คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Addict19 ll ยกที่สิบเก้า {อัพ100%}
เพราะความเร็วของรถที่นั่งมาดูจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวและเพิ่มเรื่อยๆ เหมือนไม่ขีดสุด ตลอดการนั่งซ้อนท้ายรถฉันก็เลยนั่งหลับหลับตาปี๋ หวีดเสียงร้องด้วยความกลัวพลางกอดรอบเอวของพี่เกมส์เอาไว้แน่น แนบหน้าซบลงกับแผ่นหลังกว้างของเขาเพื่อลดการปะทะของลมและความหวาดเสียวนั่นลง
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ฉันต้องทนนั่งเกร็งกอดเอวพี่เกมส์ไว้ตลอดการเดินทางที่คล้ายกับการนั่งรถไฟเหาะ
รู้อีกที ความเร็วของรถก็ค่อยๆ ลดลงอย่างเรื่อยๆ
จนกระทั่งเอื่อยลงจนคล้ายกับการขับรถกินลมชมวิวธรรมดาๆ
เมื่อสถานการณ์น่าตกใจดังกล่าวจบลง ฉันเองก็ถึงเวลาที่ต้องปล่อยกอดจากเอวเขาด้วยเช่นกัน
เพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อตั้งหลัก จู่ๆ
ที่มือของฉันก็รู้ถึงสัมผัสอุ่นของฝ่ามือกว้างที่จงใจกุมทับลงมาอย่างถือโอกาส
หมับ!
“หวาดเสียวดีไหมคะ?” การที่รถขับช้าลง มันทำให้ฉันได้ยินคำถามของเขามากขึ้น
แต่ฉันไม่ตอบและพยายามที่จะชักมือกลับ แต่ว่าพี่เกมส์กลับไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น
เขายังคงกุมมือฉันต้านแรงยื้อของฉัน แล้วพูดออกมาอีก
“ช่วยฮีลให้พี่แบบนี้ต่ออีกสักพักไม่ได้เหรอ…” คำถามสั้นๆ ของเขาทำฉันนิ่งไป
ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูร้องขอต่างจากตอนที่อยู่ในร้านเกม แม้ไม่ได้เห็นหน้าแต่ก็พอเดาออกว่าวันนี้ตลอดทั้งวัน คนพูดรู้สึกเหนื่อยล้ามากแค่ไหน
จากที่พยายามชักมือกลับกลับกลายเป็นนั่งนิ่งให้เขากุมมืออยู่อย่างงั้นโดยไม่ได้แสดงทีท่าปฏิเสธคำขอดังกล่าวออกไป
ถ้าถามเหตุผล ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน…
บรืนน บรืนนนน
“เฮีย!
ไอ้บอสพากุ๊กกลับไปส่งร้านแล้วนะ” เสียงของพี่เซินทำฉันสะดุ้งเล็กน้อย
เผลอกระตุกมือตัวเองกลับ แต่ก็ไม่สำเร็จอยู่ดี เมื่อพี่เกมส์ยังจับมือฉันไว้แน่น
แบบไม่สนใจสายตาเซินที่ขับรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่มาขนาบข้าง
“อ๋อ เออ!” พี่เกมส์หันไปยิ้มทะเล้น
“วันนี้เฮียจะกลับบ้านหรืออยู่หอวะ?”
