของเจ้าของห้องปกคลุมและกลบทับ
ฉันซึ่งหมดหน้าที่จึงตัดสินใจ ก้มหัวลงเล็กน้อยแทนคำบอกลา
ก่อนตัดสินใจหันหลังเดินตรงไปยังประตูห้อง ทว่า
ฟึ่บ !
คุณพี่กั้งกลับไม่ยอมให้ฉันทำตามใจตัวเองได้อย่างที่คิด
เขาลุกพรวดพราดออกจากเตียง พุ่งมือคว้าแขนฉันไว้ ถ้าสังเกตดีๆ
แล้วดูเหมือนจะเป็นมือข้างที่เขาบอกว่าเจ็บปวดหนักจนไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเองเสียด้วยสิ
“เออ ! กูขอเวลาเปลี่ยนเสื้อแป๊บ...เดี๋ยวออกไป” แม้ว่าคุณพี่กั้งจะรั้งตัวฉันไว้
แต่ประโยคเมื่อครู่ก็ใช่ว่าจะบอกฉันแต่อย่างใด
จนกระทั่งโทรศัพท์ราคาแพงถูกลดลงจากหูนั่นแหละ
“จะไปไหน ?” ดูเหมือนว่าคำถามนี้
จะเป็นทีของฉันที่ต้องแล้วล่ะค่ะ !
“กลับห้องค่ะ”
“กลับอะไรล่ะ จำไม่ได้เหรอที่พี่บอกว่ามีงานให้ถินช่วยอ่ะ” คำถามกึ่งเสียงดุทำฉันสอดส่องสายตามองคุณพี่กั้งตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าด้วยความสงสัย ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะทวนความคิดไปด้วย
กางเกงก็ปลดตะขอให้แล้ว...
เสื้อก็ปลดกระดุมออกหมดแล้ว...
“ถินก็ทำทุกอย่างให้คุณพี่กั้งครบแล้วนี่คะ” คำพูดหลังสิ้นสุดการประมวลความจึงถูกพ่นออกไป
“งี่เง่าน่า...ยืนรอตรงนี้” คุณพี่กำชับเพียงแค่นั้น และยอมเป็นฝ่ายปล่อยมือออก
เขาหันหลังพลางถอดเสื้อเชิ้ตนักศึกษา ขณะเดินหายไปยังฉากกั้นสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า
จากมุมหน้าประตูห้อง
ฉันมองเห็นเพียงเงาขุ่นๆ ของคุณพี่กั้งขณะขยับเขยื้อนกายอยู่หลังฉากกั้น
รับรู้ได้ว่าเขากำลังถอดกางเกงและจัดการเปลี่ยนเสื้อตามอย่างที่บอกคนในสายไว้
แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ การที่เขาสั่งให้ฉันยืนรออยู่แบบนี้มันเกิดขึ้นเพราะเหตุผลใด
ไม่นานนักทุกอย่างก็เริ่มกระจ่างชัด
เมื่อชุดนักศึกษาที่เคยถูกคนตัวใหญ่สวมใส่
ถูกปรับเปลี่ยนไปเป็นเสื้อยืดคอวีสีขาวโดยภายนอกสวมทับด้วยเสื้อยีนแขนยาว
ดูเข้ากันดีกับกางเกงขาเดฟขาดๆ ในภาพลักษณ์ของหนุ่มเท่จนหมดเคล้าลูกกระต่าย
“เดี๋ยวออกไปข้างกับพี่หน่อย...” และนั่นคือคำสั่งแรกหลังจากที่คุณหนูของบ้านแต่งกายจนเสร็จ
เขาสั่งทั้งที่กำลังวุ่นวายกับการพับแขนเสื้อยีนทั้งสองข้างให้เท่ากัน “ถ้าใครถาม ถินก็บอกว่าเราจะออกไปหาของทำรายงานด้วยกัน”
คุณพี่กั้งเขากำลังต้องการให้ฉันช่วยโกหกค่ะ !
