คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : HALF00 ; เหตุเกิดในโพรงกระต่าย (100%)
...
มาจะกล่าวบทไป ...
เสียงเล่าอ้าง
ลือขาน กานณพีร์
เขามีดี
ที่ชื่อเสียง ไร้เดียงสา
เขาน่ารัก
ใสใส อยู่ทุกครา
สาวสาวนั้น
ปรารถนา อยากครอบครอง
……..
ความจริงแล้ว
ตัวเรานั้น มีความลับ
ลองสดับ
รับฟัง กันดูไหม
เรื่องบนเตียง
ไม่เป็นสอง ไม่รองใคร
เรานั้นไซร้
เป็นถึงชาย ในเอวี
........
ท่าไหนเด็ด
ท่าไหนโดน ขอให้ถาม
อยากโดนตาม
ย่ำยี พร้อมมีให้
ขอเรื่องเดียว
เรื่องนี้ อย่าบอกใคร
รู้ถึงหู
แม่เมื่อไหร่ ตายสถานเดียว
........
- กานณพีร์พระเอกAVที่ทีมต้องการ -
-KANG TALK-
“วันนี้เรียนเหนื่อยไหมครับคุณหนู?”
“นิดหน่อยครับลุง” ผมตอบเจ้าของคำถามยิ้มๆ ก่อนตัดบทด้วยการขอตัว “ผมขอตัวไปพักก่อนนะครับ”
“ครับคุณหนู” ชายวัยกลางคนแต่งกายด้วยชุดสูทสีทึบรับคำพลาง
ก้มหัวลงเล็กน้อยอย่างนอบน้อม ปล่อยผมที่เพิ่งกลับถึงบ้านเหนื่อยๆ
ให้เดินก้าวนำเข้าสู่พื้นที่ภายในตัวบ้าน
ผมชื่อ กั้ง เกิดและโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น
ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางกองเงินกองทองขั้นว่าชาตินี้ทั้งชาติคงใช้ไม่หมด
ได้รับการเลี้ยงดูและการศึกษาที่ดี มีบริวารล้อมหน้าหลัง
หรือแม้แต่ที่พักอาศัยอย่างบ้านหลังใหญ่สไตล์ญี่ปุ่นขนาดเทียบเท่ากับปราสาทในโอซาก้ากลางเมืองหลังนี้
ทั้งหมดที่ผมมี
คือชีวิตที่น่าอิจฉาและเป็นความฝันของใครหลายๆ คนที่ต้องการจะได้ ทั้งที่มีทุกอย่างครบครัน
ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังขาดอะไรไปสักอย่าง...
ตอนแรกผมคิดว่า เซ็กซ์ คือสิ่งที่ขาดไป
อาจด้วยตอนนั้นผมยังเด็กล่ะมั้ง ในหัวเลยคิดแต่เรื่องแบบนี้
ซึ่งการมีความคิดแบบนั้นนั่นแหละ มันเลยทำให้คนที่มีทุกอย่างเพียบพร้อมอย่างผม
เริ่มเข้าสู่วงการใต้สะดืออย่างเต็มตัว
ผันจากชีวิตลูกผู้ดีคนหนึ่งให้กลายเป็นพระเอกหนัง AV ระดับชั้นแนวหน้า
แต่อย่างไรก็ตาม งานที่ผมทำอยู่นั้นมันก็ยังเป็นที่รู้จักของคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น
เพราะมั่นใจงานอาชีพที่ทำอยูจะไม่มีทางแดงขึ้นสู่สาธารณะ
ผมจึงเดินหน้าตามหาสิ่งที่เคยคิดว่าขาดอย่างเต็มกำลังและเก็บมันไว้เป็นความลับภายในกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันมากเท่านั้น
เหตุผลแรกก็เพราะ
หากเรื่องที่ทำอยู่เกิดแดงขึ้นมา มันอาจจะทำให้ชื่อเสียงของครอบครัวที่พ่อแม่สร้างมาพังลง
และเชื่อได้เลยว่าแม่ผมก็คงไม่ชอบมันเอามากๆ
ส่วนเหตุผลที่สองเพราะว่าเกิดอยู่ในตระกูลที่ดีและมีชื่อเสียงทางสังคม
มรดกทั้งหมดของครอบครัวจึงตกเป็นของผมในอนาคตไม่ไปไหน
ภาพลักษณ์ที่เห็นคือสิ่งที่คนในสังคมให้การยอมรับมากกว่าจะพิสูจน์มันด้วยใจ
ดังนั้นการคงไว้ด้วยความเป็นผู้ชายอ่อนหวาน นิ่มนวล
นอบน้อมตามประสาคนมีการศึกษาที่ดี เตรียมพร้อมสู่การเป็นผู้นำรุ่นคนต่อไป
จึงเป็นเรื่องที่ผมควรรักษาเอาไว้พอๆ กับชื่อเสียงของครอบครัว
ทั้งที่รู้ทุกอย่าง
แต่ก็ใช่จะหยุดสิ่งที่ทำอยู่ลงเสียที่ไหน ผมยังคงรับแสดงหนังอย่างว่าอยู่ดี
จนถึงกระทั่งตอนนี้
ตอนที่ผมเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานที่ทำและเช่นเคยผมยังรู้สึกว่าตัวเองยังขาดอยู่เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...
