ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SHOCKWAVE ll รักต้องรุก

    ลำดับตอนที่ #1 : Shockwave00 ll ชะนี VS เก้งกวาง {อัพ100%}

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 59





    Prologue
    -บทนำ-

    A day we met frozen , Right from the start 

    I knew that i've found a home for my heart

    วันที่เราได้พบกัน เวลาก็เหมือนถูกแช่แข็ง ตั้งแต่ตอนนั้น

    ฉันก็รู้ทันทีว่าฉันได้เจอบ้านสำหรับหัวใจแล้ว

    A  thousand years - song



     เสียงเพลงจังหวะเบาๆ คลอดังขึ้นไปทั่วพื้นที่ใต้ต้นสนใหญ่ ซึ่งถูกจักสถานที่เอาไว้ด้วยช่องดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ตามแบบธรรมเนียนสากล วินาทีที่หญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดเกาะอกเจ้าสาวสีขาวสะอาดสะอ้านย่างก้าวผ่านซุ้มดอกไม้ซึ่งถูกประดับตกแต่งอย่างประณีต เสียงประมือและเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีก็ดังขึ้น

    ที่หน้าต้นสนใหญ่มีร่างสูงชายหนุ่มในชุดสีขาวสะอาดตายืนรออยู่ ใกล้เคียงกันมีแท่นของประรำพิธีสำหรับใช้ในงาน รวมไปถึงบาทหลวงคนสนิทที่ร่วมพิธีสาบานตนของคู่ชายหญิง ในงานแต่งงานมีแขกเรื่อมาร่วมไม่มากนัก พวกเขาคือญาติผู้ใหญ่ของแต่ล่ะฝ่าย ที่มีความเห็นที่จะร่วมปองเป็นทองแผ่นเดียวกันเท่านั้น

    กึก

    ทันทีที่เจ้าสาวเดินมาหยุดตรงหน้าประรำพิธี เสียงเพลงสุดแสนโรแมนติกก็เงียบลง ลานเล็กๆ สำหรับใช้ในพิธีแต่งงานตกอยู่ในความเงียบและเต็มไปด้วยความขลังตามศาสนา

    เมื่อเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวมาถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้แล้ว พ่อก็ขอเริ่มทำพิธีเลยก็แล้วกัน…” เสียงของบาทหลวงอาวุโสเอ่ยขึ้น พานให้บรรยากาศและบริเวณลานพิธีดูขลังมากยิ่งเข้าไปใหญ่ คุณ กวีวัธน์และ คุณ เกวลินท่านทั้งสองมาที่นี้โดยไม่ถูกบังคับ แต่มาโดยสมัครใจใช่อย่างแท้จริงเพื่อเข้าสู่พิธีสมรสใช่หรือไม่

    นัยน์ตาซึ่งเต็มไปด้วยริ้วรอยตามวัยกลอกตามองคู่ชายหญิงตรงหน้านิ่งๆ เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ไม่ยอมปริปากตอบคำถาม แต่เพราะทั้งคู่ยังคงยืนจ้องหน้ากันนิ่งๆ บาทหลวงจึงเริ่มทำพิธีต่อไป

    หากท่านทั้งสองมีเจตจำนงที่จะสมรสกันขอให้ท่านจับมือ ของกันและกันและแสดงความสมัครใจต่อหน้าพระเจ้า และพระศาสนจักรของพระองค์

    ฟึ่บ!