“แล้วก็...ถอดเสื้อคลุมมูลนิธิออกด้วย
เดี๋ยวเพื่อพี่จะหาว่าแช่งมัน” ไม่รู้หรอกว่าที่คุณพี่กั้งพูดนั้นมันหมายถึงอะไร
รู้เพียงแค่ว่าฉันต้องทำตามคำสั่งคนลูกชายของผู้มีพระคุณสั่งแต่เพียงเท่านั้น
หลังจากคุณพี่กั้งเตรียมการทุกอย่างจนเสร็จสิ้น
เขาก็เดินนำหน้าฉันพาออกจากห้องนอนของตัวเอง
เดินผ่านสวนญี่ปุ่นตรงไปยังหน้าประตูใหญ่ของพระราชวังโพรงกระต่ายทันที
แต่ว่ายังไม่ทันเดินไปถึงที่ที่คนตัวสูงต้องการดี
เท้าของเราทั้งคู่ก็ต้องมีอันต้องหยุดลง
เมื่อเบื้องหน้ามีบรรดาคุณบอดี้การ์ดและผู้ดูแลยืนขวางอยู่
“คุณหนูจะออกไปไหนหรือครับ
นี่มันดึกแล้วนะ...” อีกทั้งยังใช้สีหน้าดุดันและเสียงที่ไม่ต่างจากสีหน้าเอ่ยขึ้น
“พอดีผมกับกระถินต้องทำรายงานน่ะครับ
แล้วอุปกรณ์ที่ต้องใช้มันขาด เลยว่าจะออกไปเซเว่นหน้าปากซอยสักหน่อย”
“คุณนพเก้าสั่งไว้ว่าหลังสี่ทุ่มห้ามให้คุณหนูออกจากบ้าน...หากมีความประสงค์ต้องการอะไร
คุณหนูให้ผมไปซื้อให้ก็ได้นี่ครับ” นพเก้า
ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะเป็นชื่อของคุณแม่ของคุณพี่กั้งที่ช่วยอุปการะให้ฉันมีอนาคตที่ดีค่ะ
พอได้ยินชื่อแล้ว
ร่างกายถึงขั้นยกมือขึ้นพนมเหนือหัวอย่างนึกขอบคุณบุญใหญ่ที่ท่านมีให้ฉันกับแม่เหลือเกิน
“ผมหิวขนมหวานๆ
อยากออกไปเลือกซื้อของด้วยตัวเอง”
“ขนมหวานอาทิพวกเค้กคุณหนูสั่งให้พ่อครัวทำให้ก็ได้นะครับ
หรือหากอยากทานเค้กฝีมือของคุณท่าน คุณหนูให้ผมแวะไปซื้อร้านสาขาใกล้ๆ
มาแทนก็ได้...”
ตอนนี้ไม่ว่าคุณพี่กั้งจะแก้ตัวอย่างไร
ก็ดูท่าว่าผู้ดูแลและคนของเขาจะดักทางได้มันเสียทุกครั้ง
นั่นจึงทำให้ฉันเผลอแอบลอบมองเสี้ยวหน้าของคุณพี่กั้งเล็กน้อยเพื่อดูท่าที
ก่อนพบว่าลูกกระต่ายกำลังพยายามข่มนิสัยเอาแต่ใจของตัวเองเอาไว้โดยขณะเดียวกันก็เหมือนเขากำลังคิดหาทางเอาตัวรอดเพื่อหลบหนีออกจากโพรงกระต่ายยามวิกาลไปในคราวเดียวกันด้วย
แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อจู่ๆ
ลุงผู้ดูแลหันมาพูดกับฉันด้วยเสียงดุแกมออกคำสั่ง
“หนูกระถิน
ไปที่ห้องครัวแล้วสั่งพ่อครัวให้ทำเค้กก้อนใหญ่ๆ
ให้คุณหนูทีสิ...ส่วนอุปกรณ์ที่ขาดเดี๋ยวลุงจะให้คนออกไปซื้อให้”
“คะ..ค่ะคุณลุง...” ฉันรีบก้มหัวรับคำของผู้ใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัยโดยทุกการกระทำที่ฉันแสดงออกนั้น
อยู่ในสายตาของคุณพี่กั้งทุกการเคลื่อนไหว
ฉันช้อนตามองหน้าคุณหนูของบ้านเล็กน้อยเพื่อบอกเขาว่า
มันถึงเวลาที่ฉันควรจะต้องแยกจากเขาเสียที ทว่า
จังหวะที่กำลังจะหันหลังกลับไปทำตามคำสั่งที่ได้รับมาอยู่นั้นเอง ด้านนอกประตูกลับมีเสียงคำรามกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังขึ้นราวกับจะก่อกวน
บรื้นน บรื้นนนนนน
อีกทั้งเสียงคำรามของเครื่องยนต์ซึ่งดังอย่างต่อเนื่อง
ก็ดูจะทำให้คุณพี่กั้งรู้สึกชอบใจถึงขั้นหลุดยิ้มนิดๆ มุมปาก
และแล้วจังหวะที่คนดูแลและบรรดาบอดี้การ์ดเหลียวมองไปยังต้นเสียงอยู่นั้น
ลูกกระต่ายที่อมยิ้มในลักษณะเหมือนเตรียมพร้อมอยู่แล้วก็เริ่มเคลื่อนไหว
ฟึ่บ !
“อ๊ะ !” คุณพี่กั้งฉุดกระชากแขนฉันที่ไม่ทันระวังตัวด้วยความว่องไว
ก่อนพาวิ่งแทรกผู้ดูแลที่ไม่ทันระวังตรงไปยังประตูใหญ่ด้วยจังหวะการก้าวที่รวดเร็วสมกับเป็นกระต่าย
ตึก ! ตึก ! ตึก !
