คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : HALF01 ; เจ้าลูกกระต่าย (100%)
-KHARTIN TALK-
3 เดือนต่อมา...
รอบตัวฉันมันเอื่อย สงบ
ไหลเฉื่อยเหมือนกับสายน้ำแต่แล้วสายน้ำเฉื่อยๆ ก็ถูกทำลาย
นับตั้งแต่วันที่แม่โทรมาหาแล้วเอ่ยปากว่าเจ้านายต้องการช่วยอุปการะเลี้ยงดู
ให้รีบเดินทางขึ้นกรุงเทพฯ โดยด่วน การที่เป็นเช่นนั้นพลอยให้ทุกอย่างในชีวิตมันพลิกผันไปหมด
ไม่ว่าจะการอยู่ การกิน
หรือการศึกษาดีๆ ที่เด็กบ้านนอกจนๆ คนหนึ่งควรได้รับ ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี
มันดีมากเลยล่ะ
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ฉันชีวิตฉันหมดความสงบสุขมันคือเรื่องอื่นมากกว่า
“ถิน...”
“...” ที่พูดถึงคือคุณพี่ ‘กั้ง’ ค่ะ เขาคือคุณหนู ลูกชายเจ้าของบ้าน
คุณพี่กั้งเป็นผู้ชายแปลกๆ
เวลาอยู่ใกล้แล้ว ฉันมักจะรู้สึกงงทุกครั้ง
จะพูดยังไงดีล่ะ
เรียกว่าฉันตามเขาไม่ค่อยทันเท่าไหร่ เพราะคุณพี่กั้งน่ะไวเหมือนกระต่าย ส่วนฉันก็คงเชื่องช้าเหมือนเต่าล่ะมั้ง
เลยตามเขาไม่ค่อยทันได้เท่าที่ควร
บ้านที่ฉันพักอาศัยอยู่หรือบ้านของคุณพี่กั้ง
ถูกขนาดนามว่าเป็นพระราชวังโพรงกระต่าย
ถูกสร้างใหญ่โตอย่างกับพระราชวังสไตล์ญี่ปุ่น
ส่วนเหตุผลที่คนต่างขนานนามไว้แบบนั้นก็คงเพราะฉายา ‘ลูกกระต่าย’ ของลูกชายเจ้าของบ้านนั่นไงคะ
คุณพี่กั้งแกเป็นคนที่มีหน้าตาน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงแต่ในทางกลับกันก็หล่ออย่างสมบูรณ์แบบ
แถมสุภาพ อ่อนโยน ขี้อาย อ่อนหวานและนุ่มนวล กลายเป็นที่คลั่งไคล้ของสาวๆ
ทั้งมหาวิทยาลัย
ผู้หญิงพวกนั้นต้องการเขาค่ะ...
จากที่ฟังมาพวกเธอต้องการแย่งชิงกันเป็นเจ้าของความบริสุทธิ์ของคุณพี่กั้งเขากันค่ะ
แต่ดูเหมือนความขี้อายที่คุณพี่กั้งเป็น
เลยยังทำให้ยังไม่มีใครสามารถคว้าไปครองได้เป็นผลสำเร็จ
ซึ่งกลุ่มผู้หญิงที่คลั่งไคล้คุณพี่กั้งก็เป็นอีกหนึ่งเหตุที่ทำให้ชีวิตฉันไม่สงบสุขด้วยเช่น
นับตั้งแต่วันแรกที่มีโอกาสนั่งรถคันหรูมาเรียนพร้อมกับคุณพี่กั้ง
จนสาวๆ ค่อนมหาวิทยาลัยร่วงรู้ว่าฉันพักอาศัยอยู่บ้านเดียวกับเขา จดหมายบอกรัก
ของขวัญ ของฝาก ขนม นม เนย ก็ถูกยัดเยียดฝากไปให้เหมือนกับเห็นฉันเป็นตู้ไปรษณีย์
แต่ไม่เป็นไรค่ะ
อย่างไรซะหน้าที่ของฉันก็คือการดูแลคุณพี่กั้งและการเป็นอยู่ทางบ้านเขาอยู่แล้ว
และใช่ ฉันเป็นลูกคนใช้ค่ะ
หน้าที่ส่วนใหญ่เวลาอยู่ที่พระราชวังโพรงกระต่ายก็เลยมีแค่พวกการทำความสะอาด เช็ด
กวาด ถู รวมถึงการซักผ้ารีดผ้า ดังนั้นแค่การรับฝากของจากแฟนคลับของคุณพี่กั้งในแต่ละวันมันก็เลยดูไม่ยากลำบากเท่าไหร่
“กระถิน !!”