“ดูก่อน อาจจะหอ” ฟังจากน้ำเสียงที่พวกเขาคุยกัน ดูท่าแล้วเขาสองคนสนิทกันมากจริงๆ
พี่เซินเองก็ดูรักและเคารพพี่เกมส์เอามากๆ
ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำไมฉันถึงเห็นเขาอยู่กับพี่นัทเพียงแค่สองคนล่ะ…
“เฮีย เดี๋ยวผมโชว์ท่ายากให้ดูป่ะ
ที่ผมบอกเฮียวันนั้นอ่ะ” พี่เซินเกริ่นขึ้น
พลางขยับตัวถอยก้นมาจนเกือบสุดเบาะหลัง
การกระทำดังกล่าวทำฉันที่มองเห็นย่นคิ้วมองสิ่งที่เขากลังจะทำด้วยความสงสัย
บรืนนน บรืนนนน
พี่เซินบิดคันเร่งหนักอยู่สองสามที ก่อนเขาจะทำเรื่องอันตรายและน่าตกใจด้วยการกระชากแฮนด์รถรถติดมือและขับรถนำลิ่วไปบนถนนเพียงล้อเดียว
ไม่ใช่แค่นั้นแต่เขายังโชว์ความสามารถสุดหวาดเสียวด้วยการปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากแฮนด์อีกด้วย
“อะ อันตราย!” ฉันร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
“โคตรเจ๋งเลยเซิน!” ส่วนพี่เกมส์กลับตะโกนชมเปราะ ต่างจากฉันที่ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่พี่เซินทำเลยสักนิด
โชคดีที่ถนนทางตรงเส้นนี้ค่อยข้างโล่งไม่ค่อยมีรถมากนัก พี่เซินถึงได้ปลอดภัย
ลองคิดดูสิ ถ้าตรงนี้มีรถเยอะๆ ล่ะจะเป็นยังไง!
“พี่ไม่น่าไปให้ท้ายเขาแบบนั้นเลย
ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำยังไงคะ!”
ยิ่งคิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่าพี่เกมส์ที่ดันให้ท้ายน้องแบบนั้น
“ไอ้เซินมันเซียนแล้ว
น้องกานต์ไม่ต้องห่วงมันหรอกค่ะ”
“สี่เท้ายังรู้พลาด
นักปราชญ์ยังรู้พลั้งนะคะ!” ฉันเถียง
“พอดีพี่ไม่ใช่นักปราชญ์… แต่เป็นพี่ Gamer ค่ะ!” ทั้งที่เตือนด้วยความเป็นห่วง
แต่พี่เกมส์ก็ยังพูดจาเถียงไม่เลิก คำพูดที่ฟังไม่เข้าหูแบบนั้น
มันทำให้ฉันรู้สึกหัวเสีย จนต้องชักมือที่ถูกเขากุมไว้ออกอย่างแรง
ทว่า พี่เกมส์ดันหัวเราะออกมาซะอย่างงั้น และไม่ได้ทำท่าทีจะรั้งมือฉันเอาไว้เหมือนในตอนแรก
“โกรธเหรอคะที่พี่เถียง”
ฉันไม่ได้ตอบในสิ่งที่เขาถาม และเลือกที่นั่งจะจับกับราวกั้นเบาะหลังเงียบๆ แต่แล้วมันก็เป็นพี่เกมส์เองนั่นแหละที่พูดออกมา
“พี่ไม่ได้อยากเถียงหรอกค่ะ แค่อยากให้น้องกานต์รู้ว่า เรากำลังอยู่ในโลกอีกใบของพี่ที่ไม่ใช่ร้านเกมค่ะ โลกที่ไร้สาระและไร้แก่นสารใบเนี่ย ทำพวกพี่เจ็บมาเยอะ ดังนั้นไม่ต้องห่วง…”
“แล้วพวกพี่ชอบเหรอคะ
เรื่องเจ็บตัวเนี่ย” ปากฉันน่ะต่อว่าขัดเขาไป
แต่สายตาก็ยังคอยชำเลืองมองพี่เซินที่ยังคงโชว์ฝีไม้ฝีมือในการบังคับรถด้วยท่าทางหวาดเสียวไม่เลิก
“พี่เป็นพวกซาดิสม์ค่ะ ซี๊ดด อ่าส์...” เขาทำเสียงซี๊ดซ๊าดพลางเขย่าตัวไปมาจนทั้งคันส่ายไม่ตรงแนว
พาฉันผวาวูบเลื่อนมือเข้าสวมกอดเอวเขาอีกครั้งด้วยความตกใจ
“ฮ่าๆ น้องกานต์เนี่ยอย่างกับเด็กเลยนะคะ
ขี้กลัวไปหมด” ดูเหมือนการที่เขาทำแบบนั้นจนทำให้ฉันต้องเป็นฝ่ายสวมกอดเขาเองจะทำให้พี่เกมส์รู้สึกตลก
“ถ้ากลัว ก็กอดพี่เอาไว้แน่นๆ นะ”
“ใครเขาอยากกอดพี่กัน!” ฉันแย้งเสียงแข็งพร้อมกับรีบปล่อยมือที่กอดเอวออก ทว่า
พี่เกมส์ดันใช้จังหวะในช่วงนั้นบิดกระชากรถ
จนฉันเสียหลักเอนตัวกระแทกเบียดแผ่นหลังเขาทันที
“อุ๊ยนม!” คนตัวใหญ่อุทานออกมาเบาๆ
อย่างมีจริต
“พี่เกมส์!!”
