ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักอสุรา | {TITAN SET}

    ลำดับตอนที่ #20 : กลรักอสุรา l บทที่๑๘ ตอน หัวใจอสุรา {อัพ100%}

    • อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 62


    * หากรำคาญเสียงเพลงก็ปิดได้เน้อ *



    บทที่๑๘
    ตอน หัวใจอสุรา

    -อสุรา กล่าว-

    เกือบลืมเลือนไปแล้วว่า ผ่านมากี่ร้อยหรือกี่หมื่นช่วงยามแล้ว ที่เราไม่ได้รู้สึกระบมไปทั่วอุราเช่นนี้

    แม่นิมมานรดี !’ 

    นับจากเหตุสงครามสรวงที่พลัดพรากดวงใจให้หมดลมเมื่อครานั้นหรือ ?

    หลับเสียเถิดดวงใจพี่...ฮึก แม้นหากชาติภพนี้ เราสองจักมิได้เคียงรักกันดั่งคำมั่น...พี่ขอให้น้องจงอุบัติสิ้นเสียใหม่...เกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้เราต้องรักกัน สืบไปจากนี้… ทุกภพทุกชาติ...

    หากเช่นนั้น ในเมื่อความโศกเมื่อครั้งนั้นถูกสายลมของห้วงเพลาโบกพัดให้หลงเหลือเป็นเพียงภาพจำแสนเจ็บปวด แล้วเหตุใดยามนี้อุราเราจึงรู้สึกปวดระบมไม่ต่างจากคืนวันที่เคลื่อนพ้นไปเช่นนี้เล่า

    กึก

    เราลืมตาขึ้นอีกครั้ง เมื่อฤทธาซึ่งถือครองไว้ในมือ นำพากายากลับคืนสู่ดินแดนอันสมควร มือของเรายามนี้ยังคงยื่นค้างไปเบื้องหน้าซึ่งเดิมทีเคยมีศีรษะร่างเล็กของอรชรหยุดยืนสบตาอยู่ไม่ห่าง หากแต่เวลานี้กลับว่างเปล่า จนเผลอกำกระชับมือที่หยิบยื่นห่างตัวจนแน่นอย่างไม่อาจควบคุม

    ร่างกายที่เคยแข็งแรงดี เวลานี้ก็คล้ายกับผู้ป่วยไข้ หมดสิ้นเรียวแรงลงอย่างไม่อาจทนฝืน

    แล้วนี่ ท่านจะไปเลยหรือเปล่าเจ้าคะ ? ยิ่งได้ยินเสียงหวานคุ้นเคย ดังแว่ววนซ้ำในหูด้วยแล้ว เรายิ่งคล้ายกับจะอ่อนแรงลงไปทุกขณะ

    แม้นว่าสิ่งที่พึงกระทำที่สุดยามนี้ คือการตามหาและลงไปอยู่เคียงหญิงคนรักตามดั่งวาจาสัตย์ที่เคยประกาศไว้แท้ๆ หากแต่ความเป็นจริง สถานที่เรานำพาตนเองกลับมากลับกลายเป็นพื้นที่ว่างใต้มะกอกต้นใหญ่นอกรั้ววังที่นางอัปสรตนหนึ่งเคยใช้ปลิดชีวาตัวเองจนหาไม่ไปเสียได้

    ทุกครั้งที่ฉันมองเห็นภาพในอดีตผ่านนิมิตฝัน ฉันไม่เคยมองเห็นนางสวรรค์ตนอื่นเลยนอกจากแม่จันทน์ผา ยิ่งยลเห็นลำต้นขนาดใหญ่ของต้นมะกอกอยู่ห่างออกไปไม่ถึงเอื้อมมือ จิตนึกคิดก็ยิ่งเอาแต่นึกหวนถึงเสียงหวานที่เราฝันใฝ่หมายได้ยินดังแทรกภวังค์ วนเวียนไม่ยอมหยุด ยิ่งฝันเห็นภาพเหล่านั้นมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกไกลห่างจากการเป็นหญิงคนรักของท่านเหลือเกิน เพราะทุกครั้งที่ฝันฉันไม่เคยได้อยู่เคียงข้างท่านในฐานะแม่นิมมานรดีเลยสักครั้งยังไงล่ะเจ้าคะ...

    เฉกเช่นความเจ็บปวดในอกซึ่งเริ่มทวีอาการให้รู้สึกมากขึ้นทุกๆ ขณะ ยิ่งหวนถึงเสียงหวานของแม่ทับทิมขณะเอ่ยเล่าความอย่างหนักแน่น ปราศจากวี่แววของการพูดโป้ปดด้วยแล้ว

    หากฉันยืนกรานเหมือนเก่า ท่านคงจะไม่หัวเสียอีกใช่ไหมเจ้าคะ ?

    เรายิ่งรู้สึกเจ็บและสับสนจนแทบทนไม่ไหว

    คงน่าหัวร่อพิลึก หากมีผู้ใดบังเอิญได้ยลยิน เสียงร้องของเรา ซึ่งเอ่ยวอนให้ทุกวลีที่แม่ทับทิมกำลังเล่าความนั้นในช่วงยามนั้นล้วนแล้วแต่เป็นความเท็จ

    บอกเล่าความจริงพี่เถิด แม่ทับทิม ว่าสิ่งที่ยลเห็นในนิมิตทุกครั้งคราว ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องโป้ปด  ทั้งที่คาดหวังไว้เช่นนั้น แต่ภาพที่ได้เห็น รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกลับยิ่งย้ำชัดความเป็นที่เป็นอยู่เพิ่มทวีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ว่านิมิตที่เราดลบันดาลให้แม่ทับทิมเห็นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นของผู้อื่นทั้งสิ้น

    ทว่า เพียงนิดเดียวที่ยังติดอยู่ในใจ

    ในฝันฉันเห็นท่านกับแม่จันทน์ผาพูดคุยกันอยู่ที่โถงทางเดิน บริเวณประตูวังเจ้าค่ะ เหมือนว่าแม่จันทน์ผาจะเดินชนท่านจนดอกบัวในพานร่วงเกลื่อนพื้น เห็นทีคงไม่พ้นเรื่องราวซึ่งฟังดูแตกต่างจากภาพจำหัวราวกับคนละเรื่องราวเท่านั้น

