คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : GOODIE13 ll เป็นโจรครั้งที่13 {อัพ100%} อู้เหนือ
“ไอ้ก็อต...” แม้ว่าจะฟังอะไรๆ ได้ไม่ถนัดนัก แต่ฉันกลับได้ยินเสียงของอ้ายกอล์ฟพูดชื่อน้องชายตัวเองชัดมาก “ช่วงนี้เรื่องไอ้ก็อตตามหลอนกูฉิบหาย เกลียดแม่งว่ะ ไม่อยากให้มันกลับมา…”
เสียงเพลงที่ดังจัดขณะนี้ไม่อาจทำให้ฉันหยุดสนใจ
บทสนทนาของคนทั้งคู่ลงได้เลย
“อยากให้มันหายไป
ไม่ต้องกลับมาแบบนี้นี่แหละดี…” เพราะเขากำลังพูดถึงอ้ายก็อต
“มันจบไปแล้วกอล์ฟ…” คราวนี้เป็นเสียงของอ้ายซี เขาพยายามพูดปลอบปะโลมอ้ายกอล์ฟ แต่อีกนัยหนึ่งมันก็เหมือนว่าเขาไม่อยากให้อ้ายกอล์ฟพูดเรื่องอ้ายก็อตด้วยเช่นกัน
“จบอะไรกูไม่สนใจ!” ดูเหมือนว่ายิ่งอ้ายซีปลอบ อ้ายกอล์ฟก็ยิ่งใส่อารมณ์มากขึ้น
คล้ายกับคนโกรธจัด “กูไม่อยากให้แม่งกลับมา มันควรหายไป…”
“ไม่เอาน่า…มึงเลิกพูดแบบนั้นสักที”
“คนแบบมัน ควรหายไปตลอดกาลได้เลยยิ่งดี...” หัวใจฉันเต้นแรงได้มากกว่าทุกครั้ง ที่ได้ฟังอ้ายกอล์ฟพูดถึงอ้ายก็อตแบบนั้น ราวกับเขาเกลียดและโกรธอะไรน้องชายมากจริงๆดังปากว่า ทั้งที่ตลอดมาอ้ายก็อตเอาแต่บอกว่าตัวเองสนิทกับอ้ายกอล์ฟมากกว่าใคร และทุกอย่างมันยิ่งชัดมาก ในประโยคสุดท้าย “เพราะตอนนี้…ผมทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองหมดแล้วว่ะพี่…”
ทำไมล่ะ
ทำไมเขาถึงพูดถึงอ้ายก็อตแบบนั้น…
“มึงกำลังหมายถึงผู้หญิงคนนั้น?” คำพูดของอ้ายกอล์ฟถูกขัดด้วยคำถามสั้นๆ ไม่รู้หรอกว่าอ้ายกอล์ฟแสดงท่าทางตอบอ้ายซีไปแบบไหน เขาถึงได้พูดขึ้นแบบนั้น “เอาน่า! มึงเลิกพูดถึงมันได้แล้วกอล์ฟ… ก็อตมันคงไม่…”
ฉันเม้มปากแน่น มือสองข้างมันสั่นไปหมด ยิ่งในตอนที่อ้ายซีทำเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมาด้วยแล้ว ทั้งที่กำลังลุ้น ทว่า
กึก!
