คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Shockwave00 ll ชะนี VS เก้งกวาง {อัพ100%}
A day we met frozen , Right from the start
I knew that i've found a home for my heart
วันที่เราได้พบกัน เวลาก็เหมือนถูกแช่แข็ง ตั้งแต่ตอนนั้น
ฉันก็รู้ทันทีว่าฉันได้เจอบ้านสำหรับหัวใจแล้ว
A thousand years - song
เสียงเพลงจังหวะเบาๆ
คลอดังขึ้นไปทั่วพื้นที่ใต้ต้นสนใหญ่ ซึ่งถูกจักสถานที่เอาไว้ด้วยช่องดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ตามแบบธรรมเนียนสากล
วินาทีที่หญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดเกาะอกเจ้าสาวสีขาวสะอาดสะอ้านย่างก้าวผ่านซุ้มดอกไม้ซึ่งถูกประดับตกแต่งอย่างประณีต
เสียงประมือและเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีก็ดังขึ้น
ที่หน้าต้นสนใหญ่มีร่างสูงชายหนุ่มในชุดสีขาวสะอาดตายืนรออยู่ ใกล้เคียงกันมีแท่นของประรำพิธีสำหรับใช้ในงาน รวมไปถึงบาทหลวงคนสนิทที่ร่วมพิธีสาบานตนของคู่ชายหญิง ในงานแต่งงานมีแขกเรื่อมาร่วมไม่มากนัก พวกเขาคือญาติผู้ใหญ่ของแต่ล่ะฝ่าย ที่มีความเห็นที่จะร่วมปองเป็นทองแผ่นเดียวกันเท่านั้น
กึก…
ทันทีที่เจ้าสาวเดินมาหยุดตรงหน้าประรำพิธี
เสียงเพลงสุดแสนโรแมนติกก็เงียบลง ลานเล็กๆ
สำหรับใช้ในพิธีแต่งงานตกอยู่ในความเงียบและเต็มไปด้วยความขลังตามศาสนา
“เมื่อเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวมาถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้แล้ว
พ่อก็ขอเริ่มทำพิธีเลยก็แล้วกัน…” เสียงของบาทหลวงอาวุโสเอ่ยขึ้น
พานให้บรรยากาศและบริเวณลานพิธีดูขลังมากยิ่งเข้าไปใหญ่ “คุณ ‘กวีวัธน์’ และ คุณ ‘เกวลิน’
ท่านทั้งสองมาที่นี้โดยไม่ถูกบังคับ
แต่มาโดยสมัครใจใช่อย่างแท้จริงเพื่อเข้าสู่พิธีสมรสใช่หรือไม่”
นัยน์ตาซึ่งเต็มไปด้วยริ้วรอยตามวัยกลอกตามองคู่ชายหญิงตรงหน้านิ่งๆ
เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ไม่ยอมปริปากตอบคำถาม แต่เพราะทั้งคู่ยังคงยืนจ้องหน้ากันนิ่งๆ
บาทหลวงจึงเริ่มทำพิธีต่อไป
“หากท่านทั้งสองมีเจตจำนงที่จะสมรสกันขอให้ท่านจับมือ
ของกันและกันและแสดงความสมัครใจต่อหน้าพระเจ้า และพระศาสนจักรของพระองค์
ฟึ่บ!