แต่ยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งทำดุเขายิ่งเอาใหญ่
ตลอดทางพี่เกมส์แกล้งฉันด้วยการขับกระชากรถไม่ก็เบรกกะทันหันอยู่หลายที ทำฉันที่ไม่ชินกับการนั่งรถเบียดกายกระแทกเขาอยู่หลายหน
“โอ๊ยๆ นม นม นม นม นมน้องกานต์เต็มไปหมดเบยยยย!”
“พี่เกมส์ พี่นี่มันทะลึ่งอ่ะ!!”
ถึงแม้ว่าเขาจะขี้แกล้งและไม่ยอมฟังฉันเลยก็ตาม
แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันสัมผัสและรับรู้ได้
ในช่วงเวลาที่นั่งซ้อนอยู่บนเบาะหลังตลอดเวลาการขับรถเล่นก็คือ
สายลมเย็นๆ ที่พัดผ่านร่างกายของเราทั้งคู่ไป
ทั้งที่ตอนแรกฉันรู้สึกกลัว แต่พอมีเสียงหัวเราะ เสียงเฮฮาของพี่เกมส์ร่วมประสานมากับสายลมเอื่อยๆ ด้วยแล้ว เหมือนกับว่าร่างกายฉันตกอยู่ในสภาวะผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ไม่ได้ชอบ แต่ฉันก้รู้สึกจริงๆ ว่าการได้นั่งรถเล่นแบบนี้ มันทำให้ความเหนื่อยล้า ความเครียด
และความเป็นกังวลที่สั่งสมมาหลายวันคล้ายกับจะถูกสายลมอ่อนๆ
เหล่านั้นพัดผ่านออกไป…
23.40 น.
คืนนั้นพี่เกมส์พาฉันขับรถเล่นอยู่กับพี่เซินจนดึก ก่อนพวกเขาจะพาฉันกลับมาส่งที่หน้าหอพักอย่างปลอดภัย รู้ไหม ตลอดเวลาที่ฉันคบกับพี่นัทมา ฉันไม่เคยกลับมาหอดึกแล้วปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้แก่นสารแบบนี้มาก่อนเลย นี่น่ะคงจะเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้
พอรถที่นั่งมาจอดสนิท
ฉันก็รีบขยับตัวลงจากเบาะหลังทันที แต่พอกำลังจะเดินกลับเข้าหอ
มันก็ดันมีเสียงกระแอมของใครคนหนึ่งดังขัดขึ้นมา
“ไม่เอากระเป๋าเงินไปด้วยเหรอคะ?”
ก่อนตามมาด้วยคำถามซึ่งฉันเกือบจะลืมไปแล้วว่าตอนนี้กระเป๋าเงินไม่ได้อยู่กับตัว
ฉันรีบหันขวับยื่นมือส่งไปหาพี่เกมส์โดยไม่ต้องพูดให้เสียเวลา ส่วนเขานั้นก็หันไปรับกระเป๋าเงินของฉันจากพี่เซินอย่างว่าง่าย
ใช่! เขาทำท่าทางเหมือนว่าง่าย แต่เรื่องส่งกระเป๋าคืนฉันน่ะดูท่าจะยาก!