“รอนานไหมจ๊ะน้องกะเหรี่ยงงงง~” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อบุคคลที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำได้หวนกลับมา แถมยังเสียงดังจนพานให้สายตาของคนรอบข้างหันมองเราเป็นแถว
ฉันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก้มหน้านิ่งทำราวกับว่าไม่รู้จักกับพี่แอล อีกทั้งเพราะไม่อยากให้อ้ายซีกับอ้ายกอล์ฟรู้ว่าฉันอยู่ใกล้เขาเพียงแค่เอื้อมมือและกำลังทำตัวเสียมารยาทแอบฟังบทสนทนาที่คนทั้งคู่กำลังคุยกัน แต่ดูเหมือนไม่ทัน เพราะคราวนี้มีเสียงของใครอีกคนดังทักขึ้นจากทางเบื้องหลัง
“แอล มาทำไรที่นี่?” แม้ว่าเจ้าของเสียงดังกล่าวจะไม่ได้ทักทายฉันก็ตาม
แต่เสียงของเขาก็พาให้รู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบได้ไม่ต่างกับการถูกทักเอง
“แอลก็มาเที่ยวอ่าเซะ~” พี่แอลตอบ ต่างจากฉันที่ทำได้แต่ก้มหน้านิ่ง
มองมือตัวเองที่บีบกันไปมาบนหน้าตัก ความรู้สึกเหมือนมีคลื่นรังสีอำมหิตกำลังแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ที่สำคัญไอ้ความรู้สึกดังกล่าวมันมาจากข้างหลังฉันนี่เอง…
“แล้วมากับใคร?” อ้ายกอล์ฟถามแข่งกับเสียงเพลงจังหวะสนุกๆ ในช่วงเวลาที่น่าอึดอัดและหมดสิ้นทางหนี
แต่แล้วจู่ๆ ผู้ชายที่ฉันตั้งใจจะมาเจอก็พรวดพราดเท้าแขนลงกับขอบของบาร์น้ำ
จงใจโน้มหน้าลงมามองฉันด้วยท่าทางนิ่งๆ พร้อมด้วยคำพูดที่ฟังดูไม่ต่างกัน
“อ๋อ...มากับตั๋วนี่เอง…” วินาทีที่ถูกอ้ายซีทักแบบนั้น ร่างกายฉันเหมือนสายฟ้าฟาด โดยเฉพาะกับตอนที่ฝ่ามือแกร่งของใครอีกคนเอื้อมแตะลงบนหัวไหล่
พร้อมทั้งออกแรงเล็กน้อยหมุนตัวฉันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ให้หันไปเผชิญกับเขาซึ่งๆ
หน้า
“เธอ…” อ้ายกอล์ฟแสดงสีหน้าตกใจแทบจะทันทีที่เขาเห็นหน้าฉัน
สถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกในเวลานี้ ทำฉันเริ่มไปต่อไม่เป็น
แต่ถึงอย่างงั้นฉันก็ยังไม่อยากจบเห่อยู่ที่นี่
สิ่งที่สมองอันน้อยนิดพอจะนึกและสั่งการให้ร่างกายปฏิบัติตามก็คงจะเป็น…
“อ้ายกอล์ฟ
มาทามอารายที่นี้ก๊ะเจ้า~”
แกล้งเมาดิบมันซะเลย!
“นี่เธอเมาเหรอ…” คนถูกถามเอ่ยถามเสียงตกใจหลังฉันพูดจบ เขาชำเลืองสายตามองไปยังเครื่องดื่มที่พี่แอลสั่งให้ก่อนหน้านี้
ก่อนพูดขึ้นอีกด้วยเสียงดุๆ “ใครใช้ให้เธอกินเหล้าฮะ!!?”
