ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักอสุรา | {TITAN SET}

    ลำดับตอนที่ #18 : กลรักอสุรา l บทที่๑๖ ตอน ระลึกชาติ {อัพ100%}

    • อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 62


    * หากรำคาญเสียงเพลงก็ปิดได้เน้อ *



    บทที่๑๖
    ตอน ระลึกชาติ

    -ทับทิม กล่าว-

    เวลา 12.40 นาฬิก

    ร้านกาแฟ OCC

    เพราะนี่มันก็เกือบยี่สิบห้านาทีมาแล้ว ที่ฉันพาตัวเองมานั่งนิ่งอยู่ภายในร้านกาแฟแห่งนี้ นับตั้งแต่ตัดสินใจเดินหนีท่านอสุราออกจากหอสมุดตอนนั้น

    ฉันไม่อยากกลับบ้าน ไม่ใช่เพราะรู้สึกหวาดกลัวเรื่องเหนือธรรมชาติเหมือนเมื่อครั้งก่อน แต่เพราะว่ากลัวกลับไปแล้วจะต้องเจอหน้าเขา หลังจากเกิดการโต้เถียงและเรื่องน่าอายแบบนั้นระหว่างเราในหอสมุดมากกว่า เพราะรู้สึกแบบนี้ ฉันจึงเลือกพาตัวเองมายังร้านกาแฟแห่งนี้ พร้อมกันนั้นก็ไม่ลืมที่จะโทรหาเพื่อนสาวคนสนิทซึ่งมีที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ อย่างไวเกลให้ออกมาเจอกัน

    ครั้นจะโทรหาเมรี ข่าวก็เพิ่งบอกว่าเธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาล แถมสนาภาพของคนดังมันก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่ที่จะนัดเจอเธอในสถานที่แบบนี้ เพราะงั้นนี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมไวเกลจึงได้นั่งร่วมโต๊ะกับฉันเวลานี้ยังไงล่ะ

    สรุปแล้ว ที่โทรเรียกฉันออกมาจากบริษัทเนี่ย มันเรื่องอะไรกันล่ะ ? เสียงหวานหากแต่ฟังดูห้าวหาญเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นผู้นัดพบของตนเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา พลอยให้ผู้ถูกถามสะดุ้งจากวังวนความคิด เหลือบมองหน้าเจ้าของเสียงกลับไป แต่ว่ายังไม่ทันได้ตอบ ไวเกลก็ถามแทรกขึ้นอีกครั้ง เรื่องของเมรีหรือเปล่า ?

    เปล่า…” ฉันส่ายหน้า ฉันแค่รู้สึกไม่อยากกลับบ้านตอนนี้น่ะ

    เหตุผลของแกมีแค่นี้เนี่ยนะ !?” ไวเกลย้อนเสียงดุ ก่อนเริ่มต่อว่า ฉันไม่น่าทิ้งงานออกมาเพื่อเรื่องแค่นี้เลย ให้ตายสิ!”

    แกก็อย่าเพิ่งบ่นได้ไหมล่ะ อันที่จริงฉันก็มีเรื่องอยากจะคุยด้วยนั่นแหละ แค่ยังไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก็เท่านั้นเอง…” พอแย้งกลับไปแบบนั้น ไวเกลที่ทำท่าทางดุๆในตอนแรกจึงยอมสงบนิ่งลง เธอไม่พูดอะไรต่อแต่เลือกยกแก้วกาแฟตรงหน้าขึ้นจิบ คล้ายกับจะรอให้คู่สนทนาของตัวเองพร้อม

    แต่เมื่อเห็นว่าฉันยังคงแสดงอาการลังเล อ้ำอึ้งไม่พูดออกมาสักที สุดท้ายไวเกลจึงออกปากถามราวกับจะเร่ง

    แล้วเธออยากคุยเรื่องอะไรมากที่สุดล่ะตอนนี้ ?

    เพราะในหัวเวลานี้มีหลากหลายเรื่องกำลังทับถมกันไปมาจนไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อน สิ่งที่ฉันทำได้หลังจากนั้นจึงเป็นการพ่นลมหายใจทิ้งอย่างคนเหนื่อยหน่าย พลางฟุบหน้าลงแนบตะแคงลงกับโต๊ะเพื่อเลี่ยงสายตาไปทางอื่น ก่อนตัดสินใจเอ่ยถามสิ่งที่อยู่ในหัวออกไปแบบไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นัก

    ไวเกล แกเชื่อเรื่องการระลึกชาติป่ะวะ…”

    แกถามทำไมอ่ะ ?ฉันได้ยินเสียงตอบของไวเกล แต่ไม่ได้เห็นหน้าเธอตอนถามหรอก เพราะสายตาเวลานี้กำลังปรายมองผ่านกระจกใสออกไปด้านนอกร้าน

    ฉันก็แค่สงสัยน่ะ ว่าถ้าหากใครสักคนเกิดมาแล้วสามารถจำภาพอดีตในชาติก่อนของตัวเองได้ คนเหล่านั้นควรจะใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปยังไง ?

    แล้วทำไมต้องสงสัยเรื่องนี้ล่ะ ?พอสิ่งที่บอกกล่าวไปถูกย้อนกลับมาแบบนี้ สายาที่เคยมองสิ่งต่างๆ นอกร้าน จึงมีอันต้องเคลื่อนกลับมายังไปใบหน้าของไวเกลอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

    ฉันรีบขยับใบหน้าฟุบกับโต๊ะขึ้น และเปลี่ยนกลับมานั่งในท่าหลังตรงอีกครั้ง และเมื่อมีโอกาสได้สังเกตสีหน้าและแววตาของไวเกลดีๆ ก็ต้องพบว่าใบหน้าสวยของเธอซึ่งมักจะแสดงสีหน้าจริงจังเป็นเดิมทุนอยู่แล้ว เวลานี้ยิ่งฉายชัดห้วงอารมณ์ดังกล่าวให้รู้สึกมากขึ้นกว่าทุกที

    จำเรื่องที่เมรีเล่าที่บ้านทรงไทยในกองถ่ายได้ไหม ?