ครืดด...
ประตูบานเลื่อนสไตล์ญี่ปุ่นถูกเลื่อนปิดลงเมื่อผมพาตัวเองเข้ามาในห้องส่วนตัว
เป้สะพายหลังถูกโยนลงกับเตียง
ก่อนเลื่อนมือปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาที่สวมอยู่ออกอย่างลวกๆ
ขณะเดินตรงไปยังหลังฉากกั้นสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า
อันที่จริงแล้วชีวิตบนความเพียบพร้อมมันก็ไม่ดีเสมอไป
หลายอย่างที่ผมอยากทำแต่ไม่ได้เพราะมีคนคอยทำให้ ยกตัวอย่างง่ายๆ
อย่างเช่นการเดินทางไปมหาวิทยาลัย ทุกวันนี้ผมให้รถส่วนตัวของที่บ้านไปส่งอยู่เลย
และที่ระยำตำบอนที่สุดจนเป็นเรื่องที่เพื่อนสนิทในกลุ่มชอบยกมาล้อกันก็คือ
ผมนั่งรถเมล์ไม่เป็น...
แต่ทำไงได้
ก็ดันเกิดมาเป็นลูกชายคนเดียว คนที่บ้านก็เลยประคบประหงมซะเหมือนเป็นง่อย
ได้แต่หวังว่าสักวันจะมีอะไรแปลกใหม่และน่าตื่นเต้นโผล่เข้ามาในชีวิตบ้างก็เท่านั้น
ครืดดด...
เสียงเลื่อนประตูห้องสไตล์ญี่ปุ่นดังขึ้นจังหวะเดียวกับที่อาภรณ์ปกปิดร่างกายชิ้นสุดถูกถอดออก
ซึ่งเสียงดังกล่าวมันก็ได้หยุดความคิดในหัวลงด้วยเช่นกัน ผมรีบคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กมาพันปิดบังร่างกายช่วงล่าง จากนั้นจึงค่อยๆ
เอี้ยวตัวชำเลืองมองต้นเหตุที่มาของเสียงเปิดประตูดังกล่าวด้วยความสงสัย
ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือหญิงสาวเจ้าของหุ่นเพรียวบางในชุดนักศึกษากำลังยืนหันหน้าไปทางประตูห้องพร้อมด้วยถังน้ำและผ้าขี้ริ้วเก่าๆ ในมือ
เธอยืนนิ่งๆ อยู่เกือบ 1 นาทีก่อนวางถังน้ำในมือและย่อตัวลงกับพื้นในท่าคุกเข่า
ผู้หญิงคนนี้ดูไม่สนใจสิ่งอื่นใดในห้องเลยสักนิด
แถมยังไม่สนใจหรือรู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีใครอีกคนนอกจากตัวเองอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมนี้ด้วย
เพราะสิ่งที่คนตัวเล็กสนใจดูจะเป็นการใช้ผ้าขี้ริ้วชุบน้ำบิดหมาด แล้วค่อยๆ
โก่งโค้งตัวลงจัดการถูกพื้นห้องอย่างประณีตและบรรจงเพียงเท่านั้น
เธอโน้มตัวลงและขยับร่างกายช่วงบนต่ำลง จนสะโพกลอยเด่นขึ้นมา แล้วตอนนั้นเองผมก็ได้เห็นอะไรบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้กระโปรงนักศึกษารัดๆ ของเธอ อะไรอย่างเช่น
กางเกงในลายลูกไม้สุดเซ็กซี่สีดำซึ่งกำลังเคลื่อนไหวขึ้นลงตามแรงโยกสะโพกของผู้สวมใส่...