“อ้ายกอล์ฟอู้อะหยัง บ่ฮู้เรื่องเลย!” ฉันยังคงดึงดันแสดงละครตีเนียนเป็นคนเมาด้วยการ ใช้มือข้างถนัดผลักอกเขาให้ออกห่าง รีบหมุนตัวเองกลับเข้าหาเคาน์เตอร์เพื่อเลี่ยงการปะทะกับเขาอย่างตรงๆ ซึ่งมันก็ดูได้ผลเมื่อเขาหันเหความสนใจไปที่พี่แอลแทน
“คุยด้วยหน่อยดิแอล!” และเพื่อให้สมจริงสมจัง ฉันจึงเอื้อมมือคว้าจินแอนด์โทนิคตรงหน้ายกขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย เพื่อให้ร่างกายมีกลิ่นของแอลกอฮอล์ผสมอยู่บ้าง
วินาทีที่เครื่องดื่มถูกกระเดือกลงคอ ร่างกายฉันก็ต้องขนลุกชันไปหมด เมื่อลิ้นลองรับรสชาติแปลกๆ ของเครื่องดื่มที่พี่แอลสั่งให้ มันไม่ได้มีความอร่อยเลย (ในความรู้สึกของฉันน่ะนะ) แต่เพื่อให้เนียนฉันก็เลยต้องทนกระเดือกเข้าคอไปอีกสองอึกใหญ่ ก่อนวางกระแทกก้นแก้วลงกับเคาน์เตอร์บาร์น้ำให้สมจริง
“แอล
นี่มันใช่เรื่องไหม?” หูฉันได้ยินเสียงอ้ายกอล์ฟตะคอกดุใส่พี่แอล
แต่เลี่ยงที่จะสนใจ เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกได้ถึงสายตาอีกคู่ที่จับจ้องมา
คล้ายกับกำลังสแกนสิ่งที่เกิดขึ้น
“ดื่มเยอะจะอี้
เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเฮียนไม่ได้เน้อ” อ้ายซีเอ่ยขึ้นหลังจากจ้องมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง
แถมยังถือวิสาสะเลื่อนแก้วเหล้าตรงหน้าออกห่างจาก “บ่ได้เครียดอะหยัง
อยากเหล้าจะอี้ไม่ได้ ฮู้ก่อ?”
พอได้ฟังคำต่อว่าภาษาบ้านเดียวกัน
ฉันก็ไม่ได้ที่จะยอกย้อน
“น้องต้องเครียดใช่ก่อ
ถึงจะอยากเหล้าได้... อ๊ะ” แล้วในตอนนั้นเองที่ฉันต้องทำตาโต
เมื่อจู่ๆ อ้ายซี เคลื่อนตัวขยับเข้ามาใกล้ แบบไม่สนใจสายตาของคนอื่น ที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ เขาค่อยๆ
เลื่อนหน้าเข้าหาฉันใกล้ขึ้นก่อนจะเลยไปหยุดอยู่ที่ข้างหู แล้วกระซิบ
“ฮู้ตัวก่อ ว่าตั๋วยะบ่เนียน…” ฉันสะอึกเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้นของอ้ายซีที่ดังเอ่ยชิดติดหู ร่างกายทุกส่วนแข็งทื่อเหมือนถูกแช่แข็งด้วยคำพูดรู้ทัน หน้าฉันสั่นเหมือนถูกตบหน้าด้วยมัดใบชาจากดอย ต่างจากสายตาที่ทำได้เพียงแค่มองคนตัวใหญ่ค่อยๆ ผละตัวออกไปอย่างช้าๆ
วูบหนึ่งที่อ้ายซีกระตุกยิ้มให้พร้อมทั้งใช้นิ้วชี้แตะไปที่ริมฝีปากตัวเองราวกับจะบอกว่าเรื่องที่เขาจับฉันได้นั่นเป้นความลับระหว่างเรา
ก่อนหันไปหาอ้ายกอล์ฟแล้วพูดขึ้น
“งั้นกูไปทำงานก่อน
มีอะไรก็ส่งข้อความมา”
“อ้าว แล้วไหนเหล้ากูล่ะ!?”
“กูว่าตอนนี้มึงมีอย่างอื่นที่ควรจะทำมากกว่ากินเหล้านะ…” อ้ายซีทิ้งคำพูดเอาไว้แค่นั้นโดยไม่ลืมเลื่อนมองฉันจากทางหางตา
ตอนแรกฉันคิดว่าเขาเป็นคนนิ่งๆ ขรึมๆ
แต่ตอนนี้คงต้องขอเปลี่ยนความคิดเพราะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากนั่นน่ะแหละ
“เดี๋ยวกูโทรหา...”
