คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : GOODIE12 ll เป็นโจรครั้งที่12 {อัพ100%} ความบังเอิญ
“นี่เธอเป็นแฟนกับน้องชายกอล์ฟจริงๆแน่เหรอ? ก็คนเป็นแฟนกันเขาควรจะมาหาตั้งแต่วันแรกที่แฟนมาถึงไม่ใช่เหรอ?”
ไม่ใช่แค่คำถามเดียวแต่เป็นหลายคำถาม
พอได้ฟังฉันก็อดคิดน้อยอกน้อยใจไม่ได้ นี่มันก็ห้าวันมาแล้วที่ฉันมาอยู่กรุงเทพฯ
ทั้งที่การมาของฉันควรเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุดของอ้ายก็อต
แต่สิ่งที่ได้เจอกลับกลายเป็นการกระทำแปลกๆที่ดูต่างไปจากที่เคยได้ยินและรับฟังผ่านสายโทรศัพท์
[วันจันทร์พี่ไปหาพริกที่คณะได้ไหม?]
‘ได้เจ้า!’
[ดีล่ะ งั้นเช้าวันจันทร์เรามาเจอกันที่หน้าตึกวิศวฯ
นะคะ พี่จะรอ] หากแต่เมื่อถึงเวลา
เขากลับหายหน้าไป
ตัดขาดทุกการติดต่อและโผล่มาแค่เสียงให้ได้ยินและรู้สึกยามที่เริ่มเป็นกังวล
ต่อเติมด้วยคำขอโทษและคำสารภาพคำโกหก
[พี่อยากให้พริกสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ
มหาวิทยาลัยที่พี่ไม่สามารถเข้าได้…พริกไม่โกรธพี่ใช่ไหม…]
“ทำไมต้องทำหน้าเศร้าล่ะ
โกหกอะไรฉันอยู่ป่ะ?” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกเสียงแหลมเล็กทักท้วงขัดความคิดในหัว
รีบเงยมองหน้าเจ้าขิงคำถาม ก่อนจะถูกยิงด้วยคำถามใหม่แบบไม่ทันให้ตั้งตัว “นี่ไม่ใช่ว่ารวมหัวกับชมพูโกหกฉันหรอกนะ”
“หนะ
หนูจะไปโกหกอะไรพี่แอลล่ะคะ?” ฉันย้อน
“ก็เรื่องแฟน
เรื่องน้องชายฝาแฝดของกอล์ฟไง มันน่าแปลกไหมล่ะ?” และการย้อนมันก็ทำให้อีกฝ่ายรีบรัวคำพูดจับผิดออกมาแบบน้ำไหลไฟดับ
“ฉันรู้จักกอล์ฟมาตั้ง 3 ปีแต่ไม่ยักจะเคยเห็นน้องชายเขาเลย
ไม่มีใครเคยพูดถึง แม้แต่ตัวกอล์ฟเอง”
ไม่มีใครเคยพูดถึงอ้ายก็อตเลยงั้นเหรอ?
ทำไมล่ะ ก็ในเมื่อพี่ชมพู...
‘พี่ชมพูรู้จักอ้ายก็อตด้วยเหรอคะ?’
‘จ้ะ
พี่รู้จักก็อตดีเลยล่ะ’
“อย่าให้ฉันรู้นะว่าจริงๆแล้วเรื่องคนชื่อก็อตอะไรนั่นเป็นแค่เรื่องแต่ง
และอย่าให้รู้นะว่าเธอเป็นเมียน้อยกอล์ฟ ไม่งั้นฉันเล่นเธอแน่!”
“พี่แอลจะให้หนูพิสูจน์ยังไงล่ะคะ?”
พอถูกเธอใช้คำพูดกดดันแกมขมขู่มากเข้า
ฉันก็โพล่งเสียงถามไปอย่างนึกหงุดหงิด ใจหนึ่งก็แอบคิดแหละว่ามันแปลกๆ
แต่อีกใจมันก็อดนึกถึงเรื่องเก่าๆที่ฉันกับอ้ายก็อตมีต่อกันตอนสมัยอยู่เหนือไม่ได้
‘ตั๋วชื่ออะหยัง?