บั้นท้ายกลมกลึงขยับอย่างยั่วยวนเบื้องหน้า
ทำเอาคนที่ได้เห็นอดใจไม่ไหวจำต้องพาตัวเองออกจากหลังฉากกั้น
เดินก้าวเข้าหาเป้าหมายซึ่งดูเหมือนไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด แม้กระทั่งตอนเท้าผมหยุดลงเบื้องหลัง
ห่างจากเธอไปเพียงเกือบสองช่วงแขนก็ตาม หญิงสาวแปลกหน้ายังคงก้มหน้าก้มตาถูพื้นอย่างขะมักเขม้นราวกับในหัวถูกป้อนคำสั่งมาแค่นั้น
ผมเม้มปากลงเล็กน้อยพลางเอี้ยวตัวไปทางเตียงนอน
หยัดมือสองข้างแทนหลัก ลอบมองเสี้ยวหน้าคนขยันให้เต็มตาอย่างเงียบเชียบ
ก่อนต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ นอกจากเธอจะดูไม่เหมือนพวกแม่บ้านคนอื่นแล้ว
ผมยังไม่รู้สึกคุ้นหน้าเธออีกด้วย
หรือว่าเธอเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่?
พอได้ยลหน้าอีกฝ่ายจนพอใจ
ผมก็ค่อยๆเคลื่อนตัวกลับไปยืนกอดอกมองเธอในท่าปกติ
จับจ้องทุกท่วงท่ายามที่อีกฝ่ายกำลังทำความสะอาดห้องให้แบบนี้ แต่ก็มองได้ไม่นานสายตามันก็ดันเพ่งความสนใจไปยังสิ่งอื่นมากกว่าท่วงท่าและการกระทำ
วินาทีนี้อะไรๆ
ก็ไม่น่าสนใจได้เท่ากับกางเกงในสุดเซ็กซี่ที่กำลังออกมาโลดแล่นอยู่เบื้องหน้าราวกับกำลังทักทาย
มิหนำซ้ำยังเริ่มเผยให้เห็นชัดเต็มตามากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะกระโปรงนักศึกษาเริ่มเลิกขึ้นสูงขึ้นทีละนิดๆ ตามการเคลื่อนไหวร่างกาย สะกดให้มองชนิดที่ไม่สามารถละสายตาไปทางอื่นได้อีก
ในเมื่อไม่สามารถมองไปทางอื่นได้
ผมก็ไม่ต่อต้าน เลือกทิ้งตัวลงนั่งยองกับพื้น
จ้องตาสู้กับสะโพกมนที่คล้ายกับยั่วยวนอยู่ตลอดเวลา เคลื่อนไปซ้ายที
ขวาทีอย่างเชื่องช้า
จากระยะห่างเกือบสองช่วงแขนในตอนแรก
ไม่นานก็ลดเหลือเพียงแค่หนึ่งเอื้อมมือ ไม่ใช่ว่าผมเป็นฝ่ายขยับเข้าหาหรอกนะ
แต่เป็นเธอนั่นแหละที่ถูพื้นไปพลางถอยหลังลงมาหาผมเอง
ทั้งที่อยู่ใกล้กันมากขนาดนี้
แต่คนตรงหน้าก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัวสักทีว่าเธอกำลังปล่อยรถหวอออกจากอู่แล่นพล่านทั่วห้องนอนผมอย่างนี้
เธอเหมือนเป็นพวกความรู้สึกช้ายังไงอย่างงั้น...