ฝ่ายชายซึ่งดูจะว่าง่าย คว้าหมับเข้าที่มือของเจ้าสาว เขากุมมือเธอเอาไว้แน่นโดยที่สายตาของทั้งคู่ยังคงประสานกันไว้ดังเก่า พิธีทางศาสนาดำเนินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีติดขัด หากไม่ใช่กับมือของบ่าวสาวที่บีบกันไว้แน่นจนอีกฝ่ายเริ่มคุมสีหน้าของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ จนกระทั่งบาทหลวงเอ่ยวาจาเพื่อเป็นพยานรักครั้งสุดท้ายของพิธีการ
“ขอพระเจ้าเสกแหวนสองวงนี้
ซึ่งท่านทั้งสองจะสวมให้แก่กันและกัน
เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงความรักและความซื่อสัตย์…
เพื่อไม่ให้เสียพิธี แหวนแต่งงานถูกเชิญโดยนางฟ้าตัวน้อยๆ ทุกอย่างดูจะราบรื่นเมื่อคู่บ่าวสาวต่างสวมแหวนให้แก่กันและกัน เสียงปรบมือดังขึ้นในวินาทีต่อมา เมื่อแหวนแต่งงานสวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของคนทั้งคู่เป็นอันสำเร็จ กลิ่นหอมอบอวลของความรัก ทำให้รอยยิ้มแสดงความยินดีบังเกิดขึ้นแก่พยานนับสิบที่ร่วมกันเป็นสักขีพยาน และทุกอย่างมันคงจะไปได้สวย ถ้าหากว่าบาทหลวงไม่เอ่ยปากพูดประโยคสุดท้ายออกมา
“บ่าวสาวโปรดจุมพิตซึ่งกันและกันเพื่อแสดงเจตจำนงต่อหน้าพยานทั้งหลาย เพื่อให้พระเจ้าเห็นถึงความรักที่คนทั้งคู่มีให้กัน…” อีกครั้งที่คำกล่าวคำสาบานของบาทหลวงทำเอาคนทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันนิ่ง ก่อนที่หนึ่งพวกเขาจะตะคอกเสียงขึ้นเสียงดังฟังชัด
“ไม่!” และนั่นคงเป็นคำตอบเดียวของพิธีแต่งงานในครั้งนี้ ที่พระเจ้าจะได้ยินชัดเจนที่สุด
Wish men say only fools rush in
But I can’t help falling in love
with you
คนที่ฉลาดกว่ามันบอกกันว่าคนโง่เท่านั้นที่มีความรัก
แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา ก็ฉันดันตกหลุมรักเธอไปแล้ว
Falling in love with you - song
[SIN TALK]
@คอนโด K
เวลา 16.15 น.
กึก…
เท้าทั้งสองหยุดลงที่หน้าประตูห้องพักแสนคุ้นเคย
สายตามองผ่านแว่นกันแดดสีทึบเพื่อมองหาใครอีกคนที่คาดว่าน่าจะอยู่แถวนั้นด้วย
แต่ไม่ว่าจะมองซ้ายมองขวา บริเวณพื้นทางเดินหน้าห้องพักดังกล่าวก็ดูจะปลอดโปร่ง
เมื่อทางสะดวกฉันจึงไม่รอช้า
รีบใช้กุญแจสำรองไขเปิดประตูห้องเบื้องหน้าเข้าไปทันที
“พี่อาร์มขา~
หนูซื้อขนมมาฝากด้วยค่า!” ฉันจงใจหวีดเสียงทักทายให้กับผู้เป็นเจ้าของห้องทันที
“อ้าวซิน ทำไมมาไวจัง” ร่างสูงผู้เป็นเจ้าของห้องตอบกลับเสียงทักทายด้วยรอยยิ้มน่ารักกระชากใจ
“หนูกลัวพี่อาร์มรอนานน่ะค่ะ คิกๆ” ฉันจะแนะนำให้รู้จัก ผู้ชายเจ้าของเสน่ห์ล้นเหลือกับรอยยิ้มน่ารักกระชากใจคนนี้ชื่อพี่ ‘อาร์ม’ เขาเป็นคนดังในมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่ แถมเขายังมีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะวิศวฯ ซึ่งไม่ว่าสาวๆ คนไหนได้เห็นเป็นอันต้องตายเกลื่อนเพราะความหล่อพิฆาตของเขาแน่ๆ
ส่วนฉันมีชื่อว่า ‘ซิน’ เป็นรุ่นน้องของพี่อาร์ม 1 ปี
มีดีกรีความสวยของดาวคณะนิเทศฯ เป็นประกัน และที่สำคัญฉันกับพี่อาร์ม
ถือว่าเป็นคู่จิ้นดาวเดือนต่างคณะที่ฮ็อตที่สุดในมหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่เลยแหละ ส่วนเรื่องความสนิทของเราทั้งคู่นั้น...
