ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    STRONG GALS ll สายโหดโคตรรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : GALS02 ll สตรองครั้งที่2 {อัพ100%}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.19K
      27
      9 ต.ค. 59

    ***สามารถปิดเพลงตอนอ่านได้นะ***
    แต่ถ้าฟังไปด้วยอาจจะอินมากกว่านะ ฮิๆ


    EP01
    -สตรองครั้งที่1-








    พี่จะทำอะไร อย่าเข้ามานะเว้ย!’ 

    เมื่อกี้เอ็งชี้หน้าข้าทำไม?” คำถามแรกถูกถามออกไปทันทีเพื่อให้คลายข้อสงสัยเมื่อเราทั้งคู่ทิ้งระยะห่างจากกันเพียงเล็กน้อย

    แล้วพี่อ่ะ ตามผมมาทำไม?” ส่วนหมอนั่นก็ย้อน

    เมื่อไม่ได้คำตอบ เท้าทั้งสองข้างจึงเริ่มก้าวเข้าไปหาอีกครั้ง เพื่อเร่งเอาคำตอบจากปากนักศึกษาชายคนดังกล่าวในระยะประชิด รู้อะไรไหมยิ่งฉันเดินเข้าใกล้เขาเท่าไหร่ เขาก็รีบถอดกรูดหนีเท่านั้น จนกระทั่งแผ่นหลังของหมอนั่นแนบสนิทไปกับกรงเหล็กสำหรับเก็บอุปกรณ์กีฬา

    เอาจริงๆ การวางก้ามไม่ใช่นิสัยส่วนตัวหรอก ปกติแล้วไม่ค่อยชอบเอาอำนาจของพ่อมาใช้ข่มใคร คนส่วนใหญ่มักเกรงใจกันไปเอง เมื่อได้ยินนามสกุล แต่การที่ถูกหมอนี่ชี้หน้าแล้วไม่ได้คำตอบ มันก็เป็นอีกเรื่อง

    ตึงง!

    ฉันกระแทกฝ่ามือลงกับซี่กรงเก็บอุปกรณ์ข่มขวัญอีกฝ่ายเล็กน้อยเมื่อเข้าประชิดตัวนักศึกษาชายตรงหน้าได้สำเร็จ อาจเป็นเพราะความสูง เขาเลยดูตัวเล็กกว่าฉันนิดหน่อย แถมสายตาที่เขาใช้มองตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

    ดูจากท่าทางแล้ว เขาเหมือนกับพวกขี้ขลาดที่ไม่น่ามีเรื่องกับใครง่ายๆ แต่ไอ้ที่ข้องใจน่ะ มันก็เรื่องชี้หน้านั่นแหละ

    ถามว่า เมื่อกี้เอ็งชี้หน้าข้าทำไม?” ฉันจงใจกล่าวถามออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกดต่ำอย่างใจเย็น หรี่สายตามองลึกผ่านนัยน์ตาเรียวรีตรงหน้าเพื่อเค้นคำตอบ ทว่า อีกฝ่ายดันเอาแต่หลบสายตา

    ตะ ตอนแรกชี้บอกทาง… แต่พอหันไปแล้วดันไปเจอพี่ผมเลยตกใจ” มันรัวคำตอบออกมาไวเสียยิ่งกว่า3G แถมยังเอาแต่กอดแฟ้มเอกสาร และคอยหลบหน้าอยู่ตลอดเวลาคล้ายกับกลัวอะไร ทั้งท่าทาง และน้ำเสียงเสมือนคนกลัวจัด มันก็เลยทำให้ฉันอดถามออกไปอีกหนไม่ได้

    ทำไมเห็นข้าแล้วต้องตกใจขนาดนั้น?” 