นอกจากเธอจะไม่รู้ตัวแล้ว
มิหนำซ้ำยังคงก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดพื้นต่อไปแบบไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมองอย่างอื่นรอบกายอีกด้วย
เว้นแต่ช่วงที่ต้องชุบผ้าขี้ริ้วลงกับน้ำในถังใบเล็กที่เตรียมมาเท่านั้น
ข้อดีของการที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
คือการได้มองดูสิ่งสวยงามใต้กระโปรงนักศึกษาของเธออย่างเพลิดเพลิน
ทั้งที่คิดแบบนั้น แต่ไม่นานความเพลิดเพลินที่ได้รับก็เป็นอันสิ้นสุดลง
กึก !
เมื่อนักศึกษาหญิงในคราบแม่บ้านชันเข่าก้าวถอยหลังพลาดเหยียบเข้ากับรีโมทโทรทัศน์
พานให้จอแก้วซึ่งไม่ค่อยได้ใช้งานนักสว่างวาบขึ้นพร้อมกับเครื่องเล่นซีดีที่เริ่มทำงานอัตโนมัติ ทว่า
สิ่งที่เธอทำหลังจากนั้นคือการอ้อมมือหยิบรีโมทวางลงบนที่นอนก่อนจะก้มหน้าก้มตาถูพื้นต่อไปไม่ได้สนหรือใส่ใจกับแสงวูบวาบจากจอแก้วแม้แต่นิด
ทุกอย่างยังคงดำเนินไปอย่างเอื่อยเฉื่อย
ซึ่งผมเองก็ไม่ได้คิดจะส่งเสียงทักทายอะไรอยู่แล้ว
อยากรู้เหมือนกันว่าอีกนานแค่ไหน
เธอถึงจะรู้ตัวสักว่าว่าในห้องนี้ยังมีผมอยู่อีกคน
แถมอยู่ใกล้เธอมากจนแทบจะซุกหน้าใส่บั้นท้ายเธอได้อยู่แล้ว
“..อ๊ะ...อะ...” แต่แล้วการเคลื่อนไหวอย่างเฉื่อยช้าของเธอก็เริ่มมีอันต้องสะดุดลง
จังหวะเดียวกับที่เสียงครวญครางของหญิงสาวในจอแก้วดังขึ้นอย่างสุขสม
คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยคล้ายกับตกใจ
เธอหยุดมือกับทุกการกระทำของตัวเองลง หันมองไปยังต้นเสียงอย่างเชื่องช้า
และนิ่งไปคล้ายกับถูกแช่แข็ง
นัยน์ตาคู่สวยซึ่งดูไม่มีทีท่าจะเหลียวมาทางผมเลยแม้สักวินาทีกำลังจับจ้องไปยังภาพเคลื่อนไหวของคู่ชายหญิงผู้สวมบทบาทนักธุรกิจหนุ่มกับเลขากำลังร่วมรักกันอยู่บนโต๊ะภายในห้องทำงาน
มันคือความสะเพร่าของผมเองที่ลืมเอาแผ่นซีดีออกจากเครื่องเล่น
ครั้นจะปิดก็ดูจะสายเกินเยียวยา เพราะภาพของตัวเองในสภาพเปลือยท่อนล่างจนหมดมันได้ปรากฏต่อสายตาเธอไปแล้ว...
“...อ่า รู้สึกดีไหม”
“..อ๊ะ...ดีค่ะ อีกสิคะ อะ..อ๊า...” หญิงสาวแปลกหน้ามองภาพดังกล่าวแบบไม่วางตาด้วยสีหน้านิ่งสนิท
จดจ้องอยู่ในท่านั่งคุกเข่านิ่งๆ เหมือนหุ่นไร้ความรู้สึก
ไม่อาจเดาได้เลยว่าเธอรู้สึกอย่างไร
ตอนเห็นภาพเคลื่อนไหวของตัวผมกำลังแสดงลีลาร่วมรักอยู่ในจอแก้วแบบนั้น สำหรับผมท่าที่ใช้ในหนังมันโอเคเลยล่ะ แต่ว่าเธอนี่สิกำลังรู้สึกอย่างไร
สุดท้ายผมก็ทนต่อความสงสัยที่มีไม่ไหว
พลั้งปากถามออกไปเมื่อความอดทนสิ้นสุดลง
“ดูแล้ว...รู้สึกเสียวบ้างป่ะ?”