    ฝ่ายชายซึ่งดูจะว่าง่าย คว้าหมับเข้าที่มือของเจ้าสาว เขากุมมือเธอเอาไว้แน่นโดยที่สายตาของทั้งคู่ยังคงประสานกันไว้ดังเก่า พิธีทางศาสนาดำเนินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีติดขัด หากไม่ใช่กับมือของบ่าวสาวที่บีบกันไว้แน่นจนอีกฝ่ายเริ่มคุมสีหน้าของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ จนกระทั่งบาทหลวงเอ่ยวาจาเพื่อเป็นพยานรักครั้งสุดท้ายของพิธีการ

    ขอพระเจ้าเสกแหวนสองวงนี้ ซึ่งท่านทั้งสองจะสวมให้แก่กันและกัน เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงความรักและความซื่อสัตย์ สิ้นเสียงซึ่งเต็มไปด้วยพลังและความเชื่อ หากแต่คนฟังยังคงยืนนิ่งมองหน้ากัน

    เพื่อไม่ให้เสียพิธี แหวนแต่งงานถูกเชิญโดยนางฟ้าตัวน้อยๆ ทุกอย่างดูจะราบรื่นเมื่อคู่บ่าวสาวต่างสวมแหวนให้แก่กันและกัน เสียงปรบมือดังขึ้นในวินาทีต่อมา เมื่อแหวนแต่งงานสวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของคนทั้งคู่เป็นอันสำเร็จ กลิ่นหอมอบอวลของความรัก ทำให้รอยยิ้มแสดงความยินดีบังเกิดขึ้นแก่พยานนับสิบที่ร่วมกันเป็นสักขีพยาน และทุกอย่างมันคงจะไปได้สวย ถ้าหากว่าบาทหลวงไม่เอ่ยปากพูดประโยคสุดท้ายออกมา

    บ่าวสาวโปรดจุมพิตซึ่งกันและกันเพื่อแสดงเจตจำนงต่อหน้าพยานทั้งหลาย เพื่อให้พระเจ้าเห็นถึงความรักที่คนทั้งคู่มีให้กัน…” อีกครั้งที่คำกล่าวคำสาบานของบาทหลวงทำเอาคนทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันนิ่ง ก่อนที่หนึ่งพวกเขาจะตะคอกเสียงขึ้นเสียงดังฟังชัด

    ไม่!” และนั่นคงเป็นคำตอบเดียวของพิธีแต่งงานในครั้งนี้ ที่พระเจ้าจะได้ยินชัดเจนที่สุด


    Wish men say only fools rush in

    But I can’t help falling in love with you

    คนที่ฉลาดกว่ามันบอกกันว่าคนโง่เท่านั้นที่มีความรัก

    แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา ก็ฉันดันตกหลุมรักเธอไปแล้ว

    Falling in love with you - song


    [SIN TALK]

    @คอนโด K

    เวลา 16.15 .

    กึก

    เท้าทั้งสองหยุดลงที่หน้าประตูห้องพักแสนคุ้นเคย สายตามองผ่านแว่นกันแดดสีทึบเพื่อมองหาใครอีกคนที่คาดว่าน่าจะอยู่แถวนั้นด้วย แต่ไม่ว่าจะมองซ้ายมองขวา บริเวณพื้นทางเดินหน้าห้องพักดังกล่าวก็ดูจะปลอดโปร่ง เมื่อทางสะดวกฉันจึงไม่รอช้า รีบใช้กุญแจสำรองไขเปิดประตูห้องเบื้องหน้าเข้าไปทันที

    พี่อาร์มขา~ หนูซื้อขนมมาฝากด้วยค่า!” ฉันจงใจหวีดเสียงทักทายให้กับผู้เป็นเจ้าของห้องทันที

    อ้าวซิน ทำไมมาไวจังร่างสูงผู้เป็นเจ้าของห้องตอบกลับเสียงทักทายด้วยรอยยิ้มน่ารักกระชากใจ

    หนูกลัวพี่อาร์มรอนานน่ะค่ะ คิกๆ” ฉันจะแนะนำให้รู้จัก ผู้ชายเจ้าของเสน่ห์ล้นเหลือกับรอยยิ้มน่ารักกระชากใจคนนี้ชื่อพี่ อาร์มเขาเป็นคนดังในมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่ แถมเขายังมีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะวิศวฯ ซึ่งไม่ว่าสาวๆ คนไหนได้เห็นเป็นอันต้องตายเกลื่อนเพราะความหล่อพิฆาตของเขาแน่ๆ

    ส่วนฉันมีชื่อว่า ซินเป็นรุ่นน้องของพี่อาร์ม 1 ปี มีดีกรีความสวยของดาวคณะนิเทศฯ เป็นประกัน และที่สำคัญฉันกับพี่อาร์ม ถือว่าเป็นคู่จิ้นดาวเดือนต่างคณะที่ฮ็อตที่สุดในมหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่เลยแหละ ส่วนเรื่องความสนิทของเราทั้งคู่นั้น...