    พี่ก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจป่ะวะ!” มันตะคอกเสียงตอบอย่างทันควัน ในอาการตัวสั่นเกร็ง แถมยังเอี้ยวตัวหลบในทุกครั้งที่ฉันโน้มหน้าเข้าไปฟังคำตอบใกล้ๆ คล้ายกับรังเกียจหรือไม่ก็หวาดกลัว

    อย่าเข้ามาใกล้ดิ!แถมยังตะคอกไล่อีก

    หมอนี่ตัวยังสั่นเหมือนลูกเจี๊ยบเลย

    ไม่รู้ ที่ถามเพราะต้องการให้เอ็งตอบ” วูบหนึ่งที่คนตรงหน้าตวัดหางตามองฉัน คล้ายกับว่านั่นคือที่สุดของความกล้าเขาแล้ว

    ซึ่งนั่นทำให้ฉันสามารถมองเห็นองค์ประกอบทั่วใบหน้าได้อย่างเต็มตา นัยน์ตาคมแต่ดันฉายแววของความหวาดกลัว คิ้วเข้มๆ ขมวดชิดกันเพราะความหวาดเกร็ง จมูกโด่งเป็นสันกับริมฝีปากบางได้รูป ใบหน้าคมคายรับกับผมสีอ่อนซอยสั้นเข้าทรง

    เป็นผู้ชายที่ตัวเล็กจังเลยนะ...

    หลังจากมองสำรวจทั่วใบหน้าเขาครู่สั้นๆ ก็เลยลองเอ่ยปากเร่ง

    ตอบเร็ว ว่าทำไมต้องทำท่าตกใจขนาดนั้นด้วย?”

    ก็พี่แม่งวิ่งไล่ตามเหมือนจะฆ่าทิ้งงั้นอ่ะ ไม่ให้ตกใจกลัวได้ไงวะ!?”

    หมายถึงก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ตอนนี้” ฉันย้อน

    กะ ก็เมื่อคืน...คราวนี้น้ำเสียงของเขาตะกุกตะกักเหมือนลังเลอะไร

    เมื่อคืนทำไม?” ฉันก็เลยถามขัด

    โธ่เว้ย!” คราวนี้เขาเริ่มจะแสดงท่าทีฟึดฟัดออกมาให้เห็นบ้างแล้ว หลังจากทำท่าทีอึกอักมาสักพัก

    นักศึกษาตรงหน้าขมวดคิ้วคล้ายกับหงุดหงิด ก่อนใช้มือผลักไหล่ฉันให้ถอยห่าง

    ไม่มีใครชอบที่ต้องมาจูบกับผู้ชายด้วยกันหรอกพี่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ ราบเรียบ และไม่ได้มองหน้าฉัน “แม่งขนลุกว่ะ...

    ส่วนนั่นก็คงเป็นคำตอบที่ฉันอยากรู้...

    ผมบอกพี่ตรงนี้เลยนะ ว่าผมอ่ะชอบผู้หญิง ถ้าพี่อยากมีเมีย รบกวนไปป้ายหน้า”  ฉันค่อยๆ ลดมือที่ทาบกับกรงอุปกรณ์ลง มองเขาซึ่งอาศัยจังหวะในตอนนั้นเดินเฉียดแขนฉันออกไป แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรมันก็เป็นเขานั่นแหละที่ชิงพูดออกมาเพื่อตัดบท

    ถะ ถ้าพี่ไม่ธุระอะไรแล้ว ผมขอตัว” ไม่ใช่แค่พูดแต่เขายังรีบจ้ำเท้าเดินตรงไปยังทางออกของห้องเก็บอุปกรณ์อย่างรีบร้อน

    เขาไม่หันกลับมามองฉันเลยแม้แต่เพียงหางตา แถมยังแบ่งชั้นวรรณะเรื่องเพศออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ท่าทางที่หมอนี่แสดงออกมา บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเขาเป็นหนึ่งในคนหมู่มากที่ยังโง่อยู่และเชื่อมั่นว่าฉันเป็นผู้ชาย และคำพูดพวกนั้นมันก็ทำให้ฉันรู้ว่าเขาคือผู้ชายคนเดียวกับที่ฉันเจอเมื่อคืนก่อน

    เฮ้ย!” ฉันพยายามตะโกนเรียกเขาให้หยุด เพื่อจะอธิบายให้เข้าใจ เพื่อที่หลังจากนั้นจะได้กล่าวคำขอบคุณเรื่องเมื่อคืนไปด้วย แต่ อีกฝ่ายกลับยกแฟ้มเอกสารชูขึ้นเล็กน้อยเพื่อเบรกขัด ขณะทั้งยังคงจ้ำเท้าเดินต่อไป

