คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : (รีไรท์) COMBAT00 l เริ่มต้นเหยียบ ตอน บทนำ {อัพ100%}
-บทนำ-
“เบา!”
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมคายสบถเสียงดังแทบจะทันทีกับที่เสื้อเชิ้ตตัวในของตนเองถูกดึงจนหลุดออก
สำหรับเขาแล้ว
นี่คือช่วงเวลาที่บัดซบที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ เหตุผลก็คงเพราะว่า เขาดันเป็นที่รู้จักของเหล่าเด็กช่างแทบทุกสถาบัน
เจ้าของร่างกายกำยำกับฉายา ‘COMBAT’ บุคคลซึ่งชื่อว่าเป็นรุ่นใหญ่
ไล่เหยียบเด็กวิทยาลัยอื่นๆ จนเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว ด้วยชื่อเรียกสั้นๆ ว่า ‘เดียว’
เรือนร่างกำยำได้รูป
แผ่นอกกว้าง และซิกแพกเรียงเป็นลูกในแบบที่ผู้ชายควรจะมี
บวกกับรอยสักมากมายตามเนื้อตัว ยิ่งทำให้เดียวดูน่าเกรงขามมากเข้าไปใหญ่ อีกทั้งรอยสักตามตัวของเขา
ก็มักจะเพิ่มขึ้นทุกครั้ง หลังจากไล่เหยียบพวกรุ่นใหญ่ต่างสถาบันจนจมดินได้เป็นผลสำเร็จ
แต่ไม่ใช่กับในเวลานี้
ตอนที่รอยสักที่น่าเกรงขามกำลังถูกฝ่ามือและปลายนิ้วกร้านหยาบของผู้ชายด้วยกันลากปลายนิ้วสำรวจอย่างหลงใหล
บอกได้ชัดว่า ความน่าเกรงขามของเขากำลังจะหมดไป
เมื่อผลแพ้ชนะเกมบ้าๆ ได้มาถึง
“รอยบนตัวเพิ่มมาอีกแล้วนี่หว่า
นำกูแล้วนะเนี่ย” เสียงเข้มแสดงออกถึงความเหนือกว่าเอ่ยชื่นชมแกมประชดประชัน
ขณะกดลากปลายนิ้วไปตามลวดลายใหม่ๆ ที่ยังปรากฏเป็นรอยนูนแดงจากการฝังเข็ม
เจ้าของเสียงจงใจกดปลายนิ้วลงบนศิลปะบาดแผลตามเชิงไหปราร้าหนักขึ้น
จนบาดแผลซึ่งยังสมานไม่สนิทมีเลือดสีสดปนน้ำหมึกสีดำไหลซึมเปรอะเปื้อนติดปลายนิ้ว อีกทั้งยังเริ่มขยับยิ้มกรุ้มกริ่ม
บอกถึงความสะใจเมื่อเห็นอีกฝ่าย ซี๊ดปากออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บปวด
เขาชื่อ ‘ดิน’ และเป็นผู้ชายอีกหนึ่ง
ซึ่งเป็นที่รู้จักของเด็กในเครือช่างกล ซ้ำยังมีฉายาว่า ‘COMBAT’ ไม่ต่างจากคู่กรณีตนเองเวลานี้เสียด้วย
“เสือก” วลีสั้นๆ ถูกพ่นออกมาแบบไม่หวาดเกรง
เดียวหรี่ตามองหน้าบุคคลตรงหน้าแบบไม่สบอารมณ์
จะว่ายังไงดีล่หะ มันก็เหมือนกับคำเปรียบเปรยที่ว่า ‘เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้’ นั่นแหละ
แต่ ณ
ที่นี้คือ ‘คอมแบตสองคู่อยู่ร่วมเท้าเดียวกันไม่ได้’ ถึงจะถูกกว่า
“ปากดีไปเถอะ กูล่ะอยากรู้นัก
ว่าหลังจากนี้จะปากดีต่อได้อีกสักกี่น้ำ”
“หึ” เสียงหัวเราะดังหึดังขึ้นในลำคอ ทำเอาคนได้ยินชักสีหน้าไม่พอใจแทบจะทันที “กูมีให้มึงหลายน้ำเลยหล่ะ”
“เหรอ?” ดินย้อน
ก่อนจะมองร่างกายกำยำของชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาดูถูกโดยปากยังคงพล่ามไป ซ้ำยังไหวไหล่จงใจกวนประสาทอีกฝ่ายไปด้วย “คนแพ้มีสิทธ์ขู่ด้วยเหรอวะ?