“พี่อาร์มทานขนมก่อนออกไปดูหนังไหมคะ? เดี๋ยวหนูเอาใส่จานให้” บอกเลยว่าฉันกับพี่อาร์มสนิทกันมากจนถึงขั้นเขายอมให้กุญแจสำรองห้องไว้ที่ฉันหนึ่งดอกเลยแหละ พูดง่ายๆ ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างเราดูคล้ายคู่รักตามอย่างที่คนในมหาวิทยาลัยจับจิ้นนั่นแหละ เพียงแค่ว่าเรายังไม่ได้คบกันจริงๆ จังๆ เพราะสาเหตุหลายๆ ประการ
“ก็ดีนะ ถ้างั้นฝากด้วยนะซิน”
คนตัวใหญ่รับคำยิ้มๆ เพียงแค่นั้นมันก็อดเขินไม่ได้
ต้องรีบหันหลังเดินตรงไปที่ห้องครัว
ตึงง!!
ทว่า ยังไม่ทันได้เริ่มทำตามอย่างที่พี่อาร์มต้องการ
ฉันก็ต้องสะดุ้งตัวโยน เมื่อประตูห้องครัวซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ถูกผลักกระแทกผนักห้องจนเกิดเสียงดัง
พานให้ทั้งฉันและพี่อาร์มหันมองไปยังต้นเสียงเป็นตาเดียวกันด้วยความสงสัย
‘First I was afraid, I was petrified~’ ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือเรียวขาเหยียดตรงออกมาจากด้านในของฝั่งห้องครัวก่อนไขว้รัดไปกับขอบประตู โดยมีเพลงในตำนานของเหล่าสาวประเภทสองอย่างเพลง ‘I will servive’ ดังคลอขึ้น
=_= <<
นี่น่ะหน้าฉัน
ยิ่งได้เห็นเจ้าของเรียวขาโยกย้ายเรือนร่างตามจังหวะเพลง เลื่อยไล้สะโพกกับแผ่นหลังแนบชิดกับขอบประตูออกมาด้วยแล้ว ฉันก็ยิ่งทนไม่ไหว รู้สึกมวลท้องเหมือนจะอ้วกอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มตัวสูงโปร่งรูปร่างดีในชุดเสื้อยืดสีชมพูอ่อนกับกางเกงขาสั้นลายสตรอเบอร์รี่ โชว์ผิวพรรณบริเวณต้นขาอย่างเต็มที่ นัยน์ตาคมเหมือนผู้ชายทั่วๆ ไปมองจิกฉันทันทีที่เราทั้งคู่มีโอกาสได้สบกัน พอเห็นสายตาแบบนั้นของเขาแล้วมันก็อดเบ้ปากมองบนไม่ได้
เขาเหยียดปากด้วยท่าทีเหนือกว่า บรรจงเดินพ็อยเท้าถือแก้วน้ำส้มให้เข้ากับจังหวะเพลงบ่งเพศและเผ่าพันธ์ุของตัวเองด้วยท่าทางดัจจริต ผ่านหน้าฉันไปก่อนทิ้งตัวลงนั่งข้างพี่อาร์มแล้วพูด
“อาร์มครับ…
นี่น้ำส้มที่อาร์มชอบไง” ฉันเบ้ปากอย่างนึกหมั่นไส้กับท่าทางอ้อยอิ่งออดอ้อนโดยอัตโนมัติ
มันคล้ายกับเป็นภาพที่ชินตาแต่ก็ชินไม่ลงสักที
พี่ ‘โซ่’ คือชื่อของผู้ชายคนนี้ ที่ฉันบังเอิญรู้จักเมื่อ
2 เดือนก่อน การพบกันของเราไม่ค่อยน่าพิสมัยสักเท่าไหร่ เพราะตอนที่ฉันพบเขา
เขาดันอยู่ในสภาพเปลือยมีเพียงผ้าขนหนูปิดบังร่างกายผืนเดียว แถมในวันนั้นเขายังคร่อมร่างของพี่อาร์มในท่าทางที่ยั่วยวนที่สุด
ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ใช่ไหมว่าผู้ชายคนนี้น่ะเพศไหน!?