    จำได้ มีอะไรหรือเปล่า ?ไม่ใช่แค่สีหน้าของไวเกลเท่านั้นที่ดูจริงจัง แต่น้ำเสียงของเธอก็ด้วย คล้ายกับว่าเธอกำลังสนอกสนใจกับประเด็นที่ฉันเป็นผู้เริ่มต้นอย่างไรก็อย่างนั้น

    ฉันคิดว่า ช่วงนี้ฉันเองก็กำลังเจอเรื่องแปลกๆ ไม่ต่างจากยัยนั่นเท่าไหร่

    ที่ว่าแปลกน่ะ แปลกยังไง ?ทั้งที่เลือกไวเกลมาเป็นที่ปรึกษาและพูดคุยเพื่อหวังให้ความอึดอัดในอกลงแท้ๆ แต่ยิ่งเราสองคุยคุยเรื่องพวกนี้ถลำลึกมากเท่าไหร่ สิ่งที่ได้รับกลับมาดันกลายเป็นความกดดันมันเสียอย่างนั้น

    ถึงจะรับรู้ถึงแรงกดดันระหว่างการพูดคุย แต่เมื่อเริ่มแล้ว ครั้นจะมาหยุดพูดกลางครั้นมันก็คงไม่ใช่

    ช่วงนี้ฉันฝันแปลกๆ ชอบฝันเห็นสถานที่และผู้คนแปลกหน้าที่เหมือนกับหลุดออกมาจากพงศาวดารตำนานท้าวอสุเรนทร์…” พอเริ่มเล่า ไวเกลไม่ได้พูดหรือแสดงความเห็นใดขัด แต่เลือกจะเท้าข้อศอกลงกับโต๊ะ เคลื่อนมือขึ้นประสานกันระดับริมฝีปาก ขณะใช้เพียงสายตาเท่านั้นในการมองขณะรับฟังอย่างตั้งใจ ทั้งที่เป็นแค่ความฝัน แต่ทุกอย่างกลับให้ความรู้สึกเหมือนเคยเกิดขึ้นจริงไปหมด จนบางครั้งบางคราวความรู้สึกที่เกิดขึ้นในฝัน มันคล้ายกับจะส่งผ่านมายังตัวฉันในโลกของความจริงไปด้วย

    “…”

    ตั้งแต่เริ่มฝัน ฉันก็เริ่มรู้สึกแปลกไป รู้สึกโกรธ รู้สึกไม่พอใจ รู้สึกเสียใจ เวลาถูกใครสักคนพูดถึงตัวฉันในความฝัน…” พอเล่ามาถึงตรงนี้ ลมหายใจหนักๆ ก็ถูกพ่นทิ้งอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ ยิ่งด้วยในหัวเผลอนึกถึงเสียงโต้เถียงระหว่างฉันกับท่านอสุราภายในหอสมุดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนขึ้นมา

    และการที่การเล่าเรื่องขาดช่วงไปแบบนั้น นั่นจึงทำให้ไวเกลซึ่งกำลังตั้งอกตั้งใจฟัง ถามแทรกขึ้นอย่างสงสัย

    หมายความว่ายังไง ที่ว่าใครสักคนพูดถึงตัวเธอในความฝันน่ะ ?

    ก็…” เป็นอีกหนที่เสียงของฉันขาดช่วงลง เมื่อในหัวผุดภาพใบหน้าคมคายของยักษ์หนุ่มจากพงศาวดารขึ้นในความคิด แต่ด้วยเพราะเวลานี้กำลังถูกสายตาคาดคั้นคำตอบของไวเกลพูดอยู่ จึงทำให้มีเวลาคิดไม่มากนัก เพราะงั้นฉันจึงรีบตอบเธอกลับไปแบบส่งๆ ก็คนทั่วๆไปที่ฟังฉันเล่าความฝันนั่นไง

    คนทั่วๆ ไปงั้นเหรอ?แน่นอนว่าคนที่ฉลาดและเรียนได้เกรงดีอย่างเธอมาตลอด ซ้ำยังรู้นิสัยใจคอกันแบบหมดไส้หมดพุ่งอย่างไวเกลก็ไม่วายที่จะถามกลับอย่างทันควันเพื่อจับผิด แปลว่าไอ้คนทั่วๆ ไปที่ว่าเนี่ย มันต้องรู้ประตัวตัวเธอในความฝันด้วยงั้นสิ ถึงได้กล้าต่อว่าแบบนั้นจนเธอรู้สึกไม่พอใจ ?

    สุดท้ายฉันก็ต้องเป็นฝ่ายมาถึงทางตัน เมื่อถูกเพื่อนสาวถามเช่นนั้น สังเกตได้ว่าช่วงเวลาที่ฉันเงียบไปนั้น บนใบหน้าสวยของไวเกลเองก็เริ่มปรากฏรอยยิ้มเยาะอย่างคนรู้ทันให้ได้เห็นเช่นกัน แต่ก็เพียงเท่านั้น เมื่อเธอเลือกที่จะกล่าวขึ้นอีกครั้ง ด้วยเรื่องอื่น

    มันไม่แปลกหรอกนะ ที่ใครจะสามารถระลึกชาติได้ มันก็แค่อยู่ที่ตัวคนๆ นั้นนั่นหล่ะ ว่าจะเลือกรู้อดีตของตัวเองแบบปล่อยผ่านหรือจะตามหาตัวตนของตัวเองในอดีตให้เจอเพื่อพิสูจน์ความจริง

    พิสูจน์ความจริงงั้นเหรอ

    ละ แล้วถ้าหากว่าผลพิสูจน์มันออกมาว่าผู้หญิงที่ฉันเป็นในฝันนั้นเคยมีตัวตนอยู่จริงล่ะ ฉันควรทำยังไง ?

    แล้วทำไมเธอต้องทำอะไรล่ะ ในเมื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ มันเป็นเพียงแค่อดีต…” คำตอบอย่างตรงไปตรงมาของคู่สนทนาทำเอาทุกความรู้สึกที่มีขณะสนทนานิ่งลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่นั่นไม่ใช่กับเสียงในหัวซึ่งยังคอยแว่วดังให้กลางอกรู้สึกเจ็บ

    แล้วเหตุใดแม่ทับทิมถึงมั่นหมายพิสูจน์ใจพี่ที่มีต่อแม่จันทน์ผา ในเมื่อพี่นั้นไซร้หาได้เคยข้องเกี่ยวกับนางอัปสรรับใช้ในวังไม่! เสียงดังกล่าวคือถ้อยคำดุดันของท่านอสุรา สลับดังกับเสียงนุ่มนวลของเขาในความฝัน

    หากเรามอบบัวดอกนี้ให้เจ้า แม่นิมมานรดีจักชื่นชอบบัวดอกนี้มากขึ้นบ้างหรือไม่ ?’