ไม่ยักจะรู้”
“ก็แค่ศักดิ์ศรีแลกศักดิ์ศรี หมาแบบมึงคงไม่เข้าใจ” รอยยิ้มร้ายลึกที่ดูไม่หวาดเกรงอะไรมาตั้งแต่ต้น
ยิ่งทำให้ดินรู้สึกเดือดดาล บรรยากาศกดดันเช่นตอนนี้ มันน่าหงุดหงิด น่าโมโห
ยิ่งกว่าตอนที่พวกเขาต้องฟาดแรงใส่กันเสียอีก
ฟึ่บ!
ฝ่ามือแกร่งของดินพุ่งเข้ากระชากเรือนผมสีอ่อนของคนตัวใหญ่ตรงหน้าเข้าหาตัวอย่างแรงเพื่อระบายโทสะ
ขณะมืออีกข้างจัดการปลดตะขอกางเกงสแล็คของตนเองออกแบบไม่รีบไม่ร้อน
“อึก!” คนถูกกระทำร้องเสียงอึกอักในลำคอ เมื่อถูกแรงกระชากมหาศาลแบบไม่ทันตั้งตัว
เขานิ่วหน้าอย่างเจ็บปวดเมื่อแรงจิกกดบริเวณหัวรุนแรงขึ้นทุกขณะ
โดยมีสายตาเยาะเย้ยของคู่กรณีมองอยู่ใกล้ๆ
ดินเองก็ไม่ได้เพลามือลงแต่อย่างใด
แม่ศัตรูต่างสถานบันจะหมดท่า อีกทั้งยังจงใจเพิ่มแรงกดลดระดับศีรษะเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันตรงหน้าให้เคลื่อนหน้าต่ำลงมายังระหว่างขาของตัวเอง
แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามใช้มือทั้งสองข้างดันขอบเตียงเพื่อยั้งแรงดังกล่าวไว้ก็ตาม
“เชี่ยเอ้ย!” เดียวกัดฟันกรอด เขาในตอนนี้โคตรจะอารมณ์เสีย แถมยังโมโหเอามากๆ
ที่ต้องเจอเรื่องบัดซบแบบนี้
เรื่องนี้หน่ะแม่งโคตรระยำเลย
ให้ตายสิ!
“ไหน โชว์ศักดิ์ศรีของมึงให้กูดูทีดิเดียว” เสียงเร่งเร้าของฝ่ายตรงกันข้าม ทำเขาไม่มีทางเลือก ค่อยๆ
ใช้มือจับความแข็งแกร่งของอีกที่กำลังโผล่ออกมาทักทายนอกกางเกงอย่างเสียไม่ได้
เมื่อในเวลานี้เขาคือผู้แพ้อย่างที่ผู้ชายตรงหน้าว่าไว้
“เอาสิไอ้ขี้แพ้ รีบๆ
จัดการเข้า” น้ำเสียงของผู้ที่ได้รับชัยชนะของดิน
ทำเอาคนฟังสั่นไปทั้งตัว
หากใช่สั่นเพราะหวาดกลัว
แต่ว่ามันคือความโมโหต่างหาก!
“หุบปากไป” เมื่อไม่มีทางเลือกสิ่งที่เขาทำได้ในเวลานี้คือสั่งให้โจทก์เงียบปากลง
มือแกร่งที่เคยต้านแรงอ่อนลงในเวลาต่อมา
“ถ้าเข้าใจแล้วก็ทำดิครับ” ดินยังคงเร้าด้วยน้ำเสียงสะใจ
กดหัวของฝ่ายตรงข้ามจนริมฝีปากกระทบกับส่วนหัวกายแกร่ง
และพ่นคำพูดหยาบโลนใส่คนตรงหน้าอีกครั้งว่า
“อมให้กูหน่อย… ไอ้สวะ”
นั่นน่ะ
ก็แค่เรื่องราวระยำๆ ในวันที่ผลแพ้ชนะของคนทั้งคู่ออกมาก็เท่านั้น
1อาทิตย์ก่อนหน้านี้...
-Din Talk-
“ไปเรียนนะแม่ ค่ำๆ
กลับ!”