    ความคิดทั้งหมดทั้งมวลในหัวหยุดลงไปชั่วครู่ พร้อมเพรียงกับมือซึ่งถูกเคลื่อนแนบฝ่ามือลงสนิทกับลำต้นมะกอก ขณะแหงนขึ้นมองกิ่งก้านสาขาที่แตกกระจายออกไปเป็นกิ่งเล็กกิ่งน้อย ขณะลมหวนของช่วงอดีตที่เริ่มพัดผ่าน ถึงใบหน้าสวยค่อนไปทางเรียบร้อย ที่สามารถสะกดสายตาให้จับจ้องทุกอากัปกิริยาอ่อนช้อยอ่อนหวานขณะเร่งรีบก้มเก็บดอกบัวในคืนวันเก่าๆ

    ขะ ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านนายทหาร…’ 

    เหตุใดจึงมองเหม่อหาได้มีสติดูทางเช่นนี้เล่า นางอัปสร…’ เราเหมือนถูกต้องมนต์ด้วยกลิ่นกายหอมหวนของดอกสร้อยทองบนเนื้อเนียนนับตั้งแต่ช่วงยามแรกที่ได้ประสบพบเจอในระยะใกล้ โดยเฉพาะกริยาไม่ประสีประสาค่อนไปทางประหม่า หากแต่นอบน้อมยามอยู่ในสายตา

    ขออภัยเจ้าค่ะท่านอสุรา หม่อนฉันรีบเร่งจึงมิได้มองเส้นทางเบื้องหน้า กรุณาอย่างลงโทษหม่อมฉันเลยนะเจ้าคะ…’ นางอัปสรที่อยู่ในความรับรู้ของเราด้วยชื่อ นิมมานรดี มาโดยตลอด

    หมะ หม่อมฉันมีนามว่า นิมมานรดีเจ้าค่ะ ท่านอสุรา ทั้งที่ดวงใจมีเพียงหนึ่ง เป็นถึงนางรำเอกในนคร แล้วเหตุใดเล่าข้อเท็จจริงจากภาพนิมิตแม่ทับทิมจึงเป็นเช่นนั้น

    กึก...

    ไม่ทันได้ใคร่ครวญหาเหตุและผลตอบถ้อยความคาแคลงในอก เสียงย่างเท้าของใครผู้หนึ่ง ก็มีอันทำให้เราจำต้องหยุดความคิดลง ก่อนหันเหสายตาจากมะกอกต้นใหญ่ไปยังทิศทางของเสียง

    มากระทำสิ่งใดที่ใต้มะกอกต้นนี้งั้นรึอสุราน้องพี่ ?” เสียงเข้มแต่มากล้นไปด้วยอำนาจนานานับปวง ส่งผลให้รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าเราเฉกเช่นตามวิสัย ยามตกอยู่ในสายตาของพระเชษฐา

    มิมีเหตุอันใดหรอกท่านพี่ น้องเพียงแค่เผลอนึกหวนถึงคืนวันเก่าเพียงเท่านั้น

    พี่อสุเรนทร์ไม่ได้ตอบถ้อยวาจาใดกลับมา แต่เลือกก้าวเท้าเดินตรงเข้ามาหยุดเบื้องหน้า พลางแหงนขึ้นมองกิ่งก้านสาขาของต้นมะกอก เช่นเดียวกับที่เราเพิ่งกระทำไปเมื่อครู่ จากนั้นจึงกล่าวขึ้น

    ยามเห็นมะกอกต้นนี้ มันทำให้พี่หวนนึกถึงนางอัปสรในวัง…” ซ้ำคำพูดของผู้เป็นพี่ชายยังฟังคล้ายกับอ่านใจเราออก มิรู้ว่ากรรมจากการอัตวินิบาตกรรมที่เคยก่อไว้เมื่อครานั้น จะปลดปล่อยนางไปอุบัติใหม่หรือยัง

    “…” เราไม่ได้เสนอความคิดเห็นใดเสริมต่อถ้อยคำของพี่ชาย แต่เลือกที่จะนิ่งเพื่อรับฟังตามนิสัย

    ถึงจักพูดเช่นนั้น หากแต่บางสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครานั้น ก็มิวายให้พี่ต้องเก็บมาขบคิด

    ขบคิดสิ่งใดงั้นหรือพี่ท่าน ?เราถาม เพราะหากพูดกันตามข้อเท็จจริง ผู้ที่มาเยือนใต้มะกอกต้นนี้เป็นผู้แรก หลังทหารส่งข่าวว่าพบแม่จันทน์ผาผูกคอตาย มันคือพระพี่ชายเราซึ่งเป็นถึงท้าวเจ้าเมืองที่มุ่งมายังสถานที่แห่งนี้ก่อนผู้ใด

    หากพี่จำมิผิด รู้สึกว่านางอัปสรผู้นั้นจักสวมใส่ชุดนางรำ ผูกคออยู่ที่ใต้ต้นมะกอกต้นนี้…” ไม่ใช่แค่พระเชษฐาเราเท่านั้นที่ล่วงรู้รู้ถึงสภาพการตาย เพราะเราเองก็รู้ล่วงไม่ต่างกัน แต่ว่า หากแต่บางสิ่ง ยังคงชวนให้รู้สึกผิดวิสัยยามยลเห็นร่างนางสวรรค์ตนนั้นอยู่ดี

    บางสิ่งที่ท่านพี่ว่า คืออะไรอย่างนั้นรึ ?

    เนื้อตัวกระมังเนื้อตัวนางอัปสรตนนั้นชุ่มโชกไปด้วยน้ำ หากแต่เครื่องแต่งกายกลับมิได้ชุ่มโชกตามอย่างที่ควรจักเป็น…”

    เนื้อกายแม่จันทน์ผา เปียกปอนด้วยน้ำงั้นรึ ?