เฮาชื่อพริกเน้อ’
‘พี่ชื่อก็อตค่ะ
ยินดีที่รู้จักนะ’
“ไปพาคนชื่อก็อตมาให้พี่เจอสิ
ทำได้หรือเปล่า?” อีกหนที่คำพูดของพี่แอลทำฉันชะงักไปหลังถูกเธอต้อนจนจนมุม
“ถ้าพามาให้เจอไม่ได้ ฉันจะถือว่าเธอกับชมพูโกหก”
ฉันไม่ได้โกหก
นั่นคือความสัตย์จริง อ้ายก็อตคือแฟนของฉันและเขามีตัวตนอยู่จริง
แต่เรื่องการจะพาตัวเขามายืนอยู่ตรงหน้าพี่แอลน่ะ ฉันไม่สามารถทำได้จริงๆ
หากเขานัดแล้วไม่มาเหมือนวันนั้นอีกฉันก็ถูกตราหน้าว่าเป็นคนขี้โกหกอยู่ดี แต่แล้ว
มันก็เป็นอีกครั้งที่ความคิดในหัวต้องหยุดทำงาน
เมื่อคนตรงหน้าไม่ได้คิดจะรอฟังคำพูดแก้ต่างหรือแก้ตัวใด
แต่เป็นฝ่ายเสนอออกมาด้วยตัวเอง
“หรือถ้าพามาไม่ได้
งั้นคืนนี้เราลองไปที่ที่ชมพูว่ากันดูไหม?”
“คะ?” และข้อเสนอของเธอมันก็ทำให้ฉันตกใจ
“ไปผับ PARADISE
กับฉัน ถ้าทุกอย่างที่ชมพูกับเธอพูดเป็นเรื่องจริง”
‘ถ้าพริกอยากคุยกับซีแบบส่วนตัว
คืนนี้ลองแวะไปที่ผับ PARADISE ดูสิ
ซ๊เขาเป็นดีเจอยู่ที่นั่น....’
เพราะได้คำใบ้บอกสถานที่จากปากพี่ชมพูมาขนาดนั้น
ฉันจึงได้หลักฐานที่อยู่ชิ้นใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกชิ้น
และนับตั้งแต่มื้อเที่ยงหลังจากถูกพี่แอลท้าทาย ฉันก็เฝ้ารอนับเวลาถอยหลังให้ถึงเวลาที่จะได้เจอกับอ้ายซีอีกครั้งเร็วๆ แต่เพราะพื้นเพเป็นคนต่างจังหวัด ฉันจึงไม่ค่อยรู้สถานที่ในเมืองหลวงมากนัก
การจะเดินไปไหนมาไหนคนเดียวเพียงลำพังจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา
เมื่อหลังจากเสร็จสิ้นจากกิจกรรมของมหาวิทยาลัยในช่วงเย็น ฉันได้บารมีของพี่แอลเข้าช่วย
เธอพาฉันออกจากมหาวิทยาลัยด้วยรถส่วนตัว ตรงไปที่หอพักซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบๆ 2 กิโลเมตรเห็นจะได้
ตอนแรกฉันมองว่าพี่แอลเป็นผู้หญิงขี้เหวี่ยง ขี้วีนคนหนึ่ง แถมยังดูเป็นคนไม่ค่อยมีเหตุผล แต่พอได้รู้จัก ได้รับการช่วยเหลือจากเธอในครั้งนี้ บอกเลยว่าการมองแค่เพียงภายนอกมันใช้ไม่ได้จริงๆ เพราะแท้จริงแล้ว พี่แอลเป็นผู้หญิงที่พูดเก่ง มีมุกตลกแพรวพราวตลอดเวลา เธอเป็นคนแต่งตัวเก่ง ดูเผินๆ คงไม่มีใครรู้เลยว่าเธอน่ะเป็นคนมีน้ำใจมากแค่ไหน ถ้าถามว่าทำไมฉันถึงพูดแบบนั้นก็เพราะ…
หอพัก E
“ตัวนี้มันจะไม่โป๊เกินไปเหรอคะพี่?”