“ไหนอ่ะคะ รางวัลของพี่?”
เขาจงใจเท้าแขนนาบไปตามแนวแฮนด์รถมอเตอร์ไซค์
ไม่ใช่แค่นั้นแต่ยังแกล้งทำแก้มป่อง ช้อนตามองฉัน
ดูจากท่าทางแล้วไม่บอกก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
“บังคับให้คนอื่นไปด้วยแล้วยังจะมาขอรางวัล
มันไม่มากไปหน่อยเหรอคะ?” ฉันเบ้ปากถามอย่างนึกหมั่นไส้
แต่ว่าเขาดันหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ พร้อมทั้งยื่นกระเป๋าเงินส่งมาให้ ผิดจากที่คาดเอาไว้
“นั่นสินะ
พี่นี่มันบ๊องจริง!” เขาทำเป็นต่อว่าตัวเองพลางทำท่าน่ารักซึ่งดูไม่เข้ากันอย่างสุดๆ
ใส่ฉันต่อหน้าพี่เซินแบบไม่เกรงใจ แล้วพูดขึ้นอีก “แค่เห็นน้องกานต์ไม่เครียดเท่าตอนที่อยู่มหา’ลัย ก็ถือว่าพี่ได้รางวัลแล้วค่ะ”
รอยยิ้มจริงใจของพี่เกมส์ทำฉันเม้มปากลงเล็กน้อย
และอดคิดไม่ได้ว่าวันนี้ทั้งวันตั้งแต่เขาบังคับพาฉันออกจากรั้วมหาวิทยาลัยจนถึงตอนนี้
มันคือการทำให้ฉันหยุดคิดและเลิกเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
พอคิดแบบนั้นแล้ว…
“ขอบคุณนะคะสำหรับคืนนี้…”
คำพูดขอบคุณสั้นๆ จึงถูกเอ่ยออกไป
ปกติแล้วเราสองคนเอาแต่กัดกันอยู่ตลอดเวลา
และฉันก็ไม่เคยพูดดีๆ กับเขาเลยสักครั้ง คอยทำตัวเป็นนางมารร้ายหวงแฟน
จนถูกเขาตั้งฉายาว่าเมียน้อย พอต้องมาพูดอะไรที่ต่างออกไป
มันก็ดันเป็นฉันเสียเองที่ตื่นเต้นจนไม่กล้ามองหน้าเขากลับไปตรงๆ
“พี่เซินก็ด้วยนะ
คราวหลังห้ามขับรถอันตรายอีก…” ฉันพยายามรัวคำพูดเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกประหม่า
แต่ยิ่งพูดเยอะ ฉันยิ่งไม่เป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะคำพูดประโยคสุดท้ายของ “ขอบคุณนะคะที่ช่วยให้หนูคลายเครียด”
“…”
“หละ… หลังจากนี้หนูจะยอมสงบศึกและเป็นสายฮีลให้พี่ก็ได้…”
ฉันไม่ได้มองหน้าเขารู้แค่ว่าทั่วหน้ามันร้อนไปหมด
ฉันตอนนี้มีหลายความรู้สึกทั้งอายที่ต้องพูดอะไรแบบนั้น ไหนจะรู้สึกตลกตัวที่เองที่กล้ารับปากเขาออกไปแบบนั้นทั้งที่ไม่รู้ความหมาย
แต่เพราะรู้ว่าสิ่งที่เราทั้งคู่ต้องเผชิญหลังจากนี้มันอาจจะหนักหนา
ฉันจงไม่มีเหตุผลอะไรต้องปฏิเสธเขาเหมือนกับทุกที
“ขะ
ขอบคุณมากนะคะพี่เกมส์!” ทางเลือกสุดท้ายคือการคว้ากระเป๋าเงินจากมือเขา
แล้ววิ่งหันหลังเข้าหอพักโดยไม่หันกลับไปมองอีกก็แค่นั้น…
อ่าบ้าจริง… แค่พูดขอบคุณเองนะกานต์
ทำไมถึงได้ตื่นเต้นแบบนี้นะ
ถึงจะบอกว่าสิ่งที่พี่เกมส์ทำให้ฉันเห็นในวันนี้มันจะช่วยทำให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นได้ก็จริง
แต่พอได้กลับมาอยู่ในห้องพักของตัวเอง ความเหงาก็เริ่มแทรกซึมทั่วทุกรูขุมขน
ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่เคยมีเสียงหัวเราะ เคยมีเสียงเป็นห่วงเป็นใยและจริงใจว่า
กินอะไรมาหรือยัง?