    ว่าแต่น้องเถิด…” อีกหนที่เสียงของพี่อสุเรนทร์ทำเราสะดุ้งจากวังวนความคิดและปรายตามองหน้าผู้พี่อย่างเสียไม่ได้ ยามนี้มิได้รู้สึกรังเกียจนางสวรรค์ตนนั้นแล้วงั้นรึ ถึงได้ยอมเจรจาเรื่องของนางกับพี่เช่นนี้ได้ ?

    ใครว่าน้องรังเกียจนางสวรรค์ตนนั้นกันเล่า น้องหาได้รู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์แม่จันทน์ผาเฉกเช่นที่ผู้ใดคิดเสียเมื่อไหร่…” เป็นดั่งวาจาที่เอ่ยแย้งพระผู้เป็นพี่ชาย เราหาได้เคยรู้สึกเช่นนั้นต่อแม่จันทน์ผาไม่ เพียงแค่ว่า น้องแค่มิต้องการให้ผู้ใดนำสารผิดเล่าอ้างต่อกัน จนพลอยให้แม่นิมมานรดีเป็นกังวลใจแต่เพียงเท่านั้น

    ไม่มีถ้อยคำใดเอ่ยตอบกลับจากพี่อสุเรนทร์ นอกเสียแต่เพียงรอยยิ้ม เช่นเดียวกับแววตาที่อีกฝ่ายจดจ้องมาอย่างเอ็นดูตามประสาพี่น้อง แต่เพื่อไม่ให้ผู้พี่ถามไถ่เรื่องส่วนองค์มากไปกว่านี้ นั่นจึงทำให้เราชิงแทรกถามขึ้น

    ว่าแต่ท่านพี่เถิด นี่มันก็หลายเพลามาแล้ว สงครามระหว่างท่านกับไอ้กุมภัณฑ์นั้นดำเนินลุล่วงไปเท่าใดแล้วรึ ?

    ยามนี้ ไอ้กุมภัณฑ์มันยังหวนนึกอดีตชาติตนเองมิได้…” เสียงเข้มเอ่ยกลับโดยทันควัน ยามต้องพูดถึงยักษ์มารในอดีตที่เคยระรานแดนสรวง กระนั้นแล้วพี่ก็ใช่จะลดมือระรานชีวามันลงไม่

    ได้ยินน้ำคำหนักแน่นของพระเชษฐาคู่บุญ ลึกๆ เราก็อดรู้สึกอิจฉาเสียไม่ได้ ที่โชคชะตานำพาให้คู่เวรคู่กรรมลงมาประสบพบเจอกันดั่งคำสาปส่งในอดีต ทั้งที่เป็นเช่นนั้น แล้วเหตุใดจึงมีเพียงเราผู้ที่ฟ้าดินไม่ยอมโอนอ่อน บันดาลประสงค์ให้ไม่ตรงกับที่ร้องขอ

    แม้นหากชาติภพนี้ เราสองจักมิได้เคียงรักกันดั่งคำมั่น...พี่ขอให้น้องจงอุบัติสิ้นเสียใหม่...เกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้เราต้องรักกัน สืบไปจากนี้… ทุกภพทุกชาติ...

    แต่แม้นเมื่อได้พบเจอหัวใจเรากลับนิ่งสนิทและมากล้นไปด้วยความสับสน

    หะ หากท่านไปแล้ว ฉันจะลืมทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นหรือเปล่าเจ้าคะ ? ซ้ำยังเจ็บระบมไปทั่วหัวใจ ยามได้ยินถ้อยคำถามเสมือนบอกลาจากนารีอื่นนอกเหนือจากดวงใจตัวเองที่ตามหาได้อย่างน่าไม่อายเช่นนี้

    ว่าแต่น้องเถิด หลังพบประสบพักตร์แม่นิมมานรดีในครานี้ มีสิ่งใดคืบหน้าไปบ้างหรือไม่ ?ไม่รู้กี่ครา ถ้อยคำถามของผู้เป็นพี่มักทำเราเผลอสะดุ้งเช่นนี้

    ยังเลยพี่ท่าน…” นี่คงเป็นหนแรกนับแต่ครองลมหายใจมาจวบจนยามนี้ ที่เราเอ่ยถ้อยตอบคำถามพระผู้เป็นพี่ชายไม่เต็มเสียงนัก กระนั้นแล้วเราก็ใช่จะโป้ปดพี่ชายเสียที่ไหน น้องเพิ่งได้พบหน้า หากแต่มิได้เริ่มกระทำอันใดให้แม่นิมมานรดีรู้ตนแม้เพียงนิด

    ไยจึงชักช้าร่ำไร มิเร่งรีบเข้าเล่า น้องมิรู้หรือว่าเพลาหาได้มีมากนัก

    ดั่งคำที่ท่านพี่อสุเรนทร์เอ่ย เหจุที่เราสองตนพี่น้อง สามรถลงไปเยือนเมืองมนุษย์ได้นั้น เป็นเพราะฤกษ์ยามและทวิภพที่เปิดออกเพื่อขับหมุนแรงกรรมและคำสาปส่งของพระผู้เป็นพี่ชายดั่งวาจาสัตย์ที่เคยเปล่าประกาศไว้ และหากเมื่อใดที่สงครามระหว่างพระพี่ชายและไอ้กุมภัณฑ์ในเมืองมนุษย์สงบสิ้นลง ยามนี้เราเองก็จำต้องลาจากเมืองมนุษย์กลับขึ้นสู่นครยักษ์เช่นนี้ ไปจนกว่าจักถึงฤกษ์ยามครั้งใหม่เช่นกัน

    น้องทราบดี หากท่านพี่กล่าวเช่นนั้น เห็นทีน้องคงต้องรีบเร่งเสียหน่อยกระมัง…” เราบอกพี่ชายเช่นนั้นด้วยเสียงติดหัวร่อ พลอยให้คู่สนทนาแย้มยิ้มตามไปด้วย เราไม่ได้ถามเอาความถึงเหตุและผลที่พี่อสุเรนทร์กลับสู่พื้นที่สรวงในยามนี้ต่อ คงเพราะรู้ดีแก่ใจ ว่าหากพูดหรือถามไถ่สิ่งใดไปมากกว่า ความเป็นห่วงของพี่ชายมักตกมาหยุดที่เราเสียทุกครั้ง