    ผมต้องรีบเอกเอกสารพวกนี้ไปให้อาจารย์… เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก” ถึงเขาจะลั่นวาจาออกมาแบบนั้นแล้วก็เถอะ แต่ดูเหมือนว่าปากจะพูดไม่ยอมหยุดคล้ายกับอัดอั้นตันใจอะไรมานาน “ส่วนเรื่องคืนนั้นผมจะคิดซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ผมจะไม่บอกใคร ไม่มีทาง และไม่มีวันพูดเรื่องขยะแขยงนั่น

    “…”

    อ้อผมว่าวันนี้ผมพูดทุกอย่างชัดเจนแล้วนะหวังว่าผมคงไม่ถูกตาม และเราคงจะไม่เจอกันในมหาวิทยาลัยอีก” สิ้นเสียงนักศึกษาชายคนดังกล่าวก็รีบวิ่งใส่เกียร์หมาออกจากห้องเก็บอุปกรณ์ไปทันทีแบบไม่รอต่อยอดอะไรต่อ

    ประโยคยืดยาวถัดมาของเขาเหมือนพูดตัดบทให้มันจบๆ ไป ทำฉันพูดอะไรไม่ออก ไม่ได้ช็อกที่ถูกหมอนั่นต่อว่าแซกหน้าด้วยทีท่ารังเกียจ เพราะไม่แปลกถ้าหมอนั่นจะเข้าใจผิดว่าฉันคือผู้ชาย แต่ที่ไม่ได้พูดอะไรออกไปเลยแม้แต่วลีเดียวเป็นเพราะคำพูดที่ดูเหมือนปฏิเสธทุกความสัมพันธ์ แม้แต่มิตรภาพต่างหาก

    อาจเป็นเพราะว่าตลอดชีวิตฉันอยู่ท่ามกลางความชื่นชอบและเป็นที่นิยมล่ะมั้ง เพราะไม่เคยคิดจะปฏิเสธสิ่งที่คนรอบข้างหยิบยื่นให้ เลยไม่เคยถูกใครพูดจาเหมือนรังเกียจและต่อต้านมากขนาดนี้มาก่อน

    โอเคหมอนั่นพูดแบบนั้นเพราะเขาอาจจะคิดว่าฉันเป็นผู้ชาย แต่ท้ายที่สุดแล้วฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งปะวะ?

    เวรเอ้ย!!

    วันเดียวกัน

    @บ่อนพ่อของเก้า

    เวลา 13.50 .

    วู้วฝีมืออ่อนนะไอ้เทา!”

    เสียงของไอ้พีที่ดูดีอกดีใจ เมื่อการยิงลูกสนุ๊กของเทาพลาดหลุม มันตั้งท่าวางมือก่อนแทงไม้ในมือส่งลูกสีแดงลงหลุมได้อย่างแม่งยำ คล้ายกับจะเกทับ ปกติแล้วฉันน่าจะรู้สึกหมั่นไส้ไปกับน้ำเสียงและท่าทางอวดเก่งของไอ้พีแท้ๆ แต่เชื่อไหม หลังจากเหตุการณ์ในห้องเก็บอุปกรณ์ตอนนั้น มันพานให้รู้สึกเบื่อหน่ายทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด

    เก้า ไม่เล่นอ่อ?” เสียงของไอ้เทาดังถามขึ้น ส่วนฉันก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ แทนคำตอบ

    ไอ้เทาหันมองหน้าไอ้พี และวางไม้สนุ๊กลงบนโต๊ะสักหลาด(อ่านว่าสัก-กะ-หลาด) เดินตรงมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาวข้างๆ พร้อมด้วยคำถาม

    เป็นไรวะ?”