“ดื่มน้ำส้มหน่อยนะครับอาร์ม มามะโซ่ป้อน”
และใช่! พี่โซ่นี่แหละคือปัจจัยแรกที่ทำให้ฉันกับพี่อาร์มไม่มีโอกาสได้ขอคบกันอย่างเป็นทางการจริงๆ
จังๆ สักที เพราะเขาเอาแต่ขัดชอบทำตัวเป็นก้างขวางคอ
พูดให้ถูกก็คือเขาคือศัตรูหัวใจเบอร์หนึ่งของฉันนี่แหละ
ตอนแรกฉันก็ไม่อยากจะยอมรับเขาหรอกนะเพราะเห็นว่าเป็นผู้ชาย
ไม่น่าจะมีอิทธิฤทธิ์อะไรสู้กับความสวย ความสาวของผู้หญิงอย่างฉันหรอก
แต่ข่าวล่ามาแรงแซงทางโค้งดันบอกว่า พี่อาร์มเป็นไบ! แถมยังเคยคบกับผู้ชายมาก่อน!
แถมพี่โซ่ยังมี Skill ออดอ้อนระดับสิบยิ่งกว่าผู้หญิง
เพราะไม่รู้ว่าพวกเขาเคยมีความสัมพันธ์กันลักษณะไหนมาก่อน ฉันที่ทั้งสวยกว่าและเหนือกว่าพี่โซ่ทุกด้านจึงยอมไม่ได้!
“อะแฮ่ม...” ฉันสะดุ้งจากภวังค์ความคิด รีบตวัดหางตามองเจ้าของเสียงเรียก ก่อนพบว่าพี่โซ่กำลังค่อยๆ บรรจงคล้องแขนกอดรัดรอบคอพี่อาร์มเอาไว้ เขาอาศัยจังหวะในช่วงที่พี่อาร์มกำลังสนใจรายการโทรทัศน์ เหลียวหลังเหยียดยิ้มใส่แบบนางพญา สีหน้าและสายตาบ่งบอกชัดว่านางไม่เป็นมิตรกับฉันเลยสักนิด แต่ไม่ใช่กับปากที่เอ่ยพูดเนิบๆ ฟังดูเป็นมิตรกับประโยคที่ฟังแล้วขัดใจว่า
“อ้าวว่าไงจ๊ะ ชะนี!?”
ฉันเบ้ปากในท่ากอดอก สะบัดหน้าเมินคำทักทายดังกล่าวให้เหมือนเป็นธาตุอากาศ แต่ถามว่าพี่โซ่สนใจและหยุดไหม ก็ไม่!
“เมื่อกี้พี่กับอาร์มเพิ่งโซ้ยหมี่กันเสร็จ
วานหล่อนล้างจานให้ทีสิ” แถมยังพูดเน้นคำให้ดูเหนือกว่า
“ทำไมหนูต้องทำให้พี่ด้วยไม่ทราบ!” ฉันย้อนเสียงไม่พอใจ แต่รู้ไหมคนที่ตอบฉันแทนพี่โซ่เป็นใคร
“ล้างให้พี่ทีสิซิน
เดี๋ยวพี่แต่งตัวเสร็จเราจะได้ออกไปดูหนังกัน” และใช่! เขาคือพี่อาร์มว่าที่แฟนในอนาคตของฉันเอง!