    พี่อาร์มทานขนมก่อนออกไปดูหนังไหมคะ? เดี๋ยวหนูเอาใส่จานให้” บอกเลยว่าฉันกับพี่อาร์มสนิทกันมากจนถึงขั้นเขายอมให้กุญแจสำรองห้องไว้ที่ฉันหนึ่งดอกเลยแหละ พูดง่ายๆ ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างเราดูคล้ายคู่รักตามอย่างที่คนในมหาวิทยาลัยจับจิ้นนั่นแหละ เพียงแค่ว่าเรายังไม่ได้คบกันจริงๆ จังๆ เพราะสาเหตุหลายๆ ประการ

    ก็ดีนะ ถ้างั้นฝากด้วยนะซินคนตัวใหญ่รับคำยิ้มๆ เพียงแค่นั้นมันก็อดเขินไม่ได้ ต้องรีบหันหลังเดินตรงไปที่ห้องครัว

    ตึงง!!

    ทว่า ยังไม่ทันได้เริ่มทำตามอย่างที่พี่อาร์มต้องการ ฉันก็ต้องสะดุ้งตัวโยน เมื่อประตูห้องครัวซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ถูกผลักกระแทกผนักห้องจนเกิดเสียงดัง พานให้ทั้งฉันและพี่อาร์มหันมองไปยังต้นเสียงเป็นตาเดียวกันด้วยความสงสัย

    ‘First I was afraid, I was petrified~’ ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือเรียวขาเหยียดตรงออกมาจากด้านในของฝั่งห้องครัวก่อนไขว้รัดไปกับขอบประตู โดยมีเพลงในตำนานของเหล่าสาวประเภทสองอย่างเพลง ‘I will servive’ ดังคลอขึ้น

    =_= << นี่น่ะหน้าฉัน

    ยิ่งได้เห็นเจ้าของเรียวขาโยกย้ายเรือนร่างตามจังหวะเพลง เลื่อยไล้สะโพกกับแผ่นหลังแนบชิดกับขอบประตูออกมาด้วยแล้ว ฉันก็ยิ่งทนไม่ไหว รู้สึกมวลท้องเหมือนจะอ้วกอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มตัวสูงโปร่งรูปร่างดีในชุดเสื้อยืดสีชมพูอ่อนกับกางเกงขาสั้นลายสตรอเบอร์รี่ โชว์ผิวพรรณบริเวณต้นขาอย่างเต็มที่ นัยน์ตาคมเหมือนผู้ชายทั่วๆ ไปมองจิกฉันทันทีที่เราทั้งคู่มีโอกาสได้สบกัน พอเห็นสายตาแบบนั้นของเขาแล้วมันก็อดเบ้ปากมองบนไม่ได้

    เขาเหยียดปากด้วยท่าทีเหนือกว่า บรรจงเดินพ็อยเท้าถือแก้วน้ำส้มให้เข้ากับจังหวะเพลงบ่งเพศและเผ่าพันธ์ุของตัวเองด้วยท่าทางดัจจริต ผ่านหน้าฉันไปก่อนทิ้งตัวลงนั่งข้างพี่อาร์มแล้วพูด

    อาร์มครับ นี่น้ำส้มที่อาร์มชอบไงฉันเบ้ปากอย่างนึกหมั่นไส้กับท่าทางอ้อยอิ่งออดอ้อนโดยอัตโนมัติ มันคล้ายกับเป็นภาพที่ชินตาแต่ก็ชินไม่ลงสักที