    รวมไปถึงบทกลอนที่ต่างออกไปจากในหนังสือตำนานซึ่งพิมพ์ทุกเล่มหากแต่ซ้อนทับภาพเหตุการณ์ในฝันได้อย่างตรงรอยพอดิบพอดี

    วานสายธารร้องบอกต่อดวงใจ บุษยาพี่มอบให้ด้วยใจจริง

    จริงๆ แล้วพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้มนุษย์เราตามหาตัวตนในอดีตที่เคยเป็นหรอกนะ ในเมื่อมีการเวียนว่ายตายเกิดสลับวนอย่างไม่รู้จักจบสิ้นตลอดเวลา เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องรับเคราะห์กรรมที่เคยก่อไว้ในแต่ละภพชาติ การถูกทำให้ลืมอดีตชาติของตัวเองจึงการเป็นเรื่องเคียงคู่กับการเกิดของทุกชีวิต…” อีกหนที่เสียงบอกกล่าวของไวเกล ฉุดกระชากฉันให้หลุดออกจากวังวนความคิด แล้วหันเหความสนใจทั้งหมดกลับมายังเธออีกครั้ง

    ก่อนพบว่ามือเรียวสวยที่อีกฝ่ายเคยใช้ประสานกันไว้มุมปาก เวลานี้ได้ลดลงจับหูถ้วยกาแฟตรงหน้าขึ้นจิบอีกครั้ง ก่อนเริ่มบอกกล่าวสิ่งที่ขาดหาย

    ฉันบอกไม่ได้หรอกว่าทำไมมนุษย์บางคนถึงสามารถระลึกอดีตชาติของตัวเองได้ แต่ฉันเชื่อว่า หากทุกชีวิตบนโลกนี้เกิดขึ้นจากแรงกรรมที่เคยก่อกันไว้ในภพชาติก่อน บางทีการจดจำเรื่องราวในอดีตได้นั้นก็อาจเป็นเวรกรรมรูปแบบหนึ่งที่มีติดตัวมาตั้งแต่ตอนเกิด…”

    เวรกรรมที่มีติดตัวมาตั้งแต่ตอนเกิดงั้นเหรอ

    รู้ไหมว่าเพราะอะไร ?สิ้นเสียงถามของไวเกล ฉันก็รีบส่ายหน้าตอบรับทันที ซึ่งนั่นมาพร้อมกับเสียงกระทบของก้นถ้วยกาแฟและจานรอง ก่อนตามมาด้วยคำตอบ อาจเพราะคงเคยมีกรรมร่วมกันไว้ในภพชาติเก่า ชาตินี้เลยสามารถจดจำเรื่องราวของตัวเองได้ยังไงล่ะ

    มีกรรมร่วมกันงั้นเหรอ

    ไม่รู้ทำไม พอฟังไวเกลร่ายยาวมาถึงตรงนี้ ในหัวดันนึกถึงภาพเหตุการณ์ในฝันขึ้นมาเสียได้

    เจ้าเห็นหรือไม่ ว่าดอกบัวในพานทองนี้ กำลังช้ำ มันคือภาพเหตุการณระหว่างแม่จันทน์ผากับท่านอสุราที่บังเอิญเดินชนกันจนบัวในพาน ร่วงลงเกลื่อนกลาดพื้นกับคำพูดซึ่งฟังเสมือนกำลังต่อว่า แล้วเจ้าคิดหรือ ว่าท่านพี่อสุเรนทร์จะโปรดปราน ดอกบัวช้ำเหล่านี้? ท่าให้ดี เราเกรงว่าเจ้าควรจัดเตรียมดอกบัวพวกนี้มาใหม่เสีย

    อีกสิ่งที่จำได้ดีไม่ต่างจากเสียงต่อว่า คืออาการหวาดกลัวของแม่จันทน์ผาที่ส่งมายังความรู้สึกของฉันโดยตรง ขณะถูกต่อว่า

    ว่าแต่เจ้าเถิดนางอัปสร มีชื่อเสียงเรียงนามเช่นไรงั้นรึ ?

    โดยเฉพาะกับเสียงของแม่จันทน์ผาขณะเอ่ยตอบหลังถูกถามชื่อเสียงเรียงนาม

    หมะ หม่อมฉันมีนามว่า นิมมานรดีเจ้าค่ะ ท่านอสุรา

    นี่ไวเกล…” วินาทีที่เสียงแว่วจากความฝันเงียบลง ปากก็เริ่มขยับถามเพื่อนสาวตรงหน้าขึ้นอีกครั้ง ถ้าทุกอย่างเป็นอย่างที่เธอว่ามา สิ่งที่ฉันควรทำหลังจากนี้ไป คือการตามหากรรมเก่าของตัวกับใครคนนั้น เพื่อชดใช้ให้แก่กันใช่ไหม ?

    คนฟังแสดงสีหน้าแปลกใจนิดหน่อยเมื่อถูกถาม ก่อนเริ่มบดริมฝีปากตอบกลับ

    ไม่รู้สิ มันแค่บางคนล่ะมั้ง จากที่เคยได้ยินมา คนส่วนใหญ่มักจะสามารถระลึกได้กันตั้งแต่วัยเด็ก แต่เมื่อโตขึ้นความทรงจำพวกนั้นก็มันจะเลือนหายไปตามกาลเวลา เพราะงั้นมันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรอก

    แต่ด้วยเพราะหลังพูดจบ เธอคงเห็นฉันเอาแต่เงียบด้วยทีท่าคิดไม่ตกล่ะมั้ง ไวเกลถึงได้พูดขึ้นเป็นหนที่สอง

    แต่ถ้าเธอคิดว่า ภาพในอดีตของตัวเองคือเรื่องเลวร้ายที่ควรชดใช้หรือแก้ไข จะลองทำดูมันก็ไม่เสียหายนะว่าแต่ รู้เหรอว่าคนที่เธอไปมีกรรมร่วมด้วย จนติดมาถึงในชาตินี้คือใคร ?

    ฉันเม้มปากลงเล็กน้อยอย่างนึกลังเล แม้ลึกๆ จะรู้อยู่เต็มอก ว่าใครคนนั้นคือใคร แต่ไม่ใช่กับปากซึ่งยังเอาแต่ตอบคำถามเพื่อนสาวไปอย่างเลี่ยงๆ

    ฉันคิดว่าฉันรู้…”


    หลังจากได้พูดคุยบางสิ่งซึ่งชวนให้หนักหัวกับไวเกลภายในร้านกาแฟมาได้สักพักหนึ่ง จากที่ไม่เคยรู้เลยว่าควรทำอย่างไรต่อไป เวลานี้ฉันเหมือนเริ่มรู้หลักแล้วว่าสิ่งที่ควรต้องทำจริงๆ นั้นคืออะไร ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่คิดถูกอย่างสุดๆ ที่เอาเรื่องแบบนี้มาปรึกษากับคนที่มีความเชื่อและความชอบคล้ายๆ กัน