จะอาบน้ำเลยไหม?
คืนนี้นอนพร้อมกันนะ
ตอนนี้มันได้หายไปหมดแล้ว
ทุกอย่างในห้องยังเหมือนเดิม
มีแค่ฉันและสภาพจิตใจเท่านั้นที่ไม่เป็นปกติ
ยิ่งรู้ว่าพรุ่งนี้คือวันครบรอบของเราด้วยแล้ว
ใจฉันมันก็เริ่มรู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหว นับตั้งแต่วันที่บอกเลิกพี่นัทไป
เขาก็ไม่เคยโทรมาหาหรือส่งข้อความมาอีกเลย ถ้าหากว่านั่นน่ะเจ็บที่สุดแล้ว
ฉันบอกเลยว่ามันไม่ใช่
‘ไม่ใช่แค่ข่าวลือของแกกับพี่เกมส์นะ
แต่เขายังลือกันว่าพี่นัทกับเจ๊ตาลเปิดใจลองคบกันด้วย!’ จะบอกว่าไม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เมย์ส่งข่าวเลยมันก็คงไม่ใช่
แต่ในทางกลับกันฉันก็อดนึกถึงเรื่องของตัวเองเมื่อหลายปีก่อนไม่ได้
‘นี่แกรู้ยัง น้องกานต์ม.3 กำลังคุยๆ อยู่กับพี่ต๊อดม.6 โรงเรียนเราแหละ’
‘เอ้า!
ก็ไหนว่าพี่ต๊อดคบกับเพื่อน She ที่ชื่อลูกตาลไม่ใช่อ่อ’
‘ก็ไม่รู้สินะ
ยัยน้องกานต์อะไรนั่นก็มีแฟนอยู่แล้วคือนัทที่อยู่ม.5ไงแก
สงสัยงานนี้อาจมีศึกรักสามสิบหกเศร้าก็ได้มั้งแก ฮิๆ’
ฉันไม่เคยรู้เลยว่าตอนนั้นเจ๊ตาลรู้สึกยังไงกับการที่ต้องได้ยินข่าวลือบ้าๆ
พวกนั้น แต่พอลองมองย้อนกลับมาดูตัวเองในตอนนี้ฉันก็รู้ทันทีว่า
เธอในตอนนั้นคงมีสภาพไม่ต่างไปจากฉันนัก
‘กานต์ไม่ต้องบอกตาลนะ ให้เรื่องนี้เป็นความลับของเราต่อไป
เมื่อพี่พร้อมเมื่อไหร่ พี่จะบอกเขาเอง’ ยิ่งนึกถึงคำพูดของพี่ต๊อดขึ้นมาด้วยแล้ว
ฉันก็ยิ่งเหมือนกับว่าจะเข้าใจเหตุผลของพี่นัทขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน
“ฮึก…” ฉันนั่งในท่าชันเข่าอยู่มุมหนึ่งของห้องพักและปล่อยน้ำตาให้ไหลเพื่อระบายทุกความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวขึ้น
ทั้งเสียใจ ทั้งรู้สึกผิด ทั้งอึดอัด และอดคิดว่า การที่ฉันยอมทนนั่งหวาดเสียวอยู่บนท้ายรถมอเตอร์ไซค์พี่เกมส์หรือยอมให้บอสด่าว่ากากแบบตอนอยู่ในร้านเกมส์จะดีกว่า
มันยังรู้สึกดีกว่าตอนนี้ด้วยซ้ำ…
“ฮือออ”
สุดท้ายตลอดทั้งคืนฉันก็แทบไม่ได้นอน
ไม่ต้องบอกสภาพกพอจะเดาออกใช่ไหมว่าในเช้าวันต่อมาฉันจะเป็นยังไง