มันก็เหมือนทุกวันที่ผมต้องพูดคำเดิมๆ
ขณะเดินออกจากประตูบ้าน
กิจวัตรซ้ำๆ
ที่ต้องทำในทุกเช้าก็คือ
จับมอเตอร์ไซด์ซึ่งถูกโมดีฟายเครื่องมาอย่างดิบดีตามประสาเด็กช่างยนต์
เข็นออกไปสตาร์ทเครื่องนอกบ้าน
บรื้นนน บรื้นนนนน
“ไอ้ดิน รถมึงเนี่ย
ลดเสียงท่อลงหน่อยได้ไหม!?” แล้วพอเครื่องติด เสียงโวยวายของแม่ก็มักจะดังตามมาเสมอๆ
เหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่าแม่รับรู้แล้วว่าผมกำลังจะไปวิทยาลัย
ฉิบหาย! ลืมของ
แล้วมันก็เป็นแบบนี้ทุกเช้า
ที่ผมต้องลืมห่าอะไรไว้สักอย่างไว้บนห้อง ไม่ลืมสมุดก็หนังสือเรียนนี่แหละ
นึกไม่ออกหรอกว่าลืมอะไร รู้แค่ว่าลืมก็พอ และนั่นแหละ ทำให้ผมจำต้องดับเครื่องยนต์ลง
แล้วเดินย้อนกลับเข้าไปในบ้านเพื่อขึ้นไปหยิบของดังกล่าวที่ลืมไว้
ของ…ที่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร
เห็นแบบนี้ก็ใช่ว่าจะตั้งใจเรียนอะไรนักหรอก
เรียนๆ เล่นๆ ไปตามประสา
ถึงเป็นคนแบบนี้
แต่ผมก็เรียนจนถึงชั้นปี ปวส.2 แล้ว อีกแค่เทอมเดียวก็จะจบการศึกษาแล้ว
ผมโคตรตั้งหน้าตั้งตารอวันจบการศึกษา เผื่อไอ้เรื่องจำเจน่าเบื่อแบบนี้ทุกเช้ามันก็จะหายไปด้วย
ตึก! ตึก! ตึก!
ผมวิ่งกลับลงมาที่หน้าบ้านอีกครั้งพร้อมสมุดเล่มบางหนึ่งเล่ม
จริงๆ แล้วในสมุดมันไม่มีอะไรจดไว้หรอก ก็แค่พกเหน็บขอบกางเกงข้างหลังติดตัวไปให้รู้ว่าไปเรียนก็เท่านั้นแหละ
และทันทีที่เสียงสตาร์ทรถดังขึ้นเป็นหนที่สอง
สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คงไม่พ้นเสียงของแม่ ที่ตะโกนดังจากในบ้าน
“นี่มึงยังไม่ไปเรียนอีกเหรอไอ้ดิน!” และใช่! ทุกวัน แม่ต้องมีด่ารอบสองประจำ!
“กำลังจะไปไงแม่ วู้!
เสียงดังว่ะ!” ผมตะโกนเสียงดัง แต่ลดระดับเสียงเป็นพึมพำในช่วงท้ายประโยค
พลางหยิบหมวกกันน็อกใบโตมาสวมหัวแบบไม่รีบร้อนด้วยความเคยชิน
อันที่จริงก็อยากจะตะโกนให้ดังเต็มประโยคอยู่หรอก
แต่ติดตรงที่แม่ผมโคตรอ่ะดุ เวลาแม่ด่าทีนี่ ผมแทบจะลืมบ้านเลขที่ตัวเองเลยก็ว่าได้
คนในหมู่บ้านไม่ค่อยมีใครสุงสิงกับคนในครอบครัวผมนักหรอก เนื่องด้วยแม่ผมปากจัด
ไม่สบอารมณ์ด่า
ไม่ถูกใจด่า อยู่ๆ แกอยากด่า แกก็ด่าแบบไม่มีเหตุผล
แต่ก็ใช่ว่าแม่จะไม่มีคนคบเลยสักทีเดียวหรอกนะ ยังมีน้าข้างบ้านนี่แหละที่ยังพูดคุยและเป็นเพื่อนที่ดีของแม่
เหตุผลก็คงเพราะ ‘ปากดีเหมือนกัน’
แม่ดูจะเข้ากับน้าข้างบ้านได้ดี
ผมเองก็เช่นกัน แต่ก็ใช่ว่าผมจะเข้าได้ทุกอย่างกับครอบครัวข้างบ้านหรอกนะ...
แกร๊ก...
เสียงเปิดประตูรั้วทำผมเงยมองภาพเบื้องหน้าโดยอัตโนมัติ
ก่อนจะพบว่าไอ้สิ่งที่ผมกำลังจะบอกเข้ากับแม่งไม่ได้กำลังเดินออกมา
พร้อมด้วยมอเตอร์ไซด์รุ่นและยี่ห้อเดียวกับที่ผมใช้
ที่ต่างออกไปก็แค่ชุดสีรถ*เท่านั้นนั่นแหละ ไม่ใช่แค่รถหรอกที่ว่าเหมือน
แต่แทบทุกอย่างเลยก็ว่าได้ ที่เรามีค่อนข้างเหมือนกัน
ไม่ดิ
ต้องพูดว่าแม่งเหมือนผมถึงจะถูก!