    และใช่! สิ่งแรกที่ฉันควรทำหลังจากแยกย้ายกับไวเกลที่ร้านกาแฟหลังจากพูดคุยกันจนจบเรื่อง คือการพาตัวเองกลับบ้านเพื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่น่าจะคอยท่าอยู่อย่างท่านอสุรายังไงล่ะ

    ส่วนเรื่องแรกที่ต้องพูดกับเขา เห็นทีคงเป็นเรื่องความเข้าใจผิดที่อีกฝ่ายมีให้นับตั้งแต่ปรากฏตัวบนโลกมนุษย์ ยิ่งด้วยหากภาพฝันทุกฉากที่นิมิตขึ้นในหัว ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากน้ำมือเขาอย่างที่เราโต้เถียงกันมาก่อนหน้านี้ด้วยแล้ว

    ฉันคิดว่าบางที ฉันอาจจะเป็นแม่จันทน์ผาอะไรนั่นก็ได้

    แต่ก่อนจะปักใจเชื่อทุกเรื่อง จนนำไปสู่การพูดคุย ฉันว่าฉันควรจะย้อนกลับไปที่หอสมุดอีกครั้ง เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมจากภาพเหตุการณ์ในฝันเสียก่อน

    เมื่อคิดได้แบบนั้น ฉันจึงรีบเร่งฝีเท้าพาตัวเองไปยังป้ายรถโดยสารประจำทางใกล้ๆ ในทันที ทั้งนี้ก็เพื่อลดค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทาง อีกอย่างเวลานี้ฉันก็อยู่เพียงลำพังด้วย ความสะดวกสบายอย่างผู้มีเงินจึงไม่จำเป็นเท่าไหร่นัก ทว่า ขณะกำลังเร่งจ้ำตรงไปยังสถานที่เป้าหมายอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน

    Rrrrrr

    ด้วยเพราะคิดว่าเป็นไวเกลซึ่งอาจจะโทรมาถามหลังจากแยกกันเช่นทุกครั้ง ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดรับสายแบบไม่ดูเบอร์ ก่อนต้องตกใจเมื่อเสียงเข้มที่ลอดผ่านหูนั้นดันเป็นเสียงของคนอื่น

    [มาเดินทำอะไรแถวตึกที่จัดรายการวิทยุอ่ะ ?] แม้จะแนบโทรศัพท์ไว้ข้างหูโดยไม่ได้ดูชื่อของผู้โทรเข้า ถึงอย่างนั้นฉันก็รู้ได้ว่าปลายสายคือใคร

    โทรมามีอะไร ?

    [ก็ตกใจไงที่เห็นเธอมาเดินอยู่แถวๆ นี้ แล้วนี่จะเดินไปอ่ะ เดี๋ยวไปส่งเอาป่ะ…]

    ไม่ต้องยุ่งได้ปะ ฉันไปเองได้ฉันว่า โดยหวังจะรีบตัดบทให้จบลงเพื่อกดวางสาย ทว่า

    [อย่าตัดน้ำใจกันแบบนี้ดิ คนอุตส่าห์ขับรถตามมา…] สิ่งที่เขตแดนบอกกล่าวผ่านสายกลับทำให้เท้าที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้ามีอันต้องหยุดลง เช่นเดียวกับร่างกายที่เผลอเหลียวมองไปข้างหลังตามสิ่งที่ได้ฟัง จนได้พบเข้ากับรถสปอร์ตสีดำคันหรูแสนคุ้นตากับผู้เป็นเจ้าของรถ ซึ่งกำลังยืนเกาะประตูในท่าคุยโทรศัพท์

    [อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง ไม่คิดจะให้ฉันไปส่งจริงๆ เหรอ ? ไม่เปลืองค่ารถด้วยน้าา] อีกหนที่เขตแดนถามขึ้นผ่าน ขณะที่เรายังคงยืนนิ่งมองกันและกันในระยะห่างที่ไม่ไกลหรือไกลจนเกินไป [รอตรงนั้นนะ เดี๋ยวฉันขับรถเข้าไปหา]

    สิ้นเสียงกำชับ เขตแดนก็รีบพาตัวเองกลับเข้าไปในรถ เช่นเดียวกับสายโทรศัพท์ที่ตัดไป เพียงไม่ถึงนาทีที่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น รถคันหรูซึ่งเคยจอดห่างออกไปก็เคลื่อนมาจอดเทียบริมฟุธบาตในจุดที่ฉันยืนได้อย่างพอดิบพอดี ซึ่งนั่นตามมาด้วยกระจกรถที่เลื่อนลงโดยอัตโนมัติพร้อมเสียงเรียกเร่งจากเจ้าของ

    เร็ว ขึ้นมา จะไฟเขียวแล้ว!” เมื่อเหลียวมองไปยังสัญญาณไฟจราจรกลางสี่แยกซึ่งกำลังเปลี่ยนจากสีส้มเป็นสีเขียวตามอย่างที่เขตแดนว่า มันจึงทำให้ฉันไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากรีบพุ่งตัวเปิดประตูขึ้นไปนั่งในรถตามเสียงเร่ง

    อีกอย่าง ฉันคิดว่าการที่เขาขับรถตามมาขนาดนี้ หากปฏิเสธและยืนกรานว่าจะขึ้นรถโดยสารไปเองล่ะก็ เขาคงไม่ยอมและคงทำเรื่องบ้าๆ ไม่ต่างจากวันที่พาฉันไปกองถ่ายแน่ๆ !

    กึก

    ทันทีที่พาตัวเองขึ้นมานั่งในรถได้สำเร็จ สังเกตได้แทบทันทีว่า ผู้เป็นเจ้าของรถกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แม้อีกฝ่ายจะมองตรงไปข้างหน้าพลางประคองพวงมาลัยบังคับรถทั้งคันให้ขับเคลื่อนไปบนถนนทางตรงยาวเบื้องและไม่ได้มองฉันก็ตาม ซึ่งการได้มองเห็นรอยยิ้มบ้าๆ บนหน้าเขาแบบนี้ มันก็ทำให้รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา จนต้องเบี่ยงสายตามองออกไปนอกกระจก

    แต่การทำแบบนั้นก็ใช่จะคงความเงียบภายในรถไว้นานเสียเมื่อไหร่ เมื่อผู้ซึ่งทำหน้าที่ขับเอ่ยถาม

    เมื่อวานเธอกลับไปตั้งแต่ตอนไหนอ่ะ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย

    ก็ตอนนายล้มลงไปนั่นแหละ…” และใช่ คำตอบของฉันคือการแถแหลกของคนที่จำอะไรแทบไม่ได้

    ใจร้ายจังนะ ทั้งที่เห็นฉันเป็นขนาดนั้น แทนที่จะช่วยแต่ดันชิงหนีกลับไปกับลูกพี่ลูกน้องแบบนั้นน่ะ…” แต่พอเขาเริ่มพูดถึงท่านอสุราขึ้นมา คนที่ต้องเป็นฝ่ายเงียบกลับกลายเป็นฉันเสียเอง เป็นแค่ลูกพี่ลูกน้อง แต่ดันทำหวง เหมือนกับว่าเป็นแฟนเธออย่างนั้นแหละ น่าหมั่นไส้ชะมัด

    “…” พอฟังเขตแดนพูดแบบนี้แล้ว นี่ก็คงเป็นอีกครั้งที่กลางอกเริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ไม่รู้ว่าช่วงที่อาการดังกล่าวแสดงผล ฉันแสดงสีหน้าออกไปแบบไหน บทสนทนาซึ่งเคยพูดถึงเหตุการณ์ในห้างเมื่อวานจึงถูกอีกฝ่ายเบี่ยงไปเริ่มประเด็นอื่นแทน

    แล้วนี่ จะให้ฉันพาไปส่งที่ไหนอ่ะ

    หอสมุดแห่งชาติ อะ…” ทว่า คำตอบที่มีก็ไม่ได้ถูกพูดจนจบ เมื่อจู่ มืออุ่นที่เขตแดนเคยใช้จับพวงมาลัย ถูกเขาเคลื่อนลงมาทาบทับมือข้างหนึ่งของฉันบนตักแบบไม่ทันให้ตั้งตัว และเมื่อครั้นจะดึงมือหนี คนที่ไวกว่าซ้ำยังฉวยโอกาสอย่างเขาก็รีบกุมกระชับมือฉันเอาไว้แน่น

    เขตแดนทำแบบนั้นทั้งที่ตายังมองตรงไปข้างหน้าขณะใช้เพียงมือเดียวประคองรถทั้งคันไปบนถนน ซ้ำยังถามขึ้นแบบไม่รู้ไม่ชี้

    ไปทำอะไรที่หอสมุดอีกแล้ว ไปตั้งแต่สมัยเรียนแล้วนะ ไม่รู้เบื่อบ้างหรือไง ?

    ยุ่งน่า! ปล่อยมือฉันได้แล้วฉันว่า แต่อีกฝ่ายก็ใช่จะยอมทำตามเสียงปรามที่ไหน นอกจากไม่ฟังแล้วเขายังเป็นฝ่ายตั้งคำถาม

    รอบนี้จะไปหาข้อมูลอะไรที่หอสมุดล่ะ ตอบก่อนไม่งั้นไม่ปล่อย

    เกี่ยวกับพงศาวดารตำนานท้าวอสุเรนทร์

    นี่เธอยังอ่านตำนานอะไรนั่นอยู่อีกเหรอ ไม่เบื่อหรือไง ?เขาถาม แต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือที่บีบกุมมือฉันไว้ออกไปแต่อย่างใด แถมยังแสร้งดัดเสียงกล่าวขึ้น ก็ฉันชอบท่านอสุราในเรื่องนี้นี่ เลยหยุดอ่านไม่ได้เลยใช่ไหม เธอจะบอกฉันแบบนี้เหมือนเมื่อก่อนใช่ไหม

    ฉันเกลียดตัวเอง เวลาที่ต้องมานั่งรื้อฟื้นความหลังระหว่างเราในอดีต ฉันเกลียดความใส่ใจที่เขามีให้ตอนนี้ ซึ่งต่างจากภาพจำร้ายๆ เมื่อก่อนสิ้นดี ทั้งที่รู้สึกแบบนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคำพูดของเขายังคงสามารถสั่นคลอนความรู้สึกคนฟังได้เสียทุกครั้ง

    รอบนี้ฉันไม่ได้ไปหาข้อมูลของท่านอสุราหรอก…” ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งที่เงียบมาตลอด ในหนนี้ฉันจึงตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้น แต่จะไปหาข้อมูลตัวละครอื่นๆ ในเรื่องเล่าน่ะ

    เรื่องนี้มีตัวละครอื่นด้วยเหรอ จากที่ฟังเธอพูดมา นึกว่าจะมีแต่อสุราอะไรนั่นเสียอีก

    อื้มมี…” สิ้นเสียงตอบ รถที่เขตแดนขับมานั้นก็เริ่มหักเลี้ยวโค้ง เตรียมมุ่งสู่เส้นทางไปยังหอสมุด ทว่า ในจังหวะที่รถทั้งคันกำลังตีโค้งอยู่นั้น ซองเอกสารกับของบางอย่างซึ่งถูกเขาวางไว้หน้ารถก็ดันร่วงหล่นลงมาบนตัก ด้วยเหตุนั้นมือหนาซึ่งเคยถูกเขาใช้กุมไว้จึงถูกเคลื่อนออกไป และเปลี่ยนเป็นชี้นิ้วสั่งทั้งที่ตาเขายังคงมองทางเบื้องหน้า

    อะ ทับทิม เก็บซองนั่นให้ทีเพราะของที่หล่นมันแลกมากลับการถูกปล่อยเป็นอิสระ ฉันจึงไม่รอช้า รีบก้มเก็บซองเอกสารสีน้ำตาลส่งคืนเขาทันทีตามเสียงสั่ง ก่อนพบเข้ากับของอีกสิ่งที่ร่วงอยู่บริเวณที่วางเท้า

    ด้วยเพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นของสำคัญของเขตแดน ฉันจึงตัดสินใจก้มหยิบของที่ว่านั่นหวังส่งคืนเขาอีกครั้ง ทว่า เมื่อของชิ้นดังกล่าวถูกหยิบติดมือขึ้นมา ฉันก็ต้องพบว่ามันคือบัตรนักเรียน แถมยังเป็นบัตรนักเรียนตั้งแต่สมัยประถม

    เฮ้ย! มองอะไรอ่ะ อายนะเว้ย!” หูน่ะ ได้ยินเสียงทักท้วงของผู้เป็นเจ้าของ หากแต่ไม่ใช่กับสายตาซึ่งกำลังถูกบางสิ่งบนบัตรนักเรียนดึงดูดให้จ้องมอง และบางอย่างที่ว่าก็คือชื่อของเขา ที่ไม่ใช่เขตแดนอย่างที่เคยรับรู้ แต่ว่าเป็น

    วิรุฬ

    มะ เมื่อก่อนนายเคยชื่อวิรุฬเหรอ ?คำถามแรกถูกเอ่ยขึ้นแทบจะทันทีที่สะดุดตาเข้ากับชื่อคุ้นหู ซึ่งสิ่งที่ตอบกลับมาคือเสียงหัวเราะอย่างแก้เก้อ และคำตอบ

    เออ ทำไมอ่ะ ชื่อเก่าฉันมันตลกเหรอ ?