ทว่า สิ่งที่ได้กลับมาดันไม่ใช่คำตอบตามอย่างที่ผมต้องการ
แต่ดันเป็นความเงียบและท่าทางนิ่งสนิท
จนเหมือนว่าคนถูกถามให้ความสนใจกับภาพฉากร่วมรักบนจอแก้วมากกว่าคำถามของผมเสียอีก
เห็นแบบนั้นแล้วมันก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย...
เกือบห้าวินาทีเห็นจะได้ จู่ๆ
คนตัวเล็กก็สะดุ้งเฮือกคล้ายกับตกใจอะไรบางอย่าง
จากนั้นก็หันหน้าขวับมองมาทางผมด้วยสีหน้าตื่นตกใจราวกับว่าเธอเพิ่งรู้สึกตัวว่าถูกถาม
“คะ คุณ...” เสียงหวานๆ
ของเธอก็ฟังดูไม่ต่างจากสีหน้านัก ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความสับสน
เธอแสดงความสับสนของตัวเองด้วยการเลื่อนสายตากลับไปยังที่จอโทรทัศน์อย่างเชื่องช้าสลับกับหันมามองหน้าผมไปมา
การที่คนตัวเล็กแสดงออกให้เห็นเช่นนั้นเลยทำให้ผมตัดสินใจเคลื่อนตัวคว้ารีโมทกดปิดโทรทัศน์ภายในห้องให้ดับลง
เพื่อเรียกนัยนต์ตาคู่สวยให้จับจ้องมายังผมแค่จุดเดียว
“เรียกตั้งนาน ทำไมเพิ่งหัน
ทำแบบนี้มันเสียมารยาทนะรู้ไหม?” ผมถามกึ่งต่อว่านิดหน่อยเมื่อมีโอกาส
ขณะเดียวกับก็กวาดสายตาสำรวจไปทั่วองค์ประกอบบนใบหน้าเรียวสวยของอีกฝ่ายไปด้วย
ก่อนพบว่านอกจากเธออาจเป็นพวกความรู้สึกช้าแล้ว
“ขอโทษค่ะ...คือว่าฉัน...” น้ำเสียงของเธอขณะพูดก็ฟังดูเย็นและเฉื่อยด้วยเช่นกัน
“ชื่อฉันเหรอคะ?”
เธอส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อถูกย้อน
“กระถินค่ะ” และยอมบอกชื่อเรียกเต็มของตัวเองโดยไม่ต้องถาม
“ทำไมหน้าไม่คุ้นเลย เพิ่งมาทำงานใหม่เหรอ?” อีกหนที่คำถามถูกส่งไปหาอีกฝ่ายซึ่งเธอก็ยอมให้คำโดยการพยักหน้าหงึกหงัก
เพราะผมต้องเข้าสังคมบ่อย
การได้พูดคุยกับผู้หญิงคนนี้เพียงไม่กี่ประโยคก็พอจะทำให้รู้ได้ว่าเธอเป็นคนพูดน้อยและค่อนข้างซื่อ
ถามอะไรก็ยอมตอบหมด
ติดอยู่นิดเดียวก็แค่เรื่องที่เธอเมินใส่ผมชั่วขณะหนึ่งตอนถูกถามนั่นแหละ
“แล้วเข้ามาทำอะไรในห้องนี้คะ ?” ความสงสัยผลักดันให้ผมเริ่มยิงคำถามใส่เธอไม่หยุด
“ถูพื้นค่ะ…”
“แต่ที่เห็นเมื่อกี้รู้สึกว่าจะแอบนั่งดูหนังโป๊ไม่ใช่เหรอคะ ?” สิ้นเสียงยอกย้อน อีกฝ่ายก็ดูนิ่งไปเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว
เธอไม่ได้นิ่งเฉยแสดงอาการล่อกแล่กเหมือนคนหาทางหนีความผิด
แต่ว่านิ่งงันชนิดที่ว่าไม่ขยับกายหรือกะพริบตาแสดงอาการหรือสื่อสารใดให้เห็น
เหมือนกับถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ
แต่ก็แค่ครู่เดียว
เพราะไม่กี่วินาทีต่อมาคนตัวเล็กก็เริ่มแสดงอาการให้เห็น
แก้มของเธอก็เริ่มขึ้นสีทีละนิดคล้ายกับเพิ่งรู้สึกเขินในสิ่งที่ถูกถามไป
“เป็นอะไรไปคะ ทำไมหน้าแดงแบบนี้ล่ะ ?”