    เพื่อเลี่ยงการถูกถามสารทุกข์สุขดิบที่ตัวเราเองไม่อาจตอบได้อย่างเต็มคำ การเอ่ยกล่าวบอกลาตามมารยาทที่พึ่งจะทำจึงเกิดขึ้น

    เอาล่ะ เห็นทีน้องคงต้องขอตัวก่อน นี่ก็เสียเพลาขึ้นมาพักอกพักใจบนสรวงนานไปแล้ว

    โชคดีมีชัยอสุราสิ้นเสียงอวยชัยจากผู้เป็นใหญ่ในนครยักษ์ เราจึงรีบยกมือขึ้นไหว้รับคำอวยพร ก่อนตัดสินใจร่ายมนต์เวทย์ที่ถือครองไว้ในมือ พาตนเองออกจากใต้ต้นมะกอกกลับคืนสู่เมืองมนุษย์ดั่งคำที่บอกกล่าวโดยทันที

     

    ช่วงยามระหว่างแดนสรวงกับเมืองมนุษย์นั้น ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่เราใช้เวลาเพียงช่วงหยิบมือในการกลับคืนสู่สวรรค์ แต่ครั้นเมื่อหวนกลับลงมายังเมืองมนุษย์ ฟ้าที่ควรทอด้วยด้ายสีดำกลับสว่างไสวแม้นว่าตอนจากมาจะเป็นช่วงโพล้เพล้ก็ตามที

    ที่น่ารำคาญใจจนเกิดเป็นคำถามต่อว่าในอก คงไม่พ้นสถานที่แสนคุ้นตาอย่างเรือนพักแรมรูปร่างแปลกตาซึ่งกำลังตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้านั่นกระมัง หรืออาจเพราะความแคลงใจซึ่งยังฝังแน่นอยู่ในกมลความคิด แม้นรู้ว่าเพลาที่มีนั้นเหลือน้อยลงไปทุกขณะ แต่เราก็ไม่วายจะออกตามหาหญิงสาวแปลกที่หน้าบังเอิญพบเจอเมื่อหลายเพลาก่อน แต่กลับเลือกที่จะพาตนเองมายังเรือนแรมหลังเก่าของแม่ทับทิมเช่นนี้

    กลับมาแล้วหรือท่าน…” เสียงหญิงวัยชราเอ่ยถามดังขึ้นจากภายใน พลอยให้ผู้ถูกทักเช่นเราจำต้องลดสายตาจากภาพของเรือนรูปร่างแปลกตาไปยังต้นเสียง ก่อนพบเข้ากับตายายคู่หนึ่งกำลังยืนในท่ามือไขว้หลัง มองผ่านออกมานอกรั้ว

    ภาพที่เห็น ส่งผลให้เราจำต้องยกมือขึ้นไหว้ขออนุญาต พร้อมกันก็ไม่ลืมที่จะให้คำตอบ

    หากเราต้องวนเวียนอยู่ภายในบ้านหลังนี้สักพัก ท่านยาย ท่านตาคงมิขัดใช่หรือไม่ ?

    ฉันจักไปขัดใจอะไรท่านได้เล่า ในเมื่อท่านนั้นเป็นถึงคนของสรวงใช่ไหมจ๊ะตาชายชราผู้ถูกถามพยักพเยิดหน้าตามคำบอกกล่าวของหญิงแก่ ซ้ำยังเสริม

    หากท่านมีเรื่องที่ต้องกระทำกับแม่หนูเจ้าของพื้นที่ผืนนี้ ซ้ำท่านพระภูมิเองก็ไม่ได้ติดขัดอะไร เราสองคนก็คงไม่กล้าว่ากล่าวท่านเช่นกันเข้ามาข้างในก่อนสิท่านอสุรา

    ขอบใจท่านตา ท่านยายและท่านพระภูมิที่เห็นอกเห็นใจเราว่าจบเราจึงลดมือที่พนมไหว้แนบอกลง ก่อนตัดสินใจย่างกรายเข้าสู่พื้นที่เรือนพักแรมหลังเก่าตามคำชวนโดยมีสายตาของสองตายายประจำเฝ้าจ้องมองอยู่ไม่ไกล ทว่า ยังไม่ทันเดินก้าวไปถึงไหน มันก็เป็นเราเสียเองที่จำต้องหยุดฝีเท้าลง เมื่อช่วงเพลาเดียวกัน ประตูเรือนได้ถูกผู้เป็นเจ้าของเปิดออกเสียก่อน

    กึก !

    ภาพที่ได้เห็นคือภาพของแม่ทับทิม ซึ่งมีสภาพการแต่งกายต่างจากเมื่อหลายเพลาก่อน ซ้ำอากัปกิริยายังดูรีบร้อน มือของหนึ่งของนางกำลังถือบางสิ่งที่มีชื่อเรียกพิลึกอย่างโทรศัพท์มือถือ ยกแนบหู แต่ด้วยอิทธิฤทธิ์ที่ใช้ปกคลุมกายยามนี้ นั่นเลยทำให้นารีชนเบื้องหน้าไม่ทันสังเกตเห็นถึงตัวตนเราที่กำลังยืนเยื้องห่างออกไป และการที่เป็นเช่นนั้น มันก็ทำให้เรามองทุกท้วงท่าและอาการของหญิงผู้เป็นเจ้าของบ้านได้ชัดเจนมากขึ้นโดยไร้ใครมาคอยขัด

    ค่ะ ฉันกำลังจะออกจากบ้าน อีก ๑๕ นาทีฉันน่าจะถึงที่นัดค่ะ…” เสียงหวานของแม่ทับทิมซึ่งดูรีบร้อนไม่ต่างจากท่าทาง บอกให้รู้ชัด ถึงเหตุผลที่นางดูเร่งรีบถึงเพียงนี้เกิดจากเพราะเหตุใด