    เปล่าเลย ชื่อเขามันไม่ได้ตลก แต่เรียกว่าคุ้นหูมากกว่า

    มาเก็บดอกบัวอีกแล้วหรือจ๊ะนางอัปสร…’ 

    ใช่แล้ว วิรุฬ ชื่อของชายขาวบ้านซึ่งมีทีท่าสนิทสนมกับแม่จันทน์ผาในความฝันนั่นไง

    โธ่ ท่านวิรุฬล่ะก็ ทำฉันตกอกตกใจเสียหมด

    เฮ้ย! ถามแล้วเงียบทำไมวะทับทิม ตอบดิ!” อีกหนที่ฉันสะดุ้ง เมื่อเสียงของเขตแดนตะเบ็งแทรกเข้ามาในโสตประสาท จำต้องรีบวางบัตรนักเรียนของเขากลับคืนคอนโซลหน้ารถอย่างรีบร้อน

    “ปะ เปล่านี่!” พูดก็พูดเถอะ แต่ท่าทางฉันตอนนี้น่ะ คงมีแค่คนโง่เท่านั้นหล่ะที่ดูไม่ออกว่ามีพิรุธ ซึ่งบางที เขตแดนอาจจะเป็นหนึ่งในนั้นที่โง่ หรือไม่ก็คงตั้งใจมองถนนตรงหน้ามากเกินไป เลยไม่ทันสังเกต...

    ฉันโคตรไม่ชอบชื่อเก่าเลยรู้ไหม ไม่รู้ทำไมเหมือนกันรู้แค่ว่าไม่ชอบตั้งแต่เริ่มจำความได้แล้ว แถมตอนแม่พาไปดูดวง หมอดูชอบบอกว่าชาตินี้ทั้งชาติ ฉันจะไม่มีวันได้สมหวังในความรัก…” เขาถึงได้เล่าความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อชื่อเก่าให้ได้รับฟังแบบนี้ อีกอย่างสมัยที่ใช้ชื่อนี้น่ะ ฉันชอบนอนฝันเห็นเรื่องน่ากลัว

    เรื่องน่ากลัวเหรอ ?และคำบอกเล่าของเขา มันก็ทำให้อดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้

    เออดิถึงตอนนี้จะจำไม่ค่อยได้แล้วว่าฝันอะไรไว้บ้าง แต่ที่ยังรู้สึกอยู่เวลานึกถึงคือเลือดหรือบึงนี่แหละ เพราะฝันเวรๆ เนี่ยสมัยเด็กฉันก็เลยกลัวน้ำไปเลย

    บึงงั้นเหรอ 

    ในฝันของฉัน ภาพของชายชาวบ้านที่ชื่อวิรุฬอะไรนั่นปรากฏตัวก็อยู่ใกล้สระบัวเหมือนกันเลยนี่นา

    แล้วตอนนี้พอจะนึกออกบ้างหรือเปล่า ว่าบึ้งที่นายเคยฝันเห็นน่ะ มีอะไรบ้าง ?อีกหนที่ฉันลองเอ่ยปากถาม แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบอะไรจากเขามากนัก ในเมื่ออีกฝ่ายพูดเองว่าจำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว ทว่า

    ดอกบัวมั้งจำไม่ได้ว่ะ เขตแดนดันพูดออกมาแบบนั้น เปลี่ยนเรื่องคุยเถอะ

    อะ อืม…” รู้ไหมตอนที่ได้ยินเขาพูดออกมาแบบนั้น ในหัวฉันนึกถึงอะไร

    ฉันดันเผลอนึกถึงคำพูดของไวเกลที่ร้านกาแฟก่อนหน้านี้ขึ้นมาน่ะสิ

    จากที่เคยได้ยินมา คนส่วนใหญ่มักจะสามารถระลึกได้กันตั้งแต่วัยเด็ก แต่เมื่อโตขึ้นความทรงจำพวกนั้นก็มันจะเลือนหายไปตามกาลเวลา เพราะงั้นมันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรอก มันจะฟังดูแปลกหรือเปล่า หากฉันจะสงสัยว่า ความฝันของเขตแดนในวัยเด็กอาจจะเกี่ยวข้องอะไรกับภพอดีตที่เขากับฉันเคยเป็น

     

    เมื่อบุปผากลางอุราสุดหม่นหมอง เฝ้าลอบมองดวงใจให้คลายเหงา

    ตามแอบชิดมองใกล้เป็นดั่งเงา ใจหมองเศร้าระทมทุกข์จมน้ำตา

    ครั้งแรกรักทุกอย่างช่างหอมหวาน ดุจน้ำตาลเคี่ยวไฟสิเน่หา

    หลังตะวันลับดินสิ้นจันทรา หวนนึกถึงใบหน้าน้ำตานอง

    .......... 

    อสุรีเคียงรักนางอัปสร เป็นไปดั่งคำวอนเคยร้องขอ

    ได้พลอดรักอิงแอบแนบพะนอ เศร้านักหนอหญิงผู้นั้นไม่ใช่ตน

        บุษยาเจ้าเอ๋ยจงบอกกล่าว ถึงความเศร้าในใจหลายร้อยหน

    ด้วยหนึ่งพี่ด้วยหนึ่งรักต้องอดทน แม้นวายชนคงต้องยอมพร้อมน้ำตา

     

    ตลอดเวลาช่วงบ่าย ฉันใช้เวลาหมดไปกับการนั่งถอดความตัวอักษรโบราณจากหนังสือปรัมปราเล่นหนาซึ่งถูกรวบรวมเหตุการณ์บางส่วนที่ไม่เคยหาได้จากเล่มที่วางขาย อีกทั้งเหตุการณ์บางอย่างที่ยังไม่เคยถูกตีพิมพ์นั้น ก็ดันสอดคล้องกับภาพความฝันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    โดยเฉพาะภาพสถานการณ์ริมสระบัวที่ท่านอสุราลงมาช่วยเหลือแม่จันทน์ผาเอาไว้ อีกสิ่งที่ฉันได้ได้จากการนั่งถอดความบวกรวมเข้ากับภาพฝันและความรู้สึกที่ยังติดค้างอยู่ในอกก็คือ เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างน้องชายเจ้าเมืองนครยักษ์กับนางสนมรับใช้ ซึ่งแตกต่างจากคำพูดหนักแน่นยามท่านอสุราใช้โต้เถียงอย่างหนักแน่นสิ้นเชิง