พี่อาร์มขยับตัวลุกจากโซฟาตัวยาว บิดยืดตัวเล็กน้อยเผยให้เห็นซิกแพกขยี้ใจภายใต้เสื้อยืด
จนฉันไม่อาจจะลดสายตาไปไหนได้เลย ทว่า
ฟึ่บ!
“มองอะไรชะนี บัดสีจริงๆ!” ก็ยังมีมารผจญคอยขัดขวางความฟินของฉันอยู่ดี
พี่โซ่แยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆ
ใช้มือสองข้างเลื่อนปิดซิกแพกของพี่อาร์มเอาไว้แสดงตัวเหมือนเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
ส่วนพี่อาร์มที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ใจดี ก็ได้แต่จับมือพี่โซ่ออกแล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“พี่ขอไปแต่งตัวเดี๋ยวนะ…” ว่าแล้วพี่อาร์มก็ลุกเดินหายเข้าไปอีกห้อง
ปล่อยฉันทิ้งไว้กับผู้ชายน่ารำคาญแถมยังผิดเพศแบบพี่โซ่ ฉันไม่คิดที่จะญาติกับเขาตั้งแต่วันแรกที่ได้พบหน้าอยู่แล้ว
เลยตัดสินใจสะบัดหน้าเชิดเดินเข้าไปในห้องครัว เพื่อทำหน้าที่ (ว่าที่) แม่บ้านที่ดี
แว่นกันแดดสีทึบถูกถอดออกวางลงข้างอ่างล้างจาน
ก่อนจะเริ่มเปิดน้ำและทำความสะอาดถ้วยชามที่วางค้างเอาไว้ตามคำขอ
ทั้งที่เลี่ยงที่จะอยู่ด้วยแล้วแท้ๆ
แต่ธาตุแท้ของนางมารที่อยู่ในตัวพี่โซ่มันเหลือล้นซะเหลือเกิน
“แลดูเป็นแม่บ้านโน๊ะ~”
ยังคงเดินตามเข้ามาพูดจิกกัดฉันไม่หยุดทุกครั้งที่มีโอกาส
“แน่นอนค่ะ ก็เกิดเป็นผู้หญิงนี่คะ พอดีมีนมไม่ได้มีเดือย!”
เพราะงั้นฉันก็เลยพูดคำเหน็บแนมแบบเน้นคำกลับคืนไปบ้าง
พอได้เอาคืนมันก็อดเหยียดยิ้มอย่างนึกสะใจไม่ได้
กึก!
พี่โซ่เท้าเอนหลังพิงกับเคาน์เตอร์ข้างอ่างล้างจานพลางเท้าแขนลง
สายตามองตรงลอดผ่านประตูห้องครัวโล่งๆ ออกไป ขณะที่ปากเริ่มพูดจากัดจิก
“มีนมแล้วยังไง? คิดว่าพี่จะอิจฉานมปลอมๆ ของหล่อนเหรอ?” ฉันทำตาโตเมื่อได้ฟัง มือไม้อ่อนจนต้องรีบวางฟองน้ำใส่อ่างล้างหน้าตามเดิม ก่อนหันไปขึงตาขุ่นใส่เขาโดยไม่ลืมพูดแก้ต่างให้ตัวเอง
“นมปลอมอะไรกันนะ นี่น่ะของจริง!” พี่โซ่ค่อยๆ เอียงหน้ามอง แต่ไม่ได้เต็มเสี้ยวหน้าหรอกนะ
เพราะเขาอาศัยใช้สายตาชำเลืองมองจากหางตา ริมฝีปากหยักลึกเหยียดยิ้ม เหมือนรู้ทัน
“คิดว่าพี่ไม่รู้หรือไงชะนี ว่านมหล่อนน่ะมันปลอม!