    พี่ ‘โซ่’ คือชื่อของผู้ชายคนนี้ ที่ฉันบังเอิญรู้จักเมื่อ 2 เดือนก่อน การพบกันของเราไม่ค่อยน่าพิสมัยสักเท่าไหร่ เพราะตอนที่ฉันพบเขา เขาดันอยู่ในสภาพเปลือยมีเพียงผ้าขนหนูปิดบังร่างกายผืนเดียว แถมในวันนั้นเขายังคร่อมร่างของพี่อาร์มในท่าทางที่ยั่วยวนที่สุด

    ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ใช่ไหมว่าผู้ชายคนนี้น่ะเพศไหน!?

    ดื่มน้ำส้มหน่อยนะครับอาร์ม มามะโซ่ป้อนและใช่! พี่โซ่นี่แหละคือปัจจัยแรกที่ทำให้ฉันกับพี่อาร์มไม่มีโอกาสได้ขอคบกันอย่างเป็นทางการจริงๆ จังๆ สักที เพราะเขาเอาแต่ขัดชอบทำตัวเป็นก้างขวางคอ พูดให้ถูกก็คือเขาคือศัตรูหัวใจเบอร์หนึ่งของฉันนี่แหละ

    ตอนแรกฉันก็ไม่อยากจะยอมรับเขาหรอกนะเพราะเห็นว่าเป็นผู้ชาย ไม่น่าจะมีอิทธิฤทธิ์อะไรสู้กับความสวย ความสาวของผู้หญิงอย่างฉันหรอก แต่ข่าวล่ามาแรงแซงทางโค้งดันบอกว่า พี่อาร์มเป็นไบ! แถมยังเคยคบกับผู้ชายมาก่อน!

    แถมพี่โซ่ยังมี Skill ออดอ้อนระดับสิบยิ่งกว่าผู้หญิง  เพราะไม่รู้ว่าพวกเขาเคยมีความสัมพันธ์กันลักษณะไหนมาก่อน ฉันที่ทั้งสวยกว่าและเหนือกว่าพี่โซ่ทุกด้านจึงยอมไม่ได้!

    “อะแฮ่ม...” ฉันสะดุ้งจากภวังค์ความคิด รีบตวัดหางตามองเจ้าของเสียงเรียก ก่อนพบว่าพี่โซ่กำลังค่อยๆ บรรจงคล้องแขนกอดรัดรอบคอพี่อาร์มเอาไว้ เขาอาศัยจังหวะในช่วงที่พี่อาร์มกำลังสนใจรายการโทรทัศน์ เหลียวหลังเหยียดยิ้มใส่แบบนางพญา สีหน้าและสายตาบ่งบอกชัดว่านางไม่เป็นมิตรกับฉันเลยสักนิด แต่ไม่ใช่กับปากที่เอ่ยพูดเนิบๆ ฟังดูเป็นมิตรกับประโยคที่ฟังแล้วขัดใจว่า

    “อ้าวว่าไงจ๊ะ ชะนี!?”

    ฉันเบ้ปากในท่ากอดอก สะบัดหน้าเมินคำทักทายดังกล่าวให้เหมือนเป็นธาตุอากาศ แต่ถามว่าพี่โซ่สนใจและหยุดไหม ก็ไม่!

    เมื่อกี้พี่กับอาร์มเพิ่งโซ้ยหมี่กันเสร็จ วานหล่อนล้างจานให้ทีสิ” แถมยังพูดเน้นคำให้ดูเหนือกว่า

    ทำไมหนูต้องทำให้พี่ด้วยไม่ทราบ!” ฉันย้อนเสียงไม่พอใจ แต่รู้ไหมคนที่ตอบฉันแทนพี่โซ่เป็นใคร

    ล้างให้พี่ทีสิซิน เดี๋ยวพี่แต่งตัวเสร็จเราจะได้ออกไปดูหนังกันและใช่! เขาคือพี่อาร์มว่าที่แฟนในอนาคตของฉันเอง!