เสียงเล็กแหลมของหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันหวีดดังขึ้นขัดความคิดในหัว
จำต้องหยุดการอธิบายลงก่อนเท่านี้ เพื่อหันไปมองเธอด้วยความสงสัย
และพบว่าเธอไม่ใช่ใคร แต่เป็น ‘กาละแมร์’ เพื่อนเพียงคนเดียวที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับฉันได้ต่างจากคนอื่นๆ
ในรั้วมหาวิทยาลัย
เราเข้าเรียนที่นี่พร้อมกันค่ะ
แต่มีไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกันนักหรอก กาละแมร์เป็นพวกลัทธิคลั่งอปป้าเกาหลี
มีการเคลื่อนไหวว่องไวระดับ 10 ฉันจึงจัดเพื่อนสาวคนนี้ให้อยู่ในระดับของแมวป่าค่ะ
และเธอยิ่งกลายเป็นนางพญาแมวป่า ผู้มีความว่องไหวเพิ่มขึ้นถึงระดับ 80 ทันที
หากตรงหน้ามีภาพของอปป้าที่เธอคลั่งไคล้วางกองรวมกันอยู่
ส่วนฉันมีระดับความว่องไวติดลบ 10
เลยจัดตัวเองให้อยู่ในระดับสัตว์จำพวกเต่า
“อะไรเหรอ ?” เพราะมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย กว่าจะได้ถามกาละแมร์กลับ
ก็เล่นกินเวลาไปเกือบนาที
แต่พอถามย้อนกลับไป คนถูกถามดันไม่ยอมตอบ
แต่เลือกที่จะพยักพเยิดหน้าไปยังที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเราทั้งคู่
พานให้ต้องเอียงหน้ามองตามด้วยความสงสัย
ซึ่งสิ่งที่รอคอยอยู่ตรงหน้าคือใบหน้าคมคายเคล้าความน่ารักน่าหลงใหลแบบที่ผู้หญิงทั่วทั้งมหาวิทยาลัยหลงใหล
คลั่งไคล้ กำลังยิ้มตาปิดแทนคำทักทาย
และใช่ค่ะ
เขาคือคุณพี่กั้งที่ฉันเพิ่งอธิบายไปเมื่อกี้ยังไงละคะ
เอ๊ะ...คุณพี่กั้งเหรอ?
“อ๊ะ ! คุณพี่กั้ง !” ลืมไปเสียสนิทเลยค่ะว่าต้องตกใจ...
“อะไรกัน พี่มานั่งตั้งนานแล้วนะ
ทำไมไม่รู้จักสนใจกันบ้าง” คุณพี่กั้งขมวดคิ้ว ยู่ปาก
พองแก้มต่อว่า ส่วนฉันที่ชั้นวรรณะต่างกว่าก็ได้แค่ก้มหัวพูดคำขอโทษ
“ขอโทษค่ะ...” อันที่จริงแล้วฉันควรจะเรียกเขาว่าคุณหนูเหมือนอย่างที่คนทำงานในพระราชวังเรียกกัน
แต่ดูเหมือนคุณพี่กั้งจะให้สิทธิ์พิเศษแก่ฉันโดยอนุญาตให้เรียกเขาด้วยชื่อเล่น
เพราะระดับชนชั้นและสถานะของเราต่างกัน
ฉันจึงไม่กล้าที่จะเรียกชื่อเขาว่า พี่กั้ง ตรงเหมือนอย่างคนอื่นๆ
จำต้องเติมต่อสรรพนามเพิ่มเติมว่า คุณ ไว้ข้างหน้าเพื่อไม่ให้ดูเสียมารยาทหรือลามปามเจ้านายมากจนเกินไป
“ขอโทษทำไมละคะ พี่ไม่ได้โกรธถินสักหน่อย” รอยยิ้มใสซื่อแบบเด็กถูกยิงส่งมาให้ คุณพี่กั้งเป็นแบบนี้เสมอเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น
เขาปฏิบัติกับฉันดีเหมือนเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์ ทั้งที่จริงแล้ว...