    ใครทำลูกพี่เบื่อ ไหนบอกพีสิ” น้ำเสียงล้อเล่นของไอ้พีดังแทรก ขณะเดินอ้อมโต๊ะเข้ามาหา พอถูกถามหนักเข้าฉันก็เลยเปิดปากตอบ

    เด็กในมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง

    ไอ้ที่มึงทิ้งรถแล้ววิ่งตามมันไปน่ะนะ?” ฉันพยักหน้าส่งๆ ตอบคำถามของเทา และนั่นทำให้พวกมันพร้อมใจกันขมวดคิ้วย่นชิดเป็นปนแทบพร้อมกัน

    กระทืบไหมล่ะหรือเอาไง?” คราวนี้ไอ้พีเสนอ

    ไม่อ่ะ ยังก่อน

    อะไรทำให้มึงเซ็งเด็กคนนั้นได้มากขนาดนี้วะ?” ไอ้พีถามอีกครั้ง พลางเอื้อมมือหยิบขวดโออิชิขึ้นกระดกดื่มแก้กระหาย

    ไอ้เด็กรุ่นน้องนั่นมันพูดจาเหมือนรังเกียจข้าว่ะ” มีคนบอกไว้ว่า หากเรามีเรื่องทุกข์ใจอะไร ให้ระบายกับคนที่ไว้ใจหรือเพื่อนสนิทที่เชื่อถือได้ ฉันก็เลยไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะไม่เล่าให้ไอ้เทาและไอ้พีฟัง “มันพูดทำนองเข้าว่ามันไม่ใช่เกย์… ไม่ต้องไปให้มันเห็นหน้าอีก พูดเหมือนข้าจะปล้ำมันงั้นอ่ะ

    อ้าวไอ้เด็กเวรนั่น ชักเยอะไปแล้ว” ไอ้พีสบถ

    ทำไมเขาถึงคิดว่ามึงจะไปปล้ำเขาล่ะ แล้วไอ้ที่วิ่งตามมันไป มึงทำเพื่อ?” เทายิงคำถามรัวๆ เสียงเรียบ สายตาจับจ้องหน้าฉันคล้ายกับสงสัย

    เป็นพวกเอ็งพวกเอ็งจะทำไง อยู่ๆ เจอนักศึกษาชี้หน้าใส่ มันก็ต้องเข้าไปถามป่ะวะว่าชี้หน้าทำไม?” ฉันกลอกตามองหน้าเพื่อนสนิทสองคนไปมาเพื่อดูการตอบสนอง 

    ไอ้พีพยักหน้าเล็กน้อยขณะยกโออิชิขึ้นกระดกอีกครั้ง และเมื่อไม่มีใครพูดออกมา ฉันจึงพูดต่อ

    ส่วนเรื่องที่มันคิดว่าจะถูกข้าปล้ำ คงเพราะเมื่อคืนก่อนโดนข้าจูบไปมั้ง…”

    พรวดดดดดดดด!” ไอ้พีพ่นน้ำเสียงดังคล้ายกับคนช็อกถึงขั้นสุด ทำให้พื้นที่ตรงนั้นเปียกไปหมดจนต้องต่อปากว่า

    เล่นห่าไรเนี่ยไอ้พี สกปรกว่ะ!” คนถูกว่ารีบวางขวดน้ำลงกับโต๊ะ ยกมือขึ้นปาดคราบน้ำรอบปากตัวเอง และถามออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจอย่างสุดๆ ว่า

    มึงจูบกับผู้ชายเหรอเก้า!!!?”

    ก็เออไง” ฉันตอบเสียงหนักแน่น ก่อนจะรู้สึกตัวว่ากำลังถูกเทาจับจ้องสายตามองมาด้วยท่าทีนิ่งๆ เลยต้องพูดเสริมก่อนที่พวกมันจะคิดลึกกันไปมากกว่านี้ “ก็ที่บอกไง ว่าเมื่อคืนก่อนข้ายืมมือคนช่วย เลยรอดมาได้

    สรุปคนที่ถูกยืมมือคือนักศึกษาคนนั้น?” เทาที่เงียบไปครู่ใหญ่ถามขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงจริงจัง “แต่มันถึงขั้นต้องจูบกันเลยเหรอวะ? 