    หากไม่ใช่เรื่องหน้าที่การงาน คะเนว่าคงไม่มีเรื่องอื่นที่ทำให้แม่ทับทิมเร่งรีบได้เช่นนั้น

    แต่ว่า อาการรีบเร่งที่แม่ทับทิมแสดงให้เห็นต่อสายตานั้น จู่ๆ ก็มีอันหยุดชะงักลงไป ขณะที่ใบหน้าสวยเหลียวมองหลังกลับเข้าไปภายในตัวบ้าน ก่อนตามมาด้วยเสียงอธิษฐานในแบบที่เคยได้ยินอยู่บ่อยครั้ง

    ท่านอสุรา…’ ทว่า ในเช้าวันนี้ สิ่งที่เรารับรู้ได้จากคำอธิษฐานจิตของแม่ทับทิม มีเพียงแค่การเอ่ยขานชื่อเท่านั้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงยามเดียวกัน คือใบหน้าสวยที่หันเหทิศทางกลับมา ขณะปากเอ่ยบอกกล่าวผ่านสิ่งที่เรียกว่าโทรศัพท์มือถือ

    ฟังอยู่ค่ะ ได้ค่ะอีกสักพักเจอกันนะคะก่อนก้าวเท้าเดินผ่านกายเราไปราวกับธาตุอากาศ โดยไร้ซึ่งการบอกกล่าวผ่านคำอธิษฐานจิตเฉกเช่นทุกครั้ง

    ในอกเริ่มรู้สึกปวดระบมขึ้นอีกครั้ง เมื่อเสียงบอกกล่าวในแบบที่เคยได้ยินทุกวี่วัน หลงเหลือเพียงเสียงเรียกขานและขาดหายไป

    ตึก! ตึก! ตึก!

    แม้นกมลความคิดจะคอยร้องเตือนให้เราเร่งรีบพาตัวเองไปหาหญิงสาวซึ่งคาดว่าเป็นดวงใจที่พลัดพรากอยู่ทุกช่วงเพลาก็ตามที แต่เท้ากระทำสิ่งตรงกันข้าม ขยับก้าวตามหลังหญิงอื่นที่ไม่ใช่อดีตคนรักออกไปคล้ายกับไร้การควบคุม ไม่รู้เลยว่า เช้าตรู่เช่นนี้ แม่ทับทิมหมายจะออกเดินทางไปหนแห่งใด และต่อให้คาดคะเนไม่ได้ อย่างไรเสียเราก็ยังคงตามติดนางไปคล้ายเป็นดังเงา

    ตึกตึก

    จำได้ว่าเมื่อครั้งที่แม่จันทน์ผายังไม่วายชีวา เรารู้สึกและรับรู้ได้ถึงการถูกนัยน์ตาคู่สวยคู่นั้นคอยเฝ้ามองมาโดยตลอด ไม่ว่าเราจะอยู่เพียงลำพังหรือเคียงข้างแม่นิมมานรดี เราไม่เคยสงสัยถึงแววตาคู่นั้นของแม่จันทน์ผาเลยสักคราว นับจากที่ตวาดออกคำสั่งในสวนคืนนั้น

    เพราะไม่เคยสนใจ เราจึงไม่เคยรู้เลยว่า ตลอดช่วงเวลาที่ถูกสายตาคู่นั้นมองหานั้น ผู้เป็นเจ้าของสายจะมีความรู้สึกเช่นไร ดูแล้วคงไม่ต่างจากเพลานี้นัก ทั้งที่เราเฝ้ามองอยู่ข้างกาย หากแต่ผู้ถูกมองกลับไม่รู้สึก ไม่รับรู้หรือมองเห็นสิ่งที่เรากระทำอยู่เลยแม้เพียงนิด

    แม่จันทน์ผาคงจะหลงใหลได้ปลื้มท่านท่านอสุรามากน่ะสิเจ้าคะ ถึงได้คอยตามเฝ้าแอบมองเช่นนั้น พอนึกเปรียบเทียบกับตนเองเช่นนั้นแล้ว ในหัวก็ดันเผลอนึกหวนถึงคำพูดของแม่นิมมานรดีขึ้นมา

    เหตุใดแม่นิมมานรดีจึงกล่าวเช่นนั้นเล่า…’

    หม่อมฉันเป็นถึงพี่สาว เหตุใดจึงดูไม่รู้ ว่าผู้น้องกำลังคิดต่อท่านเช่นไร มันน่าน้อยใจนักนะเจ้าคะ

    จนอดนึกหวนตามเสียงบอกกล่าวในภวังค์ไม่ได้ ว่าเหตุที่นำพาเราให้กระทำในสิ่งเดียวกันกับแม่จันทน์ผานั้น เกิดขึ้นสาเหตุอันใดกันแน่ 

    ในเมื่อหัวใจยามนี้ ยังคงถูกหมายมั่นยกให้แก่นางสวรรค์เพียงตนเดียวไม่ได้แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา

    หลังลอบติดตามมาได้ช่วงเพลาหนึ่ง ในที่สุดการเดินทางก็สิ้นสุดลง เมื่อแม่ทับทิมพาตัวเองลงจากม้าเหล็กรูปร่างแปลกตา ตรงไปหยุดยืนยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งถูกตกแต่งด้วยข้าวเครื่องใช้ไม่คุ้นตานัก

    มา 2 ท่านใช่ไหมคะ ? เชิญด้านในเลยค่ะอีกทั้งการมาเยือนของแม่ทับทิมในหนนี้กลับได้รับการต้อนรับจากสตรีผู้เป็นเจ้าของสถานที่อย่างสมเกียรติ

    มะ ไม่ใช่ค่ะ ฉันมาคนเดียว แต่ว่านัดกับเพื่อนไว้เราเห็นอาการเลิกลักของแม่ทับทิม ขณะเอ่ยตอบ พลางเหลียวซ้ายแลขวา แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น เมื่อคู่สนทนาผายมือเชื้อเชิญนางให้ย่างกรายเข้าสู่พื้นที่ด้านใน