“เดี๋ยวฉันมานะกระถิน
ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บ” ฉันละสายตาจากใบหน้าคมคายน่ารักสดใสของคุณพี่กั้งไปยังเจ้าของคำขออนุญาต
ก่อนพยักหน้ารับคำกาละแมร์นิดๆ และมองจนกระทั่งเพื่อนสาวเพียงคนเดียวเดินออกไป
จังหวะเดียวกันนั้นเองความลับที่ไม่มีใครเคยล่วงรู้ก็ถูกเปิดเผยออกมาด้วยเช่นกันหลังจากกาละแมร์เดินหายไปจากตรงนั้น
“ถินจ๋า~”
คำพูดนอบน้อมแสนสุภาพของผู้ชายหน้าตรงหน้าเริ่มเปลี่ยนไป
ฟังดูเจ้าเล่ห์ขึ้น นอกจากน้ำเสียงแล้ว...สายตา รอยยิ้ม ทุกๆอย่างที่คุณพี่กั้งแสดงออกผ่านทางสีหน้าก็ดูจะเปลี่ยนไปหมด
“วันนี้ถินใส่กางเกงในสีอะไรคะ ?” อีกมุมหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นและฉันไม่เคยตามคุณพี่กั้งในมุมนี้ได้ทันเลยสักครั้ง คือความวิตถารและโรคจิตที่เขามีค่ะ
คุณพี่กั้งไม่ค่อยเปิดเผยธาตุแท้ของตัวเองให้คนทั้งโลกรู้สักเท่าไหร่ ปกติแล้วฉันมักจะเห็นเขาแสดงทีท่าเช่นนั้นเวลาอยู่ที่บ้านหรืออยู่กับฉันแค่สองต่อสองเท่านั้น
ถ้านับจากระยะเวลาก็ผ่านมาเกือบ 3 เดือนได้แล้วมั้งที่เป็นแบบนี้...
เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่วันแรกที่ฉันเข้าไปพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังโต
แล้วบังเอิญได้เห็นคุณพี่กั้งกับแสดงบทสวาทร่วมรักกันนักแสดงสาวสวยในหนังผู้ใหญ่ผ่านจอแก้ว ซึ่งนี่แหละค่ะ
คือเหตุผลที่ทำให้ลูกชายเจ้าของพระราชวังโพรงกระต่ายมักโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นบ่อยๆ
บางทีคุณพี่กั้งอาจจะกลัวฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นจนเสื่อมเสียชื่อเสียง
เลยคอยตามเฝ้าจับตาดูตลอดเวลา แต่เชื่อเถอะค่ะ
ฉันเป็นคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์มากพอจะไม่ขายเรื่องที่เห็นหรือรู้เพื่อทำลายชื่อเสียงของผู้มีพระคุณอยู่แล้ว
อย่างไรเสีย...สิ่งที่คุณพี่กั้งแอบลักลอบทำอยู่มันก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับฉันอยู่แล้ว
“ถิน...ได้ยินที่พี่ถามไหม ?” ความคิดเพลินๆ ในหัวถูกหยุดลงด้วยเสียงเร่งเร้าถามดั่งคนรีบร้อน
จำต้องพักความทรงจำแรกในหัวลง หันกลับไปมองหน้าคนถูกถามด้วยความสงสัย
เพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ
ก็เลยไม่ทันฟังคำถามของคุณพี่กั้ง อาจดูเสียมารยาทไปนิด
แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังตอบ
“ถินไม่รู้นี่คะ ว่าคุณพี่กั้งมาตั้งแต่เมื่อไหร่...”
“ไม่ใช่คำถามนั้น อีกคำถามสิ” เขาขัดแล้วเอ่ยคำถามที่ฉันไม่ทันฟังออกมาอีกหน “พี่ถามว่า วันนี้ถินใส่กางเกงในสีอะไรต่างหากล่ะ...”