“เขินค่ะ...” เธอตอบเสียงอ้อมแอ้มอย่างซื่อๆ
และเป็นฝ่ายละสายตาไปจากหน้าผมก่อน
เมื่อสบโอกาสผมจึงใช้ช่วงเวลาที่อีกฝ่ายไม่ทันระวังตัวเคลื่อนตัวเข้าหา
จัดการล็อกปลายคางอีกฝ่ายด้วยหัวแม่โป้งและนิ้วชี้อย่างไม่ต้องลงกำลังลงแรงอะไรมาก
เพราะกว่าเธอจะแสดงอาการสะดุ้งเฮือกมันก็หลังจากผมเข้าประชิดตัวเธอได้หลายวินาทีแล้ว
“อ๊ะ...”
“กว่าจะตอบ กว่าจะรู้ตัว ทำไมดีเลนักล่ะ ?” ผมไม่รอให้เธอฝ่ายเปิดปาก
รีบฉวยโอกาสถามขึ้นเองเพื่อคลายความสงสัยที่มีมาตั้งแต่ต้น จนถึงตอนนี้ “เป็นพวกความรู้สึกช้าเหรอคะ ?”
“คงจะอย่างนั้นค่ะ...ขอโทษด้วยนะคะ...” ท่าทางจะจริง เธอคงเป็นพวกความรู้สึกช้าอย่างทีคาดไว้
ถึงได้รู้ตัวช้าและดีเลในทุกครั้งที่ถูกเรียกหรือถาม
พอเห็นเธอเป็นเช่นนั้นมันก็รู้สึกอยากแกล้งขึ้นมาแบบแปลกๆ
“คนความรู้สึกช้าก็มักเป็นแบบนี้แหละค่ะ
เข้าใจ...” ผมบอกเธอ
พลางเคลื่อนกายเปลือยเปล่าช่วงบนโถมเข้าใส่ในระยะเผาขนแบบไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวติด
ทั้งที่มือข้างถนัดยังคงบีบเชยปลายคางเธอเอาไว้
และใช้มือข้างที่เหลือหยัดลงกับพื้นแทนหลักยึด
ส่วนปากก็เอ่ยถามโดยใช้เพียงสายตาจับสังเกตทีท่าฝ่ายตรงข้ามไปด้วย
อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะรู้สึกช้าไปได้ถึงขั้นไหน...
“อยากลองรู้สึกไวดูบ้างไหมคะ ? เดี๋ยวสอน...”
“อ๊ะ...” ร่างกายเล็กสะดุ้งเกร็ง
กะพริบตาปริบๆ คล้ายกับไม่เข้าใจเหตุผลที่ผมเข้าใกล้เธอแบบนี้
เพียงแค่ใช้กำลังกายนิดหน่อยกดทับ
ร่างที่เล็กกว่าก็โอนเอนตามแรง ล้มตึงลงไปนอนบนพื้นในแนวราบได้แล้ว
กว่าเธอจะใช้มือปัดป้องตัวเอง ทุกอย่างมันก็ดูจะช้าไปหมด เพราะเวลานี้ผมได้ยึดครองร่างกายเธอสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กึก !