“หยุดนะครับคุณหนู!”
ฟึ่บ ! ครืดดด !
ทันทีที่ประตูพระรางวัชโพรงกระต่ายถูกเลื่อนเปิดออก
สิ่งที่คอยท่าเราทั้งคู่อยู่ด้านนอกคือรถแข่งสุดหรูคันใหญ่
ซึ่งถูกโมดิฟายมาอย่างดี ไม่ว่าจะชุดสีหรือเครื่องยนต์
และต้นเสียงของเครื่องยนต์ที่ดังก็ดูท่าจะมาจากรถคันนี้นี่แหละค่ะ
คุณพี่กั้งไม่รอช้า
รีบพุ่งตัวไปยังประตูหลัง เปิดมันออกก่อนจะผลักฉันเข้าไปนั่งข้างในอย่างรีบร้อน
ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ผู้ดูแลวิ่งตามเราทั้งคู่ออกมาได้ทันอย่างพอดิบพอดี
ภาพที่เห็นจากภาพในรถ
ดูเหมือนว่าคุณพี่กั้งมีสภาพไม่ต่างไปจากผู้ร้ายซึ่งกำลังถูกตำรวจล้อมตัวไว้ไม่ผิด
ฉันไม่ได้ยินหรอกว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน แต่สิ่งที่เห็นคือภาพของลูกกระต่ายซึ่งถูกต้อนจนจนมุมกำลังค่อยๆ
ยกมือสองข้างขึ้นเหนือหัวราวกับยอมจำนน
หากแต่ท่าทีที่คุณพี่กั้งแสดงออกนั้นกลับทำให้รถคันใหญ่เริ่มมีการเคลื่อนไหว
บรื้นนนนนน
เสียงเบิ้นเครื่องดังขึ้นอีกครั้งราวกับจะขู่คำรามผู้ไม่เกี่ยวข้องให้ถอยห่างไป
ซึ่งนั่นมาพร้อมคำสั่งของผู้เป็นเจ้าของรถซึ่งนั่งประจำอยู่บนเบาะคนขับ
“ย้ายก้นมานั่งเบาะหน้า…”
“คะ ?” ฉันย้อน
“บอกให้ย้ายก้นมานั่งเบาะหน้า !” นอกจากเสียงสั่นอย่างดุดันของเจ้าของรถแล้ว
ฉันยังรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนภายในรถเมื่อเสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังขึ้น
ทว่า ยังไม่ทันที่ฉันจะปีนป่ายพาตัวเองไปยังเบาะหน้าได้สำเร็จ
จู่ๆ รถทั้งคันก็เริ่มเคลื่อนที่ก่อนเปลี่ยนบรรยากาศภายในรถให้กลายเป็นรถไฟเหาะ
เมื่อจู่ๆ
รถทั้งคันพุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างแรงก่อนหักเลี้ยวพวงมาลัยทำเอารถทั้งคันหมุนติ้วเป็นวงกลม
ส่งเสียงเบรกดังไปทั่วพื้นที่โดยรอบ
ฟึ่บ ! ตุบ !
ส่วนฉันน่ะเหรอคะ
ก็หน้าคะมำลงไปตั้งแต่รถเริ่มหมุนแล้วล่ะค่ะ…
แม้ว่าฉันจะกลิ้งเป็นลูกขนุนอยู่บริเวณที่วางเท้า
หากแต่แรงเหวี่ยงและอาการโคลงเคลงภายในรถก็ใช่ว่าจะหยุดลง
เสียงคำรามและเสียงเบิ้นของเครื่องยนต์ดุดันยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
ก่อนตามมาด้วยเสียงสั่ง
“เปิดประตูรถ เร็ว !”
ด้วยสถานการณ์น่าตกใจบวกกับความมึนงงเพราะการหมุนเหวี่ยงไปมา
ทันทีที่หูได้ยินคำสั่ง ฉันก็พยายามตะเกียกตะกายตัวเองขึ้นจากที่วางเท้า
พลางเอื้อมมือไปไปยังด้านจับเพื่อเปิดประตูรถตามคำสั่ง
กึก ! ฟึ่บ !
ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกความน่าตกใจและน่าใจหายก็ถามโถมเข้าอีกครั้ง
เมื่อรถทั้งคันเริ่มเกิดแรงเหวี่ยงอย่างแรง
ความเร็วของการหมุนทำเอาประตูที่ถูกเปิดออกอ้าออกไปจนสุดก่อนพบว่ารถทั้งคันกำลังหมุนติ้วเป็นวงกลมอีกครั้ง
จนตอนนี้ไม่รู้จริงๆ
ค่ะว่าฉันควรจะมองอะไรก่อนระหว่างประตูที่เปิดอ้าท่ามกลางแรงเหวี่ยงหมุนของรถหรือเจ้าของรถซึ่งยังคงประคองพวงมาลัยบังคับรถทั้งคันให้หมุนเป็นวงกลมพร้อมเสียงเอี้ยดอ๊าดจากการเบรกไม่หยุดกันแน่
ลมแรงที่ถาโถมเข้ามาภายในตัวรถทำฉันพยายามไขว้คว้าข้าวของบางอย่างภายในไว้
เพื่อไม่ให้ตัวเองผลัดตกลงไป แต่แล้วในตอนที่กำลังตะเกียกตะกายไขว้คว้าหาที่ยึดเหนี่ยวอยู่นั้นเอง
รถทั้งคันที่เคยหมุนเป็นวงก็หยุดลงอย่างกะทันหันโดยหันเหทิศทางของประตูที่เปิดอ้าไปยังบริเวณหน้าประตูรั้วขนาดใหญ่แสนคุ้นตา
ไวกว่าจะทันได้เตรียมตัวหรือตั้งหลัก
ร่างสูงของลูกกระต่ายที่น่าจะถูกผู้ดูแลบ้านพาตัวกลับเข้าไป ก็โผกระโดดเข้ามาภายในตัวรถท่าทางรีบร้อน
ซึ่งการที่ฉันยังกลิ้งเป็นลุกขนุนอยู่บริเวณที่วางเท้านั้น
ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นตัวปัญหาให้แก่ใครอีกคนซึ่งกระโดดเข้ามาในรถแต่อย่างใด
เมื่อทุกการเคลื่อนไหวของคุณพี่กั้งนั้นอยู่ในสายตาของคนขับที่ให้การช่วยเหลือ
บรื้นนนน
เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่รถทั้งคันจะกระชากตัวออกจากบริเวณหน้าประตูพระราชวังโพรงกระต่างอย่างแรง
ทั้งที่ยังไม่ปิดประตู
คุณพี่กั้งใช้เวลาจัดระเบียบสังคมอยู่บนเบาะข้างคนอยู่ครู่หนึ่ง
เขาคว้าเข้ากับราวจับเหนือหัวเล็กน้อย ก่อนเอนตัวใช้มืออีกข้างเอื้อมคว้าด้านจับประตูที่เปิดอ้าอยู่ปิดกระแทกลงทั้งที่รถทั้งคันเคลื่อนที่ไปบนถนนด้วยความเร็ว
ตึง !
“วู้ ! มันเป็นบ้า !” แต่แล้ววินาทีที่บานประตูถูกเคลื่อนปิดลงได้สำเร็จ
เสียงโห่ร้องคล้ายกับชอบใจ ผู้โดยสารก็ดังขึ้น นั่นจึงทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่า
เจ้าของรถแต่งคันหรูคันนี้มีชื่อว่า ‘วินทร์’
คุณวินทร์ไม่ได้พูดอะไรตอบรับเสียงชอบอกชอบใจของลูกกระต่าย
เขาทำเพียงแค่หัวเราะบ่งบอกความรู้สึกที่มีไม่ต่างกันมากนักขณะประคองพวงมาลัยรถขับไปบนถนนชนิดที่ไม่ลดความเร็วลงเลยแม้แต่นิด
แต่เมื่อเหตุการณ์ภายในและนอกรถสงบลง คุณพี่กั้งก็ไม่ลืมที่จะช่วยดึงฉันให้ลุกออกจากที่วางเท้าด้วยเช่นกัน
“ตื่นเต้นป่ะถิน ฮ่าๆ” เขาถามทั้งที่หัวเราะ
ขณะดึงฉันให้กลับลุกขึ้นมานั่งพื้นที่ว่างระหว่างช่วงขาทั้งสองข้าง
จากที่งงอยู่แล้ว
ฉันยิ่งรู้สึกงงหนักเข้าไปใหญ่
อีกทั้งยังไม่รู้ถึงเหตุผลที่คุณพี่กั้งพาฉันหลบหนีด้วยซ้ำ
“เราจะไปร้านค้าหน้าปากซอยกันใช่ไหมคะ ?” เพราะจำได้ลางๆ ว่าพี่กั้งเคยเปรยไว้ว่าอยากกินขนม ปากเลยถามออกแบบนั้น
ทว่า
“เปล่า” คนถูกกลับส่ายหน้า แล้วตอบกลับมา “เพราะที่ที่เราจะไป มันคือแหล่งรวมเรื่องเสียว”
________________________________
ไปไหนกันน้อ
ไม่เม้นไม่ว่าแต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา
ติดแท็กในทวิต #กระต่ายกินเต่า
FEAT.
ความคิดเห็น