    พี่อาร์มขยับตัวลุกจากโซฟาตัวยาว บิดยืดตัวเล็กน้อยเผยให้เห็นซิกแพกขยี้ใจภายใต้เสื้อยืด จนฉันไม่อาจจะลดสายตาไปไหนได้เลย ทว่า

    ฟึ่บ!

    มองอะไรชะนี บัดสีจริงๆ!” ก็ยังมีมารผจญคอยขัดขวางความฟินของฉันอยู่ดี 

    พี่โซ่แยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆ ใช้มือสองข้างเลื่อนปิดซิกแพกของพี่อาร์มเอาไว้แสดงตัวเหมือนเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ส่วนพี่อาร์มที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ใจดี ก็ได้แต่จับมือพี่โซ่ออกแล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    พี่ขอไปแต่งตัวเดี๋ยวนะ…” ว่าแล้วพี่อาร์มก็ลุกเดินหายเข้าไปอีกห้อง ปล่อยฉันทิ้งไว้กับผู้ชายน่ารำคาญแถมยังผิดเพศแบบพี่โซ่ ฉันไม่คิดที่จะญาติกับเขาตั้งแต่วันแรกที่ได้พบหน้าอยู่แล้ว เลยตัดสินใจสะบัดหน้าเชิดเดินเข้าไปในห้องครัว เพื่อทำหน้าที่ (ว่าที่) แม่บ้านที่ดี

    แว่นกันแดดสีทึบถูกถอดออกวางลงข้างอ่างล้างจาน ก่อนจะเริ่มเปิดน้ำและทำความสะอาดถ้วยชามที่วางค้างเอาไว้ตามคำขอ ทั้งที่เลี่ยงที่จะอยู่ด้วยแล้วแท้ๆ แต่ธาตุแท้ของนางมารที่อยู่ในตัวพี่โซ่มันเหลือล้นซะเหลือเกิน

    แลดูเป็นแม่บ้านโน๊ะ~ ยังคงเดินตามเข้ามาพูดจิกกัดฉันไม่หยุดทุกครั้งที่มีโอกาส

    แน่นอนค่ะ ก็เกิดเป็นผู้หญิงนี่คะ พอดีมีนมไม่ได้มีเดือย!” เพราะงั้นฉันก็เลยพูดคำเหน็บแนมแบบเน้นคำกลับคืนไปบ้าง พอได้เอาคืนมันก็อดเหยียดยิ้มอย่างนึกสะใจไม่ได้

    กึก!

    พี่โซ่เท้าเอนหลังพิงกับเคาน์เตอร์ข้างอ่างล้างจานพลางเท้าแขนลง สายตามองตรงลอดผ่านประตูห้องครัวโล่งๆ ออกไป ขณะที่ปากเริ่มพูดจากัดจิก

    มีนมแล้วยังไง? คิดว่าพี่จะอิจฉานมปลอมๆ ของหล่อนเหรอ?” ฉันทำตาโตเมื่อได้ฟัง มือไม้อ่อนจนต้องรีบวางฟองน้ำใส่อ่างล้างหน้าตามเดิม ก่อนหันไปขึงตาขุ่นใส่เขาโดยไม่ลืมพูดแก้ต่างให้ตัวเอง

    นมปลอมอะไรกันนะ นี่น่ะของจริง!” พี่โซ่ค่อยๆ เอียงหน้ามอง แต่ไม่ได้เต็มเสี้ยวหน้าหรอกนะ เพราะเขาอาศัยใช้สายตาชำเลืองมองจากหางตา ริมฝีปากหยักลึกเหยียดยิ้ม เหมือนรู้ทัน

    คิดว่าพี่ไม่รู้หรือไงชะนี ว่านมหล่อนน่ะมันปลอม! เปลือก!

    พี่โซ่!” ฉันแว้ดเสียงแบบไม่พอใจกับคำพูดถากถางดังกล่าว แต่เขาก็ย้อน

    ตะโกนทำไม นังชะนีซินโดรม!” วินาทีนี้ฉันเก็บอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาจะเรียกฉันว่าแรด ชะนี นังไม่สวย นังเสียงนกหวีดหรืออะไรก็แล้วแต่ ฉันไม่โกรธ แต่ถ้ามาดูถูกเรื่องนมแบบนี้ฉันรับไม่ได้!