อ้ายซีทิ้งท้ายไว้เพียงสั้นๆ จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปตบบ่าอ้ายกอล์ฟสองที
แถมยังทิ้งระเบิดตูมใหญ่ใส่ฉันด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ จึงค่อยเดินปลีกตัวออกไป
คำพูดของอ้ายซีน่ะ
บอกได้ชัดเลยว่าเขารู้ว่าฉันกำลังแสดงละครตบตาอ้ายกอล์ฟอยู่
แม้ว่าเมื่อกี้เขาจะไม่ได้บอกอ้ายกอล์ฟถึงเรื่องที่เขาจับไต๋ฉันก็จริง
แต่ก็ไม่แน่หรอกเขาอาจจะไปคุยกันแล้วพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ได้
ทำยังไงดีล่ะ
ถึงตอนนั้นค่อยแกล้งตีมึนไม่รู้ไม่เห็นก็แล้วกัน ตอนนี้ก็ได้แค่ภาวนาว่าพี่แอลจะไม่หลุดพูดเรื่องที่เราคุยกันเรื่องเป้าหมายที่มาผับๆ
นี้ให้อ้ายกอล์ฟได้ฟังอีกคนก็พอ…
“กอล์ฟจ๋า
กอล์ฟไม่รู้อะไรซะแล้ว~” เสียงของพี่แอลที่เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องดังแทรกภวังค์ความคิดโดยที่ฉันยังวอนขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ทันจบประโยคดี
ทำฉันหันขวับไปขึงตามองเธอด้วยความตกใจ “ที่แอลมาที่นี่กับน้องกะเหรี่ยงคืนนี้น่ะ
แอลมีเหตุผลน้าาา~ คิกๆ”
“เหตุผลอะไร!?” อ้ายกอล์ฟที่ตอนนี้ดูเหมือนจะพุ่งความสงสัยทั้งหมดไปที่พี่แอล
ดูจะไม่ได้สนใจฉันเลย ในหัวได้ยินแต่เสียงสัญญาณเตือนอันตรายดังก้องไปหมด “คืองี้ น้องกะเหรี่ยงอ่ะ เขาอยากมาเจอกับ…”
“อ๋ายย เฮาปวดฉี่จังเยยยยยย~” ฉันแสร้งหวีดเสียงร้องออกมาให้สมกับคนเมา หลังจากเมื่อครู่ช็อกที่ถูกอ้ายซีจับได้
และเสียงของฉันนั้นเองที่ช่วยเบรกคำพูดพี่แอลเอาไว้ได้ทัน ไม่รอช้า ฉันรีบขยับตัวลุกลงจากม้านั่งแสร้งยืนโอนเอนแบบคนไม่มีเรี่ยวแรง
ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เด็กบาร์น้ำเอ่ยขึ้น
“น้ำแข็งเปล่ากับโค๊กที่คุณสั่งได้แล้วครับ” ร่างกายตอบรับเสียงดังกล่าวของบ๋อยอย่างทันควันด้วยการหันขวับจ้องหน้าเขาพร้อมด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
พอมองกลับมาที่อ้ายกอล์ฟ หัวใจฉันก็ต้องกระตุกวูบ
เมื่อพบว่าเขากำลังมองท่าทีของฉันอยู่เช่นกัน การที่เป็นเช่นนั้นมันก็อดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอตามประสาคนมีความผิด
“แอร๊ยย… ครายมันกล้าสั่งน้ำแข็งเปล่ากับโค๊กน้าา
คึกคักม่วนขนาดจะอี้มันต้องเหล้าเต้านั้นเนอะ” ฉันแสร้งหัวเราะเสียงดัง
พลางทุบมือให้คนตัวใหญ่ที่ยืนจ้องอยู่มีอารมณ์ขันร่วม แต่ก็เปล่าเลย อ้ายกอล์ฟยังตีหน้านิ่งและตึงยิ่งกว่าในตอนแรกเสียอีก
แถมน้ำเสียงที่ใช้พูดตอบกลับมายังดูไม่ค่อยพอใจเอาเสียมากๆ
“จะไปห้องน้ำไหม
หรือจะแกล้งบ้าอยู่ตรงนี้!?” ว่าแล้วคนตัวใหญ่ก็ถือวิสาสะคว้าแขนฉันดึงให้เดินตามแรง
เขาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าพี่แอลที่นั่งอยู่ตรงนั้นกำลังพยายามเรียกชื่อเขาด้วยเสียงที่เมาได้ที่
ตึก! ตึก! ตึก!