ฉันถาม
เมื่อมองเห็นภาพตัวเองสะท้อนผ่านกระจกเงาโดยที่บนร่างกายสวมเสื้อผ้าชนิดที่ไม่เคยใส่มาก่อน
อย่างเช่นเสื้อปาดไหล่เอวลอย กับกางเกงยีนเอวสูงขาสั้นปี๊ด
ซึ่งแน่นอนว่าเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวฉันทั้งหมดนั่นคือเสื้อผ้าที่พี่แอลให้เด็กบ้านนอกอย่างฉันยืมใส่สำหรับไปเที่ยวผับ
PARADISE คืนนี้
“โป๊ตรงไหน
แบบนั้นอ่ะเซ็กซี่ดีออก” เธอว่าขณะนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น
ตรงหน้าตู้เสื้อผ้า มือรื้อข้าวของคล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่าง
“แต่งตัวแบบนี้
หนูรู้สึกโล่งๆ ยังไงก็ไม่รู้” ฉันไม่ได้สนใจคำพูดของพี่แอลนัก
เพราะเป็นห่วงสภาพตัวเองตนแต่งตัวโป๊แบบนี้มากกว่า
เชื่อเต๊อะ
ถ้าอีแม่มาผ่อว่าแต่งจะอี้ มีหวังอีแม่ไล่ฟาดตาย!
“นี่กะเหรี่ยง
ลองใส่รองเท้าส้นสูงคู่นี้สิ” อีกครั้งที่พี่แอลหยิบยื่นสมบัติส่วนตัวของตัวเองส่งมาให้ฉัน
ของสิ่งนั้นคือรองเท้าส้นสูง ซึ่งมีขนาดส้นเล็กอย่างกับเข็มเย็บผ้า
“จะอี้มันจะหักก่อ?” พอเห็นอะไรที่ดุสะดุดตาแบบนี้ ฉันก็อดท้วงถามไม่ได้
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจภาษาของฉัน =_=
“อี้อะไร
นี่รองเท้าต่างหาก… เอ้า! ลองใส่ดู!” แถมยังยัดเยียดรองเท้าส้นเข็มส่งมาให้ไม่หยุด
สุดท้ายฉันก็เลยต้องรับมาไว้กับตัวอย่างเสียไม่ได้ จำต้องทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น
มองรองเท้าในมือตามประสาคนไม่เคยใส่
โดยไม่รู้เลยว่าในเวลานั้นพี่แอลกำลังมองฉันอยู่ด้วย และไอ้อาการเก้ๆ กังๆ
ลังเลที่จะสวมนั่นแหละมันเลยทำให้ผู้เป็นเจ้าของเปิดประเด็นขึ้นมา
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอมีปัญหาอะไรกับคนชื่อก็อตหรือซี…แต่ถ้ามัวแต่ลังเลที่จะใส่ไม่ใส่อยู่แบบนั้น
ชาตินี้เธอก็คงไม่ได้ไปพบหน้าเขาหรอก”
“ก็หนูไม่เคยใส่นี่คะ” ฉันพยายามอธิบาย แต่พี่แอลกลับพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา
“ฉันเองก็อยากรู้จักคนชื่อซีอะไรนั่นเหมือนกัน”
“…”
“ถ้าเขาสนิทกับกอล์ฟจริงๆ
ฉันว่าการพาเธอไปที่ผับคืนนี้ต้องคุ้มแน่นอน”
เดี๋ยวนะ
ที่พี่แอลให้ยืมเสื้อผ้า
พาฉันมาแต่งตัวไกลถึงที่หอแบบนี้ไม่ได้ตั้งใจจะช่วยฉันหรอกเหรอ?
“คุ้มเหรอคะ?” ฉันย้อนด้วยความตงิดในอก
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าพาเธอไป เธอก็จะได้เจอผู้ชายที่ชื่อซีถูกไหม?”