ฉันนิ่งไปเล็กน้อย
จ้องสบประสานตากับเจ้าของคำถาม โดยปล่อยให้สมองประมวลคำถามจากปากลูกชายของผู้มีพระคุณนิ่งๆ
จากนั้นก็ยอมตอบในที่สุดเมื่อสิ้นสุดกระบวนการทางความคิด
“สีขาวค่ะ” เจ้าของคำถามกระตุกยิ้มชอบใจ
ด้วยเพราะบริเวณที่เรานั่งกันอยู่นั้นไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา
เลยทำให้คุณพี่กั้งแสดงตัวตนของตัวเองออกมาชัดเจนขึ้น
“ใส่สีขาวอีกแล้วอ่ะ แต่ไม่เป็นไรพี่ชอบ...” คนตัวสูงเท้าศอกลงกับโต๊ะม้าหินยิ้มๆ
มองฉันด้วยแววตาที่ต่างไปจากที่เคยและเต็มไปด้วยความใคร่อยากรู้ก่อนตามมาด้วยคำถามใหม่ “แล้วที่บอกว่าใส่สีขาวเนี่ย...”
“...”
“มีลายลูกไม้เซ็กซี่ขยี้ใจเหมือนครั้งแรกที่พี่เห็นป่ะ ?”
“ไม่มีค่ะ” ฉันส่ายหน้า
และนี่ก็คือเหตุผลข้อสอง
ที่ทำให้เขาตามติดและคอยถามสารทุกข์สุขดิบของสีแพนตี้ฉันแบบนี้แทบทุกวัน
นั่นก็เพราะ วันแรกที่เรารู้จักกัน
ลายลูกไม้ของแพนตี้ที่ฉันใส่มันดันตราตรึงใจเขาที่บังเอิญเห็น
“อ๋อ งั้นเหรอ ? ไม่เป็นไร...” คุณพี่กั้งพึมพำท่าทางผิดหวัง
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบเดิมเหมือนดังความปรารถนาที่เขามีต่อฉันอยูดี “พี่ว่าถินใส่กางเกงในตัวไหน สะโพกก็ดูน่าซดอยู่ดี”
ส่วนเหตุผลที่สามซึ่งเป็นข้อสุดท้ายก็คือ
คุณพี่กั้งอยากซดสะโพกฉันค่ะ...
“สรุปแล้ว ถ้าพี่จะขอลองซดสะโพกสักที
ถินจะยอมพี่หรือเปล่า ?” จังหวะที่คุณพี่กั้งเริ่มจะลามเข้าเรื่องสะโพก
นาทีนั้นกลับมีเสียงเล็กแหลมของผู้หญิงคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมาก่อนที่ฉันจะทันได้ตอบอะไร
“เอ๊ะนั่น น้องกั้งหรือเปล่า !?” เสียงดังกล่าวทำเอาหมาป่าซึ่งขโมยชุดกระต่ายตัวน้อยมาสวม
รีบปรับเปลี่ยนสีหน้าหันหลังมองไปยังต้นเสียงทันทีโดยไม่ลืมส่งเสียงตอบรับกลับไปอย่างสดใสและน่ารัก
“ฮะ ! ผมเอง !”
“ตายแล้ว มาอยู่ตรงนี้เอง หาตัวตั้งนาน~” เพราะรู้สึกว่าพวกเขาน่าจะพูดคุยกันเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับฉัน
ความสนใจจึงถูกลดละไปทางอื่น อย่างเช่นโทรศัพท์มือถือที่มีติดตัว
ฉันไม่ค่อยทันเทคโนโลยีสมัยนี้เท่าไหร่
พูดตามตรงเลยว่า
สมาร์ทโฟนเครื่องใหม่เอี่ยมที่อยู่ในมือได้เป็นของสมนาคุณจากครอบครัวคุณพี่กั้งทั้งนั้น
ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ฉันจึงมีโอกาสได้จับต้องสมาร์ทโฟนแพงๆ
แบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต ฉันชอบแบบปุ่มกดมากกว่าค่ะ
เวลาเมื่อยก็เปิดระบบสั่นเอามาอังตรงจุดที่ปวด
โทรศัพท์รุ่นเก่าๆ สั่นแรงมากค่ะ
คลายอาการปวดได้ดีเลยล่ะ !
หลังจากจัดการปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ได้สำเร็จ
สิ่งที่รอคอยอยู่บนหน้าจอดูเหมือนจะเป็นข้อความของคนรู้จัก
ทาม :: ถินเลิกเรียนยัง วันนี้จะมาไหม ?
กระถิน :: ไปสิ กำลังรอเพื่อน
คนที่ว่าเขาชื่อ ‘ทาม’ ค่ะ
เราเคยเรียนอยู่ด้วยกันตอนมัธยมจนจบมัธยมปลาย เขาเข้ามาเรียนในเมืองหลวงเหมือนฉัน
แต่ว่าคนละกรณีกันค่ะ ทามมีเป้าหมายเป็นมหาวิทยาลัยในดวงใจ
ส่วนฉันไม่มีเป้าหมายแต่ถูกเชิญตัวมา โชคดีที่การมาครั้งนี้ยังพอมีเพื่อนเก่าๆ
สมัยเรียนให้ติดต่อกันบ้าง ฉันจึงโล่งใจ...
“แล้วว่าไงล่ะ
ที่พี่ชวนกั้งไปเที่ยวด้วยกันคืนนี้อ่ะ ไปด้วยกันไหม ?” ทั้งที่หาอะไรทำฆ่าเวลา หลีกเลี่ยงการเสียมารยาทแอบฟังคนอื่นคุยกัน
แต่ด้วยระยะที่ใกล้ มันก็เลยห้ามกันไม่ได้จริงๆ
“เที่ยวกลางคืนเหรอครับ คงไม่ได้หรอก...”
“อ้าว ทำไมล่ะ ?”
“ผมเด็กอนามัยน่ะฮะ... 4 ทุ่มก็เข้านอนแล้ว”
ตั้งแต่รู้จักคุณพี่กั้งมา
เขามักใช้ความสดใสน่ารักและดูบริสุทธิ์ของตัวเองเพื่อปฏิเสธคนอื่นแบบนี้เสมอ
ซึ่งคำพูด สีหน้า
ท่าทางของเขาก็ดูน่าเชื่อถือเหมือนอย่างภาพลักษณ์ที่ใครต่อใครเห็น
แม้ว่าทั้งหมดที่คุณพี่กั้งเป็นนั้น คือเรื่องหลอกลวงก็ตาม...
“หูยย เสียดายจัง
พี่กะว่าจะเมาแล้วปล้ำกระต่ายสักหน่อยเชียว ฮิๆ” ไม่ใช่แค่ถ้อยคำบ่งบอกถึงความเป็นคุณหนูอย่างเดียวที่น่าเชื่อถือ
แต่ยังรวมถึง...
“บะ บ้า ! พี่พูดอะไรอ่ะครับ ผมเขินนะ”
“เขินอะไรกัน เป็นหนุ่มแล้วนะ
เลิกเขินได้แล้ว แค่เรื่องใต้สะดือเอง~”
“กะ ก็ผมไม่เคยเรื่องพวกนี้นี่ !
ไม่เอาแล้ว ผมไม่คุยแล้ว น่าอายจะตายไป”
“คิกๆ เขินเหรอจ๊ะพ่อกระต่ายน้อย~”
ค่ะ...รวมถึงท่าทางไม่ประสีประสา
ขี้อาย และหน้าแดงทุกครั้งที่มีใครเริ่มพูดเข้าเรื่องทะลึ่ง
เขาเก่งนะคะ
ฉันประทับใจความสามารถเขาจัง...