เปลือก!”
“พี่โซ่!” ฉันแว้ดเสียงแบบไม่พอใจกับคำพูดถากถางดังกล่าว
แต่เขาก็ย้อน
“ตะโกนทำไม นังชะนีซินโดรม!” วินาทีนี้ฉันเก็บอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาจะเรียกฉันว่าแรด
ชะนี นังไม่สวย นังเสียงนกหวีดหรืออะไรก็แล้วแต่ ฉันไม่โกรธ แต่ถ้ามาดูถูกเรื่องนมแบบนี้ฉันรับไม่ได้!
เมื่อเขาเป็นฝ่ายเริ่มหาเรื่อง ฉันก็เลยสู้ไม่ถอย จ้องจิกสายตาฟาดฟันกับแววตาเหยียดหยามของผู้ชายผิดเพศตรงหน้าซึ่งกำลังมองหน้าฉันสลับกับหน้าอกไปมา
ก่อนตัดสินใจเด้งหน้าอกกระแทกสายตาเขาเป็นจังหวะหนักๆ จนอีกฝ่ายต้องเบี่ยงตัวหนี
ส่วนปากก็พูดข่มเหงแกมต่อว่าไป
“อิจฉาหนูล่ะสิ ที่มีนม” ฉันเน้นคำพูดของตัวเองให้หนักแน่นตามแรงเด้งหน้าอกของจริงที่ฉันมีแต่เขาไม่มี บอกเลยวินาทีนี้ถ้าสามารถเอานมหนีบหน้าเขาได้ ฉันพร้อมจะทำ! “ถ้าอิจฉา อยากมีนมทำไมไม่เกิดมาเป็นชะนีล่ะคะ!”
หมับ!
“อ๊ะ... O_O!” แต่แล้วการกระทำดังกล่าวของฉันก็ต้องเป็นอันชะงักลง เมื่อผู้ชายตรงหน้าเท้าแขนลงกับขอบเคาน์เตอร์ในลักษณะหันมาเผชิญหน้ากับฉันตรงๆ ไม่ใช่แค่นั้นแต่เขายังจงใจพุ่งมือข้างหนึ่งคว้าหมับเข้าที่หน้าอกฉันพร้อมทั้งออกแรงบีบเบาๆ อย่างถือดี โดยที่ริมฝีปากหยักลึกบดพ่นคำพูดวลีสั้นๆ ออกมา
“เห็นไหม... ปลอม! เปลือก!” Whattttttttttt!!!
[SOE TALK]
คนตัวเล็กตรงหน้าทำตาโต ยืนตาค้างเมื่อถูกฝ่ามือของผมกอบกำปนแรงขย้ำหน้าอกที่เธอมั่นใจนักหนาเอาไว้ แต่ก่อนที่เธอจะสร่างจากอารมณ์ตกใจจนเริ่มหวีดเสียงร้องน่ารำคาญให้ปวดหู ผมเลยเป็นฝ่ายผละมือออกไปเองหลังเหน็บแนบเธอจบ
“พี่ทำบ้าอะไร!?” เห็นไหม
ผมเดาอะไรผิด ตั้งแต่รู้จักมาเธอก็ชอบหวีดเสียงน่ารำคาญแบบนี้ใส่อยู่เสมอๆ
“เช็กนมหล่อนไง” ถูกเธอถาม
ผมก็เลยตอบตรงๆ
“แล้วทำไมต้องจับ! อ๋อ
อิจฉาล่ะสิที่ตัวเองไม่มีนม!!” พอปล่อยให้โวยวาย เรื่องก็ชักไปกันใหญ่
จนอดชักมือกลับมากอดอก กลอกตามองบนให้กับท่าทีคนตัวเล็กตรงหน้าไม่ได้
“หล่อนนี่นักมโนนะชะนี” ส่วนปากก็แอบพ่นคำพูดจิกกัดออกไปนิดหน่อย
“ไอ้เกย์โรคจิต! ไอ้ขี้อิจฉา
ไอ้วิปริต กรี๊ดๆๆ” ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหวีดสลับกับคำต่อว่ายาวๆ
ไม่หยุด
อ่า… ให้ตายสิ
ยัยนี่ทำไมต้องทำให้สถานการณ์ดูวุ่นวายด้วยนะ โดยเฉพาะกับต่อว่าที่ไม่ว่าจะฟังกี่ทีก็โคตรขัดใจ