    เมื่อเขาเป็นฝ่ายเริ่มหาเรื่อง ฉันก็เลยสู้ไม่ถอย จ้องจิกสายตาฟาดฟันกับแววตาเหยียดหยามของผู้ชายผิดเพศตรงหน้าซึ่งกำลังมองหน้าฉันสลับกับหน้าอกไปมา ก่อนตัดสินใจเด้งหน้าอกกระแทกสายตาเขาเป็นจังหวะหนักๆ จนอีกฝ่ายต้องเบี่ยงตัวหนี ส่วนปากก็พูดข่มเหงแกมต่อว่าไป

    อิจฉาหนูล่ะสิ ที่มีนมฉันเน้นคำพูดของตัวเองให้หนักแน่นตามแรงเด้งหน้าอกของจริงที่ฉันมีแต่เขาไม่มี บอกเลยวินาทีนี้ถ้าสามารถเอานมหนีบหน้าเขาได้ ฉันพร้อมจะทำ! ถ้าอิจฉา อยากมีนมทำไมไม่เกิดมาเป็นชะนีล่ะคะ!”

    หมับ!

    “อ๊ะ... O_O!” แต่แล้วการกระทำดังกล่าวของฉันก็ต้องเป็นอันชะงักลง เมื่อผู้ชายตรงหน้าเท้าแขนลงกับขอบเคาน์เตอร์ในลักษณะหันมาเผชิญหน้ากับฉันตรงๆ ไม่ใช่แค่นั้นแต่เขายังจงใจพุ่งมือข้างหนึ่งคว้าหมับเข้าที่หน้าอกฉันพร้อมทั้งออกแรงบีบเบาๆ อย่างถือดี โดยที่ริมฝีปากหยักลึกบดพ่นคำพูดวลีสั้นๆ ออกมา

    “เห็นไหม... ปลอม! เปลือก!” Whattttttttttt!!!

    [SOE TALK]

    คนตัวเล็กตรงหน้าทำตาโต ยืนตาค้างเมื่อถูกฝ่ามือของผมกอบกำปนแรงขย้ำหน้าอกที่เธอมั่นใจนักหนาเอาไว้ แต่ก่อนที่เธอจะสร่างจากอารมณ์ตกใจจนเริ่มหวีดเสียงร้องน่ารำคาญให้ปวดหู ผมเลยเป็นฝ่ายผละมือออกไปเองหลังเหน็บแนบเธอจบ

    พี่ทำบ้าอะไร!?” เห็นไหม ผมเดาอะไรผิด ตั้งแต่รู้จักมาเธอก็ชอบหวีดเสียงน่ารำคาญแบบนี้ใส่อยู่เสมอๆ

    เช็กนมหล่อนไงถูกเธอถาม ผมก็เลยตอบตรงๆ

    แล้วทำไมต้องจับ! อ๋อ อิจฉาล่ะสิที่ตัวเองไม่มีนม!!” พอปล่อยให้โวยวาย เรื่องก็ชักไปกันใหญ่ จนอดชักมือกลับมากอดอก กลอกตามองบนให้กับท่าทีคนตัวเล็กตรงหน้าไม่ได้

    หล่อนนี่นักมโนนะชะนีส่วนปากก็แอบพ่นคำพูดจิกกัดออกไปนิดหน่อย

    ไอ้เกย์โรคจิต! ไอ้ขี้อิจฉา ไอ้วิปริต กรี๊ดๆๆก่อนจะตามมาด้วยเสียงหวีดสลับกับคำต่อว่ายาวๆ ไม่หยุด

    อ่า ให้ตายสิ ยัยนี่ทำไมต้องทำให้สถานการณ์ดูวุ่นวายด้วยนะ โดยเฉพาะกับต่อว่าที่ไม่ว่าจะฟังกี่ทีก็โคตรขัดใจ