    อ๋อ ถ้าอย่างนั้นเชิญข้างในเลยค่ะ

    มันก็เหมือนกับที่แม่ทับทิมเคยบอกกล่าวไว้ ว่ายามนี้เมืองมนุษย์นั้นได้แปรเปลี่ยนไปไม่เหมือนดั่งเก่า ไม่ว่าจะอากัปกิริยาของผู้คนที่ดูเร่งรีบอยู่ตลอดเวลา สถานที่ที่มีรูปลักษณ์พิลึกพิลั่น หรือแม้แต่พาหนะสำหรับใช้เดินทาง คงเพราะนับจากแดนสรวงปิดกั้น ตัดขาดจากเมืองมนุษย์มานานกระมัง เราถึงไม่รู้สึกชินหูชินตายามต้องยืนปะปนอยู่กับปุถุชนหมู่มากในเมืองมนุษย์เสียที

    อย่างไรเสีย เมื่ออรชรร่างเล็กเดินนำพาเข้าสู่พื้นแปลกตา เราเองก็ใช่จะหยุดนิ่งลงเสียเมื่อไหร่ 

    ทับทิม! ทางนี้จ๊ะ เสียงขานเรียกของนารีชนนางหนึ่งซึ่งดังขึ้นท่ามกลางเสียงจอแจภายใน ทำเอาแม่ทับทิมรีบโบกไม้โบกมือโต้กลับราวกับเป็นการทักทาย ซ้ำไม่รอช้า ยังรีบเร่งฝีเท้ามุ่งต้นไปยังต้นเหตุของเสียง

    ที่ตรงนั้นเราได้พบกับหญิงสาวเจ้าของใบหน้าคุ้นเคย กำลังคอยท่าอยู่บนม้านั่งรูปทรงแปลก บนดวงหน้าสวยของนางนั้นปรากฏรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรส่งให้กับผู้มาเยือนอย่างมีไมตรีจิต มิหนำยังถามไถ่ความที่เรานั้นหาได้เข้าใจ

    รถติดมากไหมจ๊ะ วันนี้…”

    นิดหน่อยค่ะ…” ไม่รู้เลยว่า ช่วงเพลาเช่นนี้ เราควรรู้สึกเช่นไร เมื่อภาพของนารีทั้งสองซึ่งเราเองก็คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี กำลังเริ่มบทเจรจาต่อกันตามประสาผู้รู้จัก และหากว่าเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนเราไม่ได้ยลรูปโฉมนางมาก่อนแม้เพียงสักนิดล่ะก็ ยามนี้เราคงไม่ต้องรู้สึกอึดอัดเช่นนี้ก็เป็นได้ ว่าแต่ที่ฉันนัดคุณกรองขวัญมาวันนี้ เป็นการรบกวนหรือเปล่าคะ ?

    ไม่เลยจ้ะ อย่าคิดมากช่วงนี้เมรีต้องพักผ่อนร่างกายด้วย ตารางงานเลยไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่

    น่าแปลกนัก ทั้งที่ตลอดหลายหมื่นช่วงยามที่เคลื่อนผ่านไปนั้น เราเฝ้ารอคอย ร้องขอที่จะพบยลหน้าดวงใจผู้เป็นที่รักอีกสักหนแท้ๆ หากแต่ว่าความรู้สึก นึกคิดยามมองจ้องอดีตคนรักในชาติภพเก่าเวลานี้กลับนิ่งสนิท ราวกับว่าทั้งเราเป็นคนแปลกหน้า ทว่า ความรู้สึกเหล่านั้น กลับไม่ใช่กับแม่ทับทิม ผู้ซึ่งไม่เคยมีสิ่งเกี่ยวพันธ์ต่อเราทางใจเลยแม้เพียงสักนิด

    ว่าแต่ทับทิมเถอะ นัดเจ๊มาเจอวันนี้ มีเรื่องอะไรหรือจ๊ะ ?อีกหนที่เสียงถามไถ่ของแม่กรองขวัญเอ่ยดังแทรกความเงียบในอก จำต้องลดละสายตาจากใบหน้าของแม่ทับทิมไปยังเจ้าของเสียงอีกหน เพื่อพินิจพิจารณารูปโฉมเป็นหนที่สอง

    เมรีช่วงนี้เป็นยังไงบ้างคะ เธอดีขึ้นแล้วใช่ไหม ?

    ดีขึ้นเยอะแล้วจ่ะอะไรกัน นัดเจ๊มาเพื่อจะถามอาการเมรีแค่นี้น่ะเหรอ ?คงเพราะด้วยระยะห่างเพียงเอื้อมมือกระมัง เราจึงสามารถจับใจความการเจรจาของคนทั้งคู่ได้อย่างถนัดหู

    ไม่ใช่แค่เรื่องเมรีหรอกค่ะ ฉันมีเรื่องอื่นอยากถามคุณกรองขวัญด้วย

    เรื่องอะไรหรือจ๊ะ ลองถามมาสิ ถ้าเจ๊ตอบได้จะตอบนะ”  

    คุณกรองขวัญจำวันที่ฉันเข้าไปรับชุดนางรำที่ห้องได้หรือเปล่าคะ…” และดูท่าว่า สิ่งที่แม่ทับทิมเอ่ยถามนั้น ล้วนแล้วแต่จะเกี่ยวข้องอดีตชาติของตนเองทั้งสิ้น ตอนนั้นคุณกรองขวัญพูดถึงดอกสร้อยทองขึ้นมาน่ะค่ะ

    จำได้จ๊ะ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ?