เพราะบทบาทของฉันตอนนี้คือการแกล้งเป็นคนเมา
การทำตัวให้เดินโอนเอนไปตามแรงดึงของเขาจึงกลายเป็นสิ่งแรกที่ฉันต้องคอยย้ำเตือนตัวเอง
เพื่อไม่ให้แผนแตกจนอีกฝ่ายสาวความได้ว่าฉันแอบฟังที่เขากับอ้ายซีพูดถึงอ้ายก็อตกัน
เนียน
ไม่เนียนก็ต้องเนียนแหละงานนี้!
“เดินดีๆ
ไม่ได้หรือไง!” อ้ายกอล์ฟเริ่มตะคอกเสียงดุใส่ฉันอีกแล้วเมื่อฉันพยายามเดินโอนเอน
เซไปเซมาแบบคนเมา ทั้งที่ความจริงแล้วการที่ฉันจะไปไหนมาไหนมันก็เป็นสิทธิ์ส่วนตัวที่เขาไม่เกี่ยวข้องด้วยแท้ๆ
“อ้ายกอล์ฟจะพาหนูไปไหน~” ฉันถาม เพราะรู้สึกว่าไอ้ที่เขากำลังดึงพาตัวฉันออกมานั้น
มันคือทางเดินย้อนกลับไปที่หน้าทางเข้าผับ ดูไม่ใช่ทางไปห้องน้ำตามอย่างที่บอกไว้เลยสักนิด
“กลับหอ!”
“กลับหอทำหยัง หนูยังอยากเหล้าไม่หาย อ้ายกอล์ฟยะจะอี้กับหนูบ่ได้นา!” ฉันแสร้งทำเสียงเมา พูดภาษาบ้านเกิดอย่างเต็มเม็ด และเชื่อได้เลยว่าเขาไม่มีทางเข้าใจมันแน่ๆ
ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่เหมือนว่าสิ่งที่ฉันคิดไว้มันจะผิดไปหมด เมื่ออีกฝ่ายย้อนกลับมา
“ยะหยังอ้ายจะพาตั๋วกลับหอบ่ได้
ก็เมื่อตั๋วเมาเละเทะขนาด”
คำพูดของเขาที่ฉันได้ยินนั้นมันดันเป็นภาษาเหนือ ซึ่งถ้าหากว่าตอนนี้ฉันเมาจริงๆ ล่ะก็ ฉันคงเชื่อว่าเพราะความเมาทำให้ฉันหูฝาดไปแน่ๆ
สำเนียงที่แปลกไปของเขา ทำฉันไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ ได้แค่ครุ่นคิดถึงสิ่งที่แปลกไปจากเรื่องที่เคยรับรู้ เดินขาขวิดตามแรงที่เขาดึงออกจากผับชื่อดังเท่านั้น
อ้ายกอล์ฟทำทุกอย่างตามใจตัวเอง ไม่สนแม้ว่าก่อนนี้เขาเพิ่งนัดดื่มเหล้ากับอ้ายซีด้วยซ้ำ ที่สำคัญตอนนี้เขายังดูรีบร้อนที่จะพาฉันกลับหอพักเอาเสียมากๆ
ทำเหมือนกับว่าเขาเป็นห่วงสภาพที่ฉันเมาหนักอย่างงั้นแหละ…
To Be Continued...
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต #ผู้ชายสายโจร
ความคิดเห็น