ฉันพยักหน้าหงึกๆ แทนคำตอบ สายตาจดจ้องไปที่หน้าพี่แอลที่เริ่มเหยียดยิ้มกว้างอย่างมีเลศนัย ขณะที่หูเงี่ยฟัง
“ถ้าฉันไปด้วย...อะไรที่เธอรู้จากปากผู้ชายคนนั้น (โดยเฉพาะเรื่องของกอล์ฟ) ฉันก็จะได้รู้เหมือนกัน!”
เธอยืนกรานความต้องการของตัวเองหนักแน่น และมันทำให้ฉันรู้ว่าจริงๆแล้วพี่แอลไม่ได้คิดจะจับผิดเรื่องอ้ายก็อตจริงๆ จังๆเท่าไหร่ ซึ่งฉันไม่ได้มองว่าเธอเห็นแก่ตัวหรอกนะ แต่มองว่าคนเราก็มีความต้องการที่ต่างกันออกไป ไม่ว่าฉันหรือพี่แอล
เมื่ออีกฝ่ายว่ามันคุ้ม ฉันก็จะคิดว่ามันคุ้มเช่นกัน!
ฉันใช้เวลาแต่งตัวอยู่ที่ห้องพี่แอลตั้้งแต่ช่วงเย็นจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงสองทุ่ม ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น ร่างกายฉันที่ไม่เคยได้แต่งหน้าหรือทำผม ได้ถูกปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่หมด ให้ดูเปรี้ยว ดูทันยุคทันสมัย เหมาะสมกับการไปที่ผับ
สถานที่ที่ฉันไม่เคยคิดจะย่างกรายเข้าไป...
เวลาต่อมา...
พี่แอลขับรถพาฉันออกจากหอพักเวลาเกือบๆ สามทุ่ม และที่น่าแปลกที่สุดก็คอ ตั้งแต่ช่วงเลิกกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยจนถึงตอนนี้ โทรศัพท์มือถือของฉันยังคงเงียบ ไม่มีการติดต่อของอ้ายก็อตเข้ามาเหมือนเคยๆ
ใจหนึ่งก็รู้สึกเป็นกังวลนะ ที่เขาไม่ยอมโทรหรือส่งข้อความมาหาแบบนี้ แต่อีกใจก็รู้สึกโอเค ที่คืนนี้ฉันได้ตามหาตัวบุคคลได้แบบไม่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ คนรัก เพราะรู้ดีว่าถ้าอ้ายก็อตรู้ว่าฉันแต่งตัวโป๊ แต่งหน้าจัดออกมาเที่ยวแบบนี้มีหวังเขาคงต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ๆ
ผับ PARADISE
เวลา 22.15 นาฬิกา
ฉันกับพี่แอลกลายเป็นจุดสนใจของพวกผู้ชายสายเที่ยวทันที เมื่อเราทั้งคู่ย่างกรายมาถึงสถานที่ที่เป็นเป้าหมาย
สำหรับพี่แอลแล้วเธอเป็นคนสวยอยู่แล้วในระดับหนึ่ง ยิ่งพอเธอแต่งหน้าแต่งตา แต่งตัวเปรี้ยวๆ แบบนี้ด้วยแล้ว เชื่อเถอะว่าผู้ชายทุกคนก็พร้อมใจกันเหลียวหลังมองเธอกันคอแทบเคล็ด