    พอดี ฉันรู้สึกสนใจเรื่องนี้ขึ้นมาน่ะค่ะ เลยลองไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมดู จนได้รู้ว่าจริงๆ แล้วแม่นิมมานรดีนั้นมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง…” แม่ทับทิมว่าขึ้นเช่นนั้นและเงียบลงไปชั่วประเดี๋ยวหนึ่ง หากแต่นั่นกลับเป็นจังหวะเดียวกับกับที่คู่สนทนาของตนวางประสานมือลงบนโต๊ะรูปทรงแปลกเบื้องหน้าพอดิบพอดี และภาพที่ปรากฏต่อสายเวลานี้มันก็ทำให้ภาพวันวานเผลอย้อนกลับเข้าสู่กมลความคิดอย่างไม่อาจหักห้าม

    เมื่อภาพของนางสวรรค์เจ้าของดวงหน้าละม้ายคล้ายคลึงกัน ปรากฏซ้อนทับขึ้นระหว่างช่วงเจรจาของคนทั้งคู่

    คุณกรองขวัญ พอจะทราบรายละเอียดเรื่องนี้บ้างหรือเปล่าคะ ?แม้นว่าเสียงของแม่ทับทิมในยามนี้กำลังเอ่ยถามด้วยถ้อยคำอื่น หากแต่เสียงที่อยู่ในภวังค์ กลับกลายเป็นถ้อยคำอื่น

    บรรจงร้อยเรียงทีละดอกเช่นนั้น ถูกแล้วจ้ะพี่…’

    ทำไมจู่ๆ ทับทิมถึงเอาเรื่องพวกนี้มาถามเจ๊ละจ๊ะ ?เช่นเดียวกับเสียงคู่เจรจาที่แม้นจะถามไถ่ด้วยใจความอื่น หากแต่เสียงซึ่งดังก้องอยู่ในความคิดนั้น หาได้ตรงต่อสิ่งที่กำลังเกิดไม่

    โอ๊ย ไม่เอาแล้วจันทน์ผา เข็มทิ่มนิ้วพี่จนปวดระบมไปหมด หากจำไม่ผิด รู้สึกว่าภาพของนางอัปสรขณะช่วยกันบรรจงร้อยมาลัยนั้น จะเกิดขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นขบวนแห่ไม่กี่คืน แม้นยามนั้นเราจะไม่ได้สนใจภาพของนางสวรรค์สองตนมากนัก แต่ภาพการบรรจงเรียงร้อยมาลัยของทั้งคู่นั้น ยังคงติดตรึงเป็นภาพวิจิตรงดงามในความรู้สึกของเราอยู่เสมอๆ

    แต่แล้วภาพสวยงามซึ่งกำลังซ้อนทับนารีชนตรงหน้า ก็ไม่อาจคงอยู่ตอกย้ำความเป็นจริงได้นานนัก เมื่อเสียงของแม่ทับทิมกล่าวขึ้น

    พอดีฉันติดใจเรื่องที่คุณกรองขวัญเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้น่ะค่ะ ทั้งเรื่องกลิ่นกายของแม่นิมมานรดีหรือแม้แต่ท่าร่ายรำ เลยคิดว่าบางทีคุณกรองขวัญอาจจะพอรู้อะไรๆ มาบ้าง…”

    ถ้างั้นทับทิมอยากรู้อะไรล่ะจ๊ะ ลองถามมาสิ ?

    ฉันอยากรู้เรื่องราวของแม่จันทน์ผาน่ะค่ะ คุณกรองขวัญพอจะรู้ประวัติหรือเรื่องของเธอบ้างหรือเปล่า ?ครั้นเมื่อสิ้นเสียงใครรู้ของแม่ทับทิมในหนนี้ มันก็เป็นเราเสียเองที่ลมหายใจเริ่มรวนจนติดขัด ไม่รู้ด้วยสาเหตุอันใด แม่ทับทิมถึงอยากตามหาเรื่องราวของตนเองในภพอดีตเช่นนี้ แต่ช่วงเพลาเดียวกันนั้น ความสงสัยของแม่ทับทิมนั้น ก็คล้ายกับเป็นหนึ่งตัวแทนของความแคลงใจอกเราด้วยเช่นกัน

    ส่วนเรื่องที่เรายังรู้สึกแคลงใจนั้น ก็ไม่พ้นเรื่องที่แม่ทับทิมเคยเล่าไว้ ซึ่งดูไม่ตรงหลากหลายประการที่เราประสบพบเจอหรือเข้าใจนั่นอย่างไรเล่า

    จ้ะอย่างที่ทับทิมได้ข้อมูลมานั่นหล่ะ แม่จันทน์ผาเธอเป็นน้องสาวของนิมมานรดี สองคนนี้เคยเป็นสาวชาวบ้านธรรมดา แต่ถูกให้ขึ้นไปรับใช้บนสวรรค์เพราะท่วงท่าร่ายรำที่ดูโดดเด่นจนถูกอกถูกใจเหล่าเทวาบนสวรรค์…” สังเกตได้ว่าบนใบหน้าของแม่กรองขวัญยามเล่าความนั้นประดับด้วยรอยยิ้มเล็กๆ เช่นเดียวกับสายตาที่คอยจับจ้องดวงหน้าคู่สนทนาอยู่ทุกช่วงเพลาบอกกล่าว แต่ด้วยความที่นิมมานรดีเป็นพี่ เธอจึงถูกแต่งตั้งตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าของนางรำทั้งหมดบนสวรรค์

    แล้วเรื่องเก็บดอกบัวละคะ ?ทว่า ทันทีที่ถ้อยคำถามซึ่งเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย ดังลอกผ่านริมฝีปากของผู้ฟัง รอยยิ้มบนหน้าแม่กรองขวัญค่อยๆ จางลงจนเห็นได้ชัด

    แม้นจะเป็นเช่นนั้น แต่ก็ใช่ว่าแม่กรองขวัญจะไม่เอ่ยตอบถ้อยกลับแม่ทับทิมเสียที่ไหน

    เอเท่าที่เจ๊ศึกษามารู้สึกว่า แม่นิมมานรดีจะอาสาลงไปเก็บดอกบัวในสระแทนน้องสาวนะจ๊ะ และนั่นล่ะมั้งเลยทำให้เธอได้กลายเป็นคนรักของท่านอสุราซึ่งทุกถ้อยคำของแม่กรองขวัญนั้นกลับให้ความรู้สึกแตกต่างจากแม่ทับทิมโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเหตุและผล หรือภาพจำในความคิด ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่ฟังดูสอดคล้องเป็นเนื้อเดียวกัน