    เกย์’ ผมไม่ชอบคำกำจัดความนี้สักเท่าไหร่ มันทำให้รสนิยมทางเพศของผมแคบลง ผมเรียนทางด้านแฟชั่น ทำให้เพื่อนส่วนมากที่มี เป็นพวก เก้ง กวาง ตุ๊ด เกย์ อนุรักษ์ป่าไม้เดียวกันซะส่วนใหญ่ แต่ก็อย่างที่บอกผมไม่ชอบให้จำกัดความนิยายตัวผมว่าเกย์ เพราะจริงๆ แล้ว ผมก็คบได้หมดทุกเพศนั่นแหละนะ ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย ไม่เกี่ยงเรื่องเพศอะไรเทือกนี้อยู่แล้ว ผมเคยคบหมดมาแล้วทุกเพศทุกวัย เข้าทำนองที่ว่า ผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ชอบ นั่นแหละ

    Rrrrrrrrr

    ขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์แสนคุ้นหูของผู้เป็นเจ้าของห้องก็ดังขึ้น นับว่าเป็นโชคดีเพราะเสียงดังกล่าวทำให้ผู้หญิงปากจัดตรงหน้าหยุดเวิ้นเว่อน่ารำคาญลงได้ ไม่ใช่แค่นั้นมันยังทำให้เธอยอมผละออกจากขอบอ่างล้างจานตรงไปยืนด้อมๆ มองๆ ที่ขอบข้างประตูห้องครัวอีกต่างหาก

    พอเห็นเธอเดินไปอยู่ตรงนั้น ผมก็เลยเดินตามไปยืนแอบอยู่ข้างหลังเธอ

    วินาทีนี้ดูเหมือนซินจะไม่ได้แสดงทีท่ารังเกียจหรือตั้งตัวเป็นศัตรูกับผมเหมือนอย่างที่เคย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้าของโทรศัพท์กำลังรับสาย

    จ๋าว่าไงวันนี้คงไปไม่ได้นะ พอดีมีนัดดูหนังน่ะเสียงของ อาร์มที่ดูจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าถูกชะนีแอบฟัง ยังคงพูดตอบกลับปลายสายตามสไตล์ของมัน

    ผมรู้จักกับอาร์มมาตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์ระหว่างเราเป็นความลับสุดยอด และพูดได้เต็มปากเลยว่าผมรู้ทุกอย่างว่ามันชอบหรือไม่ชอบอะไร และไม่แปลกใจเลยหากมันจะทำตัวน่ารักและใจดีใส่ซินหรือผมตลอดเวลา

    ใครโทรมานะ…” ผมหลุบตาจากภาพภายในห้องรับรองมองคนตัวเล็กที่เริ่มทำสีหน้าเคร่งเครียดครุ่นคิด แต่เหมือนเธอจะรู้ตัวถึงได้ช้อนตามองผม ท่าทางขัดใจ

    มองอะไร!?” เธอตะคอกเสียงถามในระดับเสียงที่เราทั้งคู่ได้ยิน ผู้หญิงลีลา ท่าเยอะ แถมยังเจ้าแผนการแบบซิน คงไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองถูกไอ้อาร์มจับได้หรอก

    ผมเบ้ปากยักไหล่ไม่สนใจ เธอเลยจิ๊ปากก่อนตวัดหางตาแอบลองมองไปในห้องรับรองอีกครั้ง

    น่าจะกลับสักค่ำๆ อยากเจอเหรอ?ไม่ใช่แค่ซินหรอกที่ดูจะตั้งใจฟังอาร์มคุยโทรศัพท์ ผมเองก็เช่นกัน เอาไว้พรุ่งนี้นะ ครับ น่ารักจังเลย…”

    มีชมกันว่าน่ารักด้วย ใครโทรมานะ!” ผมกลอกตาอย่างเอือมระอากับเสียงงุ้งงิ้ง บ่นเป็นแมงหวี่ของคนตัวเล็กตรงหน้า หากแต่ลึก แล้วผมกลับชอบความเยอะของเธอคนนี้อยู่เหมือนกันนะ

    มันดูตลกดี...