‘เกย์’ ผมไม่ชอบคำกำจัดความนี้สักเท่าไหร่ มันทำให้รสนิยมทางเพศของผมแคบลง ผมเรียนทางด้านแฟชั่น ทำให้เพื่อนส่วนมากที่มี เป็นพวก เก้ง กวาง ตุ๊ด เกย์ อนุรักษ์ป่าไม้เดียวกันซะส่วนใหญ่ แต่ก็อย่างที่บอกผมไม่ชอบให้จำกัดความนิยายตัวผมว่าเกย์ เพราะจริงๆ แล้ว ผมก็คบได้หมดทุกเพศนั่นแหละนะ ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย ไม่เกี่ยงเรื่องเพศอะไรเทือกนี้อยู่แล้ว ผมเคยคบหมดมาแล้วทุกเพศทุกวัย เข้าทำนองที่ว่า ผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ชอบ นั่นแหละ
Rrrrrrrrr
ขณะเดียวกันนั้นเอง
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์แสนคุ้นหูของผู้เป็นเจ้าของห้องก็ดังขึ้น
นับว่าเป็นโชคดีเพราะเสียงดังกล่าวทำให้ผู้หญิงปากจัดตรงหน้าหยุดเวิ้นเว่อน่ารำคาญลงได้
ไม่ใช่แค่นั้นมันยังทำให้เธอยอมผละออกจากขอบอ่างล้างจานตรงไปยืนด้อมๆ มองๆ
ที่ขอบข้างประตูห้องครัวอีกต่างหาก
พอเห็นเธอเดินไปอยู่ตรงนั้น
ผมก็เลยเดินตามไปยืนแอบอยู่ข้างหลังเธอ
วินาทีนี้ดูเหมือนซินจะไม่ได้แสดงทีท่ารังเกียจหรือตั้งตัวเป็นศัตรูกับผมเหมือนอย่างที่เคย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้าของโทรศัพท์กำลังรับสาย
“จ๋าว่าไง…วันนี้คงไปไม่ได้นะ
พอดีมีนัดดูหนังน่ะ” เสียงของ ‘อาร์ม’
ที่ดูจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าถูกชะนีแอบฟัง
ยังคงพูดตอบกลับปลายสายตามสไตล์ของมัน
ผมรู้จักกับอาร์มมาตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์ระหว่างเราเป็นความลับสุดยอด และพูดได้เต็มปากเลยว่าผมรู้ทุกอย่างว่ามันชอบหรือไม่ชอบอะไร
และไม่แปลกใจเลยหากมันจะทำตัวน่ารักและใจดีใส่ซินหรือผมตลอดเวลา
“ใครโทรมานะ…” ผมหลุบตาจากภาพภายในห้องรับรองมองคนตัวเล็กที่เริ่มทำสีหน้าเคร่งเครียดครุ่นคิด
แต่เหมือนเธอจะรู้ตัวถึงได้ช้อนตามองผม ท่าทางขัดใจ
“มองอะไร!?” เธอตะคอกเสียงถามในระดับเสียงที่เราทั้งคู่ได้ยิน
ผู้หญิงลีลา ท่าเยอะ แถมยังเจ้าแผนการแบบซิน คงไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองถูกไอ้อาร์มจับได้หรอก
ผมเบ้ปากยักไหล่ไม่สนใจ
เธอเลยจิ๊ปากก่อนตวัดหางตาแอบลองมองไปในห้องรับรองอีกครั้ง
“น่าจะกลับสักค่ำๆ อยากเจอเหรอ?” ไม่ใช่แค่ซินหรอกที่ดูจะตั้งใจฟังอาร์มคุยโทรศัพท์ ผมเองก็เช่นกัน “เอาไว้พรุ่งนี้นะ… ครับ…
น่ารักจังเลย…”
“มีชมกันว่าน่ารักด้วย ใครโทรมานะ!” ผมกลอกตาอย่างเอือมระอากับเสียงงุ้งงิ้ง บ่นเป็นแมงหวี่ของคนตัวเล็กตรงหน้า
หากแต่ลึก แล้วผมกลับชอบความเยอะของเธอคนนี้อยู่เหมือนกันนะ
มันดูตลกดี...