ภาพของกระถินที่เห็นผ่านตาในมุมสูงทำผมกระตุกยิ้มอย่างชอบใจ
เพราะการพลิกเป็นฝ่ายเชยชมร่างกายจากด้านบน
มันทำให้ผมรู้สึกดีกว่าการแอบมองท่าทางยั่วยวนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเธอจากทางด้านหลังเสียอีก
อ่า... จนถึงตอนนี้ภาพของบั้นท้ายกับกางเกงในสุดเซ็กซี่ของเธอยังติดตาผมอยู่เลย
“ภาพในทีวี แค่ดู มันอาจรู้สึกตามยาก…” ปากกำลังขยับบอกเธอขณะร่างกายโน้มลงไปหาราวกับมีแรงดึงดูดและหยุดลงข้างหู “มันต้องลองปฏิบัติจริง”
“คุณ…อะ” เธอส่งเสียงลอดผ่านริมฝีปากอิ่มแผ่วๆ ก่อนขาดหายในช่วงท้าย
เมื่อผมจงใจกดริมฝีปากจุมพิตลงเบาๆ บริเวณใบหูของเธอ
แล้วขานรับน้ำเสียงคล้ายกับตกใจวลีแรกของเธอข้างหู
“หืม ?” ตอนแรกก็แค่อยากพิสูจน์เท่านั้นว่าเธอจะคงความรู้สึกเฉื่อยช้าของตัวเองได้นานแค่ไหน
แต่พอได้อยู่ใกล้ด้วยระยะห่างเพียงลมหายใจแบบนี้
กลิ่นหอมหวานตามเนื้อกายเธอมันกลับยิ่งยั่วยวนชวนฝันให้รู้สึกโหยหาต้องการขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล
รู้สึกง่าย
ไวต่อการสัมผัสและการถูกรุกเร้า คงเป็นนิสัยเสียของผมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น
หลังเข้าวงการทำหนังแนวผู้ใหญ่
ยิ่งด้วยในหัวมีแต่ภาพสะโพกกลมกลึงของคนใต้ร่างกำลังส่ายยั่วยวนไปมาด้วยแล้ว
ผมก็ยิ่งหยุดความต้องการของตัวเองไม่ไหว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์หมิ่นเหม่ที่คนตัวเล็กอยู่ในชุดนักศึกษาโดยมีผมซึ่งนุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวคร่อมร่างกายเธอไว้ด้วยแล้วผมก็ยิ่งรู้สึกต้องการมากเข้าไปใหญ่...
และความต้องการทั้งหมดที่เริ่มมีจนไม่สามารถกักเก็บไว้ต่อไปได้ไหว
ปากจึงเริ่มเดินหน้าแสดงความต้องการของตัวเองพรมจูบไปตามซอกคอขาวเคล้าด้วยกลิ่นหอมหวานจากน้ำหอมผู้หญิงอย่างถือโอกาส โดยทิ้งคำถามฟังไม่ได้ศัพท์ใส่อีกฝ่ายให้เหมือนว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ได้เกิดจากความต้องการของผมเองแต่เป็นการสอนให้เธอรู้สึกไวอย่างที่บอกไว้ตอนแรก
“จูบตรงนี้ รู้สึกไหมคะ ?”
“เดี๋ยวก่อน... คุณ...” เธอพยายามขืนกายเล็กน้อย อาจเพราะด้วยเรี่ยวแรงที่ผมใช้กดตรงร่างกายเธอไว้
มันเลยทำให้อีกฝ่ายต่อต้านได้ไม่มากนัก แต่น้ำเสียงเฉื่อยของเธอยังคงให้คำตอบได้ดี
ว่าที่ผมทำอยู่ยังไม่สามารถทำให้เธอรู้สึกได้มากเท่าที่ผมกำลังเป็น
“กั้ง... เรียกกั้งสิ...” มันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องพูดชื่อตัวเองให้อีกฝ่ายได้รู้เลยสักนิด
แต่ปากมันก็ดันไว เหมือนกับมือไม้ที่เริ่มซุกซนไขว้คว้าหาหน้าอกขนาดพอดีมือตรงหน้า
“อะ...คุณ...” ทั้งที่บอกชื่อไปแล้วแท้ๆ
แต่เธอก็ยังเรียกผมด้วยถ้อยวลีเดิมเหมือนไม่ได้ฟัง
ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่า
ว่าในทุกครั้งที่เธอเรียกผมว่าคุณนั้น
มันฟังดูคล้ายกับเป็นวลีที่ยังไม่ถูกเอ่ยออกมาจนจบดีเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะครั้งแรก ครั้งที่สอง หรือแม้แต่ครั้งนี้
แต่แล้วยังไงล่ะ ใครสน
ในเมื่อที่ผมสนใจมันคือเรือนร่างเธอใต้อาภรณ์พวกนี้มากกว่า
“แล้วแบบนี้ละคะ... รู้สึกไหม ?” อีกหนที่ผมถามคนตัวเล็กออกไป โดยทำเป็นเลี่ยงสนใจคำพูดขัดใจดังกล่าว ทว่า
ในคราวนี้ คำตอบที่ได้รับกลับมามันกลับต่างไปจากที่คิด
“รู้สึกแล้วค่ะ !” เธอไม่ได้นิ่งงันไปหลังถูกถามแบบทุกที แต่โพล่งเสียงขึ้นจนผมเองยังรู้สึกตกใจ
สิ่งที่ได้ยินทำผมหยุดชะงักมือไปเล็กน้อยโดยเฉพาะกับประโยคถัดมา “ฉันรู้สึกว่า...จะนึกออกแล้วค่ะ !”