    และฉันคิดว่าผู้หญิงซึ่งเป็นรักแรกของท่านอสุราคือแม่จันทน์ผา

    ทั้งที่ถอดความโดยได้ความรู้สึกของตัวเองช่วยจนผลออกมาเป็นเช่นนั้น แต่แล้วเนื้อหาของบทกลอนหน้าถัดมา กลับแสดงให้ถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปของคนทั้งคู่ ว่าท้ายที่สุดแล้วผู้หญิงที่ถูกท่านอสุราเลือกนั้นคือคนอื่น

    ด้วยหนึ่งพี่ด้วยหนึ่งรักต้องอดทน แม้นวายชนคงต้องยอมพร้อมน้ำตา

    ซึ่งผู้หญิงที่ถูกเลือกคนนั้นคือแม่นิมมานรดี พี่สาวของแม่จันทน์ผา

    แต่ด้วยเพราะเวลาที่สำหรับใช้หาข้อมูลนั้นค่อนข้างน้อยนัก ข้อมูลที่ได้รับมานั้นจึงมีไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับความสงสัยในหัวนัก ว่าเหตุใดจู่ๆ ท่านอสุราจึงแปรผันใจเป็นอื่นทั้งที่เริ่มเดิมที เขาดูจะชื่นชอบและหลงใหลในตัวแม่จันทน์ผาเอาเสียมากๆ 

    ถึงจะสงสัยมากแค่ไหน แต่สุดท้ายจำก็ต้องทิ้งความแคลงใจเหล่านั้นทิ้งไปอยู่ดี และต้องพาตัวเองออกจากหอสมุดในช่วงเวลาบายสามกว่าก่อนสถานที่ดังกล่าวจะปิดทำการ

    เป็นไงบ้าง ได้ข้อมูลอะไรที่ต้องการเพิ่มหรือเปล่า ?

    ฉันสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเขตแดนกล่าวขึ้นเสียงเข้ม ขณะขับรถพาฉันมุ่งตรงกลับบ้านหลังจากอยู่เป็นเพื่อนกันตลอดเวลานั่งหาข้อมูล

    อืม ก็ได้มาบ้าง

    เธอเนี่ยเก่งจังเลยนะ ทนนั่งแปลภาษาแปลกๆ นั่นอยู่ได้ตั้งนาน…” นอกจากเรื่องราวของแม่จันทน์ผากับความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของท่านอสุราแล้ว ในบทกลอนบางส่วนยังกล่าวถึงชาวบ้านที่ชื่อวิรุฬอีกด้วย


    วิรุฬหนุ่มกายกำยำร่างสันทัด โบกสะบัดอาคมกล้าในไพสัณฑ์

    ปราบสมิงมฤคาในไพรวัน อิทธิฤทธิ์ลือลั่นเรืองนคร

    แม้นกายแกร่งแต่จิตใจแสนอ่อนไหว เมื่อต้องใจอรชรดั่งปักศร

    จันทราทองลอยเด่นกลางทินกร พี่มั่นหมายแม่บังอรมาเชยชม

     

    หากถอดความหมายจากบทกลอนได้ไม่ผิด รู้สึกว่าก่อนที่แม่จันทน์ผาและแม่นิมมานรดีจะขึ้นมาเป็นนางฟ้ารับใช้บนแดนสรวงนั้น คนทั้งคู่น่าจะเคยเป็นมนุษย์ปกติมาก่อนและอาศัยอยู่ในหมู่บ้านใกล้กับสระบัว ส่วนชายชาวบ้านที่ชื่อวิรุฬอะไรนั่น ก็คงเป็นชายหนุ่มในหมู่บ้านซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกับคนทั้งคู่ และยังจัดเป็นพรานป่าฝีมือดีมีอาคมแกร่งกล้าแถมมีอายุน้อยสุดในหมู่บ้าน

    จันทราทองลอยเด่นทินกร พี่มั่นหมายแม่บังอรมาเชยชม

    และดูเหมือนว่าเขานั้นน่าจะตกหลุมแม่จันทน์ผาซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน

    แม้จะถอดความทั้งหมดได้ในรูปแบบนี้ แต่ฉันก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามเขตแดนเรื่องฝันร้ายในอดีตที่เคยเขาพูดถึงต่อเพื่อนำมาปะติดปะต่อกับบทกลอนที่ถูกแปลหรอกนะ 

    ในเมื่อถ้าตอนนี้เขาจำเรื่องราวในฝันครั้งนั้นไม่ได้แล้ว มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเร่งเร้าเอาความจากผู้ซึ่งจำอะไรไม่ได้ แต่ว่า กับเรื่องที่เขาแสดงความมีน้ำใจตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเพื่อขอคืนดีมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    นี่ฉันขอความจริงนะ ทำไมอยู่ๆ ถึงคิดอยากจะกลับมาคบกับฉัน ?เมื่อคิดแบบนั้น คำถามที่ติดค้างในใจอีกเรื่องจึงถูกถามขึ้นแทรกความเงียบภายในรถ

    ก็เคยพูดให้ฟังไปรอบหนึ่งแล้วไม่ใช่ไง ?เขตแดนย้อนและเงียบเสียงลงไป วูบหนึ่งที่เขาละสายตาจากถนนเบื้องหน้าเหลือบมองฉันจากทางหางตา จากนั้นจึงกล่าวขึ้นอีกครั้ง ว่าตั้งแต่เลิกกับเธอไป ฉันไม่สามารถคบหรือรู้สึกกับใครได้อีก

    “…” ใช่ เขตแดนเคยพูดแบบนั้น วันที่เขาตัดสินใจขับรถมาหาฉันที่หน้าบ้าน

    ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน แต่ก็ต้องยอมรับนะ ว่าตอนสมัยเรียนน่ะฉันผิดจริง ที่ดันรวมหัวกับเพื่อนแกล้งเธอแบบนั้น…”

    “ทำดี เพื่อตั้งใจจะไถ่โทษเรื่องตอนสมัยเรียนงั้นสิ ?ฉันแย้ง

    เปล่าเว้ย!” ซึ่งเขตแดนก็ขัดสวนกลับมาทันที ทั้งที่เธอแม่งโคตรเชยไม่ได้ตรงสเป็กตรงไหน แต่ตอนที่เห็นเธอร้องไห้ ฉันแม่งกลับรู้สึกผิดว่ะ ผิดมากจริงๆ ไม่สิ ต้องบอกว่าฉันเองก็รู้สึกเสียใจไม่ต่างกันมากกว่า…”