“พี่ไปกัน 3 คนค่ะ… ไปกับคนรู้จักนั่นแหละ ไม่ต้องห่วงนะ” สิ้นเสียงของอาร์ม
น้องซินซึ่งยืนแอบฟังมาตั้งแต่ต้นก็หันหลังขวับมองผม แววตาตื่นตกใจ นัยน์ตากลมเธอเบิกกว้างคล้ายกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอเริ่มสั่นคล้ายกับอยากจะพูดอะไร
ผมเบือนสายตามองไปทางอื่น
บิดสะโพกเล็กน้อยพิงนาบไปกับผนังห้อง และพูดใส่เธอสั้นๆ
“นก![1]”
“ไม่มีทาง!” การที่เธอตอบกลับมาน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจขนาดนั้น
แปลได้คำเดียวว่าซินเข้าใจความหมายที่ผมจะสื่อ
เธอแสดงท่าทางมั่นอกมั่นใจด้วยการเดินย้อนไปหยิบแว่นกันแดด
ก่อนเดินทิ้งส้นเท้าตึงๆ
กลับออกไปที่ห้องรับรองปล่อยผมให้ยืนกลั้นขำท่าทางเหมือนราชินีของเธอแบบนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องครัว
ครืดด ครืดด…
แรงสั่นเบาๆ
ภายในกระเป๋าเสื้อคลุมทำผมล้วงมือหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดรับสายแบบไม่ต้องดูเบอร์
“ว่า?”
[มึงอยู่ไหนวะ?] เสียงเข้มจากปลายสายทำผมกระตุกยิ้มหยันอย่างพอใจ มันคือไอ้ ‘ทันต์’ เพื่อนที่เรียนแฟชั่นที่มหาวิทยาลัยเดียวกันและมีชะตากรรมไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่ เพราะเราทั้งคู่ถูกจักเอาไว้ในโหมด คู่จิ้น สำหรับบรรดาเก้งกวางที่อยากให้ผมได้เสียกับมัน
“บ้านอาร์ม”
[พวกตีตี้มันจะไปเที่ยวกันคืนนี้ มึงจะไปป่ะวะ?]
“ไป”
[เออดี แล้วนี่มึงทำอะไรอยู่?]
“กำลังจะออกไปดูหนังว่ะ”
[กับใครวะ?] พอได้ยินคำถามนี้ สายตาผมมองลอดผ่านช่องว่างประตูออกไปพอดี ภาพที่เห็นภายในห้องรับรองตอนนี้คือคู่ชายหญิงซึ่งกำลังยืนคุยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผมมองไปที่น้องซินก่อนเลื่อนสายตาไปที่อาร์มพลางเลียนิ้วหัวแม้มือไปด้วย เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะได้เจอเรื่องสนุกๆ
ส่วนปากก็ตอบไอ้ทันต์ออกไปอย่างเต็มปากเต็มคำ
“ก็ไปกับพวก... แฟนเก่ากูไง”
To Be Continued...
ความคิดเห็น