“ดูไม่ได้เลย…” ฉันพึมพำบอกตัวเองเมื่อได้เห็นสภาพหน้าศพของตัวเองผ่านกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง
ตาทั้งสองข้างบวมปูดเหมือนกับปลาทองเพราะผ่านการร้องไห้ แถมยังช้ำเหมือนกับหมีแพนด้า
ดูไม่ได้… ดูไม่ได้เลยจริงๆ
ฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนผละตัวออกจากหน้ากระจกคว้ากระเป๋าสะพายเดินออกจากห้อง ต่อให้ใจฉันจะรู้สึกเจ็บมากแค่ไหน แต่ยังไงซะเวลาก็ยังหมุนต่อไปข้างหน้า ถึงอยากจะนอนนิ่งๆ ไม่ทำอะไรเหมือนคนหมดอาลัยตายยากคนอื่นๆ แต่ฉันก็ไม่อยากให้อนาคตตัวเองเสียเพียงเพราะแค่การเลิกกับแฟนหรืออกหักหรอกนะ…
กึก!
ฉันพาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าหอ
พลางกวาดตามองหาใครบางคนตามความเคยชิน แต่พอคิดได้ว่า
ใครคนนั้นที่ฉันกำลังมองหาอยู่เขาคงไม่มาอีกแล้ว ในอกมันก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมา
และมันทำให้ฉันตระหนักได้ว่าต่อจากนี้ฉันควรจะต้องทำอะไรด้วยตัวเองแบบที่นักศึกษาคนอื่นทำกันสักที
“เฮ้อ…” ขณะกำลังตัดสินใจจะก้าวเท้าเดินออกออกจากหออยู่นั้น พื้นที่ถนนหน้าทางเข้าหอก็ปรากฏร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังยืนอยู่พร้อมด้วยมอเตอร์ไซค์เก่าๆ คู่ใจ
เขาแต่งกายด้วยเสื้อยืดสีดำสวมทับด้วยชุดช็อปสีกรมท่าประจำคณะวิศวฯ ในมือกำลังถือหมวกกันน็อกต่างขนาดเอาไว้ในมือสองใบ ใบหน้าหล่อทะเล้นฉายแววความขี้เล่นตลอดเวลาของเขา ฉีกยิ้มกว้างทันทีเมื่อเราสองคนมีโอกาสได้สบตากันตรงๆ
ไม่ใช่แค่นั้น แต่ผู้ชายคนนั้นยังรีบเดินก้าวยาวๆ ตรงเข้ามาหาฉันอีกด้วย
ตึก ตัก... ตึก ตัก... หัวใจฉันมันกำลังเต้นแรง เมื่อเขาคนนั้นกำลังเดินเข้ามาใกล้
พี่เกมส์...
To Be Continued...
หูยยย มารับกันแต่เช้าเลยนะเอออ!
ฝากกุ๊กน้องพี่เกมส์ด้วยนะครับ ตอนนี้คัมแบล๊คและอัพความฟินบทนำให้อ่านกันแล้ว Let's Go!!!
VVV
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต
#รักติดเกม
#ฟิคแฟนติดเกม
#ฟิคเมียหลวงได้เมียน้อย
{ เรื่องอื่นของหนุ่มๆ ในสังกัด }
ไม่เคยส่องหรือลองอ่านเรื่องไหน จิ้มได้น้า
ความคิดเห็น