    ใช่ ตอนนั้นมันไม่มีทางเลือกนี่หว่า” ฉันถอนหายใจทิ้งเบาๆ ด้วยอารมณ์เบื่อหน่ายอย่างสุดๆ และพึมพำออกมา “ตอนแรกข้าไม่รู้หรอกว่าเป็นไอ้เด็กนั่น ไอ้ตอนรู้ก็ตกใจนะ เลยกะว่าจะขอบคุณสักหน่อย แต่…”

    ส่วนเรื่องคืนนั้นผมจะคิดซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ผมจะไม่บอกใคร ไม่มีทาง และไม่มีวันพูดเรื่องขยะแขยงนั่น

    หวังว่าเราคงจะไม่เจอกันในมหาวิทยาลัยอีก

    โธ่เว้ยพอนึกคำพูดประโยคนั้นขึ้นมาแล้วหน้ามันก็ชาไม่หาย พลอยทำให้ต้องเงียบเสียงลงไปด้วย

    ไอ้เด็กนั่นมันพูดใส่มึงว่าไงนะ?” คงเพราะฉันเงียบไป ทิ้งท้ายคำพูดไว้ค้างๆ คาๆ ล่ะมั้ง ไอ้เทาที่เหมือนจะสนใจและตั้งใจฟังอย่างสุดๆ จึงถามออกมาแบบนั้น

    ช่างเถอะ ก็แค่ประสบการณ์เฮงซวย

    จริงอยู่ที่ตอนแรกคิดว่าจะไม่อะไร แต่พอในหัวนึกถึงสีหน้าตอนที่มันคิดว่าตัวเองกำลังจะถูกรุกรานแบบนั้นขึ้นมาแล้ว ในหัวมันก็เริ่มจะเปลี่ยนความคิดขึ้นมากะทันหัน ยิ่งนึกถึงแววตาร้อนรนหมดทางหนีในตอนนั้นด้วยแล้ว ฉันก็ชักอยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าตอนนั้นฉันไม่ปล่อยไป หมอนั่นยังจะกล้าพูดจาอวดดีแบบนั้นอีกหรือเปล่า

    สรุปจะเอาคืนมันป่ะเก้า?” และนี่คงเป็นครั้งแรก ที่พอฟังคำถามของไอ้พีแล้วรู้สึกว่ามันถามได้ถูกเวลา บอกเลยว่าคนอย่างนพเก้าไม่เคยหาเรื่องใครก่อน

    แต่สำหรับเรื่องแกล้งใครสักคน มันก็อีกเรื่องหนึ่งปะวะ?

    เออเอาดิพรุ่งนี้ข้าจะจัดให้ไอ้เด็กนั่นไปไม่เป็นเลย


    วันต่อมา

    เพราะบ่ายวันนั้นฉันเป็นคนลั่นวาจาออกไปเอง เช้าวันต่อมาพวกเราเลยนัดรวมตัวกันที่หน้าตึกคณะวิศวฯ แต่พอมาคิดได้ว่า ฉันเองก็ไม่ได้รู้จักนักศึกษาชายคนนั้นเป็นการส่วนตัว ที่สำคัญการพบกันระหว่างเรามันก็เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญทั้งสองครั้ง แผนการที่คิดว่าจะทำก็เลยเหมือนจะต้องเป็นอันยกเลิกไป

    ไงล่ะเจ้าชายของมหาชน เมื่อวานพูดซะดิบดี เอาเข้าจริงงานดันล่ม” ไอ้พีบ่นอุบท่าทางเซ็งชีวิตหลังจากที่เมื่อวานมันแสดงท่าทีครึกครื้นมาตลอดหลังจากมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างมากว่าวันนี้จะได้ใช้กำลัง

    ก็ข้าลืมนี่หว่า ว่าไม่รู้จักมัน” ฉันแย้ง ลึกๆ ก็รู้สึกเสียดายใช่เล่นที่วันนี้อาจต้องพลาดเรื่องสนุกๆ

    ถ้าไม่มีไรทำ ไปเตะบอลกับพวกพี่โอ๊ตป่ะ แก้เซ็ง” เทาที่น่าจะมองความรู้สึกฉันออก เสนอขึ้น พลางตบไหล่เบาๆ ขณะลุกขึ้น เหมือนเป็นการเรียก เมื่อไม่มีทางเลือก พวกเราทั้งหมดก็จำต้องลุกตามคำชวนของมัน ทว่า

    พี่เก้าคะ…” เสียงหวานเล็กๆ ของใครบางคน ทำพวกเราทั้งหมดเหลือบมองไปยังเจ้าของเสียงโดยพร้อมเพรียง ก่อนพบเข้ากับนักศึกษาหญิงตัวเล็กๆ น่าตาน่ารัก เธอทำผมทรงบ๊อบสั้นเหมือนตุ๊กตา ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนว่าเธอจะชื่อ ‘โกกิ’ แถมป๊อบมากในหมู่ผู้ชายเพราะตัวเล็ก แถมยังมีความน่ารักในแบบที่เด็กผู้หญิงควรจะมี ที่สำคัญผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนเป็นแฟนคลับของฉันเอง