    สิ้นเสียงบอกกล่าวความรู้สึกของของคู่สนทนา ฉันก็เลือกที่จะเงียบไปและปล่อยให้ความเงียบภายในรถค่อยกลืนกินบรรยากาศเราทั้งคู่ กระนั้นแล้วก็ใช่ว่าสิ่งที่เขตแดนพูดจะไม่ได้แล่นเข้าสู่โสตประสาททางความจำของฉันแต่อย่างใด เพราะฉันรับรู้และเข้าใจทุกวลีที่อีกฝ่ายบอกกล่าวอย่างชัดเจน

    เกือบสี่สิบนาทีหลังบทสนทนาระหว่างเราขาดช่วงลงได้ล่ะมั้ง ที่ทั้งฉันและเขตแดนต้องนั่งจมกับความเงียบภายในรถบนถนนใหญ่ จนกระทั่งรถคันหรูของเขาเคลื่อนมาหยุดจอดสนิทบริเวณรั้วหน้าบ้านได้อย่างปลอดภัยในเวลาต่อมา ซึ่งนั่นก็ตามมาด้วยเสียงพูดที่ขาดไปกันไปเกือบชั่วโมง

    ถ้ามีเรื่องอะไรอยากให้ช่วย โทรมาหาฉันได้นะ…” 

    แน่นอนว่าเขตแดนคือผู้เริ่มก่อน

    อือ

    อย่าแค่อือสิ รับปากแล้วต้องทำบ้างเขาว่า ข้อความน่ะ หัดตอบฉันบ้างก็ได้นะ อย่าใจร้ายนักเลย

    รู้แล้วน่า” ฉันแย้งเพื่อตัดบท แต่ขณะเดียวกันก็ใช่จะใจดำจนไม่พูดแสดงความรู้สึกของตัวเอง ยังไงก็ขอบคุณนะสำหรับวันนี้

    เต็มใจอยู่แล้วไปเถอะนี่ก็เย็นแล้ว รีบเข้าบ้านพักผ่อน เดี๋ยวตอนทุ่มหนึ่งฉันมีงานต่อ

    ฉันพยักหน้ารับต่อสิ่งที่อีกฝ่ายบอกกล่าว พร้อมกันนั้นก็รีบจัดแจงเปิดประตูลงจากรถ โดยหนนี้ก็ไม่ลืมโบกมือน้อยๆ ให้เขาอีกครั้งแทนการบอกลาและขอบคุณเป็นครั้งสุดท้าย เช่นเดียวกับเขตแดนที่เริ่มทำท่าทีเดียวกันตอบรับกลับมา ก่อนตัดสินใจขับรถเคลื่อนออกไปจากถนนบริเวณหน้ารั้วบ้านหลังจากนั้น โดยที่ฉันยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองไฟท้ายสีแดงของรถคันหรู ค่อยขับห่างไกลห่างจากสายตาออกไปเรื่อยๆ

    หลังจากรถของเขตแดนเลี้ยวลับ หลุดออกนอกสายตา สิ่งที่ฉันทำจึงเป็นการสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจหันหลังเปิดประตูรั้วเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านเพื่อเผชิญกับสิ่งที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด 

    อีกอย่างหลังจากการโต้เถียงและเกิดเรื่องแบบนั้นระหว่างเรา จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่า เวลาเจอหน้ากัน ฉันควรจะทำตัวหรือแสดงสีหน้าใส่เขาแบบไหน

    กึก

    ทันทีที่ประตูบ้านถูกไขและเปิดเข้าไป สิ่งที่รอคอยอยู่บนโซฟากลางห้องรับรองคือร่างสูงใหญ่ของผู้ชายที่คาดเดาไว้แล้วตั้งแต่ต้น กำลังนั่งจดจ่อกับจอโทรทัศน์เบื้องหน้าซึ่งถูกเปิดไว้ มิหนำซ้ำท่านอสุราเวลานี้ยังคงอยู่ในสภาพเครื่องแต่งเดิมเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่ไปหอสมุดด้วยกันเมื่อช่วงสาย

    พอต้องมาเห็นเขาในระยะที่ไม่ห่างไกลกันมากแบบนี้แล้ว ไอ้ที่ตั้งสติหรือเตรียมตัวก่อนเดินเข้าบ้านนั้นก็คล้ายจะพังลงแทบทันทีเช่นกัน

    ให้ตายสิ! นี่ฉันเป็นเจ้าของบ้านไม่ใช่หรือไง ?

    ถึงแม้จะถูกอาการประหม่าพุ่งเข้าโจมตีอย่างกะทันหัน อย่างไรเสียฉันก็ยังพยายามข่มทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้นให้นิ่งลง โดยพยายามแสร้งทำทุกอย่างให้ดูเป็นปกติที่สุด ไม่ว่าจะการถอดรองเท้าวางเก็บบนชั้นวาง หรือการเดินเข้าบ้านเพื่อทำกิจวัตรประจำวันของตัวเองต่อไป ทว่า

     ช่วงเวลาที่กำลังถูกความกดดันเข้าเล่นงานจนไม่รู้จะเริ่มต้นขอโทษหรือพูดบอกกล่าวอะไรกับท่านอสุราก่อน ตอนนั้นเองมันก็ดันเป็นเขาเองนั่นแหละ ที่แทรกเสียงทักขึ้นขัดเสียงจากจอแก้วเบื้องหน้า

    ไยจึงกลับเรือนช้านักเล่าแม่ทับทิม…”


    Talk1 อันนี้เป็นความเชื่อส่วนตัวเน้ออ จากที่เราอ่านเรื่องการระลึกชาติมา และสามารถจับใจความได้ก็ออกมาเป็นประมาณ โดยส่วนอื่นๆ เราพยายามเขียนให้เข้ากับเนื้อหานิยายมากที่สุด ฮ่าา หากมีตรงไหนผิดพลาด สามารถชี้แจงได้ทุกเมื่อเน้อออ
    Talk2 หรือบางทีสองคนนี้อาจคู่กันอย่างที่เคยมีคนเชียร์ 55555
    Talk3 ทำไมถึงกลับช้านัก?

    ___________________________________________________________ 

    ไม่เม้นก็ได้แต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา จุ้บ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา

    ปล. หากเจอคำผิดหรือตรงไหนอ่านแล้วแปลกๆ เม้นบอกกันได้เน้อ T__T


    คุณเชื่อเรื่อง 'ยักษ์' หรือไม่?
    อยากรู้จักยักษ์ตนไหนมากขึ้น จิ้มที่รูปด้านบนเลยจ้า


    ติดตามเรื่องนี้จิ้มที่หน้าท่านอสุราโลด

    รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน
    หรือกดหัวใจให้เราก็ได้น้าา 
    v
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×