“ถิน ไปกัน !” โชคดีที่ฟ้าไม่อยากให้ฉันทำตัวเสียมารยาทมากไปกว่านี้
เลยบันดาลให้เพื่อนสาวที่หายไปเข้าห้องน้ำกลับมาได้เวลาพอดี
ฉันเองที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วเพราะเพิ่งได้รับข้อความเร่งจากทาม
ก็ไม่รอช้ารีบลุกจากโต๊ะม้าหินทันที ทว่า ตอนที่กำลังจะหันหลังเดินออกไปหากาละแมร์
เสียงเข้มนอบน้อมแต่มีมารยาทก็เอ่ยเรียกรั้งตัวฉันไว้
“ถินเดี๋ยว !” กว่าจะหันกลับไปเพื่อถามไถ่ความต้องการ
เจ้าของเสียงเรียกก็พุ่งมือคว้าแขนฉันเอาไว้และเป็นฝ่ายเอ่ยถามออกมาเองเหมือนรู้ว่าฉันมีคำถามในหัว “คืนนี้ถินจะกลับบ้านดึกหรือเปล่าอ่ะ ?”
พอฉันหันไปมองหน้าเขาตรงๆ
คุณพี่กั้งก็ยอมปล่อยมือที่จับไว้ออก เอียงคอนิดๆ
ตามคาแรกเตอร์ของกระต่ายที่ใครต่อใครเข้าใจ
“คุณพี่กั้งถามทำไมคะ ?”
“พอดีพี่มีงานให้ถินช่วยนิดหน่อย
มันเป็นงานที่ต้องช่วยกันทำสองคนค่ะ...” เขาตอบกลับมาอย่างทันควัน
แถมยังไม่เปิดโอกาสใดให้ฉันได้ถามต่อ ใช้สิทธิ์ของลูกชายเจ้าของบ้านในการออกคำสั่งอย่างเต็มที่ “คืนนี้ ถินมาหาพี่ที่ห้องก่อน 4 ทุ่มด้วยนะคะ”
“...” คุณพี่กั้งเป็นคนที่ทำอะไรรวดเร็วและฉับไว
เขาอาศัยจังหวะในช่วงที่ฉันกำลังบันทึกคำสั่งลงสมอง
เอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงร้อนรน เบะปากเหมือนลูกกระต่ายจนตรอก
แลดูเป็นทุกข์เป็นร้อนใจอย่างมาก
ขัดกับคำพูดกำกวมประโยคสุดท้าย
“ถ้าถินไม่มาช่วย...คืนนี้พี่คงไม่เสร็จแน่ๆ
เลย”
“งานอะไรน่ะ ให้พี่ไปช่วยแทนไหมกั้ง คิกๆ” เสียงของนักศึกษาหญิงรุ่นพี่เอ่ยขึ้นก่อนที่ฉันจะทันได้รับปากอะไร
เสียงของเธอเรียกความสนใจและรอยยิ้มน่ารักๆ ของคุณพี่กั้งให้กลับไปมองได้อีกครั้ง
“พี่อ่ะ อย่าพาผมวกเข้าเรื่องทะลึ่งสิ
ผมทำตัวไม่ถูกแล้วเนี่ย” พอเห็นว่าพวกเขาเริ่มกลับไปต่อบทสนทนากันอีกครั้ง
ฉันซึ่งไม่เกี่ยวข้องถึงถอยห่างออกมาพร้อมกับกาละแมร์ที่รออยู่ก่อนแล้ว
กาละแมร์เดินออกจากตึกคณะเรียนมายังหน้ามหาวิทยาลัยเป็นเพื่อนฉัน
ก่อนจะแยกย้ายกลับไปด้วยรถแท็กซี่โดยสาร
ฉันไม่ได้ถามกาละแมร์หรอกค่ะว่าเธอรีบไปไหน เพราะพอนึกได้ว่าจะถาม
กาละแมร์ก็นั่งรถแท็กซี่ออกไปไกลถึงไหนต่อไหนเสียแล้ว
นิสัยเชื่องช้าเป็นเต่าคลานของฉันแบบนี้เป็นมาตั้งแต่เด็ก
แก้เท่าไหร่ก็แก้ไม่หาย มันไม่เกี่ยวกับว่าฉันเป็นพวกหัวช้า
ถึงได้ทำอะไรไม่ค่อยทันใจชาวบ้าน
ฉันเพียงแค่รู้สึกว่าบางอย่างที่คิดหรือกำลังสนใจอยู่ ณ
ขณะนั้นมันน่าสนใจมากกว่าสิ่งต่างๆ รอบตัว
กาละแมร์บอกว่าฉันเป็นพวกโลกส่วนตัวสูง
แต่ฉันไม่แคร์หรอกค่ะ เพราะฉันไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไรกับการพกพานิสัยแบบนี้ติดตัวไปไหนมาไหนอยู่ตลอดเวลา และเพราะไม่ค่อยได้สนใจ นิสัยเฉื่อยช้า
เลยทำให้ฉันไม่สามารถเข้าพรรคเข้าพวกกับมนุษย์ที่มีความว่องไวระดับ 1 ขึ้นไปได้เลยสักราย
ฉันก้าว แต่พวกเขาวิ่ง
คงมีเพียงแค่กาละแมร์เท่านั้นที่ทนฉันได้ไม่เหมือนคนอื่น เธอเป็นคนใจเย็นค่ะเลยอยู่ร่วมกันได้
พูดก็พูดเถอะกาละแมร์น่ะนิสัยเหมือนทาม
เพื่อนสมัยมัธยมที่ฉันกำลังจะไปเจอนี่แหละ...