    ขอเวลาคุยด้วยหน่อยได้ไหมคะ?” โกกิเอ่ยปากถามน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจ ท่าทางนอบน้อมและเคอะเขินทำให้เธอดูน่ารักเข้าไปอีก

    เอาสิ” ฉันรับปาก พลางก้าวเท้าลงบันไดหน้าตึกคณะเข้าไปหาเธอ ปล่อยเพื่อสนิทสองคนยืนมองด้วยความอิจฉา

    คืออย่างงี้ค่ะ หนูว่าหนูจะซื้อเค้กให้พี่เก้าตอนวันเกิด” เธอเริ่มพูดเข้าประเด็นทันทีที่ฉันก้าวลงบันไดขั้นสุดท้ายมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ “ความจริงแล้วหนูก็ไปสั่งเค้กมาให้แล้วนะคะ แต่ดูเหมือนว่าทางร้านเขาจะไม่เข้าใจรสชาติที่หนูต้องการ

    อ่าหะ… แล้วยังไงต่อ?” ฉันถามพลางแขนลงกับราวกั้นบันได มองหน้าคนพูดตามนิสัยเคยชิน

    โกกิแสดงสีหน้าเขินอาย บิดตัวไปมา ใบหน้าขาวเนียนเธอกำลังขึ้นสีจางๆ จากนั้นก็พูดออกมา

    หนะ หนูอยากชวนพี่เก้าไปที่ร้านเค้กที่ว่าน่ะค่ะ

    เค้กเหรอ? น่าแปลกนะที่ผู้หญิงหลายๆ คนชื่นชอบเค้กเป็นชีวิตจิตใจ กินได้ไม่รู้จักเบื่อ ต่างจากฉันเพียงแค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกเลี่ยนในคออย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่แค่เค้กหรอก ทุกอย่างที่ขึ้นชื่อว่าขนมหวาน ไม่ว่าอะไรก็ไม่ชอบทั้งหมดนั่นแหละ

    กิไม่ต้องซื้อให้พี่ก็ได้ พอดีว่าพี่ไม่ชอบกินพวก…” ฉันพยายามปฏิเสธน้ำใจของเธอให้ดูไม่ทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายจนเกินไป แต่

    หนูรู้ค่ะ ว่าพี่เก้าไม่ชอบกินของหวานๆ หนูเลยสั่งให้เขาทำเค้กที่มีรสชาติเหมือนดาร์กช็อกโกแลตเอาไว้ แต่หนูกลัวว่ารสชาติอาจจะไม่ถูกปากพี่น่ะค่ะ ก็เลยอยากจะลองชวนพี่ไปชิมเค้กที่ร้านนั้นทำสักหน่อย…”

    คือว่าวันนี้พี่…”

    ฟึ่บ!

    น้องอุตส่าห์ชวน ก็ไปสักหน่อยดิ วันนี้มึงตั้งใจจะโดดอยู่แล้วไม่ใช่อ่อเก้า?” เสียงเข้มเอ่ยขัดขึ้น พร้อมด้วยท่อนแขนหนักๆ ของไอ้พีพาดวางลงบนบ่าอย่างรู้มาก พลอยให้เด็กสาวตัวเล็กตรงหน้าฉีกยิ้มกว้างพลางปรบมือแปะๆ

    พวกพี่ๆ ก็ไปด้วยกันนะคะ เดี๋ยวหนูเลี้ยงเองก็ได้” แถมยังเอ่ยปากเสนออย่างมีความหวัง

    เอาสิ ถ้าที่นั่นมีเอสเพรสโซ่ให้ดื่ม เก้าก็คงไม่ตายเพราะเค้กหวานๆ หรอกเนอะ”  คำพูดหักคอแถมยังตอบรับกันเองอย่างหน้าตาเฉยของเพื่อนสนิท ทำให้ฉันได้แต่เหลือบมองพวกมันตาขวางที่บังอาจรู้ดี และเมื่อหันกลับไปมองหน้าโกกิซึ่งเต็มไปด้วยความหวังเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยแล้ว ฉันก็เลยไม่มีทางเลือก จำต้องตอบรับคำชวนในที่สุด