ฟึ่บ !
เธอไม่ได้แค่ยืนกรานคำพูดของตัวเองอย่างเดียว
แต่ยังรีบใช้มือดันตัวผมที่คร่อมร่างไว้ให้ถอยห่างออกไป
“ฉันนึกได้แล้ว ว่าตอนแรกจะทักคุณว่า
หน้าตาเหมือนคนในทีวีเลย...” มิหนำซ้ำยังเริ่มอธิบายสิ่งที่เธอบอกนึกออกด้วยเสียงหัวเราะคิกคักอย่างคนมีความสุข
แถมยังเริ่มพูดจ้อประติดประต่อเรื่องราวที่เธอคิดได้ให้ผมได้ฟังไปด้วย “แล้วก็เมื่อกี้...เหมือนได้ยินคุณบอกว่าชื่อกั้ง...ถ้างั้นก็แปลว่า คุณคือลูกชายของเจ้าของบ้านใช่ไหมคะ...”
น้ำเสียงเฉื่อยเฉยเหมือนว่าเธอลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้เรากำลังทำอะไรกันมา
ทำผมนิ่งสนิท อาการคล้ายกับคนที่ระบบสมองสั่งการรวนไปชั่วขณะ
ได้แต่ตอบเธอแบบคนไม่จะพูดอะไร
“คะ ครับ...”
“ชื่อกระถินนะคะ ! เพิ่งเข้ามาทำงานบ้านวันนี้เป็นครั้งแรกค่ะ...” เธอเหมือนไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังแนะนำตัวซ้ำ “ยินดีที่ได้เจอคุณหนูใกล้ๆ
เป็นครั้งแรกนะคะ สวัสดีค่ะ”
“อะ...เอ่อ...ครับ !” ส่วนผมก็บ้าจี้ตอบรับเธอกลับไปอีก
เธอขยับยิ้มหวานๆ
ส่งให้ก่อนก้มหัวลงเล็กน้อยหลังจากบทสนทนาสิ้นสุดลง แล้วหันกลับไปจัดการกับผ้าขี้ริ้วและเริ่มก้มหน้าก้มตาถูพื้นห้องให้ผมต่อไปเสมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนในห้องห้องนี้
ซัดหน้าผมไว้ด้วยความงงและอารมณ์ที่โคตรค้างเติ่ง
แบบไม่รู้จะเริ่มทำอะไรก่อน
นอกจากนั่งนิ่งเหมือนคนไร้สติซึ่งถูกน็อกเอ้าท์ด้วยคำพูดกับสถานการณ์แปลกๆ
และมองคนตัวเล็กก้มหน้าก้มตาถูกพื้นจนเสร็จก็เท่านั้น
แถมก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องผมไป
ก็ยังไม่วายหันมาบอกลา
“คืนนี้...หลับฝันดีนะคะคุณหนู” ส่วนผมที่ตอนนี้เหลือแต่ร่างอันไร้สติ ก็ได้แต่พยักหน้าโง่ๆ
และตอบเธอกลับไป
“คะ ครับ!” พร้อมด้วยคำถามสั้นๆ ในหัว ชนิดที่ไม่สามารถให้คำตอบตัวเองได้ว่า
เมื่อกี้มันเกิดเชี่ยไรขึ้นวะ ? งง ?
เย้ ! ในที่สุดก็ได้ฤกษ์กลับมาอัพเรื่องนี้แล้ว หลังจากผ่านมรสุมมาอย่างโชกโชน
ทั้งสภาพจิตใจและกาย ขอบคุณสำหรับคนที่ยังรอเรื่องนี้เนอะ ><
ไม่เม้นไม่ว่าแต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา
ll Character ll
FEAT.
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต #กระต่ายกินเต่า
ความคิดเห็น