หากแต่นั่นไม่ใช่กับฉันที่ไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะสะดือที่เสื้อตัวสั้นปิดลงมาไม่มิด ไหนจะกางเกงขาสั้นที่ทำให้รู้หวิวช่วงขาตลอดเวลา รวมไปถึงรองเท้าส้นเล็กที่พร้อมจะหักลงในทุกวินาทีที่ก้าวเดิน
พี่แอลพาฉันเดินแทรกผู้คนที่ยืนเบียดเสียดกันเป็นปลากระป๋อง ตรงไปยังบาร์น้ำซึ่งดูจะไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่นัก เพราะคนส่วนมากเอาเวลาไปทิ้งอยู่ที่กลางฟลอร์ บ้างก็จับกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหญ่ นั่งบ้าง ยืนเต้นตามเสียงเพลงแสงสีจังหวะสนุกๆ บ้าง
“เอาอะไรหรือเปล่า?” เธอหันมาถามฉัน เมื่อมาถึง
“เอาอะไรก็ได้ค่ะ” เพราะไม่เคยมาสถานที่แบบนี้ ฉันจึงบอกไปส่งๆ ตามประสาคนไม่รู้ และนั่นจึงทำให้พี่แอล หันไปพูดกับบริกรที่บาร์น้ำว่า
“จินแอนด์โทนิค 2 ค่ะ” ฉันขมวดคิ้วให้กับชื่อเครื่องดื่มแปลกๆ นั่น กลับกัน พี่แอลดันเป็นฝ่ายกวาดสายตาสอดส่องไปรอบๆ ส่วนปากก็เอ่ยขึ้น เหมือนกับคุยกับฉัน
“เพราะดีเจคนนั้นมาแน่ๆ คนถึงได้เยอะแบบนี้” มันก็คงจริงอย่างที่เธอว่านั่นแหละ ต่อให้ฉันไม่รู้หรือไม่เคยมาสถานที่แบบนี้ก็เถอะ
วันนี้เป็นวันธรรมดาซึ่งไม่น่าจะมีคนเลยแท้ๆ แต่น่าแปลกที่ผู้คนต่างทยอยหลั่งไหลเข้ามาใช้บริการกันอย่างหนาแน่น ไม่ขาดสายแบบนี้ ยิ่งพอรู้ว่าต้นเหตุเรียกคนในคืนนี้ อาจเกิดมาจากผู้ชายที่ฉันตามหาตัวอยู่ด้วยแล้ว ลึกๆ มันก็อดตื่นเต้นไม่ได้…
“จินแอนด์โทนิค 2 แก้วครับ” เสียงของบ๋อยทำฉันละสายตาจากสภาพแวดล้อมโดยรอบให้เหลียวมอง เครื่องดื่มที่เพิ่งถูกนำมาเสิร์ฟ สีสันของมันคล้ายกับน้ำมะนาวทั่วๆ ไป พอเห็นอะไรที่แปลกใหม่ ร่างกายก็ตอบรับด้วยการคว้าแก้วเครื่องดื่มมาไว้กับตัวทันที
“นี่ หล่อนจำหน้าคนชื่อซีอะไรนั่นได้ใช่ไหม?” อีกครั้งที่พี่แอลเอ่ยปากถาม ขณะเธอยกเครื่องดื่มที่ได้มาขึ้นจิบ
“ค่ะ จำได้”
“ดี งั้นก็คอยมองหา ส่วนมากพวกดีเจจะชอบประจำการกันอยู่ตรงนู้น” ว่าแล้วเธอกี้นิ้วไปยังห้องเล็กๆ ด้านหลังเวที ฉันไม่รู้หรอกว่ามันคือห้องอะไร รู้แค่ว่า ถ้าฉันอยากเจออ้ายซีอะไรนั่นจริงๆ ฉันควรจะมองหาเขาจากตรงนั้น
ปี๊บ! ปี๊บ!
ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเพราแรงสั่นของโทรศัพท์ภายในกระเป๋าผ้า พานให้ต้องวางเครื่องดื่มในมือลงเพื่อจัดการหยิบขึ้นมาดู ขณะเดียวกันพี่แอลที่ซัดเครื่องดื่มในมือ ก็เริ่มโบกไม้โบกมือเรียกบริกรอีกครั้ง
“จินโทนิคเพิ่มอีกแก้วค่า!” ให้ตายสิ! สมกับเป็นผู้หญิงแรงๆ สายเที่ยวจริงๆ
ฉันมองพี่แอลแบบอึ้งๆ ก่อนหลุบตามองหน้าจอสี่เหลี่ยมในมือและพบว่า บุคคลที่หายหน้าหายตาไปทั้งวันได้ส่งข้อความมาให้
อ้ายก็อต :: วันนี้พี่อยู่โรงพยาบาลทั้งวันเลย หมอบอกพี่เป็นไข้หวัด
อ้ายก็อต :: วันนี้คงไม่ได้โทรหานะ
พอได้ข้อความมาแบบนั้น ฉันจึงเริ่มพิมพ์ข้อความกลับไปหาเขา แต่ยังไม่ทันพิมพ์เสร็จดี โทรศัพท์ในมือก็สั่นเตือนแจงข้อความใหม่เข้ามาอีก
อ้ายก็อต :: เดี๋ยวพี่ส่งคลิปตอนอยู่ที่โรงพยาบาลวันนี้ไปให้
ฉันรีบลบข้อความที่กำลังพิมพ์ถามไถ่ข่าวคราวของเขาออก ก่อนตอบกลับไปด้วยข้อความใหม่
พริก :: หายไวๆนะคะ
‘คนเป็นแฟนกันเขาควรจะมาหาตั้งแต่วันแรกที่แฟนมาถึงไม่ใช่เหรอ?’ แต่แล้วฉันก็ชะงักมือลงเล็กน้อย เพราะว่าที่หน้าจอยังเหลืออีกข้อความที่พิมพ์ค้างไว้ไม่กล้ากดส่ง ข้อความที่ไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป
ข้อความที่เกิดขึ้นเมื่อคำพูดของพี่แอลแว๊บเข้ามาในหัว
‘เพราะหนูอยากเจอพี่ก็อตตัวจริงมากกว่ามองภาพพี่คลิปวิดีโอแบบที่ผ่านมา’ แต่สุดท้าย ฉันก็ไม่ได้กดส่งไปหาเขาหรอก ทำได้แค่ลบออกแล้วรอวันเวลาที่เขาจะเป็นฝ่ายมาหาฉันเองดั่งคำสัญญาเท่านั้น
กึก!
เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องสะดุ้งเมื่อคนตัวเล็กหน้าตาสละสวยเหมือนนางฟ้าข้างกาย ลุกพรวดพราดขึ้นจากที่นั่ง นัยน์ตาเฉี่ยวของเธอตวัดมองฉันคล้ายกับหาเรื่อง ก่อนฉีกยิ้มกว้าง
“พี่ไปห้องน้ามก่อนนะแม่สาวน้อยยยย~” แม้ว่าเสียงของพี่แอลจะดังสู้กับเสียงดนตรีภายในผับนี้ไม่ได้ แต่จากการยืนโงนเงนและเสียงยานๆ ที่พอจะฟังออกนั้นบอกได้ชัดว่าเธอกำลังเมา ถ้าให้เดามันต้องมาจากเครื่องดื่มที่เธอกระซวกเข้าไปก่อนหน้านี้แน่ๆ
“รอตรงนี้น้าา เดี๋ยวหลง~”
“ให้หนูไปเป็นเพื่อนพี่ไหมคะ?” พี่แอลไม่รอฟังคำพูดฉัน เธอเลือกที่จะหันหลัง ชูมือขึ้นโบกไปมาแทนคำพูดปฏิเสธ ก่อนจะเดินโซซัดโซเซแทรกกลุ่มคนซึ่งกำลังยืนเต้นตามจังเพลงจนหายไปพ้นไปจากสายตา
ฉันรีบหันกลับเข้าบาร์น้ำเพื่อนั่งรอ สายตาเหลือบมองเครื่องดื่มที่พี่แอลสั่งมาให้อย่างนึกขยาด และอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าแก้วเดียวยังสามารถทำให้พี่แอลสาวนักเที่ยวเมาได้ขนาดนั้น ฉันเองก็คงไม่เหลือเหมือนกัน
“พี่คะ! ขอน้ำแข็งเปล่ากับโค๊กหน่อยค่ะ!” เพราะงั้นฉันจึงเลี่ยงที่จะดื่มของมึนเมาและเปลี่ยนไปสั่งน้ำอัดลมแทน ทว่าในตอนนั้นเอง…