    อ่าๆ ไปก็ไป” ไอ้พีที่แสดงออกว่าอยากไปจนออกนอกหน้าร้องเยสเสียงดังลั่น ด้วยความหมั่นไส้ฉันจึงจงใจกระแทกศอกใส่ท้องมันอย่างเต็มแรง แล้วหันไปคว้ามือโกกิให้เดินตามไปจุดที่จอดรถมอเตอร์ไซค์เอาไว้

    ฉันให้โกกิซ้อนท้ายไปด้วยกัน และบึ่งรถไปตามทางที่เธอบอก แน่ล่ะ ในเมื่อทั้งชีวิตฉันไม่เคยพาตัวเองเฉียดเข้าใกล้ร้านเค้กอะไรแบบนี้สักนิด ส่วนไอ้เทากับพีก็บิดรถตามหลังมาอย่างติดๆ

    พวกเราทั้งหมดถึงร้านที่เป็นเป้าหมายในเวลาไม่ถึง20นาที นับระยะทางตั้งแต่หน้าตึกคณะไปจนถึงร้าน

    ร้านเค้กแห่งนี้หนาตาไปด้วยนักศึกษาจากหลายๆ ที่ รวมไปถึงพนักงานสาวออฟฟิต น้อยมากที่จะเห็นผู้ชายสักคน เพราะที่เห็นก็คงจะเป็นพวกที่มากับแฟนเท่านั้น บรรยากาศของร้านเหมือนหลุดออกมาจากในหนังสือนิตยสารต่างประเทศไม่เล่มใดก็เล่มหนึ่ง มีพื้นที่ให้นั่งทั้งภายในตัวร้านและนอกร้าน ในตัวร้านตกแต่งสไตล์โมเดิลหน่อยๆ ส่วนด้านนอกร้านให้บรรยากาศเหมือนนั่งจิบชากาแฟกินเค้กอยู่กลางทุ่งดอกไม้ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนถึงเต็มร้านแบบนี้

    พี่เก้า ไปนั่งรอกิที่โต๊ะหมายเลข 3 นะคะ กิจองไว้แล้ว” คนตัวเล็กรัวคำพูดบอกทางทันทีเมื่อลงจากรถ ท่าทางเธอดูรีบร้อนคล้ายกับมีธุระ

    แล้วเอ็งจะไปไหนอ่ะ?”

    หนูสั่งของที่ร้านหนังสือข้างๆ เอาไว้ค่ะ ขอตัวไปเอาแป๊บนะคะ” โกกิพูดน้ำเสียงเขินๆ เธอก้มหัวลงเล็กน้อย ก่อนหันหลังวิ่งย้อนกลับไปอีกทาง ปล่อยให้ฉันยืนนิ่งแบบคงไม่รู้ที่กับเพื่อรักสองคน

    ไหนๆ ก็พลาดเรื่องไอ้เด็กนั่นไปแล้ว คิดซะว่ามาเปลี่ยนบรรยากาศดิ” เทาพูดยิ้มๆ พร้อมทั้งเดินตบไหล่ฉันสองทีก่อนเดินตรงเข้าไปในร้าน ตรงไปยังจุดที่โกกิบอกให้รอ

    เปลี่ยนบรรยากาศเหรอ… ขอให้มันดีเถอะ

    ฉันได้แต่ภาวนาในใจยอมกลับหันหลังเดินตามหลังไอ้เทากับไอ้พีเข้าไปในร้าน วินาทีที่เดินย่างกรายเข้ามาภายในบริเวณ สายตาของผู้หญิงซึ่งกำลังมีความสุขกับขนมหวานตรงหน้ารวมไปถึงเครื่องดื่มสีสันสดใส ก็เริ่มจับโฟกัสมาที่ฉันทันที

    เพราะคล้ายกับเป็นเรื่องชินไปแล้วฉันจึงทำได้แค่กลอกตาเซ็งๆ เดินผ่านโต๊ะพวกเธอไป ท่ามกลางเสียงซุบซิบที่ฟังแล้วโคตรจะขัดใจ