สมัยที่เรียนอยู่ด้วยกันฉันกับทามเราอยู่ฝ่ายกิจกรรมด้วยกันทั้งคู่
ทามจะประจำอยู่ฝ่ายกับพวกชอบใช้แรงและคอยให้บริการ ส่วนฉันอยู่แผนกบัญชี ตรวจทาน
บางเวลาก็พลิกผันไปเป็นฝ่ายคอยให้บริการคนอื่นบ้าง
ด้วยความที่เราชอบให้บริการช่วยเหลือผู้อื่นเหมือนกัน
สิ่งที่เราทำร่วมกันนอกจากอยู่ฝ่ายกิจกรรมของโรงเรียนแล้ว นอกโรงเรียน เราสองคนยังเข้าร่วมเป็นอาสาของมูลนิธิกู้ภัยเหมือนกันอีกด้วย และแน่นอนว่าการมาอยู่เมืองหลวงแบบนี้ ใช่ว่าฉันจะทิ้งความชอบของตัวเองลงที่ไหน ฉันยังคงทำในสิ่งที่ตัวเองชอบอยู่เหมือนเก่า โดยได้ทามนี่แหละเป็นคนขออนุญาตทางมูลนิธิกู้ภัยให้ฉันเข้าร่วมเป็นหนึ่งในอาสาสมัคร
ถึงฉันจะเชื่องช้า
ทำอะไรอืดอาดยืดยาดไปหมด แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งฉันก็สามารถทำทุกอย่างได้ด้วยความว่องไว
เมื่ออยู่กับสิ่งที่ชอบหรือสิ่งเร่งเร้าอารมณ์ให้ใจเต้นได้ผิดไปจากที่เคย
เหมือนกับสัตว์จำพวกเต่านั่นแหละค่ะ
เวลาปกติพวกมันก็ชักช้า เดินต้วมเตี้ยม
แต่เมื่อไหร่ที่ได้ลงน้ำพวกมันจะว่ายน้ำด้วยความไว ฉันเองก็เหมือนกัน
แต่สิ่งที่ฉันชอบต่างจากพวกเต่านิดหน่อยค่ะ
ต้องบอกก่อนนะคะว่านี่เป็นความชอบส่วนบุคคล และฉันรักความชอบนี้มากจริงๆ
ฉันชอบเลือดค่ะ
ชอบเสียงกรีดร้อง
โอดครวญด้วยความเจ็บปวดปานจะขาดใจ
ชอบภาพกีฬามันๆหลังเกิดประสบอุบัติเหตุของผู้ประสบภัย
ชอบที่สุดคงเป็นเสียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายของผู้ได้รับบาดเจ็บตอนถูกนำตัวไปส่งโรงพยาบาลไม่ทัน
ฉันรักมันค่ะ...
To Be Continued...
________________________________
เจ้าลูกกระต่าย !
ไม่เม้นไม่ว่าแต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา
ติดแท็กในทวิต #กระต่ายกินเต่า
FEAT.
ความคิดเห็น