    ทว่า ถ้อยคำประโยคดังกล่าวก็ไม่วายถูกแม่ทับทิมส่งเสียงขัดขึ้นอย่างหนักแน่นอยู่ดี

    แต่ว่า ที่ฉันฝันน่ะค่ะ ผู้ที่ลงไปเก็บดอกบัวจนได้พบเข้าท่านอสุรา มันก็คือแม่จันทน์ผาเองไม่ใช่หรือคะ ? ดวงหน้าสวยแสดงอาการขัดใจเล็กน้อยหลังถูกแย้ง แม้นว่ากริยาบนหน้าเช่นนั้นจะเกิดขึ้นเพียงประเดี๋ยวเดียว แต่เราก็ยังทันสังเกตเห็น

    ฝันหรือจ๊ะ ?เช่นเดียวกับน้ำเสียงอ่อนหวานของแม่กรอบขวัญซึ่งฟังดูแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย

    ค่ะ มันอาจจะฟังดูเหมือนฉันบ้านะคะ แต่ว่าช่วงนี้ฉันฝันเห็นภาพแปลกๆ…” นี่คงเป็นอีกครั้งที่ความแคลงใจประเดประดังเข้าใส่จนเกิดเป็นคำถามให้ขบคิด ว่าเหตุใดแม่ทับทิมจริงยืนกรานภาพนิมิตตนเองหนักแน่นเช่นนั้น เมื่อวานฉันลองไปหาข้อมูลและได้ลองถอดภาษาโบราณจากบันทึกพงศาวดารท้าวอสุเรนทร์มา เนื้อความภายในก็ได้บันทึกไว้เหมือนกันนะคะ ว่ามีช่วงหนึ่งที่ท่านอสุราลงไปเก็บดอกบัวในสระกับแม่จันทน์ผา แล้วก็…”

    แล้วก็อะไรจ๊ะ ?

    คะ คนทั้งคู่เหมือนจะตกหลุมรักกันน่ะค่ะสิ้นเสียงบอกกล่าวอย่างไม่เต็มคำของแม่ทับทิม ผู้ที่เกิดอาการร้อนวูบในอกกลับกลายเป็นตัวเราเสียเอง

    หากเรามอบบัวดอกนี้ให้เจ้า แม่นิมมานรดีจักชื่นชอบบัวดอกนี้มากขึ้นบ้างหรือไม่ ?’ เมื่อภาพสีหน้าและแววตาขณะใช้เล่าเรื่องในอดีตของแม่ทับทิมนั้น ได้ถูกแสดงผ่านดวงหน้า ไม่ผิดเพี้ยนไปจากใบหน้าสะสวยของนางอัปสรบนเรือพายที่เราเข้าใจว่าเป็นแม่นิมมานรดีอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

    หะ หามิได้เจ้าค่ะ ท่านอสุรา…’ มือข้างถนัดเผลอเลื่อนขึ้นกุมขมับอย่างไม่อาจควบคุม เมื่อภาพย้อนในวันวานค่อยประเดประดังเข้าสู่กมลความคิดเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ ไม่ว่าจะเป็นภาพของเราซึ่งเลื่อนมือขึ้นประคองใบหน้าสวยของนางอัปสรบนเรือพาย ขณะเอ่ยถ้อยคำร้องขอ

    บัวในสระแห่งนี้ งดงามไม่ต่างจากผู้เด็ดดอมดมจักเป็นไปได้หรือไม่ หากเราจักขอติดตามแม่นิมมานรดี ลงมายลความงามดอกบัวที่สระแห่งนี้อีกสักครา

    จะ เจ้าค่ะ หากท่านประสงค์เช่นนั้น หม่อมฉันคงมิอาจขัดอะ หรือแม้แต่ ริมฝีปากที่กำลังบรรจงจุมพิตลงกลางหน้าผากหลังสิ้นเสียงตอบรับแทนการบอกความรู้สึกที่มี

    ไม่มีทางหรอกจ๊ะ เพราะเท่าที่เจ๊รู้มามีแต่เพียงแม่จันทน์ผาเท่านั้นนั่นหล่ะ ที่ตกหลุมรักท่านอสุราข้างเดียวแบบไม่เกรงใจพี่สาวของตัวเองนี่เป็นหนที่เท่าไหร่แล้วไม่อาจรู้ได้ ที่เราเผลอสะดุ้งจากห้วงอดีตกลับคืนสู่ช่วงเพลาปัจจุบันด้วยเสียงพูดคุยหนักแน่นแบบไม่มีใครยอมใครของสองนารีเบื้องหน้า ถ้าหากท่านอสุราตกหลุมรักแม่จันทน์ผาจริงๆ อย่างน้อยมันก็ควรจะมีบันทึกแจกจ่ายหรือถูกใส่ไว้ในแบบการเรียนการสอนบ้างสิจริงไหมจ๊ะ ?

    “…”

    เจ๊ว่าบางที...สิ่งที่ทับทิมถอดความมาน่ะ อาจจะผิดไปจากความเป็นจริงทั้งหมดก็ได้นะจ๊ะ


    Talk1 พบยักษ์เจ็บหนึงอัตรา อิอิ
    Talk2 มีนางสวรรค์ตนหนึ่ง กลิ่นไม่ดีตั้งแต่ชาติก่อนเลยเนอะ 5555
    Talk3 อย่างกับหนังคนละม้วนเลยเนาะ

    ___________________________________________________________ 

    ไม่เม้นก็ได้แต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา จุ้บ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา

    ปล. หากเจอคำผิดหรือตรงไหนอ่านแล้วแปลกๆ เม้นบอกกันได้เน้อ T__T


    คุณเชื่อเรื่อง 'ยักษ์' หรือไม่?
    อยากรู้จักยักษ์ตนไหนมากขึ้น จิ้มที่รูปด้านบนเลยจ้า


    ติดตามเรื่องนี้จิ้มที่หน้าท่านอสุราโลด

    รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน
    หรือกดหัวใจให้เราก็ได้น้าา 
    v
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×