    หนุ่มวิศวฯมหาวิทยาลัยไหนอ่ะแก หล๊อหล่อ~”

    คนสุดท้ายหล่อปังพังจิตใจมาก มีแฟนยังก็ไม่รู้~~” ถึงจะบอกว่าไม่ค่อยสนใจสายตาหรือคำชมคนนอกที่มักมองว่าฉันเหมือนผู้ชายก็ตาม แต่เอาเข้าจริงลึกๆ ฉันก็อยากตะโกนแซกหน้าพวกเธอกลับไปเหมือนกันนะ ว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงมาด้วยฝีมือผู้ชายเท่านั้น!

    แต่ก็นะ บอกไปพวกเธออาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกก็ได้ ก็ฉันดันตัวสูงอย่างกับเปรต แถมยังเสียงห้าวออกไปทางแมนขนาดนี้ แถมตอนนี้ชุดแต่งกายฉันยังเป็นเสื้อกล้ามสีดำสวมทัมด้วยช็อปวิศวะด้านนอก กับกางเกงยีนเข้ารูปขาดๆ เซอร์ๆ แบบผู้ชาย บอกให้ตายพวกเธอคงจะเชื่อหรอก

    เฮ้อออ~” ฉันถอนใจอย่างเหนื่อยหน่ายชีวิต พลางทิ้งตัวลงนั่งยังโต๊ะหมายเลขพานให้ไอ้เทากับไอ้พีเหลือบมองอย่างพร้อมเพรียงกัน

    นั่งปุ๊บก็ถอนหายใจเลยนะมึง” ไอ้พีมนุษย์ปากไวเอ่ยปากแซว ขณะมือไม้ยุ่งอยู่กับการแจกเมนูอาหารส่งให้ฉันกับไอ้เทาคนละใบ “กินไรสั่ง น้องคนนั้นเลี้ยง~”

    งานกินฟรี ทำให้เพื่อนชายคนนี้อารมณ์ดีกว่าที่เคย ฉันพยายามเลี่ยงความสนใจจากสายตาของเด็กสาวๆ รอบโต๊ะที่นั่ง ลดสายตาไล่อ่านเมนูทีละรายการแก้เซ็ง โดยมีเสียงของไอ้พีถามอยู่ตลอดเวลา

    พวกมึงจะสั่งอะไรกันวะ?”

    ไม่รู้ ถามเก้า” ส่วนไอ้เทาก็โบ้ยมาที่ฉัน จำต้องไล่อ่านรายชื่ออาหารที่ไม่คุ้นตาเลยสักนิด 

    สวัสดีครับ ชูเคร่ คาร์เฟ่ยินต้อนรับ เสียงของบุคคลซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพนักงานของร้านเอ่ยทักขึ้นอย่างนอบน้อม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฉันลดเมนูในมือลง จนสามารถมองเห็นหน้าของเด็กหนุ่มในชุดพ่อครัวทำขนมได้อย่างชัดเจน 

    เขาไม่ได้สนใจฉัน สายตาเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง แต่ก็ครู่เดียว นัยน์ตาคมแสนคุ้นจึงค่อยๆ เหลือบกลับมามองพวกเราที่โต๊ะ เมื่อสายตาของเราสองคนสบเข้ากันโดยบังเอิญ วินาทีนั้นสีหน้าเรียบเฉยของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป แต่นั่นไม่ใช่กับฉันที่จู่ๆ รอยยิ้มมันดันกระตุกเหยียดเองแบบไม่สามารถบังคับได้

    ใช่ เขาคือผู้ชายคนเดียวกับที่ฉันกำลังตามหาตัวอยู่ เข้าข่ายบังเอิญโลกกลม พรหมลิขิต ก็ว่าได้

    ไอ้ลูกเจี๊ยบ!

    To Be Continued...

    สภาพกุ๊กหลังจากนี้จะเป็นยังไง อยู่หรือตาย

    เจอกันชาร์ปหน้านะครับ ฮิๆ

    ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%

    1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย

    ติดแท็กในทวิต #สายโหดโคตรรัก


    สา 





    จิ้มADD FAV.ที่หน้ากุกกี้ รอเจอกันชาร์ปหน้านะเออ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×