    พี่ไปกัน 3 คนค่ะ ไปกับคนรู้จักนั่นแหละ ไม่ต้องห่วงนะสิ้นเสียงของอาร์ม น้องซินซึ่งยืนแอบฟังมาตั้งแต่ต้นก็หันหลังขวับมองผม แววตาตื่นตกใจ นัยน์ตากลมเธอเบิกกว้างคล้ายกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอเริ่มสั่นคล้ายกับอยากจะพูดอะไร

    ผมเบือนสายตามองไปทางอื่น บิดสะโพกเล็กน้อยพิงนาบไปกับผนังห้อง และพูดใส่เธอสั้นๆ

    นก![1]

    ไม่มีทาง!” การที่เธอตอบกลับมาน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจขนาดนั้น แปลได้คำเดียวว่าซินเข้าใจความหมายที่ผมจะสื่อ

    เธอแสดงท่าทางมั่นอกมั่นใจด้วยการเดินย้อนไปหยิบแว่นกันแดด ก่อนเดินทิ้งส้นเท้าตึงๆ กลับออกไปที่ห้องรับรองปล่อยผมให้ยืนกลั้นขำท่าทางเหมือนราชินีของเธอแบบนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องครัว

    ครืดด ครืดด

    แรงสั่นเบาๆ ภายในกระเป๋าเสื้อคลุมทำผมล้วงมือหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดรับสายแบบไม่ต้องดูเบอร์

    ว่า?

    [มึงอยู่ไหนวะ?] เสียงเข้มจากปลายสายทำผมกระตุกยิ้มหยันอย่างพอใจ มันคือไอ้ ทันต์เพื่อนที่เรียนแฟชั่นที่มหาวิทยาลัยเดียวกันและมีชะตากรรมไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่ เพราะเราทั้งคู่ถูกจักเอาไว้ในโหมด คู่จิ้น สำหรับบรรดาเก้งกวางที่อยากให้ผมได้เสียกับมัน

    บ้านอาร์ม

    [พวกตีตี้มันจะไปเที่ยวกันคืนนี้ มึงจะไปป่ะวะ?]

    ไป

    [เออดี แล้วนี่มึงทำอะไรอยู่?]

    กำลังจะออกไปดูหนังว่ะ

    [กับใครวะ?] พอได้ยินคำถามนี้ สายตาผมมองลอดผ่านช่องว่างประตูออกไปพอดี ภาพที่เห็นภายในห้องรับรองตอนนี้คือคู่ชายหญิงซึ่งกำลังยืนคุยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผมมองไปที่น้องซินก่อนเลื่อนสายตาไปที่อาร์มพลางเลียนิ้วหัวแม้มือไปด้วย เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะได้เจอเรื่องสนุกๆ

    ส่วนปากก็ตอบไอ้ทันต์ออกไปอย่างเต็มปากเต็มคำ

    “ก็ไปกับพวก... แฟนเก่ากูไง

    To Be Continued...

    จำเป็นต้องมองอาร์มแล้วเลียนิ้วขนาดนี้ไหมโซ่ 55555555555
    **หมายเหตุ**
    [1] นก คำศัพท์ของตุ๊ดหรือกะเทย เป็นคำกิริยา แปลว่า แห้ว ผู้ชายหลุดมือ อดแดก อดบัว นก มีรากศัพท์ที่ตรงตัวคือสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีปีก Cr.บันทึกของตุ๊ด {เรื่องนี้ได้รับแรงบัลดาลใจมากจากบันทึกของตุ๊ดด้วยส่วนหนึ่งนะเออ ฮิๆ}
    ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%

    1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย

    ติดแท็กในทวิต #ฟิคเก้งหวงเมีย












    จิ้มที่รูปรอเจอกันชาร์ปหน้านะเออ
    VV




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×