ผมชื่อ ‘ดิน’ เป็นที่รู้จักของพวกเด็กช่างด้วยกัน
เรียกว่าดังก็คงจะใช่
แถมยังมีฉายาว่า ‘COMBAT’ ตามอย่างรองเท้าที่ชอบใส่
ซึ่งชื่อเรียกดังกล่าวนั้น มันได้มาพร้อมกับรอยสักบนร่างกายภาพแรกเมื่อหลายปีก่อน
นับตั้งแต่ที่ผมเหยียบหน้ารุ่นใหญ่ต่างสถาบันจนได้หัวเข็มขัดมาครองได้สำเสร็จ และตั้งแต่จุดเริ่มต้นวันนั้น
มาจนถึงวันนี้รอยสักบนตัวก็ค่อยๆ จึงมีเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนคนที่ถูกเหยียบ
ถามว่าภาคภูมิใจไหม มันก็แน่นอน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันค้ำคอด้วยคำว่า ‘ศักดิ์ศรี’
แต่ไอ้ความภาคภูมิใจมันก็อยู่ได้ไม่นาน
เมื่อมีข่าวจากสถาบันคู่อริอ้างว่ามี ‘COMBAT’ คนที่สองปรากฏตัว แรกๆ
ผมก็เฉยๆ จนวันที่ได้ปะทะกับไอ้คอมแบตที่ว่านั่นตรงๆ ซึ่งไอ้เวรนั่นมันก็ไม่ใช่ใคร
มันคือไอ้ห่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้นี่แหละ
และมันก็ดุจะเหมือนผมมากขึ้นทุกวัน
เริ่มตั้งแต่ทรงผมที่ทำออกมาทรงเดียวกันแต่คนละสี รวมถึงรอยสักแรกบนตัวมัน ก็ดันอยู่ตรงจุดเดียวกันกับรอยสักแรกที่ผมมีบนร่างกายเช่นกัน
และใช่ เราเรียนช่างเหมือนกันต่างสถาบัน
ไอ้เรื่องทรงผม
เสื้อผ้า ยี่ห้อรถ โอเคพูดได้ ว่าแม่งอาจจะแค่บังเอิญเหมือน
แต่ไอ้เรื่องรอยสักที่เพิ่มขึ้นบนตัวเราทั้งคู่รวมไปถึงฉายาที่ผมต้องใช้ร่วมกับแม่งนี่ดิ
ผมคิดว่า ‘มันไม่ใช่ความบังเอิญ’
ผมเกลียดมันเป็นเดิมทุนอยู่แล้ว
ยิ่งมันเรียนสถาบันคู่อริ ผมก็ยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่ ที่สำคัญไปกว่านั้น
ผมเกลียดชื่อมันที่ดันมาคล้องจองกับชื่อผม
ชื่อกากๆ
ที่ใครใช้เรียกมันว่าไอ้ ‘เดียว’
เกลียดขี้หน้าแม่งฉิบหาย!
เสียงเบิ้นเครื่องยนต์ดังกระหึ่มตรงหน้าดังขึ้น
ขณะผู้เป็นเจ้าของรถแสดงทีท่ายียวนด้วยการหันเสี้ยวหน้ามันมองผมภายใต้หมวกกันน็อกใบใหญ่
ไอ้เดียวพยักหน้าเล็กน้อยอย่างหาเรื่องพลางชูหัวแม่โป้งมือขึ้นใส่ผมก่อนค่อยๆ
คว่ำหัวนิ้วโป้งลงต่ำใส่พื้น ซึ่งนั่นผมถือว่าเป็นการท้าทาย
การกระทำดังกล่าวส่งผลให้ผมบิดเบิ้นเครื่องยนต์ตอบโต้ใส่มันกลับไปเสมือนว่ารับคำท้า
วินาทีนี้
ต่อให้แม่เปิดประตูออกมายืนด่าหน้าบ้าน บอกเลยว่าไม่สน
ผมยอมทุกอย่าง ขอแค่สักครั้ง
ที่ผมได้เหยียบไอ้เดียวให้จมดินก็พอ!
ไม่ถนัดเม้นก็กดให้กำลังใจเราก็พอครับ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายครับผม
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ
ความคิดเห็น