“เฮ้ย! พี่ซี!” หูของฉันก็ดันได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งตะโกนขานเรียกชื่อใครอีกคนซึ่งฟังดูคุ้นหูเป็นอย่างมาก สมองสั่งการให้ฉันเหลียวหลังมองไปยังเจ้าของเสียงด้วยความสงสัย
แต่แล้วมันก็กลับเป็นฉันเสียเองที่ต้องเบิกตากว้าง เมื่อพบว่าเยื่องหลัง ฉันออกไปเพียงแค่ก้าวเดียวมีใครบางคนกำลังยืนอยู่ แสงสีของสถานบันเทิงแห่งนี้ไม่ได้ทำให้ฉันตาฝาด จนมองอะไรผิดพลาด ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าจะเรียกเหตุการณ์ในตอนนี้ว่าอะไรดี ระหว่างโชคดีกับบังเอิญ
ที่ดันเจอทั้งอ้ายกอล์ฟและอ้ายซีในสถานที่แบบนี้เวลาเดียวกัน…
ฉันรีบหันขวับกลับมาที่บาร์น้ำอย่างด่วนจี๋ เพราะเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่ซีเอื้อมมือคว้าคออ้ายกอล์ฟให้หันมายังจุดที่ฉันนั่งอยู่ อีกทั้งระยะห่างของพวกเขาและฉันห่างกันออกไปเพียงไม่ถึงสองช่วงแขนเท่านั้น
เพราะผับแห่งนี้มันไม่ได้กว้าง พื้นที่สำหรับนักเที่ยวส่วนใหญ่จะใหญ่การยืนมากกว่าการหาที่นั่งรวมกันเป็นกลุ่ม เลยไม่แปลกใจเลยถ้าหากว่าพวกเขาจะอยู่ใกล้ฉันแค่ปลายจมูกแบบนี้
“ตะโกนซะดังเชียวนะมึง” ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ใกล้กัน แต่การที่จะเงี่ยหูฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นัก รอบตัวยังคงมีเสียงเพลงจังหวะอัดบีทสนุกๆดังสนั่นไปทั่วทุกพื้นที่ ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังจำเสียงของเขาได้
“เลี้ยงเหล้าผมป่ะ?” สำเนียงแบบนั้นคือเสียงของอ้ายกอล์ฟ
“กูต้องทำงานก่อน มึงกินคนเดียว รอกูได้ไหมล่ะ?”
“ได้หมดอ่ะ ของฟรีจากพี่แม่งดีที่สุด” ฉันพยายามตั้งใจฟังพวกเขาคุยกัน แต่เหมือนเสียงของคนทั้งคู่จะแผ่วลงไป จึงกลั้นใจเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจเหลือบไปมองพวกเขาทั้งคู่ แต่ก็ลอบมองได้ไม่ถึงวินาที เมื่อพบว่าชายสองคนที่ฉันกำลังแอบฟังถูกผู้คนที่เดินเบียดเสียดกันดันมาหยุดยืนอยู่เยื้องหลังฉันไปเพียงแค่หนึ่งช่วงแขนเท่านั้น
ตอนนี้หัวใจฉันเต้นรัวมากเพราะเป้าหมายที่มาที่ผับแห่งนี้คือผู้ชายที่ชื่อซี อีกทั้งยังพวกบุคคลที่ไม่คิดจะเจอมาเพิ่มอีก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จะมีโอกาสได้อยู่ใกล้จนได้ยินคนทั้งคู่คุยกันใกล้ขนาดนี้
ถ้าหากคิดว่าฉันรู้สึกผิดที่กำลังเสียมารยาทอย่างนี้ล่ะก็ บอกเลยว่าไม่มีทาง!
“ช่วงนี้มึงดูแปลกๆนะไอ้กอล์ฟ ไม่สบายใจห่าไรเปล่า?…” พอใครคนหนึ่งในระหว่างสองคนนั้นเริ่มพูด ฉันก็เริ่มตั้งใจฟัง
“ก็นิดหน่อยพี่...”
“เรื่องอะไร?”
“ไอ้ก็อต...”
To Be Continued...
นังแอลมันร้าย 555555
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต #ผู้ชายสายโจร
ความคิดเห็น